The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by student9105, 2021-07-18 03:50:24

ทวีปยุโรป

ทวีปยุโรป

ทวปี ยุโรป

ยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์

มนุษยโ์ ฮโมอีเรคตสั (บรรพบุรุษของมนุษยป์ ัจจุบนั ) กบั มนุษยน์ ีแอนเดอร์ธอล
(Neanderthals) อาศยั อยใู่ นยโุ รปมานานก่อนที่มีมนุษยป์ ัจจุบนั (โฮโมเซเปี ยน
หรือ Homo sapiens)กระดูกของมนุษยย์ คุ แรก ๆ ในยโุ รปถูกพบที่เมือง
Dmanisi ประเทศจอร์เจีย ซ่ึงกระดูกเหล่าน้นั คาดวา่ มีอายรุ าว ๆ 2 ลา้ นปี ก่อน
คริสตกาล หลกั ฐานของมนุษยท์ ี่มีโครงสร้างสรีระคลา้ ยมนุษยป์ ัจจุบนั ที่ปรากฏในยโุ รปท่ี
เก่าท่ีสุดน้นั คือประมาณ 35,000 ปี ก่อนคริสตกาล แต่หลกั ฐานแสดงการต้งั รกราก
ถาวรน้นั แสดงอยรู่ าว ๆ 7000 ปี ก่อนคริสตกาลในประเทศ
บลั แกเรีย โรมาเนีย และ กรีซยโุ รปกลางเขา้ สู่ยคุ หินใหม่ (Neolithic) ในช่วงราว ๆ
6000 ปี ก่อนคริสตกาลก่อนหลาย ๆ ที่ในยโุ รปเหนือซ่ึงเขา้ สู่ยคุ หินใหม่ในช่วงราว ๆ
5000 ถึง 4000 ปี ก่อนคริสตกาลราว ๆ 2000 ปี ก่อนคริสตกาลเร่ิมมีอารยธรรม
ที่มีความรู้ทางการอ่าน-เขียนในยโุ รปคืออารยธรรมของพวกมิโนน (Minoans) ท่ี
เกาะcrete และตามดว้ ยพวกไมเซเนียน (Myceneans) (ท้งั สองอารยธรรมอยู่
ราว ๆ บริเวณซ่ึงเป็นประเทศกรีซในปัจจุบนั )ราว ๆ 400 ปี ก่อนคริสตกาล วฒั นธรรม
ลาทีเน่ (La Tène) ซ่ึงเป็นวฒั นธรรมในยคุ เหลก็ ไดแ้ พร่กระจายไปเกือบทวั่ ภาคพ้นื
พวกอีทรัสกนั (Etruscans) ไดเ้ ขา้ ไปต้งั รกรากในตอนกลางของอิตาลีและลอมบา
ดี (Lombady) ซ่ึงอยตู่ อนเหนือของอิตาลีปัจจุบนั

ยุคเก่า

สงครามกรีก-เปอร์เซีย และสงครามเปโลโปนีเซีย

สงครามกรีก-เปอร์เซีย คือสงครามของพวกกรีกกบั ชาวเปอร์เซียท่ีบุกมาจากทางฝ่ัง
อาหรับเขา้ มาทางตอนเหนือ ประวตั ิศาสตร์ไดจ้ ดบนั ทึกวรี กรรมของชาวสปาร์

ตา (Sparta) ท่ีไปรบขวางพวกเปอร์เซียท่ีมีเป็นแสน
ไดด้ ว้ ยกาลงั คนไม่กี่พนั ที่ช่องเขาเทอร์มอพิ
ลี (Thermopylae) นาโดยกษตั ริยเ์ ลโอไนดาสท่ี
1 (Leonidas I) หยดุ พวกเปอร์เซียไวไ้ ดห้ ลายวนั
ก่อนที่จะถูกทาลาย ถ่วงเวลาใหช้ าวกรีกมีเวลาต้งั ตวั ต่อกร
กบั ชาวเปอร์เซียไดส้ าเร็จในภายหลงั สงครามเพโลพอนนี
เซียน เป็นสงครามกลางเมืองระหวา่ งรัฐของชาว
เอเธนส์ (Athens) มหาอานาจทางทะเลกบั ชาวสปาร์ตาชนชาตินกั รบหลงั จาก
สงครามกบั พวกเปอร์เซียไดไ้ ม่นานชาวสปาร์ตาไปขอความช่วยเหลือจากพวกเปอร์เซีย
ใหช้ ่วยต่อเรือไปสู้กบั ชาวเอเธนส์ ตดั เสบียงทางทะเลจนชาวเอเธนส์อดอยากตอ้ งยอมแพ้
ไปในที่สุด หลงั จากสงครามคร้ังน้ีรัฐกรีกกเ็ ร่ิมทาสงครามกนั เร่ือยมาทาใหเ้ สื่อมอานาจลง
อยา่ งรวดเร็วจนการมาถึงของชาว มาซีดอน (Macedon)

ความรุ่งเรืองของกรุงโรม

พวกโรมนั มีกษตั ริยป์ กครองกนั เร่ือยมาหลงั ตานานโรมลู ุส (Romulus) กษตั ริยล์ กู
หมาป่ าที่ก่อต้งั กรุงโรม จนมาถึงรุ่นของกษตั ริยท์ าควนิ (Tarquin the pround) เป็นองค์
สุดทา้ ย วา่ กนั วา่ ชาวโรมนั ไม่พอใจท่ีทาควนิ สร้างส่ิงก่อสร้างต่าง ๆ มากมายจนประชาชนเดือดร้อน
ทาใหม้ ีตระกลู ช้นั สูงพวกแพทริเซียน (Partrician) ท่ีมีอานาจในกรุงโรมนาโดย
สกลุ บรูตสั (Brutus) พากนั ขบั ไล่พระองคล์ งจากบลั ลงั ก์

ต้งั แต่น้นั มาชาวโรมนั กใ็ ชก้ ารปกครองแบบสาธารณรัฐปกครองโดยสภาซีเนตมาถึง 400
ปี จวบจนมาถึงยคุ ของจกั รพรรดิออกสั ตสั (Augustus) จกั รพรรดิพระองคแ์ รกของจกั รวรรดิ
โรมนั

