The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Ebook หัตถกรรมคุล้มคล้า ภูมิปัญญาชอง ช้างทูน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kunkorkai, 2022-03-30 23:41:59

Ebook หัตถกรรมคุล้มคล้า ภูมิปัญญาชอง ช้างทูน

Ebook หัตถกรรมคุล้มคล้า ภูมิปัญญาชอง ช้างทูน

Keywords: ช้างทูน

1

2

3

4

5

1

ตำบลช้ำงทนู

ตำนำนคำบอกกล่ำวที่มำตำบลแห่งนี้มีกำรจดบันทึกไว้ว่ำ [สมัยก่อนมีคนอพยพมำตั้งถิ่นฐำน
อยู่ในหมู่บ้ำน และในตอนกลำงวันชำวบ้ำนดังกล่ำวจะออกจำกบ้ำนไปทำมำหำกิน ในขณะที่ชำวบ้ำนไม่อยู่
ได้มีช้ำงโขลงหน่ึงออกมำทำลำยพืชผลในหมู่บ้ำน และช้ำงโขลงนั้นมีช้ำงพรำยตกมันร่วมอยู่ด้วย
ซึ่งมันอำละวำดถอนต้นไม้และทำลำยบ้ำนเรือนของรำษฎรโดยกำรยกบ้ำนข้ึนทงั้ หลงั และทง้ิ ลงมำ แต่ลกั ษณะ
กำรยกของช้ำงนนั้ จะใช้งวงดลุ บ้ำนข้ึน ภำษำทอ้ งถน่ิ เรยี กว่ำ “ทูน” ดังนนั้ ชำวบ้ำนจึงขนำนนำมหมู่บำ้ นแหง่ นี้
วำ่ “บำ้ นชำ้ งทูน” นับตัง้ แต่นั้นเป็นต้นมำ]

ตำบลช้ำงทูนมีหมู่บ้ำนท้ังหมด 6 หมู่บ้ำน ประกอบด้วย หมู่ที่ 1 บ้ำนคลองขวำง หมู่ท่ี 2
บ้ำนช้ำงทูน หมู่ที่ 3 บ้ำนหนองแฟบ หมู่ที่ 4 บ้ำนหนองมำตร หมู่ที่ 5 บ้ำนหนองไม้หอม และหมู่ท่ี 6
บ้ำนตระกูลพัฒนำ และได้ยกฐำนะเป็นองค์กำรบริหำรส่วนตำบล มีฐำนะเป็น นิติบุคคล ตำมพระรำชบัญญัติ
สภำตำบลและองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล พ.ศ.2537 ตำมประกำศกระทรวง มหำดไทย เม่ือวนั ท่ี 23 กุมภำพนั ธ์
พ.ศ. 2540 และได้ปรับขนำดจำกขนำดเล็กเป็นขนำดกลำง เมื่อวันท่ี 22 กันยำยน 2551 ตำบลช้ำงทูน
อยู่ทำงทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของอำเภอบ่อไร่ ห่ำงจำกที่ว่ำกำรอำเภอประมำณ 9 กิโลเมตร ตำบลช้ำงทูน
มีเน้ือท่ีประมำณ 67.80 ตำรำงกิโลเมตร หรือประมำณ 41,927 ไร่ เป็นเน้ือท่ีเพื่อกำรเกษตร 20,373 ไร่
และทอ่ี ยู่อำศยั ประมำณ 8,470 ไร่ นอกจำกนั้นเปน็ เขตปำ่ สงวนประมำณ 13,084 ไร่ โดยมีลักษณะภมู ปิ ระเทศ
เปน็ ทรี่ ำบสลบั ทส่ี ูงและภเู ขำ มีคลองตัดผำ่ นแต่ปจั จุบนั สภำพคลองต้ืนเขินเนอื่ งจำกกำรทำเหมืองพลอย1

1เว็บไซต์ องค์การบรหิ ารส่วนตาบลช้างทูน https://www.changtoon.go.th/index/?page=article1932 ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี 2/7/2564

2
ชมุ ชนตำบลช้ำงทูน ตั้งอยู่ท่ีอำเภอบ่อไร่ จังหวัดตรำด เป็นพ้ืนท่ีป่ำตน้ น้ำท่ีอยตู่ ิดกับแนวเทือกเขำ
บรรทัดซ่ึงกั้นเขตแดนระหว่ำงประเทศไทยกับประเทศกัมพูชำ ในอดีตมีควำมอุดมสมบูรณ์ท้ังทรัพยำกรป่ำไม้
และสินทรัพย์ในดิน โดยเฉพำะ ทับทิมสยำม หรือ “พลอยแดงค่ำล้ำหน่ึงในเอกลักษณ์ของจังหวัดตรำด”
พื้นที่ดังกล่ำวมีคุณค่ำต่อชีวิตและจิตวิญญำณของชำวชอง-ซัมเร ชนพ้ืนเมืองที่ต้ังถ่ินฐำนมำแต่เดิมจนกระท่ัง
มีกำรพัฒนำอุตสำหกรรมพลอยในเภอบ่อไร่ หรือที่เรียกวำ่ “ยุคต่ืนพลอย” ซ่ึงเริ่มต้นประมำณ พ.ศ. 2511 –
2512 จึงมีคนต่ำงถิ่นท้ังชำวกุหล่ำ ชำวลำว ชำวเขมร ชำวไทยอีสำนอพยพเข้ำมำในพ้ืนท่ีเพ่ือเสี่ยงโชค
หำพลอย1

ภำพแสดงขอบเขตภมู ปิ ระเทศตำบลช้ำงทนู

Google Map : 4 ก.ค. 2564

1ณศิ ริ ำ กำยรำศ รูปแบบนเิ วศพิพธิ ภัณฑเ์ พือ่ กำรท่องเทีย่ วโดยชุมชน กรณีศกึ ษำ ชมุ ชนตำบลชำ้ งทนู อำเภอบอ่ ไร่ จงั หวัดตรำด, หน้ำ 2.

3

ชำติพนั ธุ์ ชอง

คำว่ำ “ชอง” แปลว่ำ “คน” ปัจจุบันคำๆนี้ใช้เป็นท้ังช่ือเรียกกลุ่มชนดั้งเดิมของจังหวัดจันทบุรี
ตรำด ระยอง และฉะเชงิ เทรำ และภำษำถิ่นทีพ่ วกเขำใชพ้ ูดกัน ในพจนำนุกรมภำษำไทยของรำชบณั ฑติ ยสถำน
ฉบับ พ.ศ. 2525 มีคำๆน้ีบรรจุอยู่ โดยให้ควำมหมำยว่ำเป็นช่ือของกลุ่มชนกลุ่มหน่ึงที่อำศัยอยู่ทำงตอนเหนือ
ของจังหวัดจันทบุรี แต่ในหมู่คนชองเองน้ัน เวลำที่ต้องกำรเน้นควำมเป็นคนชองของตนกับคนอ่ืน เขำมักจะ
เรยี กตนเองว่ำ “ชึม่ ชอ์ ง” ซงึ่ แปลวำ่ “คนชอง”1

ปัจจุบันประชำกรชองอำศัยอยู่หนำแน่นในเขตอำเภอเขำคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี โดยเฉพำะสอง
ตำบลทำงตอนเหนือของอำเภอ คือตำบลตะเคียนทองและตำบลคลองพลู ส่วนตำบลที่อยู่ทำงตอนใต้คือตำบล
พลวงและตำบลชำกไทย มีประชำกรค่อนขำ้ งเบำบำง และในตำบลทับไทรของอำเภอโปง่ นำ้ รอ้ นน้นั ประชำกรที่
พูดภำษำชองเหลอื อยู่น้อยมำก แต่เมอ่ื ใครได้พบปะคนเมืองจันทท์ ี่มำจำกตำบลน้นั อำจไดร้ ับกำรบอกกล่ำวว่ำมี
เชอ้ื สำยชอง และพบวำ่ ยังมีคนชองอีกในหลำยจังหวัดของภำคตะวนั ออก ได้แก่ จังหวัดระยอง ในอำเภอแกลง
จังหวัดตรำด ในอำเภอบอ่ ไร่และอำเภอเมือง จงั หวัดฉะเชงิ เทรำ ในอำเภอสนำมชัยเขต และอำเภอท่ำตะเกียบ
จังหวัดกำญจนบุรี ในอำเภอศรีสวัสด์ิ2 ศำสตรำจำรย์ชิน อยู่ดี (2506) กล่ำวว่ำ ชองพวกน้ีเป็นพวกเดียวกับ
พวกชองอูด ซะอูด หรือ ซะโอด เป็นชองท่ีมำจำกประเทศกัมพูชำ นั่งเรือมำข้ึนที่รำชบุรี โดยมีเจ้ำพระยำ
บดินทรเดชำนุชิต เจ้ำเมืองโชฎึก เป็นผู้ส่งมำเม่ือ พ.ศ. 2376 พวกนี้ได้ขึ้นไปตำมลำแควใหญ่ ในจังหวัด
กำญจนบุรีตอนเหนือ (รำยงำนเสนอกองโบรำณคดีกรมศิลปำกร เมื่อวันที่ 7 มกรำคม 2506) และมีคนชอง
อำศัยอยู่แถบชำยแดนประเทศไทยติดกับอำเภอบ่อไร่ จังหวัดตรำด เรียกตนเองว่ำ ซัมแร อยู่ในจังหวัด
พระตะบองของประเทศกัมพูชำ และคนชองท่ีเรียกตนเองว่ำ ปอร์ อำศัยอยู่ในจังหวัดโพธิสัตว์ของประเทศ
กัมพชู ำ มเี ขตติดต่อกับอำเภอเมือง จังหวัดตรำด3

จำกหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ และจำกกำรค้นคว้ำของนักมนุษยวิทยำ สรุปได้ว่ำ ชำวชอง
ได้อำศยั อยใู่ นภำคตะวนั ออกของประเทศไทย คือ บริเวณจงั หวดั ระยอง จนั ทบุรี ตรำด และอำศัยเลยเขำ้ ไปใน
เขตสำธำรณรัฐกำพชู ำ ซ่ึงมอี ณำเขตติดต่อกบั จงั หวดั จนั ทบุรี ตรำด มำแต่ดัง้ เดิม จำกสภำพควำมเป็นอยู่ อำชีพ
สงั คม และวัฒรธรรมดง้ั เดิม ชำวชอง มลี กั ษณะเป็น “ชำวป่ำ” มำก ซ่ึงลกั ษณะเช่นนี้คล้ำยกับชำวบน กูย หรือ
ส่วย ซึ่งเป็นชนกลุ่ม มอญ-เขมร นอกจำกน้ีรปู ร่ำง ลักษณะโครงสร้ำงของร่ำงกำย แตกต่ำงไปจำกพวกคนไทย
คนจีน ซ่งึ อย่ใู นเผ่ำ มงโกลอยด์ (Mongoloids) และนักมนุษยวทิ ยำจัดชนกลมุ่ มอญ-เขมร ซึง่ มีลักษณะ รปู ร่ำง
สภำพสังคมวฒั นธรรมใกลเ้ คียงกนั นี้อยู่ในเผ่ำพนั ธ์ุ ออสโตร-เอเชียติค (Austro Asiatic) ดงั น้ัน จงึ สรปุ ไดว้ ่ำ

1ชนเผ่ำพนื้ เมือง ชอง โครงกำรพัฒนำระบบฐำนขอ้ มูลเพือ่ เสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งใหแ้ ก่ชนเผำ่ พืน้ เมอื งในประเทศไทย, หนำ้ 2
2เจตน์จรรย์ อำจไธสง และคณะ, 2560.
3ชนิ อยดู่ .ี (2506). รำยงำนเสนอกองโบรำณคดกี รมศลิ ปำกร เมอ่ื วันที่ 7 มกรำคม 2506.

4
ชำวชอง เป็นชำวป่ำกลุ่มหน่ึง ซ่ึงจัดอยู่ในกลุ่มชำติพันธุ์ออสโตร-เอเชียติค และกลุ่มย่อย กลุ่ม
มอญ-เขมร และจำกกำรคน้ ควำ้ ของผู้วจิ ัยเหน็ ว่ำ ชำวชองมิไดอ้ พยพโยกย้ำยถ่ินมำจำกที่ไหน แตไ่ ด้อำศยั อยู่ใน
ถ่นิ ฐำนภมู ภิ ำคน้ีมำแตด่ ั้งเดิม จงึ เป็นชนเผำ่ พน้ื เมืองในบริเวณนี้มำยำวนำน
นำยแพทย์ เอ.คำร์ และพันตรี อีริค ไซเดนฟำเดน ได้ร่วมกันเขียนหนังสือ “ชำติวงศ์วิทยำว่ำด้วย
ชนชำติเผ่ำต่ำงๆในประเทศไทย” ในปี พ.ศ. 2473 ซึ่งได้กล่ำวถึงชนเผ่ำชองไว้ว่ำเป็นคนที่มีถ่ินฐำนอยู่ในแถบ
เขำในจังหวัดจันทบุรีและใกล้เคียง สืบเชื้อสำยมำจำกชนเผ่ำชองในเขมร เขมรเรียกชนเผ่ำชองว่ำ “ปอร์”
แต่คนชองเรียกตนเองว่ำ “ตัมเร็จ” หรือ “สำแร” ภำษำพูดคล้ำยคลึงกับภำษำเขมร อย่ำงไรก็ดีชนเผ่ำชอง
กบั เขมรมคี วำมแตกต่ำงกัน เรอ่ื งรูปลักษณ์ขนำดกะโหลกศรีษะและชนเผ่ำชองมักจะมีเลือด นิกริโต (เงำะหรือ
เซมังในภำคใต้ของประเทศไทย) ผสมอยู่ประมำณร้อยละ 20 ทั้งนี้ คงจะได้ผสมกับนิกริโต ซึ่งตั้งหลักแหล่ง
อยู่ในบริเวณน้ีมำก่อนน่นั เอง1

https://www.museumthailand.com/th/784/storytelling/ชำตพิ ันธุเ์ มืองตรำด

1ชนเผำ่ พน้ื เมือง ชอง โครงกำรพัฒนำระบบฐำนขอ้ มลู เพ่อื เสรมิ สรำ้ งควำมเขม้ แขง็ ให้แก่ชนเผ่ำพน้ื เมืองในประเทศไทย, หนำ้ 3-4.

