The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ahongyom, 2022-03-27 01:00:14

หลักสูตร ป5

หลักสูตร ป5

คาํ นํา

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับน>ี เป็นเอกสารประกอบ
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นวดั หนองดนิ แดง (ประชารฐั อุทศิ ) พุทธศกั ราช ๒๕๖๔ จดั ทําเพTอื เป็น
กรอบและทศิ ทางในการจดั การเรยี นการสอนในการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นใหต้ รงตามมาตรฐาน ตวั ชว>ี ดั
และสาระการเรยี นรูข้ องกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยพจิ ารณาตาม หลกั สูตร
แกนกลางการศกึ ษาขนั> พ>นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มอี งค์ประกอบ
ดงั ต่อไปน>ี

- วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ และเป้าประสงค์
- สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รยี น และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
- คณุ ภาพผเู้ รยี น
- ตวั ชว>ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- โครงสรา้ งหลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรกู้ ลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
- คาํ อธบิ ายรายวชิ า
- โครงสรา้ งรายวชิ า
- สอTื /แหลง่ เรยี นรู้
- การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
คณะผูจ้ ดั ทําขอขอบคุณผูท้ Tมี สี ่วนร่วมในการพฒั นาและจดั ทําหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้
วทิ ยาศาสตรฉ์ บบั น>ี จนสาํ เรจ็ ลุล่วงเป็นอย่างดี และหวงั เป็นอย่างยงิT ว่าจะเกดิ ประโยชน์ต่อการจดั การ
เรยี นรใู้ หก้ บั ผเู้ รยี นต่อไป

คณะผจู้ ดั ทาํ

สาระสาํ คญั

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นบา้ นวงั แขม “สว่างชยั วงษ์”
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ จดั ทาํ ขน>ึ โดยยดึ มาตรฐาน ตวั ชว>ี ดั กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั> พน>ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มุ่งหวงั
ใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรท์ เTี น้นการเชTอื มโยงความรกู้ บั กระบวนการ มที กั ษะสาํ คญั ในการคน้ ควา้
และสรา้ งองคค์ วามรู้ โดยใชก้ ระบวนการในการสบื เสาะหาความรแู้ ละแกป้ ัญหาทหTี ลากหลาย ใหผ้ เู้ รยี นมี
สว่ นรว่ มในการเรยี นรู้ ทุกขนั> ตอน มกี ารทาํ กจิ กรรมดว้ ยการลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ อยา่ งหลากหลาย เหมาะสม
กบั ระดบั ชนั> โดยกาํ หนดสาระสาํ คญั ดงั น>ี

๔. เทคโนโลยี
๔.๑ การออกแบบและเทคโนโลยเี รยี นรเู้ กยTี วกบั เทคโนโลยเี พTอื การดาํ รงชวี ติ ในสงั คมทมTี ี

การเปลยTี นแปลงอย่างรวดเรว็ ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตรค์ ณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ Tนื ๆ
เพTือแก้ปัญหาหรือพฒั นางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม
เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคาํ นึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และสงิT แวดลอ้ ม

๔.๒ วทิ ยาการคาํ นวณ เรยี นรเู้ กยTี วกบั การคดิ เชงิ คาํ นวณ การคดิ วเิ คราะหแ์ กป้ ัญหา เป็น
ขนั> ตอนและเป็นระบบ ประยุกตใ์ ชค้ วามรดู้ า้ นวทิ ยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ และการ
สอTื สาร ในการแกป้ ัญหาทพTี บในชวี ติ จรงิ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

วิสยั ทศั น์ พนั ธกิจ และเป้าประสงค์
วิสยั ทศั น์

จดั การศกึ ษาทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที มTี มี าตรฐาน เพTอื บ่มเพาะความสามารถ ทาง
วทิ ยาศาสตร์ ปลกู ฝังการสงั เคราะหค์ วามรแู้ ละแกป้ ัญหาใหก้ บั นกั เรยี น มจี ติ สาธารณะและเจตคตทิ ดTี ตี ่อ
วชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

พนั ธกิจ

๑. ยกระดบั คณุ ภาพการจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๒. จดั การศึกษามุ่งเน้นการพฒั นากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ
แก้ปัญหาทางวทิ ยาศาสตร์ การจดั การ ทกั ษะในการสTอื สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจโดยใช้
เทคโนโลยี ตลอดจนสรา้ งทศั นคตทิ ดTี ดี า้ นการเรยี นรทู้ กั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
๓. พฒั นาศกั ยภาพของครูและนักเรยี นตามแนวทางของการปฏริ ูปการศกึ ษาใหท้ นั กบั โลก
ปัจจบุ นั

เป้าประสงค์

๑. ยกระดบั ผลสมั ฤทธทิi างการเรยี นวทิ ยาศาสตร์
๒. ผู้เรียนความสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ มีความสามารถในการ
แกป้ ัญหา การจดั การทกั ษะในการสอTื สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจเพอTื นําความรคู้ วามเขา้ ใจใน
เรอTื งวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยไี ปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ต่อสงั คม และการดาํ รงชวี ติ
๓. ครูผูส้ อนมคี วามรูค้ วามสามารถในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ พTอื ใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ ทกั ษะ ทTี
สาํ คญั เพอTื เตรยี มความพรอ้ มเดก็ ในศตวรรษทTี ๒๑

สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รียน และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รียน

๑. ความสามารถในการสอTื สาร เป็นความสามารถในการรบั และสง่ สาร มวี ฒั นธรรมใน การใช้
ภาษาถ่ายทอดความคดิ ความรู้ความเขา้ ใจ ความรู้สกึ และทศั นะของตนเองเพTอื แลกเปลTยี นขอ้ มูล
ข่าวสารและประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสงั คม รวมทงั> การเจรจาต่อรอง
เพTอื ขจดั และลดปัญหาความขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลอื กรบั หรอื ไม่รบั ขอ้ มูลข่าวสารด้วยหลกั เหตุผลและ
ความถูกตอ้ ง ตลอดจนการเลอื กใชว้ ธิ กี ารสTอื สาร ทมTี ปี ระสทิ ธภิ าพโดยคาํ นึงถงึ ผลกระทบทมTี ตี ่อตนเอง
และสงั คม

๒. ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ การคดิ สงั เคราะห์ การคดิ
อยา่ งสรา้ งสรรค์ การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ เพอTื นําไปสกู่ ารสรา้ ง องคค์ วามรหู้ รอื
สารสนเทศเพอTื การตดั สนิ ใจเกยTี วกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆทTี
เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ>ืนฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ
ความสมั พนั ธแ์ ละการเปลยTี นแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยุกตค์ วามรมู้ าใช้
ในการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา และมกี ารตดั สนิ ใจทมTี ปี ระสทิ ธภิ าพโดยคาํ นึงถงึ ผลกระทบทเTี กดิ ขน>ึ ต่อ
ตนเอง สงั คมและสงTิ แวดลอ้ ม

๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ เป็นความสามารถในการนํากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้
ในการดําเนินชวี ติ ประจําวนั การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรูอ้ ย่างต่อเนTือง การทํางาน และการอยู่
ร่วมกนั ในสงั คมดว้ ยการสรา้ งเสรมิ ความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหว่างบุคคล การจดั การปัญหาและความขดั แยง้
ต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การมเี หตุผล กตญั jกู ตเวที การปรบั ตวั ใหท้ นั กบั การเปลยTี นแปลงของสงั คมและ
สภาพแวดลอ้ ม และการรจู้ กั หลกี เลยTี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคท์ สTี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผอู้ Tนื การรกั
และภมู ใิ จในความเป็นไทยและรกั ษท์ อ้ งถนิT

๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลอื ก และใช้ เทคโนโลยี ดา้ น
ต่าง ๆ และมที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอTื การพฒั นาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรยี นรู้ การ
สอTื สาร การทาํ งาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๒. ซTอื สตั ยส์ จุ รติ
๓. มวี นิ ยั
๔. ใฝ่เรยี นรู้
๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
๖. มงุ่ มนัT ในการทาํ งาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ

สาระและมาตรฐานการเรียนร้กู ล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์

แผนภาพสาระและมาตรฐานการเรียนรกู้ ล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์

สาระทีF ๔ เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว ๔.๑เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพTือการดํารงชีวิตในสังคมทTีมีการ
เปลยTี นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ Tนื ๆ เพอTื
แก้ปัญหาหรอื พฒั นางานอย่างมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลอื กใช้
เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสม โดยคาํ นึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และสงTิ แวดลอ้ ม

มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คาํ นวณในการแกป้ ัญหาทพTี บในชวี ติ จรงิ อย่าง
เป็น ขนั> ตอนและเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสTอื สารในการเรยี นรู้ การทํางาน และการ
แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม

คณุ ภาพผเู้ รียน

จบชนัD ประถมศึกษาปี ทีI ๖
๑. คน้ หาขอ้ มลู อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและประเมนิ ความน่าเชTอื ถอื ตดั สนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ใชเ้ หตุผล

เชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอTื สารในการทาํ งานรว่ มกนั เขา้ ใจสทิ ธแิ ละ
หน้าทขTี องตน เคารพสทิ ธขิ องผอู้ นTื

๒.ตงั> คําถามหรอื กําหนดปัญหาเกTียวกบั สงิT ทTีจะเรยี นรู้ตามทTีกําหนดให้หรอื ตามความสนใจ
คาดคะเนคาํ ตอบหลายแนวทาง สรา้ งสมมตฐิ านทสTี อดคลอ้ งกบั คาํ ถามหรอื ปัญหาทจTี ะสาํ รวจตรวจสอบ
วางแผนและสาํ รวจตรวจสอบโดยใชเ้ ครอTื งมอื อุปกรณ์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศทเTี หมาะสม ในการเกบ็
รวบรวมขอ้ มลู ทงั> เชงิ ปรมิ าณและคณุ ภาพ

๓.วเิ คราะหข์ อ้ มลู ลงความเหน็ และสรปุ ความสมั พนั ธข์ องขอ้ มลู ทมTี าจากการสาํ รวจตรวจสอบใน
รปู แบบทเTี หมาะสม เพอTื สอTื สารความรจู้ ากผลการสาํ รวจตรวจสอบไดอ้ ยา่ งมเี หตุผลและหลกั ฐานอา้ งองิ

๔. แสดงถงึ ความสนใจ มุ่งมนัT ในสงTิ ทจTี ะเรยี นรู้ มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์เกTยี วกบั เรTอื งทจTี ะศกึ ษา
ตามความสนใจของตนเอง แสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง ยอมรบั ในขอ้ มลู ทมTี หี ลกั ฐานอา้ งองิ และรบั ฟัง
ความคดิ เหน็ ผอู้ นTื

๕. แสดงความรบั ผดิ ชอบด้วยการทํางานทTไี ด้รบั มอบหมายอย่างมุ่งมนัT รอบคอบ ประหยดั
ซTอื สตั ย์ จนงานลุลว่ งเป็นผลสาํ เรจ็ และทาํ งานรว่ มกบั ผอู้ นTื อยา่ งสรา้ งสรรค์

๖.ตระหนักในคุณค่าของความรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความรู้และกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรใ์ นการดาํ รงชวี ติ แสดงความชนTื ชม ยกยอ่ ง และเคารพสทิ ธใิ นผลงานของผคู้ ดิ คน้ และศกึ ษา
หาความรเู้ พมิT เตมิ ทาํ โครงงานหรอื ชน>ิ งานตามทกTี าํ หนดใหห้ รอื ตามความสนใจ

๗.แสดงถึงความซาบซ>ึง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกTียวกบั การใช้ การดูแลรกั ษาทรพั ยากร
ธรรมชาตแิ ละสงTิ แวดลอ้ มอยา่ งรคู้ ณุ คา่

สาระทีF ๔ เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคํานวณในการแก้ปัญหาทTีพบในชีวิตจริงอย่างเป็น
ขนั> ตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสTอื สารในการเรยี นรู้ การ
ทาํ งาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม

ชนัD ตวั ชีDวดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง
ป.๕ ๑. ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา • การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเป็นการนํากฎเกณฑ์
การอธบิ ายการทาํ งาน การคาดการณ์ หรอื เงอTื นไขทคTี รอบคลุมทุกกรณีมาใชพ้ จิ ารณา
ผลลพั ธจ์ ากปัญหาอยา่ งงา่ ย ในการแกป้ ัญหาการอธบิ าย การทํางาน หรอื
การคาดการณ์ผลลพั ธ์
• สถานะเรมTิ ตน้ ของการทาํ งานทแTี ตกต่างกนั จะ
ใหผ้ ลลพั ธท์ แTี ตกต่างกนั
• ตวั อยา่ งปัญหา เชน่ เกม Sudoku โปรแกรม
ทาํ นายตวั เลข โปรแกรมสรา้ งรปู เรขาคณติ
ตามคา่ ขอ้ มลู เขา้ การจดั ลาํ ดบั การทาํ งานบา้ น
ในชว่ งวนั หยดุ จดั วางของในครวั
๒. ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมทมTี ี • การออกแบบโปรแกรมสามารถทําได้โดย
การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะอยา่ งงา่ ย ตรวจหา เขยี นเป็นขอ้ ความหรอื ผงั งาน
ขอ้ ผดิ พลาดและแกไ้ ข • การออกแบบและเขียนโปรแกรมทTีมีการ
ตรวจสอบเงTอื นไขทTคี รอบคลุมทุกกรณีเพTอื ให้
ไดผ้ ลลพั ธท์ ถTี กู ตอ้ งตรงตาม ความตอ้ งการ
• หากมขี อ้ ผดิ พลาดใหต้ รวจสอบการทาํ งาน
ทลี ะคาํ สงัT เมอTื พบจดุ ททTี าํ ใหผ้ ลลพั ธไ์ มถ่ กู ตอ้ ง
ใหท้ าํ การแกไ้ ขจนกวา่ จะไดผ้ ลลพั ธท์ ถTี กู ตอ้ ง
• การฝึกตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรมของ
ผู้อTืน จะช่วยพฒั นาทักษะการหาสาเหตุของ
ปัญหาไดด้ ยี งTิ ขน>ึ
• ตวั อย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมตรวจสอบ
เลขคู่ เลขคTี โปรแกรมรับข้อมูลน>ําหนักหรือ
ส่วนสงู แลว้ แสดงผลความสมส่วนของร่างกาย
โปรแกรมสังT ให้ตัวละครทําตามเงTือนไขทTี
กาํ หนด
• ซอฟตแ์ วรท์ ใTี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่
Scratch, logo
๓. ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตคน้ หาขอ้ มลู • การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และ การ
ตดิ ตอ่ สอTื สารและทาํ งานรว่ มกนั ประเมนิ พจิ ารณาผลการคน้ หา
ความน่าเชอTื ถอื ของขอ้ มลู • การตดิ ต่อสTอื สารผ่านอนิ เทอรเ์ น็ต เช่น อเี มล
บลอ็ ก โปรแกรมสนทนา

• การเขยี นจดหมาย (บรู ณาการ)
• การใช้อนิ เทอร์เน็ตในการตดิ ต่อสTอื สาร และ
ทํางานร่วมกนั เช่น ใชน้ ัดหมาย ในการประชุม
กลุ่ม ประชาสมั พนั ธก์ จิ กรรม ในหอ้ งเรยี น การ
แลกเปลTยี นความรู้ ความคดิ เหน็ ในการเรยี น
ภายใตก้ ารดแู ล
ของครู
• การประเมนิ ความน่าเชอTื ถอื ของขอ้ มลู เชน่
เปรยี บเทยี บความสอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ของขอ้ มลู
จากหลายแหลง่ แหลง่ ตน้ ตอของขอ้ มลู ผเู้ ขยี น
วนั ทเTี ผยแพรข่ อ้ มลู
• ขอ้ มลู ทดTี ตี อ้ งมรี ายละเอยี ดครบทกุ ดา้ น เชน่
ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ประโยชน์และโทษ
๔. รวบรวม ประเมนิ นําเสนอขอ้ มลู และ • การรวบรวมข้อมูล ประมวลผล สร้าง
สารสนเทศตามวตั ถุประสงคโ์ ดยใช้ ทางเลอื กประเมนิ ผล จะทาํ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศเพอTื
ซอฟตแ์ วรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ น็ต ทTี ใชใ้ นการแกป้ ัญหา หรอื การตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ ง
หลากหลาย เพอTื แกป้ ัญหา ใน มปี ระสทิ ธภิ าพ
ชวี ติ ประจาํ วนั • การใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ น็ต
ทหTี ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล
สรา้ งทางเลอื ก ประเมนิ ผล นําเสนอ จะช่วยให้
การแก้ปัญหาทําได้อย่างรวดเรว็ ถูกต้อง และ
แมน่ ยาํ
• ตวั อยา่ งปัญหา เชน่ ถ่ายภาพ และสาํ รวจแผน
ทใTี นทอ้ งถนิT เพอTื นําเสนอแนวทาง ในการจดั การ
พ>ืนทTีว่างให้เกิดประโยชน์ ทําแบบสํารวจ
ความคิดเห็นออนไลน์ และวิเคราะห์ข้อมูล
นําเสนอขอ้ มลู โดยการใช้ blog หรอื web page
๕. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ อยา่ ง • อนั ตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรมทาง
ปลอดภยั มมี ารยาทเขา้ ใจสทิ ธิ และหน้าทTี อนิ เทอรเ์ น็ต
ของตน เคารพในสทิ ธิ ของผอู้ นTื แจง้ • มารยาทในการตดิ ต่อสอTื สาร ผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต
ผเู้ กยTี วขอ้ งเมอTื พบขอ้ มลู หรอื บุคคลทไTี ม่ (บรู ณาการกบั วชิ าทเTี กยTี วขอ้ ง)
เหมาะสม

