รายงานประจ าปี 2566 ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี อุตสาหกรรมดี ชุมชนดี หน่วยงานดี
ส่วนที่ 1 ข้อมูลภาพรวมองค์กร ส่วนที่ 2 ผลการด าเนินงาน ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วิสัยทัศน์ พันธกิจ 1 แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี 2 รายปี พ.ศ. 2566 ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แผนภูมิโครงสร้างส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี 3 ผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 8 ผลการด าเนินงาน ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กลุ่มนโยบายและแผนงาน 10 1.1 โครงการพัฒนาและผลักดันแผนระยะที่ 3 ของกระทรวงอุตสาหกรรมและบูรณาการเชิงพื้นที่ 1.2 โครงการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน 1.3 โครงการติดตามประเมินผลตามนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรม กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม 16 2.1 โครงการพัฒนาสถานประกอบการสู่อุตสาหกรรมสีเขียว 2.2 โครงการค่าใช้จ่ายในการสร้างและพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม 2.3 โครงการค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลุ่มน้้าและวางระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม 2.4ผลการด้าเนินงานด้านการก้ากับดูแลโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มส่งเสริมอุตสาหกรรม 22 3.1 โครงการค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมในภูมิภาค 3.2 โครงการส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 3.3 โครงการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชนด้านการมาตรฐานให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน : ค่าใช้จ่ายในการด้าเนินงานตามมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส 3.4 กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (SMEs) ผลการด าเนินงานตามแนวนโยบาย MIND ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 31 - ผลการด้าเนินงานด้านการส่งเสริมให้สถานประกอบการอุตสาหกรรมดีมี MIND - สถานประกอบการ (Success Case) ที่ด้าเนินการตามนโยบาย MIND 4 มิติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - แนวทางการด้าเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 - การด้าเนินงานผลักดันนโยบาย 4 มิติ ด้านการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบโรงงานอุตสาหกรรม - การก้ากับและเร่งรัดการบริหารจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว - การดูแลเรื่องอากาศ ฝุ่นละออง อ้อยไฟไหม้ - ผลการด้าเนินงานอื่นๆ เพื่อผลักดันนโยบาย 4 มิติ ด้านการดูแลชุมชนโดยรอบโรงงาน และการกระจายรายได้ - โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการก้ากับ ดูแล และส่งเสริมการประกอบการเหมืองแร่ ตามแนวอุตสาหกรรมวิถีใหม่ “เหมืองแร่ดีคู่ชุมชน” จังหวัดสิงห์บุรี ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
ส่วนที่ 3 กิจกรรมส าคัญ ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ต้อนรับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 40 (นายณัฐพล รังสิตพล) พร้อมคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่เยี่ยมการด้าเนินงาน ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ต้อนรับผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม 42 (นายภาสกร ชัยรัตน์) ลงพื้นที่ตรวจติดตามงาน (ตรวจราชการกรณีปกติ รอบที่ 1) ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ต้อนรับผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม 43 (นายภาสกร ชัยรัตน์) ลงพื้นที่ตรวจติดตามงาน (ตรวจราชการกรณีปกติ รอบที่ 2) กิจกรรมส่งเสริมการท้าจิตอาสาเพื่อสาธารณะประโยชน์ 44 กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรของส้านักงาน ภายใต้การประชุมประจ้าเดือน 45 กิจกรรมการมีส่วนร่วมในการท้านุบ้ารุงศาสนาต่างๆ 45 กิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีไทย 46 อุตสาหกรรมดี ชุมชนดี หน่วยงานดี
ส่วนที่ 1 ข้อมูลภาพรวมองค์กร อุตสาหกรรมดี ชุมชนดี หน่วยงานดี
วิสัยทัศน์ (Vision) “ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับชุมชน และอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข” พันธกิจ (Mission) 1. ส่งเสริม พัฒนา ก้ากับดูแลอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเติบโตอย่างยั่งยืน 2.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและวิสาหกิจชุมชนด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี ให้มีความเข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสทางธุรกิจอุตสาหกรรม 3. เครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรม และภาคประชาชน บูรณาการความร่วมมือ ระหว่างภาคอุตสาหกรรมในการบริหารจัดการภาคอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ด้วยหลักธรรมาภิบาล 4. พัฒนาสู่การเป็นองค์กร โปร่งใส มีภาพลักษณ์ที่ดีในการบริการอย่างมีคุณภาพ 1
แนวทางการพัฒนาด้านที่1 เสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน เป้าประสงค์ 1. ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน ได้รับการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพให้มีความเข้มแข็ง และมีขีดความสามารถ ในการแข่งขัน 2. สินค้าอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนได้รับการพัฒนาคุณภาพด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม ให้มีมูลค่าเพิ่มและได้รับรองมาตรฐาน 3. สนับสนุน สร้างโอกาส พัฒนาปัจจัยสนับสนุนให้เอื้อต่อการลงทุน และลดอุปสรรค ในการประกอบธุรกิจภาคอุตสาหกรรม กลยุทธ์ 1. ส่งเสริมองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมให้มีความเข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาส ทางธุรกิจอุตสาหกรรม 2. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสินค้า บริการ และผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้มาตรฐาน แนวทางการพัฒนาด้านที่2 เสริมสร้างการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม และการบูรณาการร่วมกันระหว่างสถานประกอบการ กับชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข เป้าประสงค์ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนต่อความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ป้องกันด้านสิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ 1. ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สร้างและพัฒนาเครือข่าย อุตสาหกรรมให้เข้มแข็ง และมุ่งสู่การด้าเนินการให้สถานประกอบการเป็นไป ตามหลักธรรมาภิบาล 2. ก้ากับควบคุมการประกอบกิจการอุตสาหกรรม ภายใต้การด้าเนินงานตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด แนวทางการพัฒนาด้านที่3 เสริมสร้างและพัฒนาสมรรถนะองค์กรเพื่อให้บริการด้านอุตสาหกรรมอย่างมีคุณภาพ เป้าประสงค์ การพัฒนาบริหารจัดการระบบและความสามารถของบุคลากรในการให้บริการ แก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์ 1. ส่งเสริมจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในการปฏิบัติ ราชการแก่บุคลากรขององค์กร 2. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรขององค์กร 3. ส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการให้บริการอย่างมีคุณภาพขององค์กร แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี รายปี พ.ศ. 2566 ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 2
แผนภม ู ิโครงสร้างส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี 3
4
5
6
7
ส ่ วนท ี ่ 2 ผลการด าเนินงาน ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 อุตสาหกรรมดี ชุมชนดี หน่วยงานดี
งบด าเนินงาน 52% งบลงทุน 2% งบรายจ่ายอื่น 30% งบเบิกแทนกัน 8% เงินนอกงบประมาณ 8% จ านวนเงิน (บาท) ผลการด าเนินงานของส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี. ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (รอบ 12 เดือน) ระหว่างเดือนตุลาคม 2565 – กันยายน 2566 *************************************** งบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นจ้านวนเงิน ทั้งสิ้น 3,169,485 บาท ประกอบด้วยงบด้าเนินงาน 1,663,940 บาท งบลงทุน 53,500 บาท งบรายจ่ายอื่น 937,975 บาท งบประมาณแทนกัน 262,670 บาท และเงินนอกงบประมาณ 251,400 บาท โดยมีการบริหารจัดการงบประมาณตามภารกิจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของแต่ละกลุ่มงาน ดังนี้ 1.1 กลุ่มนโยบายและแผนงาน วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2,207,715 บาท คิดเป็นร้อยละ 69.66 ประกอบด้วย 1.1.1 งบด าเนินงาน วงเงินงบประมาณ 1,687,940 บาท ประกอบด้วย (1) แผน 1 เงินสมทบประกันสังคมและเงินกองทุนทดแทน วงเงินงบประมาณ 8,340 บาท (2) แผน 1 ค่าตอบแทนพนักงานราชการ วงเงินงบประมาณ 331,080 บาท (3) แผน 2 ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ ค่าสาธารณูปโภค วงเงินงบประมาณ 1,324,520 บาท (4) แผน 6 ค่าโทรศัพท์ ค่าน้้ามันเชื้อเพลิง และค่าขนย้าย วงเงินงบประมาณ 24,000 บาท 1.1.2 งบลงทุน วงเงินงบประมาณ 53,500 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส้าหรับเครื่องปรับอากาศ ขนาด 48,000 บีทียู จ้านวน 1 เครื่อง 1.1.3 งบรายจ่ายอื่น วงเงินงบประมาณ 490,275 บาท ประกอบด้วย (1) ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและผลักดันแผนระดับที่ 3 ของกระทรวงอุตสาหกรรมและบูรณาการ นโยบายเชิงพื้นที่ วงเงินงบประมาณ 16,000 บาท (2) ค่าใช้จ่ายแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน (One Province One Agro-Industrial Community : OPOAI - C) วงเงินงบประมาณ 174,275 บาท (3) ค่าใช้จ่ายในการติดตามประเมินผลตามนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวง อุตสาหกรรม วงเงินงบประมาณ 300,000 บาท 1.2 กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 58,666 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.85 ประกอบด้วย 1.2.1 งบรายจ่ายอื่น จ้านวน 2 โครงการ ได้แก่ (1) ค่าใช้จ่ายในการสร้างและพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม วงเงิน งบประมาณ 26,200 บาท งบประมาณจัดสรรทั้งสิ้น 3,169,485 บาท 1,663,940 บาท 262,670 บาท 251,400 บาท 937,975 บาท 53,500 บาท 8
(2) ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลุ่มน้้าและวางระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม วงเงิน งบประมาณ 26,500 บาท 1.2.2 งบเบิกจ่ายแทนกัน จ้านวน 1 โครงการ ได้แก่ - โครงการพัฒนาสถานประกอบการสู่อุตสาหกรรมสีเขียว 5,966 บาท 1.3 กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม วงเงินงบประมาณ 903,104 บาท คิดเป็นร้อยละ 28.49 ประกอบด้วย 1.3.1 งบรายจ่ายอื่น จ้านวน 1 โครงการ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ ของอุตสาหกรรมในภูมิภาค วงเงินงบประมาณ 395,000 บาท 1.3.2 งบเบิกจ่ายแทนกัน ประกอบด้วย (1) ค่าใช้จ่ายในการด้าเนินงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) วงเงินงบประมาณ 203,502 บาท (2) ค่าใช้จ่ายในการด้าเนินงานมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส วงเงินงบประมาณ 36,000 บาท 1.3.3 เงินนอกงบประมาณ ได้แก่ บัญชีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (SMEs) วงเงิน งบประมาณ 251,400 บาท เป้าหมายการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณประจ าปีพ.ศ. 2566 ตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การก้าหนดมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่าย ภาครัฐ ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยรับงบประมาณด้าเนินการบริหารจัดการ ด้านงบประมาณที่ได้รับจัดสรรให้สอดคล้องกับเป้าหมายในภาพรวมของประเทศ โดยได้ก้าหนดเป้าหมาย การเบิกจ่ายรายจ่ายภาพรวม ร้อยละ 93 รายจ่ายประจ้า ร้อยละ 98 รายจ่ายลงทุน ร้อยละ 75 และเป้าหมาย การใช้จ่ายรายจ่ายภาพรวม รายจ่ายประจ้า รายจ่ายลงทุน ร้อยละ 100 นั้น ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีได้ก้าหนดแผนการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจ้าปี พ.ศ. 2566 ดังนี้ ผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2566 (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) รายจ่ายภาพรวม ผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2566 ของส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) จากวงเงินประมาณที่ได้รับการจัดสรรทั้งสิ้น 3,169,485 บาท ประกอบด้วย 1. งบด้าเนินงาน วงเงินงบประมาณ 1,663,940 บาท มีผลการเบิกจ่าย ร้อยละ 100 2. งบลงทุน 53,500 บาท มีผลการเบิกจ่าย ร้อยละ 100 3. งบรายจ่ายอื่น 937,975 บาท มีผลการเบิกจ่าย ร้อยละ 100 4. งบประมาณแทนกัน 262,670 บาท มีผลการเบิกจ่าย ร้อยละ 100 5. เงินนอกงบประมาณ 251,400 บาท มีผลการเบิกจ่าย เป็นเงินทั้งสิ้น 215,252 บาท คงเหลือเป็นเงิน 36,148 บาท คิดเป็นร้อยละ 85.62 ซึ่งได้ด้าเนินการโอนขายบิลคืน บัญชีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (SMEs) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 9