5

แผนทแ่ี สดงร่องรอยอำณำบรเิ วณกำรอยู่อำศยั ของชำวกะซองและซมั เร

สุวิไล เปรมศรีรัตน์,พรสวรรค์ พลอยแกว้ สำรำนกุ รมกลุ่มชำตพิ นั ธใุ์ นประเทศไทย กะซอง และ ซมั เร 2548

6

ถ่ินฐำนชำติพนั ธุ์ ชอง – ซมั เร

อำณำเขตของจังหวัดตรำด โดยเฉพำะอำเภอเขำสมิงและอำเภอบ่อไร่ พ้ืนที่ส่วนหน่ึงมีอำณำเขต
ตดิ ต่อกบั กัมพูชำมีเทอื กเขำบรรทัดขวำงกั้น ระยะทำงใกล้สดุ ห่ำงประมำณ 5 กิโลเมตร มีกลมุ่ ชนพื้นถิ่นอำศัย
กระจำย ทั่วพื้นท่ีของทั้งสองอำเภอนี้ จำแนกออกได้ 3 ชำติพันธ์ุ คือ ชอง กะซอง และซัมเร ซึ่งมีวัฒนธรรม
ท่ีคล้ำยคลึงกันมำก แม้จะมีภำษำเป็นของตนเอง แต่ก็เป็นภำษำในตระกูลเดียวกันคือออสโตรเอเชียติก
กลุ่มมอญ-เขมร ชองเป็นชนกลุ่มใหญ่ ตั้งถิ่นฐำนเก่ำแก่มำแต่ด้ังเดิมทั่วไปในจังหวัดทำงภำคตะวันออก
ตัง้ แต่ตรำด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี สระแก้ว จนถึงฉะเชิงเทรำ ในขณะที่กะซองและซมั เร เป็นชนกลุ่มน้อยที่มี
ชวี ิตหำเล้ยี งชีพดว้ ยกำรหำของปำ่ และลำ่ สตั ว์ เดนิ ทำงเคล่อื นทไ่ี ปในแนวป่ำเทือกเขำบรรทัด ข้ำมไปมำระหวำ่ ง
ไทยและกัมพูชำ โดยมีเครือยำติอยู่ทั้งสองฝ่ัง คร้ันเกิดควำมไม่สงบในกัมพูชำ บำงส่วนจึงอพยพเข้ำมำอยู่
กับเครือญำติคนรู้จกั ทำงฝงั่ ไทย บริเวณอำเภอเมอื งตรำด อำเภอบ่อไร่ อำเภอเขำสมงิ จงึ มีชำวกะซองและชำว
ซัมเร ตั้งบ้ำนเรือนอยู่หลำยหมู่บ้ำน เช่น ชุมชนชำวกะซองมีอยู่ท่ีบ้ำนคลองแสง บ้ำนด่ำนชุมพล บ้ำนปะอำ
และชุมชนชำวซัมเร มีอยู่ท่ีบ้ำนมะม่วง บ้ำนคลองโอน บ้ำนช้ำงทูน เป็นต้น จึงปรำกฏช่ือบ้ำนนำมเมือง
เป็นภำษำชำติพันธุ์เหล่ำนี้ อำทิ บ้ำนซรุกซวก บ้ำนว่ำรก้ำย บ้ำนควงอูร ในภำษำซัมเรที่แปลเป็นไทยว่ำ
บ้ำนมะม่วง บ้ำนทุ่งนอก(บ้ำนนนทรีย์ในปัจจุบัน) บ้ำนคลองมัน (บ้ำนคลองโอนในปัจจุบัน) ตำมลำดับ
ด้วยอัตลักษณ์ที่ คล้ำยคลึงกันจนสังคมภำยนอกท่ีไม่คุ้นเคยยำกที่จะจำแนกได้จึงเรียกชำวชอง และชำวซัมเร
โดยรวมว่ำเป็น “คนชอง” แม้แต่ชำว กะซอง ชำวซัมเร ก็พลอยเรียกขำนตนเองว่ำเป็นคนชองเช่นกั น
สวุ ิไล เปรมศรีรัตน์,พรสวรรค์ พลอยแกว้ (2550:79) ไดใ้ ห้ทัศนะว่ำซำเรและกะซอง มีจำนวนน้อยผลกำรศึกษำ
ยังไม่ปรำกฏเร่ืองรำวที่ชัดเจนประกอบกับภำษำและวัฒนธรรมมีควำมคล้ำยคลึงกับชำติพันธ์ุชองในจันทบุรี
ข้ำรำชกำรไทยท่ีเข้ำไปอยู่ในจังหวัดตรำด และคนนอกกลุ่มจึงเรียกรวมว่ำ “ชอง” สำหรับชำวซัมเรทำงกำร
ไทยเข้ำใจ ว่ำเป็นคนเช้ือ สำยไทย ท่ีอยู่มำแ ต่เดิมจึ งไม่สนใจจะ อนุรัก ษ์ภ ำษำแ ละ วัฒนธรรมขอ งคนกลุ่มน้ี
อกี ท้ังซัมเรก็ชอบที่จะปกปิดชำติพันธ์ขุ องตน จำกสำเหตุดังกล่ำวทำให้เรื่องรำวของชอง-ซัมเร ในอำเภอบ่อไร่
มิไดถ้ ูกบันทกึ บนหนำ้ ประวัติศำสตรช์ ำตพิ นั ธ์ขุ องจงั หวดั ตรำดโดยเฉพำะเหตุกำรณ์ในยุคตน่ื พลอยท่มี ผี ลกระทบ
ตอ่ วัฒนธรรมวิถชี ีวติ ควำมเป็นอยู่และสภำพแวดลอ้ มให้ตอ้ งพลกิ ผนั เปลย่ี นแปลงไป1
ชื่อ กะซอง และซัมเร เป็นช่ือที่ผู้พูดภำษำทั้งสองใช้เรียกภำษำของตนเอง สันนิษฐำนว่ำเป็นท้งั สองคำ หมำยถึง
“คน” โดยคำว่ำ “ซัมเร” อำจจะหมำยถึง “คนท่ีทำนำ” ส่วน “กะซอง” น่ำจะเป็นคำเดียวกับ “ชอง”
ซ่ึงแปลว่ำ “คน” ในภำษำชองคำว่ำ “ชอง” ที่จริงแล้วเป็นคำเรียกชื่อกลุ่มชนท่ีพบหนำแน่นในก่ิงอำเภอ
เขำคิชฌกูฏ จังหวัดจนั ทบรุ ี แตอ่ ย่ำงไรก็ตำม ท้ังกล่มุ กะซองและกลมุ่ ซัมเรถูกเรียกว่ำ ชอง โดยบคุ คลนอกกลุ่ม
ซงึ่ ชำวบ้ำนกย็ อมรบั ว่ำเป็นคำเรยี กกลุ่มของตนไปดว้ ยเมอื่ พดู ถึงในภำษำไทย2

1ณศิ ริ ำ กำยรำศ รูปแบบนเิ วศพิพธิ ภณั ฑเ์ พ่อื กำรทอ่ งเทย่ี วโดยชมุ ชน กรณีศึกษำ ชุมชนตำบลชำ้ งทูน อำเภอบ่อไร่ จงั หวดั ตรำด, หนำ้ 42-43
2สุวไิ ล เปรมศรรี ัตน,์ พรสวรรค์ พลอยแก้ว สำรำนุกรมกลุ่มชำตพิ นั ธใ์ุ นประเทศไทย กะซอง และ ซัมเร 2548

7

วิถีอตั ลกั ษณ์ “ชำวชอง”

ชำติพันธ์ุ “ชอง” ในอดีต ดำเนินชีวิตโดยกำรอำศัยภูมิปัญญำจำกประสบกำรณ์ เช่นเดียวกับ
ชนเผ่ำอ่ืนๆ ที่ต้องอำศัยทรัพยำกรจำกธรรมชำติ เพื่ออยู่อำศัย และบริโถค ควำมสมบูรณ์จำกธรรมชำติ
และกำรรู้จักที่จะใช้ประโยชน์ จึงบ่งบอกถึงคุณภำพชีวิต และอัตลักษณ์ ของชำวชองในอดีตได้เป็นอย่ำงดี
ในยุคสมัยก่อนกำรเขำ้ สู่ยุคปฏิวัติอุตสำหกรรม กลุ่มผูอ้ ำวโุ สชำวชอง ท้ังในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี และในจังหวัด
ตรำด ต่ำงมีข้อมูลท่ีตรงกัน คือ ต่ำงบอกเล่ำถึงควำมหลังท่ีมีควำมสุข ในยุคที่เงินทองไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่ำง
ของชีวิต ผู้คนไม่ต้องทำงำนหนัก จนไม่มีเวลำท่ีแม้แต่จะสร้ำงควำมสุขให้กับตนเองเช่นปัจจุบัน ชำวชองมีวิถี
ชีวิตท่ีเรียบง่ำย หำกิน หำอยู่ กับธรรมชำติทรัพยำกรส่ิงแวดล้อมรอบตัว มีนิสัยค่อนข้ำงเฉ่ือยช้ำ ไม่ค่อย
กระตือรือร้น เป็นคนเงียบ ไม่ค่อยกล้ำแสดงออก มีน้ำใจดี โอบอ้อมอำรีและซื้อสัตย์ มีวัฒนธรรม ประเพณี
และควำมเช่ือ ที่แสดงออกถึงควำมเคำรพต่อธรรมชำติ และบรรพบุรุษ ดังท่ีปรำกฏในพิธีกรรมและประเพณี
ต่ำงๆ เชน่ ประเพณีกำรทำบญุ ส่งทุ่ง ที่มคี วำมเช่อื ว่ำ 1“กำรทม่ี นุษยเ์ กิดมำบนโลกนี้ และมีอำกำรเจ็บไข้ไดป้ ่วย
หรือมีอันเป็นไปต่ำงๆนำๆ นั้นเป็นเพรำะมี ยมทูตจำกยมโลกมำลงโทษมนุษย์ชีวิตควำมเป็นอยู่ในแต่ละวัน
ของมนุษย์ จะมีเหล่ำยมทูตคอยสอดส่องดูแลอย่ำงใกล้ชิด ชะตำชีวิตล้วนขึ้นอยู่กับเหล่ำยมทูตในรอบ 1 ปี
คณะยมทูตจะต้องเดินทำงกลับยมโลก เพื่อรำยงำนบันทึกและผลัดเปล่ียนให้ยมทูตชุดใหม่ข้ึนมำทำหน้ำที่
ในโลกมนุษย์ ต่อไปชำวชองทุกคนจะต้องทำบัญชีรำยชื่อทรัพย์สิน ส่ิงมีชีวิต ทั้งที่ตำยแล้วและยังมีชีวิตอยู่
มอบให้แก่คณะยมทูตนำกลับไปด้วย เพื่อขอควำมคุ้มครองให้อยู่ดีมีสุขในปีต่อไปพร้อมท้ังมีกำรเสียภำษี
เป็นเสบียงอำหำร ให้แก่เหล่ำคณะยมทูตที่เดินทำงกลับยมโลกด้วย หลังฤดูกำลเก็บเก่ียวข้ำวทุกๆปี ลูกหลำน
ชำวชองในจังหวัดจันทบุรี ระยองและตรำด จะมีประเพณีสำคัญที่กระทำกันสืบเน่ืองกันมำนั่นคือพิธีทำบุญ
ส่งทุ่ง” หรือควำมเช่ือท่ีเกิดประเพณีกำรเล่นผีหิ้ง ที่มีควำมเชื่อว่ำ “เมื่อบรรพบุรุษหรือญำติพ่ีน้องที่เสียชีวิต
ไปแล้วก็สำมำรถที่จะติดต่อส่ือสำรกันได้ ทั้งน้ีก็เพ่ือไต่ถำมทุกข์สุขทั้งของคนเป็นและคนตำย นอกจำกนี้ยังมี
ควำมเชื่อกันว่ำ หำกชำวชองครอบครัวหรือตระกูลใด ที่มีกำรเล่นผีห้ิงเป็นประจำทุกปีแล้ว จะทำให้เกิดควำม
รำ่ รวย มีควำมสุขดังในอดีตชำวชองจึงมกี ำรนำผีหิ่งมำเล่นกนั ”

1ชนเผำ่ พ้นื เมือง ชอง โครงกำรพฒั นำระบบฐำนข้อมูลเพื่อเสรมิ สรำ้ งควำมเขม้ แขง็ ใหแ้ กช่ นเผ่ำพ้นื เมืองในประเทศไทย, หนำ้ 13,18.

