ไขเรื่องราว
ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (นางนพมาศ)
ย้อนสู่ยุครัชกาลที่ ๓
ไขเรื่องราว
ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (นางนพมาศ)
ย้อนสู่ยุครัชกาลที่ ๓
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เล่มนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ
เรื่องตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (นางนพมาศ) ซึ่งมีรายละเอียด
เกี่ยวกับผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ เนื้อเรื่อง และคุณค่าของหนังสือ
โดยจัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลให้แก่ผู้ที่สนใจศึกษา
คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
(e-book) เรื่องตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (นางนพมาศ) เล่มนี้จะ
เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ศึกษาไม่มากก็น้อย และหากมีข้อผิดพลาด
ประการใด คณะผู้จัดทำต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ
ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (นางนพมาศ) หน้า
ผู้แต่ง ๑
๒
ลักษณะคำประพันธ์ ๓
๔
เนื้อเรื่อง ๑๓
๑๕
คุณค่าของหนังสือ
อ้างอิง
๑
ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์
มีชื่อเรียก ๓ ชื่อ ได้แก่ นพมาศ เรวดีนพมาศ
และตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สมัยที่แต่ง นักวรรณคดี
มีความเห็นเป็น ๒ กลุ่ม ดังนี้
๑.สันนิษฐานว่าแต่งในสมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาล
ที่ ๒-๓ เมื่อพิจารณาการใช้สำนวนภาษา
๒.สันนิษฐานว่าสมัยสุโขทัย เพราะมีเค้าความคิดและ
ถ้อยคำในสมัยสุโขทัย
แต่มีความเป็นไปได้มากกว่าว่าแต่ง หรือแต่งเติม
ในสมัยรัตนโกสินทร์ เนื่องจากมีการกล่าวถึง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์
๒
ผู้แต่ง
เชื่อกันว่าเป็นกวีหญิง ชื่อนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬา-
ลักษณ์ พระสนมเอกของพระยาลิไท
จุดมุ่งหมายในการแต่ง กล่าวกันว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์
เขียนหนังสือเรื่องนี้ขึ้น เพื่อเล่าประวัติของตนเอง ใน
ฐานะที่เป็นพระสนมเอกของพระร่วงเจ้า และเพื่อแสดง
ความเป็นมาของวัฒนธรรมและพิธีกรรมบางอย่างที่
เกิดขึ้นในสมัยนั้น นอกจากนั้นบรรดานิทานต่าง ๆ ที่แต่ง
แทรกยู่ในหนังสือเล่มนี้ ล้วนเป็นนิทานที่ผู้แต่งยกมา
ประกอบการอบรมสั่งสอนผู้หญิงทั้งหลาย ให้อยู่ในความ
ประพฤติที่ดีงาม จึงนับว่าเป็นวรรณคดีคำสอนเล่มหนึ่ง
๓
ลักษณะคำประพันธ์
เป็นความเรียงทำนองชีวประวัติ มีคำประพันธ์
ร้อยกรองแทรกบางตอน ได้แก่ โคลงสี่สุภาพ
