The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การตรวจสอบวิตามินซีในน้ำผักผลไม้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patsachon Suwanruang, 2022-09-14 22:29:33

โครงงานวิทยาศาสตร์

โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การตรวจสอบวิตามินซีในน้ำผักผลไม้

Keywords: โครงงานวิทญาสาสตร์ประเภททดลอง

โครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง
เร่อื ง การตรวจสอบวิตามินซีในน้าผักและน้าผลไม้

ผจู้ ัดทา้

เด็กหญิงณัฏฐณิชา ชาวรกั ษ์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4
เดก็ หญิงวรัทยา ฉัยยะธารงค์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4
เด็กหญงิ ชนิกานต์ วิไลศลิ ป์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4

ครทู ่ปี รกึ ษาโครงงาน

นางสาวกนกวรรณ เขียวนลิ
โรงเรยี นวัดเจ้าอาม ส้านักงานเขตบางกอกน้อย กรงุ เทพมหานคร

สารบัญ หน้า

เนอื เรือ่ ง 1
1
กิตติกรรมประกาศ 1
บทคดั ย่อ 1
บทที่ 1 บทนา้ 2
2
ทีม่ าและความสาคัญ
วัตถปุ ระสงค์ 3
สมมติฐาน 3-4
ตัวแปรในการทดลอง 4
ขอบเขตในการศกึ ษาคน้ คว้า 5
ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ บั 5-6
บทที่ 2 เอกสารที่เก่ียวข้อง 6
สตรอเบอรร์ ี่ 7
สับปะรด 8
สม้ เขยี วหวาน
ฝรั่ง 9
โหระพา 9-10
คะน้า
ผกั กาดขาว 11
ตาลงึ
บทที่ 3 ขนั ตอนการทดลอง 12
วัสดุ อปุ กรณ์ 12
ขันตอนการทดลอง 12
บทท่ี 4 ผลการทดลอง 13
ผลการทดลอง
บทที่ 5 สรปุ ผลการทดลองและขอ้ เสนอแนะ
สรุปผลการทดลอง
อภปิ รายผล
ขอ้ เสนอแนะ
อ้างอิง

ชื่อโครงงาน การตรวจสอบวติ ามินซใี นน้าผักและน้าผลไม้

โครงงานประเภท ประเภททดลอง

คณะผจู้ ัดทา้ เด็กหญิงณัฏฐณชิ า ชาวรักษ์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
เด็กหญิงวรทั ยา ฉัยยะธารงค์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4
เด็กหญงิ ชนิกานต์ วิไลศิลป์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4

ครูทปี่ รกึ ษาโครงงาน คุณครูกนกวรรณ เขยี วนิล

ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2560

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนวัดเจ้าอาม สา้ นกั งานเขตบางกอกน้อย
กรงุ เทพมหานคร

บทคดั ยอ่

โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เร่ืองการตรวจสอบวิตามินซใี นน้าผักและน้าผลไม้ จดั ทาขึน้
เพื่อเปน็ การทดลองเปรยี บเทียบวติ ามนิ ซใี นน้าผักและผลไม้ แต่ละชนดิ มีวติ ามินซีมากน้อยเพยี งใด ซงึ่ ถา้ เรา
บรโิ ภคผักและผลไมท้ ่ีมวี ติ ามินซีเพ่ิมมากขึน้ จะส่งผลให้รา่ งกายแข็งแรงและมีภมู ติ ้านทานที่ดีขึ้น

ผลการตรวจสอบปริมาณวติ ามินซใี นน้าผักและน้าผลไม้แต่ละชนิด เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงใน
น้าแป้งสกุ จะเปล่ยี นเป็นสีน้าเงินและเมอื่ หยดน้าผักและน้าผลไมแ้ ตล่ ะชนดิ ลงไป พบวา่ สีน้าเงินเรม่ิ จางหายไป
ตามจานวนหยดของนา้ ผกั และน้าผลไม้แต่ละชนิด แสดงว่าในน้าผักและนา้ ผลไม้แต่ละชนิดมีปริมาณวติ ามินซี
มากนอ้ ยแตกตา่ งกัน

น้าผักทีม่ ีวติ ามนิ ซีมากท่สี ดุ คือ ตาลึง รองลงมา คือ โหระพา คะน้า ตามลาดับ และนา้ ผักทีม่ ีวิตามินซี
น้อยสุด คือ ผักกาดขาว และน้าผลไม้ที่มีวิตามินซีมากท่ีสุด คือ สตรอเบอร์รี รองลงมา คือ ฝรั่ง สับปะรด
ตามลาดบั และน้าผลไม้ที่มีวิตามินซนี อ้ ยสุด คือ สม้ เขยี วหวาน

กิตตกิ รรมประกาศ

รายงานการจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับนี้ สาเรจ็ และสมบูรณ์เป็นรูปเล่มดว้ ยความกรณุ าและเอา
ใจใส่เป็นอย่างดี จากคุณครูกนกวรรณ เขยี วนลิ ครูท่ีปรกึ ษาโครงงานทีไ่ ด้กรุณาใหค้ าปรึกษาและข้อเสนอแนะ
ตลอดทัง้ การตรวจแก้ไขรายงานฉบบั น้ีให้สาเร็จสมบูรณย์ ่ิงข้ึน ทางคณะผู้จัดทาจึงขอขอบพระคณุ เป็นอย่างสูง
ไว้ ณ โอกาสน้ี

ขอขอบพระคุณท่านผู้อานวยการ และคุณครูโรงเรียนวัดเจ้าอามทุกท่าน ที่ได้ให้กาลังใจตลอดจน
อานวยความสาเร็จให้บังเกดิ ข้ึน

สุดท้ายน้ีขอขอบคุณผู้ปกครอง คุณพ่อ คุณแม่ท่ีเป็นกาลังใจ และให้ความช่วยเหลือในการเก็บ
รวบรวมขอ้ มลู และให้คาแนะนาในการทาโครงงานคร้ังน้ีใหส้ าเร็จลุลว่ งดว้ ยดตี ลอดมา

บทท่ี 1

บทนา้

ทมี่ าและความส้าคัญของปัญหา

จากกระแสการตืน่ ตัวรกั สุขภาพ ทาให้คนไทยมีแนวโน้มในการบรโิ ภคผักและผลไม้เพ่ิมมากขน้ึ
ซ่ึงวิตามนิ ซี รวมทัง้ สารอาหารตา่ งๆ สง่ ผลให้ร่างกายแข็งแรงและมภี มู ิตา้ นทานท่ีดีข้นึ แต่คนไทยบรโิ ภคผัก
และผลไมโ้ ดยไมท่ ราบวา่ ในผักและผลไมแ้ ตล่ ะชนดิ มีวติ ามินซีมากน้อยเพยี งใด คณะผู้จัดทาจึงมคี วามสนใจท่ี
จะทาการศกึ ษาโดยการทดสอบวติ ามินซที ี่มีอย่ใู นน้าผลไม้ต่างๆ ในท้องตลาดที่หาบริโภคได้ง่ายและเลือกผักท่ี
คนนยิ มบรโิ ภคทั่วไปมาทดสอบวิตามนิ ซีทีม่ ีอยใู่ นผกั

