ผลการเปรียบเทียบทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) ปิยะธิดา คำเวียงชัย1 , จินตนา ปานนูน2 , ศศิธร อมรินทร์แสงเพ็ญ3 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลัง ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบทำนาย สังเกต อธิบาย กลุ่มตัวอย่างเด็กนักเรียน ชาย – หญิง อายุ 4 – 5 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 1 จำนวน 27 คน ที่ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม รูปแบบการวิจัย คือ แบบกลุ่มเดียว ทดสอบก่อนและหลังการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบทีแบบไม่อิสระ ผลการวิจัยพบ เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย มีทักษะทางสมอง EF หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรม นิยามศัพท์เฉพาะ : การเปรียบเทียบทักษะสมอง EF, การจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) 1 นักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2 ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านหมากแข้ง 3 อาจารย์ประจำสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา นโยบายของรัฐบาลทุกยุคได้ให้ ความสำคัญการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็น สำคัญ เพราะการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หรือพัฒนาคนเป็นสิ่งสำคัญเพราะการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์หรือพัฒนาคนเป็น สิ่งสำคัญในการพัฒนา ประเ ทศ ให้ เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับ อารยะประเทศ เป้าหมายหลักของการพัฒนามนุษย์ก็คือ การ พัฒนาด้านจิตใจร่างกายสติปัญญา อารมณ์ และสังคม ทั้งนี้เพื่อให้คนในชาติมีศักยภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ส่งผลให้เกิดเป็นสังคม ที่มีคุณภาพ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564)ได้ กำหนดประเด็น การพัฒนาในด้านการ เตรียมพร้อมด้านกำลังคนเสริมสร้างศักยภาพ
ของทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากร มนุษย์ที่มี ศักยภาพสูง โดยเฉพาะช่วงเด็กปฐมวัย (อายุ0 - 6 ปี) ได้กำหนดจุดเน้นที่สำคัญคือ การพัฒนากลุ่มเด็กปฐมวัยให้มีสุขภาพกาย และใจที่ดีมีทักษะทางสมอง ทักษะการเรียนรู้ ทักษะชีวิตและ ทักษะทางสังคม เพื่อให้เติบโต อย่างมีคุณภาพ ซึ่งหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ได้จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาเด็ก ปฐมวัยให้สอดคล้อง กับการเปลี่ยนแปลงทาง สังคมและการสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้แก่ เด็ก โดยยึดแนวคิดสำคัญ คือ 1) พัฒนาการ ของเด็ก 2) พัฒนาเด็กโดยองค์รวม 3) การ จัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการทำงานของ สมอง 4) การเล่นและการเรียนรู้ของเด็ก 5) การคำนึงถึงสิทธิและการสร้างคุณค่าและสุข ภาวะ 6) การ อบรมเลี้ยงดูความรู้การให้ การศึกษา 7) การบูรณาการ 8) สื่อเทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ การเรียนรู้9) การ ประเมินตามสภาพจริง 10) การมีส่วนร่วมของ ครอบครัวสถานศึกษาหรือสถาน พัฒนาเด็ก ปฐมวัยและ 11) ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงความเป็นไทย และความหลากหลาย เมื่อจบการศึกษาระดับปฐมวัยกำหนด มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์จำนวน 12 มาตรฐาน พัฒนาการด้านสติปัญญาใน มาตรฐานที่ 9 ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับ วัย ตัวบ่งชี้ที่ 9 สนทนา โต้ตอบและเล่าเรื่อง ให้ผู้อื่นเข้าใจ สภาพที่พึงประสงค์อายุ 5-6 ขวบ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2555) ทักษะสมอง EF มีความสำคัญอย่าง