และกลอนดอกสร้อย
โคลงสี่สุภาพ
กลอนดอกสร้อย
๔
เนื้อเรื่อง
แบ่งเป็น ๒ ตอนคือ
ตอนที่ ๑ ว่าด้วยชีวประวัตินางนพมาศ ตั้งแต่เกิด
จนกระทั่งเข้ารับราชการฝ่ายใน ในราชสำนักของ
พระร่วงเจ้าและได้เลื่อนขึ้นเป็นพระสนมเอกในรัชกาล
นั้น และกล่าวถึงพิธีต่าง ๆ ที่ปฏิบัติกันอยู่เป็นประเพณี
ตลอด ๙ เดือน ในที่นี้จะกล่าวถึงเพียงตอนที่ ๑
ตอนที่ ๒ อาจถือเป็นภาคผนวก หรือเป็นตอนที่ผู้อื่น
แต่งเติมเข้ามาก็ได้ เพราะมีนิทานต่าง ๆ แทรกอยู่หลาย
เรื่อง ซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวกับเนื้อหาสาระเท่าใดนัก
นิทานที่แทรกในหนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องนิทานสอนผู้
หญิงในแง่ต่าง ๆ ให้เห็นลักษณะของการประพฤติชั่ว ว่า
มีโทษอย่างไร และการทำดีมีผลสนองอย่างไร เช่น
นิทานเรื่องนางนกกระต้อยตีวิดโลเล เป็นต้น
๕
นางนพมาศ เป็นสตรีมีชื่อกึ่งตำนาน กึ่งประวัติ
ไม่แน่ชัดว่าเป็นบุคคลจริง ตามเรื่องเล่า นางนพมาศ
เป็นธิดาพราหมณ์โชตรัตน์กับนางเรวดี พราหมณ์
โชตรัตน์รับราชการในสมเด็จพระร่วงเจ้าแห่งกรุง
สุโขทัย ตำแหน่งพระศรีมโหสถ มีหน้าที่ดูแลกิจการ
ตกแต่งพระนครจัดงานพระราชพีสิบสองเดือน
พระศรีมโหสถให้ธิดาเล่าเรียนวิชาการต่าง ๆ
ทั้งอ่านเขียน ภาษาไทย ภาษาสันสกฤต คัมภีร์ต่าง ๆ
ตำราโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ ทั้งยังให้หัดแต่งบท
ร้อยกรอง ท่องสุภาษิตต่าง ๆ เรียนรู้ถึงพระราชพิธีสิบ
สองเดือน งานของสตรีมิได้ละเลย นางนพมาศ
มีความสามารถในการร้อยมาลัย แกะสลักผลไม้
สติปัญญาดี หน้าตางดงาม เป็นที่เลื่องลือว่าถึงพร้อม
ด้วยรูปสมบัติ ปัญญาสมบัติ และทรัพย์สมบัติ จนมีผู้
แต่งเพลงขับยอเกียรตินพมาศไปทั่ว
๖
วันหนึ่ง หญิงขับร้องในพระราชวังได้ขับเพลงพิณ
ยอเกียรตินางนพมาศขึ้น พระร่วงได้ทรงสดับจึงสน
พระทัยไถ่ถามขึ้น ท้าวจันทรนาถภักดี นางพระกำนัล
ผู้ใหญ่จึงกราบบังคมทูลว่า นางนพมาศนี้มีตัวตนจริง
เป็นธิดาพระศรีมโหสถ จึงโปรดให้นำนางขึ้นถวายตัว
เป็นพระสนม ขณะนั้นนพมาศอายุได้ ๑๗ ปี แต่ถ้านับ
ตามเดือนอายุเพียง๑๕ ปี ๘ เดือน กับ ๒๔ วัน
เพลงขับยอเกียรตินางนพมาศ
พระศรีมโหสถ ยศกมลเลศครรไลหงส์
มีธิดาประเสริฐเฉิดโฉมยง ชื่ออนงค์นพมาศวิลาศลักษณ์
ละไมละม่อมพร้อมพริ้งยิ่งนารี จำเริญศรีสมบูรณ์ประยูรศักดิ์
เนื้อเหลืองเล่ห์ทองผ่องผิวพักตร์ เป็นที่รักดังดวงจิตบิดรเอย ฯ
โฉมนวลนพมาศ เป็นนักปราชญ์ฉลาดด้วยบิดาสอน
ช่างกล่าวถ้อยมธุรสบทกลอน ถวายพรพรรณนาพระพุทธคุณ
สารพัดจะพึงใจไปครบสิ่ง เป็นยอดหญิงยิ่งธิดาทุกหมื่นขุน
แต่ก่อนปางสร้างกุศลผลบุญ มาเกื้อหนุนให้งามวิไลเอย ฯ
๗
ดวงดอกอุทุมพร ทั่วนครหายากใดไฉน
จะหาสารศรีเศวตในแดนไพร อยากจะได้ดังประสงที่จงจินต์