การล่มสลายของกรุงโรม

พวกคนเถื่อนทางตอนเหนือของยโุ รปกา้ วร้าวบุกรุกอาณาจกั รโรมนั กนั เป็นวา่ เล่น
หน่ึงในน้นั มี “แอตติลา” (Attila) ผนู้ าของคนเถ่ือนที่เป็นตานาน รวบรวมเหล่าคน
เถ่ือนมาไวด้ ว้ ยกนั นากาลงั บุกเขา้ ไปในอาณาจกั ร โรมนั แต่ถึงกระน้นั กไ็ ม่สามารถท่ีจะบุก
เขา้ ไปถึงกรุงโรมไดถ้ ูกพวกโรมนั หยดุ ย้งั ไวไ้ ดก้ ่อน แลว้ กม็ าด่วนตายไป แต่การกระทา
ของแอตติลากส็ ่งผลใหพ้ วกคนเถ่ือนบุกเขา้ ไปในจกั รวรรดิโรมนั จนในที่สุดกรุงโรมกถ็ ูก
ตีแตกโดยพวกเยอรมนั เป็นการสิ้นสุดอิทธิพลของพวกโรมนั ในยโุ รปตะวนั ตก คงเหลือ
แต่พวกโรมนั ท่ีกรุงคอนสแตนติโนเบิลเท่าน้นั ท่ียงั คงแผอ่ ิทธิพลออกไป

ยุคกลาง

จักรวรรดโิ รมันอนั ศักด์สิ ิทธ์ิเรืองอานาจ

กรุงโรมล่มสลายพร้อมกบั การกา้ วข้ึนมาของคนเถื่อนทางเหนือ พวกแฟรงค์ (Frank)
คนเถ่ือนทางประเทศฝรั่งเศสกา้ วข้ึนมาเป็นใหญ่โดยการนาของ “พระเจา้ ชาร์เลอมาญ”
เม่ือรวบรวมดินแดนทางยโุ รปตะวนั ตกไวไ้ ดม้ ากมายแลว้ ชาเลอร์มาญกไ็ ปทาสญั ญากบั
พระสนั ตะปาปาข้ึนเป็นจกั รพรรดิของอาณาจกั รโรมนั ตะวนั ตก ต้งั อาณาจกั รโรมนั
ตะวนั ตกข้ึนมาใหม่จากท่ีเคยล่มสลายลงไป ภายใตช้ ื่อ "จกั รวรรดิโรมนั อนั
ศกั ด์ิสิทธ์ิ (Holy Roman Empire)" ท้งั น้ีกเ็ พื่อจะไดเ้ ป็นอิสระจากอิทธิพล
ของอาณาจกั รโรมนั ตะวนั ออก

สงครามครูเสด

พระสนั ตะปาปาเรียกร้องใหช้ าวคริสตท์ ุกคนนากาลงั ไปช่วยเหลือจกั รวรรดิ
โรมนั ตะวนั ออกที่กาลงั ถูกพวกอาหรับกลืนกิน กองทพั ของผศู้ รัทธานากาลงั บุก
เขา้ ไปถึงกรุง เยรูซาเลม ดินแดนอนั ศกั ด์ิสิทธ์ิในพระคาภีร์ฉบบั เก่าของโมเสสที่
ถูกชาวอาหรับครอบครอง

กองทพั ครูเสดยดึ ดินแดนไดแ้ ถบริมฝ่ังตะวนั ออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแลว้
ต้งั เป็นประเทศ อยมู่ าจนการมาถึงของ ซาลาดิน (Saladin) สุลต่านอาหรับ
ที่สามารถบุกยดึ กรุงเยรูซาเลมจากพวกครูเสดได้ ต้งั แต่น้นั มานกั รบครูเสดที่ถูกส่ง
มาอีกหลาย ๆ คร้ังกไ็ ม่สามารถที่จะยดึ คืนกรุงเยรูซาเลมกลบั มาไดอ้ ีกเลย

สงครามร้อยปี

สงครามร้อยปี เป็นความขดั แยง้ ระหวา่ งองั กฤษและฝร่ังเศส นาน 116 ปี นบั จาก พ.ศ.
1880 ถึง พ.ศ. 1996 (ค.ศ. 1337 ถึง 1453) เร่ิมจากการอา้ งสิทธ์ิของกษตั ริยอ์ งั กฤษ
เหนือบลั ลงั กฝ์ ร่ังเศส คาท่ีนกั ประวตั ิศาสตร์ใชน้ ิยามสงครามความขดั แยง้ แบ่งไดส้ ามถึงส่ีช่วง คือ
สงครามยคุ เอด็ เวิร์ด(Edwardian War 1337-1360) สงครามยคุ แครอไลน์
(Caroline War 1369-1389) สงครามยคุ แลงคาสเตอร์ (Lancastrian War

1415-1429)

องั กฤษกบั ฝร่ังเศสเป็นไมเ้ บ่ือไมเ้ มากนั มานาน ชาวนอร์มงั ดีบุกไปชิงราชบงั ลงั กท์ ่ีเกาะ
องั กฤษเพราะยงั อยากที่จะไดด้ ินแดนของบรรพบุรุษกลบั มาอีกคร้ัง องั กฤษกบั ฝรั่งเศสจึงทาสงคราม
กนั เร่ือยมา

ช่วงหลงั ของสงครามองั กฤษสามารถบุกเขา้ ไปยดึ ดินแดนของฝร่ังเศสไดจ้ นเกือบจะสิ้นชาติ
แต่กม็ ีการมาถึงของหญิงสาว “ฌานดาร์ค” (โจนออฟอาร์ค) สาวชาวนาผไู้ ดร้ ับนิมิตจากพระเจา้ ให้
นาฝร่ังเศสไปสู่เอกราชจากพวกองั กฤษ แต่ไม่ทนั ท่ีจะจบสงครามโจนกถ็ ูกจบั ไปเผาในขอ้ หาวา่ เป็น
แม่มด แต่การกระทาของโจนกไ็ ม่เสียเปล่าพวกฝร่ังเศสขบั ไล่องั กฤษออกจากประเทศไดส้ าเร็จ