ทางคณะผู้จดั ทาจงึ มีแนวคดิ ว่าจะตรวจสอบปริมาณวติ ามนิ ซีในน้าผกั และน้าผลไม้ เพ่ือจะได้นาขอ้ มูลที่
ได้มาใชเ้ ป็นแนวทางในการเลือกบรโิ ภคผักและผลไม้ท่ีมวี ิตามนิ ซีสูงในโอกาสต่อไป

วัตถุประสงค์

1. เพอ่ื เปรียบเทียบวิตามินซีในนา้ ผลไม้ 4 ชนิด
2. เพ่อื เปรียบเทียบวิตามนิ ซีในนา้ ผัก 4 ชนดิ
สมมติฐาน
1. นา้ ผลไม้แตล่ ะชนิดมปี รมิ าณวติ ามินซีแตกตา่ งกัน
2. นา้ ผักแต่ละชนิดมีปรมิ าณวิตามนิ ซีแตกต่างกนั
ตัวแปรในการทดลอง
1.4.1 ตัวแปรตน้
1. น้าผลไม้ 4 ชนดิ ไดแ้ ก่ สตรอเบอร์รี สม้ เขยี วหวาน ฝร่งั สบั ปะรด
2. นา้ ผกั 4 ชนิด ไดแ้ ก่ ใบโหระพา คะนา้ ผักกาดขาว ตาลึง
1.4.2 ตัวแปรตาม
- ปรมิ าณวติ ามินซี
1.4.3 ตัวแปรควบคุม
1. ปรมิ าณขนาดหยดของนา้ ผลไม้แต่ละชนิด
2. ปริมาณขนาดหยดน้าผักแตล่ ะชนิด
3. นา้ แป้งสกุ
4. สารละลายไอโอดีน
5. ขนาดของหลอดทดลอง

ขอบเขตการศึกษา ในการศึกษาครง้ั นี้ มีขอบเขตของการศึกษาดงั นี้
สิ่งท่ีศึกษา ปริมาณวติ ามนิ ซใี นนา้ ผลไม้ 4 ชนิด ไดแ้ ก่ สตรอเบอร์รี สม้ เขยี วหวาน ฝรั่ง สบั ปะรด และ

ปริมาณวติ ามินซีในนา้ ผกั 4 ชนิด ไดแ้ ก่ ใบโหระพา คะนา้ ผักกาดขาว ตาลงึ

ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ

1. ทราบวิธีการหาวิตามินซใี นนา้ ผลไม้และน้าผัก
2. ทราบปริมาณวติ ามินซใี นน้าผลไมแ้ ละนา้ ผักแต่ละชนิด
3. ทราบว่าตอ่ ไปควรที่จะรบั ประทานนา้ ผลไม้และน้าผักแบบไหนจึงจะได้รบั วิตามินซเี ยอะที่สดุ

บทท่ี 2

เอกสารทีเ่ กี่ยวขอ้ ง

ในการศึกษาโครงงานเร่อื งการทดสอบวิตามินซีในน้าผักและนา้ ผลไม้ คณะผู้ศึกษาไดค้ ้นคว้ารวบรวม
ข้อมูลจากเอกสารท่เี กย่ี วขอ้ งและจากเว็บไซตบ์ นเครือข่ายอนิ เตอร์เน็ต โดยขอนาเสนอตามลาดบั ดังนี้

1. สตรอเบอร์รี่
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Fragaria Chiloensis Duchesne.
ช่อื วงศ์ : Strawberry
ช่ือสามัญ : Boat-lily Cradle Lily
ลกั ษณะ : สตรอเบอร่ีเป็นพืชลม้ ลกุ แตกกงิ่ ก้านแผป่ กคลุมดิน ใบจะรวมกันอยู่ 3 ใบใน 1 กา้ น ขอบใบมรี อย
หยัก มีดอกสขี าว ผลมกี ้านยาวเชอ่ื มกับตน้ รปู ทรงคล้ายรปู หวั ใจ มีเส้ยี นเลก็ ๆ บางๆ กระจายอยู่ทั่วผล มีกลบี
เล้ียงบนขั้วของผล เม่ืออ่อนมีสขี าว เหลือง เมอ่ื สุกจะเป็นสีส้ม หรอื แดง รสชาตอิ มเปรยี้ วถึงหวาน ขนึ้ อยู่กับผล
ทสี่ ุก
สารอาหารทีส่ า้ คัญ : สตรอเบอร่ีน้นั จะให้คุณค่าของวติ ามิน A , B และเปน็ แหล่งของวติ ามิน C
สรรพคณุ : หากรับประทานสตรอเบอรเ่ี ป็นประจา จะชว่ ยรกั ษาป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ซึง่ เราเรียกวา่
ลักปิดลักเปดิ บรรเทาอาการทอ้ งผกู ช่วยทาใหเ้ จรญิ อาหาร ชว่ ยทาให้ระบบการดูดซึมอาหารของรา่ งกายดี
ย่งิ ขึน้ และยงั ชว่ ยในการย่อยอาหารด้วย

