The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ดาวอังคารเมืองแห่งความรู้ทางอวกาศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patsachon Suwanruang, 2022-09-19 02:31:26

โครงงานวิทยาศาสตร์

ดาวอังคารเมืองแห่งความรู้ทางอวกาศ

Keywords: อาวกาศ

37

4.2. ลกั ษณะการก่อสรา้ ง (Construction)
4.2.1. สภาพแวดล้อมที่สาคญั ต่อการก่อสรา้ งบนดาวองั คาร

ภาพท่ี 44 สภาพแวดลอ้ มทส่ี าคญั ต่อการกอ่ สรา้ งบนดาวองั คาร

ในการเดนิ ทางไปยงั ดาวองั คารผคู้ นจะไดร้ บั รงั สมี ากกว่าท่ไี ดร้ บั บนโลก เพราะอวกาศนัน้
ไม่ไดว้ ่างเปล่าอยา่ งทค่ี ดิ แต่เตม็ ไปดว้ ยรงั สแี ละอนุภาคต่างๆมากมาย เม่อื อย่บู นโลกเราไดร้ บั การ
ปกป้องจากรงั สเี หลา่ น้ีดว้ ยสนามแมเ่ หลก็ แต่การออกเดนิ ทางไปยงั ดาวองั คารนนั้ ตา่ งไปอยา่ งส้นิ เชงิ
เม่อื นาซ่าส่งยานสารวจไปดาวองั คาร พวกเขาคน้ พบว่าการเดนิ ทาง 1 เทย่ี วนัน้ สามารถสรา้ งรงั สี
สะสมในตวั นักบนิ อวกาศได้ถึง 0.3 ซีเวอร์ต หรอื เทยี บเท่ากบั การทางานในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
(1 ซเี วอรต์ จะเพม่ิ ความเสย่ี งการเป็นโรคมะเรง็ 5.5% ในขณะทห่ี ากสะสมถงึ 8ซเี วอรต์ ผูส้ ะสมจะ
เสยี ชวี ติ ) ดงั นนั้ แลว้ การเดนิ ทางน้ีจาเป็นอยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งคดิ หาวธิ ปี กป้องผโู้ ดยสารจากรงั สี ซง่ึ ครสิ
แมคเคย์ นักวจิ ยั ของนาซ่าเคยกล่าวไวว้ ่าน้าน่าจะเป็นตวั เลอื กทด่ี ใี นการเป็นเกราะกาบงั รงั สี ทงั้ น้ี
หากเดนิ ทางไปถงึ แลว้ การอยอู่ าศยั บนนนั้ กม็ คี วามเสย่ี งเช่นกนั เพราะดาวองั คารไม่มโี อโซน และ
สนามแมเ่ หลก็ เหมอื นโลก ผคู้ นจะถกู แผดเผาจากรงั สี และยวู ที ป่ี ลดปลอ่ ยออกมาจากดวงอาทติ ยซ์ ง่ึ
การสรา้ งสถานีอวกาศใตด้ นิ อาจเป็นทางเลอื กทเ่ี ป็นไปไดใ้ นอนาคต

38

4.2.2. โครงสรา้ งท่ีน่าสนใจเพื่อการอย่อู าศยั บนดาวองั คาร
4.2.2.1. โครงสร้างที่มาจากโลหะแขง็ และพลาสติก (Rigid metal or plastic
structures)

ระบบโมดลู าร์ (Modular)
การก่อสรา้ งดว้ ยระบบโมดลู ารเ์ ป็นการ ผลติ อาคาร หรอื ชน้ิ สว่ นของอาคารจากโรงงาน เพอ่ื
ไปประกอบเป็นอาคารทส่ี มบูรณ์ในบรเิ วณ ก่อสรา้ ง ทงั้ น้ี การผลติ อาคารโมดูลาร์ นัน้ แตกต่างจาก
อาคารท่ใี ช้กระบวนการหล่อประกอบ โดยใช้ ผนังหรอื โครงสร้างสาเรจ็ ท่ผี ลติ จากคอนกรตี เสรมิ
เหลก็ คอื ระบบโมดูลารน์ ัน้ จะถูกประกอบและ ตบแต่งเกอื บทงั้ หมดสาเรจ็ จากโรงงาน ตงั้ แต่ การ
เตรยี มงานระบบ ไปจนถงึ งานปิดผวิ (Europlanet Media Centre, 2017)

ภาพท่ี 45 โครงสรา้ งทม่ี าจากโลหะแขง็ และพลาสตกิ (Europlanet Media Centre, 2017)

4.2.2.2. โครงสร้างแบบขยายได้ (Expandable structures)
โครงข้อหมนุ หรือ โครงถกั (Trusses)
โครงขอ้ หมุนเกดิ จากการนาช้นิ ส่วนตรงสนั้ ๆ มาประกอบกนั เป็นโครงสามเหล่ยี ม (Triangulated
Patterns) โครงสรา้ งจะมลี กั ษณะแขง็ แกรง่ ถา้ หากนาชน้ิ สว่ นเชงิ เสน็ มามาประกอบกนั อยา่ งถูกตอ้ ง
โครงบางลกั ษณะ เช่น โครงรปู จตั ุรสั จะไมม่ ลี กั ษณะแขง็ แกรง่ , โครงขอ้ หมนุ ทป่ี ระกอบดว้ ยชน้ิ สว่ น
ย่อยหลายชน้ิ จะโก่งหรอื โคง้ เม่อื รบั น้าหนักในแนวขวางเช่นเดยี วกบั คาน แต่ชน้ิ ส่วนแต่ละชน้ิ ของ
โครงขอ้ หมุนจะไม่รบั แรงดดั เลย จะรบั เฉพาะไม่แรงดงึ ก็แรงอดั แต่เพยี งอย่างเดยี ว (Europlanet
Media Centre, 2017)

39

ภาพท่ี 46 โครงสรา้ งแบบขยายได้ (Europlanet Media Centre, 2017)

4.2.2.3. โครงสรา้ งแบบอโุ มคใ์ ต้ดิน (Underground tunnels)
การสร้าง (Mars Colonization) อโุ มงคล์ าวา เมอื งใต้พิภพบนดาวองั คาร
อุโมงค์ลาวา เป็นสง่ิ ทเ่ี กดิ จากการปะทุไหลของลาวาทงั้ แบบไหลขน้ึ มาท่วมบนแผ่นดนิ แลว้ เยน็ ลง
เป็นโครงสรา้ งแขง็ หรอื เกดิ จากการชาแรกขน้ึ ระหว่างชนั้ หนิ และทางไหลเก่าของลาวา มกี ารขยาย
พองตวั และไหลยอ้ นกลบั ของหนิ หลอมเหลวทม่ี คี วามหนืดต่าลงสู่ช่องว่างขา้ งใต้ เหลอื โพรงและ
เสน้ ทางโครงขา่ ยอโุ มงคท์ ง้ิ ไวใ้ ตพ้ น้ื ดนิ (Europlanet Media Centre, 2017)

ขนาดของอุโมงค์ลาวานัน้ บนพ้นื โลก อาจยาวถึง 65 กิโลเมตร และมคี วามกว้างถึง 30
เมตร ซ่ึงเราพบอุโมงค์ลาวาในพ้นื ท่ๆี มภี ูเขาไฟ เช่น ไอซ์แลนด์ ฮาวาย หรอื ควนี ส์แลนด์ของ
ออสเตรเลยี สาหรบั ขนาดของอโุ มงคล์ าวานนั้ จะขน้ึ อยกู่ บั แรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ ในกรณขี อง
ดวงจนั ทรท์ ม่ี แี รงโน้มถ่วงเพยี ง 1/6 และ ดาวองั คารทม่ี แี รงโน้มถ่วงเพยี ง 1/3 ของโลก ขนาดของ
โครงสร้างอุโมงค์ลาวาสามารถเกิดข้นึ ได้ใหญ่โตกว่าบนโลกมากโดยไม่เกิดการพงั ทลายของ
โครงสร้าง จากการศึกษาของทีมงานมหาวิทยาลัย Padova และ Bologna แห่งอิตาลีทาการ
เปรยี บเทยี บขอ้ มลู ทางภมู ศิ าสตรท์ ไ่ี ดจ้ ากการสารวจดวงจนั ทรแ์ ละดาวองั คาร พบอโุ มงคล์ าวาขนาด
กวา้ ง 250 เมตรบนดาวองั คาร และ อาจมอี โุ มงคล์ าวากวา้ งในระดบั กโิ ลเมตรบนดวงจนั ทร์

ตอ้ งคน้ หากค็ อื อุโมงคล์ าวา ทม่ี คี วามลกึ และโครงสรา้ งพน้ื ฐานแขง็ แรงพอสมควร เพ่อื ทจ่ี ะ
ใชม้ นั เป็นเกราะป้องกนั ทงั้ รงั สสี ุรยิ ะ และปิองกนั ความเสยี หายจากสะเกด็ ดาวตก เพราะการทด่ี าว
องั คารมชี นั้ บรรยากาศเพยี งเบาบาง วตั ถุทต่ี กลงมาจะไม่ไดเ้ ผาไหมแ้ ละชะลอความเรว็ แบบทบ่ี น
โลก โดยปัจจุบนั มนุษย์เราได้มกี ารศึกษาหาตาแหน่งและขนาดของโครงข่ายอุโมงค์ลาวาด้ว ย
เทคโนโลยเี ลเซอร์ เทคโนโลยเี รดาห์ โดยอาศยั การตรวจจบั การสนั่ พอ้ งของโครงสรา้ งทจ่ี ะบง่ ชข้ี นาด
และลกั ษณะของโครงสรา้ งอุโมงคล์ าวาใตด้ าวสแี ดงและดวงจนั ทรข์ องเรา

40

ภาพท่ี 47 โครงสรา้ งแบบอุโมคใ์ ตด้ นิ (Europlanet Media Centre, 2017)

การสรา้ งห้อง Air lock
การสร้างพ้นื ท่ๆี กกั อากาศได้ขนาดใหญ่จะทาใหก้ ิจกรรมการใช้ชวี ติ ของชาวดาวองั คาร

เป็นไปอย่างราบร่นื การจะใหม้ นุษย์ต้องคอยถอดคอยใส่ชุดเวลาออกจาก Compartment แคบๆ
แบบกปั ตนั หนวดทองในเร่อื ง Martian ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งน่าพศิ มยั สาหรบั การตงั้ รกรากบนดาวองั คาร แมว้ า่
อุโมงคล์ าวาจะเป็นหนิ และอาจทาการซลี ใหเ้ ป็นระบบปิดดว้ ยการหลอม แต่โดยธรรมชาตขิ องหนิ ท่ี
เป็นวสั ดุท่แี ขง็ แต่เปราะ การหดขยายตวั เม่อื มกี ารเปล่ยี นแปลงของอุณหภูมจิ ะทาใหก้ ารเกดิ รอย
แตกรา้ วในโครงสรา้ งขนาดใหญ่เป็นเรอ่ื งทป่ี ้องกนั ไมไ่ ด้