การล่มสลายของกรุงคอนสแตนตโิ นเปิ ล

หลงั จากการล่มสลายของกรุงโรม โรมนั ทางฝั่งตะวนั ออกกค็ ่อยๆ ลืมเลือนความ
ยง่ิ ใหญ่ของตวั เองในฟากตะวนั ตกไปหมด จกั รพรรดิองคต์ ่อๆ มากไ็ ม่ใช่คนจากอิตาลีอีก
ต่อไป แต่เป็นชาวกรีกด้งั เดิมที่อยมู่ าก่อนพวกโรมนั พวกกรีกเม่ือไม่รู้สึกถึงคุณค่าของ
ความเป็นโรมนั กต็ ้งั ช่ืออาณาจกั รใหม่เป็น “ไบแซนไทน์” (Byzantine) ตามช่ือเก่า
ของเมืองคอนสแตนติโนเบิลเมืองท่ีมงั่ คง่ั ท่ีสุดในยโุ รปยคุ มืด

แต่ชาวอาหรับที่ขยายอานาจออกมากท็ าใหไ้ บแซนไทนเ์ สื่อมอานาจลงเร่ือยๆ จนใน
ท่ีสุดกม็ าเสียกรุงใหก้ บั ชาวเติร์ก (Turk) ทาใหก้ รุงไบเซนติอุมกลายเป็นเมืองหลวงใน
ช่ือ อิสตนั บูล (Istanbul)

ตน้ ยุคใหม่

การปฏิวตั ฝิ ร่ังเศส

การเขา้ แทรกแซงของฝร่ังเศสในสงครามปฏิวตั ิอเมริกาทาใหร้ ัฐลม้ ละลาย หลงั
ความพยายามปฏิรูปการเงินลม้ เหลวหลายคร้ัง พระเจา้ หลุยส์ที่ 16 ทรงถูกโนม้ นา้ วให้
เปิ ดประชุมสภาฐานนั ดร ซ่ึงเป็นองคก์ รผแู้ ทนของประเทศอนั ประกอบดว้ ยสามฐานนั ดร
ไดแ้ ก่ นกั บวช ขนุ นางและสามญั ชน สมาชิกสภาฐานนั ดรประชุมกนั ท่ีพระราชวงั แวร์ซาย
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1789 แต่การถกเถียงวา่ จะใชร้ ะบบการออกเสียงแบบใดน้นั

ต่อมาจะกลายมาเป็นทางตนั เดือนมิถุนายน ฐานนั ดรท่ี
สาม และมีสมาชิกอีกสองฐานนั ดรเขา้ ร่วม ประกาศตน
เป็นสมชั ชาแห่งชาติ และปฏิญาณวา่ จะไม่สลายตวั
จนกวา่ ฝร่ังเศสจะมีรัฐธรรมนูญ และต้งั สภาร่าง
รัฐธรรมนูญแห่งชาติข้ึนในเดือนกรกฎาคม
ขณะเดียวกนั ประชาชนกรุงปารีสลุกข้ึนต่อตา้ น และทลายคุกบาสตียท์ ี่ข้ึนชื่อเม่ือวนั ที่
14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789

ขณะน้นั สมชั ชาตอ้ งการสถาปนาระบอบราชาธิปไตยภายใตร้ ัฐธรรมนูญ และใน
หว้ งสองปี ถดั มา ไดผ้ า่ นกฎหมายหลายฉบบั รวมท้งั คาประกาศวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชนและ
สิทธิพลเมือง การเลิกระบบฟิ วดลั และการเปลี่ยนแปลงพ้นื ฐานในความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง
ฝรั่งเศสกบั กรุงโรม ในตอนแรกพระมหากษตั ริยท์ รงยนิ ยอมกบั การเปลี่ยนแปลงเหล่าน้ี
และไดร้ ับความนิยมอยพู่ อสมควรจากประชาชน แต่เม่ือการต่อตา้ นพระมหากษตั ริย์
เพมิ่ ข้ึนร่วมกบั การบุกครองจากต่างชาติที่คุกคาม พระมหากษตั ริย์ ผทู้ รงถูกถอดพระราช
อานาจ ตดั สินพระทยั ล้ีภยั ไปพร้อมกบั พระบรมวงศานุวงศ์ แต่มีคนจาพระองคไ์ ดแ้ ละทรง

ถูกนาพระองคก์ ลบั มายงั กรุงปารีส วนั ท่ี 12 มกราคม ค.ศ. 1793 พระองคถ์ ูกตดั สิน
ประหารชีวติ ดว้ ยขอ้ หากบฏ

วนั ท่ี 20 กนั ยายน ค.ศ. 1792 สภากงวองซิยงแห่งชาติเลิกสถาบนั
พระมหากษตั ริยแ์ ละประกาศใหฝ้ รั่งเศสเป็นสาธารณรัฐ เนื่องจากภาวะสงครามฉุกเฉิน
สภากงวองซิยงแห่งชาติจึงต้งั คณะกรรมาธิการความปลอดภยั ส่วนรวม ควบคุมโดยมกั ซี
มีเลียง รอแบส็ ปี แยร์แห่งสโมสรฌากอแบง็ ข้ึนทาหนา้ ท่ีเป็นฝ่ ายบริหารของประเทศ
คณะกรรมาธิการฯ ภายใตอ้ ิทธิพลของรอแบส็ ปี แยร์ริเร่ิมสมยั แห่งความน่า
สะพรึงกลวั ซ่ึงในช่วงน้ีมีประชาชนกวา่ 40,000 คนถูกประหารชีวติ ในกรุงปารีส
ส่วนใหญ่เป็นชนช้นั สูง และผทู้ ี่ถูกศาลปฏิวตั ิพิพากษาลงโทษ โดยมกั เป็นหลกั ฐานท่ีไม่
น่าเชื่อถือ สาหรับที่อื่นในประเทศ การก่อการกบฏต่อตา้ นการปฏิวตั ิถูกปราบปรามอยา่ ง
โหดร้าย ระบอบถูกโค่นในรัฐประหารเมื่อวนั ท่ี 9 แตร์มิดอร์ (27 กรกฎาคม ค.ศ.
1794) และรอแบส็ ปี แยร์ถูกประหารชีวติ ระบอบต่อมายตุ ิความน่าสะพรึงกลวั และ
ผอ่ นคลายนโยบายสุดโต่งกวา่ ของรอแบส็ ปี แยร์