ตัวช้ีวดั และสาระการเรียนรู้

ชนัK ประถมศึกษาปี ทีF 5

สาระทีI 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคาํ นวณในการแก้ปัญหาทีIพบในชีวิตจริงอย่างเป็ น
ขนัD ตอนและเป็ นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสIือสารในการเรียนรู้ การทาํ งาน และ
การแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้เู ท่าทนั และมีจริยธรรม

ตวั ชีDวดั สาระการเรียนรู้
\. ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา Ø การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเป็นการนํากฎเกณฑ์ หรอื
การอธิบายการทาํ งาน การคาดการณ์
ผลลพั ธจ์ ากปัญหาอย่างง่าย เงอTื นไขทคTี รอบคลมุ ทกุ กรณมี าใชพ้ จิ ารณาในการ
แกป้ ัญหาการอธบิ ายการทาํ งาน หรอื การคาดการณ์
]. ออกแบบและเขียนโปรแกรมทIีมีการ ผลลพั ธ์
ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหา Ø สถานะเรมTิ ตน้ ของการทาํ งานทแTี ตกต่างกนั จะใหผ้ ลลพั ธ์
ข้อผิดพลาดและแก้ไข ทแTี ตกต่างกนั
Ø ตวั อยา่ งปัญหา เชน่ เกม Sudoku โปรแกรมทาํ นาย
ตวั เลขโปรแกรมสรา้ งรปู เรขาคณติ ตามคา่ ขอ้ มลู เขา้ การ
จดั ลาํ ดบั การทาํ งานบา้ นในชว่ งวนั หยดุ จดั วางของใน
ครวั
Ø การออกแบบโปรแกรมสามารถทาํ ไดโ้ ดยเขยี นเป็น
ขอ้ ความหรอื ผงั งาน
Ø การออกแบบและเขยี นโปรแกรมทมTี กี ารตรวจสอบ
เงอTื นไขทคTี รอบคลมุ ทกุ กรณเี พอTื ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท์ ถTี กู ตอ้ ง
ตรงตามความตอ้ งการ
Ø หากมขี อ้ ผดิ พลาดใหต้ รวจสอบการทาํ งานทลี ะคาํ สงัT เมอTื
พบจดุ ททTี าํ ใหผ้ ลลพั ธไ์ มถ่ กู ตอ้ ง ใหท้ าํ การแกไ้ ขจนกวา่
จะไดผ้ ลลพั ธท์ ถTี กู ตอ้ ง

ตวั ชีDวดั สาระการเรียนรู้
^. ใช้อินเทอรเ์ น็ตค้นหาข้อมลู Ø การฝึกตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรมของผอู้ นTื จะ
ติดต่อสืIอสารและทาํ งานร่วมกนั
ประเมินความน่าเชืIอถือของข้อมลู ชว่ ยพฒั นาทกั ษะการหาสาเหตุของปัญหาไดด้ ยี งิT ขน>ึ
Ø ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมตรวจสอบเลขคเู่ ลขคTี

โปรแกรมรบั ขอ้ มลู น>ําหนกั หรอื สว่ นสงู แลว้ แสดงผลความ
สมสว่ นของรา่ งกาย โปรแกรมสงัT ใหต้ วั ละครทาํ ตาม
เงอTื นไขทกTี าํ หนด
Ø ซอฟตแ์ วรท์ ใTี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, logo

Ø การคน้ หาขอ้ มลู ในอนิ เทอรเ์ น็ต และการพจิ ารณาผลการ
คน้ หา

Ø การตดิ ต่อสอTื สารผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต เชน่ อเี มล บลอ็ ก
โปรแกรมสนทนา

Ø การเขยี นจดหมาย (บรู ณาการกบั วชิ าภาษาไทย)
Ø การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตในการตดิ ต่อสอTื สารและทาํ งานรว่ มกนั

เชน่ ใชน้ ดั หมายในการประชมุ กลุม่ ประชาสมั พนั ธ์
กจิ กรรมในหอ้ งเรยี น การแลกเปลยTี นความรู้ ความ
คดิ เหน็ ในการเรยี นภายใตก้ ารดแู ลของครู
Ø การประเมนิ ความน่าเชอTื ถอื ของขอ้ มลู เชน่ เปรยี บเทยี บ
ความสอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ ของขอ้ มลู จากหลายแหลง่
แหลง่ ตน้ ตอของขอ้ มลู ผเู้ ขยี น วนั ทเTี ผยแพรข่ อ้ มลู
Ø ขอ้ มลู ทดTี ตี อ้ งมรี ายละเอยี ดครบทกุ ดา้ น เชน่ ขอ้ ดแี ละ
ขอ้ เสยี ประโยชน์และโทษ

ตวั ชีDวดั สาระการเรียนรู้
_. รวบรวม ประเมิน นําเสนอข้อมลู
และสารสนเทศตามวตั ถปุ ระสงคโ์ ดย Ø การรวบรวมขอ้ มลู ประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก
ใช้ ประเมนิ ผลจะทาํ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศเพอTื ใชใ้ นการแกป้ ัญหา
ซอฟตแ์ วรห์ รือบริการบนอินเทอรเ์ น็ต หรอื การตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ทีIหลากหลายเพIือแก้ปัญหาใน
ชีวิตประจาํ วนั Ø การใชซ้ อฟแวรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เตอรเ์ น็ตทหTี ลากหลาย
ในการรวบรวม ประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก ประเมนิ ผล
k. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง นําเสนอจะชว่ ยใหก้ ารแกป้ ัญหาทาํ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
ปลอดภยั มีมารยาทเข้าใจสิทธิและ ถกู ตอ้ ง และแมน่ ยาํ
หน้าทีIของตน
เคารพในสิทธิของผอู้ Iืนแจ้งผเู้ กIียวข้อง Ø ตวั อย่างปัญหา เช่น ถ่ายภาพและสาํ รวจแผนทีIใน
เมIือพบข้อมลู หรอื บคุ คลทIีไม่เหมาะสม ท้องถิIนเพืIอนําเสนอแนวทางในการจดั พืนD ทIีว่างให้
เกิดประโยชน์ ทาํ แบบสาํ รวจความคิดเหน็ ออนไลน์
และวิเคราะหข์ ้อมลู นําเสนอข้อมลู โดยการใช้ Blog
หรอื web page

Ø อนั ตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรมทางอนิ เทอรเ์ น็ต
Ø มารยาทในการตดิ ต่อสอTื สารผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต (บรู ณาการ

กบั วชิ าทเTี กยTี วขอ้ ง)

คําอธิบายรายวิชา

เทคโนโลยี วิทยาการคาํ นวณ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนัD ประถมศึกษาปี ทีI k เวลา _l ชวัI โมง / ปี

ศึกษาและฝึกทกั ษะเก่ียวกบั การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทํางาน

หรือการคาดการผลลัพธ์จากปัญหาอย่างงา่ ย การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย การตรวจหา

ข้อผิดพลาดในโปรแกรม การคน้ หาข้อมลู ในอินเทอร์เนต็ และการใช้คําคน้ การประเมนิ ความ

น่าเชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู การรวบรวมขอ้ มูล การประมวลผลอย่างง่าย การวเิ คราะห์ผลและสร้าง

ทางเลือก การนาํ เสนอขอ้ มูล การสือ่ สารอยา่ งมมี ารยาทและรกู้ าลเทศะ การปกปอ้ งข้อมลู ส่วนตวั

ตัวชวี้ ัด
ว. 4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ)
1. ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หา การอธบิ ายการทาํ งาน การคาดการณผ์ ลลัพธ์
จากปัญหาอย่างงา่ ย
2. ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์หรือสือ่ และตรวจหาข้อผดิ พลาดและแกไ้ ข
3. ใช้อนิ เทอร์เนต็ ค้นหาความรู้ และประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของขอ้ มูล
4. รวบรวม ประเมิน นาํ เสนอข้อมลู และสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ทีห่ ลากหลาย
เพอ่ื แก้ปัญหาในชวี ิตประจาํ วนั
5. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสทิ ธิและหน้าท่ขี องตน เคารพในสทิ ธขิ องผู้อน่ื
แจ้งผู้เกี่ยวขอ้ งเมื่อพบข้อมลู หรือบคุ คลทไ่ี มเ่ หมาะสม
รวมทัง้ หมด 5 ตัวช้วี ัด