แนวทางของนาซ่าทม่ี กี ารศกึ ษาโปรเจค Cave of Mars ไดเ้ ลง็ ไปทก่ี ารใชว้ สั ดุจาพวกโฟม
หรอื วสั ดยุ ดื หยนุ่ แบบเป็นแผน่ ผา้ ในการซลี อุโมงคล์ าวา สาหรบั วสั ดเุ หล่าน้ี จาเป็นทจ่ี ะตอ้ งสามารถ
ใชง้ านงา่ ยพอโดยเฉพาะการทผ่ี ทู้ าการก่อสรา้ งนนั้ จะตอ้ งสวมชุดอวกาศซง่ึ จากดั การเคล่อื นไหวเป็น
อย่างมาก วสั ดุจะต้องมคี วามเป็นฉนวน และอาจต้องมคี วามสามารถในการนาแสงแบบใยแกว้ นา
แสงเพ่อื ทาความสว่างใหก้ บั เมอื งใต้ดนิ และควรมคี วามสามารถป้องกนั เช้อื ราและแบคทเี รยี ซ่งึ
จะตอ้ งมเี ป็นปรกตใิ นการอยอู่ าศยั ของมนุษย์

ในสว่ นสุดทา้ ยของเมอื งใตพ้ ภิ พ คือประตูเช่อื มต่อทจ่ี ะตอ้ งสามารถทาใหใ้ หญ่ไดพ้ อสมควร
เพ่อื จะสามารถทาการนาอุปกรณ์ยานพาหนะ เขา้ และออกพน้ื ทต่ี วั เมอื งใต้พภิ พ รวมถงึ การ Dock
ของอวกาศยานทจ่ี ะเดนิ ทางระหวา่ งโลกและดาวองั คารได้

41
วสั ดสุ าหรบั ก่อสร้างบนดาวองั คาร

โครงสรา้ ง บา้ นเมอื งบนดาวองั คารสามารถสรา้ งไดด้ ว้ ยหนิ บะซอลต์ ซง่ึ เป็นหนิ ภเู ขาไฟ ทมี
สถาปนิกของเยอร์มนั ได้มกี ารศึกษาวธิ กี ารสร้างอาคารบนดาวองั คารด้วยวสั ดุท่มี อี ยู่ท่นี ัน่ การ
สารวจของยาน Phonix lander พบองค์ประกอบของหินบะซอลต์มากมายบนดาวองั คาร และ
สามารถนามาผลติ เป็นแผน่ ไฟเบอรก์ ลาสซเี มนตส์ าหรบั การก่อสรา้ ง

สมบตั ทิ ส่ี าคญั ของไฟเบอรก์ ลาสซเี มนต์คอื มนั มคี วามแขง็ แรงสูง มคี ่าความเป็นฉนวนสูง
น้าหนกั เบา เมอ่ื ขน้ึ รปู แลว้ มนั กจ็ ะสามารถกลายเป็นโครงเสา แผน่ พน้ื แผน่ ฝ้า วสั ดุน้ีปัจจุบนั กม็ กี าร
ใชอ้ ยู่โดยใชท้ ดแทนฉนวนใยหนิ สง่ิ ท่ชี าวดาวองั คารจะต้องทาคอื การสรา้ งโรงงานแปรรูปหนิ บะ
ซอลต์และใช้ใยแก้วจากหินบะซอลต์ในการเช่ือมยึดโครงสร้างอาคารบนดาวอังคาร (Dmitry
Zhuikov, Arina Ageeva, Krassimir Krastev, 2013)

ภาพท่ี 48 สถาปัตยกรรมฝ้าเพดานใชใ้ นแกว้ นาแสงผลติ ดว้ ยวสั ดบุ นดาวองั คารนาแสงสวา่ งมาสใู่ นเมอื งใตพ้ ภิ พ
(Dmitry Zhuikov, Arina Ageeva, Krassimir Krastev, 2013)

42
4.2.2.4. โครงสรา้ งจากอิฐและหินธรรมชาติ (Brick structures of regolith and

rocks)
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวธิ กี ารสร้างอฐิ จากดินของดาวองั คารเอง เน่ืองจากกระบวนการ
ขนส่งวสั ดุ และอุปกรณ์ปรมิ าณมหาศาลขน้ึ ไปยงั ดาวองั คารเพ่อื ก่อสรา้ งสถานทอ่ี ยู่อาศยั นัน้ ไม่ใช่
เร่อื งง่าย เพ่อื แก้ปัญหาดงั กล่าว ทีมนักวิจยั ได้คิดค้นวิธีการเปล่ียนแปลงดินของดาวองั คารให้
กลายเป็นกอ้ นอฐิ โดยไม่ต้องใชส้ ารประกอบอ่นื ๆเพม่ิ เตมิ ใชเ้ พยี งแค่แรงดนั เท่านัน้ (Europlanet
Media Centre, 2017)

ภาพท่ี 49 โครงสรา้ งจากอฐิ และหนิ ธรรมชาติ (Europlanet Media Centre, 2017)

โครงการดงั กล่าวน้ีไดร้ บั การสนบั สนุนจากนาซ่า รว่ มกบั ทมี วศิ วกรจากมหาวทิ ยาลยั ซาน ดิ
เอโก ในการดาเนินการวจิ ยั ต่อยอดจากการสนับสนุนโดยประธานาธบิ ดที รมั ป์ เม่อื เดอื นมนี าคมท่ี
ผ่านมา สาหรบั การสนับสนุนทุนให้นาซ่าดาเนินภารกิจส่งมนุษย์ไปยงั ดาวองั คารใหไ้ ด้ภายในปี
2033 น้ี ทงั้ น้ีไอเดียการใช้ดินจากดาวเคราะห์นัน้ มาเป็นอิฐในการก่อสร้างเองไม่ใช่เร่อื งใหม่
อย่างไรกต็ ามผลของงานวจิ ยั ชน้ิ น้ี ทผ่ี ่านกระบวนการทดลองสรา้ งอฐิ ดว้ ยการจาลองดนิ แบบดาว
องั คารได้แสดงให้เหน็ ว่าไม่จาเป็นต้องใชส้ ่วนประกอบอ่นื ๆเพม่ิ เติมมากนักในกระบวนการ และ
ขณะน้ีกาลงั พจิ ารณาถึงความเป็นไปได้ในการสรา้ งเตาเผาอฐิ พลงั งานนิวเคลยี ร์ในการสรา้ งอฐิ
(Dmitry Zhuikov, Arina Ageeva, Krassimir Krastev, 2013)

43

ภาพท่ี 50 การทดลองสรา้ งอฐิ จากดนิ ดาวองั คาร
(Dmitry Zhuikov, Arina Ageeva, Krassimir Krastev, 2013)

การค้นพบครงั้ น้ีเกิดข้ึนด้วยความบังเอิญ ในระหว่างการทดลองท่ีห้องปฏิบัติการใน
มหาวทิ ยาลยั ทมี วศิ วกรลองพยายามลดปรมิ าณโพลเิ มอรท์ ใ่ี ชเ้ ป็นส่วนประกอบในการสรา้ งอฐิ ลง
เรอ่ื ยๆ จนในทส่ี ดุ พวกเขาคน้ พบวา่ ไมจ่ าเป็นตอ้ งใชส้ ารประกอบอ่นื ๆในการสรา้ งอฐิ

ทมี นักวจิ ยั ตงั้ สมมุติฐานว่า ภายใต้แรงอดั ความดนั สูง เหล็กออกไซด์ภายในดนิ ของดาว
องั คารจะทาหน้าท่เี ป็นสารยดึ เกาะ และเปล่ยี นใหก้ อ้ นดนิ ดงั กล่าวมคี วามแขง็ แกร่งมากยงิ่ ขน้ึ ซ่งึ
จากการทดสอบในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร พวกเขาพบวา่ อฐิ จากดาวองั คารเหลา่ น้ีนนั้ แขง็ แกรง่ กวา่ คอนกรตี
เสรมิ เหลก็ เสยี อกี ในการสรา้ งสงิ่ ก่อสรา้ งนักวทิ ยาศาสตรเ์ พยี งแค่วางอฐิ เรยี งต่อกนั ไปเท่านนั้ และ
ขณะน้ีทางทมี นกั วทิ ยก์ าลงั ทดลองผลติ อฐิ ในหลากหลายรปู แบบ และขนาดเพอ่ื เออ้ื ประโยชน์ต่อการ
ใชง้ านจรงิ (Dmitry Zhuikov, Arina Ageeva, Krassimir Krastev, 2013)

44

4.3. วสั ดุ (Material)

ภาพท่ี 51 วสั ดุต่างๆ

4.3.1. เหลก็ (Steel)
เหล็กท่มี สี ่วนผสมของคาร์บอนไม่เกิน 2% และธาตุอ่นื ๆ หรอื สารเจอื โดยทวั่ ไปเหล็ก
บรสิ ุทธมิ ์ คี ุณสมบตั ทิ างกลทไ่ี ม่เหมาะสมสาหรบั งานทางดา้ นวศิ วกรรม ดงั นัน้ เหลก็ กลา้ จงึ มคี วาม
แตกต่างจากเหลก็ อ่อน เหลก็ บรสิ ุทธแิ ์ ละ เหลก็ หล่อตรงทส่ี ามารถทนต่อแรงดงึ แรงบดิ การขน้ึ รปู
หรอื แปรรูปง่าย ไม่เปราะหรอื แตกหกั ง่ายและเช่อื มได้ เหลก็ กลา้ มจี ุดหลอมเหลวสงู กว่าเหลก็ ดบิ
เพราะมปี รมิ าณคารบ์ อนต่า

4.3.1.1. ประเภทของเหลก็
เหล็กกล้าเป็นเหล็กท่ีถูกนาไปใช้ในงานต่างๆมากมาย ทงั้ น้ีเน่ืองจากเหล็กกล้านัน้ มี
คุณสมบตั ใิ นการรบั แรงต่างๆไดด้ ี เช่น แรงกระแทก (Impact Strength) แรงดงึ (Tensile Strength)
แรงอดั (Compressive Strength) และ แรงเฉือน (Shear Strength) ซง่ึ ธาตุผสมส่วนใหญ่จะเป็นทงั้
โลหะและอโลหะ เชน่ โมลบิ ดนิ มั่ ทงั สเตน วาเนเดยี ม เป็นตน้ โดยเหลก้ กลา้ สามารถแบ่งออกเป็น 2
ชนิด ดงั น้ี