ผลการด าเนินงาน ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี มีการด้าเนินการโครงการ/ กิจกรรมส้าคัญ จ้านวนทั้งสิ้น 10 โครงการ/กิจกรรมส้าคัญ ดังนี้ 1. กลุ่มนโยบายและแผนงาน จ้านวน 3 โครงการ คือ 1.1 โครงการพัฒนาและผลักดันแผนระยะที่3 ของกระทรวงอุตสาหกรรมและบูรณาการเชิงพื้นที่ การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ ให้ความส้าคัญกับการจัดท้าแผนในทุกระดับ ทั้งนี้เพื่อให้หน่วยงาน มีเครื่องมือในการวางกรอบการด้าเนินงานและก้ากับติดตามการด้าเนินงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 วันที่ 30 เมษายน 2562 มาตรา 4 “มาตรา 16 ให้ส่วนราชการจัดท้าแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการนั้น โดยจัดท้าเป็นแผนห้าปี ซึ่งต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง และมติ ครม. เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ให้หน่วยงานของรัฐด้าเนินการสนับสนุน พัฒนา และบูรณาการข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ส้าหรับการจัดท้าตัวชี้วัด ของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อประโยชน์ ในการติดตาม ประเมินผลการด้าเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยให้หน่วยงานของรัฐปรับปรุงแผนระดับ 3 ในความรับผิดชอบตามนัย มติ ครม. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580) ประกาศใช้เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 โดยให้ระบุสาระส้าคัญเกี่ยวกับนโยบายการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งประมาณการรายได้ และรายจ่ายและทรัพยากรอื่นที่จะต้องใช้ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายส้านักงานอุตสาหกรรมทุกจังหวัด จัดท้าเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ เพื่อให้การด้าเนินงานของส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีกรอบการด้าเนินงานด้านพัฒนาอุตสาหกรรมระดับจังหวัด สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายรัฐบาล นโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ยุทธศาสตร์ของพื้นที่และสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และสอดคล้องกับ แผนปฏิบัติการด้านอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) จึงได้จัดท้ากิจกรรมการพัฒนา และผลักดันแผนระดับที่ 3 ของกระทรวงอุตสาหกรรม และบูรณาการนโยบายเชิงพื้นที่ เพื่อจัดท้าแผนปฏิบัติการ ด้านอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี รายปี พ.ศ. 2566 ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ขึ้น เพื่อให้มีกรอบแนวทาง การพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับพื้นที่ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และการด้าเนินงานเป็นในทิศทางเดียวกัน (1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อผลักดันแผนปฏิบัติราชการรายปี พ.ศ. 2566 ของกระทรวง อุตสาหกรรม และส้านักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ มีกรอบการด้าเนินงาน ด้านพัฒนาอุตสาหกรรมระดับจังหวัดมีความสอดคล้องกับแผนทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายรัฐบาล นโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม แผนปฏิบัติการด้านอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 –2570) และยุทธศาสตร์ของพื้นที่ ตลอดจนสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเกิดการบูรณาการ ขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับพื้นที่ ของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย ตัวชี้วัดผลผลิต (Output) จ านวน หน่วยนับ แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี รายปี พ.ศ. 2566 ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 1 แผน ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (Outcome) นโยบายและแผนปฏิบัติราชการของกระทรวงอุตสาหกรรม และส้านักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับการน้าไปปฏิบัติสู่ระดับพื้นที่ 10
(3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 16,000 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 16,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 (4) ผลการด้าเนินงาน กลุ่มนโยบายและแผนงาน ได้ด้าเนินกิจกรรมภายใต้โครงการค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและผลักดัน แผนระดับที่ 3 ของกระทรวงอุตสาหกรรม และบูรณาการนโยบายเชิงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ภายในวงเงินงบประมาณ 16,000 บาท (หนึ่งหมื่นหกพันบาทถ้วน) จากงบรายจ่ายอื่น ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา และผลักดันแผนระดับที่ 3 ของกระทรวงอุตสาหกรรม และบูรณาการนโยบายเชิงพื้นที่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สรุปการด้าเนินกิจกรรม ดังนี้ (4.1) จัดท้าค้าสั่งส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ที่ 3/2566 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะท้างานจัดท้าแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี รายปี พ.ศ. 2566 ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะในการจัดท้า (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี รายปี พ.ศ. 2566 ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (4.2) จัดประชุมคณะท้างานฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี (4.3) ลงพื้นที่ประสานงาน ส้ารวจ และจัดเก็บข้อมูลเพื่อประกอบการวิเคราะห์ข้อมูล ทางกายภาพประเมินสถานการณ์ ปัญหา และความจ้าเป็นของการจัดท้า (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนา อุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี รายปี พ.ศ. 2566 ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (4.4) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อร่วมพิจารณาแสดงความคิดเห็นต่อ (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี รายปี พ.ศ. 2566 ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม 2566 ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี มีผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ ฯ ประกอบด้วยหน่วยงานจากภาครัฐ เอกชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด สิงห์บุรี จ้านวนทั้งสิ้น 25 คน (4.5) จัดท้าแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีรายปี พ.ศ. 2566 ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ฉบับสมบูรณ์ ด้วยรูปแบบไฟล์ PDF น้าเสนอต่อกองยุทธศาสตร์และแผนงาน พร้อมทั้งจัดท้าด้วยรูปแบบ E-book ส้าหรับเผยแพร่ผ่านช่องทางการประชาสัมพันธ์ต่างๆ และเว็บไซต์ของส านักงานฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส านักงานฯ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป สามารถน าไปใช้ประโยชน์ต่อไป 11 1
1.2 โครงการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน (One Province One Agro-Industrial Community : OPOAI-C) ภาคการเกษตรของประเทศไทย มีบทบาทส้าคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจาก ประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 45 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และประเทศไทย มีความได้เปรียบ ในสภาพภูมิประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ แต่การผลิตในภาคการเกษตรยังขึ้นอยู่กับฤดูกาล และผลผลิตมีคุณภาพต่้า ล้นตลาดท้าให้มีราคาตกต่้า ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อคน ต่อปี ค่อนข้างต่้า ส่วนหนึ่งเนื่องจากเกษตรกรขาดความรู้ในด้านการรักษาคุณภาพหรือแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้เป็นสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มีมูลค่าสูง ปลอดภัยและได้มาตรฐาน รัฐบาลได้มีนโยบายที่ให้ความส้าคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตผลทางการเกษตรของประเทศ และได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าภาพในการพัฒนาและยกระดับสินค้าเกษตร ให้กับกลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการเกษตร ในลักษณะของฝากและของที่ระลึก ที่เชื่อมโยงกับ ภาคการผลิต ภาคการท่องเที่ยวของจังหวัด รวมทั้งสามารถให้วิสาหกิจชุมชนหรือ SMEs คนตัวเล็ก สามารถ ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างสรรค์คุณค่า (Value) ของสินค้าและบริการ รวมถึงสามารถใช้ ช่องทางการตลาดออนไลน์ หรือ E-Commerce เชื่อมโยงการค้าขายสู่สากล โดยที่ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEsคนตัวเล็กและวิสาหกิจชุมชนไทยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศมีความเข้มแข็ง มีศักยภาพ และความพร้อมในการพัฒนาและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เพื่อให้เกษตรกรไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีคุณภาพ ชีวิตที่ดีต่อไป ตลอดจนสามารถเป็นกลุ่มเกษตรกรต้นแบบ และเกิดเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็ง ที่สามารถเป็น แหล่งเรียนรู้และช่วยพัฒนาเกษตรกรรายอื่น โดยส้านักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายภารกิจให้ ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด ด้าเนินการในพื้นที่ ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี จึงได้จัดท้า “โครงการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน (One Province One Agro-Industrial Community : OPOAI-C)” ขึ้น เพื่อยกระดับ คุณภาพชีวิตของเกษตรกรฐานราก ผ่านการสร้างความตระหนักสร้างองค์ความรู้ เรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ ผลิตผล ทางการเกษตร การสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ การสร้างผู้ประกอบการขนาดย่อมรายใหม่ ที่กระจายใน พื้นที่เพื่อให้เกษตรกรฐานรากมีความภาคภูมิใจและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนสืบไป (1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรไทยมีความมั่นคงด้านอาชีพ และมั่งคั่งด้านรายได้ อย่างยั่งยืน โดยการสร้างองค์ความรู้ด้านการเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่ม ผลิตผลทางการเกษตร (Value Added) ให้กับเกษตรกรในกลุ่มวิสาหกิจชุมชน/กลุ่มชุมชนการเกษตร/สหกรณ์ การเกษตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งด้านการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการตลาด เพื่อเชื่อมโยงและผลักดันงานวิจัยและพัฒนา (R&D) มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับผลผลิตทางการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย จ านวน หน่วยนับ ตัวชี้วัดระดับผลผลิต (Output) 1. สมาชิกกลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการเกษตร กลุ่มสหกรณ์การเกษตร ที่เข้าร่วมโครงการได้รับองค์ความรู้ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตผล ทางการเกษตร 30 ราย 2. ผลิตภัณฑ์การเกษตรได้รับการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ไม่น้อยกว่า 4 ผลิตภัณฑ์ ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์ (Outcome) เกษตรกรที่ได้รับการพัฒนามีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 6 ร้อยละ 12
(3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 174,275 บาท ผลการเบิกจ่า/ใช้จ่าย 174,275 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 (4) ผลการด้าเนินงาน กลุ่มนโยบายและแผนงาน ได้ด้าเนินกิจกรรมภายใต้โครงการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด1 ชุมชน (One Province One Agro-Industrial Community : OPOAI-C) ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ดังนี้ กิจกรรมที่ 1 อบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตผลทางการเกษตร มาตรฐานผลิตภัณฑ์ การตลาดทั้งทาง Online และ Offline รวมทั้ง การบริหารจัดการองค์กรสู่ความยั่งยืนฯ - จัดกิจกรรมอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตผลทางการเกษตร มาตรฐานผลิตภัณฑ์ การตลาดทั้งทาง Online และ Offline รวมทั้งการบริหารจัดการองค์กรสู่ความยั่งยืนฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2565 ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีมีผู้เข้ารับ การอบรม จ้านวนทั้งสิ้น 30 ราย กิจกรรมที่ 2 ยกระดับกลุ่มเกษตรกรเป้าหมายด้าน การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ต้นแบบ และทดสอบผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีการจ้างเหมาบริการผู้เชี่ยวชาญ เพื่อด้าเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ต้นแบบ จ้านวน 4 ผลิตภัณฑ์ (4.1) ด้าเนินการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกิจกรรม และผ่านการคัดเลือก จ้านวน 4กลุ่ม คือ - วิสาหกิจชมชนแม่บ้านเกษตรกรทองเอน - วิสาหกิจชุมชนคุณนายฟาร์มจิ้งหรีด - วิสาหกิจชุมชนกลุ่มน้้ามันสุมนไพรเคี่ยวกลั่นโพสังโฆ - วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสมุนไพรแปรรูปเพื่อสุขภาพบ้านไผ่ด้าต้าบลโรงช้าง (4.2) ลงพื้นที่ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก บริษัท บู๊สท์ คอนซัลแตนท์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จ้ากัด เพื่อศึกษา วิเคราะห์ ผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 4 กลุ่ม เพื่อน้าไปพัฒนา สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นสู่เชิงพาณิชย์ สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการของตลาด ภายใต้โครงการดังกล่าว ณ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2566 (4.3) ประชุมคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ เพื่อพิจารณาคัดเลือก ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จ้านวน 4 ราย (4.4) ลงพื้นที่ติดตามผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้รับจ้าง จากบริษัท คอนซัลแตนท์แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จ้ากัด ดังนี้ 13
วิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรทองเอน ผลิตภัณฑ์ น้้าพริกปลาส้ม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มน้้ามันสมุนไพรเคี่ยวกลั่นโพสังโฆ ผลิตภัณฑ์เซรั่มบ้ารุงผม กระเม็งสมุนไพร วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสมุนไพรแปรรูปเพื่อสุขภาพบ้านไผ่ด้าต้าบลโรงช้าง ผลิตภัณฑ์สเปรย์มะรุมระงับกลิ่นกาย วิสาหกิจชุมชนคุณนายฟาร์มจิ้งหรีด ผลิตภัณฑ์ CRICKET COOKIE งวดที่ 1 ร้อยละ 60 61,240 บาท งวดที่ 2 ร้อยละ 60 91,860 บาท วัน/เดือน/ปี กลุ่ม ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ที่พัฒนา 20, 23 ก.พ. 2566 วิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรทองเอน ปลาส้มสมุนไพร (Ready to Eat) 21 ก.พ. 2566 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มน้้ามันสมุนไพรเคี่ยวกลั่นโพสังโฆ เซรั่มบ้ารุงเส้นผม 22 ก.พ. 2566 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสมุนไพรแปรรูปเพื่อสุขภาพ บ้านไผ่ด้า ต.โรงช้าง สเปรย์สมุนไพร ระงับกลิ่นกาย 28 ก.พ.2566 วิสาหกิจชุนชนคุณนายฟาร์มจิ้งหรีด คุ้กกี้จิ้งหรีด (Cricket Cookie) (4.5) บริษัท บู๊สท์ คอนซัลแตนท์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จ้ากัด ผู้รับจ้าง ด้าเนินการตามสัญญาจ้าง เลขที่ 54/2566 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2565 โดยผ่านขั้นตอนของการด้าเนินการตรวจรับพัสดุ และเบิกเงินค่าจ้างทั้งหมด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 14
1.3 โครงการติดตามประเมินผลตามนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรม (1) วัตถุประสงค์ของโครงการส้าหรับเป็นค่าจ้างเหมาบริการเจ้าหน้าที่เพื่อให้ด้าเนินการช่วยปฏิบัติงาน ด้านการติดตามและประเมินผลการด าเนินงานทั้งในระดับโครงการและระดับภาพรวมของส านักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ส้าหรับเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการทบทวนแผนการด้าเนินงานให้ สอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับพื้นที่ เกิดการบูรณาการการปฏิบัติงาน และการแปลง นโยบายและยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ภายใต้การควบคุมดูแลของกลุ่มนโยบายและแผนงาน (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย จ านวน หน่วยนับ ตัวชี้วัดระดับผลผลิต (Output) - จ้างเหมาบริการเจ้าหน้าที่เพื่อด้าเนินการช่วยปฏิบัติงานด้านการติดตาม และประเมินผลการด้าเนินงานทั้งในระดับโครงการและระดับภาพรวม ของส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี 2 อัตรา ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์ (Outcome) 1. ติดตามและประเมินผลการด้าเนินงานทั้งในระดับโครงการและระดับ ภาพรวมของส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี 2. ติดตามและจัดเก็บค่าธรรมเนียมทุกประเภท (สิ้นสุดการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีของโรงงาน นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป 12 - ครั้ง - (3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 300,000 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 300,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 (4) ผลการด้าเนินงาน กิจกรรม แผนทั้งปี ผล (6 เดือน) หมายเหตุ 1. จ้างเหมาบริการเจ้าหน้าที่ เพื่อด้าเนินการช่วยปฏิบัติงาน ด้านการติดตามและประเมินผล การด้าเนินงานทั้งในระดับโครงการ และระดับภาพรวมของส้านักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี 2 อัตรา 2 อัตรา จ้านวน 2 อัตรา 1) นักวิเคราะห์นโยบายและแผน 2) เจ้าพนักงานธุรการ 2. ติดตามและประเมินผลการ ด้าเนินงานทั้งในระดับโครงการ และระดับภาพรวมของส้านักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี 12 ครั้ง 12 ครั้ง 3. ติดตามและจัดเก็บค่าธรรมเนียม ทุกประเภท - - ไม่มีค่าธรรมเนียมค้างจ่าย 15
2. กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม จ้านวน 3 โครงการ คือ 2.1 โครงการพัฒนาสถานประกอบการสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและการจ้างงาน ของประเทศ แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงท้าให้ภาคอุตสาหกรรมจ้าเป็นต้องปรับตัวเพื่อก้าวให้ทันคู่แข่งทางธุรกิจ และต้องพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมและชุมชน โดยโรงงานอุตสาหกรรมต้อง ด้าเนินกิจการให้เป็นไปตามกฎหมาย และมีการประเมินผลกระทบด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการ หรือขยายการด้าเนินกิจการในอนาคตด้วยเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย และสังคม จนเกิดเป็นข้อพิพาทหรือความขัดแย้งต่อชุมชนและบริเวณโดยรอบสถานประกอบการ ทั้งนี้ แนวทางประกอบกิจการ เพื่อให้เป็น “อุตสาหกรรมสีเขียว” จึงเป็นค้าตอบหลักของการด้ารงอยู่ของภาคอุตสาหกรรมทั้งในวันนี้และวันหน้า โดยโครงการส่งเสริมและพัฒนาสถานประกอบการสู่อุตสาหกรรมสีเขียวได้เริ่มด้าเนินการตั้งแต่ปี 2554จนถึงปัจจุบัน ดังนั้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ส้านักงานอุตสาหกรรม จังหวัดสิงห์บุรี จึงได้จัดท้าโครงการส่งเสริมและพัฒนาสถานประกอบการสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ขึ้น เพื่อเชิญชวน ให้สถานประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสู่การเป็น “อุตสาหกรรมสีเขียว” ซึ่งหมายถึง “อุตสาหกรรมที่ยึดมั่นในการประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการมุ่งเน้น ในเรื่องของการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องรวมถึง ความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กรตลอดห่วงโซ่อุปทาน” (1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมมีการประกอบกิจการ ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยการให้น้าเกณฑ์ของอุตสาหกรรมสีเขียวไปปฏิบัติ และเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว ๕ ระดับ จนได้รับการรับรองและการเลื่อน ระดับอุตสาหกรรมสีเขียว การพัฒนาสถานประกอบการสู่โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว ด้วยกลไกการมีส่วนร่วม ทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ชุมชน และอุตสาหกรรม ที่มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย จ านวน หน่วยนับ ตัวชี้วัดระดับผลผลิต (Output) - สถานประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว 30 ราย ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์(Outcome) 1. ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมและผลักดันให้มีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว 2. ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมต่อชุมชนลดลง 3. ปัญหาการร้องเรียนความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมลดลง (3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 5,966 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 5,966 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 (4) ผลการด้าเนินงาน ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียวมีมติที่ประชุม ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ก้าหนดเป้าหมายการผลักดันสถานประกอบการภายใต้การก้ากับดูแลของแต่ละ หน่วยงาน รวมทั้งส้านักงานอุตสาหกรรมทุกจังหวัด โดยในปีงบประมาณ 2566 ให้สถานประกอบการได้รับรอง อุตสาหกรรมสีเขียวร้อยละ 80 โดยส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี มีเป้าหมาย 130 โรงงาน 16
ระดับ 1 : จ านวน 107 โรงงาน ระดับ 2 : จ านวน 24 โรงงาน ระดับ 3 : จ านวน 9 โรงงาน ระดับ 4 : จ านวน 1 โรงงาน 0% ระดับ 1 ระดับ 2 ระดับ 3 ระดับ 4 ระดับ 5 กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ได้ด้าเนินการเชิญชวนผู้ประกอบกิจการโรงงาน สมัครและต่ออายุ ใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว พร้อมด้าเนินการให้ค้าแนะน้าเกี่ยวกับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว โดยมี สถานประกอบการได้รับการรับรองฯ จ้านวนทั้งสิ้น 141 โรงงาน คิดเป็นร้อยละ 85.45 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ ก้าหนด 2.2 โครงการค่าใช้จ่ายในการสร้างและพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามที่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ก้าหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศต้องค้านึงถึงผลกระทบ ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นส้าคัญ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อการส่งออก เพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันในตลาดโลก จึงต้องมุ่งเน้นการส่งเสริมการมีจิตส้านึกของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในการผลิต ให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนรู้จักหน้าที่ของตนเอง มีความรับผิดชอบต่อสังคมและต่อผู้อื่น ซึ่งจะน้าไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเอง ในการจัดการและการมีส่วนร่วมเฝ้าระวัง ตรวจสอบ ป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน โดยตรง ทั้งนี้ เพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ลดปัญหาข้อร้องเรียน ระหว่างชุมชนและสถานประกอบการอุตสาหกรรม โดยสร้างกลไกการเฝ้าระวัง ติดตาม และตรวจสอบ ผลกระทบด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ส้านักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ด้าเนินโครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรม รักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกเครือข่ายกว่า 10,000 ราย โดยการด้าเนินการเหล่านี้จะต้อง อาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชน สถานประกอบการ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเฝ้าระวังการเกิด ปัญหาด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและน้าไปสู่การสร้างมวลชนสัมพันธ์บนหลักการมีส่วนร่วม เพื่อการป้องกัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตส้านึกให้แก่ประชาชน ในชุมชนและเปิดโอกาสให้ชุมชน สถานประกอบการ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมในการป้องกัน และเฝ้าระวังการเกิดปัญหาด้านมลพิษสิ่งแวดล้อมในรูปแบบเครือข่าย และสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อ ภาคอุตสาหกรรม โดยส้านักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายภารกิจให้ส้านักงานอุตสาหกรรม จังหวัดทุกจังหวัด ด้าเนินการในพื้นที่ ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี จึงได้จัดท้าโครงการสร้างและพัฒนาศักยภาพเครือข่าย อุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมขึ้น เพื่อพัฒนาความรู้และศักยภาพสมาชิกเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม สู่การเป็นผู้น้าในการป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดปัญหาด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างกลไกการบริหาร จัดการเครือข่ายอย่างเป็นระบบรองรับผลกระทบจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศในอนาคต ข้อมูลผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ จ านวนโรงงานที่แจ้งประกอบ 165 โรงงาน เป้าหมายปีงบฯ 66 จ านวน 130 โรงงาน ร้อยละ 80 ได้รับการรับรอง จ านวน 141 โรงงาน ร้อยละ 85.45 17
(1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อพัฒนาความรู้และศักยภาพของสมาชิกเครือข่ายอุตสาหกรรม รักษ์สิ่งแวดล้อมให้สามารถเป็นผู้น าในการขับเคลื่อนเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อพัฒนา ทักษะความรู้ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ด้านจิตอาสา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน สถานประกอบการ และส่วนราชการ ในรูปแบบเครือข่ายเฝ้าระวัง การเกิดผลกระทบด้านมลพิษสิ่งแวดล้อมจากการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม สามารถลดข้อร้องเรียนได้ (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย จ านวน หน่วยนับ ตัวชี้วัดระดับผลผลิต (Output) - ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฝึกอบรมได้รับความรู้เพิ่มองค์ความรู้ทางวิชาการ การป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดปัญหาด้านมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม 20 ราย ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์ (Outcome) 1. สามารถรณรงค์ และสร้างจิตส้านึกให้ประชาชนในชุมชน ช่วยกันก้ากับดูแลและเฝ้าระวัง การเกิดผลกระทบด้านมลพิษสิ่งแวดล้อมจากการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม 2. ชุมชน สถานประกอบการและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังการเกิดผลกระทบ ด้านมลพิษสิ่งแวดล้อมของสถานประกอบการประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อสถานประกอบการท้าให้ง่าย ต่อการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม (3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 26,200 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 26,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 (4) ผลการด้าเนินงาน กิจกรรม เป้าหมาย หน่วยนับ ผลการด าเนินงาน ผลสะสม แผน ผล ทั้งปี 1. ส้ารวจพื้นที่เป้าหมาย และเชิญชวน สมาชิกใหม่เข้าร่วมกิจกรรมเครือข่าย อุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม 1/20 พื้นที่/ราย - - 1/20 2. กิจกรรมเพิ่มองค์ความรู้ทางวิชาการ/ ศึกษาดูงานเครือข่ายที่ประสบความส้าเร็จ/ กิจกรรมสานสัมพันธ์เครือข่ายอุตสาหกรรม รักษ์สิ่งแวดล้อม 1/20 ราย 1/20 1/20 1/20 3. การบริหารจัดการโครงการ (ตรวจติดตามประเมินผลการด้าเนินงานและ ปรับปรุงฐานข้อมูลเครือข่ายฯให้เป็นปัจจุบัน) 1 ครั้ง - - - - กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการ การป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดปัญหาด้านมลพิษ จากโรงงานอุตสาหกรรมเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566 ณ ห้องแสงรัศมี โรงแรมไชยแสงพาเลส จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จ้านวนทั้งสิ้น 25 ราย 18