นโปเลียน โบนาปาร์ตเป็นนายพลท่ีประสบความสาเร็จท่ีสุดของฝรั่งเศสในสงครามปฏิวตั ิ
โดยพิชิตแผน่ ดินอิตาลีผนื ใหญ่ และบีบใหอ้ อสเตรียขอ
สนั ติภาพ ใน ค.ศ. 1799 เขากลบั จากอียปิ ตแ์ ละวนั ท่ี 18
บรูแมร์ (9 พฤศจิกายน) โค่นรัฐบาล และแทนท่ีดว้ ยคณะ
กงสุล โดยมีเขาเป็นกงสุลใหญ่ วนั ที่ 2 ธนั วาคม ค.ศ. 1804
หลงั แผนลบั ลอบสงั หารลม้ เหลว เขาปราบดาภิเษกข้ึนเป็น
จกั รพรรดิ ใน ค.ศ. 1805 นโปเลียนวางแผนบุกครอง
องั กฤษ แต่พนั ธมิตรขององั กฤษกบั รัสเซียและออสเตรีย
(สมั พนั ธมิตรที่สาม) บีบใหพ้ ระองคห์ นั ความสนใจไปยงั
ภาคพ้นื ทวปี ขณะท่ีไม่อาจลวงใหก้ องเรือองั กฤษที่เหนือกวา่ ออกจากช่องแคบองั กฤษ

พร้อมกนั น้นั ยตุ ิลงดว้ ยความปราชยั เดด็ ขาดของฝร่ังเศสท่ียทุ ธนาวที ราฟัลการ์เม่ือวนั ท่ี
21 ตุลาคม ซ่ึงดบั ความหวงั ใด ๆ ท่ีจะบุกครององั กฤษ วนั ที่ 2 ธนั วาคม ค.ศ. 1805

นโปเลียนเอาชนะกองทพั ออสเตรีย-รัสเซียที่มีจานวน
เหนือกวา่ ท่ีเอาสเทอร์ลิทซ์ บีบใหอ้ อสเตรียถอนตวั จาก
สมั พนั ธมิตร และยบุ จกั รวรรดิโรมนั อนั ศกั ด์ิสิทธ์ิ ใน
ค.ศ. 1806 มีการจดั ต้งั สมั พนั ธมิตรท่ีส่ี วนั ท่ี 14
ตุลาคม นโปเลียนพิชิตปรัสเซียที่ยทุ ธการเยนา-เออร์ช
เตดท์ เคล่ือนท่ีผา่ นเยอรมนีและพิชิตรัสเซียเม่ือวนั ที่
14 มิถุนายน ค.ศ. 1807 ท่ีฟรีดลนั ด์ สนธิ
สญั ญาทิลซิทแบ่งยโุ รประหวา่ งฝร่ังเศสกบั รัสเซียและ
สถาปนาดชั ชีวอร์ซอ วนั ที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1812 นโปเลียนบุกครองรัสเซียดว้ ยกองทพั

ใหญ่ ซ่ึงมีกาลงั พลเกือบ 700,000 นาย หลงั ชยั ชนะ
มน่ั คงที่สโมเลนสกแ์ ละโบโรดีโน นโปเลียนยดึ ครองกรุง
มอสโก และพบวา่ ถูกเผาโดยกองทพั รัสเซียที่ล่าถอยไป
พระองคถ์ ูกบีบใหล้ ่าถอย ระหวา่ งการถอยทพั กองทพั ของ
พระองคถ์ ูกคอสแซกก่อกวน และประสบกบั โรคระบาดและ
ความอดอยาก มีทหารเพียง 20,000 นายที่รอดชีวิตจาก
การทพั จนถึง ค.ศ. 1813 กระแสเริ่มพลิกผนั จากนโป
เลียน หลงั ถกู กองทพั เจด็ ชาติพิชิตท่ียทุ ธการไลป์ ซิจในเดือน
ตุลาคม ค.ศ. 1813 ตามติดดว้ ยการทพั หกวนั และการยดึ
ครองกรุงปารีส พระองคท์ รงถูกบีบใหส้ ละราชสมบตั ิ ภายใตส้ นธิสญั ญาฟงแตนโบล พระองคท์ รง
ถูกเนรเทศไปยงั เกาะเอลบา พระองคก์ ลบั มาฝรั่งเศสเมื่อวนั ที่ 1 มิถนุ ายน ค.ศ. 1815 เร่ิมตน้
สมยั ร้อยวนั พระองคท์ รงต้งั กองทพั ใหม่ แต่ถูกพชิ ิตอยา่ งเบด็ เสร็จโดยกองทพั องั กฤษและปรัสเซีย
ท่ียทุ ธการวอเตอร์ลูเม่ือวนั ที่ 18 มิถนุ ายน ค.ศ. 1815

ศตวรรษแหง่ สงคราม

คริสตศ์ ตวรรษที่ 20 เกิดสงครามโลกคร้ังท่ีหน่ึง สงครามโลกคร้ังที่สองและสงคราม
เยน็ รวมท้งั การรุ่งเรืองและล่มสลายของนาซีเยอรมนี
และสหภาพโซเวยี ต เหตุการณ์วบิ ตั ิเหล่าน้ีนาไปสู่
การสิ้นสุดของจกั รวรรดิอาณานิคมยโุ รปและริเร่ิม
การปลดปล่อยอาณานิคมอยา่ งกวา้ งขวาง การล่ม
สลายของสหภาพโซเวยี ตระหวา่ ง ค.ศ. 1989 ถึง
1991 ทิ้งใหส้ หรัฐอเมริกาเป็นรัฐอภิมหาอานาจเพียงหน่ึงเดียวของโลก และกระตุน้
การล่มสลายของม่านเหลก็ การกลบั มารวมประเทศเยอรมนี และเร่งขบวนการบูรณการ
ยโุ รปท่ีกาลงั ดาเนินอยู่