8

9

10

หตั ถกรรมเครอื่ งจกั สำนคลุ้ม-คล้ำ สบื ทอด ภมู ิปัญญำวิถี “ชอง”

อุปกรณ์ เครื่องมือหำเล้ียงชีพชำวชองเม่ือครั้งอดีต มิได้มีสิ่งอำนวยควำมสะดวกเช่นปัจจุบัน
บรรพบุรุษชำวชอง ได้ทดลองศึกษำและหำวิธีกำรเพื่อสร้ำงอุปกรณ์เคร่ืองมือต่ำงๆ ท่ีจะได้เป็นตัวช่วย
ในกำรหำเลี้ยงชีพให้ง่ำยมำกขึ้น โดยอำศัยวัสดุจำกธรรมชำติ ที่มีอยู่รอบตัว มำประดิษฐ์และสร้ำงองค์ควำมรู้
ทเี่ ปน็ เอกลักษณ์และได้ถ่ำยทอดมำจนถงึ ปัจจุบัน เช่น ขวำนบลู ู คนั กระสุน เป็นตน้ และในทกุ บำ้ นทุกกจิ กรรม
ของชำวชอง สงิ่ ทมี่ กั จะพบเห็นได้เสมอ และถอื ไดว้ ำ่ เป็นจุดเดน่ ของชำวชองก็คือ เคร่อื งจักสำรทีท่ ำดว้ ยต้นคลุ้ม
และต้นคล้ำ รวมถึงหวำย และไม้ไผ่ เช่น เสื่อนอน เส่ือนั่ง หรือกระบุงสำหรับใส่ข้ำวปลำอำหำร โดยมีกำรนำ
น้ำมันยำงมำทำเคลือบผิวไว้ เพื่อให้มีควำมแข็งแรงทนทำน และเพ่ือป้องกันแมลง โดยชำวชองผู้หญิงในวัย
กลำงคน และวยั สูงอำยุจะมีหน้ำที่ในกำรทำงำนบ้ำน เม่ือพอมีเวลำว่ำงก็จะตัดต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ มำสำนทำเสื่อ
ทำกระบงุ ทำคะนำง เอำไวใ้ ชใ้ นครัวเรือน
“สมัยก่อนเม่ือถึงช่วงดำนำเสร็จ ย่ำฉัน กจ็ ะเข้ำป่ำไปตัดก้ำนตอง ตัดต้นคลุ้ม มำทำเสื่อ ทำสมุกไว้ ฉันก็นงั่ มอง
เขำ แล้วฉันก็ลองหัดทำตำมเขำ ก็พอทำได้หลำยรูปแบบ แตพ่ อเริม่ โตเป็นสำวก็ไม่ได้ทำแล้ว เพรำะว่ำออกไป
ทำงำนอ่ืน แต่พอได้ผวั มีลูก แม่ยำยก็หวงเส่ือตำกข้ำว หวงสมุก ไม่ให้ฉันใช้ คงคิดว่ำฉันทำอะไรไม่เป็น พอลูก
ฉันนอนฉันก็ออกไปตัดมำทำเองเลย ทีนี้ฉันก็ทำเองทุกอย่ำงไม่ต้องไปขอยืมใครแล้ว สุดท้ำยแม่ยำยก็ต้องยอม
ฉนั ” (ชะม้อย เปรือ่ งเวช. 2564: สัมภำษณ์)1

จำกบทสัมภำษณ์ สะท้อนให้เห็นถึงควำมควำมสำคญั ในสังคมของชำวชอง ทท่ี ุกบ้ำนจำเป็นจะต้อง
มีอุปกรณ์เครื่องสำนไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน และท่ีสำคัญมำกโดยเฉพำะผู้หญิง ในสังคมชำวชองมักจะให้
ควำมสำคัญกับผู้หญิงที่มีควำมสำมำรถในด้ำนงำนบ้ำนงำนเรือน รวมถึงงำนฝีมือกำรจักสำนด้วย บ้ำนไหนท่ีมี
ลกู สำวทำงำนบ้ำนงำนฝีมือไดด้ ี ก็มักจะไดร้ ับคำชมและเป็นทีห่ มำยปองของชำยหน่มุ ดงั นนั้ กำรมคี วำมสำมำรถ
ในกำรจักสำนในยุคน้ันก็ยังเปรียบเสมือนเป็นผู้มีวิชำชีพ มีกำรศึกษำท่ีดีด้วยเช่นกัน และจำกบทสัมภำษณ์
ยังได้สะท้อนให้เห็นว่ำชำวชองในอดีตเมื่อส้ินสุดจำกฤดูกำรทำนำก็มักจะเข้ำป่ำเพื่อไปตัดต้นคลุ้ม ต้นคล้ำ
นำมำจักสำนทำอุปกรณ์ต่ำงๆไว้ใช้ ในเวลำว่ำงๆจำกงำน และกำรที่นิยมนำต้นคลุ้ม ต้นคล้ำมำใช้ ก็ยังแสดง
ให้เห็นอีกได้ว่ำพื้นท่ีที่ชำวชองอำศัยจะต้องมีควำมอุดมสมบูรณ์เป็นอย่ำงมำกเน่ืองต้นคลุ้ม ต้นคล้ำ
มักจะเจรญิ เติบโตไดด้ ีในพืน้ ที่ท่มี ีควำมสมบูรณ์ และมีควำมหลำกหลำยทำงธรรมชำติ

1นำงชะม้อย เปร่ืองเวช. (อำยุ 76 ป)ี หมูท่ ่ี 1 ตำบลชำ้ งทูน อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตรำด สมั ภำษณ์ : 3 กรกฎำคม 2564

11

ทำควำมรจู้ กั ต้นคลมุ้ - ต้นคล้ำ

“คล้มุ อยู่ปำ่ คล้ำอยทู่ ุ่ง”

ต้นคลุ้ม

มีช่ือท้องถ่ินว่ำคลุ้ม และช่ือวิทยำศำสตร์:Donax canniformis อยู่ในวงศ์ Marantaceae
เป็นไม้พุ่มลำต้นใต้ดิน ท้ังคลุ้มและคล้ำมีหัวใต้ดินติดกันเป็นกอ สำมำรถแตกแขนง แตกตำ เจริญเติบโต
เป็นลำต้นบนดินได้เช่นเดียวกัน ส่วนใบจะมีขนำดกว้ำง ใบคล้ำที่มีอำยุขนำดกอและลำต้นใกล้เคียงกัน จะมี
ขนำดเล็กกว่ำ ลักษณะใบเปน็ ใบเดีย่ วของพืชใบเลีย้ งเดี่ยว ใบเป็นรปู ทรงวงรี โคนใบมน ปลำยใบเรียว มเี ส้นใบ
ชดั เจนขอบใบเรยี บสขี องใบ สีจะเปน็ สเี ขียวออ่ น-แก่ ข้นึ กับอำยแุ ละร่มเงำในบริเวณที่ขน้ึ โดยท่วั ไปหนำ้ ใบจะมี
สเี ข้มกว่ำหลังใบ ลำตน้ บนดินจะมีขนำดใหญ่และสูงกว่ำคล้ำ เปลอื กหนำและแขง็ กวำ่ คลำ้ สีของลำตน้ มสี ีเขยี ว
เข้มเทียบกับคล้ำ ที่มีอำยุใกล้เคียงกันต้นคล้ำจะเล็กและต่ำกว่ำคลุ้ม อย่ำงเห็นได้ชัดเจน มีผิวที่แข็งและเรียบ
แข็งเนื้อไม้น่ิมเบำลอยน้ำได้ ลำต้นส่วนปลำยมีข้อและแต่กิ่งที่ข้อขยำยพันธุ์โดยใช้หัว, เหง้ำ และหน่อ กำรใช้
ประโยชน์จำกคลุ้ม จะใช้ใบคลุ้มใบคล้ำห่อขนม ใช้เปลือกต้นเป็นตอกเย็บจำกมุงหลังคำ หรือใช้จักสำน
เป็นเคร่ืองมือเครื่องใช้ต่ำงๆเช่นข่อง ตะแกรง ซ่อน ต้นคลุ้มทั้งต้นมีขนำดเล็กนำมำทำเป็นแกนปิ้งจั นรอน
(ทอดมันท่ีนำมำหุ้มกับไม้ใชย้ ่ำงหรอื ป้ิงรับประทำน) ตน้ คลุ้ม ที่มีขนำดใหญ่นำมำทำเป็นไมใ้ ชห้ ำบคอนผลผลิต
จำกป่ำหรอื สวน1

1ระบบฐำนขอ้ มลู ทำงชีวภำพและภมู ิปญั ญำท้องถิ่นของชมุ ชน , 2555

12

ต้นคล้ำ

มีชื่อท้องถ่ิน และชื่อสำมัญว่ำ คล้ำ และมีชื่อวิทยำศำสตร์ว่ำ Calathea spp. อยู่ในวงศ์
Marantaceae เปน็ ไม้พุ่มทมี่ หี ัว หรอื เหงำ้ อยูใ่ ตด้ ิน ลำตน้ แตกกอ ใบเป็นกำบหุม้ ลำต้นสลับกนั ออกดอกปลำย
ยอดหรือตำมซอกดอกเล็กรวมกันเป็นช่อ ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับมีกำบใบหุ้ม บำงพันธุ์กำบใบจะมี
แผน่ คลำ้ ยปีกยืน่ ออกมำ ใบมีหลำยรูปทง้ั รูปไขร่ ูปขอบขนำนเปน็ ต้น โคนใบมีหลำยลักษณะส่วนมำกจะมนกลม
หรือป้ำน ปลำยใบแหลมหรือเรียวแหลม ลักษณะดอกจะออกดอกปลำยยอดหรือตำมซอกกำบใบ ออกดอก
เป็นคู่ลักษณะดอกเล็กรวมกันเป็นช่อ ลักษณะดอกจะมีสีสันแตกต่ำง ขยำยพันธุ์โดยใช้หัวเหง้ำและหน่อ
กำรใช้ประโยชนจ์ ะนำมำทำงำนจกั สำนเชน่ กำรสำนกระตบิ ข้ำว1

1ระบบฐำนข้อมลู ทำงชีวภำพและภมู ปิ ญั ญำท้องถนิ่ ของชุมชน , 2555

13

นิทำนกระต่ำยแสนหก๊ (แสนหก๊ = โกหกมำกๆ)

1“มีกระต่ำยกับเสืออยู่ด้วยกัน แล้วกระต่ำยก็เกิดอุบำยหลอกให้เสือใช้มือตบกองข้ีควำย
โดยกระต่ำยบอกกับเสือว่ำ กระต่ำยได้เฝ้ำกองกะปิกองน้ีมำนำนแล้ว ถ้ำมีแมลงวันมำตอมก็ให้เสือช่วยใช้มือ
ตบแมลงวนั ให้ด้วย พอเวลำผ่ำนไปแมลงวันก็มำตอมขี้ควำยเป็นจำนวนมำก เสือจึงใช้มือตบ มือไปโดนข้ีควำย
อย่ำงจัง และในกองขี้ควำยก็มีหนำมกินนอนฝังอยู่ในกองขี้ควำยด้วย เสือก็โกรธ และว่ิงไล่กระต่ำย พอวิ่งไป
กระต่ำยก็ตกลงไปในบ่อขึ้นไม่รอด จึงเรียกให้เสือลงไปช่วย เสือก็เกิดใจดีลงไปช่วยกระต่ำย ระหว่ำงที่ช่วย
กระต่ำยก็ยังคงแกล้งเสือด้วยวิธีต่ำงๆนำๆ จนทำให้เสอื ตกลงไปในบ่อแทนส่วนกระต่ำยก็ขึ้นมำปำกบ่อได้แล้ว
กระต่ำยก็ว่ิงไปบอกชำวบ้ำน เร็วๆ มีเสือตกบ่อ ให้เอำคันช่อมำซ้ำแต่อย่ำเอำหำงงอมำนะ (คันช่อ คือ ไม้
หำงงอ คอื หมำ) แล้วกระต่ำยก็ว่ิงหนีตอ่ ไปก็ไปเหน็ ตำยำยหำบขนมมำขำยก็อยำกกินขนมของตำยำย กระตำ่ ย
จึงออกกลอุบำยกับตำยำยว่ำ ขอข้ึนหำบเถอะ เพรำะว่ำตนวิ่งหนีเสือมำ ยำยก็ให้กระต่ำยขึ้นหำบข้ำงหลังมำ
ระหว่ำงเดินทำงกระต่ำยอยู่ในหำบด้ำนหลังยำยก็แอบกินขนมยำยจนหมด ยำยนึกสงสัยหันกลับไปดูก็เห็น
กระต่ำยกินขนมหมด กระต่ำยกลัวควำมผิดก็กระโดดออกจำกหำบ ปีนหนีข้ึนต้นคลุ้ม ยำยก็จะฟันต้นคลุ้ม
เพ่ือจับตัวกระต่ำย เจ้ำกระต่ำยก็ออกกลอุบำยหลอกยำยอีกว่ำ ยำยถ้ำจะฟันต้นคลุ้มให้ดูก่อนนะเพรำะว่ำ
ต้นคลุ้มมันแข็งมำกนะ ยำยก็หลงเช่ือบอกให้ตำไปเอำขวำนมำ ตำก็ไปเอำขวำนมำพอมำถึงยำยก็บอกว่ำตำ
อย่ำเพิ่งค่อนนะ (ค่อน= กำรโค่นหรือตัดต้นไม้) ให้ตำลองขูดดูก่อนว่ำแก่นมันแข็งไหม ถ้ำแข็งเด๋ียวขวำนตำ
จะปิ่นหมด ตำก็เลยลองขูดดู ตำก็พบวำ่ มันค่อนไม่ได้จริงๆ เพรำะมันมีแต่แก่น ตำกเ็ ลยบอกว่ำปล่อยกระต่ำย
ไปเถอะอย่ำไปเอำเร่อื งมันเลย ในทีส่ ดุ ตำยำยกต็ อ้ งยอมแพก้ ระต่ำย เพรำะควำมแสนห๊กของกระตำ่ ยนั่นเอง”