2.3 โครงการค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลุ่มน้ าและวางระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) เน้นการเติบโตด้านสังคม เศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศ ประกอบ กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561 – 2580) มุ่งเน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เน้นการใช้การรักษา และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาประเทศให้เกิด ความสมดุล มีศักยภาพและยั่งยืน กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศ จึงได้ก้าหนดแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยมี วิสัยทัศน์ “ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ให้เติบโตอย่างยั่งยืน”เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับภาคอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการด้าเนินกิจการที่เป็นมิตรกับสังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้พัฒนาสู่ความยั่งยืน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ ตระหนักถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนในปัจจุบันรวมถึงแนวโน้มในอนาคตถือเป็นภาวะเสี่ยง ที่จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคและการผลิตในทุกระดับ ภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็น ภาคการผลิตที่ส้าคัญของประเทศจึงต้องมีการปรับตัวและพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และเติบโตที่เป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน ด้วยการลดปัญหาด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมในบริเวณ สถานประกอบการและชุมชนใกล้เคียง โดยเฉพาะในพื้นที่ตามลุ่มน้้าสายส้าคัญ ภาคอุตสาหกรรมจะถูกมองว่า เป็นตัวการของการเกิดน้้าเสียเป็นล้าดับแรกและก่อให้เกิดปัญหาในการประกอบการของโรงงานในพื้นที่เกิด เหตุเป็นอย่างมาก ในส่วนของส้านักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ก้าหนดแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี พ.ศ. 2566 – 2570 มีวิสัยทัศน์ “บูรณาการและขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน” โดยได้ก้าหนดยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมาย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการและก้ากับดูแลสถานประกอบการให้ด้าเนินการตามกฎหมาย และส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา อุตสาหกรรมในพื้นที่ จึงได้ด้าเนินการในเชิงรุกด้วยการก้าหนดและวางมาตรการในการตรวจสอบสถาน ประกอบการที่ถูกร้องเรียนซ้้าซากและสถานประกอบการที่ตั้งอยู่ริมแม่น้้าสายหลักที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด ปัญหาการปล่อยน้้าเสียลงสู่แหล่งน้้าสาธารณะ ส้าหรับส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในฐานะตัวแทนกระทรวงอุตสาหกรรมในภูมิภาคที่มี บทบาทหน้าที่ในการสร้างความตระหนักและป้องกันไม่ให้สถานประกอบการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมในบริเวณ ลุ่มน้้าสายหลัก เช่น ลุ่มน้้าท่าจีน ลุ่มน้้าเจ้าพระยา รวมถึงล้าธาร คู คลอง หนอง และบึง ที่ส้าคัญในพื้นที่ อีกทั้ง การด้าเนินแนวทางตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติเพื่อสร้างความมั่นใจว่าโรงงานทั้งที่อยู่ริมแม่น้้าสายหลักและสายอื่นๆ ในพื้นที่ จะไม่สร้างมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน โดยการน้าระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมและยกระดับ เป็นระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพมาด้าเนินการกับสถานประกอบการ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตั้งแต่เริ่มต้นด้าเนินการ การเปิดเผยข้อมูลการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลและการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อน้าไปสู่การดูแล และเฝ้าระวังสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบต่อชุมชน และทรัพยากรน้้า ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม คือ กระบวนการจัดการรูปแบบใหม่ที่ต้องค้านึงถึงองค์ประกอบ ทั้งระบบการผลิต การจัดส่ง การจ้าหน่าย และการจัดการกับซากเศษเหลือทิ้งโดยจะต้องท้าการตรวจหา ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจริงกับกระบวนการผลิต ซึ่งแต่เดิมนั้นโรงงานผู้ผลิตจะเน้นเฉพาะแค่ราคา และมาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้า เท่านั้น แต่ในปัจจุบันนอกจากจะค้านึงถึงคุณภาพของตัวสินค้าแล้วยัง จะต้องรวมไปถึง มาตรฐานด้านสุขภาพพลานามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมที่การผลิตจะมีผล โดยตรงทั้งก่อนหรือหลังการผลิต โดยจะดูรวมไปถึงการท้างาน ทั้งระบบในหน่วยงาน 19
และจะต้องสามารถท้าการเชื่อมโยงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นเทียบกับมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ ระบบ การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหม่ส้าหรับประเทศไทย แต่ขณะที่ประเทศชั้นน้า เช่น อเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ก้าลังพัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมนี้เพื่อความเป็นต่อในยุทธศาสตร์การแข่งขันระดับประเทศ ระบบการจัดการ สิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นอุปสรรคในการส่งออก และถือเป็นการกีดกันทางการค้ารูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่ก้าแพงภาษี (Non-Tariff Barrier) จะท้าให้เสียโอกาส ขาดดุลการค้า และไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ดังนั้นการจัดการ สิ่งแวดล้อมของภาคอุตสาหกรรมจึงมีความส้าคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องด้าเนินการ โดยเสริมสร้างศักยภาพ ของภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตและเข้มแข็ง ควบคู่กับการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของการขับเคลื่อนภารกิจในการบริหารจัดการลุ่มน้้าและวางระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ส้านักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด ได้ด้าเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี (1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง ยกระดับเป็นระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพมาด้าเนินการกับสถานประกอบการ และการบริหารลุ่มน้้า ในจังหวัด รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการเฝ้าระวังการเกิดผลกระทบด้านมลพิษของสถานประกอบการที่มีต่อชุมชน อย่างต่อเนื่อง โดยสมาชิกเครือข่ายฯ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ในพื้นที่ตลอดจนเกิดการเชื่อมโยง เครือข่ายธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมของจังหวัด รายเดิมและรายใหม่ และผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) และสมาชิก เครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้สามารถบริหารจัดการเครือข่ายอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน รวมทั้งมีทัศนคติ เชิงบวกต่อภาคอุตสาหกรรม (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย จ านวน หน่วยนับ ตัวชี้วัดระดับผลผลิต (Output) 1. การบริหารจัดการลุ่มน้ า : จัดเก็บตัวอย่างน้ า ในแหล่งน้ าที่อยู่ใกล้เคียง โรงงานเพื่อวิเคราะห์และตรวจสอบคุณภาพ 2. การวางระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม : น าระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ด าเนินการในสถานประกอบการอุตสาหกรรม 57 1 จุด ราย ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์ (Outcome) 1. สถานประกอบการสามารถน้าระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมมาใช้ในสถานประกอบการและผ่านเกณฑ์ ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้กับภาคประชาชน 2. สถานประกอบการมีการน้าระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมมาใช้ในสถานประกอบการและผ่านเกณฑ์ มาตรฐานรายใหม่เพิ่มขึ้น 3. เป็นแนวทางในการด้าเนินการในการขยายผลในการด้าเนินโครงการน้าระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ด้าเนินการในสถานประกอบการจังหวัดสิงห์บุรี ต่อไป (3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 26,500 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 26,500 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 (4) ผลการด้าเนินงาน (4.1) ด าเนินงานการจัดเก็บวิเคราะห์/ตรวจสอบคุณภาพน้ าบริเวณลุ่มน้ าสายหลัก ล าธาร คูคลอง และบึงที่ส าคัญ เป้าหมาย 57 จุด ด้าเนินการแล้ว 57 จุด (4.2) จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน และสถานประกอบการ อุตสาหกรรม ด าเนินการรณรงค์และส่งเสริมการใช้ระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ เพื่อให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนอย่างยั่งยืน เป้าหมาย 1 ครั้ง ด้าเนินการเรียบร้อยแล้ว 20
(4.3) จัดกิจกรรมจัดชี้แจง ท าความเข้าใจหลักการสร้างความยั่งยืนของสถานประกอบการกับชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ในพื้นที่ด้วยหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม เป้าหมาย 1 ครั้ง ปัจจุบันอยู่ระหว่าง เตรียมแผนการด้าเนินการจัดกิจกรรม (4.4) จัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างสถานประกอบการที่ด้าเนินการตามหลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อมจนประสบผลส้าเร็จเป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้ประกอบการรายอื่น เพื่อขยายผลการด้าเนินการตามหลักธรรมาภิบาล อย่างยั่งยืน พร้อมศึกษาดูงานสถานประกอบการพี่เลี้ยง จ้านวน 1 ครั้ง ณ บริษัท โนเบล เอ็นซี จ ากัด เลขที่ 232 หมู่ที่ 1 ต.โพนางด าออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จ้านวน 20 ราย 2.4 ผลการด าเนินงานด้านการก ากับดูแลโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี มีจ้านวนโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งสิ้น 187 โรงงาน แบ่งออกเป็น จ้าพวกที่ 2 จ้านวน 9 โรงงาน และจ้าพวกที่ 3 จ้านวน 178 โรงงาน แจ้งประกอบกิจการแล้ว จ้านวน 180 โรงงาน ยังไม่แจ้งประกอบกิจการ จ้านวน 7 โรงงาน และแจ้งหยุดประกอบกิจการชั่วคราว จ้านวน 15 โรงงาน โดย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีเป้าหมายการตรวจโรงงานฯ ทั้งหมด จ้านวน 101 โรงงานมีผลการด้าเนินงาน ดังนี้ ประเภทการตรวจโรงงาน เป้าหมายทั้งปี (โรงงาน) ผลการด าเนินงาน (โรงงาน) 1. โรงงานจ้าพวกที่ 3 ที่ยังไม่แจ้งประกอบ 5 5 2. โรงงานที่ต้องจัดท้ารายงานประเมินความเสี่ยง 3 3 3. โรงงานที่มีน้้าเสีย 4 4 4. โรงงานที่มีมลพิษทางอากาศ 21 21 5. โรงงานที่มีกากอันตราย 27 27 6. โรงงานที่ต้องตรวจความปลอดภัย (ไฟฟ้า,ระบบความเย็น, หม้อไอน้้า) 36 36 7. โรงงานที่ต้องท้ารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) 3 3 8. โรงงานเฝ้าระวังเป็นพิเศษ 2 2 รวมทั้งสิ้น 101 101 21
3. กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม จ้านวน 4 โครงการ คือ 3.1 โครงการค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมในภูมิภาค การส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมในภูมิภาค เป็นยุทธศาสตร์ที่ส้าคัญของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรมที่ต้องด้าเนินการต่อเนื่องอย่างเป็นระบบในการเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการ และภาคอุตสาหกรรมให้แข่งชันได้ในทุกระดับเพื่อให้เกิดการพัฒนาการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีมูลค่า ที่เพิ่มขึ้นสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในระยะฟื้นฟูซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้น เพื่อให้การส่งเสริมพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมของส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นตัวแทนของกระทรวง อุตสาหกรรมในส่วนภูมิภาค สามารถตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศ รวมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้ประกอบการและประชาชนได้ จึงต้องสร้าง องค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งบุคคลที่จะประกอบกิจการในอนาคต ซึ่งต้องมีองค์ความรู้ด้านการจัดการในการประกอบกิจการ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และภาคประชาชน ที่จะเป็นเครือข่ายช่วยสอดส่องดูแลการประกอบกิจการไม่ให้กระท้าผิดกฎหมาย รวมถึงการส่งเสริมและพัฒนา ด้านวิชาการ กฎหมาย การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการเสริมสร้างประสบการณ์นอกสถานที่ตลอดจนการส ารวจ ให้บริการข้อมูล และค าปรึกษาแนะน าเพื่อให้เกิดการสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกัน อันจะน้าไปสู่เป้าหมาย ของการเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมให้แข่งขันได้ในทุกระดับ สามารถพร้อมรับกับการแข่งขันทางการค้าและการลงทุนที่มีความรุนแรงมากขึ้นในภาวการณ์ที่ประเทศไม่สามารถ หลีกเลี่ยงการถูกกระทบจากมาตรการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นธรรมจากการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ในภูมิภาคต่าง ๆ และจากการที่ศูนย์กลางอ้านาจเศรษฐกิจที่จะย้ายมาอยู่ที่เอเชียในอนาคตอันใกล้นี้ โดยการด้าเนิน กิจกรรมภายใต้โครงการ จะสอดคล้องกับนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรมของรัฐบาล ในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมรวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ผลิตพัฒนาด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ ทั้งในกระบวนการผลิตและการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของผู้บริโภค และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดตลอดจนส่งเสริมให้มีการสร้างตราสินค้า (1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ในการด าเนินธุรกิจเฉพาะทางอย่างเหมาะสมให้สอดคล้องกับนโยบาย และยุทธศาสตร์ของประเทศ รัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรม และจังหวัด ส่งเสริมการผลิตและการใช้มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) รวมถึงการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับ เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน บุคคลทั่วไป และผู้ที่สนใจ ตลอดจนผลักดันให้อุตสาหกรรมในพื้นที่ มีโครงสร้างการผลิตที่สามารถรองรับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างยั่งยืน โดยสามารถบริหารจัดการ ธุรกิจให้มีผลิตภาพสูงขึ้น ลดการพึ่งพาเศรษฐกิจนอกประเทศในปัจจุบันที่มีความอ่อนไหวต่อความผันผวน ของเศรษฐกิจโลก (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย จ านวน หน่วยนับ ตัวชี้วัดระดับผลผลิต (Output) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และผู้ผลิตอุตสาหกรรมชุมชนในพื้นที่ได้รับความรู้ ด้านวิชาการ กฎหมาย ได้รับบริการค้าปรึกษาแนะน้าเฉพาะราย ได้รับบริการให้ ความช่วยเหลือ บ่มเพาะ 540 ราย ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์ (Outcome) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ผลิตอุตสาหกรรม ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถน้าความรู้ ประสบการณ์ ค้าปรึกษาแนะน้า และ ข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับไปใช้ประโยชน์รวมทั้งได้รับข้อมูลสารสนเทศที่ต้องการ 80 ร้อยละ 22