สงครามโลกคร้ังทห่ี นึ่ง

หลงั ช่วงค่อนขา้ งสงบในคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่ การแข่งขนั ระหวา่ งประเทศยโุ รปปะทุข้ึนใน ค.ศ.
1914 เมื่อสงครามโลกคร้ังที่หน่ึงเร่ิมข้ึน มีการระดมทหารยโุ รปกวา่ 60 ลา้ นนายระหวา่ ง ค.ศ. 1914-
1918คู่สงครามฝ่ ายหน่ึงมีเยอรมนี ออสเตรีย-ฮงั การี จกั รวรรดิออตโตมนั และบลั แกเรีย (ฝ่ายมหาอานาจ
กลาง/ไตรพนั ธมิตร) อีกฝ่ ายหน่ึงมีเซอร์เบียและไตรภาคี ซ่ึงเป็นแนวร่วมหลวม ๆ ระหวา่ งฝรั่งเศส องั กฤษและ
รัสเซีย และมีอิตาลีซ่ึงเขา้ ร่วมใน ค.ศ. 1915 โรมาเนียใน ค.ศ. 1916 และสหรัฐอเมริกาใน ค.ศ. 1917
รัสเซียของพระเจา้ ซาร์ล่มสลายลงในการปฏิวตั ิเดือนกมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. 1917 และเยอรมนีประกาศชยั ชนะบน
แนวรบดา้ นตะวนั ออก หลงั จากการปกครองแบบเสรีนิยมนานแปดเดือน การปฏิวตั ิเดือนตุลาคมนาใหว้ ลาดีมีร์

เลนินและพรรคบอลเชวิกเถลิงอานาจ นาไปสู่การสถาปนา
สหภาพโซเวยี ตแทนที่จกั รวรรดิรัสเซีย เมื่ออเมริกาเขา้ ร่วม
สงครามใน ค.ศ. 1917 โดยอยขู่ า้ งฝ่ ายสมั พนั ธมิตร และความ
ลม้ เหลวของการรุกฤดูใบไมผ้ ลิของเยอรมนี ทาใหเ้ ยอรมนีขาด
แคลนกาลงั พล ออสเตรีย-ฮงั การีและจกั รวรรดิออตโตมนั
พนั ธมิตร กย็ อมจานน จกั รวรรดิท้งั สามสิ้นสุดลงเม่ือฝ่ าย
สมั พนั ธมิตรไดช้ ยั ชนะในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918

ระหว่างสงคราม

หลงั ช่วงค่อนขา้ งสงบในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 ส่วนใหญ่ การแข่งขนั ระหวา่ งประเทศยโุ รปปะทขุ ้ึนใน ค.ศ.
1914 เมื่อสงครามโลกคร้ังท่ีหน่ึงเร่ิมข้ึน มีการระดมทหารยโุ รปกวา่ 60 ลา้ นนายระหวา่ ง ค.ศ. 1914-
1918 คู่สงครามฝ่ ายหน่ึงมีเยอรมนี ออสเตรีย-ฮงั การี จกั รวรรดิออตโตมนั และบลั แกเรีย (ฝ่ายมหาอานาจ
กลาง/ไตรพนั ธมิตร) อีกฝ่ ายหน่ึงมีเซอร์เบียและไตรภาคี ซ่ึงเป็นแนวร่วมหลวม ๆ ระหวา่ งฝร่ังเศส องั กฤษและ
รัสเซีย และมีอิตาลีซ่ึงเขา้ ร่วมใน ค.ศ. 1915 โรมาเนียใน ค.ศ. 1916 และสหรัฐอเมริกาใน ค.ศ. 1917
รัสเซียของพระเจา้ ซาร์ล่มสลายลงในการปฏิวตั ิเดือนกมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. 1917 และเยอรมนีประกาศชยั ชนะบน
แนวรบดา้ นตะวนั ออก หลงั จากการปกครองแบบเสรีนิยมนานแปดเดือน การปฏิวตั ิเดือนตุลาคมนาใหว้ ลาดีมีร์
เลนินและพรรคบอลเชวิกเถลิงอานาจ นาไปสู่การสถาปนาสหภาพโซเวียตแทนที่จกั รวรรดิรัสเซีย เม่ืออเมริกา
เขา้ ร่วมสงครามใน ค.ศ. 1917 โดยอยขู่ า้ งฝ่ ายสมั พนั ธมิตร และความลม้ เหลวของการรุกฤดูใบไมผ้ ลิของ
เยอรมนี ทาใหเ้ ยอรมนีขาดแคลนกาลงั พล ออสเตรีย-ฮงั การีและจกั รวรรดิออตโตมนั พนั ธมิตร กย็ อมจานน
จกั รวรรดิท้งั สามสิ้นสุดลงเม่ือฝ่ ายสมั พนั ธมิตรไดช้ ยั ชนะในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918

ภาวะเศรษฐกจิ ตกตา่ คร้ังใหญ่

ภาวะเศรษฐกจิ ตกต่าคร้ังใหญ่

ภาวะเศรษฐกจิ ตกตา่ คร้ังใหญ่

หลงั ตลาดหุน้ วอลลส์ ตรีทตกใน ค.ศ. 1929 เกือบท้งั โลกกเ็ ขา้ สู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่าคร้ัง
ใหญ่ เม่ือราคาตก กาไรตก และการวา่ งงานสูงข้ึน ภาคที่ไดร้ ับผลกระทบหนกั ท่ีสุดมีอตุ สาหกรรม
หนกั เกษตรกรรมเนน้ การส่งออก การทาเหมืองแร่และการป่ าไม้ และการก่อสร้าง การคา้ โลกหดลง
ถึงสองในสาม

ประชาธิปไตยถูกป้ายสี เมื่อชาติแลว้ ชาติเล่าในยโุ รปส่วนใหญ่ เช่นเดียวกบั ญี่ป่ ุนและละติน
อเมริกาส่วนใหญ่ เปลี่ยนเป็นเผดจ็ การและระบอบอานาจนิยม ท่ีสาคญั ท่ีสุด คือ ฮิตเลอร์และพรรค
นาซีท่ีเถลิงอานาจในเยอรมนีใน ค.ศ. 1933 เกิดสงครามกลางเมืองใหญ่ข้ึนในสเปน โดยฝ่ าย
ชาตินิยมชนะ สนั นิบาตชาติช่วยเหลืออะไรไม่ไดเ้ ม่ืออิตาลีพิชิตเอธิโอเปี ยและญ่ีป่ ุนยดึ แมนจูเรียใน
ค.ศ. 1931 และยดึ จีนไดส้ ่วนใหญ่เริ่มต้งั แต่ ค.ศ. 1937