ยิ่งต่อการพัฒนาเด็กเพราะเป็นกระบวนการ ทางความคิด ที่เกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก การกระทำ และเป็นกระบวนการ ในการทำงานของสมองส่วนหน้า (Frontal lobes) ใ น ส ่ ว น ท ี ่ ค ว บ ค ุ ม ส ั ่ ง ก า ร ท ี ่ มี ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ กับตนเอง การ รับรู้ สังเกต จดจำ วิเคราะห์ รู้เหตุผลและการ แก้ปัญหาที่มีความหลากหลายของสติปัญญา ในการคิดขั้นสูง ควบคุม กำกับและ จัดการ ตนเอง มีความสำคัญในการกำหนดเป้าหมาย การวางแผน การจัดระเบียบ การจัดระดับ ความสำคัญผ่านการแสดงออกทางด้าน ร่างกายและจิตใจ (ศักดิ์ชัย ใจซื่อตรง. 2561: 73) ซึ่งสอดคล้องกับทักษะสมอง EF ว่าเป็นชุดกระบวนการ ทางความคิด (Mental Process) ที่ช่วยให้เราวางแผน มุ่งใจจดจ่อ จำ คำสั่งและจัดการกับงานหลายๆ อย่างให้ลุล่วง เรียบร้อยได้สามารถจัดลำดับความสำคัญของ งาน วางเป้าหมายและทำไปเป็นขั้นตอน จน สำเร็จ รวมทั้งควบคุมแรงอยาก แรงกระตุ้น ทั้งหลาย ไม่ให้สนใจไปนอกลู่นอกทาง และ สำนักงาน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพและสถาบัน RLG (2561) ได้ให้ ความสำคัญถึงทักษะสมองเพื่อ จัดการชีวิตให้ ส ำ เ ร ็ จ ห ร ื อ Executive Function (EF) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 9 ทักษะคือกลุ่มทักษะ พื้นฐาน ได้แก่ ทักษะด้านความจำเพื่อใช้งาน ทักษะด้านการยั้งคิดไตร่ตรอง และทักษะด้าน การ ยืดหยุ่นความคิด กลุ่มทักษะกำกับตนเอง ได้แก่ ทักษะด้านการจดจ่อใส่ใจ ทักษะด้าน การควบคุม อารมณ์และทักษะด้านการ ติดตามประเมินตนเอง และกลุ่มทักษะปฏิบัติ ได้แก่ ทักษะด้านการริเริ่ม และลงมือทำ ทักษะด้านการวางแผนจัดระบบดำเนินการ และทักษะด้านการมุ่งเป้าหมายเมื่อเด็ก ได้รับ โอกาสในการพัฒนาทักษะสมอง (EF)
จะช่วยสร้างพฤติกรรมเชิงบวกและเลือก ตัดสินใจในทางที่ สร้างสรรค์ดังนั้น การพัฒนา ทักษะสมอง (EF) ที่ถูกที่ ถูกเวลา จึงเป็นเรื่อง สำคัญ ควรฝึกพัฒนาการ ทักษะสมอง (EF) ให้ ชำนาญและมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต ส่งผลให้เด็กเป็นพลเมืองคุณภาพ (คันธรส ภาผล, 2563) ดังนั้นทักษะ สมอง EF จึงมี ความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ผู้วิจัยในฐานะนักศึกษาฝึกประสบการณ์ วิชาชีพครู สังเกตพบว่า ในยุคปัจจุบันโลก ดำเนินไปด้วยเทคโนโลยีซึ่งเทคโนโลยีที่เข้าถึง ได้ง่ายคือโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือ สามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย ในปัจจุบัน หลายครอบครัวที่พ่อแม่จำเป็นต้องออกไป ทำงาน และได้ซื้อโทรศัพท์ให้ลูกตั้งแต่ยังเด็ก เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ลูกติดโทรศัพท์ ยิ่งไม่ มีการควบคุมการใช้งานยิ่งส่งผลทำให้ลูกติด โทรศัพท์มากขึ้น (สปีคอัพ, ม.ป.ป.) จึงทำให้ เด็กมีพัฒนาการทักษะทักษะสมอง EF ล่าช้า กว่าวัยหรือมีปัญหาพฤติกรรมที่เป็นความ บกพร่องมีปัญหาในทักษะการกำกับ ตนเอง หุนหันพลันแล่น ทำโดยไม่คิด ใจร้อน รอคอย ไม่เป็น สมาธิสั้น วอกแวกง่าย ในระยะยาวมี แนวโน้ม ส่งผลเสียต่อการเรียน การทำงาน การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม (นวลจันทร์ จุฑา ภักดีกุล. 2560) เป็น บ่อเกิดของปัญหา พฤติกรรมของเด็กปฐมวัยส่งผลต่อทักษะ สมอง EF ของเด็กในอนาคตต่อไป ผู้ว ิจัยในฐาน ะ นั ก ศึ ก ษ า ฝึ ก ปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาสังเกต พบว่า เด็กส่วนใหญ่ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของ ตนเองได้ ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับกิจกรรม และไม่สามารถตัดสินใจทำด้วยตัวเอง ซึ่งกิจกรรมที่สามารถพัฒนาทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัยมีอยู่หลายวิธี