(3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 395,000 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 395,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 (4) ผลการด้าเนินงาน (4.1) ออกเยี่ยมพบปะผู้ประกอบการ เพื่อศึกษา ส้ารวจและวิเคราะห์ศักยภาพ อุตสาหกรรม ในจังหวัดสิงห์บุรี เป้าหมายทั้งปี จ้านวน 100 ราย ด้าเนินงานแล้ว จ้านวน 110 ราย (4.2) จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านวิชาการด้านกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ กิจกรรมสัมมนาเรื่อง “How to ค่าปรับเท่ากับศูนย์”: ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ ตาม พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535และการบริหารจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วของโรงงาน เมื่อวันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 ณ ห้องเกษรา ร้านเกษราเบเกอรี่ อ้าเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรีเป้าหมาย 100 ราย มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จ้านวน 109 ราย (4.3) ให้ค้าปรึกษาเบื้องต้นและเชิงลึกเฉพาะทาง ส่งเสริมและพัฒนา การประกอบธุรกิจ รวมทั้งผู้ประกอบการทุกประเภท การผลิตในจังหวัดสิงห์บุรีเป้าหมายทั้งปี 220 ราย ด้าเนินการแล้ว 220 ราย 23
(4.4) ให้บริการให้ความช่วยเหลือบ่มเพาะ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและผู้ผลิตชุมชน ผ่านการถ่ายทอด องค์ความรู้ด้านการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์เป้าหมายทั้งปี 120 ราย ด้าเนินการแล้ว 120 ราย ตัวอย่างผลงานการให้บริการ 24
3.2 โครงการส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน : งานด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในด้านการสนับสนุนงานศิลปหัตถกรรม เพื่อสร้างเอกลักษณ์และผลิต สินค้าในท้องถิ่น สามารถบริหารโครงการหนึ่งต าบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ให้มีศักยภาพที่ดีขึ้น เพื่อเสริมสร้างชุมชนได้ ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์น ามาพัฒนาคุณภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยส านักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้สนับสนุนโครงการในด้านการก าหนดมาตรฐานและการรับรอง คุณภาพผลิตภัณฑ์ในโครงการ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับและสามารถประกันคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศ และเพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งเพื่อเป็นการรับรองการพัฒนาคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ชุมชนหรือผลิตภัณฑ์ระดับพื้นบ้าน ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควรให้แต่ละชุมชนได้ใช้ภูมิปัญญา ท้องถิ่น พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เพื่อผลิตและจ าหน่ายสู่ตลาดผู้บริโภค ดังนั้น โครงการส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน : งานด้านมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ชุมชน จึงเป็นแนวทางที่จะสนับสนุนในด้านมาตรฐาน และการรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก โครงการหนึ่งต าบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีจึงได้จัดท าโครงการนี้ขึ้นเพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชน ในจังหวัดสิงห์บุรีให้ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) (1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้รับการรับรอง และแสดงเครื่องหมายการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ส่งเสริมด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับ อย่างแพร่หลาย สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในโครงการหนึ่งต้าบลหนึ่งผลิตภัณฑ์โดยมุ่งเน้นให้มีการพัฒนาแบบยั่งยืน ประกอบกับส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรักษาคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ได้อย่างสม่้าเสมอ (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย ตัวชี้วัดระดับผลผลิต (Output) จ านวน หน่วยนับ 1. ด้านการให้การรับรอง มผช. : จ้านวนผลิตภัณฑ์ที่ยื่นขอการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน 2. ด้านการตรวจติดตาม : ตรวจสถานที่ท้าของผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง มผช. 35 12 ผลิตภัณฑ์ ราย ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์ (Outcome) 1. ด้านการให้การรับรอง มผช. : ผลิตภัณฑ์ที่ยื่นขอ ได้รับการทดสอบ จ้านวน 35 ผลิตภัณฑ์ และได้รับใบรับรองแสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน จ้านวนไม่ต่้ากว่า 29 ผลิตภัณฑ์ 2. ด้านการตรวจติดตาม : ผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง มผช. ได้รับการตรวจสถานที่ จ้านวน 12 ราย และสุ่มซื้อตัวอย่างผลิตภัณฑ์ 2 ชุดตัวอย่าง (3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 203,502 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 203,502 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 25
(4) ผลการด้าเนินงาน กิจกรรม เป้าหมายทั้งปี ผลการด าเนินงาน /หน่วย 1. โครงการ มผช. 1.1 การรับค้าขอ 1.2 ตรวจสถานที่ผลิต 1.3 เก็บตัวอย่างและส่งทดสอบ 2. ส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน 2.1 ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ผลิตชุมชนที่ยังไม่ได้รับ มผช. เข้าสู่ระบบการรับรองมาตรฐาน 2.2 ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้กับ กลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน 2.2.1 เป็นวิทยากรให้ความรู้ 2.3 ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคหรือประชาชนทั่วไปได้ เห็นถึงประโยชน์จากการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ มผช. 2.3.1 โครงการ “หน่วยบ้าบัดทุกข์ บ้ารุงสุข สร้าง รอยยิ้มให้ประชาชน จังหวัดสิงห์บุรี” 2.4 ประสานการจัดสัมมนาให้กับ สมอ. 3. จัดการประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) 4. จัดท้าใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน 35 ผลิตภัณฑ์ 35 ผลิตภัณฑ์ 35 ผลิตภัณฑ์ 12 ครั้ง/60 ราย 12 ครั้ง/60ราย - 12ครั้ง/120ราย 1 ครั้ง/0 ราย 3 ครั้ง 29 ฉบับ 35 ผลิตภัณฑ์ 35 ผลิตภัณฑ์ 35 ผลิตภัณฑ์ 12ครั้ง/60ราย 12 ครั้ง/60 ราย 2 ครั้ง/20 ราย 12 ครั้ง/120 ราย 5 ครั้ง/119 ราย - 2 ครั้ง 31 ฉบับ ลงพื้นที่เพื่อรับค้าขอ และตรวจสถานที่ผลิต มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนระดับจังหวัด พิธีมอบใบรับรองให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ให้แก่ผู้ผลิตอุตสาหกรรมชุมชน ณ ที่ประชุมคณะกรมการจังหวัดสิงห์บุรี 26
นายโชติอนันท์ แก้วเกิด (เป่าแก้ว) วิสาหกิจชุมชนขนมหวานทองเอน ถั่วลิสงเคลือบ (ถั่วกรอบแก้ว) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้าน กระเป๋าผ้าด้นมือต าบลทองเอน นางยุพา ชาตตระกูล ผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์จากเศษผ้า มผช. 417/2558 มผช. 155/2552 มผช. 27/2550 มผช. 20/2559 มผช. 412/2558 มผช. 78/2546 มผช. 9/2561 มผช. 182/2561 มผช. 417/2558 มผช. 115/2555 มผช. 835/2564 มผช. 836/2564 มผช. 115/2555 มผช. 684/2565 มผช. 66/2559 มผช. 20/2559 มผช. 418/2560 มผช. 193/2558 มผช. 39/2559 มผช. 192/2560 มผช. 418/2560 มผช. 835/2564 นายจรัญ พูลทรัพย์ ผลิตภัณฑ์จากเส้นพลาสติก(ตะกร้า) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร เงินออมเฉลิมพระเกียรติ(ไข่เค็ม) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าส าเร็จรูป ต าบลแม่ลา (กระเป๋าผ้า) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าส าเร็จรูป ต าบลแม่ลา (เสื้อส าเร็จรูปหญิง) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าส าเร็จรูป ต าบลแม่ลา (เสื้อส าเร็จรูปชาย) กลุ่มผลิตภัณฑ์จากโครงงอบบ้านวัดน้อย ผลิตภัณฑ์จากใบลาน (งอบใบลาน) วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมบางโฉมศรี ผลิตภัณฑ์จากเชือก กลุ่มสิงห์ชวาบ้านทุ่งกลับน้อย ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา(กระเป๋าผักตบชวา) นางยุพา ชาตตระกูล ผลิตภัณฑ์จากเชือก(ที่ใส่แก้วเชือกมัดฟาง) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร (ไม้กวาดดอกหญ้า) นางวันเพ็ญ หาญค า (ขนมเปี๊ยะ ไส้ถั่ว) นางวันเพ็ญ หาญค า (ขนมเปี๊ยะ ไส้ฟัก) วิสาหกิจชุมชนมะม่วงหิมพานต์ บ้านบางพระนอน (เมล็ดมะม่วงหิมพานต์อบ) นางสาวสมหมาย รักสวย ผลิตภัณฑ์จากเส้นพลาสติก(ตะกร้าหวายเทียม) นางสาวสมหมาย รักสวย ผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์จากลูกปัด(ที่ใส่ไม้จิ้มฟันจากลูกปัด) นายเชิดศักดิ์ เอี่ยมรักษา ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว(กระถางต้นไม้จากกะลา) วิสาหกิจชุมนกลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าไทยบ้านท่าข้าม เสื้อส าเร็จรูปหญิง (เสื้อคอกระเช้า) วิสาหกิจชุมชนชมรมผู้สูงวัยใส่ใจสุขภาพ ต าบลโพสังโฆ (ไม้กวาดทางมะพร้าว) 27
มผช. 412/2558 มผช. 1038/2554 มผช. 35/2558 มผช. 20/2559 มผช. 19/2559 มผช. 298/2549 มผช. 418/2560 มผช. 20/2559 มผช. 193/2558 มผช. 115/2555 มผช. 184/2557 3.3 โครงการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชนด้านการมาตรฐานให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน : ค่าใช้จ่ายในการด าเนินงานมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส (1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และ วิธีการขอการรับรอง มาตรฐานอุตสาหกรรมเอส และเพื่อให้ผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมทั้งภาคการผลิต และภาคการบริการ ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส หรือ มอก.เอส ที่จะน้าไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (2) ตัวชี้วัดโครงการ ตัวชี้วัดโครงการ เป้าหมาย จ านวน หน่วยนับ ตัวชี้วัดระดับผลผลิต (Output) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม (SMEs หรือ วิสาหกิจชุมชน หรือ OTOP ทั้งที่เป็นภาคการผลิต หรือภาคการบริการ) เกิดองค์ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการขอรับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส 40 ราย ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์ (Outcome) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทั้งภาคการผลิตและภาคการบริการได้รับ การรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส หรือ มอก.เอส ที่จะน้าไปสู่การเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขัน 4 ค้าขอ/มาตรฐาน มอก.เอส นางสาวศิรภัทร ชูวงษ์ ผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์จากเศษผ้า กลุ่มสตรีสหกรณ์โพทะเล ผักและผลไม้ทอดกรอบ วิสาหกิจชุมชน Hand made ต้นกล้าอาชีพ ต าบลโพชนไก่ (ผลิตภัณฑ์จากเส้นพลาสติก) นายศุภสัณห์ ช่วยบุญ ปลาช่อนแดดเดียว กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรพิกุลทองสามัคคี ผลิตภัณฑ์จักสานจากหวาย นางขวัญฤทัย วีระไทย ผลิตภัณฑ์จากเชือก นางขวัญฤทัย วีระไทย ผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์จากลูกปัด วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร หนองสุ่มพัฒนา (ผลิตภัณฑ์จากเส้นพลาสติก) นายสมพล แฉ่งฉวี ขนมเปี้ยะ นางสาวศิริลักษณ์ โกศินานนท์ ผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์จากไม้ไผ่ 28 ผักและผลไม้กวน กล้วยกวน