โครงสรา้ งรายวชิ า

เทคโนโลยี วิทยาการคาํ นวณ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนัD ประถมศึกษาปี ทIี k เวลา _l ชวัI โมง / ปี

ลาํ ดบั ทIี หน่วยการเรียนร/ู้ เรIอื ง มาตรฐาน สาระสาํ คญั เวลา คะแนน
การเรียนร/ู้ (ชวัI โมง)

ตวั ชีDวดั

1 การใช้เทคโนโลยี ว ƒ.„ ป.…/… - อนั ตรายจากการใชง้ าน 5 10
สารสนเทศอย่าง และอาชญากรรมทาง 8 10
ปลอดภยั และมีมารยาท อนิ เทอรเ์ น็ต
- มารยาทในการ
2 ข้อมลู สารสนเทศ ว ƒ.„ ป.…/ƒ ตดิ ตอ่ สอTื สารผา่ น
อนิ เทอรเ์ น็ต

- การรวบรวมขอ้ มลู
ประมวลผล สรา้ ง
ทางเลอื ก ประเมนิ ผลจะ
ทาํ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศเพอTื ใช้
ในการแกป้ ัญหาหรอื การ
ตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ
- การใชซ้ อฟแวรห์ รอื
บรกิ ารบนอนิ เตอรเ์ น็ตทTี
หลากหลายในการ
รวบรวม ประมวลผล สรา้ ง
ทางเลอื ก ประเมนิ ผล
นําเสนอจะชว่ ยใหก้ าร
แกป้ ัญหาทาํ ไดอ้ ยา่ ง
รวดเรว็ ถกู ตอ้ ง และ
แมน่ ยาํ

ลาํ ดบั ทIี หน่วยการเรียนร้/ู เรอืI ง มาตรฐาน สาระสาํ คญั เวลา คะแนน
3 การใช้ประโยชน์จาก การเรียนร/ู้ (ชวัI โมง)
อินเทอรเ์ น็ต - การคน้ หาขอ้ มลู ใน 10
ตวั ชีDวดั อนิ เทอรเ์ น็ต และการ 10
ว ƒ.† ป.5/3 พจิ ารณาผลการคน้ หา
- การตดิ ต่อสอTื สารผา่ น 10
4 k เส้นทางของความคิด ว ƒ.† ป.…/‰ อนิ เทอรเ์ น็ต
เชิงตรรกะ - การเขยี นจดหมาย
- การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตใน
การตดิ ต่อสอTื สารและ
ทาํ งานรว่ มกนั
- การประเมนิ ความ
น่าเชอTื ถอื ของขอ้ มลู
- ขอ้ มลู ทดTี ตี อ้ งมี
รายละเอยี ดครบทกุ ดา้ น
เชน่ ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี
ประโยชน์และโทษ
- การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
เป็นการนํากฎเกณฑ์ หรอื
เงอTื นไขทคTี รอบคลมุ ทกุ
กรณมี าใชพ้ จิ ารณาในการ
แกป้ ัญหาการอธบิ ายการ
ทาํ งาน หรอื การคาดการณ์
ผลลพั ธ์
- สถานะเรมิT ตน้ ของการ
ทาํ งานทแTี ตกต่างกนั จะให้
ผลลพั ธท์ แTี ตกต่างกนั

ลาํ ดบั ทIี หน่วยการเรียนร้/ู เรืIอง มาตรฐาน สาระสาํ คญั เวลา คะแนน
การเรียนร/ู้ (ชวัI โมง)
20
ตวั ชีDวดั
10
5 Program design ว ƒ.„ ป.…/‰ - การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ 2
ว ƒ.„ ป.…/„ เป็นการนํากฎเกณฑ์ หรอื
ออกแบบโปรแกรม เงอTื นไขทคTี รอบคลมุ ทกุ
กรณมี าใชพ้ จิ ารณาในการ
แกป้ ัญหาการอธบิ ายการ
ทาํ งาน หรอื การคาดการณ์
ผลลพั ธ์
- สถานะเรมิT ตน้ ของการ
ทาํ งานทแTี ตกต่างกนั จะให้
ผลลพั ธท์ แTี ตกต่างกนั

- การออกแบบโปรแกรม
สามารถทาํ ไดโ้ ดยเขยี น
เป็นขอ้ ความหรอื ผงั งาน
- การออกแบบและเขยี น
โปรแกรมทมTี กี าร
ตรวจสอบเงอTื นไขทTี
ครอบคลุมทกุ กรณเี พอTื ให้
ไดผ้ ลลพั ธท์ ถTี กู ตอ้ งตรง
ตามความตอ้ งการ
- หากมขี อ้ ผดิ พลาดให้
ตรวจสอบการทาํ งานทลี ะ
คาํ สงัT เมอTื พบจดุ ททTี าํ ใหผ้ ล
ลพั ธไ์ มถ่ กู ตอ้ ง ใหท้ าํ การ
แกไ้ ขจนกวา่ จะไดผ้ ลลพั ธ์
ทถTี กู ตอ้ ง

ลาํ ดบั ทีI หน่วยการเรียนร้/ู เรอIื ง มาตรฐาน สาระสาํ คญั เวลา คะแนน
การเรียนร/ู้ - การออกแบบโปรแกรม (ชวัI โมง)
สามารถทาํ ไดโ้ ดยเขยี น 20
ตวั ชีDวดั เป็นขอ้ ความหรอื ผงั งาน 5
- การออกแบบและเขยี น 40
6 program development ว ƒ.„ ป.…/2 โปรแกรมทมTี กี าร 40 100
สร้างเกมแบบมีเงืIอนไข ตรวจสอบเงอTื นไขทTี
ครอบคลมุ ทกุ กรณเี พอTื ให้
ไดผ้ ลลพั ธท์ ถTี กู ตอ้ งตรง
ตามความตอ้ งการ
- หากมขี อ้ ผดิ พลาดให้
ตรวจสอบการทาํ งานทลี ะ
คาํ สงัT เมอTื พบจดุ ททTี าํ ใหผ้ ล
ลพั ธไ์ มถ่ กู ตอ้ ง ใหท้ าํ การ
แกไ้ ขจนกวา่ จะไดผ้ ลลพั ธ์
ทถTี กู ตอ้ ง

สอบปลายภาค
รวม

โครงสรา้ งแผนการจัดการเรยี นรู้

หน่วยการ แผนการ วิธีการจดั ทกั ษะทIีได้ การประเมิน เวลา
เรียนรู้ จดั การ กิจกรรมการ ‰.แบบประเมนิ (ชวัI โมง)
เรียนรู้ ‰.ทกั ษะความคดิ รายบุคคล
หน่วยการ แผนการ เรียนรู้ สรา้ งสรรค์ „.แบบประเมนิ 2
เรียนรทู้ Iี 1 จดั การ 1.วธิ กี ารสอนแบบ „.ทกั ษะการสอTื สาร พฤตกิ รรมกลุม่
การใช้ เรยี นรทู้ Tี 1 สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง ‰.ตรวจใบงานทTี 1
เทคโนโลยี E-mail (Creativity-Based เป็นระบบ 1.1
สารสนเทศ Learning : CBL) ƒ.ทกั ษะการคดิ 1
อย่างปลอดภยั „.วธิ กี ารสอนโดย วเิ คราะห์ ‰.ตรวจใบงานทTี
และมีมารยาท การลงมอื ปฏบิ ตั ิ ….ทกั ษะการแกป้ ัญหา 1.2
(Practice) ‰.ทกั ษะความคดิ „.แบบประเมนิ
แผนการ สรา้ งสรรค์ พฤตกิ รรมกลุม่
จดั การ 1.วธิ กี ารสอนแบบ „.ทกั ษะการสอTื สาร
เรยี นรทู้ Tี 2 สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง
(Creativity-Based เป็นระบบ
Social Media Learning : CBL) ƒ.ทกั ษะการคดิ
„.วธิ กี ารสอนโดย วเิ คราะห์
แผนการ ใชป้ ัญหาเป็นฐาน ….ทกั ษะการแกป้ ัญหา
จดั การ (Problem–based ‰.ทกั ษะความคดิ
เรยี นรทู้ Tี 3 Learning : PBL) สรา้ งสรรค์
มารยาทใน ‰.วธิ กี ารสอนแบบ „.ทกั ษะการสอTื สาร
การใชง้ าน สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง
โซเชยี ล (Creativity-Based เป็นระบบ
มเี ดยี Learning : CBL) ƒ.ทกั ษะการคดิ
„.วธิ กี ารสอนโดย วเิ คราะห์
ใชป้ ัญหาเป็นฐาน ….ทกั ษะการแกป้ ัญหา
(Problem–based
Learning : PBL)