จะหานางกัลยาณีนารีปราชญ์ ประหนึ่งอนงค์นพมาศอย่าหมายถวิล
จะหาได้ในท้องพระธรณิน ก็ด้วยบุญเจ้าแผ่นดินอย่างเดียวเอยฯ
๘
นางนพมาศมีความรู้และขยันประดิษฐ์คิดทำสิ่ง
ต่าง ๆ ไม่อยู่เฉย เมื่อถึงพระราชพิธีจองเปรียงในวัน
เพ็ญเดือนสิบสอง นางก็คิดทำโคมเป็นรูปดอกบัว
ตกแต่งด้วยผลไม้แกะสลักเป็นรูปนกยูง หงส์ และ
สัตว์สวยงามอื่น ๆ เป็นที่ต้องพระราชหฤทัย จึงโปรดให้
ทำกระทงรูปดอกโกมุทหรือดอกบัวบูชา และนิยมทำ
สืบต่อมาในงานลอยพระประทีป ที่เรียกกันว่างาน
ลอยกระทง
๙
นอกจากกระทงรูปดอกบัวแล้ว นางนพมาศยังได้คิด
ทำพานขันหมาก ร้อยดอกไม้เป็นรูปพานสองชั้นรองขันตัว
พานสองชั้นใช้ดอกไม้สีเหลือง ซ้อนสลับประดับดอกไม้สี
แดงสีขาวและสีอื่น ๆ ประสานกันเป็นระบาย ใส่หมากที่อบ
จนหอม มีตาข่ายดอกไม้คลุม ถวายสมเด็จพระร่วงเจ้า
ทรงใช้ในพระราชพิธีสนานใหญ่ นั่นคือพิธีเดือน ๕ ทรง
ออกรับเครื่องราชบรรณาการที่บรรดาท้าวพระยาเมืองขึ้น
ขุนนาง เศรษฐี และผู้มีตระกูลต่างๆนำมาถวายพาน
ขันหมากนี้ใส่หมากที่พระร่วงเจ้าทรงหยิบพระราชทานแก่
ผู้มาเข้าเฝ้า
๑๐
เมื่อทอดพระเนตรเห็นพานดอกไม้ของนางนพมาศก็
โปรดว่างาม ควรเป็นแบบอย่างในแผ่นดินต่อไป และ
พระราชทานพานขันหมากสำหรับพระมหาอุปราช เป็น
เกียรติแก่นางนพมาศ รับสั่งว่าต่อไปผู้ใดจะทำพิธีมงคลให้
จัดพานขันหมากตามแบบของนางนพมาศนี้สืบไป ถึงเดือน
๘ มีพระราชพิธีเข้าพรรษา นางนพมาศก็คิดทำพนมพระ
วรรษาคือพุ่มดอกไม้ทองตกแต่งงดงามสำหรับบูชาพระ
เป็นแบบอย่างสืบมา
๑๑
นางนพมาศรับราชการเป็นที่โปรดปราน จึงได้รับ
พระราชทานตำแหน่งเป็นพระสนมเอกขนานนามว่า
ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เชื่อกันว่านางได้แต่งหนังสือตำรับ
ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ว่าด้วยประวัติของตนเองและเกี่ยว
กับพระราชพิธีพราหมณ์ คือพระราชพิธี ๑๒ เดือน ไว้
อย่างละเอียดแต่หนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์นี้ยังมี
ข้อโต้แย้งอยู่ว่าอาจจะไม่ใช่หนังสือที่แต่งในสมัยสุโขทัย
จริง เพราะภาษาและข้อความหลายอย่างน่าจะอยู่ใน
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประมาณรัชกาลที่ ๓
ข้อถกเถียงนี้ยังไม่เป็นที่ยุติ ตำราประวัติวรรณคดี
ปัจจุบันยังจัดให้เป็นวรรณคดีในสมัยสุโขทัย สมเด็จ
พระร่วงเจ้าในหนังสือเล่มนี้ น่าจะเป็นพระเจ้าลิไท
ผู้ทรงพระราชนิพนธ์ไตรภูมิพระร่วง
๑๒
มีข้อสันนิษฐานที่พอจะเชื่อได้ว่า เดิมทีคงมีหนังสือ
ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์จริง เพราะรายละเอียดพระราช
พิธีเป็นแบบแผนอย่างเก่าก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา
นักโบราณคดีถือว่ามีคุณค่าแต่ฉบับเดิมคงจะสูญหายไป
มากจึงมีผู้แต่งเพิ่มเติมขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แต่
ผู้แต่งใหม่มิได้ระมัดระวังข้อเท็จจริงเท่าที่ควร จึงมีข้อ
บกพร่องให้สังเกตได้หลายแห่ง
ชื่อนางนพมาศนี้จึงปรากฏมาในปัจจุบัน ถึงวัน
ขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง ก็มีงานลอยกระทง มีการ
ประกวดนางนพมาศกันมาจนถึงทุกวันนี้
๑๓
คุณค่าของหนังสือ
๑.ด้านวัฒนธรรม ทำให้รู้เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี
ในพระราชสำนัก ได้แก่ ประเพณีลอยกระทง การปฏิบัติ
ตัวของหญิงชาววัง เช่น ตำแหน่งหน้าที่ของนางนพมาศ
และการศึกษาของเด็กไทยสมัยก่อน ตลอดจน
ขนบธรรมเนียมการรับราชการบางประการในราชสำนัก
เช่น กล่าวว่า “แม้จะทำกิจราชการเฝ้าแหน
จงประพฤติจริตกิริยาหมอบคลานให้เรียบร้อย ต้องที่
ต้องทาง อย่าทำรี ๆ ขวาง ๆ ให้เขาว่า” และการ
ลอยกระทงซึ่งสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
๒. ด้านสังคม ให้ความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติสตรีและ
ค่านิยมทางสังคม ได้แก่ ความประพฤติ ความขยัน รวม
ทั้งวิชาทางช่าง ทำให้มองเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของ
คนในสังคมในสมัยของพระยาลิไท ประชาชนมีความเป็น
อยู่สมบูรณ์พูนสุข มีความสนุกสนานรื่นเริง และมีใจบุญ
สุนทาน
๑๔
๓. ด้านภาษา มีคุณค่าทางอักษรศาสตร์และวรรณคดี
เรื่องนี้ใช้โวหารเชิงพรรณนาได้อย่างดียิ่งมีความไพเราะ
ทำให้อ่านเข้าใจง่าย
๔. ด้านโบราณคดี ให้ความรู้ทางโบราณคดี เป็น
ประโยชน์ในการตรวจสอบพระราชพิธีต่าง ๆ รัชกาล
ที่ ๕ ทรงพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน ก็อาศัย
หลักการค้นคว้าจากตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ประกอบ
ด้วย
๕. ด้านอิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น ตำรับท้าวศรีจุฬา-
ลักษณ์ มีอิทธิพลต่อวรรณคดียุคหลัง คือ พระราชพิธี
๑๒เดือน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น ได้ทรงใช้หนังสือเล่มนี้
ค้นคว้าประกอบการพระราชนิพนธ์ และมีการกล่าวอ้าง
ถึงนางนพมาศในพระราชนิพนธ์นี้ด้วย
๑๕
อ้างอิง
นิรนาม. ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (นางนพมาศ). (ออนไลน์).
เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/site
/wannakade๑๒๓๔๕. วันที่สืบค้น : ๑๐ กันยายน
๒๕๖๕.
หอสมุดแห่งชาติ นครศรีธรรมราช. นางนพมาศ หรือตำรับท้าว -
ศรีจุฬาลักษณ์. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก :
https://www.finearts.go.th
/nakhonsithammaratlibrary. วันที่สืบค้น : ๑๐
กันยายน ๒๕๖๕.