1นำงสำเนำ ตงุ คะเทพี. (อำยุ 71 ป)ี หมทู่ ่ี 4 ตำบลชำ้ งทนู อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตรำด สมั ภำษณ์ : 3 กรกฎำคม 2564

14

15

หตั ถกรรมจำกต้นคลมุ้ -ต้นคลำ้ ภมู ิปัญญำ “ชอง-ซำเร”
(ชมุ ชนตำบลช้ำงทูน อำเภอบอ่ ไร่ จงั หวดั ตรำด)

1ณิศิรำ กำยรำศ (2559:65) ปริญญำนิพนธ์ รูปแบบนิเวศพิพิธภัณฑ์เพ่ือกำรท่องเท่ียวโดยชุมชน
กรณีศึกษำ ชุมชนตำบลช้ำงทูน อำเภอบ่อไร จังหวัดตรำด ได้กล่ำวไว้ว่ำ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์เครือ่ งจักสำน
ต้นคลุ้มบ้ำนช้ำงทูน จะมีควำมสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของชำวชอง-ซำเร เชื้อสำยเขมร ได้แก่ โคมไฟ ตะกร้อชงชำ
ซัมเร (เชื้อสำยเขมร) และกระจำดใส่ผลไม้ท่ีทำรูปทรงคล้ำยแมงกระพรุน ฯลฯ ซึ่งเป็นมรดกท้องถ่ิน
ท่ีมีเอกลักษณ์ นอกจำกเครือ่ งจักสำนต้นคลุ้มแล้ว พบว่ำมีกำรนำใบละกำมำทำเป็นหมวก หรืองอบ โดยมีชื่อ
ในภำษำซัมเรเรียกวำ่ เละ และงำนจักสำนจำกพชื ชนิดอื่น เชน่ ใบโสม หรือหวำยป่ำ ทน่ี ำมำเยบ็ เป็นตับ เพอ่ื ทำ
หลังคำบ้ำนเรือน อย่ำงไรก็ตำมภูมิปัญญำด้ำนกำรจักสำนแบบซำเร กำลังตกอยู่ในภำวะวิกฤตเพรำะขำด
ผู้สืบทอดและไม่ค่อยได้รับกำรสนับสนุนด้ำนกำรตลำด และประชำสัมพันธ์ เพ่ือให้สังคมได้รับรู้ถึงคุณค่ำ
ของต้นคลุ้ม ซ่ึงเป็นพืชสำคัญในพิธีกรรมและวิถีชีวิตของชำวซำเร จนอำจกล่ำวได้ว่ำถ้ำหมดสิ้นต้นคลุ้ม
ก็เทำ่ กบั สูญส้นิ วฒั นธรรมเชน่ กัน

วิสำหกิจชุมชนตำบลช้ำงทนู

ในปี พ.ศ. 2559 ชำวบ้ำนในชุมชนตำบลช้ำงทูน อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตรำด ได้มีกำรรวมกลุ่ม
และจัดต้ังเป็นกลุ่มวิสำหกิจชุมชนขึ้น โดยใช้ช่ือ วิสำหกิจชุมชนนิเวศพิพิธภัณฑ์ชองบ้ำนช้ำงทูน
จำกแนวควำมคิดและกำรส่งเสริมจำกหน่วยงำนภำครัฐ ท่ีมุ่งหวังให้ชุมชนตำบลช้ำงทูน เป็นชุมชน เพ่ือกำร
ท่องเท่ียวและเป็นสถำนท่ีเรียนรู้ภูมิปัญญำชำวชอง-ซำเร โดยเริ่มต้นจำกสำนักงำนกำรท่องเที่ยวจังหวัดตรำด
ให้กำรสนับสนุนและได้จดั ต้งั ให้เปน็ นเิ วศพิพิธภัณฑเ์ พ่อื กำรท่องเทย่ี วบ้ำนชำ้ งทูน ซ่ึงมี นำยสมชำย เปรือ่ งเวช
ปรำชญ์ชำวบ้ำน เป็นประธำนกลุ่ม ได้รวบรวมชำวบ้ำนที่มีควำมสำมำรถและมีใจรัก ในงำนด้ำนกำรอนุรักษ์
มรดกภูมิปัญญำของชุมชน มำร่วมเป็นคณะกรรมกำร มีกำรดำเนินงำนท้ังในด้ำนกำรจัดกำรท่องเท่ียวชุมชน
และกำรจัดตั้งกลุ่มจักสำนผลิตภัณฑ์จำกต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ เพ่ือเป็นสินค้ำสร้ำงรำยได้เสริมให้กับกลุ่มสมำชิก
ที่ผ่ำนมำผลิตภัณฑ์จักสำนจำกต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ ได้รับควำมสนใจจำกหลำกหลำยหน่วยงำน อำทิเช่นโรงแรม
ในพ้ืนท่ีเกำะหมำก ที่ได้จัดสั่งผลิตภัณฑ์เคร่ืองจักสำนจำกต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ เพ่ือนำไปประดับตกแต่งโรงแรม
โดยมีรำยกำรส่ังผลิตภัณฑ์มำกกว่ำร้อยช้ิน และยังมีนักท่องเที่ยว รวมถึงหน่วยงำนองค์กรอื่นๆ อีกหลำยกลุ่ม
ท่ีใหค้ วำมสนใจและได้สั่งผลิตภัณฑข์ องชมุ ชน ซง่ึ สำมำรถสร้ำงรำยได้ใหก้ บั สมำชกิ ได้เป็นอยำ่ งดี

1ณศิ ริ ำ กำยรำศ รปู แบบนิเวศพิพธิ ภัณฑเ์ พื่อกำรท่องเที่ยวโดยชมุ ชน กรณศี ึกษำ ชุมชนตำบลชำ้ งทนู อำเภอบอ่ ไร่ จงั หวดั ตรำด, หนำ้ 65

16

โครงสรำ้ งและบทบำทหน้ำที่

วสิ ำหกจิ ชุมชนนเิ วศพิพธิ ภณั ฑ์ชองบ้ำนช้ำงทูน
ตำบลช้ำงทูน อำเภอบอ่ ไร่ จังหวดั ตรำด เบอร์โทรศพั ท์ : 090-1249068

ชอื่ เลน่ : หนุ่ม อำยุ : 55 ปี ชือ่ เล่น : เนำ อำยุ : 70 ปี
62/2 ม. 5 ต.ช้ำงทนู อ.บอ่ ไร จ.ตรำด 7 ม. 4 ต.ชำ้ งทนู อ.บอ่ ไร จ.ตรำด
ควำมสำมำรถ : ควำมรู้ด้ำนสมนุ ไพร ควำมสำมำรถ : ควำมรู้ดำ้ นสมุนไพร
กำรนวดแผนไทย ออกแบบงำนจกั สำน
กำรนวดแผนไทย กำรจักสำน

ชอ่ื เล่น : หนู อำยุ : 32 ปี ช่ือเล่น : ตมุ้ อำยุ : 58 ปี
51/3 ม. 1 ต.ช้ำงทูน อ.บอ่ ไร จ.ตรำด 128 ม. 6 ต.ช้ำงทูน อ.บ่อไร จ.ตรำด
ควำมสำมำรถ : ควำมรู้ด้ำนสมนุ ไพร ควำมสำมำรถ : ควำมรู้ด้ำนสมุนไพร
ออกแบบงำนจกั สำน
กำรนวดแผนไทย กำรจักสำน
ชือ่ เลน่ : สำว อำยุ : 49 ปี
ชอ่ื เล่น : นวล อำยุ : 53 ปี 47/74 ม.9 47 ม. 1 ต.ช้ำงทูน อ.บ่อไร จ.ตรำด
ต. พลบั พลำ อ. เมือง จ. จันทบุรี ควำมสำมำรถ : ดำ้ นกำรตลำด
ควำมรดู้ ้ำนสมุนไพร กำรนวดแผนไทย
ควำมสำมำรถ : ควำมรู้ด้ำนสมุนไพร
กำรนวดแผนไทย กำรจักสำน ชอ่ื เล่น : ม้อย อำยุ : 76 ปี
49 ม. 1 ต.ช้ำงทนู อ.บ่อไร จ.ตรำด
ชื่อเล่น : ยิ้ม อำยุ : 82 ปี ควำมสำมำรถ : ควำมรู้ด้ำนสมุนไพร
55 ม.1 ต.ช้ำงทูน อ.บอ่ ไร่ จ.ตรำด กำรรอ่ นพลอย งำนจักสำน
ควำมสำมำรถ : ควำมรู้ดำ้ นสมนุ ไพร

กำรนวดแผนไทย กำรจักสำน

ชือ่ เลน่ : กลุ อำยุ : 43 ปี ช่ือเลน่ : สำวเลก็ อำยุ : 47 ปี
36 ม.5 ต.ช้ำงทูน อ.บ่อไร่ จ.ตรำด 6 ม. 4 ต.ชำ้ งทนู อ.บอ่ ไร จ.ตรำด
ควำมสำมำรถ : กำรคัดเลอื ก และกำร ควำมสำมำรถ : : กำรคดั เลอื ก และกำร
จดั เตรียมวัสดุ กำรตรวจสอบคุณภำพ
จดั เตรียมวสั ดุ

17

เข้ำป่ ำ ตดั ต้นคลุ้ม-ต้นคลำ้

ตำบลช้ำงทูน มีพื้นที่ติดแนวเทือกเขำบรรทัดท่ียังคงมีควำมอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่ป่ำ
ต้นน้ำสลับเทือกเขำ มีลำคลองธรรมชำติ มีฝนตกชุกเฉล่ีย 7-8 เดือนต่อปี เม่ือคร้ังก่อนท่ีจะเข้ำสู่ยุคต่ืนพลอย
จนเข้ำสู่ยุคที่ผู้คนหันมำสนใจทำสวนผลไม้มำกข้ึน พ้ืนท่ีบริเวณน้ี ยังมีพืชที่สำคัญต่อวิถีชีวิตชำวชอง-ซัมเร
อยู่มำก โดยเฉพำะ ต้นคลุ้ม ต้นคล้ำ ท่ีไม่ว่ำจะไปตรงไหนก็จะสำมำรถหำพบได้ง่ำย มีอยู่ทั่วไป จึงเป็นท่ีมำ
ที่ติดปำกชำวบ้ำนว่ำ “คลุ้มอยู่ป่ำ คล้ำอยู่นำ” ซึ่งชำวชอง-ซัมเรได้ใช้ประโยชน์ นำมำใช้จักสำน จนเป็น
เครอ่ื งมือทำมำหำกินทสี่ ำคญั ในวิถีชวี ิตของตน

จำกภำวะควำมเปลี่ยนแปลงทำงสังคม เศรษฐกิจ ส่งผลให้วิถีชีวิตเปล่ียนไป ชำวชอง-ซัมเร
เปล่ียนอำชีพจำกกำรหำของป่ำ มำทำกำรเกษตร ทำสวนผลไม้มำกขึ้น ส่งผลต่อกำรบุกรุก ถำกถำงพื้นที่
เพ่ือกำรทำกำรเกษตร จึงเป็นสำเหตุที่ทำให้พืชสำคัญต่ำงๆเริ่มสูญหำยไป เช่นเดียวกับ ต้นคลุ้ม ต้นคล้ำ
ที่นับวันก็จะเร่ิมหำยำกยิ่งข้ึน ยังคงมีเหลือไว้ให้ได้ใช้ประโยชน์ก็เพียงตำมแนวคลองธรรมชำติ ท่ีเจ้ำของสวน
ยังไม่ได้ทำลำยจนหมดไปเสียก่อน หรือถำ้ ต้องกำรลำต้นที่สมบูรณ์มำกๆก็จำเป็นต้องเข้ำป่ำ ข้ึนเขำ เพ่ือไปตัด
นำมำใช้ประโยชน์

แผนทภ่ี มู ิประเทศแสดงพืน้ ท่ี
แหลง่ ตน้ คลมุ้ -ตน้ คล้ำ
ทช่ี ำวบ้ำนยงั คงใชป้ ระโยชน์