หน่วยการ แผนการ วิธีการจดั ทกั ษะทีIได้ การประเมิน เวลา
เรียนรู้ จดั การ กิจกรรมการ ‰.แบบประเมนิ (ชวัI โมง)
เรียนรู้ ‰.ทกั ษะความคดิ พฤตกิ รรมกลุม่
หน่วยการ แผนการ เรียนรู้ สรา้ งสรรค์ 1
เรยี นรทู้ Tี „ จดั การ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ „.ทกั ษะการสอTื สาร ‰.ตรวจใบงานทTี
ขอ้ มลู เรยี นรทู้ Tี 4 สรา้ งสรรคเ์ ป็น †.ทกั ษะการคดิ 2.1 1
สารสนเทศ อนั ตรายจาก ฐาน (Creativity- อยา่ งเป็นระบบ
โซเชยี ล Based Learning : ƒ.ทกั ษะการคดิ ‰.ตรวจใบงานทTี 1
CBL) วเิ คราะห์ 2.2
แผนการ „.วธิ กี ารสอนโดย ….ทกั ษะการ
จดั การ ใชป้ ัญหาเป็นฐาน แกป้ ัญหา
เรยี นรทู้ Tี … (Problem–based ‰.ทกั ษะความคดิ
ประเภทของ Learning : PBL) สรา้ งสรรค์
ขอ้ มลู ‰.วธิ กี ารสอนแบบ „.ทกั ษะการสอTื สาร
สรา้ งสรรคเ์ ป็น †.ทกั ษะการคดิ
แผนการ ฐาน (Creativity- อยา่ งเป็นระบบ
จดั การ Based Learning : ƒ.ทกั ษะการคดิ
เรยี นรทู้ Tี Ž CBL) วเิ คราะห์
การรวบรวม ….ทกั ษะการ
ขอ้ มลู ‰.วธิ กี ารสอนแบบ แกป้ ัญหา
สรา้ งสรรคเ์ ป็น ‰.ทกั ษะความคดิ
ฐาน (Creativity- สรา้ งสรรค์
Based Learning : „.ทกั ษะการสอTื สาร
CBL) †.ทกั ษะการคดิ
อยา่ งเป็นระบบ
ƒ.ทกั ษะการคดิ
วเิ คราะห์
….ทกั ษะการ
แกป้ ัญหา

หน่วยการ แผนการ วิธีการจดั ทกั ษะทIีได้ การประเมิน เวลา
เรียนรู้ จดั การเรียนรู้ กิจกรรมการ (ชวัI โมง)

เรียนรู้

แผนการ 1.วธิ กี ารสอน ‰.ทกั ษะความคดิ 1.ตรวจใบงาน 1
สรา้ งสรรค์ ทTี 2.3
จดั การเรยี นรู้ แบบสรา้ งสรรค์ „.ทกั ษะการสอTื สาร
ทTี 7 การ เป็นฐาน †.ทกั ษะการคดิ
อยา่ งเป็นระบบ
ประมวลผล (Creativity-Based ƒ.ทกั ษะการคดิ
ขอ้ มลู Learning : CBL) วเิ คราะห์
….ทกั ษะการ
แกป้ ัญหา

แผนการ ‰.วธิ กี ารสอน ‰.ทกั ษะความคดิ 1.แบบ 2
จดั การเรยี นรู้ แบบสรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์ ประเมนิ ผลงาน 3
ทTี • เป็นฐาน „.ทกั ษะการสอTื สาร 2.แบบประเมนิ
การ (Creativity-Based †.ทกั ษะการคดิ รายบุคคล
ประมวลผล Learning : CBL) อยา่ งเป็นระบบ
ขอ้ มลู ใหเ้ ป็น 2.วธิ กี ารสอนโดย ƒ.ทกั ษะการคดิ
สารสนเทศ การลงมอื ปฏบิ ตั ิ วเิ คราะห์
แผนการ (Practice) 5.ทกั ษะการใช้
จดั การเรยี นรู้ ‰.วธิ กี ารสอน กระบวนการทาง
ทTี • แบบสรา้ งสรรค์ เ‰ท.ทคโกั นษโะลคยวี ามคดิ 1.แบบ
แบบสอบถาม เป็นฐาน สรา้ งสรรค์ ประเมนิ ผล
ออนไลน์ (Creativity-Based „.ทกั ษะการสอTื สาร งาน
Learning : CBL) †.ทกั ษะการคดิ 2.แบบ
„.วธิ กี ารสอนโดย อยา่ งเป็นระบบ ประเมนิ
การลงมอื ปฏบิ ตั ิ ƒ.ทกั ษะการคดิ รายบุคคล
(Practice) วเิ คราะห์
….ทกั ษะการ
แกป้ ัญหา
Ž.ทกั ษะการใช้
กระบวนการทาง
เทคโนโลยี

หน่วยการ แผนการ วิธีการจดั ทกั ษะทีIได้ การประเมิน เวลา
เรียนรู้ จดั การเรียนรู้ กิจกรรมการ 1.แบบ (ชวัI โมง)
แผนการจดั การ ‰.ทกั ษะความคดิ ประเมนิ
หน่วยการ เรยี นรทู้ Tี ‰‘ เรียนรู้ สรา้ งสรรค์ รายบุคคล 1
เรียนรทู้ ีI ^ การใช้ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ „.ทกั ษะการสอTื สาร 1.แบบ
การใช้ อนิ เทอรเ์ น็ต สรา้ งสรรคเ์ ป็น †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง ประเมนิ 4
ประโยชน์จาก เพอTื (การ ฐาน (Creativity- เป็นระบบ รายบุคคล
อินเทอรเ์ น็ต สอTื สาร Based Learning : ƒ.ทกั ษะการคดิ 4
จดหมาย CBL) วเิ คราะห์ 1.การมสี ว่ น
อเิ ลก็ ทรอนิกส)์ „.วธิ กี ารสอนโดย 5.ทกั ษะการแกป้ ัญหา รว่ ม
แผนการจดั การ การลงมอื ปฏบิ ตั ิ ‰.ทกั ษะความคดิ 2.แบบ
เรยี นรทู้ Tี ‰‰ (Practice) สรา้ งสรรค์ ประเมนิ ผล
การใช้ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ „.ทกั ษะการสอTื สาร งาน
อนิ เทอรเ์ น็ตใน สรา้ งสรรคเ์ ป็น †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง
การทาํ งาน ฐาน (Creativity- เป็นระบบ
รว่ มกนั Based Learning : ƒ.ทกั ษะการคดิ
CBL) วเิ คราะห์
แผนการจดั การ 2.วธิ กี ารสอนโดย ….ทกั ษะการทาํ งาน
เรยี นรทู้ Tี ‰„ การลงมอื ปฏบิ ตั ิ รว่ มกนั
การใชอ้ นิ เทอร์ (Practice) Ž.ทกั ษะการแกป้ ัญหา
ในการคน้ หา ‰.ทกั ษะความคดิ
ความรู้ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ สรา้ งสรรค์
สรา้ งสรรคเ์ ป็น „.ทกั ษะการสอTื สาร
ฐาน (Creativity- †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง
Based Learning : เป็นระบบ
CBL) ƒ.ทกั ษะการคดิ
วเิ คราะห์
5.ทกั ษะการแกป้ ัญหา

หน่วยการ แผนการ วิธีการจดั ทกั ษะทีIได้ การประเมิน เวลา
เรียนรู้ จดั การเรียนรู้ กิจกรรมการ (ชวัI โมง)