(3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 36,000 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 36,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 (4) ผลการด้าเนินงาน ด้าเนินการส่งมอบป้ายประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรอง มอก.เอส ประจ้าปี 2565 จ้านวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ที ออโต้ จ้ากัด มาตรฐานเลขที่ มอก.เอส 75-2562 การบริการ ซ่อมบ้ารุงรถยนต์ และวิสาหกิจชุมชนขนมหวานทองเอน มาตรฐานเลขที่ 199-2565 การบริการหมู่บ้าน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยว กิจกรรม (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566) เป้าหมายทั้งปี ผลการด าเนินงาน /หน่วย 1. กิจกรรมการสัมมนาให้ความรู้และเสริมสร้าง ความเข้าใจด้านมาตรฐาน มอก.เอส หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการรับรองคุณภาพ การควบคุมคุณภาพ **ปรับแผนการด้าเนินงานตามงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร 2. การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ และบริการ 3. การตรวจติดตามผลคุณภาพผลิตภัณฑ์ และบริการ ภายหลังได้รับการรับรอง 1 ครั้ง 40 ราย 4 ราย 2 ราย 1 ครั้ง 22 ราย อยู่ระหว่างด้าเนินการ รับรอง 4 ราย 2 ราย 3.4 กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (SMEs) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ตามร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560 ซึ่งพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ในมาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยอนุมัติโครงการฟื้นฟูและเสริมศักยภาพ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมส้าหรับ SMEs คนตัวเล็กวงเงิน 8,000 ล้านบาท ให้ใช้แหล่งทุนจากกองทุน พัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โดยกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ตามข้อบังคับคณะกรรมการ บริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐว่าด้วยการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ พ.ศ. 2560 29
(1) วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อส่งเสริมสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่ง เงินทุนให้กับเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุน การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพและขีด ความสามารถสูงขึ้น และเพื่อสนับสนุนและด้าเนินงานอื่น ๆ ที่เป็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาผู้ประกอบการ ตามที่คณะกรรมการบริหารพิจารณาเห็นสมควร โดยกองทุนเป็นแหล่งเงินทุนในการลดอุปสรรคและเพิ่มช่อง ทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลให้มีศักยภาพ และขีดความสามารถสูงขึ้น สามารถต่อยอดพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน (2) ตัวชี้วัดโครงการ - อยู่ระหว่างการรอแจ้งรายละเอียดแผนการด้าเนินงาน ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (3) ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย - งบประมาณที่ได้รับ 251,400 บาท ผลการเบิกจ่าย/ใช้จ่าย 215,252 บาท คิดเป็นร้อยละ 85.62 คงเหลือ 36,148 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.38 ด้าเนินการโอนขายบิลคืนกองทุนฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (4) ผลการด้าเนินงาน ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประกอบการ SME และติดตามผลการด้าเนินการของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐ ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีผู้ประกอบการ SME ผ่านการพิจารณากลั่นกรอง คุณสมบัติเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ผ่านทั้ง 6 ราย และมีผลการอนุมัติสินเชื่อ ดังนี้ ชื่อกิจการ ประกอบกิจการ วงเงินที่ขอ สินเชื่อ วงเงินที่ขอ อนุมัติสินเชื่อ ผลการเบิกจ่าย บจก.อ้าภาวิศวกรรม ให้บริการในกลุ่มธุรกิจ อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน 5 ล้านบาท 2.7 ล้านบาท เบิกจ่าย เรียบร้อยแล้ว หจก.พันกรวัฒนกิจ ให้บริการรับก้าจัด กากอุตสาหกรรม 10 ล้านบาท 5 ล้านบาท เบิกจ่าย เรียบร้อยแล้ว หจก.ฟ้าสร้าง รับเหมาก่อสร้าง 15 ล้านบาท 9.7 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 4.2 ล้านบาท และอยู่ระหว่าง ขั้นตอนเบิกจ่าย 5.5 ล้านบาท หจก.พันธนันท์ 2018 สถานีบริการน้้ามันบางจาก 15 ล้านบาท 7.38 ล้านบาท เบิกจ่าย เรียบร้อยแล้ว หจก. อินทร์บุรี ไอซ์ ผลิตน้้าแข็ง 15 ล้านบาท 4 ล้านบาท เบิกจ่าย เรียบร้อยแล้ว บจก. ครีมเมอรี่พลัส ผลิตเครื่องส้าอาง 15 ล้านบาท 5 ล้านบาท เบิกจ่าย เรียบร้อยแล้ว 30
ผลการด าเนินงานด้านการส่งเสริมให้สถานประกอบการอุตสาหกรรมดีมี MIND แผนการพัฒนาให้เกิดมิติ MIND ในพื้นที่ 5 ขั้น ของส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าปรับแนวคิดและการท้างานให้มี ประสิทธิภาพ โปร่งใส ตอบสนอง และเป็นมืออาชีพ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย ภายใต้นโยบายการปฏิบัติงานด้วยกรอบความคิดและทิศทางการท้างาน “MIND” กล่าวคือ การปรับ อุตสาหกรรมเข้าสู่วิถีใหม่ โดยให้ความส าคัญในการยกระดับทุกองค์ประกอบของภาคอุตสาหกรรม ควบคู่ กับการสร้างความเข้มแข็งและกระจายรายได้สู่ชุมชน ด้วย ‘หัว’ และ ‘ใจ’ ของคนกระทรวงอุตสาหกรรม” โดยก้าหนดภารกิจพลิกฟื้นกระทรวงเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างสมดุลและยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่น และเข้มแข็งไปพร้อมกัน เพื่อให้การขับเคลื่อนภายใต้แนวทาง “MIND” มีประสิทธิภาพและผลักดันให้ อุตสาหกรรมวิถีใหม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และเตรียมการต่อยอดในปีพ.ศ. 2567 จึงมอบหมายให้ส้านักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด มีการปรับทิศทาง การท้างานและเร่งขับเคลื่อนการด้าเนินการปฏิบัติงานบนฐานของข้อมูล ด้วยหัวและใจ โดยร่วมกับกระทรวง ในการจัดท้าข้อมูลในระบบ i-Industry และ i-Single Form ให้บรรลุตามเป้าหมาย ปฏิรูปแนวคิดการส่งเสริม อุตสาหกรรมในส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ไปสู่การส่งเสริมการประกอบการที่ดีได้แก่ ท้าถูกกฎหมาย ปลอดภัย อยู่กับชุมชนได้ตลอดจนด้าเนินงานการก้ากับดูแลด้วยความใส่ใจ บ่งชี้ชุมชนเป้าหมายและประเด็น การพัฒนาสังคมและประชาชนโดยรอบโรงงาน เพื่อการแก้ไขปัญหา ป้องกัน และพัฒนาต่อยอด รวมถึงให้ ความส้าคัญกับการปฏิบัติงานให้เป็นที่ไว้วางใจของชุมชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างเต็มก้าลัง ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี จึงได้ก้าหนดแผนการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานที่ตอบสนอง นโยบาย MIND ในพื้นที่ แบ่งเป็นแผนระยะสั้น (ภายใน 6 เดือน) แผนระยะกลาง (ภายใน 1 ปี) และแผนระยะยาว (1 – 5 ปี) และน้าเสนอต่อปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหาร เมื่อครั้งเดินทางมาตรวจเยี่ยม ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 มีสาระส้าคัญ ดังนี้ ผลการด้าเนินงาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ส้านักงานอุตสาหกรรมได้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน ที่ตอบสนองนโยบาย MIND ในพื้นที่ ตามแผนระยะสั้น (ภายใน 6 เดือน) โดยการบูรณาการด้าเนินงาน ระหว่างกลุ่มนโยบายและแผนงาน กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม มีกระบวนการด้าเนินงาน ดังนี้ 31
มิติที่ 1 ความส าเร็จทางธุรกิจ โรงงานส่วนใหญ่มีศักยภาพความพร้อมด้าน การด้าเนินธุรกิจ จ้านวน 167 โรงงาน คิดเป็นร้อยละ 93 นอกจากนั้นยังเป็นโรงงานที่ยังมีการประกอบกิจการ ขนาดเล็ก ก้าลังการผลิตไม่มาก หรือยังอยู่ในระหว่าง การฟื้นฟูการประกอบกิจการจากสภาวะทางเศรษฐกิจ และผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโควิด 19 คิดเป็นร้อยละ 7 มิติที่ 2 ก ารดูแลสั งคมชุมชนโดย รอบโร ง งาน อุตสาหกรรม โรงงานที่มีความพร้อมในการมีส่วนร่วมในการดูแล สังคมชุมชนโดยรอบโรงงานอุตสาหกรรมมีการด้าเนิน กิจกรรมร่วมกับชุมชนและสังคม จ้านวน 72 โรงงาน คิดเป็นร้อยละ 40 นอกนั้นอีกร้อยละ 60 เป็นโรงงาน ขนาดเล็ก หรือไม่ได้มีพื้นที่อยู่ใกล้ชุมชน จึงยังไม่มี กิจกรรมด้านการดูแลสังคมชุมชนโดยรอบโรงงาน ที่อาจได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการ มิติที่ 3 การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ตอบโจทย์ไทย และประชาคมโลก โรงงานที่มีการด้าเนินงานด้านการดูแลรักษา สิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรม เพื่อลดผลกระทบจากการประกอบ กิจการ จ้านวน 160 โรงงาน คิดเป็นร้อยละ 89 นอกนั้น อีกร้อยละ 11 เป็นโรงงานขนาดเล็ก ไม่ได้มีพื้นที่อยู่ ใกล้ชุมชน หรือมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการประกอบ กิจการมีน้อย มิติที่ 4 การกระจายรายได้ให้กับประชาชนและชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การรักษาวิถีชีวิต สร้างประโยชน์ พัฒนาชุมชนรอบอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นการสร้าง งานสร้างอาชีพ ส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) โรงงานส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 90 มีการกระจาย รายได้ให้กับประชาชนโดยการส่งเสริม การจ้างงาน ใช้ก้าลัง แรงงานในพื้นที่ชุมชน หรือเป็นคนในพื้นที่จังหวัดติดต่อ เขตจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพโดยอ้อมทางหนึ่ง 1. ด้าเนินการส ารวจข้อมูลเพื่อประเมินศักยภาพของโรงงาน ตาม 4 มิติ จาก จ้านวน 180 โรงงาน (ที่แจ้ง ประกอบแล้ว) สรุปผลจากการวิเคราะห์โรงงาน ดังนี้ 2. ปั้นให้รุ่ง แบ่งทีมขับเคลื่อนการด้าเนินงานในแต่ละมิติ เพื่อสนับสนุน ให้ค้าปรึกษา ยึดหลักวิชาการ และการก้ากับดูแลให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านกิจกรรมการส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการฯ โครงการ OPOAI-C การหาแหล่งเงินทุน (กองทุน กสอ./กองทุน เอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ) โดยท้างานร่วมกับเครือข่ายหน่วยงาน ในพื้นที่(สภาอุตสาหกรรมฯ หอการค้า สถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) เพื่อประสานความร่วมมือ ปั้นโรงงานให้ครบ 4 มิติ ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์โรงงานในพื้นที่ 180 โรงงาน (แจ้งประกอบกิจการ) พบว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีโรงงานอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และด้าเนินการครบ 4 มิติ MIND ที่มี การขับเคลื่อนแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ซึ่งสามารถเป็น ต้นแบบแนวทางการขับเคลื่อนให้กับสถานประกอบการอื่นๆจ้านวน 1 โรงงาน ได้แก่ บริษัท น้้าตาลสิงห์บุรี จ้ากัด มิติที่ 1 มิติที่ 2 มิติที่ 3 มิติที่ 4 ร้อยละ 93 ร้อยละ 40 ร้อยละ 89 ร้อยละ 90 32
จากการลงพื้นที่ออกเยี่ยมพบปะผู้ประกอบการเพื่อส้ารวจปัญหาและความต้องการ รับการสนับสนุน/ส่งเสริมจากภาครัฐ พบว่ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้สูงอายุใส่ใจสุขภาพ ต้าบลโพสังโฆ มีความต้องการขอรับการสนับสนุนเครื่องช่วยในการผ่อนแรงมือ และลดระยะเวลาจากการมัดช่อและก้าไม้กวาดทางมะพร้าวที่ต้องใช้แรงอย่างมาก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความแน่น คงทน ซึ่งเป็นข้อจ้ากัดของสมาชิกกลุ่มฯ ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นผู้สูงอายุ ส่งผลให้ไม่สามารถผลิตไม้กวาดได้ทันต่อความต้องการของตลาด ดังนั้นเพื่อเป็นการบูรณาการระหว่างส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีประสาน ความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรีซึ่งมีบุคลากรผู้มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ และพัฒนาเครื่องทุ่นแรงในการมัดช่อและก้าไม้กวาด (อาจารย์ปรารถนา ราชสุภา) และบริษัท น้ าตาลสิงห์บุรี ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในบริเวณชุมชนดังกล่าว ในการสนับสนุนงบประมาณการออกแบบและพัฒนา เครื่องทุ่นแรงฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ได้มีการลงพื้นที่เพื่อศึกษากระบวนการผลิต ปัญหาอุปสรรค เพื่อให้ตรงกับความต้องการ ของกลุ่มวิสาหกิจฯ มากที่สุด เมื่อวันพุธที่ 13 กันยายน 2566 นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะจากส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี และผู้แทนจากบริษัท น้้าตาลสิงห์บุรี จ้ากัด ลงพื้นที่ ส่งมอบเครื่องทุ่นแรงฯ ที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน พร้อมทั้ง เยี่ยมชมการสาธิตการใช้เครื่องทุ่นแรงฯ กระบวนการผลิตไม้กวาด ทางมะพร้าว ณ บริเวณศาลาการเปรียญ วัดโพสังโฆ ต้าบลโพสังโฆ อ้าเภอ ค่ายบางระจัน ทั้งนี้แนวทางการพัฒนากลุ่มอาชีพตามภารกิจของส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี จึงมีความสอดคล้อง กับนโยบายของผู้บริหารโรงงานน้้าตาลกลุ่มมิตรผลที่ต้องการสนับสนุนการรับซื้อสินค้าชุมชนเพื่อสร้าง ช่องทางการตลาดที่มั่นคง และเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนรอบโรงงาน ซึ่งโรงงานฯ ได้ให้การสนับสนุนรับซื้อ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มฯ มาอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหลายปีและคาดว่าหากทางกลุ่มวิสาหกิจฯ มีเครื่องทุ่นแรง มาช่วยผ่อนแรงให้สามารถผลิตได้มากขึ้น ทางโรงงานฯ พร้อมที่จะรับซื้อในปริมาณที่มากขึ้น สถานประกอบการ (Success Case) ที่ด าเนินการตามนโยบาย MIND 4 มิติปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กิจกรรมสานต่อภูมิปัญญาผู้สูงวัยใช้ ‘หัว’ และ ‘ใจ’ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน (รูปแบบการด้าเนินงาน : บูรณาการระหว่างส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ร่วมกับบริษัท น้้าตาลสิงห์บุรี จ้ากัด วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้สูงอายุใส่ใจสุขภาพต้าบลโพสังโฆ) 33