18

วิธีเลอื กตดั ต้นคลุม้ -ต้นคลำ้

1. อำยุกำรใช้งำนต้องมีอำยุลำต้น 8 เดือนข้ึนไป โดยสังเกตได้จำก กำรแตกก้ำนท่ีปลำยต้น
ลกั ษณะจะมี 3 ง่ำม อำจมีบำงกรณี เช่นกำรนำมำทำเสื่อปนู อน จะใช้ลำตน้ ท่มี อี ำยุ 6-8 เดือน

2. สังเกตผิวลำต้นท่ีต้องกำรตัดต้องไม่มีรอย “ตำเผำ” รอยที่มีลักษณะคล้ำยแผลบนผิวลำต้น
เพรำะเมือ่ นำมำใชจ้ ะเกิดกำรหักตรงรอยทพี่ บ และอำจทำให้งำนจักสำนไมส่ วยงำม

3. เม่ือตัดแล้วไม่ควรเก็บไว้เกิน 1 เดือน เนื่องจำกเน้ือไส้ในลำต้นจะแห้งทำให้ผิวกรอบ
และแตกหกั ง่ำย

ภำพแสดงลกั ษณะตน้ คลุ้มท่มี ีอำยุ 8 เดือน ขึ้นไป ภำพแสดงรอย (ตำเผำ)
จะมีกำ้ น 3 ง่ำม ที่ปลำยต้น

19

หตั ถกรรมจกั สำนชอง - ซมั เร นิยมใช้ ตนั คล้มุ – ต้นคลำ้

คำถำม คือ ทำไมต้อง ต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ ท้ังท่ีจริงแล้วกำรจักสำน สำมำรถให้วัสดุอ่ืนได้ อย่ำงท่ีเรำ
รู้จักและได้เห็นเคร่ืองจักสำนส่วนใหญ่ก็มักจะใช้ต้นไผ่ หรือหวำย ซึ่งเป็นท่ีนิยมใช้กัน และก็สำมำรถท่ีจะหำ
วตั ถดุ บิ ได้ไมย่ ำก

คำตอบ คือ เพรำะพื้นที่ที่ชำวชอง หรือ ชอง-ซัมเร อำศัย มักจะเป็นบริเวณท่ีมีควำมสมบูรณ์
ทำงธรรมชำติ และพื้นท่ีตำมแนวเทือกเขำในเขตภำคตะวันออกก็จะมีต้นคลุ้ม ต้นคล้ำ ข้ึนอยู่เป็นจำนวนมำก
จึงเป็นสิ่งใกล้ตัว สะดวกต่อกำรนำมำใช้งำน เปลือกของต้นคลุ้ม ต้นคล้ำ หรือท่ีชำวบ้ำนเรียกว่ำแก่น
มีควำมทนทำน ยืดหยุ่น โค้งงอได้ดี และท่ีพิเศษกว่ำคือ แมลง หรือ ตัวมอด ไม่กิน เหมือน เช่นไม้ไผ่
เครื่องจักสำนจงึ มควำมคงทน บำงชิ้นสำมำรถใชง้ ำนได้หลำยสบิ ปี

ภำพ สมกุ อำยุ 30 ปี
ถ่ำยเมือ่ วนั ที่ 18 ก.ค. 2564

20

ควำมน่ำสนใจของผลิตภณั ฑ์
งำนจกั สำนจำกต้นคลุ้ม - ต้นคล้ำ

จดุ เด่น มีควำมเยน็ และเป็นธรรมชำติ จุดดอ้ ย กำรเก็บรกั ษำไมส่ ำมำรถล้ำงแต่
1. แมลงมอดไม่กัดกนิ 1. ควรเชด็ เนือ่ งจำกหำกโดนน้ำ
2. ขึ้นรำไดย้ ำก จนเปยี ก ผลิตภัณฑจ์ ะขยำยตวั
3. มีควำมสวยงำม และมเี สนห์ 2. และหดตวั ผดิ รูป
4. มเี ร่อื งรำวทน่ี ำ่ สนใจ ด้วยภมู ิปญั ญำ ไมค่ วรวำงทบั กันเพรำะจำทำให้
5. ของบรรพบุรษุ ชำวชอง เสยี รูปทรง
มกี ำรใชว้ ัสดุท่ีหำได้ยำกและมี
6. เฉพำะท่เี ทำ่ นน้ั

21

ขนั้ ตอนกำรจกั สำน ผลิตภณั ฑจ์ ำกต้นคลุม้ -ต้นคล้ำ

กระบวนกำรจักสำนจำกต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ มีวิธีกำรท่ีไม่ได้แตกต่ำงไปจำกกำรจักสำนท่ัวไป คือ
จะเริม่ จำกกำร จกั ตอก , กำรสำน , กำรเคลอื บ , และกำรถกั พัน โดยในแต่ละขนั้ ตอนมคี วำมยำกง่ำยข้ึนอยกู่ ับ
วัสดุและแบบท่ีต้องกำรใช้ ซึ่งในแต่ละพ้ืนที่จะมีเทคนิควิธีกำรท่ีแตกต่ำงกันออกไปตำมควำมถนัด และควำม
เหมำะสมของแตล่ ะพนื้ ท่ี

กำรจดั เตรียม “ตอก” จำกต้นคล้มุ -ต้นคล้ำ เพอื่ งำนจกั สำน

“ตอก” หมำยถึง เส้นวัสดุ ทผ่ี ำ่ นกำรเหลำ หรอื ทเ่ี รยี กว่ำ กำร “จกั ตอก” เปน็ ภูมปิ ัญญำทใี่ ชใ้ นกำร
เตรยี มเส้นวัสดุ เพ่ือนำไปสู่กระบวนกำรกำรจักสำน เป็นวิธีกำรที่ทำกนั ทั่วไปในทุกพ้ืนท่ี เส้นตอกสำมำรถทำได้
จำกพืชหลำยชนิดแลว้ แต่ลักษณะงำน หรือควำมตอ้ งกำรกำรของผู้ผลติ โดยอำจใช้ ต้นไผ่ ต้นกก หรอื ตน้ คลุ้ม-
ต้นคล้ำ เทคนิคในกำรจักตอก จะข้ึนอยู่กับวัสดุพืชที่นำมำใช้ บำงชนิดมีเน้ือแข็ง บำงชนิดมีเน้ืออ่อน
สำหรับกระบวนกำรจกั ตอก จำกตน้ คลุ้ม-ตน้ คลำ้ มวี ธิ กี ำรดังน้ีดงั นี้

1. ขั้นตอนกำรขูดผวิ จำกเปลอื ก

กำรใช้ตอกจำกต้นคลุ้มและต้นคล้ำ จะใช้ในส่วนบริเวณท่ีเป็นเปลือก หรือชำวบ้ำนอำจเรียก แก่น
เปลือกของต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ จะมีสีผิวของเปลือกเป็นสีเขียว โดยจะต้องขูดเอำผิวออกเพื่อให้เหลือ
แคเ่ ปลือกซง่ึ จะมีลักษณะเป็นสีน้ำตำล เทคนคิ กำรขูด จะนยิ มใช้ สนั มีด ขูด โดยจะไม่ใชด้ ้ำนท่ีมีคม
เพรำะอำจกินเน้อื เปลอื กท่ีตอ้ งกำรใช้

22
2. ข้ันตอนกำรตดั โคนและปลำยให้เสมอ

กำรตัด ขึ้นอยู่กับควำมยำวท่ีต้องกำรใช้งำน กรณีท่ีต้องกำรตอกเส้นยำว เพื่อไม่ให้เกิดรอยต่อ
ในชน้ิ งำน กำรตัดตอ้ งสงั เกตอยำ่ ใหม้ ี รอย “ตำเผำ” เพรำะจะเกิดกำรหักในบรเิ วณรอยดังกลำ่ ว
3. ขั้นตอนกำรผำ่ 4 เพอ่ื กำรชักไส้ออก

ต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ นอกจำกจะมีเปลือกด้ำนนอกที่ไว้ใช้งำนแล้ว ด้ำนในก็จะมีไส้ ซ่ึงมีลักษณะน่ิม
และมีสีขำว เป็นส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในกำรจักสำน จึงต้องนำออก โดยใช้วิธีกำรผ่ำ 4 ช้ิน
แล้วลอกเอำไส้ในออก

23

4. ข้ันตอนกำร “จักตอก”

เปลือกที่ได้จำกกำรขูดและกำรลอกไส้ในออกแล้ว จะต้องนำมำ “ผ่ำ” ให้ได้เส้นตอกท่ีเล็กลงจำก 4 ชิ้น
จะผ่ำให้ได้ 16 ช้ิน หรือหำกต้องกำรช้ินใหญ่ก็สำมำรถผ่ำได้น้อยกว่ำ หลังจำกนั้นนำเส้นท่ีผ่ำแล้วมำเหลำ
เอำส่วนท่ีไม่ต้องกำรออก โดยกำร “หยักแล้วลอกไส้” ส่วนที่อำจมีเหลืออยู่ออกให้หมด ให้เส้นตอกมีควำม
สวยงำมและไมม่ คี วำมคม แลว้ จงึ นำมำ “ปำดแคบ” จะได้เส้นตอก ท่พี รอ้ มสำหรับกำรนำไปจักสำนตอ่ ไป

[ ผลติ ภณั ฑเ์ ครื่องจักสำน ของตำบลช้ำงทนู
เป็นภมู ิปญั ญำท้องถ่ิน ของกลมุ่ ผสู้ งู อำยุชำว“ชอง”
เป็นศลิ ปหตั ถกรรมพนื้ บำ้ น ทำจำกตน้ คลุ้มทเี่ กิดข้นึ
เองจำกธรรมชำติ
เป็นงำนฝมี ือ ซ่งึ มคี วำมประณตี จงึ มีลวดลำย
สวยงำมทม่ี ีควำมละเอียด ตอ้ งใช้ระยะเวลำในกำร
จัดทำ ]

24

เครอ่ื งจกั สำน ประจำครวั เรอื น ชอง – ซมั เร

ชนิดเคร่ืองจกั สาน ลักษณะการใช้งาน ลายท่ีนิยมใช้ในการ
สมุก จักสาน
ใส่ข้ำวเปลอื ก ข้ำวสำร ขำ้ วปลำย
รำขำ้ ว เกบ็ สิง่ ของ ใช้หำบได้ ลำยสอง , ลำยสำม ,
ลำยตำหมำกรกุ

กระบงุ ใชห้ ำบสง่ิ ของ ใชห้ ำบได้ ลำยดอก ตรงบริเวณ

เอว , ลำยสอง ,

ลำยสำม , ลำยขดั

กระโล่ ตำกขำ้ วหนำ้ ฝน ตำกผรกิ ลำยมสุ ุ

กระดง้ ใช้ฝัดข้ำวสำร ลำยยกสอง , ขำ้ มหำ้

ตะแกรง ใชร้ อ่ นลำอ่อนใหอ้ อกขำกข้ำวท่ีตำ ลำยสอง , ลำยสำม ,
กระชอน มำแลว้ ลำยตำหมำกรุก

ใชต้ กั ใช้ลวก อำหำร ขัดธรรมชำติ

25

ชนดิ เครื่องจักสาน ลักษณะการใช้งาน ลายที่นยิ มใชใ้ นการ
ชนำง ช้อนลูกปลำ ตำมกรอก ตำมทุ่งนำ จกั สาน

ขดั ธรรมชำติ

ฝำชี ใช้ ปิดครอบอำหำร กันแมลง ใชล้ ำยสอง

เสอ่ื ตำกขำ้ ว ขนำดใหญ่ ใช้ตำกข้ำว ลำยสอง

เสื่อเล็ก ใชป้ นู อน ปนู ัง่ ลำยสกดั แคร่ , ลำย

ตำหมำรกุ , ลำยสำม

คุ ทำน้ำมันยำง ใชใ้ ส่ของตำ่ งๆ , ทำน้ำมนั ยำงใช้ ขัดธรรมชำติ
หำบน้ำได้

ชนดิ เครอื่ งจักสาน 26 ลายทนี่ ิยมใช้ในการ
ค่อง จักสาน
ลกั ษณะการใชง้ าน
ใชส้ ะพำยไปนำ ใช้ใสป่ ลำ ใสป่ ู ขัดธรรมชำติ
ใส่หอย

ผนัก สะพำยไว้ใส่สิ่งของตำ่ งๆ ขดั ธรรมชำติ

แชห่ วั กลอย

กระจำด ใช้ใสผ่ ัก ใส่หอมกระเทียม หรืออน่ื ๆ ขดั ธรรมชำติ
เข่ง ไวใ้ นครวั
โคมไฟ ประดษิ ฐ์ใหม่
ใส่ผลไม้ ใส่ส่งิ ของอืน่ ๆได้ทุกชนิด ขดั ธรรมชำติ ลำยตำ
ปดิ

ประดบั ตกแต่ง ขดั ธรรมชำติ

ตะกรอ้ ชงชำ ประดิษฐ์ใหม่ ใชช้ งชำ ขัดธรรมชำติ

ชนดิ เครอ่ื งจกั สาน 27 ลายที่นยิ มใช้ในการ
ซมุ่ จักสาน
ลักษณะการใชง้ าน
หำปลำ จับปลำ -