สงครามโลกคร้ังท่ีสอง

หลงั เป็นพนั ธมิตรกบั อิตาลีของมุสโสลินีใน "สนธิสัญญาเหลก็ " และการลงนามสนธิสญั ญาไม่รุกราน
กบั สหภาพโซเวยี ต ผเู้ ผดจ็ การเยอรมนั อดอลฟ์ ฮิตเลอร์ จึงเปิ ดฉากสงครามโลกคร้ังที่สอง เม่ือวนั ที่ 1
กนั ยายน ค.ศ. 1939 โดยเขา้ ตีโปแลนด์ หลงั การเสริมสร้างทหารตลอดปลายคริสตท์ ศวรรษ 1930 หลงั
ความสาเร็จข้นั ตน้ ใน ค.ศ. 1939-1941 ซ่ึงมีท้งั การพชิ ิตโปแลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ กลุ่มประเทศแผน่ ดิน
ต่า ฝรั่งเศสและคาบสมุทรบอลขา่ น ฮิตเลอร์และพนั ธมิตรเร่ิมขยายเกินตวั ใน ค.ศ. 1941 เป้าหมายของฮิต
เลอร์เพื่อควบคุมยโุ รปตะวนั ออก แต่เน่ืองจากความลม้ เหลวในการเอาชนะองั กฤษและความลม้ เหลวของอิตาลี
ในแอฟริกาเหนือและคาบสมุทรบอลข่าน ทาใหก้ ารเขา้ ตีใหญ่สหภาพโซเวียตถูกเลื่อนออกไปกระทงั่ เดือน
มิถุนายน ค.ศ. 1941 แมจ้ ะประสบความสาเร็จในข้นั ตน้ กองทพั เยอรมนั ถูกหยดุ ใกลก้ บั กรุงมอสโกในเดือน
ธนั วาคม ค.ศ. 1941

อีกหน่ึงปี ถดั มา กระแสของสงครามพลิกผนั และเยอรมนีประสบความพา่ ยแพห้ ลายคร้ัง เช่น การลอ้ มส
ตาลินกราดและท่ีเคิสก์ ขณะเดียวกนั ญ่ีป่ นุ ซ่ึงเป็นพนั ธมิตรกบั เยอรมนีและอิตาลีต้งั แต่เดือนกนั ยายน ค.ศ.
1940 โจมตีองั กฤษและสหรัฐอเมริกาเมื่อวนั ที่ 7
ธนั วาคม ค.ศ. 1941 จากน้นั เยอรมนีไดป้ ระกาศ
สงครามต่อสหรัฐอเมริกา กองกาลงั สมั พนั ธมิตรชนะใน
แอฟริกาเหนือ บุกครองอิตาลีใน ค.ศ. 1943 และยดึ
ฝร่ังเศสคืนไดใ้ น ค.ศ. 1944 ในฤดูใบไมผ้ ลิ ค.ศ.
1945 เยอรมนีเองถูกบุกครองจากทางตะวนั ออกโดย
สหภาพโซเวยี ต และจากทางตะวนั ตกโดยฝ่ าย
สมั พนั ธมิตร เม่ือกองทพั แดงงพิชิตไรชส์ ทกั ในกรุงเบอร์ลิน ฮิตเลอร์ทาอตั วนิ ิบาตกรรมและเยอรมนียอมจานน
ในตน้ เดือนพฤษภาคม[4]

สมยั น้ีมีลกั ษณะของพนั ธุฆาตอยา่ งเป็นระบบ ระหวา่ ง ค.ศ. 1942-45 พวกนาซีประสบความสาเร็จ
ในการสงั หารพลเรือนกวา่ 11 ลา้ นคน รวมท้งั ชาวยวิ และชาวยปิ ซีในยโุ รปส่วนใหญ่ เช่นเดียวกบั ชาวโปแลนด์
และชาวโซเวียตเช้ือสายสลาฟอีกหลายลา้ นคน ขณะเดียวกนั ในคริสตท์ ศวรรษ 1930 ระบบแรงงานเกณฑ์
การขบั ไล่และความอดอยากท่ีถูกกล่าวหาวา่ มีการวางแผนของโซเวียตกม็ ียอดผเู้ สียชีวติ ไม่ต่างกนั ระหวา่ งและ
หลงั สงคราม พลเรือนหลายลา้ นคนไดร้ ับผลกระทบจากการบงั คบั ถ่ายโอนประชากร

สงครามเยน็

หลงั สงครามโลกคร้ังท่ีสอง สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวยี ตเกิดขดั แยง้ กนั เอง มี
การแบ่งโลกออกเป็นสองค่ายคือค่ายเสรีประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์ สงครามเยน็ แม้
จะเรียกวา่ สงครามแต่กเ็ ป็นเพียงสงครามที่ไมม่ ีการรบ มีเพยี งสงครามตวั แทนเช่นสงคราม
เกาหลี สงครามเวยี ดนาม ฯลฯ สงครามน้ีส่วนใหญ่จะเก่ียวขอ้ งกบั การสะสมอาวธุ ร้ายแรง
การใชจ้ ิตวิทยาโจมตีอีกฝ่ าย สงครามเยน็ สิ้นสุดเม่ือสหภาพโซเวยี ตล่มสลายใน พ.ศ.
2534 (ค.ศ.1991)