และวิธีการหนึ่งที่ สามารถพัฒนา ทักษะสมอง EF ของเด็ก ปฐมวัยได้ดี คือ การจัดการเรียนรู้รูปแบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) การจัดการเรียนรู้รูปแบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) มีพื้นฐานมาจากทฤษฎีการสร้างความรู้ คอนสตรัคติวิสต์ ซึ่งเป็นรูปแบบการสอนที่ สร้างองค์ความรู้ให้กับผู้เรียน มีพื้นฐานมาจาก ทฤษฎีพัฒนาการทางเชาว์ปัญญาของเพียเจต์ ( piaget) แ ล ะ ว ี ก ็ อ ท ส ก ี ้ (Vygotsky) เป็นรูปแบบการสอนที่กล่าวถึง การเรียนรู้ที่ ผู้เรียนสร้างความรู้ในขณะที่ได้รับการจัด ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ์ ใ น ส ถ า น ณ ์ ก า ร ต ่ า ง ๆ ซึ่งรูปแบบกการสอนนี้เกิดขึ้นเกิดจากการ สังเกตการณ์เรียนรู้ของเด็ก (ชนาธิป พรกุล. 2554: 72) ดังนั้นการที่จะพัฒนาทักษะสมอง EF ควรส่งเสริมให้เด็กได้เรียนเรียนรู้จาก ประสบการณ์ตรง หรือลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เริ่มจากรูปธรรมไปสู่นามธรรม ให้เด็กได้สังเกต ได้สัมผัส ได้ค้นคว้าหาคำตอบ แก้ไขปัญหาที่ เกิดขึ้นได้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ซึ่งเด็กที่ได้รับการพัฒนาทักษะสมอง EF จะพัฒนาได้ดีในวัยนี้ ก็จะเป็นรากฐานในการ พัฒนาทักษะสมอง EF ในด้านต่อไป จากเหตุผลข้างต้น ผู้วิจัยในฐานะ นักศึกษาฝึกปฏิบัติการในสถานศึกษา จ ึ ง ม ี ค ว า ม สนใ จ ใน ก า รศ ึก ษ า การจัด ประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) ส า ม า ร ถ พ ั ฒ น า ท ั ก ษ ะ สม อ ง EF
ของเด็กปฐมวัยได้เพียงใด และเด็กปฐมวัยที่ ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) มีทักษะสมอง EF สูงกว่าก่อน การได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้หรือไม่ โดยผลที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนาทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ต่อไป วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อเปรียบเทียบทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังได้รับการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบ POE สมมติฐานของการวิจัย เ ด ็ ก ป ฐ ม ว ั ย ท ี ่ ไ ด ้ ร ั บ ก า ร จัด ประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบ POE มีทักษะ สมอง EF หลังการจัดประสบการณ์สูงกว่าก่อน จัดประสบการณ์ วิธีการดำเนินการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลที่อยู่ในจังหวัด อุดรธานี 2. กลุ่มตัวอย่าง เด็กนักเรียนชาย – หญิง อายุ 4 – 5 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัด อุดรธานีสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 จำนวน 27 คน ที่ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม ( Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดประสบการณ์การ เรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) จำนวน 18 แผน แผนละ 40 นาที สัปดาห์ละ 3 แผน รวม 6 สัปดาห์ 2. แบบประเมินทักษะทางสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย 3 ด้าน คือด้านการจด จ่อใส่ใจ ด้านการควบคุมอารมณ์ ด้านการ ริเริ่มลงมือทำ การดำเนินกิจกรรม 1. นำแบบประเมินทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัยที่ผ่านการวิเคราะห์และ ปรับปรุงแก้ไขแล้วนำไปประเมินเด็กก่อนจัด กิจกรรม 2. ดำเนินการจัดกิจกรรมตาม แผนการจัดกิจกรรมแบบทำนาย สังเกต อธิบาย จำนวน (Predict Observe Explain: POE) 6 หน่วย หน่วยละ 3 แผน รวม 18 แผน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ 3. หลังจากดำเนินการทดลอง การจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE)