ชลอม ประดษิ ฐ์ใหม่ ใชใ้ สผ่ ลไม้ สิง่ ของตำ่ งๆ ลำยสกัดแคร่ , ลำย
ตำหมำรกุ , ลำยสอง
, ลำยสำม

28

สถำนกำรณ์ ควำมเปล่ียนแปลง ผลกระทบต่อภมู ิปัญญำ

จำกกำรลงพ้ืนท่ีของผู้จัดทำ ซ่ึงได้มีโอกำสพูดคุย สัมภำษณ์ กับบุคคลผู้ท่ีสืบทอดภูมิปัญญำ
กำรจักสำนคลุ้ม-คล้ำ ในพ้ืนที่ตำบลช้ำงทูน จึงทำให้ได้เห็นควำมมุ่งม่ันตั้งใจของผู้สืบทอด และได้เห็นโอกำส
ช่องทำงที่จะทำให้ภูมิปัญญำดังกล่ำวสำมำรถท่ีจะสร้ำงช่ือเสียงและรำยได้ให้กับชุมชน แต่ในขณะเดียวกัน
กำรตงั้ คำถำมกเ็ กิดข้ึนไมใ่ ชน่ อ้ ย ถงึ แนวทำงกำรทีจ่ ะรักษำหรือถำ่ ยทอดองค์ควำมรู้วำ่ จะต้องดำเนินกำรอยำ่ งไร
ภำยใต้ควำมเปลี่ยนแปลงทำงสังคม ควำมนิยมของผู้บริโภค หรือผู้ท่ีจะสนใจสืบทอดในรุ่นต่อไป ปัจจุบัน
ผู้ที่สืบทอดภูมิปัญญำในตำบลช้ำงทูน ภำยใต้กลุ่มวิสำหกิจของชุมชน มีเพียงแต่ผู้สูงวัย ซึ่งมีอำยุระหว่ำง
60 ถึง 80 ปี ท่ียังสำมำรถผลิตช้ินงำนจำหน่ำยได้อย่ำงต่อเน่ือง แต่ด้วยวันเวลำที่ผ่ำน หำกขำดกำรสืบทอด
ให้กับคนรุ่นใหม่ เม่อื คนรุ่นเดิมได้จำกไปแล้วนน้ั จะมีผ้ใู ดให้ควำมสนใจสำนงำนต่ออีกหรอื ไม่ ที่ผำ่ นมำมีหลำย
หน่วยงำนได้เห็นควำมสำคัญ และช่วยหำวิธีกำรต่ำงๆ เช่น กำรจัดอบรมให้กับผู้ท่ีสนใจ กำรจัดให้มีกำรเรียน
กำรสอนให้กับเยำวชน ในพ้ืนที่ ซ่ึงผลท่ีได้คือ เมื่อมำเรียนมำฝึกฝนแล้ว เมื่อจบกำรอบรมหรือเรียนจบไปแล้ว
ก็ไม่มีใครที่จะสนใจทำจริงจัง เพรำะต่ำงต้องไปทำงำนทำหน้ำท่ีของตน นอกเหนือจำกปัญหำผู้สืบทอดแล้ว
ปัญหำเศรษฐกิจยงั มสี ว่ นเก่ียวข้องโดยตรง เนือ่ งจำกผลิตภณั ฑ์คลุม้ -คลำ้ ในยคุ ปจั จบุ ัน กลำยเปน็ สง่ิ ท่ไี มจ่ ำเป็น
และมีรำคำสูง อีกท้ังยังมีต้นทุนท่ีต้องแรกด้วยควำมยำกลำบำกในกำรหำต้นคลุ้ม-ต้นคล้ำ ที่กำลังจะเป็นส่ิง
หำยำกตอ้ งเขำ้ ป่ำข้ึนภูเขำ จึงจะได้มำ และยงั มวี ิธีกำรทำทต่ี อ้ งอำศัยควำมชำนำญ ดังน้นั หำกผลิตภัณฑม์ ีรำคำ
ถูกผู้ประกอบกำรก็จะขำดทุน แต่ในขณะเดียวกันหำกขำยในรำคำให้สมกับตัวผลิตภัณฑ์ก็จะกลำยเป็น
ผลิตภัณฑ์ทมี่ ีรำคำแพงเกินต่อควำมจำเป็นของคนทว่ั ไป แต่ด้วยควำมท่ผี ลิตภัณฑ์คลมุ้ -คล้ำ เป็นงำนฝีมือ และ
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเร่ืองรำวที่น่ำสนใจ จึงยังมีกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมผลิตภัณฑ์ลักษณะน้ี ดังน้ันจึงต้องอำศัย
กระบวนกำรจัดกำรในเชิงกำรตลำด ที่ทำอย่ำงไรจึงจะทำให้มีควำมเหมำะสม และผู้ประกอบกำรยังสำมำรถ
สร้ำงรำยได้ให้กับตนเองต่อไปได้ และหำกผลิตภัณฑ์สำมำรถสร้ำงรำยได้ที่ดีได้แล้ว กำรท่ีจะมีผู้สนใจสืบสำน
งำนภูมิปญั ญำดงั กล่ำวก็ยังคงพอมโี อกำสทจี่ ะสืบสำนรักษำต่อไปได้

บทสัมภาษณ์ ผู้สบื สาน สมาชกิ
กลุม่ วสิ าหกิจชมุ ชนนเิ วศพิพธิ ภณั ฑช์ องบา้ นชา้ งทูน
บทสมั ภำษณ์ นำยสมชำย เปรอ่ื งเวช อำยุ 55 ปี

29

ประธำนกล่มุ วิสำหกิจชมุ ชนนิเวศพิพิธภัณฑช์ องบ้ำนช้ำงทูน
62/2 หมู่ 5 ตำบลช้ำงทนู อำเภอบ่อไร่ จังหวดั ตรำด

“หลังจำกท่ีได้จดจัดต้ังกลุ่มวิสำหกิจชุมชน ผมก็ได้รวบรวม
ผู้คน และภูมิปัญญำที่มีอยู่ในตำบลโดยเฉพำะกลุ่มจักสำน
ให้กลับมำอีกคร้ัง พอเริ่มดำเนินกำรมำสักระยะก็มีคนที่
ทำงำนอยูท่ ่เี กำะหมำกได้มำเห็น เขำอยำกจะตกแต่งโรงแรม
ให้เป็นธรรมชำติ เขำจึงได้ส่ังให้ทีมงำนเรำทำโคมไฟ
จำกคลุ้ม-คล้ำให้ เขำส่ังเยอะมำกครั้งน้ันมีรำยได้หลักแสน
ส ำ เห ตุ ท่ี ตั้ งก ลุ่ ม ข้ึ น ม ำ ก็ เน่ื อ งจ ำ ก ต้ อ ง ก ำ ร ที่ จ ะ สื บ ส ำ น
และอนุรักษ์ภูมิปัญญำของตำบลไว้ให้ลูกหลำน เรำตั้งเป็น
กลุ่ม เรำกอ็ ยำกจะให้โรงเรียนเอำคนท่ีสนใจมำเรยี นรู้ ซง่ึ ก็มี
มำหลำยโรงเรียน แต่เด็กพอมำเรียนเขำก็ทำแค่ส่งครู
ไมม่ ีใครอยำกจะมำสนใจสืบสำนจริงๆ ตงั้ แต่ทเ่ี ร่มิ ต้ังกล่มุ เรำ
ก็มีกัน 20 คน แต่ต่อมำก็มีเสียชีวิตไปบ้ำง บวชไปบ้ำง
ตอนนผี้ มกร็ วบรวมกันมำได้ 10 คน
และได้รับกำรสนับสนุนจำก อบต. มำสร้ำงอำคำรให้ใหม่ เมื่อปี 61 แล้วก็มีกรมพัฒนำฝีมือแรงงำน
มำปูกระเบื้องให้ ท่ีผ่ำนมำเรำก็มกี ำรบริหำรจัดกำรกันเอง โดยมีผมเป็นประธำน แล้วสมำชิกเรำก็มีกำรพูดคุย
กันอยู่เป็นประจำ โดยมีข้อตกลงว่ำถ้ำเรำจะทำอะไรเรำจะต้องปรึกษำกัน เรำยังได้รับกำรส่งเสริมจำก
กรมพัฒนำชุมชนให้ไป ออกร้ำน ไปขำยของตำมสถำนท่ีต่ำงๆ รวมถึงมำพัฒนำรูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ด้วย
กลุ่มมีกำรดำเนินงำนในเรื่องของกำรท่องเที่ยวชุมชน โดยเรำเป็นสถำนที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทำผลิตภัณฑ์
สมุนไพร สปำซุ่มไก่ และทำจกั สำน สิง่ ท่เี ปน็ จุดเด่นของกล่มุ เรำคือ มคี วำมเข้มแขง็ มีควำมสำมคั คี โดยส่ิงที่เรำ
ทำไม่ใชแ่ ค่เพือ่ ตัวเองแต่เพอื่ เป็นกำรสืบสำนภูมิปัญญำของตำบล และทีส่ ำคญั ที่เปน็ จดุ เด่นทสี่ ุดคือ จติ วญิ ญำณ
ของชำวชอง ท่ีไม่ใช่แค่ภูมิปัญญำ คือควำมผูกพันธ์ในควำมเป็นชำวชอง ผู้คนที่มำหำเรำไม่ได้มำแค่ท่องเท่ียว
หรอื มำทำสปำซุ่มไก่ แต่ยังได้รับรแู้ ละได้สัมผัสถึงควำมเป็นชำวชองผ่ำนกำรพูดคุย ผ่ำนกิจกรรมท่ีเรำได้ทำให้
ซ่ึงลูกค้ำ ที่กลบั มำสว่ นใหญไ่ มไ่ ด้กลับมำเพรำะอยำกทำเพียงกจิ กรรม แต่อยำกกลบั มำเหมือนกำรกลับมำเยย่ี ม
ญำติ เย่ยี มครอบครวั ”

30

บทสมั ภำษณ์ นำงสำเนำ ตงุ คะเทพี อำยุ 71 ปี

รองประธำนกลุ่มวสิ ำหกิจชมุ ชนนิเวศพพิ ิธภณั ฑช์ องบ้ำนชำ้ งทนู
7 หมู่ 4 ตำบลชำ้ งทนู อำเภอบอ่ ไร่ จังหวดั ตรำด

“สมัยก่อนคลุ้ม-คล้ำ หำง่ำย มีอยู่เยอะมำก ตดั แค่
หัวไร่ปลำยนำก็พอใช้แล้ว สมัยนั้นทำเสื่อสำหรับรองนวดข้ำว
หัวเสื่อกว้ำง 6 ศอก ควำมยำว ก็ยำวตั้ง 12 ศอกต่อผืน ก็ทำ
กันได้ เวลำนวดข้ำวก็ต้องใช้เสื่อทีละ 5 ถึง 6 ผืน สมัยนั้น
พอหมดหน้ำข้ำว ชำวบ้ำนก็เข้ำป่ำตัดคลุ้มมำไว้ใช้กัน ก็จะทำ
เป็นกันทุกบ้ำน ต้องพยำยำมสำนให้เป็น เพรำะเป็นวิถีชีวิต
ทุกบ้ำนต้องมีเครื่องสำนไว้ใช้ ท่ีจำเป็น เช่น สมุกใส่ข้ำวสำร
ข้ำวเปลือก ปลำยข้ำว ต้องมีกระบุง ต้องมีหำบ มีสำแรก
มีคำน มีกระโล่ มีกระด้งฟัดข้ำว กระชอน ตะแกรงร่อนข้ำว
ร่อนลำ เสื่อปูนอน ปูน่ัง ทุกบ้ำนต้องมีใช้งำน แต่ก็มีบำงบ้ำน
ท่ีเขำทำไม่เป็น แต่ถ้ำเขำมี หมำก มีข้ำว มีมะพร้ำว กล้วย
อ้อย สร้อย ปี แล้วเขำอยำกได้ของเรำเขำก็จะหำบมำแรก
สมัยนัน้ ไม่มีขำยมแี ต่แลกกัน บำ้ นไหนไม่มีคนทำเปน็ กต็ ้องไป
แลกเขำ
ถ้ำบ้ำนไหนมีคนสำนเป็นก็จะทำเป็นทุกอย่ำง ตอนน้ันคนชองต้องมีทุกบ้ำนไปบ้ำนไหนบ้ำนนั้นก็ต้องมี
และทุกบ้ำนก็จะใช้คลุ้ม-คล้ำ มำทำ ไม่มีใครเอำไม้ไผ่มำสำน แต่ก็มีเอำมำเป็นส่วนประกอบเช่น ไผ่ซ้ี
แล้วก็หวำย ตัวฉันเองก็ทำมำตลอดต้ังแต่แต่งงำน นั่งทำอยู่ที่บ้ำน ก่อนท่ีจะมีกำรรวมกลุ่มฉันก็ทำมำตลอด
ที่แรกฉันทำก็ไม่มีเหลือ เวลำใครมำเห็นเข้ำก็มำขอซื้อไป ในส่วนลวดลำยฉันก็จำของแม่ของยำยฉันมำ
พอฉันอยำกได้อยำกทำฉันก็นึกเอำ แล้วก็มำหัดทำ ท่ีแรกสำนทิ้งสำนขว้ำง หมดคลุ้มไปหลำยร้อยลำ
จนฉันทำได้ ลำยที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ฉันบอกได้เลยว่ำเป็นลำยพ้ืนบ้ำนท่ีชำวชองใช้กันจริงๆ จนมำถึงปี 2554
ผู้อำนวยกำรสำนักงำนกำรท่องเที่ยวจังหวัดตรำด มำแนะนำให้สมชำย เปร่ืองเวช ลองตั้งกลุ่มท่องเที่ยว
ในชุมชน กเ็ ลยไดม้ ีกำรรวมกลุ่มกัน แล้วก็เริม่ มีนักทอ่ งเท่ียวเข้ำมำ ตอนนั้นก็ยงั ไม่ไดร้ วมกลุ่มจักสำนกันจริงจัง
จนมำถึงประมำณปี 2560 ปลดั คนเก่ำกม็ ำจัดหำร้ำนจำหน่ำยสินค้ำโอทอปให้ ก็เลยลองทำจกั สำนคลุ้มไปขำย
พอคนทั่วไปเขำเห็นสวยก็มำซ้ือ ก็เลยคุยกันในกลุ่มแล้วก็ไปน่ังทำท่ีนั่นอย่ำงจริงจัง ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมำ
ในกำรท่ีได้ ไปรวมกันท่ีองค์กำรบริหำรส่วนตำบล มันก็สนุกดี ได้ไปทำงำน ไปกินข้ำวร่วมกัน มีอะไรเรำก็จะ
ปรึกษำกัน ซึ่งกำรไปรวมกลุ่มเป็นมำกกว่ำกำรรวมกลุ่ม มันทำให้เรำได้ผ่อนคลำย ที่ได้ไปพบกัน สนุกสนำน
และไดท้ ำกิจกรรมรว่ มกัน ไม่มวี นั ไหนไมอ่ ยำกไปเพรำะไปไดเ้ พ่อื นแลว้ ยงั ได้เงินใช้ดว้ ย”