แนวทางการด าเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จากการด้าเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี มีแนวทาง การขับเคลื่อนแต่ละมิติให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยน้าผลการวิเคราะห์โรงงานในพื้นที่ เป็นข้อมูล ในการสนับสนุนให้ค้าปรึกษา ก้ากับดูแลให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านกิจกรรมการส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการ โครงการ OPOAI-C การหาแหล่งเงินทุน (กองทุน กสอ./กองทุน เอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ) โดยท้างาน ร่วมกับเครือข่ายหน่วยงานในพื้นที่ (สภาอุตสาหกรรมฯ หอการค้า สถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) ปั้นโรงงานให้ครบ 4 มิติ เพื่อจะได้ขยายผลสู่แผนระยะกลาง และแผนระยะยาวต่อไปในอนาคต ดังนี้ 1. แผนระยะกลาง ภายใน 1 ปี (ตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) (1.1) ปั้นโรงงานอุตสาหกรรมน้าร่องให้ครบ 4 มิติ โดยให้ความส้าคัญต่อการสร้าง อุตสาหกรรมดี คู่ชุมชนเป็นอันดับแรกในมิติที่ 4 ด้านการกระจายรายได้ให้กับประชาชนเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น “ชุมชนรักโรงงาน โรงงานรักชุมชน พึ่งพาอาศัยกันและกัน” เป้าหมาย จ้านวน 15 โรงงานน้าร่อง โดยมีบริษัท น้้าตาลสิงห์บุรี จ้ากัด เป็นโรงงานต้นแบบ โดยขับเคลื่อนเชิงบูรณาการจากเครือข่ายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชน (1.2) ปั้นประสานสัมพันธ์เครือข่ายในพื้นที่ เพื่อบูรณาการร่วมกันแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดมิติ MIND อย่างเป็นรูปธรรม ในกิจกรรม Green Industry ธรรมาภิบาล เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อมในการเป็นก้าแพง ร่วมกันเฝ้าระวังสร้างแนวร่วมการท้างานเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรม (1.3) ปั้นความสุขคืนสู่สังคม โดยการจัดกิจกรรมในพื้นที่ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้น ชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม และส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด อย่างต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมแฟร์ การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ในพื้นที่ 2. แผนระยะยาว 1 – 5 ปี(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2571) (2.1) ปั้นไปต่อ พัฒนาต่อยอด คัดสรรหาโรงงานที่ครบ 4 มิติ ผลักดันการเป็นพี่เลี้ยง Big Brother ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในพื้นที่ ความส้าเร็จที่เกิดขึ้น Win-Win ลดข้อร้องเรียนในพื้นที่เสี่ยง ชุมชนเข้าใจโรงงาน เกิดภาพลักษณ์ที่ดี และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ผลการด าเนินงานอื่นๆเพื่อผลักดันนโยบาย 4 มิติ ด้านการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบโรงงานอุตสาหกรรม การก ากับและเร่งรัดการบริหารจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว 1. ด้าเนินการให้สถานประกอบการ สมัครเข้าใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์การจัดการกากของเสียอุตสาหกรรม ครบถ้วน ร้อยละ 100 และด้าเนินการเร่งรัดติดตาม ชี้แจงสร้างความเข้าใจ พร้อมให้ค้าแนะน้า เกี่ยวกับการขออนุญาต สก.1 สก.2 และรายงาน สก.3 แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานอย่างสม่้าเสมอผ่านหลายช่องทาง เช่น การฝึกอบรม Zoom Line group โทรศัพท์ หนังสือแจ้งเพื่อด้าเนินการ เป็นต้น 2. ก้ากับให้โรงงานมีการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง โดยแนะน้าให้ข้อมูลตามกฎหมายที่มี การแก้ไขอยู่เสมอ รวมถึงเน้นย้้าการประกอบกิจการที่ค้านึงถึงผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยน้าหลักการของ BCG มาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ 3. ด้าเนินการจัดท้าคู่มือการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐาน ส้าหรับเป็นแนวทางการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ที่ รับผิดชอบ และจัดคู่มือส้าหรับบริการประชาชนส้าหรับอ้านวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยสามารถเรียก ข้อมูลรายละเอียดของคู่มือฯ ผ่านเว็บไซต์ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี นอกจากก้ากับดูแลการบริหารจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วให้เป็นไปตามกฎหมายก้าหนดแล้ว ส้านักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรียังให้ความส้าคัญต่อดูแลรักษาสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบโรงงานอุตสาหกรรม จากการลงพื้นที่ตรวจติดตามของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ได้มีการให้ค้าแนะน้าต่อโรงงานอุตสาหกรรม ต่อการค้านึงถึงการใช้ประโยชน์จากวัสดุที่ไม่ใช้แล้วด้วยการน้ากลับมาใช้ใหม่ ตามหลัก 3R เพื่อส่งเสริมให้ 34
ภาคอุตสาหกรรม ลดของเสียจากกระบวนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการน้ากากอุตสาหกรรมไปใช้ประโยชน์ ตามหลัก 3Rs คือ Reduce (ลดการใช้หรือใช้น้อยเท่าที่จ้าเป็น) Reuse (การใช้ซ้้า) และ Recycle (แปรรูปมาใช้ใหม่) เพื่อให้มีการหมุนเวียนและใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ขัดต่อข้อกฎหมายที่ก้าหนด ซึ่งพบว่าสถานประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่ง มีวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่สามารถน้ากลับมาใช้ประโยชน์ ได้ เช่น กากตะกอนของเสียจากระบบการบ้าบัดน้้าเสีย หรือจากการผลิต ด้วยการน้าวัสดุที่ไม่ใช้แล้วดังกล่าว มาเป็นวัสดุผสมปูนอัดขึ้นรูปเป็นอิฐบล๊อคส้าหรับใช้ประโยชน์ภายในโรงงาน ทั้งนี้ช่วยให้ลดภาระค่าใช้จ่าย ในการขนส่งเพื่อการก้าจัด (ฝังกลบ) นอกพื้นที่ และยังเป็นการช่วยลดปริมาณของเสียที่อาจส่งผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่งด้วย พื้นที่ด้าเนินการ จ้านวน 5 โรงงาน ในพื้นที่อ้าเภอพรหมบุรี จ้านวน 2 โรงงาน และอ้าเภออินทร์บุรี จ้านวน 3 โรงงาน ทั้งนี้จะได้มีการติดตามเพื่อขยายผลต่อไป 2. กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจัดการกากอุตสาหกรรม : การสัมมนา เรื่อง “How to ค่าปรับเท่ากับศูนย์”: ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการตาม พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 และการบริหาร จัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วของโรงงาน ภายใต้โครงการค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรม ในภูมิภาคจังหวัดสิงห์บุรี ประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566ด้าเนินการเมื่อวันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 ณ ห้องเกษรา ร้านเกษราเบเกอรี่ อ้าเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรีมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรม จ้านวน 109 ราย การจัดกิจกรรมดังกล่าวท้าให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการสัมมนาฯ มีความรู้ความเข้าใจและแนวทาง การปฏิบัติการบริหารจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วของโรงงานของโรงงาน เป็นไปตามข้อก้าหนดทางกฎหมาย และยังเป็น การลดปริมาณของเสียที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย การดูแลเรื่องอากาศ ฝุ่นละออง อ้อยไฟไหม้ ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี มีโรงงานน้้าตาล จ้านวน 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท น้้าตาลสิงห์บุรี จ้ากัด ซึ่งรับอ้อย เข้าหีบจากชาวไร่คู่สัญญาซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ใกล้เคียงจังหวัดสิงห์บุรี ได้แก่ จังหวัดลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท เพชรบูรณ์ สระบุรี และอุทัยธานี จึงท้าให้ปริมาณอ้อยไฟไหม้ในส่วนของโรงงานน้้าตาล สิงห์บุรี มีปริมาณสูงขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงในส่วนของพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี มีปริมาณอ้อยไฟไหม้ในฤดูการผลิต ปี 2565/2566 เข้าหีบเพียง 66,064 ตัน คิดเป็น 21.83 ของอ้อยไฟไหม้เข้าหีบทั้งหมด ส้านักงานอุตสาหกรรม จังหวัดสิงห์บุรี มีแนวทางการด้าเนินการการป้องกันการลักลอบเผาอ้อยและการบริหารจัดการอ้อยเข้าสู่ โรงงาน ดังนี้ 1. ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี บูรณาการท้างานร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันดูแลก้ากับ สอดส่อง ป้องกันและปราบปรามการเผาอ้อยในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีหนังสือ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์ เน้นย้้าให้ร่วมกันก้ากับ ดูแล ไม่ให้มีการเผาอ้อยก่อนน้าส่งโรงงาน และให้ด้าเนินการปฏิบัติตามระเบียบ/กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยถือปฏิบัติตามประกาศจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อท้าให้ คุณภาพอากาศในจังหวัดสิงห์บุรี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน 2. ร่วมกับคณะอนุกรรมการบริหารเขต 4 จังหวัดสิงห์บุรีติดตามสถานการณ์การหีบอ้อย ปัญหาและอุปสรรค ในฤดูหีบ ปีการผลิต2565/2566 ของโรงงานน้้าตาลสิงห์บุรี พร้อมร่วมกันเสนอแนวทางการแก้ปัญหา ในปีการผลิต 2566/2567 และขับเคลื่อนการป้องกันการลักลอบเผาอ้อยและการบริหารจัดการอ้อยเข้าสู่โรงงานตามมติที่ประชุม ของคณะอนุกรรมการฯ 3. จัดท้าประกาศเรื่อง มาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)อันเกิดจากการเผาไร่อ้อย ลงวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565 พร้อมทั้งประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามประกาศให้ด้าเนินการดังนี้ (1) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้อ้านาจตามกฎหมายออกประกาศห้ามมิให้มีการเผาไร่อ้อย และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด (2) ให้ก้านัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรก้านัน ตรวจสอบดูแลมิให้มีการลักลอบจุดไฟเผา ไร่อ้อยในพื้นที่ 35
(3) ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ที่มีการปลูกอ้อยหากพบว่ามีการเผาไร่อ้อย ให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ (4) ให้อ้าเภอก้ากับติดตามการด้าเนินคดีกับผู้กระท้าความผิดจากการเผาไร่อ้อย โดยประสานกับผู้ก้ากับ สถานีต้ารวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง 4. ประสานความร่วมมือกับโรงงานน้้าตาลเพื่อเสนอแนวคิดตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของผู้ตรวจราชการ กระทรวงอุตสาหกรรมให้เพิ่มปริมาณการใช้รถตัดอ้อยให้มากขึ้น 5. ประสานบูรณาการร่วมกับส้านักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรี และสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 5 สิงห์บุรี เพื่อให้ความรู้แก่เกษตรกรในการเตรียมพื้นที่แปลงปลูกอ้อยให้เหมาะสมแก่การใช้รถตัดอ้อย และชี้ให้เห็นถึง ข้อดีในการไม่เผาอ้อย 6. บูรณาการร่วมกับจังหวัดสิงห์บุรี และเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเวทีเสวนา เพื่อถอดบทเรียนหัวข้อ สิงห์บุรีรวมใจ แก้ไขปัญหา PM 2.5 “กรณีเผาอ้อย ได้หรือเสีย”เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ณ ห้องประชุม โรงเรียนวัดสังฆราชาวาส จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีนายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด และร่วมเสวนา มีผู้แทนจากส้านักงานคณะกรรมการอ้อยและน้้าตาลทราย ผู้แทนจากส้านักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดสิงห์บุรี ผู้แทนจากโรงงานน้้าตาลสิงห์บุรี ผู้แทนจากสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 5 สิงห์บุรี ผู้แทนเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดสิงห์บุรี และเกษตรกร ดีเด่นเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ให้เป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ ทั้งนี้จะเพิ่มการก้ากับดูแลในส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นรวมทั้งบูรณาการบริหารจัดการเชิงรุกร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันการลักลอบเผาอ้อยและการบริหารจัดการอ้อยเข้าสู่โรงงาน และลดการรับ อ้อยเผาไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 36
นายไพฑูรย์ คุณาธารศักดิ์ ผลการด าเนินงานอื่นๆเพื่อผลักดันนโยบาย 4 มิติ ด้านการดูแลชุมชนโดยรอบโรงงานและการกระจายรายได้ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการก ากับ ดูแล และส่งเสริมการประกอบการเหมืองแร่ ตามแนวอุตสาหกรรมวิถีใหม่ “เหมืองแร่ดีคู่ชุมชน”จังหวัดสิงห์บุรี ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ส้านักงานอุตสาหกรรมสิงห์บุรี ได้จัดท้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการก้ากับ ดูแล และส่งเสริม การประกอบการเหมืองแร่ ตามแนวอุตสาหกรรมวิถีใหม่ “เหมืองแร่ดีคู่ชุมชน” จังหวัดสิงห์บุรี ประจ้าปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 และก้าหนดแผนการด้าเนินงานและแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณอย่างชัดเจน และเหมาะสม เพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ทั้งนี้รูปแบบการด้าเนินงาน เป็นการลงพื้นที่เหมืองแร่ และโรงแต่งแร่ จ้านวนทั้งสิ้น 4 แห่ง เพื่อตรวจสอบ ก้ากับ ดูแล และเฝ้าระวังการประกอบการเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมพื้นฐานในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี พร้อมทั้งเน้นย้้าให้มีการปฏิบัติเป็นไปตาม พร.บ. แร่ พ.ศ. 2560 ติดตามสถานการณ์ที่อาจมีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเกิดข้อขัดแย้งโดยการด้าเนินงานรวมถึงการลงพื้นที่ชุมชนโดยรอบ เหมืองแร่และโรงแต่งแร่ เพื่อส้ารวจผลกระทบหรือความเสี่ยงที่เกิดจากการประกอบกิจการเหมืองแร่และโรงแต่งแร่ ดังกล่าว รวมถึงส้ารวจความต้องการของชุมชน ด้านการส่งเสริมอาชีพ และสนับสนุนการกระจายรายได้ สรุปผลการด้าเนินงาน ดังนี้ 1. ลงพื้นที่เหมืองแร่และโรงแต่งแร่ เพื่อตรวจสอบ ก ากับ ดูแล และเฝ้าระวังสถานประกอบการ/ เหมืองแร่ที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน จ้านวน 4 ครั้ง/แห่ง ได้แก่ เหมืองแร่จ้านวน 1 ครั้ง/แห่ง ได้แก่ เหมืองแร่ นายไพฑูรย์ คุณาธารศักดิ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต้าบลท่างาม อ้าเภออินทร์บุรี และโรงแต่งแร่ จ้านวน 3 ครั้ง/แห่ง ในพื้นที่ ต้าบลบ้านหม้อ อ้าเภอพรหมบุรี ได้แก่ บริษัท เอฟ.เอ็ม.ที.(ประเทศไทย) จ้ากัด บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จ้ากัด (มหาชน) และบริษัท คอมพาวด์เคลย์ จ้ากัด พบว่าแต่ละสถานประกอบการฯ มีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 อย่างเคร่งครัด ยังไม่พบข้อร้องเรียน ความเสี่ยงหรือผลกระทบจากการประกอบกิจการต่อชุมชนโดยรอบ เนื่องด้วยสถานประกอบการฯ ทั้ง 4 แห่ง มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีการเฝ้าระวังการเกิดผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่อง และอยู่ห่างไกลจากเขตชุมชน ทั้งนี้ทางสถานประกอบการฯ ทั้ง 4 แห่ง มีความตระหนักและให้ ความส้าคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี และยินดีให้การส่งเสริม และสนับสนุนการ สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนในละแวกใกล้เคียง บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จ ากัด (มหาชน) บริษัท คอมพาวด์เคลย์ จ ากัด โรงแต่งแร่ บริษัท เอฟ.เอ็ม.ที. (ประเทศไทย) จ ากัด เหมืองแร่ 37 อ.พรหมบุรี โรงแต่งแร่ อ.พรหมบุรี โรงแต่งแร่ อ.พรหมบุรี อ.อินทร์บุรี