(1.) เหลก็ กล้าคารบ์ อน (Carbon steels)
เหลก็ กลา้ ทม่ี สี ่วนผสมของธาตุคารบ์ อนเป็นธาตุหลกั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลอย่างมากต่อคุณสมบตั ทิ างกล
ของเหลก็ และยงั มธี าตุอน่ื ผสมอยอู่ กี ซง่ึ แบง่ เหลก็ กลา้ คารบ์ อนออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี

45

(1.3.) เหลก็ กลา้ คารบ์ อนต่า (Low Carbon Steel)

เป็นเหลก็ ท่มี ปี รมิ าณคารบ์ อนไม่เกนิ 0.25% นอกจากคารบ์ อนแล้ว ยงั มธี าตุอ่นื ผสม- อยู่
ดว้ ย เชน่ แมงกานีส ซลิ คิ อน ฟอสฟอรสั และกามะถนั แต่มปี รมิ าณน้อยเน่ืองจาก หลงเหลอื มาจาก
กระบวนการผลติ เหลก็ ประเภทน้ีถูกนาไปใชใ้ นอุตสาหกรรม และใน ชวี ติ ประจาวนั ไม่ต่ากว่า 90%
เน่ืองจากข้นึ รูปง่าย เช่ือมง่าย และราคาไม่แพง โดยเฉพาะเหล็กแผ่นมีการนามาใช้งานอย่าง
กว้างขวาง เช่น ตัวถังรถยนต์ ช้ินส่วนยานยนต์ต่างๆ กระป๋ องบรรจุอาหาร สงั กะสีมุงหลงั คา
เครอ่ื งใชใ้ นครวั เรอื น และในสานกั งาน

(1.2.) เหลก็ กลา้ คารบ์ อนปานกลาง(Medium Carbon Steel)

เป็นเหล็กท่ีมีปริมาณคาร์บอน 0.2-0.5% มีความแข็งแรงและความเค้นแรงดึงมากกว่า
เหล็กกล้าคาร์บอนต่า แต่จะมคี วามเหนียวน้อยกว่า สามารถนาไปชุบแขง็ ได้ เหมาะกบั งานทา
ชน้ิ สว่ นเครอ่ื งจกั รกล รางรถไฟ เฟือง กา้ นสบู ทอ่ เหลก็ ไขควง เป็นตน้

(1.3.) เหลก็ กลา้ คารบ์ อนสงู (High Carbon Steel)

เป็นเหลก็ ทม่ี ปี รมิ าณคารบ์ อน 0.5 - 1.5% มคี วามแขง็ ความแขง็ แรงและความเคน้ - แรงดงึ สงู เม่อื
ชุบแขง็ แล้วจะเปราะ เหมาะสาหรบั งานท่ที นต่อการสกึ หรอ ใช้ในการทา เคร่อื งมอื สปรงิ แหนบ
ลกู ปืน เป็นตน้

(2.) เหลก็ ประสม(Alloys Steel)
เหล็กท่ีมีธาตุอ่ืนนอกจากคาร์บอน ผสมอยู่ในเหล็ก ธาตุบางชนิดท่ีผสมอยู่ อาจมีปริมาณ
มากกว่าคาร์บอน คดิ เป็นเปอรเ์ ซนต์ โดยน้าหนักในเหล็กกไ็ ดธ้ าตุท่ผี สม ลงไปได้แก่ โมลบิ ดนิ ัม่
แมงกานีส ซลิ คิ อน โครเมยี ม อลูมเิ นียม นิกเกิล และวาเนเดยี ม เป็นต้น เหล็กกล้าประสม แบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี

(2.1.) เหลก็ กลา้ ประสมต่า (Low Alloy Steels)

เป็นเหลก็ กลา้ ทม่ี ธี าตุประสมรวมกนั น้อยกว่า 8% ธาตุท่ผี สมอยู่คอื โครเมย่ี ม นิกเกลิ โม
ลบิ ดนิ ัม่ และแมงกานีส ปรมิ าณของธาตุทใ่ี ชผ้ สมแต่ละตวั จะไม่มากประมาณ 1 – 2% ผลจากการ
ผสมทาให้เหล็กสามารถชุบแข็งได้ มีความแข็งแรงสูง เหมาะสาหรับใช้ในการทาช้ินส่วน
เคร่อื งจกั รกล เช่น เฟือง เพลาขอ้ เหว่ยี ง จนบางครงั้ มชี ่อื ว่าเหล็กกล้า เคร่อื งจกั รกล (Machine
Steelsเหลก็ กลา้ กลุ่มน้ีจะตอ้ งใชง้ านในสภาพชบุ แขง็ และอบก่อนเสมอจงึ จะมคี า่ ความแขง็ แรงสงู

46

(2.2) เหลก็ กลา้ ประสมสงู (High alloy steels)

เหลก็ กลา้ ประเภทน้ีจะถูกปรบั ปรุงคุณสมบตั ิ สาหรบั การใชง้ านเฉพาะอย่าง ซง่ึ กจ็ ะมี ธาตุ
ประสมรวมกนั มากกวา่ 8% เช่น เหลก็ กลา้ ทนความรอ้ น เหลก็ กลา้ ทนการเสยี ดสี และเหลก็ กลา้ ทน
การกดั กรอ่ น (LPN Plate Mill , 2005)

4.3.2. กระจก (Glass)
เป็นวสั ดุตกแต่งอาคารท่ีความรู้สึกสว่าง สวยงาม การเลือกหามาใช้ทาได้โดยง่าย มี
จาหน่ายอยู่ทวั่ ไป มขี นาดความหนาหลายขนาดแล้วแต่ว่าจะทาไปใช้ในงานประเภทไหน แยก
ประเภทกระจกจากการผลติ การผลติ กระจกแผ่นเราสามารถแบ่ง ได้ 2 ขนั้ ตอนคอื อุตสาหกรรม
กระจกแผน่ และอุตาหกรรมกระจกต่อเน่ือง

4.3.2.1.อตุ สาหกรรมกระจกแผน่
(1.) กระจกธรรมดา (Float Glass)

(1.1.) กระจกใส (Clear Float Glass) กระจกใสคอื กระจกโปร่งแสงท่สี ามารถมอง
ผา่ นไดอ้ ยา่ งชดั เจนและใหภ้ าพสะทอ้ นทส่ี มบรู ณ์ ไมบ่ ดิ เบย้ี ว สามารถมองเหน็ จากภายนอก
เข้ามาภายในได้อย่างชัดเจนมีค่าการตัดแสงประมาณ 8% สาหรบั กระจกใสหนา 12
มลิ ลเิ มตร และตดั แสงไดม้ ากขน้ึ ตามความหนาของกระจกผวิ กระจกไม่รอ้ นเพราะกระจก
ดดู กลนื ความรอ้ นไดน้ ้อยมาก

(1.2.) กระจกสี (Tinted Float Glass) ผลติ ขน้ึ โดยการผสมโลหะออกไซดเ์ ขา้ ไปใน
ส่วนผสม ในขนั้ ตอนการผลติ กระจก ทาใหก้ ระจกมสี สี นั ผวิ กระจกจะรอ้ น เน่ืองจากสขี อง
เน้ือกระจกทเ่ี กดิ จากการเตมิ โลหะออกไซดต์ า่ งๆ เป็นตวั ดดู ความรอ้ น ทาใหค้ วามรอ้ น จาก
กระจกแผ่เขา้ มาภายในอาคาร กระจกสตี ดั แสงไม่ใหเ้ ขา้ มาภายในอาคารมากและมกี ารบงั
แดดไดม้ ากกวา่ กระจกใสสามารถ สกดั กนั้ ความรอ้ นจากแสงอาทติ ยท์ ต่ี กกระทบกระจกสไี ด้
มากกว่ากระจกใส ปรมิ าณการดดู กลนื ความรอ้ นขน้ึ อย่กู บั สว่ นผสมของเน้ือกระจก ช่วยลด
ความจา้ ของแสงทส่ี ง่ ผา่ นกระจกสที าใหไ้ ดแ้ สงทน่ี ุ่มนวลและเกดิ ความสบายตาในการมอง

4.3.2.2.อตุ สาหกรรมกระจกต่อเน่ือง
(2.) กระจกกึ่งนิรภยั (Heat Strengthened Glass)

กระจกกง่ึ นิรภยั ผลติ จากกรรมวธิ กี ารผลติ ทท่ี นั สมยั โดยการนาแผ่นกระจกธรรมดา ผ่าน
กระบวนการอบความรอ้ นทอ่ี ุณหภูมปิ ระมาณ 700 องศาเซลเซยี ส จากนนั้ ผ่านกระบวน การทาให้

47

เน้ือกระจกเยน็ ลงอย่างช้าๆ โดยใชล้ มเป่ าไปยงั กระจกทงั้ 2 ดา้ น ทาใหไ้ ดก้ ระจกซ่งึ มคี ุณสมบตั ิ
พเิ ศษแขง็ แกร่งกว่ากระจกธรรมดา 2 เท่า จงึ สามารถรบั แรงอดั ของลมไดด้ กี ว่ากระจกธรรมดาทม่ี ี
ความหนาเดยี วกนั คุณสมบตั กิ ระจกก่งึ นิรภยั คอื แขง็ แกร่งกว่ากระจกธรรมดา 2 เท่า สามารถรบั
แรงอดั ของลมไดด้ กี วา่ กระจกธรรมดาทม่ี คี วามหนาเดยี วกนั จงึ สามารถนาไปใชใ้ นการตดิ ตงั้ กระจก
กบั โครงสรา้ งอาคารสงู เหมาะสาหรบั การป้องกนั การแตกของกระจกเน่ืองจากความรอ้ น ลกั ษณะ
การแตกเหมอื นการแตกของกระจกธรรมดา คอื แตกเป็นแผน่ ไมห่ ลุด

(3.) กระจกนิรภยั เทมเปอร์ (Tempered Glass)