31

บทสมั ภำษณ์ นำงยิ้ม โฉมเฉลำ อำยุ 83 ปี

กรรมกำรกลมุ่ วสิ ำหกิจชมุ ชนนเิ วศพพิ ธิ ภัณฑ์ชองบ้ำนชำ้ งทนู
55 หมู่ 1 ตำบลช้ำงทนู อำเภอบอ่ ไร่ จงั หวดั ตรำด

“ฉันเริ่มทำงำนร่วมกับสมชำย เปรื่องเวช มำต้ังแต่
พ.ศ. 2557 ฉันสำนคลุ้ม-คล้ำมำต้ังแต่อำยุ 10 ขวบ เวลำที่
ป้ำฉันไปตัดคลุ้มมำทำฉันก็ดูอย่ำงเขำ พอเห็นเขำทำอะไร
กห็ ดั ทำตำม ท่ีแรกอยำกทำเป็นเพรำะมันสวยดี แตข่ องทีฉ่ ัน
ทำก็ไม่ได้สวยมำกแค่พอใช้ได้ แล้วมันก็เป็นของใช้ด้วย
คนแถวน้ีสมัยน้ันเขำก็ไม่ได้ไปซื้อหำที่ไหน เขำก็ทำกันเอง
เช่น สมุก ผนัก เข่ง เส่ือ กระบุง ตอนน้ันฉันก็เริ่มทำได้
ตอนที่มีลูกมีผัวก็ต้องทำนำ ต้องมีเสื่อผืนใหญ่ๆเอำไว้
รองขำ้ วนวดข้ำว กำรทำเส่ือก็ต้องใช้คลุ้มไม่ต่ำกว่ำ 200 ลำ
ถึงจะสำนได้ผืนนึง ฉันก็จะสำนเองไปเร่ือย สำนไปเล้ียงลูก
ไปดว้ ย เลี้ยงควำยไปดว้ ย ลำยทใ่ี ช้สำนเสื่อกจ็ ะเปน็ ลำยสำม
บ้ำนฉันไม่ต้องไปซื้อไปหำ ฉันสำมำรถทำได้เอง มีเวลำว่ำง
ฉนั ทำตลอด เวลำของเรำขำดไม่มีหรอื มันชำรดุ
ฉันก็จะเข้ำป่ำไปตัดคลุ้มมำทำใหม่ สมัยนั้นคลุ้ม-คล้ำมีอยู่เยอะ ตรงไหนก็หำได้ แต่เด๋ียวน้ีเป็นทุ่งนำเป็นสวน
ไปหมด ตอ้ งไปหำไกลๆ สมัยนน้ั คลมุ้ ต้นยำวตน้ ใหญ่มำก เครื่องจักสำนของฉันถ้ำมีใครมำขอเขำอยำกไดฉ้ ันก็ให้
เขำไป ฉันไม่หวงถ้ำไม่มีเด๋ียวฉันก็ทำใหม่ ทุกวันน้ีก็ยังมีคนมำสั่งให้ฉันทำพอฉันทำเสรจ็ เขำก็มำซื้อฉัน จะมีอยู่
ชว่ งหนึ่ง ตอนฉนั เป็นสำวหยุดทำไป เพรำะวำ่ ไปเปน็ หมอนวดแผนไทย แลว้ พอปี พ.ศ. 2557 ฉนั กก็ ลบั มำทำอกี
ครั้งแรกที่เปิดท่องเท่ียวตอนนั้นฉันก็ยังไม่ค่อยได้สำน เพรำะฉันต้องไปนวดให้เขำ ก็จะมีท้ังฝรั่งท้ังคนไทย
มำนวด พอเรมิ่ มีนักท่องเทยี่ วมำกกเ็ ริ่มจะทำแล้วเอำไปวำงขำย ซึ่งกอ่ นหนำ้ นัน้ ก็มีคนมำสั่งก่อน สัง่ จำนวนมำก
แลว้ กเ็ ร่ิมทำกันมำ ครง้ั แรกกเ็ ร่ิมทำโคมไฟสง่ ให้เขำ แลว้ ก็เร่ิมทำอยำ่ งอนื่ ช่วงก่อนท่ีจะมีโรคโควดิ ฉนั จะไปทำ
ทอี่ งค์กำรบริหำรส่วนตำบลชำ้ งทนู ทกุ วนั มีคนมำรบั บ้ำง บำงทีก็เดินไปเอง เช้ำมำก็จะเตรยี มหุงข้ำวทำกบั ข้ำว
แล้วก็จะเอำไปกนิ กันท่ีนน่ั ก็จะอยู่กันท้ังวัน จะกลับบ้ำนก็สโี่ มงเย็น ไม่มีวันหยุดเสำร์อำทิตย์ แต่มีพกั กลำงวัน
พอกินข้ำวเพลเสร็จก็พำกันนอนกลำงวัน ไปพร้อมเด็กนักเรียน บำงทีถ้ำเปิดวิทยุเจอเพลงสนุกๆก็จะพำกัน
รอ้ งรำ กำรสำนของแล้วได้พูดคุยกันก็ช่วยแก้เหงำ แก้ควำมเครียด ได้พูดย้อนเรื่องรำววนั เก่ำๆ ก็มีควำมสุขดี
สำมำรถอยไู่ ด้ท้ังวัน ถึงแม้วำ่ หลำยคนจะอำยุมำกแล้ว แตก่ ็ยังมีเร่ยี วแรงดียงั ไปทำงำนได้ ไปทำงำนแล้วกไ็ ดเ้ งิน
หำเงินไว้ใช้เองได้ ของท่ีทำไว้ขำยพอขำยได้สิ้นเดือนก็จะเอำมำแบ่งให้เท่ำๆกันทุกคน ฉันอยำกให้กลุ่มนี้มีอยู่
ตลอดไป ฉนั มีควำมรสู้ กึ ภมู ใิ จทกุ ครง้ั ทไี่ ดท้ ำของแลว้ มีคนมำซื้อ มำตดิ ตอ่ ฉันดีใจมำกๆ”

32

บทสมั ภำษณ์ นำงชมอ้ ย เปรอ่ื งเวช อำยุ 76 ปี

กรรมกำรกลมุ่ วิสำหกจิ ชมุ ชนนเิ วศพพิ ธิ ภัณฑ์ชองบำ้ นช้ำงทนู
49 หมู่ 1 ตำบลชำ้ งทูน อำเภอบอ่ ไร่ จงั หวดั ตรำด

“ฉัน เป็ นคน ชอ ง เป็ น คน ช้ำงทูน มำแ ต่เกิด
ฉนั เรยี นไดแ้ คช่ ัน้ ป.2 ทโี่ รงเรียนวัดชำ้ งทูน แล้วก็ไม่ได้เรียนตอ่
ต้องออกมำเลี้ยงน้อง เล้ียงหมู ตำข้ำว พอถึงหน้ำดำนำเสร็จ
ย่ำก็จะชวนฉนั เข้ำปำ่ ตัดก้ำนตอง ตดั คลุ้ม มำทำสมุก ทำเสื่อไว้
ใส่ข้ำว เวลำท่ีย่ำทำฉันก็น่ังดู พอย่ำลอกเอำเน้ือออกฉันก็จะ
เอำข้ีมันมำนั่งทำดูบ้ำง หัดทำผนักจนเป็น ในสมัยก่อนข้ำว
ไม่พอกินเขำจะขุดกลอยมำกิน ยำยกจ็ ะทำผนกั หมกุ โมย อนั น้ี
เอำมำแช่กรอยในปลักตำมทุ่งนำ เพ่ือไม่ให้กรอยเน่ำ พอฉัน
ทำได้คนแก่ๆเขำเห็น เขำก็ชมว่ำฉันเก่ง พอฉันโตเป็นสำว
ฉันก็เลิกทำ ตอนนั้นฉันก็ไปเก่ียวข้ำว ดำนำ ไปทำงำนอื่นๆ
ก็ไม่ทำจักสำนแล้ว แต่พอได้ผัวมีลูก แม่ผัวเขำก็หวง หวงเส่ือ
ตำกข้ำว หวงสมุกใส่ข้ำว ก็คงจะว่ำเรำทำอะไรไม่เป็น ทีนี้พอ
ลูกนอนฉันก็ไปตัดคลมุ้ มำทำเองเลย แลว้ ฉนั ก็มีเองทุกอยำ่ ง
เสอ่ื ก็มเี อง สมกุ ก็มเี อง กระด้งเรำกม็ ีเอง มีทุกอย่ำงสุดท้ำยแม่ผัวกย็ อม พอมำถึงช่วงที่ลกู ยำยโตฉันกไ็ ปทำสวน
ไปทำไร่มัน แล้วก็ไปทำพลอย ก็ท้ิงเลยงำนจักสำน จนมำถึงช่วงที่ลูกโตกันหมดฉันอำยุประมำณ 50 กว่ำๆ
ก็ได้รับเลือกให้เป็นประธำนกลุ่มแม่บ้ำน แล้วก็มีงบพำไปดูงำน ก็ได้เห็นแบบงำนจักสำนท่ีนู่นท่ีนี่ก็ดูของเขำ
แลว้ กล็ องทำดูบ้ำง ฉันกท็ ำเอำไวใ้ ช้เอง จนเมอ่ื หนุ่ม นำยสมชำย เปร่ืองเวช ได้ต้ังกลุ่มท่องเที่ยว ก็มีปลัดคนเก่ำ
พำไปเรยี นทำกระโจมไฟทเี่ นินดนิ แดง แหลมงอบ เรียนทำเขง่ กระพรุน แล้วกก็ ลบั มำสำนตอ่ เร่ือยๆ ในช่วงแรก
พอสำนได้จำนวนมำกๆปลัดเขำก็เอำไปจำหน่ำยให้ หลังจำกน้ันก็มีพัฒนำกรอำเภอเข้ำมำส่งเสริมอีกครั้ง
ก็ไปเรียนทำท่บี ้ำนม่วง ก็ได้ไปเรียนทำตะกรำ้ ยกดอก แลว้ ก็ทำฝำชี ตอนน้นั ท่ไี ปเรยี นกจ็ ะมี ยำยชม้อย ยำยย้ิม
ยำยจำง ยำยหลำบ หลังจำกเรียนมำก็กลับมำทำใครทำมันทำที่บ้ำน เอำไปส่งกลุ่มบ้ำง ขำยเองบ้ำง พอ เมื่อ
หนุ่ม สมชำย เขำทำท่องเท่ียว เขำก็ให้เรำไปนั่งทำที่ องคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลช้ำงทูน แล้วก็มีคนมำเห็นเขำก็
ส่ังกระโจมไฟไปตกแต่งโรงแรม หลังจำกนั้นก็จะมีคนมำส่ังแบบพิเศษ เช่นกระบุง ตะกร้ำหิ้ว มำส่ังเป็นช้ินๆ
ทุกวันฉันก็จะออกไปสำนคลุ้มที่องค์กำรบริหำรส่วนตำบลช้ำงทูนต้ังแต่ 7 โมงเช้ำ ไปถึงก็ไปทำกับข้ำวท่ีนู้น
เสียบหม้อข้ำวไปจำกบ้ำน ถึงเวลำทุกคนก็มำกินข้ำวด้วยกัน แล้วก็นั่งทำงำนกันก็ไม่มีควำมเครียด สนุกกันดี
ไม่ต้องกลุ้มอะไร นึกอยำกร้องเพลงก็ร้องกันไป อยำกรำก็รำ มีเพลงดีๆก็เต้นกันสนุกสนำน ดีใจท่ีได้เจอเพื่อน
ไม่อยำกอยู่บำ้ นเครยี ดกบั ลกู กับเต้ำ ไปอยู่นู้นสบำยใจ ครูทโี่ รงเรียนก็มีของมำฝำกทกุ เชำ้ ช่วงนไ้ี ม่ได้ไปกค็ ดิ ถงึ ”