2. สับปะรด
ช่ือทางวิทยาศาตร์: Ananas comosus
เปน็ พชื ลม้ ลุกชนดิ หนง่ึ ทมี่ ีตน้ กาเนดิ มาจากแถวๆทวปี อเมริกาใต้
ลาต้นมขี นาดสงู ประมาณ 80-100 เซนตเิ มตร การปลูกก็สามารถปลกู ได้งา่ ยโดย
การใชห้ นอ่ หรือท่เี ป็นส่วนยอดของผลทีเ่ รยี ก วา่ จุก มาฝังกลบดินไว้ และออกเปน็ ผล เปลอื กของผลสับปะรด
ภายนอกมลี ักษณะคล้ายตาลอ้ มรอบผลแต่ละท้องถ่นิ เรยี กสับปะรดแตกตา่ งกันออกไปเชน่ ภาคกลาง เรียกวา่
"สบั ปะรด" ภาคอสี าน เรียกว่า "บักนดั " ภาคเหนอื เรยี กว่า "มะนดั , มะขะนัด, บ่อนัด" ภาคใต้ เรียกว่า "ย่า
นดั , ยา่ นนัด, ขนนุ ทอง"
ลักษณะของสับปะรด
รูปลกั ษณะ ไม้ล้มลกุ อายุหลายปี สูง 90-100 ซม. มีลาต้นอยใู่ ต้ดนิ ใบเดี่ยวเรียงสลบั ซอ้ นกนั ถีม่ ากรอบต้น
กวา้ ง 6.5 ซม. ยาวไดถ้ งึ 1 เมตร ไมม่ ีก้านใบ ดอกช่อออกจากกลางต้น มีดอกย่อยจานวนมาก ผลเปน็ ผลรวม
รูปทรงกระบอก มีใบเปน็ กระจุกที่ปลา สบั ปะรดเป็นพืชใบเล้ยี งเด่ยี ว สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้
ดี เปน็ พชื เศรษฐกิจทส่ี าคัญ เม่ือเจรญิ เปน็ ผลแล้วจะเจริญต่อไปโดยตาที่ลาต้นจะเตบิ โตเป็นต้นใหมไ่ ด้อีก และ
สามารถดดั แปลงเปน็ ไมป้ ระดับได้อีกดว้ ย

สบั ปะรดแบ่งออกตามลักษณะความเปน็ อยไู่ ด้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คอื พวกทมี่ ีระบบรากหาอาหารอยู่ในดิน หรอื
เรียกวา่ ไม้ดิน, พวกอาศยั อยู่ตามคาคบไม้หรือลาต้นไม้ใหญ่ ไดแ้ ก่ ไม้อากาศตา่ ง ๆ ท่ีไม่แยง่ อาหารจากตน้ ไม้ท่ี
มันเกาะอาศยั อยู่ พวกนส้ี ่วนใหญจ่ ะเป็นไม้ประดับ, และพวกท่เี จรญิ เติบโตบนผาหินหรือโขดหิน
ส่วนสับปะรดท่เี ราใช้บรโิ ภคจัดเป็นไมด้ นิ แต่ยังมีลกั ษณะบางประการของไมอ้ ากาศเอาไว้ คอื สามารถเก็บน้า
ไว้ตามซอกใบไดเ้ ล็กน้อยมเี ซลลพ์ เิ ศษสาหรบั เกบ็ น้าเอาไวใ้ นใบ ทาใหท้ นทานในชว่ งแลง้ ได้
สรรพคุณทางสมุนไพร

ชว่ ยบรรเทาอาการแผลเปน็ หนอง ช่วยขบั ปสั สาวะ แก้รอ้ นกระสบั กระส่าย กระหายนา้ แก้อาการบวมนา้
ปสั สาวะไม่ออก บรรเทาอาการโรคบิด ชว่ ยยอ่ ยอาหารพวกโปรตนี แก้ทอ้ งผูก เปน็ ยาแก้โรคน่ิว แก้สน้ เทา้
แตก

3. ส้มเขียวหวาน
ชอื่ วิทยาศาสตร์: Citrus × tangerina; อังกฤษ: Tangerine)
เป็นส้มชนดิ หน่ึง ท่พี ฒั นาสายพันธ์มุ าจากส้มจนี (C. reticulata)
ในประเทศไทยมีผู้สนั นษิ ฐานว่ามีผ้นู าเขา้ ตน้ พนั ธุ์มาจากประเทศจีน
เม่อื ระยะเวลากว่า 100 ปีมาแลว้ โดยลกั ษณะทัว่ ไปของส้มเขยี วหวานมีรูปกลมมน แป้นเลก็ นอ้ ย ฐานผลกลม
มน ด้านล่างเปน็ แอง่ ต้นื ๆ ผวิ ผลเรยี บ มีเปลือกบาง เน้ือสม้ ภายในเป็นสีสม้ อมทอง ฉา่ น้า กลบี แยกออกจาก
กันได้โดยง่าย มรี สชาติอรอ่ ยหวานอมเปรย้ี วเลก็ นอ้ ย เมื่อแกะออกมาแลว้ กลนิ่ จะตดิ จมูก ทาให้เป็นทน่ี ิยมกัน
เป็นอยา่ งมาก แหล่งท่ีขน้ึ ช่อื ว่าปลกู ส้มเขียวหวานกนั มากและมีช่ือเสียงในประเทศไทย คือ ตาบลบางมดใน
พ้นื ที่อาเภอราษฎรบ์ ูรณะและอาเภอบางขนุ เทียนของจงั หวัดธนบรุ ี (ปัจจุบนั คือแขวงบางมดในเขตทุง่ ครแุ ละ
เขตจอมทองของกรงุ เทพมหานคร) จนได้ชอื่ ว่า ส้มบางมด แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 มีน้าทะเลได้หนนุ เข้ามา
ทาใหไ้ ม่สามารถปลูกได้ จึงได้เปลีย่ นมาปลกู ที่ทุ่งรังสิต โดยเรมิ่ ทคี่ ลองสอง ธัญบรุ ี ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 จึงมา
ปลกู ทีอ่ าเภอหนองเสอื จนได้ชอ่ื ว่า ส้มรังสิต แต่ปัจจุบนั ก็มีการเพาะปลูกน้อยลง รวมถงึ ในพ้ืนที่บางมดดว้ ย
[1][2]
สรรพคุณทางยาและโภชนาการ ตรงท่ีผลนามารับประทานหรอื คนั้ น้าดื่มมีรสชาติเปรย้ี วอมหวานบรรเทา
อาการกระหายน้า ป้องกันโรคหวดั และการติดเช้ือแบคทเี รีย ลดปริมาณโคเลสเตอรอลในโลหติ ช่วยระบบย่อย
อาหารของร่างกาย ระบายได้มแี ก้อาการท้องผูก และมคี ณุ คา่ ทางอาหาร สม้ เขยี วหวานนา้ หนัก 100 กรัม ให้
วติ ามินซี 42 มลิ ลิกรมั นอกจากนีแ้ ลว้ ส้มเขยี วหวานยงั มชี ื่อเรยี กอื่น ๆ อีก เช่น "สม้ แก้วเกล้ียง", "สม้ จันทบูร",
"ส้มแปน้ กระดาน", "สม้ แสงทอง", "ส้มแป้นเกลี้ยง", "สม้ จกุ " หรือ "สม้ บางมด" เปน็ ตน้ (วรวฒั ณ อิน
อากร.2533:เวบ็ ไซต์)

4. ฝร่งั
ชอื่ สามัญ : Guava
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Psidium guajava Linn.
ชอื่ วงศ์ : MYRTACEAE
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ :

ฝรงั่ เปน็ พรรณไมย้ ืนตน้ มีขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ลกั ษณะผวิ เปลือกของ ลาต้นเรยี บเกลยี้ ง กง่ิ อ่อนเป็น
ส่เี หล่ยี ม

ใบฝรงั่ ลักษณะของใบเป็นใบหนา หยาบ ใตท้ ้องใบเปน็ ริ้วเห็นเส้นใบไดช้ ัด และมีขนขึ้นนวลบาง ขนาดของ
ใบยาวประมาณ 2-5 นิ้ว กวา้ งประมาณ 1.5-3 น้ิว

ดอกฝรั่ง ดอกออกเปน็ ช่อ ในช่อหนึ่งมีดอกย่อยประมาณ 3-5 ดอก ลักษณะของดอกเปน็ ดอกเล็ก มสี ขี าว
อมเขยี วอ่อน ๆ กลีบเล้ียงแข็งมีความคงทนมาก

ผลฝร่งั ลักษณะของผลเป็นรูปตา่ งกัน ตามลักษณะของพันธ์ุ และชนดิ ของมนั แต่ลักษณะของผิวเกล้ียง
เรยี บ ผลเม่ือยงั อ่อนจะเปน็ สเี ขียวแก่ หรือเขียวออ่ น แต่เม่ือผลสุกจะเปลีย่ นเปน็ สีเหลือง มกี ลิ่นเหม็น และขา้ ง
ในผลหนึง่ มีเมลด็ เป็นเมด็ กลมเล็ก ๆ แข็ง มีจานวนมาก
สว่ นท่ีใช้เป็นยา : ใบ, ผล, ราก
สรรพคุณฝร่ัง :

ใบ แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน (ที่ไม่ใช่บิด หรอื อหิวาตกโรค) เป็นยาห้ามเลือด ใสแ่ ผลสด ระงบั กลน่ิ ปาก
แกฝ้ ี เปน็ ยาลา้ งแผล ดูดหนองและถอนพิษบาดแผล แกเ้ หงือกบวม แก้พิษเร้ือรงั แกป้ วดเนื่องจากเลบ็ ขบ แก้
แพ้ยุง

ผลอ่อน แก้ท้องเสยี ท้องร่วง ทอ้ งเดิน ระงับกล่ินปาก แกบ้ ดิ มกู เลอื ด มีไวตามนิ ซีมาก เป็นกนั หรอื แกโ้ รค
เลือดออกตามไรฟนั (ลกั ปิดลกั เปดิ ) บารงุ เหงือกและฟนั บารงุ ผวิ พรรณ

ผลสกุ มีสารเพ็กตนิ อยู่มาก ใชร้ ับประทานเป็นยาระบายได้
ราก แก้น้าเหลืองเสีย เป็นฝี แผลพพุ อง แก้เลือดกาเดาไหล

5. ใบโหระพา
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Ocimum basilicum L.
ชื่อสามัญ : Sweet Basil
ชอ่ื วงศ์ : Labiatae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :

โหระพา เปน็ พืชล้มลกุ ลาต้นมขี นาดเลก็ เป็นพืชท่ีมีอายไุ ด้หลายฤดู ลาตน้ เป็นส่เี หลี่ยมและเปน็ พ่มุ ลาตน้
จะแตกแขนงได้มากมาย กิง่ ก้านมีสมี ่วงแดง มีขนอ่อนๆ ทีผ่ ิวลาตน้

ใบโหระพา มีรปู ร่างแบบรูปไขป่ กติจะยาวไม่เกิน ๒ น้วิ ใบจะเรยี งตวั แบบตรงกนั ข้ามกนั ขอบใบหยักแบบ
ฟนั เล่ือย ใบมีสเี ขียวอมมว่ งและมีก้านใบยาว

ดอกโหระพา มีขนาดเล็กสขี าวหรอื มว่ งจะออกเปน็ ช่อคล้ายฉัตรที่ยอด ดอกมีทง้ั สีมว่ ง แดงอ่อน และสีขาว
ในแตล่ ะดอกจะมเี กสรตัวผู้ ๔ อนั รงั ไข่แต่ละอนั จะมสี มี ่วง

เมล็ดโหระพา มสี ดี ามีกล่ินหอมทัง้ ต้น
สว่ นทใ่ี ชเ้ ปน็ ยา : ทงั้ ตน้ , เมล็ด, ราก

ทงั ต้น เกบ็ เมื่อเริ่มเข้าฤดหู นาว ขณะเจริญเต็มท่ี มีดอกและผลล้างใหส้ ะอาด ห่นั เป็นท่อนตาแหง้ เกบ็ ไว้ใช้
เมล็ด นาต้นไปเคาะ แยกเอาเมล็ดตากแหง้ เกบ็ ไว้ใช้ (ระวงั ไม่ใหถ้ ูกน้าเพราะจะจับกันเป็นก้อน)
ราก ใชร้ ากสด หรอื ตากแห้ง เกบ็ ไว้ใช้
สรรพคณุ โหระพา :
ทงั ต้น รสฉุน สุขุม ขบั ลม ทาใหเ้ จรญิ อาหาร แกป้ วดหวั หวัด ปวดกระเพาะอาหาร จุกเสียดแนน่ ทอ้ งเสยี
ประจาเดอื นผดิ ปกติ ฟกชา้ จากหกลม้ หรอื กระทบกระแทก งกู ัด ผดผ่นื คนั มนี ้าเหลอื ง
เมลด็ รสชุ่ม เยน็ สุขุม ถกู นา้ จะพองตัวเปน็ เมือก ใชแ้ ก้ตาแดง มขี ้ีตามาก ต้อตา ใชเ้ ป็นยาระบาย (ใชเ้ มลด็
4-12 กรัม แช่น้าเยน็ จนพอง ผสมน้าหวาน เตมิ นา้ แข็งรบั ประทาน)
ราก แกเ้ ดก็ เป็นแผล มหี นองเร้ือรัง