หรอื ทเ่ี รยี กทวั่ ไปว่ากระจกอบเป็นกระจกทน่ี ิยมใชเ้ ป็นกระจกนิรภยั เพราะเม่อื กระจกเทม
เปอรแ์ ตกมนั จะแตกเป็นเกลด็ เลก็ ๆ คลา้ ยเมด็ ข้าวโพดและไมม่ คี มจงึ เกดิ อนั ตรายน้อย ซง่ึ ต่างจาก
การแตกของกระจกธรรมดาท่แี ตกเป็นเส่ยี ง จงึ แหลมคมทาใหเ้ ป็นอนั ตรายมากกว่า นอกจากน้ี
กระจกเทมเปอรย์ งั แขง็ กวา่ กระจกธรรมดาหลายเทา่ ความแขง็ ทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ของกระจกเทมเปอรเ์ กดิ จาก
กระบวนการผลติ โดยการอบแผ่นกระจกดว้ ยความรอ้ นสูงและใชล้ มเป่าใหเ้ ยน็ ลงอย่างรวดเรว็ ทา
ใหบ้ รเิ วณเน้ือกระจกภายนอกเยน็ ตวั เรว็ กวา่ เน้ือในของกระจกขณะทเ่ี น้ือกระจกภายนอกเยน็ ตวั แลว้
เน้ือในของกระจกทค่ี ่อย ๆ เยน็ จะเกดิ ความเคน้ ขน้ึ ส่งผลใหก้ ระจกเทมเปอรม์ คี วามแขง็ เพมิ่ มากขน้ึ
ถา้ ดดู ว้ ยสายตาปกติ ปราศจากเคร่อื งมอื พเิ ศษ สอ่ งดเู น้ือกระจกแลว้ กระจกเทมเปอรก์ จ็ ะดูเหมอื น
กระจกธรรมดาทวั่ ไป แต่สง่ิ ท่แี ตกต่าง คอื ความแขง็ แกร่ง ท่มี มี ากกว่า กระจกธรรมดา (Float
Glass) ประมาณ 5 เทา่ ตวั เราจงึ เรยี กกระจกชนิดน้ีว่า กระจกนิรภยั เทมเปอร์ เหมาะสาหรบั ใชง้ าน
ในสภาพทเ่ี สย่ี งต่อการกระทบกระแทก หรอื รอ้ นจดั หนาวจดั

(4.) กระจกลามิเนต (Laminated Glass)

Laminated กระจกนิรภยั หลายชนั้ ซ่ึงเกิดจากการนาเอากระจกตงั้ แต่ 2 แผ่นข้นึ ไปมา
ประกบติดกนั โดยมแี ผ่นฟิล์ม PVB ท่ีมคี ุณสมบตั ิเหนียวคนั่ กลางซ่ึงทาหน้าท่ยี ึดแผ่นกระจกให้
ติดกัน เหมาะสาหรบั งานท่ีต้องการความแข็งแรง และความปลอดภัยสูง คุณสมบัติพิเศษอีก
ประการของ Laminated คอื สามารถช่วยลดแสง UV และเสยี งรบกวนไดด้ สี รา้ งความเป็นสว่ นตวั แก่
ผู้อยู่อาศยั มนั่ ใจในความปลอดภยั คุณสมบตั ิพเิ ศษท่ไี ด้ผ่านขบวนการผลติ ด้วยเทคนิคสูงกระจก
Laminated ช่วยยดึ กระจกใหต้ ดิ แน่น เม่อื เกดิ การแตกเศษกระจกยงั คงยดึ ตดิ กบั แผ่นฟิล์มไม่ร่วง
หล่นลงมาช่วยลดอนั ตราย จงึ เหมาะกบั การใชง้ านบรเิ วณทล่ี าดเอยี งหรอื บรเิ วณท่อี ยู่เหนือศรี ษะ
เชน่ อาคารสงู และ หลงั คา เป็นตน้

48

(5.) กระจกฉนวนความร้อน (Insulating Glass Units)

กระจกฉนวนความร้อน ผลิตด้วยเทคโนโลยีท่ีทันสมยั โดยการนากระจก 2 แผ่น มา
ประกอบกนั โดยมเี ฟรมอลูมเิ นียมคนั่ กลาง ผ่านกรรมวธิ กี ารผลติ ทน่ี าสมยั ดว้ ยเทคโนโลยสี มยั ใหม่
เป็นกระจกท่ชี ่วยในด้านการประหยดั พลงั งานป้องกนั การถ่ายเทความร้อนระหว่าง ภายในกบั
ภายนอกอาคารคุณสมบตั สิ ามารถป้องกนั การถ่ายเทความรอ้ นจากภายนอกก่อให้ เกิดบรรยากาศ
สบายแก่ผูอ้ ยู่อาศยั ป้องกนั เสยี งรบกวนจากภายนอก ก่อใหเ้ กดิ บรรยากาศ เป็นส่วนตวั ของผูอ้ ยู่
อาศัย สามารถป้ องกันการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก จึงช่วยลด ภาระการทางานของ
เครอ่ื งปรบั อากาศ ชว่ ยใหป้ ระหยดั คา่ ใชจ้ ่ายและพลงั งาน ไมท่ าใหเ้ กดิ ฝ้าหรอื หยดน้า แมว้ า่ อุณหภูมิ
ภายในกบั ภายนอกแตกต่างกนั มาก (Article ประเภทกระจก (Glass) ชนิดต่างๆ, 2009)

4.3.3. อิฐ (Brick)
4.3.3.1. อิฐ (Brick)

เป็นวสั ดกุ ่อสรา้ งพน้ื ฐานสาหรบั การก่อสรา้ งอาคารทวั่ ไป อฐิ แบบธรรมดาผลติ จากสว่ นผสม
ของดนิ เหนียว ทราย แกลบ และน้า สาหรบั อฐิ พเิ ศษอ่นื ๆ จะผสมสารหรอื วสั ดุพเิ ศษเพม่ิ เพอ่ื การใช้
งานเฉพาะดา้ น เช่น หนิ เกรด็ สาหรบั อฐิ ประดบั เป็นต้น นอกจากน้ีอฐิ พเิ ศษบางประเภทอาจใช้
กรรมวธิ กี ารอดั เขา้ แม่พมิ พด์ ว้ ยแรงกดสงู เพ่อื เพม่ิ ความสามารถในดา้ นการป้องกนั ความรอ้ น และ
ทนความชน้ื ไดส้ งู

(1.) อิฐมอญหรอื อิฐดินเผา

อฐิ ทท่ี าจากดนิ เหนียวผสมกบั แกลบหรอื วสั ดุอ่นื ผสมน้า นวดเคลา้ ใหเ้ ขา้ เน้ือเดยี วกนั แลว้ ลง
ในแม่พมิ พ์ จากนัน้ กน็ ามาตดั ทาเป็นแผ่น แล้วเอาเขา้ เตาเผาจนสุก มขี นาดกวา้ ง 5.5 เซนตเิ มตร
ยาว 14 เซนตเิ มตร และหนา 3 เซนตเิ มตร ขอ้ ดขี องอฐิ มอญ คอื เป็นอฐิ ท่ใี ชม้ านาน เป็นวสั ดุท่มี ี
ความแขง็ แกรง่ ทนทานกวา่ ชนิดอ่นื ๆ ไมค่ อ่ ยมปี ัญหาเร่อื งการฉาบปนู แลว้ รา้ ว แถมราคายงั ถกู กวา่
อฐิ มวลเบาอกี ดว้ ย ขอ้ เสยี คอื ดดู ซมึ น้าไดไ้ มด่ ี จงึ ไมน่ ิยมนามากอ่ ผนงั บรเิ วณหอ้ งน้า

(2.) อิฐมวลเบา

เป็นวสั ดุคอนกรตี ชนิดใหม่ ผลติ จากปนู ซเี มนตป์ อรต์ แลนด์ ทราย ปนู ขาว ยบิ ซมั่ น้า และ
สารกระจายฟองอากาศสว่ นผสมพเิ ศษในอตั ราสว่ นทเ่ี ป็นสตู รเฉพาะตวั การผลติ ส่วนใหญ่เป็นการ
นาเทคโนโลยี และเคร่อื งจกั รทน่ี าเขา้ จากต่างประเทศ ผลติ ภณั ฑค์ อนกรตี มวลเบาเป็นวสั ดุก่อสรา้ ง
ยคุ ใหม่ ขอ้ ดขี องอฐิ มวลเบา คอื มนี ้าหนกั เบา ขนาดกอ้ นไดม้ าตรฐานเทา่ กนั ทกุ กอ้ น ทนไฟ ป้องกนั

49
ความร้อน ป้องกนั เสยี ง ตดั แต่งเข้ารูปง่าย ไม่มเี ศษอิฐหกั และท่ีสาคญั คือรวดเร็ว สะอาด ลด
ระยะเวลาในการก่อสรา้ ง ลดต้นทุนค่าแรงงาน ต้นทุนโครงสรา้ ง ขอ้ เสยี คอื ราคาจะสูงกว่า และ
ทนทานน้อยกวา่ อฐิ มอญ (Decor.MThai, 2017)

ภาพท่ี 52 อฐิ มอญและอฐิ มวลเบา

4.4. พลงั งาน (Energy)
การสารวจอวกาศจาเป็นตอ้ งอาศยั แหล่งพลงั งานจานวนมากเพอ่ื ขบั เคล่อื นยานอวกาศและหลอ่
เล้ยี งระบบยงั ชพี ใหก้ บั นักบนิ อวกาศ นาซ่าทดสอบเคร่อื งปฏกิ รณ์นิวเคลยี รฟ์ ิชชนั Kilopower เพ่อื
ผลิตพลังงานให้กับโครงการสารวจอวกาศและการตัง้ อาณานิคมบนดาวอังคารในอนาคต
(Anderson, 2018)

ภาพท่ี 53 เครอ่ื งปฏกิ รณ์นวิ เคลยี ร์ Kilopower (Anderson, 2018)

50

เคร่อื งปฏิกรณ์นิวเคลียร์ Kilopower วิจยั พฒั นาโดยศูนย์วจิ ยั Glenn Research Center ของ
นาซา่ รวมมอื กบั Marshall Space Flight Center และหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารแหง่ ชาติ Los Alamos National
Laboratory เริ่มต้นโครงการวิจัยพฒั นาในปี 2012 เคร่ืองปฏิกรณ์นิวเคลียร์ Kilopower สร้าง
พลงั งานโดยใช้ความร้อนท่เี กิดจากการแตกตวั ของยูเรเนียม สามารถสรา้ งพลงั งานไฟฟ้าได้ 10
กโิ ลวตั ตท์ างานต่อเน่ืองในอวกาศไดน้ าน 10 ปี มคี วามทนทานสามารถทางานไดใ้ นสภาพแวดลอ้ ม
ทเ่ี ลวรา้ ยในอวกาศ

ก่อนหน้าน้ีแหล่งพลงั งานจากแสงอาทติ ยถ์ ูกใชง้ านอย่างแพรห่ ลายแต่หากเป็นยานอวกาศทท่ี า
ภารกจิ อยใู่ นบรเิ วณดาวเคราะหช์ นั้ นอกซง่ึ มรี ะยะหา่ งจากดวงอาทติ ยท์ าใหย้ านอวกาศสามารถสรา้ ง
พลงั งานไดน้ ้อยลง ตวั อยา่ งเช่น ยานอวกาศ Juno ทถ่ี ูกสง่ ไปสารวจดาวพฤหสั บดตี วั ยานตอ้ งตดิ ตงั้
แผงรบั พลงั งานแสงอาทติ ยข์ นาดเทา่ รถบสั 3 แผงเพอ่ื ใหผ้ ลติ พลงั งานไดเ้ พยี งพอต่อการใชง้ าน