ร่วมสมัย

หลงั สงครามโลกคร้ังที่สอง ยโุ รปอยใู่ นสภาพท่ีบอบช้าและเสียหายอยา่ งหนกั ในทุกดา้ น จึง
ทาใหม้ ีผนู้ าทางการเมืองเกิดแนวความคิดท่ีจะสร้างอนาคตท่ีมีสนั ติภาพอยา่ งถาวร โดยเฉพาะอยา่ ง
ยง่ิ การปรองดองกนั ระหวา่ งสองรัฐที่เคยไดท้ าสงครามท่ีสร้างความหายนะแก่ทวปี ท้งั ทวปี คือ
ฝรั่งเศส กบั เยอรมนี ซ่ึงบุคคลที่ไดเ้ สนอแนวคิดน้ี คือ นาย Jean Monnet (ชาวฝรั่งเศส)
และถกู นามาขยายผลโดยนาย Robert Schuman (รัฐมนตรีต่างประเทศฝร่ังเศส) โดย
วธิ ีการของการรวมตวั กนั ทางเศรษฐกิจกนั ระหวา่ งฝรั่งเศสกบั เยอรมนีใหใ้ กลช้ ิดกนั จนกระทง่ั ท้งั
สองประเทศจะไม่สามารถทาสงครามระหวา่ งกนั ได้ แต่ในขณะเดียวกนั กม็ ีเป้าหมายในระยะยาวที่
จะสร้างความเป็นเอกภาพระหวา่ งประชาชนชาวยโุ รป เพอื่ มิใหม้ ีการแตกแยกและนาไปสู่การทา
สงครามระหวา่ งกนั ในอนาคตดว้ ย

แนวคิดดงั กล่าว ไดน้ าไปสู่การจดั ต้งั ”ประชาคมถ่านหินและเหลก็ กลา้ แห่งยโุ รป
(European Coal and Steel Community)” ในปี พ.ศ. 2494 (ค.ศ.
1951) โดยสนธิสญั ญากรุงปารีส ซ่ึงแรกเร่ิมมีประเทศสมาชิก 6 ประเทศ คือ ฝร่ังเศส เยอรมนี
เบลเยยี ม เนเธอร์แลนด์ ลกั เซมเบอร์ก และอิตาลี ท้งั น้ี เน่ืองจากถ่านหินและเหลก็ กลา้ ถือเป็นยทุ ธ
ปัจจยั การจดั ต้งั ประชาคมเพ่ือบริหารทรัพยากรดงั กล่าวจึงเสมือนเป็นกา้ วแรกท่ีจะทาใหส้ งคราม
ระหวา่ งฝรั่งเศสกบั เยอรมนีไม่สามารถเกิดข้ึนไดอ้ ีก หลงั จากน้นั ไดม้ ีการจดั ต้งั ประชาคมข้ึนอีก 2
ดา้ น คือ ดา้ นปรมาณู (Euratom) ในปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ.1954) และที่สาคญั คือ ดา้ น
เศรษฐกิจ (European Economic Community) ในปี พ.ศ. 2500 (ค.ศ.
1957) โดยสันธิสญั ญากรุงโรม

ท้งั สนธิสญั ญากรุงปารีสและสนธิสญั ญากรุงโรม ถือเป็นพ้นื ฐานสาคญั ของสหภาพยโุ รปท่ียงั คงใชจ้ นถึง
ทุกวนั น้ี เพราะเป็นการวางรากฐานในการจดั ต้งั สถาบนั บริหารกิจการของประชาคม คือ คณะกรรมาธิการยโุ รป
(European Commission) คณะมนตรี (Council) ศาลตุลาการยโุ รป (European
Court of Justice) และสภายโุ รป (European Parliamentary Assembly ต่อมา
เปล่ียนมาเรียกวา่ European Parliament) และยงั วางรากฐานของการบริหารอธิปไตยร่วมกนั
ระหวา่ งประเทศสมาชิกโดยผา่ น ”ประชาคม” อีกดว้ ย

ท้งั น้ี เป้าหมายที่สาคญั ของการร่วมมือคร้ังน้ี
คือ การจดั ต้งั “ตลาดร่วม” ของประเทศสมาชิก
กล่าวคือ ดาเนินการเพื่อใหก้ ารเคลื่อนยา้ ยสินคา้
ระหวา่ งประเทศสมาชิกเป็นไปโดยไร้อุปสรรคอยา่ ง
สิ้นเชิง ซ่ึงนอกจากหมายถึงการยกเลิกด่านศุลกากร
ระหวา่ งกนั แลว้ ยงั หมายถึงการประสานกฎระเบียบที่
เก่ียวขอ้ งกบั การจาหน่ายสินคา้ ท้งั หมด อาทิ การ
รับรองมาตรฐานสินคา้ ระบบการตรวจสอบสินคา้ เขา้ จากต่างประเทศ ฯลฯ ซ่ึงเป้าหมายดงั กล่าวไดเ้ สร็จสิ้น
ภายหลงั โครงการ “Single Market Act” เริ่มเม่ือปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ.1986) และสาเร็จเม่ือ
ปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ.1992) พฒั นาข้นั ต่อไปท่ีสาคญั คือ การลงนามในสนธิสญั ญาจดั ต้งั สหภาพยโุ รป
(Treaty of European Union) ลงนามท่ีเมืองมาสตริคตใ์ นปี 1992 (จึงมกั เรียกส้นั ๆ วา่
Maastricht Treaty) ซ่ึงถือเป็นจุดกาเนิดของ “สหภาพยโุ รป”ที่เป็นอยใู่ นปัจจุบนั สาระสาคญั ของ
การจดั ต้งั สหภาพยโุ รป คือ นอกจากคงไวซ้ ่ึงโครงสร้างความร่วมมือเดิมภายใตป้ ระชาคมท้งั สามท่ีมีอยเู่ ดิมแลว้
ยงั ขยายความร่วมมือระหวา่ งประเทศสมาชิกไปอีกสองดา้ น คือ (1) ความร่วมมือดา้ นการต่างประเทศและ
ความมนั่ คง กบั (2) ความร่วมมือดา้ นมหาดไทยและยตุ ิธรรม อยา่ งไรกด็ ี เนื่องจากท้งั สองดา้ นดงั กล่าว เป็น
เรื่องที่บางรัฐสมาชิกมีความกงั วลเกี่ยวกบั ประเดน็ ดา้ นอธิปไตย จึงมิใช่ความร่วมมือในลกั ษณะ “ประชาคม”
(หมายถึงการแบ่งอานาจอธิปไตยมาบริหารร่วมกนั ) แต่เป็นการร่วมมือและประสานนโยบายระหวา่ งรัฐบาล
(Inter-Governmental Cooperation) “สนธิสัญญามาสตริคต”์ ถูกแกไ้ ขและปรับปรุง
เพม่ิ เติมโดยสนธิสญั ญาสาคญั อีกสองฉบบั คือ สนธิสญั ญากรุงอมั สเตอร์ดมั (Treaty of
Amsterdam) ปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ.1997) และสนธิสญั ญาเมืองนีซ (Treaty of Nice)
ปี พ.ศ. 2544 (ค.ศ.2001) ซ่ึงขยายขอบเขตสาขาความร่วมมือภายใตน้ โยบายร่วมของสหภาพยโุ รป
(โดยเฉพาะในดา้ นมหาดไทยและยตุ ิธรรม) พร้อมกบั ปรับปรุงสถาบนั และแนวปฏิบตั ิเพ่อื ใหส้ ามารถรองรับ
จานวนรัฐสมาชิกที่เพิม่ ข้ึนต่อไป