6. คะนา้
ชื่อสามัญ : Kale
ช่อื วิทยาศาสตร์ : Brassica albroglabra
ชื่ออนื่ : จนี กวางตงุ้ เรียกวา่ ไกห๋ ลาน จนี แต้จวิ๋ เรยี กว่า กาหนา
ฤดูกาล : ผกั คะน้าสามารถเจริญเตอบโตได้ท้ังปี และเจรญิ เติบโตได้ทุกสภาพอากาศ
แหลง่ ปลกู : ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย ผักคะนา้
ผักคะนา้ มถี ิน่ กาเนดิ อยใู่ นทวีปเอเชียและปลูกกันมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย
คะน้าเปน็ ผักทนี่ ยิ มปลูกและบริโภคกันมา โดยปลูกเพ่ือบริโภคส่วนของใบและลาต้น อายุต้ังแตห่ วา่ นหรือ
หยอดเมลด็ จนถึงเก็บเกีย่ วประมาณ 45-55 วัน ผักคะนา้ เป็นผกั สวนครัวทสี่ ามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่
ชว่ งเวลาทป่ี ลูกได้ผลดี ท่สี ุดอยู่ในชว่ งเดือนตลุ าคมถงึ เมษายน
ลกั ษณะผักคะนา้
พชื ปีเดียวไม่มีเนื้อไม้สงู ไดถ้ ึง 40 เซนตเิ มตร และสูง 1-2 เมตรเมอื่ ช่อดอกเจริญเตบิ โตเต็มท่ี ผิวสว่ นตา่ งๆ ของ
ลาตน้ มลี กั ษณะเรยี บ และมีนวลจับ ระบบรากเปน็ แบบรากแก้ว มรี ากแขนงที่แข็งแรง มีลาตน้ หลกั หน่งึ ต้น มี
ก่ิงแขนงผอมๆ เจริญออกมาทางดา้ นข้าง หรือส่วนบนของลาตน้ การเรียงใบแบบสลับ แผน่ ใบหนาแข็งมกี ้าน
ใบ ใบกวา้ งรปู ไข่จนถงึ เกือบกลม ขอบใบแบบหยกั ซ่ีฟันและมลี กั ษณะเปน็ คลื่นทโ่ี คนใบมีติง่ ยน่ื ออกมาท้งั สอง
ดา้ น ใบท่อี ยู่ทางด้านล่างมขี นาดเล็ก (ภาพที่ 9.26) ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ยาว 30-40 เซนตเิ มตร กา้ นดอก
ย่อยยาว 1-2 เซนติเมตร ดอกมีสขี าว อาจพบดอกสีเหลอื ง เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 2-3 เซนตเิ มตร ดอกมี 4 ส่วน
ครบ มีเกสรเพศผู้ 6 อนั สัน้ 2 อนั ยาว 4 อนั ผลแตกแบบผักกาดคอ่ นขา้ งกลม เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 2-3
มลิ ลเิ มตร เมล็ดมีรอยบุ๋มขนาดเลก็

7. ผักกาดขาว
ช่อื สามัญ : Nappa Cabbage หรอื Napa
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Brassica rapa, Brassica pekinensis
ชือ่ วงศ์ : Cruciferae วงศ์เดียวกับคะน้าและบรอกโคลี
ชื่อพืนเมือง : ผักกาดขาวปลี, แปะฉา่ ย, แปะฉา่ ยลุย้
ถน่ิ กา้ เนิด : พบหลกั ฐานวา่ มีต้นกาเนิดในประเทศจีนตัง้ แต่ 6-7 พนั ปีก่อน และนยิ มมากในสมยั ฉนิ และมี
แพร่หลายมากข้นึ จนชาวจนี แตจ้ วิ๋ เรยี กชือ่ วา่ แปะฉา่ ย ในสมัยซง้ ชอื่ สามัญ Nappa มาจากภาษาญป่ี นุ่ ท่ใี ช้
เรียกใบของผกั ต่างๆ ที่ใชท้ าอาหาร แตถ่ ้าคาเรียกตรงๆ ของผักกาดขาว ชาวญปี่ ่นุ จะเรยี กออกเสียงว่า
hakusai ผกั กาดขาวนอกจากจะแพรห่ ลายไปท่ัวทั้งในอเมริกา ยโุ รปและออสเตรเลีย ยังเปน็ ทแี่ พร่หลายอย่าง
มากในโซนเอเซียอีกด้วย ซึ่งในเกาหลีเอง ผกั กาดขาวใช้เป็นส่วนผสมของอาหารตา่ งๆ มากมาย โดยเฉพาะกิมจิ
ทข่ี ึน้ ชื่อของเกาหลี กใ็ ช้ผักกาดขาวเปน็ ส่วนประกอบหลักเช่นกนั
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ผกั กาดขาว มถี ิน่ กาเนิดจากประเทศจนี แต่เปน็ ชนดิ ท่ีสีอ่อนกวา่ ผักกาดจนี ชนิด
อืน่ ๆ มีอายสุ ้นั ประมาณ 1 ปี ปลกู ข้ึนไดใ้ นดินทุกประเภท แต่ดนิ ตอ้ งชนื้ และถ้าจะใหเ้ หมาะทส่ี ุดควรปลูกด้วย
ดินรว่ น และรดน้าบอ่ ย ลกั ษณะโดยท่ัวไปของผักกาดขาวคือจะมกี ้านใบใหญ่ สเี ขียวออกขาว ใบอวบและฉ่านา้
เสน้ ใบนนู เด่นชัด ถา้ บริโภคสดๆ จะออกรสหวานนิดๆ แต่ลักษณะอ่นื ๆ จะแตกตา่ งกนั ตามการห่อปลีของพันธ์ุ
ที่ปลกู โดยพนั ธุ์ท่พี บมากในไทย ไดแ้ ก่

1. พนั ธุ์เขา้ ปลยี าว ลกั ษณะปลจี ะหอ่ ยาวๆ สูง มหี วั ตัง้ ตรงคล้ายรปู ไข่ เช่น ผกั กาดโสภณ ผักกาดหงส์
ผักกาดขาวปลีฝรงั่ หรือพนั ธ์ุมิชลิ ี

2. พันธ์ุเข้าปลกี ลมแนน่ ลักษณะปลีจะห่อรวมเป็นทรงสัน้ อ้วนกลมกว่าพนั ธ์ุเขา้ ปลียาว เช่น พันธุ์ซาลา
เดียไฮบรดิ , พนั ธ์ุทรงบิคคอล ไพรด์

3. พนั ธ์ุเขา้ ปลหี ลวมหรอื ไมห่ อ่ ปลี ลกั ษณะเปน็ ใบไม่หอ่ รวมตวั กนั เป็นปลี พบมากในแถบเอเซยี แต่ไม่
นิยมในไทย การเกบ็ รักษาได้ไมน่ านเท่าปลียาว แตส่ ามารถปลูกไดท้ ุกสภาพอากาศ