ปัจจุบนั การเดนิ ทางออกไปสารวจยงั ดาวเคราะหช์ นั้ นอกจะใชเ้ ทคโนโลยเี ครอ่ื งกาเนิดไอโซโทป
รงั สกี มั มนั ตภาพรงั สแี บบมลั ตมิ เิ ตอร์ (MMRTG) ใชค้ วามรอ้ นทเ่ี กดิ จากการสลายตวั ของพลูโตเนียม
-238 สามารถสรา้ งกระแสไฟฟ้าไดไ้ มเ่ กนิ 200 วตั ตอ์ าจเพยี งพอสาหรบั ดาวเทยี มหรอื ยานสารวจแต่
ไม่เพยี งสาหรบั การใชง้ านในปรมิ าณมาก เช่น ยานอวกาศทบ่ี รรทุกนักบนิ อวกาศ อกี ทงั้ การใชง้ าน
พลโู ตเนียม -238 ยงั มปี รมิ าณทจ่ี ากดั ดา้ นปรมิ าณและขนั้ ตอนการใชง้ าน

เคร่อื งปฏกิ รณ์นิวเคลยี ร์ฟิชชนั Kilopower ถูกวจิ ยั พฒั นาขน้ึ มาเพ่อื ทดแทนเทคโนโลยเี ดมิ ท่ี
สรา้ งพลงั งานไดน้ ้อย โดยสามารถสร้างพลงั งานใหก้ บั ภารกจิ สารวจอวกาศแมจ้ ะอยู่ในบรเิ วณท่ี
ไดร้ บั แสงอาทติ ยน์ ้อยหรอื บรเิ วณพน้ื ทด่ี าวเคราะหช์ นั้ นอก (Anderson, 2018)

4.5. ระบบต่างๆ (System)
4.5.1. ระบบอากาศ (Air System)

ภาพท่ี 54 ระบบอากาศ (Air System)

51
ระบบอากาศ มนุษยห์ ายใจไดด้ ว้ ยก๊าซออกซเิ จนทพ่ี ชื คายออกซเิ จนออกมา ซง่ึ จากการใช้
ชวี ติ ประจาวนั มนุษยก์ ม็ กี ารขบั ของเสยี ออกมา ของเหล่านนั้ ถูกสง่ ไปยงั เคร่อื งยอ่ ยสลาย Microbial
Composter ของเสยี จากพชื เช่นเดยี วกนั ซ่งึ ผ่านกระบวนการย่อยสลายแลว้ จากนัน้ ถูกส่งไปยงั ตวั
กรอง Filter นาไปใช้ในรูปแบบของป๋ ุยในกระบวนการเจริญเติบโตของพืช ทาให้เกิดเป็นวงจร
หมุนเวยี นไปเรอ่ื ยๆ
4.5.2. ระบบน้าดี-น้าเสีย (Water System)

ภาพท่ี 55 ระบบน้าด-ี น้าเสยี (Water System)

น้าท่มี นุษยใ์ ชในการประกอบกจิ กรรมในแต่ละวนั ถูกส่งไปตามท่อน้าท้งิ และผ่านการคดั
แยกโดยเคร่อื ง Microbial Composter ส่งต่อไปให้ Condenser แลว้ พ่นออกมาสาหรบั การใหน้ ้าใน
พชื ภายใน Greenhouse มคี วามรอ้ นเกดิ ขน้ึ เกดิ เป็นไอน้าในอากาศ Condenser จงึ ทาหน้าทท่ี าให้
เกดิ การควบแน่นของไอน้า แลว้ สง่ ผา่ นตวั กรอง Filter ทาใหส้ ามารถแยกน้ากลบั ไปใชอ้ กี ได้

4.6. แรงโน้มถว่ ง (Gravity)

ภาพท่ี 56 Zero Gravity Flight (Peters, 2017)

52

ในสถานอี วกาศนานาชาตจิ ะเหน็ ไดว้ า่ นกั บนิ อวกาศและอุปกรณ์ในยานลอ่ งลอยราวกบั วา่ ไม่
มนี ้าหนกั ซง่ึ ถา้ ชงั่ น้าหนกั บนสถานีอวกาศจะมนี ้าหนกั เป็น 0 แตท่ งั้ น้ีแคใ่ นระดบั ความสงู ระดบั 400
กโิ ลเมตรขน้ึ ไป แต่การเกดิ สภาวะไรน้ ้าหนกั ไมส่ ามารถเกดิ ขน้ึ เองไดถ้ า้ อยนู่ ิ่งๆ ทส่ี ภาวะไรน้ ้าหนัก
ทเ่ี กดิ ขน้ึ บนสถานีอวกาศเพราะยานกาลงั โคจรรอบโลกอยู่ (Peters, 2017)

การทโ่ี คจรรอบโลกกเ็ ปรยี บเสมอื นกบั การทล่ี ฟิ ทต์ กเกดิ สายสลงิ ขาด ช่วงเวลาก่อนทเ่ี ราจะ
สลบั ไปนนั้ จะไดส้ มั ผสั กบั สภาวะไรแ้ รงโน้มถ่วงเหมอื นนกั บนิ อวกาศ ณ ชว่ งเวลาหน่ึง

การทดลองของบรษิ ทั เอกชนรายหน่ึงในประเทศสหรฐั อเมรกิ าไดจ้ ดั “Zero Gravity Flight”
ซง่ึ ตอนขน้ึ กจ็ ะคอ่ ย ๆ ไต่ระดบั ขน้ึ อยา่ งนุ่มนวล แตห่ ลงั จากทข่ี น้ึ ไป ณ จดุ สงู สุดแลว้ นกั บนิ จะบงั คบั
เคร่อื งบนิ ใหด้ ง่ิ ลงมาอย่างรวดเรว็ ซ่งึ จะทาใหเ้ กดิ “Zero Gravity” หรอื สภาวะไรน้ ้าหนัก ซ่งึ เราจะ
รสู้ กึ เหมอื นกบั นกั บนิ อวกาศบนยานอวกาศดว้ ยวธิ ที ป่ี ลอดภยั และเสย่ี งตายน้อยกวา่ การเขา้ ไปอยใู่ น
ลฟิ ทท์ ต่ี กลงมาแบบ free all สง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ คอื ตวั เราและลฟิ ทต์ กลงมาพรอ้ มกนั ทาใหเ้ ราไม่ถูก “แรง
โน้มถ่วง” ดงึ ให้ติดกบั ผนังหรอื พน้ื ด้านใดด้านหน่ึง ดงั นัน้ “น้าหนัก” นัน่ หมายความว่าเคร่อื งชงั่
น้าหนกั ทอ่ี ยเู่ ฉย ๆ เราต่างหากทโ่ี ดน “แรงโน้มถ่วง” ดงึ ตวั เราใหไ้ ปกดกบั เครอ่ื งชงั่ ในขณะเดยี วกนั
เคร่อื งชงั่ ทม่ี พี น้ื ดนั อย่ดู า้ นล่างกด็ นั เรากลบั ทาใหเ้ ราสามารถวดั “แรง” ทเ่ี ราและเคร่อื งชงั่ กระทาต่อ
กนั ได้ เรยี กวา่ “น้าหนกั ” (Peters, 2017)

หากเราอย่ใู นกล่องใบหน่ึง เราและกล่องนัน้ ถูกเขวย้ี งออกไปใหม้ คี วามเรว็ เท่ากัน เรากจ็ ะ
รูส้ กึ ไดถ้ งึ สถาวะไรน้ ้าหนักเพราะว่า “เราไม่โดนดนั ไปสมั ผสั กบั ขอบของของกล่อง” สถานีอวกาศ
นานาชาตเิ ช่นกนั มนั เดนิ ทางรอบโลกดว้ ยความเรว็ โคจร 22,724 กโิ ลเมตร/ชวั่ โมง ซง่ึ ความเรว็ น้ี
ไดม้ าตงั้ แต่ตอนทเ่ี ราจุดจรวดส่งสถานีขน้ึ ไป เช่นเดยี วกบั ยานโซยุสทพ่ี านักบนิ อวกาศขน้ึ ไป พวก
เขาและยานถูกเรง่ ใหไ้ ดค้ วามเรว็ 22,724 กโิ ลเมตร/ชวั่ โมง (Peters, 2017)

บนสถานีอวกาศนานาชาตนิ ัน้ ไม่ได้ “ไรแ้ รงโน้มถ่วง” เพราะถ้าไรแ้ รงโน้มถ่วงจรงิ สถานี
อวกาศนาชาตหิ รอื ดวงจนั ทรก์ จ็ ะหลุดไปจากวงโคจรของโลกแลว้ แต่ถูกทาใหเ้ กดิ สถาวะไรน้ ้าหนกั
เพราะความเรว็ ของยานสมั พนั ธ์กบั ความเรว็ ของตวั เราทเ่ี คล่อื นท่ี ทาใหเ้ ราไม่ถูกดนั เขา้ ไปตดิ กบั
ผนงั หรอื พน้ื ดา้ นใดดา้ นหน่ึง (Peters, 2017)

53

ภาพท่ี 57 ตวั อยา่ งแรงโน้มถว่ งบนดาวองั คาร

ดาวองั คารมขี นาดเลก็ กวา่ โลก ดงั นนั้ แรงโน้มถ่วงบนดาวจงึ มคี า่ ประมาณ 0.38 เทา่ ของโลก
ซง่ึ นัน่ กห็ มายความว่า คนทก่ี ระโดดบนโลกไดส้ ูง 1 เมตรจะกระโดดไดส้ งู 2.6 เมตรบนดาวองั คาร
และถา้ น้าหนกั 110 กโิ ลกรมั บนโลก เมอ่ื อยทู่ ด่ี าวองั คารน้าหนกั จะเบาขน้ึ เทา่ กบั 40.8 กโิ ลกรมั

ภาพท่ี 58 แรงโน้มถ่วงทม่ี ผี ลกระทบต่อสถาปัตยกรรม

54

5. เกี่ยวกบั เทคโนโลยีวิทยาศาสตรแ์ ละอวกาศในประเทศไทย
5.1. ตวั อย่างเก่ียวกบั เทคโนโลยีอวกาศในประเทศไทย

5.1.1. ดาวเทียมธีออส (THEOS : Thailand Earth Observation Satellite)
เป็นดาวเทยี มสารวจขอ้ มลู ระยะไกล (Remote Sensing) เพ่อื ใชส้ ารวจทรพั ยากรธรรมชาติ
ของประเทศไทย โดยความรว่ มมอื ระหวา่ งรฐั บาลไทยและรฐั บาลฝรงั่ เศส ดาเนินงานโดย สานกั งาน
พฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภูมสิ ารสนเทศ (สทอภ. หรอื GISTDA) กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ร่วมกับ บริษัท อี เอ ดี เอส แอสเตรียม (EADS Astrium) ประเทศฝรัง่ เศส ด้วย
งบประมาณ 6,000 ล้านบาท นับเป็นดาวเทียมสารวจทรพั ยากรดวงแรกของไทยและเอเชีย
ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (EADS Astrium, 2004)