เรียนรู้

แผนการจดั การ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ ‰.ทกั ษะความคดิ 1.ตรวจใบ 1
เรยี นรทู้ Tี ‰† สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน สรา้ งสรรค์ งาน 3.2 2
การประเมนิ (Creativity-Based „.ทกั ษะการสอTื สาร „.แบบ 2
ความน่าเชอTื ถอื Learning : CBL) †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง ประเมนิ
ของขอ้ มลู „.วธิ กี ารสอนโดย เป็นระบบ รายบุคคล
แผนการจดั การ การลงมอื ปฏบิ ตั ิ ƒ.ทกั ษะการคดิ
เรยี นรทู้ Tี ‰ƒ (Practice) วเิ คราะห์
ความคดิ เชงิ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ 5.ทกั ษะการ
ตรรกะและการ สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน แกป้ ัญหา
ใหเ้ หตุผล (Creativity-Based
หน่วยการ แผนการจดั การ Learning : CBL) ‰.ทกั ษะความคดิ 1.แบบ
เรียนร้ทู Iี _ เรยี นรทู้ Tี ‰… 2.วธิ กี ารสอนโดยใช้ สรา้ งสรรค์ ประเมนิ
เส้นทางของ สรา้ งสรรค์ ปัญหาเป็นฐาน „.ทกั ษะการสอTื สาร พฤตกิ รรม
ความคิดเชิง (Problem–based †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง กลุม่
ตรรกะ Learning : PBL) เป็นระบบ 1.แบบ
‰.วธิ กี ารสอนแบบ ƒ.ทกั ษะการคดิ ประเมนิ
สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน วเิ คราะห์ พฤตกิ รรม
(Creativity-Based ….ทกั ษะการทาํ งาน รายบุคคล
Learning : CBL) รว่ มกนั
2.วธิ กี ารสอนโดยใช้ Ž.ทกั ษะการ
ปัญหาเป็นฐาน แกป้ ัญหา
(Problem–based ‰.ทกั ษะความคดิ
Learning : PBL) สรา้ งสรรค์
„.ทกั ษะการสอTื สาร
†.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง
เป็นระบบ
ƒ.ทกั ษะการคดิ
วเิ คราะห์
5.ทกั ษะการ
แกป้ ัญหา

หน่วยการ แผนการจดั การ วธิ กี ารจดั กจิ กรรม ทกั ษะทไTี ด้ การประเมนิ เวลา
เรียนรู้ เรยี นรู้ การเรยี นรู้ (ชวัT โมง)

แผนการจดั การ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ ‰.ทกั ษะความคดิ 1.ใบงาน 4.3 2
เรยี นรทู้ Tี ‰Ž สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน สรา้ งสรรค์ 2.แบบ
ยอ้ นกลบั (Creativity-Based „.ทกั ษะการสอTื สาร ประเมนิ
Learning : CBL) †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง พฤตกิ รรม
2.วธิ กี ารสอนโดยใช้ เป็นระบบ กลุม่
ปัญหาเป็นฐาน ƒ.ทกั ษะการคดิ
(Problem–based วเิ คราะห์
Learning : PBL) 5.ทกั ษะการ
แกป้ ัญหา

แผนการจดั การ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ ‰.ทกั ษะความคดิ 1.ใบงาน 4.4 2
เรยี นรทู้ Tี ‰“ สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน สรา้ งสรรค์ 2.ใบงาน 4.5 2
การคาดการณ์ (Creativity-Based „.ทกั ษะการสอTื สาร 3.แบบ
ผลลพั ธจ์ าก Learning : CBL) †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง ประเมนิ
ปัญหา 2.วธิ กี ารสอนโดยใช้ เป็นระบบ พฤตกิ รรม
แผนการจดั การ ปัญหาเป็นฐาน ƒ.ทกั ษะการคดิ กลุม่
เรยี นรทู้ Tี ‰• (Problem–based วเิ คราะห์ 4.แบบ
เกมซโู ดกุ Learning : PBL) ….ทกั ษะการทาํ งาน ประเมนิ
‰.วธิ กี ารสอนแบบ รว่ มกนั พฤตกิ รรม
สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน Ž.ทกั ษะการ รายบุคคล
(Creativity-Based แกป้ ัญหา 1.ใบงาน 4.6
Learning : CBL) ‰.ทกั ษะความคดิ 2.แบบ
2.วธิ กี ารสอนโดยใช้ สรา้ งสรรค์ ประเมนิ
ปัญหาเป็นฐาน „.ทกั ษะการสอTื สาร พฤตกิ รรม
(Problem–based †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง กลุม่
Learning : PBL) เป็นระบบ
ƒ.ทกั ษะการคดิ
วเิ คราะห์
….ทกั ษะการทาํ งาน
รว่ มกนั
Ž.ทกั ษะการ
แกป้ ัญหา

หน่วยการ แผนการ วิธีการจดั ทกั ษะทIีได้ การประเมิน เวลา
เรียนรู้ จดั การเรียนรู้ กิจกรรมการ (ชวัI โมง)
แผนการจดั การ
หน่วยการ เรยี นรทู้ Tี 19 เรียนรู้ ‰.ทกั ษะความคดิ 1.ใบงาน 5.1 2
เรียนรทู้ ีI k Program ‰.วธิ กี ารสอนแบบ สรา้ งสรรค์ 1.แบบ 5
design สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน „.ทกั ษะการสอTื สาร ประเมนิ ผล
Program ออกแบบ (Creativity-Based †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง งาน
design โปรแกรม Learning : CBL) เป็นระบบ 2.แบบ
„.วธิ กี ารสอนโดย ƒ.ทกั ษะการคดิ ประเมนิ
ออกแบบ การลงมอื ปฏบิ ตั ิ วเิ คราะห์ พฤตกิ รรม
โปรแกรม (Practice) ….ทกั ษะการทาํ งาน รายบุคคล
รว่ มกนั
หน่วยการ แผนการจดั การ ‰.วธิ กี ารสอนแบบ Ž.ทกั ษะการ
เรียนร้ทู Iี r เรยี นรทู้ Tี „‘ สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน แกป้ ัญหา
สรา้ งเกม สรา้ งเกมแบบมี (Creativity-Based ‰.ทกั ษะความคดิ
แบบมี เงอTื นไข Learning : CBL) สรา้ งสรรค์
เงIือนไข „.วธิ กี ารสอนโดย „.ทกั ษะการสอTื สาร
การลงมอื ปฏบิ ตั ิ †.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง
(Practice) เป็นระบบ
ƒ.ทกั ษะการคดิ
วเิ คราะห์
….ทกั ษะการทาํ งาน
รว่ มกนั
Ž.ทกั ษะการ
แกป้ ัญหา

สืFอ/แหล่งเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จดั ทําสTอื และจดั ให้มแี หล่งเรียนรู้ ตาม
หลกั การ และนโยบายของการจดั การศกึ ษาขนั> พน>ื ฐาน ดงั น>ี

สTอื การเรยี นรู้เป็นเครTอื งมอื ส่งเสรมิ สนับสนุนการจดั การกระบวนการเรยี นรู้ ให้ผูเ้ รยี นเขา้ ถงึ
ความรูท้ กั ษะกระบวนการ และคุณลกั ษณะตามมาตรฐานของหลกั สูตรไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ สTอื การ
เรยี นรมู้ หี ลากหลายประเภท ทงั> สอTื ธรรมชาติ สอTื สงTิ พมิ พ์ สอTื เทคโนโลยี และเครอื ขา่ ยการเรยี นรตู้ ่าง ๆ ทTี
มีในท้องถิTนการเลือกใช้สTอื ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกบั ระดบั พฒั นาการ และลีลาการเรียนรู้ทTี
หลากหลายของผูเ้ รยี นการจดั หาสTอื การเรยี นรู้ ผูเ้ รยี นและผูส้ อนสามารถจดั ทําและพฒั นาขน>ึ เอง หรอื
ปรบั ปรุงเลอื กใชอ้ ยา่ งมคี ุณภาพจากสอTื ต่าง ๆ ทมTี อี ยรู่ อบตวั เพอTื นํามาใชป้ ระกอบในการจดั การเรยี นรทู้ Tี
สามารถส่งเสรมิ และสTอื สารให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจดั ให้มอี ย่างพอเพยี ง เพTอื
พฒั นาใหผ้ เู้ รยี น เกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งแทจ้ รงิ สถานศกึ ษาเขตพน>ื ทกTี ารศกึ ษา หน่วยงานทเTี กยTี วขอ้ งและผู้
มหี น้าทจTี ดั การศกึ ษาขนั> พน>ื ฐาน ควรดาํ เนินการดงั น>ี

๑.จดั ให้มแี หล่งการเรยี นรู้ ศูนย์สTอื การเรยี นรู้ ระบบสารสนเทศการเรยี นรู้ และเครอื ข่ายการ
เรียนรู้ทTีมีประสิทธิภาพทงั> ในสถานศึกษาและในชุมชน เพTือการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลTียน
ประสบการณ์การเรยี นรรู้ ะหวา่ งสถานศกึ ษา ทอ้ งถนTิ ชมุ ชน สงั คมโลก

๒.จดั ทําและจดั หาสTอื การเรยี นรู้สําหรบั การศึกษาค้นคว้าของผู้เรยี น เสรมิ ความรู้ให้ผู้สอน
รวมทงั> จดั หาสงTิ ทมTี อี ยใู่ นทอ้ งถนTิ มาประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นสอTื การเรยี นรู้

๓.เลอื กและใช้สTอื การเรยี นรูท้ Tมี คี ุณภาพ มคี วามเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคล้องกบั
วธิ กี ารเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี นรู้ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผเู้ รยี น