สรรพคณุ ของผกั กาดขาว ผกั กาดขาว เปน็ ผกั ท่ีมีแคลเซียมและวิตามนิ ซีสูง มีสารอาหารต่างๆ อีกหลายชนดิ
ท้ังโปรตีน ไขมนั วิตตามนิ บี 1 บี 2 วิตามนิ ดี ธาตเุ หล็ก ฟอสฟอรัส กรดนโิ คตนิ ิค และโฟลเลต อีกทัง้ เสน้ ใย
อาหาร แตท่ ่ีมากทสี่ ดุ คือนา้ ท่เี ป็นองคป์ ระกอบหลักสงู ถงึ ร้อยละ 96 ซ่ึงสารอาหารต่างๆ และใยอาหารนีเ้ อง
ท่ีทาให้ผกั กาดขาวมปี ระโยชน์มากมาย
ข้อควรระวังในการบรโิ ภค ผกั กาดขาว ถึงแม้ผักกาดขาวจะมีสรรพคณุ ในการชว่ ยย่อย แต่หากคนทมี่ ีอาการ
มา้ มพร่อง อาหารไมย่ ่อยเป็นประจา ไม่ควรท่ีจะรบั ประทาน เพราะผกั กาดขาวจะไปกระต้นุ ให้กระเพาะและ
ลาไสท้ างานมากขนึ้ ซึ่งอาจเกิดผลกระทบกนั ได้ นอกจากน้ีสารอาหารตา่ งๆ ในผักกาดขาวกส็ ่วนใหญ่ไม่ทน
ความรอ้ น จงึ เหมาะท่จี ะบรโิ ภคดบิ ๆ มากกวา่ นอกจากนีผ้ ักกาดขาวหากเกิดการเน่าเสีย หา้ มรับประทานโดย
เดด็ ขาด เพราะในอดีตมรี ะบุไว้ว่า มีการนาผักกาดขาวไปเป็นสว่ นประกอบของการทายาพิษอีกด้วย

8. ต้าลงึ
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Coccinia grandis (L.) Voigt)
ชอ่ื วงศ์ : CUCURBITACEAE
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ :

ต้าลึง เปน็ พรรณไม้เถาเลื้อยท่มี ีมือจบั เพื่อเอาไว้เกาะยึดหลกั หรอื ตน้ ไม้อ่ืน ๆ ลาเถาสเี ขียว
ใบตา้ ลึง เป็นใบเดย่ี ว มลี ักษณะเป็น 3 แฉก หรือ 5 แฉก กวา้ งและยาวประมาณ 4-8 เซนติเมตร โคนใบมี
ลักษณะเป็นรูปหัวใจ มีมือเกาะย่นื ออกมาจากทีข่ ้อ ใบตาลึงตัวผ้หู ยักเวา้ ลึก 3-5 หยกั ต่างจากใบของตาลึงตัว
เมียที่เปน็ รปู สามเหลีย่ มอยู่แยกต้นออกจากกนั
ดอกต้าลึง ดอกสีขาวปลายกลบี หา้ แฉก ขา้ งในมเี กสรสเี หลืองอ่อน มองคลา้ ยรูประฆัง เป็นไมท้ ่ีไม่สมบูรณ์
เพศ คือ ดอกเพศผ้แู ละเมียจะอยู่คนละตน้ กนั ซึ่งสังเกตได้จากใบ ถา้ ใบจักมากก็เปน็ เพศผู้ แตด่ อกสีขาว
ทรงกระบอกหวั แฉกเหมอื นกัน
ผลตา้ ลงึ มรี ปู รา่ งคลา้ ยแตงกวา แตม่ ขี นาดเลก็ กวา่ ผลที่ออ่ นมสี ีเขียว และมีลายสีขาว พอสุกจะกลายเปน็ สี
แดงสด เน้อื ก็สีแดงรับประทานได้
ส่วนทใี่ ชเ้ ปน็ ยา : ใบ ราก และเถา
สรรพคุณต้าลงึ :
ใบ ถ้านาใบสดมาจะถอนพิษหมามยุ้ แกเ้ จบ็ ตา ตาฝ้า ตาแดง ตาแฉะ ใชเ้ ป็นยาเยน็ ดับพิษร้อนก็ได้
ราก ของตาลงึ นมี้ รี สเยน็ ทาเป็นยารกั ษาแกด้ วงตาท่ีข้นึ เป็นฝ้า และดับพิษต่าง ๆ
เถา น้าทีค่ นั้ ได้จากเถาเรานามาเป็นยารักษาโรคตาเจ็บได้ หรือตาแดงก็ได้
ทงั ต้น (เถา ราก ใบ) นามาเปน็ ยาใช้รักษาแกโ้ รคผิวหนัง โรคเบาหวาน แก้หลอดลมอักเสบ และลดระดบั
น้าตาลในเลือด

บทที่ 3

ขนั ตอนการทดลอง

3.1 วัสดุ อุปกรณ์

1. หลอดทดลอง
2. บีกเกอร์
3. แทง่ แกว้ คนสาร
4. แป้งมนั
5. มีด
6. ถาด
7. ผา้ ขาวบาง
8. ตะเกียงแอลกอฮอล์พรอ้ มที่กนั้ ลม
9. ครกหนิ +สาก
10. สารละลายไอโอดนี
11. น้าผลไม้ 4 ชนิด ได้แก่ สตรอเบอรร์ ี ส้มเขียวหวาน ฝรง่ั สบั ปะรด
12. นา้ ผกั 4 ชนดิ ไดแ้ ก่ โหระพา คะน้า ผักกาดขาว ตาลงึ

3.2 วิธดี ้าเนนิ การ การศึกษาเรอื่ งการทดสอบวิตามนิ ซใี นน้าผลไม้และในน้าผกั ได้ดาเนนิ การทดลอง ดังน้ี
- การเตรยี มนา้ แป้งสุก น้า 150 มิลลลิ ติ ร แป้งมัน 2 ช้อน นาไปตม้ จนกระท่ังน้าแป้งสกุ

1. วธิ ีทา้ การทดสอบวิตามินซีในนา้ ผลไม้ จ้านวน 4 ชนดิ ได้แก่ สตรอเบอร์รี สม้ เขียวหวาน ฝรง่ั
สบั ปะรด