จากตารางที่ 1 พบว่า คะแนน ทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัยก่อนได้รับ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 21.30 และหลัง ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 36.56 ตามลำดับครบตามกำหนดในแผนแล้ว ผู้วิจัย นำแบบประเมินการพัฒนาทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัยฉบับเดิมไปประเมินเด็ก หลังการจัดกิจกรรม 4. นำคะแนนไปวิเคราะห์ ผลการณ์วิเคราะห์ข้อมูล 1. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบ ประเมินทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย โดยนำข้อมูลไปหาค่าเฉลี่ย (Mean) และ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) 2. นำคะแนนที่ได้จากการทดสอบมา เปรียบเทียบกันระหว่างก่อนและหลัง การทดลอง โดยการใช้การทดสอบทีแบบไม่ เป็นอิสระ (t-test Dependent Sample) ตารางที่ 1 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลัง การจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) ระยะการจัดกิจกรรม N x̅ S.D. ก่อนการจัดกิจกรรม 27 21.30 2.52 หลังการจัดกิจกรรม 27 36.56 3.73 ตารางที่ 2 การเปรียบเทียบคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) ระยะการจัดกิจกรรม N x̅ S.D. t ก่อนการจัดกิจกรรม 27 21.30 2.52 34.77* หลังการจัดกิจกรรม 27 36.56 3.73 จากตารางที่ 2 พบว่า เด็ก ปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย ( Predict Observe Explain: POE) มีความทักษะทางสมอง EF ของเด็ก ปฐมวัยสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 สรุปผลการวิจัย เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย ส ั ง เ ก ต อ ธ ิ บ า ย (Predict Observe Explain: POE) มีทักษะทางสมอง EF หลังการจัด กิจ ก รร มสู ง กว ่ า ก ่ อ น การจัดกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติ ที่ระดับ .05
อภิปรายผลการวิจัย จ า ก ก า ร ว ิ จ ั ย ค ร ั ้ ง น ี ้ พ บ ว่ า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย ( Predict Observe Explain: POE) มีทักษะสมอง EF หลังการจัดกิจกรรมสูง กว่าก่อนการจัดกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสามารถอภิปราย ได้ว่าการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) ช่วยส่งเสริมทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัยได้ เนื่องมาจาก แผนการจัดกิจกรรมทั้ง 18 แผน ได้ผ่าน การตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและได้นำไป ทดลองใช้เพื่อหาคุณภาพที่เหมาะสม ด ั ง น ั ้ น ก ิ จ ก ร ร ม ต า ม แ ผ น ก า ร จั ด ประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบแบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) จ ึ ง สา ม า ร ถ น ำ ม าจัด กิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะ สมอง EF ของ เด็กปฐมวัยได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เนื่องมาจากที่ครูได้นำการ จัดประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบแบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) โดยในการเรียนการสอน ครูจะมีการทำการทดลองกิจกรรมครูให้ เด็กสังเกตการทดลองร่วมกันและให้ เด็กออกมาลองทำกิจกรรมด้วยตัวเองซึ่ง เด็กจะมีการจดจ่อใส่ใจในขณะที่ทำ กิจกรรมทดลองและเด็กยังได้ความ สนุกสนาน มีความสุขในการทำกิจกรรมซึ่ง ก่อนที่จะทดลองครูจะให้เด็กได้บันทึกผล ของการทำนายเอาไว้ก่อนแล้วซึ่งเด็กที่ ทายผลถูกจะไม่ล้อเลียนเพื่อนเพื่อนที่ทาย ผลการทดลองผิดเด็กสามาราควบคุม อารมณ์ได้จนจบการทำกิจกรรม และ ในขั้นของการทำนายเด็กยังสามารถที่ จะคิดริเริ่มในการทำนายได้เมื่อเห็นอุปกรณ์ ในการทดลอง