๔.ประเมนิ คณุ ภาพของสอTื การเรยี นรทู้ เTี ลอื กใชอ้ ยา่ งเป็นระบบ
๕.ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพอTื พฒั นาสอTื การเรยี นรใู้ หส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรยี นรู้ ของผเู้ รยี น
๖.จดั ใหม้ กี ารกํากบั ตดิ ตาม ประเมนิ คุณภาพและประสทิ ธภิ าพเกTยี วกบั สTอื และการใชส้ Tอื การ
เรยี นรเู้ ป็นระยะ ๆ และสมTาํ เสมอ
ในการจดั ทาํ การเลอื กใช้ และการประเมนิ คณุ ภาพสอTื การเรยี นรทู้ ใTี ชใ้ นสถานศกึ ษาควรคาํ นึงถงึ
หลกั การสาํ คญั ของสอTื การเรยี นรู้ เชน่ ความสอดคลอ้ งกบั หลกั สตู ร วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ การออกแบบ
กจิ กรรมการเรยี นรู้ การจดั ประสบการณ์ใหผ้ ูเ้ รยี น เน>ือหามคี วามถูกต้องและทนั สมยั ไม่กระทบความ
มนัT คงของชาติ ไมข่ ดั ต่อศลี ธรรม มกี ารใชภ้ าษาทถTี กู ตอ้ ง รปู แบบการนําเสนอทเTี ขา้ ใจงา่ ย และน่าสนใจ

การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ คะแนน
อตั ราส่วนคะแนน ๘๐
๗๐
คะแนนระหว่างปี การศึกษา : สอบปลายปี การศึกษา = ๗๐ : ๓๐
รายการวดั ๑๐
๒๐
Ø ระหว.างภาค ๑๐๐
มกี ารวดั และประเมินผล ดงั นี้
๑. คะแนนระหว.างป;การศกึ ษา
๑.๑ วดั โดยใชBแบบทดสอบ
๑.๒ วัดทักษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ (เลือกวัดตามแผนการจดั การเรยี นรBู)
๑.๒.๑ ภาระงานทีม่ อบหมาย
- การทำใบงาน/แบบฝTกหัด/แบบฝTกทักษะ
- การแกปB ;ญหาทางวิทยาศาสตรV
- การศึกษาคBนควBาทางวิทยาศาสตรV
- การร.วมกิจกรรมการเรยี นรูB
๑.๒.๒ แฟมX สะสมงานวทิ ยาศาสตรV
๑.๒.๓ โตรงงานวทิ ยาศาสตรV
๑.๒.๔ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรV และสมรรถนะสำคัญของผูเB รยี น
๑.๓ วัดคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคV และเจตคตทิ ดี่ ตี .อวชิ าวทิ ยาศาสตรV
๒. คะแนนสอบกลางป;การศกึ ษา
วดั และประเมนิ ผลโดยใชBแบบทดสอบ

Ø คะแนนสอบปลายปก; ารศกึ ษา
มวี ดั และประเมนิ ผลโดยใชBแบบทดสอบ

รวม

เกณฑ%การวดั ผลประเมนิ ผล

๑. การวัดและประเมนิ ผลโดยใชแ8 บบทดสอบ
๑.๑ เกณฑใV หBคะแนนแบบทดสอบแบบเลอื กตอบ พิจารณาจากความถกู ผดิ ของการเลอื กตอบ
ตอบถูกใหB ๑ คะแนน ตอบผิดใหB ๐ คะแนน
๑.๒ เกณฑVใหBคะแนนแบบทดสอบแบบถกู ผิด พจิ ารณาจากความถูกผิดของคาํ ตอบ
ตอบถูกใหB ๑ คะแนน ตอบผิดใหB ๐ คะแนน
๑.๓ เกณฑVใหBคะแนนแบบทดสอบแบบเตมิ คาํ พจิ ารณาจากความถกู ผิดของคาํ ตอบ
ตอบถูกใหB ๑ คะแนน ตอบผิดใหB ๐ คะแนน
๑.๔ เกณฑVใหBคะแนนแบบทดสอบแบบจับค.ู พิจารณาจากความถกู ผดิ ของการจับค.ู
จบั คู.ถกู ใหB ๑ คะแนน จบั คผ.ู ิดใหB ๐ คะแนน
๑.๕ เกณฑVใหBคะแนนแบบทดสอบแบบเปรียบเทียบ พิจารณาจากความถูกผิดของ การ
เปรียบเทียบ
เปรียบเทียบถกู ใหB ๑ คะแนน เปรียบเทยี บผิดใหB ๐ คะแนน
๑.๖ เกณฑVการใหคB ะแนนแบบทดสอบแบบเขยี นตอบ พิจารณาจากคำตอบในภาพรวมท้งั หมด

โดยกำหนดระดบั คะแนนเปนf ๕ ระดบั ดงั น้ี

ระดับคะแนน เกณฑ@การใหค8 ะแนน

๔ ตอบไดBถูกตอB ง สามารถอธิบายเหตุผลไดชB ดั เจน แสดงแนวคดิ เชิงเปรียบเทียบ
๓ ตอบไดถB กู ตBอง สามารถอธบิ ายเหตผุ ลไดอB ยา. งชดั เจน

๒ ตอบไดถB ูกตBอง สามารถอธบิ ายเหตผุ ลไดเB ปfนบางส.วน แตย. ังไม.อยา. งชดั เจน
๑ ตอบไดBถูกตอB ง แต.ไมส. ามารถอธบิ ายเหตุผลไดB
๐ ตอบไม.ถกู ตอB ง และไมส. ามารถอธิบายเหตผุ ลไดB

๑.๗ เกณฑVการใหBคะแนนแบบทดสอบแบบต.อเนื่อง
(๑) เกณฑกV ารใหคB ะแนนแบบทดสอบแบบต.อเนื่องทกี่ ำหนดสถานการณV
พิจารณาจากความถกู ผิดของคาํ ตอบ ตอบถกู ใหB ๑ คะแนน
ตอบผดิ ใหB ๐ คะแนน
(๒) เกณฑกV ารใหคB ะแนนแบบทดสอบแบบต.อเนอื่ งสองขน้ั ตอน
โดยกำหนดระดับคะแนนเปfน ๓ ระดบั ดงั นี้

ระดับคะแนน เกณฑ@การใหค8 ะแนน
๒ เลอื กคำตอบและบอกเหตผุ ลประกอบถูกตBอง

๑ เลือกคำตอบถกู ตBอง แต.บอกเหตุผลประกอบไม.ถกู ตBอง หรือ เลือกคำตอบ ไม.ถกู ตอB ง แต.
บอกเหตผุ ลประกอบไดBสอดคลBองกับคำตอบท่เี ลือก

๐ เลอื กคำตอบและบอกเหตผุ ลประกอบไมถ. กู ตอB ง

๑.๘ เกณฑVการใหคB ะแนนแบบทดสอบแสดงวิธที ำ โดยกำหนดระดับคะแนนเปนf ๕ ระดับ ดงั นี้

ระดบั คะแนน เกณฑก@ ารใหค8 ะแนน
๔ คำตอบถกู ตอB งและแสดงวธิ ที ำทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ โดยแสดงถงึ การ อยา. งเปนf ระบบ และการ
คดิ วิเคราะหV

๒ คำตอบถกู ตBองและแสดงวธิ ที ำถูกตอB งสมบูรณ
๑ คำตอบถูกตอB ง แตแ. สดงวธิ ีทำถกู ตอB ง

คำตอบถกู ตอB ง มกี ารแสดงแสดงวิธที ำ แตย. งั ไมส. มบูรณ
คำตอบไมถ. กู ตBอง และแสดงวิธที ำไมถ. กู ตBอง

๒.การวัดและประเมินผลด8านทกั ษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ
ภาระงานที่มอบหมาย
- ใบงาน/แบบฝLกหดั /แบบฝกL ทกั ษะ
กำหนดเกณฑกV ารใบงาน/แบบฝกT หดั /แบบฝTกทกั ษะ ๔ ระดบั ดงั นี้

ระดับ เกณฑก@ ารให8คะแนน
คณุ ภาพ

๔ - ทำใบงาน/แบบฝTกหัด/แบบฝTกทกั ษะครบถBวนและเสร็จตามกําหนดเวลา
(ดมี าก) - ทำใบงาน/แบบฝTกหัด/แบบฝTกทกั ษะไดBถกู ตBอง
- แสดงลำดับข้นั ตอนของการทำใบงาน/แบบฝกT หดั /แบบฝกT ทกั ษะชดั เจนเหมาะสม