1.1 หยดสารละลายไอโอดนี จานวน 5 หยด ในน้าแปง้ สุก 150 มลิ ลิลติ ร จะไดส้ ารละลายสนี า้ เงนิ
1.2 แบง่ สารละลายสนี า้ เงินทไ่ี ด้จากข้ันตอนแรกออกเป็น 4 หลอดทดลอง หลอดละ 3 มลิ ลิลิตร
1.3 หยดน้าสตรอเบอรร์ ี ลงในหลอดทดลองที่ 1 นับจานวนหยดและสังเกตการเปลี่ยนสีของสารสะลาย
สีน้าเงิน ถา้ สารละลายสนี า้ เงินเปล่ยี นเป็นสขี าวขนุ่ ในปริมาณจานวนน้อยหยด แสดงวา่ มปี รมิ าณวิตามินซสี งู
1.4 หยดน้าสม้ ลงในหลอดทดลองที่ 2 นับจานวนหยดและสังเกตการเปลย่ี นสีของสารสะลายสีนา้ เงนิ
ถา้ สารละลายสีน้าเงนิ เปลย่ี นเปน็ สีขาวขุ่น ในปรมิ าณจานวนน้อยหยด แสดงวา่ มปี รมิ าณวติ ามินซีสงู
1.5 หยดน้าสับปะรด ลงในหลอดทดลองที่ 3 นับจานวนหยดและสังเกตการเปลย่ี นสีของสารสะลาย
สนี า้ เงิน ถ้าสารละลายสีนา้ เงินเปล่ยี นเปน็ สขี าวขุ่น ในปรมิ าณจานวนนอ้ ยหยด แสดงว่ามปี รมิ าณวติ ามินซสี งู
1.6 หยดน้าฝร่งั ลงในหลอดทดลองที่ 4 นับจานวนหยดและสงั เกตการเปลี่ยนสีของสารสะลายสีนา้ เงิน
ถา้ สารละลายสีนา้ เงนิ เปลี่ยนเป็นสขี าวขุ่น ในปริมาณจานวนนอ้ ยหยด แสดงวา่ มีปริมาณวติ ามินซสี ูง
1.7 จดบนั ทึกลงในแบบบันทกึ ผลการทดลอง

2. วิธีท้าการทดสอบวติ ามินซีในน้าผัก 4 ชนิด ได้แก่ โหระพา คะนา้ ผักกาดขาว ต้าลึง
2.1 นาผักท้งั 4 ชนดิ มาล้างใหส้ ะอาด และพักไว้ให้สะเดด็ น้า
2.2 นาผกั ทง้ั 4 ชนิดมาห่นั แลว้ ตาให้ละเอียดคนั้ เอาแต่น้า
2.3 หยดสารละลายไอโอดีนจานวน 5 หยด ในน้าแปง้ สกุ 150 มิลลลิ ิตร จะได้สารละลายสีนา้ เงิน
2.4 แบ่งสารละลายสีน้าเงนิ ที่ได้จากขัน้ ตอนท่ี 3 ออกเปน็ 4 หลอดทดลอง หลอดละ 3 มลิ ลิลติ ร
2.5 หยดนา้ ผักโหระพา ลงในหลอดทดลองท่ี 1 นบั จานวนหยดและสังเกตการเปลยี่ นสขี องสารสะลาย
สีน้าเงนิ ถา้ สารละลายสีน้าเงินเปลยี่ นเป็นสขี าวขนุ่ ในปรมิ าณจานวนนอ้ ยหยด แสดงว่ามปี ริมาณวติ ามินซสี งู
2.6 หยดนา้ ผกั คะนา้ ลงในหลอดทดลองที่ 2 นับจานวนหยดและสงั เกตการเปล่ยี นสีของสารสะลายสีนา้
เงิน ถา้ สารละลายสีนา้ เงนิ เปลย่ี นเป็นสขี าวขนุ่ ในปรมิ าณจานวนน้อยหยด แสดงว่ามีปรมิ าณวติ ามินซสี งู
2.7 หยดน้าผกั กาดขาว ลงในหลอดทดลองท่ี 3 นับจานวนหยดและสงั เกตการเปลย่ี นสีของสารสะลายสี
นา้ เงิน ถ้าสารละลายสนี ้าเงินเปลย่ี นเป็นสขี าวขุน่ ในปรมิ าณจานวนน้อยหยด แสดงวา่ มีปริมาณวติ ามนิ ซีสูง
2.8 หยดนา้ ตาลงึ ลงในหลอดทดลองที่ 4 นบั จานวนหยดและสังเกตการเปลี่ยนสีของสารสะลายสนี า้ เงนิ
ถ้าสารละลายสนี ้าเงนิ เปลย่ี นเปน็ สขี าวขุ่น ในปรมิ าณจานวนนอ้ ยหยด แสดงวา่ มปี ริมาณวติ ามนิ ซีสูง
2.9 จดบันทกึ ลงในแบบบันทึกผลการทดลอง

บทท่ี 4

ผลการทดลอง

จากการศึกษาวติ ามนิ ซใี นนา้ ผลไมแ้ ละในน้าผัก ซง่ึ ได้ดาเนินการโดยใช้สารละลายสีน้าเงิน ได้ผล
การศึกษา ดังนี้
ตารางที่ 1 เปรยี บเทียบปรมิ าณวติ ามินซใี นนา้ ผลไม้ จา้ แนกตามชนดิ

น้าผกั ที่ใชใ้ นการทดลอง หยดสารละลายไอโอดนี ในนา้ แป้งสกุ จา้ นวนหยดที่ท้าใหส้ นี า้ เงินจางหายไป

สตรอเบอรร์ ี สนี ้าเงิน 11
สม้ เขียวหวาน สนี ้าเงิน 17
สนี ้าเงนิ 15
สับปะรด สีน้าเงนิ 13
ฝรัง่

จากตารางท่ี 1 ผลการศึกษา พบว่า ในน้าสตรอเบอรร์ ี มปี รมิ าณวิตามินซีสงู ท่ีสดุ รองลงมา คือ น้าฝร่งั
น้าสบั ปะรดและน้าสม้ เขียวหวาน มปี รมิ าณวติ ามนิ ซนี ้อยที่สุด

ตารางที่ 2 เปรยี บเทียบปริมาณวติ ามินซีในผักสด จ้าแนกตามชนิด

น้าผักทใ่ี ชใ้ นการทดลอง หยดสารละลายไอโอดนี ในนา้ แป้งสกุ จ้านวนหยดที่ทา้ ให้สนี า้ เงนิ จางหายไป

โหระพา สนี า้ เงิน 20
ผักกาดขาว สีนา้ เงนิ 26
สีน้าเงนิ 19
คะน้า สนี า้ เงิน 15
ตาลงึ

จากตารางท่ี 2 ผลการศึกษา พบว่า ในตาลงึ มปี รมิ าณวติ ามินซีสูงทีส่ ดุ รองลงมาคือคะน้า โหระพา และ
ผกั กาดขาว มีปริมาณวิตามินซนี ้อยทสี่ ุด

บทท่ี 5

สรปุ ผลการทดลอง และข้อเสนอแนะ

5.1 สรุปผลการทดลอง
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่องการตรวจสอบวติ ามินซใี นนา้ ผกั และน้าผลไม้ ผลการ