ว่าในการทอลองนี้ผลจะเป็น อย่างไรซึ่งสอดคลองกับทฤษฎีของ เพียเจต์ กล่าวว่าสติปัญญาเป็นผล เนื่องมาจากการที่เด็กได้ลงมือปฏิบัติ กิจกรรมด้วยตัวเองจากกระบวนการเรียนรู้ รูปแบบแบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) เด็กได้ เป็นผู้ลงมือทำกิจกรรมด้วยตัวเอง ดังนั้นความสามารถหรือกระบวนการใน การคิดทักษะสมอง EF ของเด็กจึงเกิดขึ้น จากการลงมือปฏิบัติและต่อมาในขั้นอธิบาย ครูใช้คำถามกระตุ้นเพื่อให้เด็กได้ทบทวนมี ก า ร จ ด จ ่ อ ใ น ก า ร ค ้ น ห า ค ำ อ ธ ิ บ า ย โดยในแต่ละสัปดาห์เด็กจะได้ทำกิจกรรมที่ ช่วยพัฒนาทักษะสมอง EF ทดลอง โดยการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (Predict Observe Explain: POE) มีพื้นฐานแนวคิดจาก ทฤษฎี วีก็อทสกี้ (Vygotsky) ว่าด้วย การเรียนรู้ว่าเกิดขึ้นในบริบทที่ผู้เรียนสร้าง ความรู้ในขณะที่ได้รับประสบการณ์ใน สถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งทฤษฎีนี้เกิดจาก การสังเกตการเรียนรู้ของเด็กเล็กๆ จะสร้าง ความรู้โดยการมีปฏิสัมพันธ์แบบต่าง ๆ เช่น ดู ฟัง ชิม ดม สัมผัส แสดงว่าเด็กสร้าง ความรู้ด้วยการมีส่วนร่วมอย่างตื่นตัวกับ สถานการณ์จริงในชีวิตและมีปฏิสัมพันธ์ กับสิ่งแวดล้อม เช่น บ้าน โรงเรียน ชุมชน และโลกโดยมีครูคอยกิจกรรมการเรียนรู้ให้ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการสังเกต คาดคะเนสิ่ง ที่จะเกิดขึ้นการทำกิจกรรม ให้ผู้เรียนได้ สร้างความรู้ด้วยตนเองซึ่งได้สอดคล้องกับ
พ ั ช ร ิ น ท ร ์ ธ ั ม ม า ( 2 5 6 3 ) ผ ล ข อ ง การเปรียบ เท ีย บ ทั ก ษ ะ พ ื้น ฐา น ท า ง คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับ การจัดกิจกรรม การเล่านิทานเสริมด้วย การสอนตามรูปแบบ POE กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการศึกษาครั้งนี้เป็นเด็กปฐมวัย อายุ 4-5 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี อำเภอเมืองอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 1 จำนวน 30 คนซึ่งได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม ( Cluster Random Sampling) ร ู ป แ บ บ การวิจัยคือ แบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและ หลังเครื่องมือที่ใช้ใน การวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วย การสอนตามรูปแบบ POE และแบบทดสอบ ทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ ข ้ อ ม ู ล โ ด ย ใ ช ้ ค ่ า เ ฉ ลี่ ย ส่วนเบียงเบนมาตรฐานและการทดสอบ ทีแบบไม่อิสระผลการวิจัยพบว่า เด็กปฐมวัยที่ ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วย การสอนตามปแบบ POE มีทักษะพื้นฐานทาง คณิตศาสตร์หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อน การจัดกิจกรรม ซึ่งสอดคล้องกับอามีเนาะ ตารีตา (2560) ได้ศึกษาผลของการจัด การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน ร่วมกับกลวิธี POE ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิทยาศาสตร์ทักษะกระบวนการ ทาง ว ิ ท ย า ศ า ส ต ร ์ แ ล ะ ค ว า ม พ ึ ง พ อ ใ จ ต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่กำลังศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียน บ้านตันหยงดาลอ จังหวัดปัตตานี จำนวน 24 คน 1 ห้องเรียน ผลการวิจัยพบว่า นักเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนคะแนนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 30.00 และคะแนนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 66.11 และนักเรียนมีทักษะกระบวนการ ท า ง ว ิ ท ย า ศ า ส ต ร์ส ู ง ก ว ่ า ก ่ อ น เ ร ี ย น คะแนนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 26.25 และคะแนนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 65.42 ข้อเสนอแนะ จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะใน การนำผลการวิจัยไปใช้ และข้อเสนอแนะใน การทำวิจัยครั้งต่อไป ดังนี้ 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลวิจัย ไปใช้ 1.1 ผู้ที่มีความประสงค์จะนำ การจัดประสบการณ์การจัดประสบการณ์ การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (POE) ไปใช้ควรศึกษาและทำความเข้าใจในทฤษฎี แนวคิดพื้นฐานและหลักการเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถใช้รูปแบบการจัดการจัด ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ก า รจ ั ด ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (POE) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเด็กยังไม่สามารถ ทำนายได้ครูควรจะใช้คำถามเพื่อกระตุ้น เด็กเพื่อให้เด็กได้ทบทวนและพิจารณา เกี่ยวกับการขั้นตอนในการทำกิจกรรม 1.2 ครูควรระวังการใช้คำถาม ห ร ื อ ก า ร ส ั ม ภ า ษ ณ ์ ใ น ร ะ ห ว ่ า ง ที่ เ ด ็ ก ท ำ ก ิ จ ก ร ร ม ไ ม ่ ใ ห ้ ร บ ก ว น ส ม า ธิ เด็กในการทำกิจกรรมหากสังเกตพบว่า เด็กต้องการความช่วยเหลือหรือทำกิจกรรมไม่ เป็นไปตามที่วางแผนครูจึงจะเข้าไปสอบถาม และช่วยเหลือเด็ก
1.3 ครูควรมีบทบาทในการดูแลให้ ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำเมื่อเด็กต้องการ ให้ การเสริมแรงกล่าวคำชมเชยและถ้าเด็กมี ปัญหาระหว่างการทำกิจกรรมครูต้องให้ความ ช่วยเหลือเด็ก 2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (POE) ต่อความสามารถด้านอื่นๆ เช่น ด้านทักษะ ทางคณิตศาสตร์ เป็นต้น 2.2 ควรมีการศึกษาเพื่อศึกษา การเปรียบเทียบทักษะทางสมอง EF ของเด็ก ปฐมวัย ที่ได้รับการจัดประสบการณ์การ เรียนรู้แบบ ทำนาย สังเกต อธิบาย (POE) ใน ระดับชั้นอื่น ๆ ต่อไป เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ.(2555.) “หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551”. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ. คันธรส ภาผล. (2563). ผลการจัดกิจกรรมนิทานหุ่นเงาที่ส่งผลต่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหาร สมองสำหรับเด็กปฐมวัย. วารสารครุศาสตร์สารมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ เจ้าพระยา. 14(1). 100-113. พัชรินทร์ ธัมมา. (2563). การเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยกที่ได้รับ การจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยการสอนตามรูปแบบ POE. วิทยานิพนธ์ สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์,มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. ชนาธิป พรกุล. (2554). การสอนกระบวนการคิดทฤษฎีและการนำไปใช้. (พิมพ์ครั้งที่ 2 ). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล. (2560). การพัฒนาและหาค่าเกณฑ์มาตรฐานเครื่องมือประเมินการ คิดเชิงบริหารในเด็กปฐมวัย. มหาวิทยาลัยมหิดล:กรุงเทพ. ศักดิ์ชัย ใจซื่อตรง. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ศิลปะที่ส่งเสริมทักษะการ จัดการสมอง (EF) สําหรับเด็กปฐมวัย. ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัย และพัฒนาหลักสูตร. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อามีเนาะ ตารีตา. (2560). ผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับกลวิธี POE ที่มีต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และความพึง พอใจ ต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. ปริญญานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2566. จาก https://www.manarom.com/blog/EF_Executive_Function.html?fbclid