5.1.1.1. ลกั ษณะ
ช่อื THEOS มาจากคาย่อภาษาองั กฤษว่า Thailand Earth Observation Satellite

หมายถงึ ระบบสารวจพน้ื ผวิ โลกโดยใชเ้ ทคโนโลยภี าพถ่ายจากดาวเทยี มของประเทศไทย
โดยพอ้ งกบั ภาษากรกี แปลวา่ พระเจา้

ภาพท่ี 59 ดาวเทยี มธอี อส (EADS Astrium, 2004)

55

ดาวเทยี มธอี อส มนี ้าหนัก 750 กโิ ลกรมั เป็นดาวเทยี มวงโคจรต่าโคจรสงู จากพน้ื
โลกประมาณ 820 กโิ ลเมตร โคจรรอบโลกทุก 26 วนั มอี ายุทางเทคโนโลยขี นั้ ต่า 5 ปี แต่
อายกุ ารใชง้ านจรงิ มากกว่านนั้ มกี ลอ้ งถ่ายภาพ 2 กลอ้ ง ใชร้ ะบบซซี ดี ี สามารถบนั ทกึ ภาพ
จากการสะท้อนแสงของพ้ืนโลก (ต้องการแสงอาทิตย์) ได้ทัง้ ภาพแบบขาวดา
(Panchromatic) ท่รี ายละเอยี ด 2 เมตร แต่ละภาพกวา้ ง 22 กม. และภาพแบบหลายช่วง
คล่ืน (Multispectral) เพ่ือนามาแสดงร่วมกันให้เห็นเป็ นภาพสี จานวน 4 ช่วงคล่ืน ท่ี
รายละเอยี ด 15 เมตร แต่ละภาพกว้าง 90 กโิ ลเมตร ได้แก่ 3 ช่วงคล่นื แสงท่ตี ามองเหน็
(ช่วงคล่ืนแสงสีแดง สีเขียว และสีน้าเงิน) และ 1 ช่วงคล่ืน ใกล้อินฟราเรด ( Near IR)
(EADS Astrium, 2004)

5.1.1.2. การส่งขึน้ ส่อู วกาศ
ดาวเทยี มธอี อส ขน้ึ สู่อวกาศ วนั พุธท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลาในประเทศไทย

13:37:16 น. หรอื 6:37:16 น. ตามเวลามาตรฐานสากล (UTC) โดยจรวดนาส่ง เนปเปอร์
(Dnepr) ของบรษิ ทั ISC Kosmotras ประเทศรสั เซยี จากฐานส่งจรวดเมอื งยาสนี (Yasny)
ประเทศรสั เซยี

เหตุการณ์การส่งดาวเทยี มไมส่ ามารถถ่ายทอดสดได้ เน่ืองจากฐานส่งจรวดทเ่ี มอื ง
ยาสนีเป็นเขตทหาร จงึ เป็นการรายงานสดทางโทรศพั ทม์ ายงั สถานีควบคุมและรบั สญั ญาณ
ดาวเทยี มธอี อส อ.ศรรี าชา จ.ชลบุรี จรวดถูกยงิ สู่ทอ้ งฟ้าจากไซโลดว้ ยแรงขบั เคล่ือนของ
จรวดท่อนท่ี 1 ไปทางทศิ ใตต้ ามแนวขวั้ โลกมมี ุมเอยี งไปทางตะวนั ตก 8.9 องศา จรวดท่อน
ท่ี 1 ขบั เคล่อื นจากพน้ื ดนิ เป็นเวลา 110 วนิ าทขี น้ึ ไปทร่ี ะดบั สูง 60 กโิ ลเมตร แลว้ แยกตวั
ออกและตกลงส่พู น้ื โลกทป่ี ระเทศคาซคั สถาน ต่อจากนัน้ จรวดท่อนท่ี 2 ขบั เคล่อื นและนา
ดาวเทยี มขน้ึ ตอ่ ไปอกี เป็นเวลา 180 วนิ าที ไดร้ ะดบั ความสงู 300 กโิ ลเมตร หรอื เมอ่ื ผา่ นไป
290 วนิ าทจี าก Lift-off แลว้ จรวดทอ่ นท่ี 2 แยกตวั และตกลงในมหาสมทุ รอนิ เดยี จรวดสว่ น
สุดท้ายพร้อมดาวเทียม เคล่ือนต่อไปตามวถิ ีการส่งจนถึงระดบั ความสูง 690 กิโลเมตร
ดาวเทยี มแยกตวั ออกมาโคจรเป็นอสิ ระจากจรวดสว่ นสดุ ทา้ ย ทเ่ี วลาในประเทศไทย 15:09
น. สถานีควบคุมและรบั สญั ญาณดาวเทยี มทเ่ี มอื งคริ ูนา (Kiruna) ประเทศสวเี ดน จะเป็น
สถานีแรกทต่ี ดิ ต่อกบั ดาวเทยี มได้ (First Contact) ต่อจากนัน้ ดาวเทยี มโคจรผ่านประเทศ
ไทยครงั้ แรก เวลา 21:16 น. ซ่งึ สถานีควบคุมและรับสญั ญาณดาวเทยี มธอี อส อ.ศรรี าชา
เรมิ่ ปฏบิ ตั กิ ารควบคุมการโคจรดาวเทยี มและตรวจสอบการทางานต่างๆ เพ่อื ใหด้ าวเทยี ม

56

THEOS มคี วามสมบูรณ์พรอ้ มใช้งาน อนั เป็นงานและภารกจิ หลกั ในการใหบ้ รกิ ารข้อมูล
ดาวเทยี มแก่หน่วยงานทงั้ ในและต่างประเทศ

5.1.1.3. สถานีรบั สญั ญาณ
สถานีรบั สญั ญาณดาวเทียม อยู่ท่ี เขตลาดกระบงั กรุงเทพมหานคร และสถานี

ควบคมุ ดาวเทยี ม อยทู่ ่ี อาเภอศรรี าชา จงั หวดั ชลบรุ ี

5.1.1.4. ผลประโยชน์
(1.) สิทธิการใช้งานตวั ดาวเทียมธีออส และสถานีควบคมุ และรบั สญั ญาณภาคพืน้ ดิน

ใชส้ ารวจทรพั ยากรทงั้ ภายในประเทศ ซง่ึ มหี น่วยงานทงั้ ภาครฐั และเอกชน แสดง
ความประสงคน์ าขอ้ มลู ดาวเทยี มธอี อสไปใชป้ ระโยชน์ในการสารวจหาขอ้ มลู และใชท้ าแผน
ทใ่ี นภารกจิ ทร่ี บั ผดิ ชอบ เช่น เชน่ การสารวจหาชนิดของพชื ผลการเกษตร, การประเมนิ หา
ผลผลติ การเกษตร, การสารวจหาพน้ื ทป่ี ่าไม้, การสารวจหาพน้ื ทป่ี ่าถูกบุกรุกทาลาย, การ
สารวจหาพน้ื ทป่ี ่าถูกไฟไหม,้ การสารวจหาพน้ื ทส่ี วนป่า, การสารวจหาชนิดป่า, การสารวจ
หาพ้นื ท่ที านากุ้งและประมงชายฝัง่ , การสารวจหามลพษิ จากคราบน้ามนั ในทะเล, การ
สารวจหาแหล่งน้า, การสารวจหาแหล่งชุมชน, การสารวจหาพน้ื ทป่ี ลกู ฝ่ิน, การวางผงั เมอื ง,
การสรา้ งถนนและวางแผนจราจร, การทาแผนท่,ี การสารวจหาบรเิ วณทเ่ี กดิ อุทกภยั , การ
สารวจหาพน้ื ทท่ี เ่ี กดิ ดนิ ถล่ม, การสารวจหาพน้ื ทป่ี ระสบภยั จากคล่นื ยกั ษส์ นึ ามิ

ลดค่าใชจ้ ่ายการสงั่ ซอ้ื ภาพจากดาวเทยี มต่างประเทศ และสามารถขายขอ้ มูลการ
สารวจทรพั ยากรระหวา่ งประเทศ

(2.) ได้รบั การถา่ ยทอดเทคโนโลยีการออกแบบและสรา้ งดาวเทียมแก่บคุ ลากรไทย

การพฒั นาระบบดาวเทยี ม ระบบภาคพน้ื ดนิ การควบคมุ รบั สญั ญาณ และการจดั ทา
ผลติ ภณั ฑภ์ าพ

ได้สทิ ธิใ์ นการรบั สญั ญาณและการให้บรกิ ารขอ้ มูลดาวเทยี ม SPOT-2, 4, และ 5
กอ่ นดาวเทยี มธอี อสจะขน้ึ สอู่ วกาศ

ไดส้ ทิ ธใิ ์ นการพฒั นาบุคลากร ทงั้ จากการไดท้ ุนการศกึ ษา ตลอดระยะเวลา 10 ปี
โดยเป็นทุนฝึกอบรมในฝรงั่ เศส สาหรบั เจา้ หน้าทไ่ี ทย ในดา้ นเทคโนโลยดี าวเทยี มและการ
ประยกุ ตใ์ ช้ จานวน 80 ทุน และทนุ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโท-เอก จานวนทงั้ สน้ิ 24 ทนุ

57
5.2. นโยบายเก่ียวกบั เทคโนโลยีอวกาศ

5.2.1. พลิกโฉมประเทศไทยสู่ Thailand 4.0 กบั ดาวเทียมธีออส-2 (ระบบดาวเทียม
สารวจเพอ่ื การพฒั นาของไทย)
ภารกิจท่ีสาคัญของ ธีออส-2 จึงไม่ใช่แค่การจัดหาดาวเทียม แต่เป็ นต่อยอด

โครงสรา้ งพน้ื ฐานของหน่วยงานต่าง ๆ โดยใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เพ่อื ใหป้ ระเทศ
ไทยในอนาคตไดม้ รี ะบบวางแผน ตดั สนิ ใจ ตดิ ตาม วเิ คราะห์ และรายงานขอ้ มลู สถานการณ์
เชงิ พ้นื ท่ขี องประเทศอย่างละเอยี ด ทนั ต่อเหตุการณ์ ซ่งึ จะทาใหก้ ารบรหิ ารจดั การในทุก
พน้ื ทข่ี องประเทศมปี ระสทิ ธภิ าพและเทา่ เทยี มกนั ภายใตร้ ะบบทเ่ี ป็น 1 เดยี ว (AIP)