ตรวจสอบปรมิ าณวติ ามนิ ซใี นนา้ ผกั และน้าผลไมแ้ ตล่ ะชนดิ เมื่อหยดสารละลายไอโอดนี ลงในน้าแป้งสกุ จะ
เปล่ียนเปน็
สนี า้ เงินและเมื่อหยดนา้ ผักและนา้ ผลไมแ้ ต่ละชนิดลงไป พบว่าสนี ้าเงินเริม่ จางหายไปตามจานวนหยดของน้า
ผักและนา้ ผลไมแ้ ต่ละชนดิ แสดงว่าในนา้ ผกั และน้าผลไม้แตล่ ะชนดิ มีปริมาณวติ ามนิ ซีมากน้อยแตกต่างกัน

น้าผักท่ีมีวติ ามนิ ซีมากที่สุด คือ ตาลึง รองลงมา คอื โหระพา คะน้า ตามลาดับ และน้าผักท่ีมีวติ ามินซี
น้อยสุด คือ ผักกาดขาว และน้าผลไม้ท่ีมีวิตามินซีมากท่ีสุด คือ สตรอเบอร์รี รองลงมา คือ ฝร่ัง สับปะรด
ตามลาดบั และน้าผลไม้ที่มวี ติ ามนิ ซีน้อยสุด คอื ส้มเขียวหวาน

5.2 อภิปรายผล
1. จากการทดสอบปรมิ าณวิตามินซีในน้าผลไม้ จานวน 4 ชนิด พบวา่ นา้ สตรอเบอรร์ ี มปี รมิ าณวิตามนิ ซี

สงู ทส่ี ุด รองลงมา คือ น้าฝรัง่ นา้ สบั ปะรดและน้าส้มเขียวหวาน มีปริมาณวติ ามนิ ซีน้อยท่ีสุด อาจเป็นเพราะ
แหล่งท่ีมาของผลไม้แตล่ ะชนิดแตกต่างกัน ความสดใหมข่ องผลไม้ จงึ ทาให้ปริมาณวิตามินซีในนา้ ผลไมแ้ ตล่ ะ
ชนิดแตกตา่ งกัน

2. จาการทดสอบปริมาณวติ ามินซีในผกั จานวน 4 ชนิด พบวา่ ตาลงึ มีปรมิ าณวิตามินซีสูงท่ีสุด รองลงมา
คอื คะนา้ โหระพา และผักกาดขาว มปี ริมาณวิตามินซีนอ้ ยท่ีสุด อาจเป็นเพราะแหล่งท่ีมาของผกั แตล่ ะชนดิ
แตกตา่ งกัน ความสดใหมข่ องผกั จงึ ทาใหป้ รมิ าณวิตามนิ ซีในน้าผกั แต่ละชนดิ แตกตา่ งกนั

5.3 ข้อเสนอแนะ
1. การทดสอบปริมาณวติ ามินซีในนา้ ผลไม้ ควรเปน็ น้าผลไม้ที่เก็บจากสวนใหม่ๆ จะทาให้ได้ผล

การทดสอบทแ่ี นน่ อนขนึ้
2. การทดสอบปรมิ าณวิตามินซีในผกั ควรเลือกผกั ท่มี นี ้าเป็นส่วนประกอบมาก เพราะจะทาให้คน้ั

ไดง้ ่ายข้ึน

อ้างอิง

วรวัฒณ อินอากร. สม้ เขียวหวาน. [ออนไลน์].เข้าถงึ ได้จากhttp://www.adirek.com/stwork/fruitvet/
som.htm. (วันทค่ี ้นขอ้ มลู : ๒ มีนาคม ๒๕๖๑)

วกิ ิพีเดยี . สตรอเบอร์รี. [ออนไลน์].เข้าถงึ ไดจ้ าก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%
B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B
8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5 (วันทค่ี ้นข้อมลู : ๒ มีนาคม ๒๕๖๑)

วิกิพีเดีย. ฝรั่ง. [ออนไลน์].เข้าถึงไดจ้ าก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%
B1%E0%B9%88%E0%B8%87 (วนั ที่คน้ ข้อมูล : ๒ มีนาคม ๒๕๖๑)

วิกิพเี ดยี . สับปะรด. [ออนไลน์].เขา้ ถึงไดจ้ ากhttp://pirun.ku.ac.th/~b5310101616/Ananas%
20comosus.html (วนั ทคี่ น้ ขอ้ มลู : ๒ มีนาคม ๒๕๖๑)

วิกิพีเดีย. คะน้า. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จากhttp://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%B0%
E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2. (วันท่ีคน้ ข้อมูล : ๒ มีนาคม ๒๕๖๑)

วิกพิ เี ดยี . ผักกาดเขยี ว. [ออนไลน์].เขา้ ถึงได้จาก http://www.thaigoodview.com/library/iam/healthy
06/gardgreen/gardgreen.html. (วนั ทีค่ น้ ขอ้ มลู : ๒ มนี าคม ๒๕๖๑)

วิกพิ เี ดยี . โหระพา. [ออนไลน์].เขา้ ถึงไดจ้ าก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%
B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2 (วนั ทคี่ น้ ขอ้ มูล : ๒ มีนาคม ๒๕๖๑)

วิกิพีเดยี . ตาลึง. [ออนไลน์].เขา้ ถึงไดจ้ าก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%95%E0%B8%B3
%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%87 (วนั ที่ค้นขอ้ มูล : ๒ มีนาคม ๒๕๖๑)

ภาคผนวก

ภาพขันตอนการตรวจสอบวิตามินซีในน้าผักและน้าผลไม้

ขนั้ ตอนการเตรยี มผกั ผลไมแ้ ละอุปกรณ์การทดลอง

ข้นั ตอนการล้างผกั และผลไม้ สารท่ีใช้ในการทดลอง
ขน้ั ตอนเตรยี มนา้ แปง้ สุก

การค่นั น้าผลไม้และนา้ ผักกอ่ นการตรวจสอบหาวิตามินซี

ข้ันตอนที่ 1 ข้ันตอนที่ 2

ขัน้ ตอนท่ี 1 ขน้ั ตอนที่ 2

ขนั้ ตอนท่ี 1 ข้ันตอนท่ี 2

ข้ันตอนท่ี 1 ขน้ั ตอนที่ 2

การตรวจสอบหาวติ ามินซี

ข้ันตอนการหยดสารละลายไอโอดีน หยดสารละลายไอโอดีนจานวน 5 หยด ในน้า
แป้งสุก 150 มิลลิลติ ร จะไดส้ ารละลายสนี า้ เงิน

แบ่งสารละลายสีน้าเงิน ออกเป็น 8 หลอดทดลอง หลอดละ 3 มิลลิลิตร

การตรวจสอบวติ ามนิ ซีในน้าผัก
การตรวจสอบวติ ามินซใี นน้าผลไม้
ผลการตรวจสอบวิตามินซีในน้าผกั และน้าผลไม้


Click to View FlipBook Version