33

บทสมั ภำษณ์ นำยเกษม มนั่ คง

นำยกองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลช้ำงทูน
ตำบลช้ำงทนู อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตรำด

“จุดเร่ิมต้นงำนจักสำนของตำบลช้ำงทูน ก็คือกำรจักสำน
คลุ้ม-คล้ำ ซ่ึงมีกำรจักสำนกันมำหลำยปี เดิมก็จะมีกำร
จกั สำนกนั อยตู่ ำมบ้ำน แตม่ ปี ญั หำ คอื ไมส่ ำมำรถเชือ่ มหรือ
สร้ำงควำมรว่ มมือกนั ได้ แต่พอเม่ือสำมำรถจบั กลุ่มกนั จงึ ได้
สนับสนุนให้มำจักสำนร่วมกันที่ องค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ช้ำงทนู เน่ืองจำกมีสถำนทีเ่ หมำะสำหรับกำรทำงำนจกั สำน
พอได้มำอยู่ร่วมกัน ก็สำมำรถท่ีจะประสำนให้คำแนะนำได้
ดีกว่ำต่ำงคนต่ำงทำ ก็จะทำให้กำรพัฒนำเป็นไปได้ยำก
เนื่องจำกเรำไม่สำมำรถรู้ได้ว่ำเขำต้องกำรอะไรบ้ำง แต่พอ
เม่อื ไปอยู่ดว้ ยกัน เชำ้ เย็นเรำไดเ้ จอกันตลอด มีอะไรเรำก็จะ
ได้คยุ กนั และได้แนะนำใหเ้ ขำเช่นเรอ่ื งกำรผลิตแล้วก็จะตอ้ ง
มีแหล่งในกำรทำกำรจำหน่ำยด้วย ซ่ึงปีท่ีผ่ำนมำก็มีผลกำร
จำหนำ่ ยอย่ใู นข้นั ท่ีพอใจ เนือ่ งจำกมผี ู้สัง่ ซอื้ ของเขำ้ มำ
โดยเฉพำะ เครื่องจักสำนท่ีลักษณะเป็นสุ่มเล็กๆ เขำจะเอำไปตกแต่งเป็นโคมไฟ ประดับรีสอร์ท บ้ำงช่วง
มีรำยกำรส่ังซื้อมำกจนผลิตไม่ทัน ซ่ึงแต่เดิมก่อนหน้ำนั้นประมำณปลำยปี 2562 ก่อนท่ีจะมีกำรรวมกลุ่ม
หมู่ที่ 1 และหมู่ท่ี 5 ในช่วงน้ันได้มีกำรดำเนินงำนเร่ืองกำรเป็นแหล่งท่องเท่ียว นิเวศพิพิธภัณฑช์ อง ไดจ้ ัดให้มี
กำรส่งเสริมกำรท่องเที่ยวก่อน แล้วจึงได้ต่อยอดกำรพัฒนำกำรจักสำนต่อยอดกันมำ ซ่ึงตอนนั้นยังไม่ได้มีกำร
รวมกลุ่ม กำรพฒั นำก็ยำก แต่พอไดม้ ำทำงำนรว่ มกนั ที่ อบต. กำรพฒั นำก็เป็นไปไดส้ ะดวกมำกข้ึน เชน่ วทิ ยำลยั
กำรอำชีพบ่อไร่ ท่ีได้นำเคร่ืองจักตอกมำให้ แต่ก็มีปัญหำคือไม่เหมำะสมกับคลุ้ม-คล้ำ แต่เหมำะกับไม้ไผ่
ซ่ึงก็ต้องมีกำรปรบั แก้ไขกันต่อไป สำหรับแนวควำมคิดกำรพัฒนำ ถำ้ เป็นในเรื่องฝีมอื ทีมงำนท่ีนี่มีฝมี ือดีกันอยู่
แล้ว แต่ท่ียังต้องทำคือต้องกำรให้มีแบรนด์สินค้ำที่เป็นแบรนด์ของตำบลช้ำงทูน ไม่ว่ำจะเป็นสิน ค้ำตัวไหน
ก็อยำกจะให้เป็นแบรนด์เดียวกนั เพ่อื สร้ำงอัตลกั ษณใ์ หก้ ับตำบล ในส่วนผลิตภัณฑ์คลุ้ม-คลำ้ ซ่งึ เปน็ ผลิตภัณฑ์
ท่ีไม่ได้มีอยู่ท่ัวไป จะมีแต่เฉพำะในพื้นที่ที่มีต้นคลุ้ม ต้นคล้ำ แล้วจึงเอำมำสำนจนเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีควำม
ยืดหยนุ่ มีควำมคงทน สำหรบั ผู้ที่สนใจหำกต้องกำรเรยี นร้กู จ็ ะสำมำรถสรำ้ งอำชพี ท่ียั่งยนื ได้”

34

ส่งท้ำยจำกผจู้ ดั ทำ
สำน = สขุ

ภำพที่ทุกคร้ังเม่ือผู้จัดทำได้ไปเยือน “ชำวชอง-ซัมเร” ตำบลช้ำงทูน อำเภอบ่อไร จังหวัดตรำด
คือภำพตำและยำยๆ ท่ีนัดกันมำน่ังจักสำนคลุ้ม–คล้ำ อยู่ท่ีศูนย์กำรเรียนรู้ของชุมชน บริเวณองค์กำรบริหำร
ส่วนตำบลช้ำงทูน ในทุกๆวัน และจะมีกำรตอ้ นรบั ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มองดูแล้วทำให้รู้สึกถงึ ควำมสุขของทุกคน
ได้ทันที เมื่อได้พูดคุยยิ่งทำให้ได้รู้ว่ำ กำรสำนคลุ้ม-คล้ำ ของท่ีน่ี เรื่องรำยได้คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ส่ิงที่
สำคัญ คือกำรท่ี “ขอให้ได้มำ” ดังท่ีได้สัมภำษณ์ตำและยำยๆ ต่ำงพูดคล้ำยกันคือ อยำกมำท่ีนี่ทุกวัน โดยถ้ำ
ให้เลือกว่ำอยู่บ้ำนสบำยๆ มีเงินให้ใช้ กับมำท่ีน่ี แต่ต้องทำงำน ทุกคนก็ยังคงเลือกที่จะมำอยู่ดี เพรำะกำร
ได้มำสำนคลุ้ม-คล้ำ ร่วมกัน คือกิจกรรมท่ีคุ้นเคยเมื่อคร้ังวัยเด็ก วัยหนุ่มสำวของทุกคน เม่ือมีเวลำว่ำง
จำกกำรทำนำ ก็จะเข้ำป่ำตัดคลุ้ม ตัดคล้ำ มำจักสำนไว้เป็นของใช้ในครัวเรือน ถึงเวลำจะผ่ำนมำแสนนำน
แต่ภำพในควำมทรงจำของทุกคนก็ยังคงจดจำได้ดี อดไม่ได้ท่ีจะเอำเรื่องรำวเก่ำๆมำนั่งคุยกันในวงจักสำน
โดยเฉพำะเมื่อมีเดก็ วยั รุน่ หรือคนรุ่นหลงั มำสักถำม ตำยำยทุกคนก็จะช่วยกันเล่ำเร่ืองรำวให้ได้เหน็ เป็นฉำกๆ
คนเล่ำก็เล่ำไปยิ้มไป คนฟังก็เพลิดเพลินไปกับกำรจินตนำกำรภำพตำม ขณะที่เล่ำมือและเท้ำของยำยก็ยังคง
ทำงำนอยู่ตลอดเวลำ ถำมว่ำเหน่ือยบ้ำงไหม คำตอบทุกครั้งที่ตอบก็คือ “ไม่เหน่ือยหลอก” ถ้ำเม่ือยก็นอน
เอำแรง หรือไมก่ ย็ ดื เสน้ ยืดสำยบำ้ ง ก็หำยแล้ว กำรทไ่ี ด้เห็นภำพบรรยำยกำศกำรทำงำนของตำยำย ก็คงไมต่ ่ำง
จำกกำรทำงำนในระบบ คอื เข้ำงำน 7 โมงเชำ้ เลกิ งำนกลบั บ้ำน 4 โมงเย็น แต่กำรทำงำนของตำยำยไมเ่ หมือน
คือ ไม่มีใครบังคับให้ต้องมำเช้ำหรือต้องกลับเย็น ไม่มีเงินเดือนให้ อยำกได้เงินก็ทำของขำยกนั เอง กำรทำงำน
ในระบบเรำก็คงรอว่ำเมื่อไหร่จะถึงวันหยุด แต่สำหรับตำยำยกลับไม่เคยมีวันหยุด จะหยุดก็ต่อเม่ือลูกหลำน
ให้อยู่เฝำ้ บ้ำนแทน หรือสุขภำพไม่แข็งแรงถงึ จะยอมหยุด อันท่ีจรงิ แลว้ ท่ีกลำ่ วมำก็ไม่มีเหตุผลจำเป็นท่ีจะต้อง
เอำมำเปรียบเทียบ เพียงแต่แอบคิดในใจว่ำ จริงแล้วควำมสุขท่ีแท้จริงของชีวิตคนทำงำน บำงทีอำจไม่ใช่
เรื่องรำยได้ แต่คงเป็นควำมสุขที่ได้ทำ เหมือนเช่นตำและยำย ท่ีมีวิถีชีวิตดำเนินมำอย่ำงพอดี พอประมำณ
กบั สิ่งที่ตนเองมี และไดม้ ีควำมสุขกับสิง่ ทไี่ ดท้ ำ.

- อรุณ แพทย์โอสถ –

35

บรรณำนุกรม

ณิศิรำ กำยรำศ, ปริญญำนิพนธ์ 2559 : รปู แบบนเิ วศพิพธิ ภัณฑ์เพื่อการทอ่ งเท่ยี วโดยชมุ ชน กรณีศกึ ษา
ชมุ ชนตาบลช้างทนู อาเภอบ่อไร่ จงั หวัดตราด.

โครงกำรพัฒนำระบบฐำนข้อมูลเพ่ือเสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งให้แก่ชนเผ่ำพ้ืนเมืองในประเทศไทย
: ชนเผ่าพืน้ เมือง ชอง.

เจตน์จรรย์ อำจไธสง และคณะ, 2560. (ในหนำ้ 3).
ชิน อยู่ดี. (2506). รำยงำนเสนอกองโบรำณคดกี รมศลิ ปำกร เม่อื วนั ที่ 7 มกรำคม 2506.
สวุ ิไล เปรมศรีรัตน์,พรสวรรค์ พลอยแก้ว : สารานกุ รมกลุ่มชาติพันธ์ุในประเทศไทย กะซอง และ ซัมเร

2548.
https://www.changtoon.go.th/index/?page=article1932 เว็บไซต์ องค์การบริหารส่วนตาบล

ชา้ งทนู ข้อมูล ณ วนั ท่ี 2/7/2564.
ระบบฐำนขอ้ มูลทำงชวี ภำพและภูมปิ ญั ญำท้องถิ่นของชมุ ชน , 2555.
บทสัมภำษณ์ นำยสมชำย เปรื่องเวช (อำยุ 56 ปี), ประธำนกลุ่มวิสำหกิจชุมชนนิเวศพิพิธภัณฑ์ชอง

บำ้ นช้ำงทูน, 62/2 หมู่ 5 ตำบลช้ำงทูน อำเภอบอ่ ไร่ จังหวดั ตรำด : 2 กรกฎำคม 2564.
บทสัมภำษณ์ นำงสำเนำ ตุงคะเทพี (อำยุ 71 ปี), รองประธำนกลุ่มวิสำหกิจชุมชนนิเวศพิพิธภัณฑ์ชอง

บำ้ นชำ้ งทนู , 7 หมู่ 4 ตำบลชำ้ งทูน อำเภอบ่อไร่ จงั หวดั ตรำด : 3 กรกฎำคม 2564.
บทสัมภำษณ์ นำงชม้อย เปร่ืองเวช (อำยุ 76 ปี), กรรมกำรกลุ่มวิสำหกิจชุมชนนิเวศพิพิธภัณฑ์ชอง

บำ้ นชำ้ งทูน, 49 หมู่ 1 ตำบลช้ำงทูน อำเภอบอ่ ไร่ จงั หวัดตรำด : 3 กรกฎำคม 2564.
บทสัมภำษณ์ นำงย้ิม โฉมเฉลำ (อำยุ 83 ปี), กรรมกำรกลุ่มวิสำหกิจชุมชนนิเวศพิพิธภัณฑ์ชอง

บ้ำนช้ำงทนู , 55 หมู่ 1 ตำบลชำ้ งทนู อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตรำด : 3 กรกฎำคม 2564.
บทสมั ภำษณ์ นำยเกษม มั่นคง นำยกองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลช้ำงทนู ตำบลช้ำงทนู อำเภอบอ่ ไร่

จงั หวัดตรำด.

36

37


Click to View FlipBook Version