จากเดิมซ่ึงมีสมาชิกเพยี ง 6 ประเทศ สหภาพยโุ รป ไดร้ ับรัฐสมาชิกเพิม่ ข้ึนเรื่อยหลายคร้ัง คือ
ปี พ.ศ. 2516 (ค.ศ.1973) เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจกั ร ปี 1981 กรีซ ปี
1986 สเปนและโปรตุเกส ปี 1995 ออสเตรีย ฟิ นแลนด์ สวเี ดน และล่าสุดปี พ.ศ.
2547 (ค.ศ.2004) ถือเป็นการขยายจานวนสมาชิกคร้ังใหญ่ที่สุดถึง 10 ประเทศ คือ
ไซปรัส สาธารณรัฐเชค็ เอสโตเนีย ฮงั การี ลตั เวยี ลิทวั เนีย มอลตา้ โปแลนด์ สาธารณรัฐสโลวกั
และสลีวเี นีย และเม่ือ ค.ศ.2007 รับเพิ่มอีก 2 ประเทศ รวมท้งั สิ้น 27 ประเทศ สมาชิกใหม่คือ
บลั แกเรีย และโรมาเนีย

พฒั นาการด้านสังคมและวฒั นธรรม

สมยั โบราณ กรีกและโรมนั เป็นสงั คมชนช้นั โดยแบ่งพลเมืองเป็นชนช้นั
ปกครอง ไดแ้ ก่ ผนู้ าทางการเมือง เช่น กษตั ริย์ กงสุล จกั รพรรดิ รวมถึงทหารและ
ขนุ นาง และชนช้นั ที่ถูกปกครอง ไดแ้ ก่ เสรีชนท่ีประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่น พอ่ คา้
เกษตรกร ช่างฝี มือ รวมถึงทาส

สมยั กลาง เป็นสงั คมแมนเนอร์ที่มีปราสาทของขนุ นางเป็นศูนยก์ ลางชุมชน
แบ่งออกเป็น 2 ช้นั คือ ชนช้นั ปกครองประกอบดว้ ยกษตั ริย์ ขนุ นาง และ
บาทหลวง และชนช้นั สามญั ชน

สมัยใหม่ ลกั ษณะทางสงั คมและวฒั นธรรมเจริญกา้ วหนา้ โดยเฉพาะทาง
ความรู้ดา้ นต่าง ๆ มีการร้ือฟ้ื นวทิ ยาการสาขาต่าง ๆ ของกรีกและโรมนั ทาใหเ้ กิด
การปฏิวตั ิวทิ ยาศาสตร์ การประดิษฐแ์ ท่นพมิ พข์ ้ึนใชไ้ ดผ้ ลเป็นคร้ังแรกในยโุ รป
เมื่อ ค.ศ. 1454 ทาใหม้ ีการอ่านหนงั สือกนั อยา่ งกวา้ งขวาง

พฒั นาการด้านการเมืองการปกครอง
พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครองของยโุ รปแบ่งตามยคุ สมยั ประวตั ิศาสตร์
เป็น 4 สมยั คือ สมยั โบราณ สมยั กลาง สมยั ใหม่ และสมยั ปัจจุบนั

พฒั นาการด้านเศรษฐกจิ
สมยั โบราณ เศรษฐกิจของยโุ รปข้ึนอยกู่ บั

การเกษตรตามบริเวณลุ่มแม่น้า และการคา้ ขาย
ผลผลิตเกษตรและงานหตั ถกรรม มีการสร้าง
เมืองท่าการคา้ เพื่อใชข้ นส่งสินคา้

สมัยกลาง เศรษฐกิจในช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่
5–11 เป็นระบบเศรษฐกิจแบบแมนเนอร์
(Nanorial System) ซ่ึงเป็นเศรษฐกิจเกษตรกรรมแบบพ่งึ ตวั เอง
สมัยใหม่ ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบทุนนิยม

กฎหมายสิบสองโตะ๊ ของโรมนั ที่ใหค้ วามยตุ ิธรรมทุกชนช้นั เป็นแม่แบบ
ของประมวลกฎหมายในนานาประเทศ เมืองและระบบการปกครอง
แบบเทศาภิบาลในสมยั กลางเป็นแม่แบบของเมืองและการจดั ระบบการ

ปกครองปัจจุบนั ยคุ การคน้ พบ
เกิดลทั ธิพาณิชยนิยมและการ
ปฏิวตั ิทางการคา้ คริสตศ์ าสนา
ภาษาตะวนั ตก และเช้ือโรคบาง
ชนิดแพร่ไปยงั ทว่ั โลก การ
ปฏิวตั ิในยคุ ภมู ิธรรมนาโลกเขา้
สู่สงั คมอุตสาหกรรม ทุนนิยม
เทคโนโลยี ประชาธิปไตย และชาตินิยม หลงั สงครามโลก 2 เกิดการจดั ต้งั
องคก์ รระหวา่ งประเทศ จดั ต้งั สหภาพยโุ รป EU กลายเป็นแม่แบบในการ
ต้งั อาเซียนในเอเชียใต้ ผลจากลทั ธิสงั คมนิยมนาไปสู่การปฏิวตั ิรัสเซีย
เกิดการปกครองระบอบคอมมิวนิสตแ์ ละขยายตวั ไปยงั ที่ต่างๆทวั่ โลก

จบ


Click to View FlipBook Version