ภาพท่ี 60 นโยบายเกย่ี วกบั เทคโนโลยอี วกาศ

(1.) นโยบายในการพฒั นาประเทศ 6 ด้าน
(1.1.) ด้านการจดั การเกษตร เป็นระบบมากขน้ึ สามารถวางแผนการเพาะปลูก

การจดั การโซนน่ิงในพน้ื ทก่ี ารเกษตรต่างๆ ของทงั้ ประเทศ การคาดการณ์ปรมิ าณผลผลติ
ใหก้ บั เกษตรกรไดอ้ ยา่ งแมน่ ยา ลดการขาดทนุ และราคาผลผลติ ทต่ี กต่าได้ เป็นตน้

58

(1.2.) ดา้ นการจดั การน้า เป็นอกี มติ หิ น่ึงทส่ี าคญั เราจะบรหิ ารจดั การน้าอยา่ งไรให้
เพยี งพอต่อการใชส้ อยในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในช่วงหน้าแลง้ และทาอย่างไรทจ่ี ะ
สามารถบรหิ ารจดั การแหล่งน้าไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพในช่วงหน้าฝน เพ่อื ไม่ใหป้ ระชาชน
ชมุ ชนเดอื ดรอ้ น หรอื ไดร้ บั ผลกระทบน้อยลงจากทเ่ี คยพบมา

(1.3.) ดา้ นการจดั การภยั พบิ ตั ิ ต้องยอมรบั ว่าสถานการณ์ภยั พบิ ตั เิ กดิ ขน้ึ ทวั่ โลก
และประเทศไทยเป็นอกี ประเทศหน่ึงท่ปี ระสบกบั ปัญหาเหล่าน้ี โดยเฉพาะภยั แล้งและน้า
ท่วมท่สี รา้ งความเสยี หายและส่งผลกระทบในทุกพน้ื ท่ี ดงั นัน้ เราจาเป็นต้องมกี ารบรหิ าร
จดั การภยั พบิ ตั ทิ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ทงั้ ในดา้ นการคาดการณ์ และประเมนิ สถานการณ์เพ่อื แจง้
เตอื นเพ่อื ลดความเสยี หายทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ย่างทนั ท่วงที รวมไปถงึ การตดิ ตามพน้ื ทท่ี ่ี
ไดร้ บั ความเสยี หายเพอ่ื นาไปสกู่ ารเยยี วยาและใหค้ วามชว่ ยเหลอื

(1.4.) ด้านความมนั่ คงของรฐั และสงั คม ในการเฝ้าระวงั รกั ษาความสงบให้เพมิ่
สงู ขน้ึ เช่น ดา้ นการป้องกนั การก่อการรา้ ย การก่ออาชญากรรมขา้ มชาติ การคา้ ยาเสพตดิ
และการลกั ลอบเขา้ เมอื งผดิ กฎหมาย เป็นตน้ รวมไปถงึ การรกั ษาความสงบภายในประเทศ
และระหวา่ งประเทศบรเิ วณเขตแนวชายแดน

(1.5.) ด้านทรพั ยากรธรรมชาติ ท่ผี ่านมาปัญหาเหล่าน้ีส่งผลกระทบต่อคุณภาพ
ชวี ติ ของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาไฟป่าหมอกควนั ในเขตภาคเหนือ รวม
ไปถงึ ภาคต่างๆ ของประเทศ หรอื ในเขตประเทศเพ่อื นบา้ นทส่ี ่งผลกระทบต่อประเทศไทย
ของเรา อย่างท่ผี ่านมาไฟป่ าท่อี นิ โดนีเซยี ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายจงั หวดั ในเขต
ภาคใตเ้ ป็นอยา่ งมาก หรอื ปัญหามลพษิ ทางทะเลกเ็ ป็นอกี ปัญหาทส่ี าคญั ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อ
ระบบนิเวศน์ สงิ่ มชี วี ติ ในน้า และการท่องเท่ยี วของประเทศไทย ท่เี หน็ เด่นชดั คอื ปัญหา
น้ามนั รวั่ ไหลลงทะเลทเ่ี กดิ ขน้ึ เป็นประจาทุกปี รวมไปถงึ ปัญหาการกดั เซาะชายฝัง่ ทะเลทม่ี ี
ความรุนแรงมากขน้ึ ทุกปีเช่นกนั ดงั นัน้ ธอี อส-2 เราจงึ ไม่ละเลยท่จี ะแก้ไขปัญหาเหล่าน้ี
โดยเพมิ่ ศกั ยภาพในการเป็นผูก้ าหนดและคาดการณ์สถานการณ์ท่จี ะเกดิ ขน้ึ รวมถึงการ
ตดิ ตามแบบนาทตี อ่ นาที

(1.6.) ดา้ นการจดั การเมอื งและพน้ื ทร่ี ะเบยี งเศรษฐกจิ โดยการบรหิ ารจดั การความ
เสย่ี งทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ซง่ึ จะส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกจิ ทม่ี เี สถยี รภาพ การเสรมิ สรา้ งรากฐานท่ี
แข็งแรงให้กับการเติบโตและเศรษฐกิจท่ีมีเสถียรภาพของประเทศไทย รวมไปถึงการ
เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพของโครงสรา้ งพน้ื ฐานทส่ี าคญั ต่อการพฒั นาประเทศ ทจ่ี ะทาใหป้ ระเทศ

59

ไทยได้รบั ความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากข้นึ จากความมนั่ คงทางการเมืองและ
เศรษฐกจิ

องคป์ ระกอบที่สาคญั ของโครงการ ในการขบั เคล่ือนการพฒั นาประเทศอย่างยงั่ ยืน

องคป์ ระกอบท่ี 1 ระบบผลติ บรกิ ารภาพถ่ายและภมู สิ ารสนเทศจากภาพถ่ายดาวเทยี มกว่า
30 ดวง

องคป์ ระกอบท่ี 2 ระบบประยกุ ตใ์ ชง้ านแผนทแ่ี ละภมู สิ ารสนเทศจากภาพถ่ายดาวเทยี มตาม
ภารกจิ ของหน่วยปฏบิ ตั ติ ่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

องคป์ ระกอบท่ี 3 โครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื เช่อื มโยงกบั หน่วยงานท่ี
เกย่ี วขอ้ งกบั การผลติ และการใชง้ านภมู สิ ารสนเทศจากดาวเทยี ม

องคป์ ระกอบท่ี 4 พฒั นาขดี ความสามารถในการสรา้ งดาวเทยี มและอตุ สาหกรรมอวกาศของ
ประเทศ

องคป์ ระกอบท่ี 5 จดั หา สรา้ งดาวเทยี มและระบบภาคพน้ื ดนิ เพอ่ื รองรบั ดาวเทยี มจานวน 2
ดวง

- ดวงท่ี 1 ดาวเทยี มถ่ายภาพรายละเอยี ดสงู (50 ซม.) เพ่อื ใชง้ านดา้ นการตดิ ตาม
พน้ื ทท่ี งั้ ในประเทศและต่างประเทศ งานดา้ นความมนั่ คง และการจดั การในภาวะวกิ ฤต

- ดวงท่ี 2 วท. และหน่วยงานท่เี ก่ยี วขอ้ ง ดาวเทยี มดวงเล็กขนาด 100 กก. ท่จี ะ
สรา้ งเองโดยคนไทย เพ่อื พฒั นาขดี ความสามารถ และพน้ื ฐานของอุตสาหกรรมอวกาศของ
ประเทศ

บทที่ 3
กระบวนการศึกษาข้อมลู วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ ้อมลู

1. ประเดน็ การศึกษาทางสถาปัตยกรรม
1.1. แรงบนั ดาลใจ (Inspiration)
ประเดน็ การศกึ ษาเรมิ่ ต้นจากการการไดร้ บั แรงบนั ดาลใจจากภาพยนต์ ทเ่ี ก่ยี วกบั อวกาศ

และดาวองั คาร เช่น ภาพยนตเ์ รอ่ื ง The Martian คอื เร่อื งราวทเ่ี กดิ ขน้ึ ระหว่างภารกจิ เดนิ ทางสดู่ าว
องั คาร มนุษยอ์ วกาศ มาร์ แวทนีย์ (ตวั เอกของเร่อื ง) ถูกคดิ ว่าเสยี ชวี ติ หลงั เกดิ พายุรุนแรงและถูก
ทมี งานทง้ิ ไว้ แต่กลบั รอดชวี ติ และพบว่าตวั เองอย่อู ย่างโดดเดย่ี วลาพงั บนดวงดาวทโ่ี หดรา้ ย เขามี
เพยี งเสบยี งอนั น้อยนิด แวทนียต์ อ้ งใชค้ วามฉลาด ไหวพรบิ และความมงุ่ มนั่ เพอ่ื การอยรู่ อด ซง่ึ เคา้
ไดท้ ดลองปลูกมนั ฝรงั่ บนดาวองั คารเพ่อื ใชเ้ ป็นเสบยี งในการอยอู่ าศยั และหาทางสง่ สญั ญาณกลบั มา
ยงั โลกว่าเขายงั มชี วี ติ อยู่ จากระยะทางทไ่ี กลนับหลายลา้ นไมล์ นาซ่าและทมี นักวทิ ยาศาสตรจ์ าก
นานาชาตติ ่างพยายามนา "เดอะ มารเ์ ชยี น" กลบั บา้ น ขณะเดยี วกนั เพอ่ื นรว่ มทมี ของเขาไดร้ ว่ มกนั
วางแผนว่าจะเป็นอย่างไรหากภารกจิ การช่วยเหลอื ลม้ เหลว จากเหตุการณ์เหล่าน้ีทาใหเ้ หน็ ความ
กลา้ หาญ ทุกคนตอ้ งรว่ มมอื กนั เพอ่ื ใหแ้ วทนียก์ ลบั มาอยา่ งปลอดภยั

ซง่ึ หนงั เรอ่ื งเรอ่ื งน้ีทาใหน้ าซา่ รเิ รมิ่ โครงการปลกู มนั ฝรงั่ บนดาวองั คาร การทดลองเป็นไปได้
ดซี ง่ึ ตอนน้ีกาลงั ถกู พฒั นาและการหาสายพธั ุท์ เ่ี หมาะสมในการไปเพาะปลกู ทด่ี าวองั คาร

จากการศึกษาพบว่าการจะไปดารงชวี ติ อยู่บนดาวองั คาร นัน้ การปรบั สภาพดาวเป็นสงิ่
สาคญั เพ่อื ใหม้ นุษยส์ ามารถดารงอย่ไู ด้ และการศกึ ษา ทดลอง วจิ ยั และพฒั นาเกย่ี วกบั เทคโนโลยี
ต่างๆ ทาใหม้ นุษยม์ คี วามหวงั ในการไปสรา้ งอาณานิคมบนดาวองั คารมากขน้ึ (MASTERMOVIE-
HD, 2018)