2. ลงพื้นที่ชุมชนโดยรอบ เพื่อส ารวจผลกระทบหรือความเสี่ยงที่เกิดจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ และโรงแต่งแร่ดังกล่าว รวมถึงส ารวจความต้องการของชุมชนด้านการส่งเสริมอาชีพ และสนับสนุนการกระจาย รายได้จ้านวน 6 ครั้ง/8 แห่ง ได้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่โดยรอบเหมืองแร่ต้าบลท่างาม อ้าเภออินทร์บุรี จ้านวน 2 แห่ง และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่โดยรอบโรงแต่งแร่ต้าบลบ้านหม้อ อ้าเภอพรหมบุรี จ้านวน 6 แห่ง พบว่า ชุมชนในละแวกใกล้เคียงไม่มีผลกระทบหรือเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการโรงงาน / เหมืองแร่ แต่อย่างใด เนื่องจากมีพื้นที่ห่างไกลจากสถานประกอบการฯ โดยภาพรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีความต้องการ รับการสนับสนุนการกระจายรายได้เพิ่มขึ้น เช่น การเพิ่มช่องทางการตลาดและขยายกลุ่มเป้าหมาย การจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังสถานประกอบการฯรวมถึงการส่งเสริมอาชีพจากหน่วยงานภาครัฐ หรือการสนับสนุน งบประมาณในการผลิต จักสาน สุ่มบ้านหม้อ ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี วิสาหกิจชุมชน บ้านพลาสติกสีรุ้ง ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี วิสาหกิจชุมชน แก่นตะวันวิว ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี วิสาหกิจชุมชน ถนอมอาหารจากปลา บ้านตราชู ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี วิสาหกิจชุมชน สวนลุงตี๋พรหมบุรี ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี วิสาหกิจชุมชน แปรรูปปลาตราชู ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี กลุ่มจักสาน ท่างาม ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี 38 กลุ่มแม่บ้าน บางตาโฉม ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี
3. บูรณาการร่วมกันระหว่างส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี สถานประกอบการฯ และชุมชน เพื่อน้าร่องแผนการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม การกระจายรายได้ให้กับชุมชนและมีชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” ตามนโยบาย 4 มิติ ในพื้นที่น้าร่อง จ้านวน 2 แห่ง ได้แก่ พื้นที่อ้าเภออินทร์บุรีลงพื้นที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปอาหารจากผลผลิตทางการเกษตร ต้าบลท่างาม ร่วมกับเหมืองแร่นายไพฑูรย์ คุณาธารศักดิ์และพื้นที่อ้าเภอพรหมบุรีลงพื้นที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านพลาสติกสีรุ้ง ร่วมกับบริษัทคอมพาวด์เคลย์ จ้ากัด ซึ่งทางสถานประกอบการฯ ยินดีให้การสนับสนุนการสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์ส้าหรับสมนาคุณลูกค้า การจัดของสวัสดิการให้แก่พนักงาน และยินดีให้พื้นที่ส้าหรับช่องทางการจ้าหน่าย ในสถานประกอบการ ทั้งนี้ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีจะได้มีการขยายผลเพื่อส่งเสริมอาชีพให้คน ในชุมชนรอบเหมืองแร่เพื่อเกิดความยั่งยืนในล้าดับต่อไป “เมืองสิงห์บุรี อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” พื้นที่อ าเภอพรหมบุรี พื้นที่อ าเภออินทร์บุรี 39
อุตสาหกรรมดี ชุมชนดี หน่วยงานดี ส ่ วนท ี ่ 3 กิจกรรมส าคัญ
ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ต้อนรับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (นายณัฐพล รังสิตพล) พร้อมคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่เยี่ยมการด าเนินงาน วันที่ 11 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะ ประกอบด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวิษณุ ทับเที่ยง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายในการขับเคลื่อนกระทรวงอุตสาหกรรม และแนวทางการบูรณาการงานของหน่วยงาน ในพื้นที่ ณ ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี (สอจ.สิงห์บุรี) และบ้านพักข้าราชการฯ ส้าหรับส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี มีการด้าเนินการตาม นโยบาย MIND ครอบคลุม 4 มิติ เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการด้าเนินงาน ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านความส้าเร็จ ทางธุรกิจ การดูแลสังคมและชุมชน การรักษาสิ่งแวดล้อม และการกระจายรายได้ สู่ชุมชน โดยมีตัวอย่างการด้าเนินการ ได้แก่ โรงงานน้้าตาลสิงห์บุรี ได้เข้าไป ช่วยพัฒนาการปลูกอ้อยโดยการน้าเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ มากขึ้น เช่น ระบบเปิด-ปิดน้้าผ่านสมาร์ทโฟน ส่วนการดูแลสังคม โรงงานมี หน่วยงาน CSR เพื่อท้าความเข้าใจร่วมกับเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์ สิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชน ขณะที่การรักษา สิ่งแวดล้อม มีการส่งเสริมการปลูกต้นไม้และแปลงปลูกอ้อย และมีการน้ากากของเสีย จากการแปรรูปอ้อยมา ผลิตสารปรับปรุงดิน และในด้านการกระจายรายได้ โรงงานมีการรับซื้อผลิตภัณฑ์ไม้กวาดทางมะพร้าวที่ชุมชน ผลิต ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้ชุมชนโดยรอบ โดยมีนายสมบูรณ์ สุนทรศาสตร์ อุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานผลการด้าเนินงานของหน่วยงาน ประกอบด้วย โครงสร้างบุคลากร งบประมาณ ผลผลิต ตัวชี้วัด แผนการด้าเนินงานในปี 2566 และค้าของบประมาณ ปี 2567 ตลอดจนข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ และมีนายธนะศักดิ์ คงศิริสมบัติ ผู้จัดการเขต 6 นายดิรก หมู่ผึ้ง ผู้จัดการสาขาสิงห์บุรี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ให้การต้อนรับ และน้าเสนอ โครงสร้างของสาขาและผลการด้าเนินงานด้านการอนุมัติและปล่อยสินเชื่อ และการเปรียบเทียบผลเบิกจ่ายรายไตรมาส ประจ้าปี 2564 และ 2565 ส้าหรับ ในปี 2566 มีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อ 441 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีปริมาณ NPL สะสมเพียง 1.8 เท่านั้น 40
ขณะที่รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ควรเชื่อมโยงการท้างาน ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อเข้ามา ช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์ ส่วนในด้านการบริหารจัดการงบประมาณ ต้องด้าเนินการให้เป็นไปตาม แหล่งงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร โดยเฉพาะงบสาธารณูปโภค ควรจัดท้า ระบบบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้เป็นไปตามความเป็นจริง เพื่อเป็นข้อมูล ส้าหรับการขอรับการจัดสรรงบประมาณจากส้านักงบประมาณต่อไป นอกจากนี้ ในด้านการขอรับงบประมาณจังหวัด ควรมีการศึกษาข้อมูลเชิงลึก ในยุทธศาสตร์ของจังหวัด ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด และแนวโน้ม สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เพื่อการจัดท้าแผนที่สอดคล้องการพัฒนา จังหวัดอย่างแท้จริง รวมถึง ขอความร่วมมือให้กิจการต่าง ๆ กรอกข้อมูล ใน i-Single Form เพื่อให้สามารถน้าข้อมูลมาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ ได้อย่างถูกต้อง ส้าหรับ ธพว.สิงห์บุรี ได้เสนอแนะให้มีการพิจารณา หลักเกณฑ์กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ควรมีเกณฑ์ที่เป็น มาตรฐานเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ ซึ่งเมื่อจบโครงการแล้ว สามารถ ส่งต่อลูกค้าเข้าสู่ระบบสินเชื่อปกติของ ธพว. และหากผู้ประกอบการ เข้มแข็งมากขึ้น อาจส่งต่อไปยังธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ได้ต่อไป ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรทองเอน ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่มีการน้านวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่น และพัฒนามาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ส่วนในด้านการดูแลสังคมโดยรอบ มีการเปิดศูนย์เรียนรู้ให้กับผู้สนใจ ผู้ว่างงาน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ พร้อมการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงไว้ ขณะที่การรักษาสิ่งแวดล้อม มีการน้าน้้าทิ้งจากการผลิตปลาส้ม ไปใช้ในการเกษตร ท้าให้ผลผลิตมีคุณภาพ รวมถึงมีการน้าน้้ามันเหลือใช้ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม และการกระจาย รายได้มีการรับซื้อวัตถุดิบโดยรอบพื้นที่ และสร้างช่องทางจ้าหน่ายสินค้าในชุมชนทั้งตลาดออฟไลน์และ ตลาดออนไลน์ ท้าให้สังคม ชุมชน และวิสาหกิจอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นอกจากนี้ ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรียังได้คิดแผนการต่อยอดแนวคิด MIND ใน 4 มิติ ในการพัฒนา พื้นที่ 5 ขั้นตอน ตั้งแต่การวิเคราะห์โรงงานในพื้นที่การปั้นโรงงานให้น้าแนวทาง 4 มิติไปใช้การประสานสัมพันธ์ กับเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม การปั้นความสุขคืนสู่สังคม ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ในพื้นที่ ตลอดจนการเฟ้นหาพี่เลี้ยง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี พร้อมช่วยเหลือชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวชื่นชมส้านักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีว่ามีการรักษาความสะอาด และดูแลสถานที่ท้างาน ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงมีความเข้าใจในการน้านโยบาย MIND ใช้ "หัวและใจ" ทั้ง 4 มิติ ไปส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้ประกอบการน้าไปใช้ ให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน พร้อมนี้ได้ก้าชับให้ ตรวจสอบมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์เหล็ก ที่มีการร้องเรียนกรณีไม่ได้มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ส่วนกรณีอ้อยเผาไฟ ขอให้ทุกฝ่ายที่ เกี่ยวข้องให้ความส้าคัญ เนื่องจากที่ผ่านมาส่งผลกระทบท้าให้เกิด PM 2.5 ในบริเวณกว้าง สร้างความเดือดร้อนทั้งในด้านสุขภาพ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยขอความร่วมมือให้ โรงงานในพื้นที่ คิดหาแนวทางการส่งเสริม และรณรงค์ให้ผู้ปลูกลดการเผาอ้อยให้น้อยลง นอกจากนี้ยังได้ให้ค้าแนะน้ากรณีโรงงานที่ถูกร้องเรียนปัญหาเสียงดังจากการผลิตชิ้นไม้สับว่า ต้อง พิจารณาแหล่งก้าเนิดของการเกิดเสียง ซึ่งมีหลักการมาจากการสั่นสะเทือนของวัตถุท้าให้เกิดเป็นคลื่นเสียง ดังนั้น จึง ควรแก้ไขโดยการลดการสั่นสะเทือน ด้วยการน้าวัสดุต่าง ๆ ปิดทับบริเวณแหล่งก้าเนิดเสียง ก็จะท้าให้ลดการ สั่นสะเทือนและลดความดังของเสียงลงได้ 41
ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ต้อนรับผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายภาสกร ชัยรัตน์) ลงพื้นที่ตรวจติดตามงาน (ตรวจราชการกรณีปกติ รอบที่ 1) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พร้อมมอบแนวทางในการด้าเนินงาน โดยให้ตรวจก้ากับโรงงาน/เหมืองแร่ให้ เป็นไปตามกฎหมาย การส่งเสริม GI ให้ได้ 100% การส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มวิสาหกิจชุมชนรอบโรงงาน ที่น่าจะมีความเสี่ยง (ไม่มีร้องเรียนซ้้าซาก) นอกจากนี้ยังได้ร่วมหารือกับเครือข่ายในพื้นที่ อาทิ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า SMEs D Bank สาขาสิงห์บุรี เครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม และผู้แทน คพอ. จังหวัด เพื่อรับทราบผลการด้าเนินงานปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งจังหวัดสิงห์บุรีเป็นจังหวัดขนาดเล็กส่วนใหญ่เป็น พื้นที่เกษตรกรรม ข้าว อ้อย ผลไม้ มีโรงงานอุตสาหกรรมไม่มากนักโดยภาคอุตสาหกรรมมีข้อเสนอความต้องการ ขยายตัวให้มากกว่านี้ แต่การแก้ไขกฎหมายผังเมืองยังล่าช้าอยู่ ท้าให้โรงงาน เช่น การแปรรูปเกษตรหรือ ซ่อมสร้างอุปกรณ์การเกษตรไม่สามารถด้าเนินการได้ ส่วนด้านการตลาดและเจรจาธุรกิจจะมีการจัดงาน "เจ้าพระยาป่าสัก Expo" เพื่อช่วยผู้ประกอบการกลุ่มภาคกลางมาจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ในการนี้ ได้ให้ ข้อแนะน้าในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม น้านโยบายท่านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม MIND ใช้ "หัว" และ "ใจ" ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย ภายใต้หลัก"อุตสาหกรรมดี ชุมชนดี หน่วยงานดี" สู่ความส้าเร็จ 4 มิติ (ความส้าเร็จทางธุรกิจ การประกอบกิจการไม่สร้างผลกระทบชุมชน การดูแล สิ่งแวดล้อมตอบโจทย์ประชาคมโลก และการกระจายรายได้สร้างอาชีพดีพร้อม) ใช้ศักยภาพกองทุนที่มีอยู่ เชื่อมโยงส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนได้รับประโยชน์ อย่างเต็มที่และยั่งยืน วันที่ 9 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รักษาการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจติดตามงานเขตตรวจราชการที่ 1 ภาคกลางตอนบน ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีนายสมบูรณ์ สุนทรศาสตร์ อุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีและคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมประชุมตรวจติดตามงาน ตามประเด็นการตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รอบที่ 1 42