ภาพท่ี 61 แรงบนั ดาลใจ (Inspiration)

61

1.2. ประเดน็ การศึกษาจากแนวคิดในการทางาน

ภาพท่ี 62 ผงั แนวคดิ ในการทางาน 1

ภาพท่ี 63 ผงั แนวคดิ ในการทางาน 2

62

2. การวิเคราะหข์ ้อมลู
2.1. พืน้ ท่ีการสนับสนุนเกี่ยวกบั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอวกาศ

ภาพท่ี 64 ตาแห ่นงท่ีมีการสนับส ุนนเก่ียวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศ

63

3. การสงั เคราะหผ์ ล
3.1. วิเคราะหพ์ ืน้ ที่ไซตท์ ่ีเลือกศึกษา
3.1.1. ศนู ยว์ ิทยาศาสตรเ์ พื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจาลอง) จ.กรงุ เ

ภาพท่ี 65 Site 1
ตารางท่ี 3 สรปุ รายละเอยี ดพน้ื ท่ี Site 1

สรปุ รายละเอียดพืน้ ท่ี

ท่ีตงั้ 928 ถนนสขุ มุ วทิ (เอกมยั ) เขตคลองเตย กรงุ เทพฯ

เจ้าของท่ีดิน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร(สงั กดั กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น)

เจา้ ของโครงการ รฐั บาล

64

ขอบเขตและการติดต่อกบั บริเวณรอบข้าง

ทศิ เหนอื ตดิ กบั ถ.สขุ มุ วทิ
ทศิ ใต้ ตดิ กบั ร.ร.ปทุมคงคา
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ กบั ขนสง่ เอกมยั
ทศิ ตะวนั ตก ตดิ กบั องคย์ เู นสโก

ภาพท่ี 66 บรเิ วณรอบขา้ ง Site 1

3.1.2. สานักงานพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ศูนย์ราชการฯ)
(GISHDA)จ.กรงุ เทพฯ

ภาพท่ี 67 Site 2

65

ตารางท่ี 4 สรปุ รายละเอยี ดพน้ื ท่ี Site 2

สรปุ รายละเอียดพืน้ ที่

ท่ีตงั้ เลขท่ี 120 หมู่ 3 อาคารรวมหน่วยราชการ (อาคารรฐั ประศาสน
ภกั ด)ี ชนั้ 6 และชนั้ 7 ถนนแจ้งวฒั นะ แขวงทุ่งสองห้อง เขต
เจ้าของท่ีดิน หลกั ส่ี กรงุ เทพฯ 10210
เจา้ ของโครงการ
กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

รฐั บาล

ขอบเขตและการติดต่อกบั บริเวณรอบข้าง

ทศิ เหนอื ตดิ กบั กองบญั ชาการกองทพั ไทย
ทศิ ใต้ ตดิ กบั ราชพฤษกค์ ลบั
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ กบั บ.ไปรษณยี ไ์ ทย
ทศิ ตะวนั ตก ตดิ กบั การประปานครหลวง

ภาพท่ี 68 บรเิ วณรอบขา้ ง Site 2

66

3.1.3. สานักงานพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศและภมู ิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
(GISHDA) อ.ศรีราชา จ.ชลบรุ ี

ภาพท่ี 69 Site 3

ตารางท่ี 5 สรปุ รายละเอยี ดพน้ื ท่ี Site 3

สรปุ รายละเอียดพืน้ ที่

ท่ีตงั้ อุทยานรงั สรรค์นวตั กรรมอวกาศ สานักงานพฒั นาเทคโนโลยี
อวกาศและภูมสิ ารสนเทศ 88 หมู่ 9 ตาบลทุ่งสุขลา อาเภอศรี
เจ้าของที่ดิน ราชา ชลบรุ ี 20230
เจา้ ของโครงการ
กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

รฐั บาล

67

ขอบเขตและการติดต่อกบั บริเวณรอบข้าง
ทศิ เหนอื ตดิ กบั สถานีดาวเทยี มศรรี าชา
ทศิ ใต้ ตดิ กบั หมบู่ า้ น
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ กบั สถานีดาวเทยี มศรรี าชา
ทศิ ตะวนั ตก ตดิ กบั หมบู่ า้ น

ภาพท่ี 70 บรเิ วณรอบขา้ ง Site 3

3.1.4. สรปุ การให้ค่าน้าหนักไซต์

ตารางท่ี 6 สรปุ การใหค้ า่ น้าหนกั ไซต์

68

3.1.5. Site และสดั ส่วนพืน้ ท่ี

ภาพท่ี 71 Site Access

ภาพท่ี 72 Site และสดั สว่ นพน้ื ท่ี

69

คานวน S = (1/2)*(220+120+240.44+237) = 408.72

Area (พน้ื ท่ี = sqrt ((408.72-220)*(408.72-120)*(408.72-240.44)*(408.72-237))
= 39,680.22 ตารางเมตร.

สรปุ พน้ื ทร่ี วม = 39,680.22 ตารางเมตร

24 ไร่ 3 งาน 20.06 ตารางวา

ภาพท่ี 73 มมุ มองออกบรเิ วณ Site
ภาพท่ี 74 มุมมองเขา้ บรเิ วณ Site

บทท่ี 4
การประยกุ ตใ์ นงานออกแบบสถาปัตยกรรม

1. การศึกษาโปรแกรมก่อนการออกแบบ (Pre-Design Stage)
1.1. โปรแกรมจากการศึกษา

ภาพท่ี 75 โปรแกรม

1.1.1. ผใู้ ช้สอยโครงการและลกั ษณะการใช้ประโยชน์

71

ภาพท่ี 76 ผใู้ ชส้ อยโครงการ

ภาพท่ี 77 ลกั ษณะการใชป้ ระโยชน์โครงการ

1.1.2. องคป์ ระกอบโครงการ

ภาพท่ี 78 องคป์ ระกอบโครงการ

72

ภาพท่ี 79 การแบง่ สดั สว่ นโครงการ

73

1.1.4. กิจกรรมและพืน้ ท่ีการใช้สอยภายในโครงการ
1.1.4.1. ลาดบั กิจกรรมในส่วนนิทรรศการและเมอื งจาลอง

ภาพท่ี 80 ลาดบั กจิ กรรมในสว่ นนทิ รรศการ

ภาพท่ี 81 ลาดบั กจิ กรรมในสว่ นเมอื งจาลอง

74

1.2. Conceptual Design

ภาพท่ี 82 ลาดบั การเลอื กชว่ งเวลา

การเปล่ียนสภาพของโลกให้เหมือนกบั ดาวองั คารในช่วงของการเปล่ียนแปลง 200 ปี
หลงั จากทาการเปลย่ี นสภาพบรรยากาศของดาวองั คารดว้ ยการ Terraforming ซง่ึ ยุคทเ่ี ลอื กคอื
ชว่ งทเ่ี กดิ น้า เมอ่ื เกดิ น้าทาใหเ้ กดิ สงิ่ มชี วี ติ อ่นื ๆตามมา เมอ่ื เกดิ สงิ่ เช่น พชื หรอื จุลชพี เลก็ ๆ ทา
ใหม้ นุษยส์ ามารถดารงชวี ติ อย่ไู ดง้ า่ ยยงิ่ ขน้ึ และยงั เกดิ ความหลากหลายทางการดารงชวี ติ เกดิ
เป็นการขยายเผา่ พนั ธขุ์ องสงิ่ มชี วี ติ

ภาพท่ี 83 การเกดิ สง่ิ มชี วี ติ หลงั เกดิ แหลง่ น้า

75

ภาพท่ี 84 การขยายตวั ของกลมุ่ สงิ่ มชี วี ติ
ภาพท่ี 85 การรวมกลุม่ ขนาดใหญ่จานวนมาก

76

2. การออกแบบร่าง(Schematic Design)
มรี ายละเอยี ดการดาเนินงานดงั น้ี
2.1. แบบร่างครงั้ ที่ 1

Mars City Research

Exhibition Canteen Sub Entrance
Retail Shop

Staff Office Hall
Staff
Hall Entrance Main User

Main Entrance
ภาพท่ี 86 Function Diagram

ภาพท่ี 87 Model แบบรา่ งครงั้ ท่ี 1

77
2.2. แบบร่างครงั้ ท่ี 2

ขอ้ เสนอแนะจากการตรวจแบบร่างคร้ังท่ี 1 การจดั Function ภายในควรมกี ารแยกสาหรบั
ทางเขา้ หลกั และทางเขา้ รองอยา่ งชดั เจนตามลกั ษณะผใู้ ชง้ าน การทา Mass Model ใหส้ มั พนั ธก์ นั
ระหวา่ ง Function และสามารถสอ่ื ถงึ Concept ไดอ้ ยา่ งชดั เจน

ภาพท่ี 88 Model แบบรา่ งครงั้ ท่ี 2

78
2.3. แบบร่างครงั้ ที่ 3

ขอ้ เสนอแนะจากการตรวจแบบร่างคร้ังที่ 2 Mass Model สว่ นบนขาดการเช่อื มตอ่ กนั ของรปู
From อาคาร จงึ ปรบั สว่ นของ Structure หลงั คาใหม้ คี วามเช่อื มตอ่ เป็นชน้ิ เดยี วกนั มากขน้ึ และปรบั
Slop หลงั คาตามแนวทศิ ทางของแดดในชว่ งเวลาทแ่ี ดดจดั เพอ่ื รบั แสงสวา่ งไปใชภ้ ายในอาคารได้
มากขน้ึ เป็นแนวคดิ เพอ่ื ช่วยประหยดั พลงั งานภายในอาคาร

ภาพท่ี 89 Model แบบรา่ งครงั้ ท่ี 3

79

3. การออกแบบร่างขนั้ ต้น(Preliminary Design)
3.1.แบบร่างแผนผงั ต่าง ๆ

ภาพท่ี 90 แบบรา่ งแผนผงั

3.2.แบบร่างตวั อาคาร

ภาพท่ี 91 แปลนแบบรา่ ง

80

3.3.ห่นุ จาลอง

ภาพท่ี 92 Model Develop 1

ภาพท่ี 93 Model Develop 2

81

3.4.ระบบโครงสร้างและงานระบบ

ภาพท่ี 94 Structure Diagram

82

4. การออกแบบรายละเอียด (Detail Design)

ภาพท่ี 95 Sun Direction Plan

ภาพท่ี 96 Solar System Detail

5. ผลงานการออกแบบ (Architecture Presentation)

ภาพท่ี 97 Ground Floor Plan

ภาพท่ี 98 Basement 1 84

ภาพท่ี 99 Basement 2

85

ภาพท่ี 100 Basement 3

86


Click to View FlipBook Version