- ทำใบงาน/แบบฝกT หัด/แบบฝTกทกั ษะครบถวB นและเสร็จตามกําหนดเวลา

๓ - ทำใบงาน/แบบฝTกหัด/แบบฝกT ทกั ษะไดBถูกตอB ง
(ด)ี - สลับขั้นตอนของการทำใบงาน/แบบฝTกหดั /แบบฝกT ทักษะ หรอื ไม.ระบขุ น้ั ตอนของการทำใบงาน/
แบบฝTกหัด/แบบฝกT ทักษะ

- ทำใบงาน/แบบฝกT หัด/แบบฝกT ทกั ษะครบถวB น แต.เสรจ็ หลังกาํ หนดเวลาเล็กนอB ย
๒ - ทำใบงาน/แบบฝกT หัด/แบบฝTกทักษะขอB ไม.ถูกตBอง
(พอใช)B - สลบั ขัน้ ตอนของการทำใบงาน/แบบฝTกหัด/แบบฝกT ทกั ษะ หรือไมร. ะบุข้ันตอ ของการทำใบงาน/

แบบฝTกหดั /แบบฝกT ทกั ษะ

- ทำใบงาน/แบบฝTกหัด/แบบฝTกทกั ษะไมค. รบถBวน หรือไม.เสร็จตามกำหนด เวลาเล็ก

๑ - ทำใบงาน/แบบฝกT หดั /แบบฝกT ทักษะไมถ. ูกตอB ง
(ปรบั ปรงุ ) - แสดงลำดบั ขน้ั ตอนของการทำใบงาน/แบบฝกT หัด/แบบฝTกทักษะไม.สมั พันธV กับโจทยVหรือไมแ. สดง
ลำดบั ข้ันตอน

การประเมินผลการรOวมกจิ กรรมการเรยี นร8ู
การร.วมกิจกรรมการเรียนรูBส.วนใหญ.มอบหมายภาระงานเปfนกลุ.ม กำหนดเกณฑVการ
ประเมนิ ผลการร.วมกจิ กรรมการเรยี นรูB ดงั น้ี

รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ เกณฑก@ ารพจิ ารณา
๑. การวางแผน
๓ (ดี) - วางแผนและมอบหมายหนBาท่ีใหBสมาชิกไดBชัดเจน
๒. ความร.วมมอื
ในกลุม. ๒ (พอใช)B - วางแผน แต.มอบหมายหนาB ท่ใี หสB มาชิกไม.ชัดเจน
๓. ทักษะการ ๑ (ปรับปรุง) - ไมม. ีการวางแผน
ปฏบิ ัตกิ าร
๔. การเขียนรายงาน ๓ (ด)ี - ทุกคนทำงานตามหนาB ทีร่ บั ผดิ ชอบ

๕. เวลา ๒ (พอใช)B - สมาชิกส.วนมากทำงานตามหนBาท่ี
๑ (ปรับปรงุ ) - สมาชกิ ไมท. ำงานตามหนBาท่ี

๓ (ดี) - ปฏบิ ัตติ ามข้ันตอนอยา. งถูกตBองเหมาะสม
๒ (พอใช)B - ปฏบิ ตั ิตามขั้นตอนแต.ยังมีขBอผิดพลาดเปนf บางส.วน
๑ (ปรับปรุง) - ไมส. ามารถปฏิบตั ไิ ดBตามขั้นตอนและมคี วามผดิ พลาด

๓ (ดี) - เขียนรายงานไดBถกู ตBองเหมาะสมและนำเสนอไดสB มบูรณV
๒ (พอใชB) - เขียนรายงานไมส. มบรู ณV
๑ (ปรับปรงุ ) - รายงานมขี Bอผดิ พลาดหรือไม.เขยี นรายงาน

๓ (ด)ี - ปฏิบตั ิงานเสร็จสมบูรณตV ามเวลาทก่ี ำหนด
๒ (พอใชB) - ปฏบิ ัตงิ านเสร็จตามเวลาท่กี ำหนดแต.ไม.สมบรู ณV
๑ (ปรับปรงุ ) - ปฏิบัตงิ านไม.เสร็จสมบรู ณตV ามเวลาท่กี ำหนด

สมรรถนะสำคัญของผเ8ู รยี น
- การประเมินผลสมรรถนะสำคัญของผูBเรียน ประเมินโดยใชBแบบประเมินสมรรถนะสำคัญ

ของผเBู รยี น กำหนดเกณฑกV ารประเมนิ ดังนี้

ระดบั คุณภาพ เกณฑ@การใหค8 ะแนน
(๓)
ดีเยย่ี ม ผูBเรยี นปฏิบัติตนตามสมรรถนะจนเปfนนสิ ัย และนําไปใชใB นชีวิตประจำวนั
เพื่อประโยชนVสุขของตนเองและสังคม โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดับดเี ย่ยี ม
(๒) จำนวน ๓-๕ สมรรถนะ และไมม. ีสมรรถนะใดไดBผลการประเมนิ ต่ำกวา. ระดบั ดี
ดี
ผBูเรยี นมสี มรรถนะในการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑV เพือ่ ใหเB ปนf การยอมรับของสงั คม
(๑) พจิ ารณาจาก
พอใช8
(๐) ๑. ไดผB ลการประเมินระดบั ดีเยี่ยม จำนวน ๑-๒ สมรรถนะ
ปรบั ปรงุ และไมม. ีสมรรถนะใดไดBผลการประเมินต่ำกว.าระดบั ดี หรอื

๒. ไดผB ลการประเมินระดับดีเยี่ยม จำนวน ๒ สมรรถนะ
และไมม. สี มรรถนะใดไดผB ลการประเมนิ ต่ำกวา. ระดับผ.าน หรือ

๓. ไดผB ลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๔-๕ สมรรถนะ
และไม.มีสมรรถนะใดไดผB ลการประเมินต่ำกว.าระดบั ผ.าน

ผเBู รียนรับรูBและปฏบิ ัติตามกฎเกณฑแV ละเงื่อนไขทสี่ ถานศกึ ษากำหนด พจิ ารณาจาก
๑. ไดBผลการประเมินระดับผา. น จำนวน ๔-๕ สมรรถนะ
และไม.มีสมรรถนะใดไดBผลการประเมินตำ่ กวา. ระดับผ.าน หรอื
๒. ไดผB ลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๒ สมรรถนะ และไม.มีสมรรถนะใด
ไดผB ลการประเมนิ ตำ่ กว.าระดบั ผา. น

ผBูเรยี นรบั รแBู ละปฏบิ ตั ิไดไB ม.ครบตามเกณฑVและเงอ่ื นไขทก่ี ำหนด โดยพิจารณา
จากผลการประเมนิ ระดับตBองปรับปรงุ ตั้งแต. ๑ สมรรถนะ

เกณฑ@การใหค8 ะแนน

พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติสม่ำเสมอ ใหB ๓ คะแนน
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตบิ .อยครง้ั ใหB ๒ คะแนน
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั บิ างคร้งั ใหB ๑ คะแนน
พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัตนิ อB ยครง้ั ใหB ๐ คะแนน

เกณฑก@ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ระดบั คณุ ภาพ

ชวO งคะแนน ดีเยีย่ ม (๓)
๑๓-๑๕ ดี (๒)
๙-๑๒
๕-๘ ผา. น (๑)
ตำ่ กวา. ๕ ไม.ผ.าน (๐)

แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู>เรยี น

ชื่อ................................................นามสกลุ ................................................เลขท.่ี .............ชั้น.................
คำชีแ้ จง : ใหBผสBู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี น และขดี P ลงในช.องทตี่ รงกับคะแนน

สมรรถนะดา( น รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ

๑. ความสามารถ ๑.๑ มีความสามารถในการรับ-สง5 สาร ดีเยย่ี ม ดี ผา* น ไม*ผา* น
ในการสื่อสาร ๑.๒ มีความสามารถในการถา5 ยทอดความร<ู ความคิด ความเขา< ใจ
๒. ความสามารถ ของตนเอง โดยใชภ< าษาอย5างเหมาะสม (๓) (๒) (๑) (๐)
การคิด ๑.๓ ใชว< ธิ กี ารสอ่ื สารทีเ่ หมาะสม มปี ระสทิ ธภิ าพ รวม .......... คะแนน ระดับ ...............
รวม .......... คะแนน ระดับ ...............
๑.๔ เจรจาตอ5 รองเพอ่ื ขจดั และลดปญO หาความขดั แย<งต5าง ๆ ได< รวม .......... คะแนน ระดับ ...............
๑.๕เลือกรบั และไม5รบั ขอ< มลู ขา5 วสารดว< ยเหตุผลและถูกตอ< ง รวม .......... คะแนน ระดบั ...............
รวม .......... คะแนน ระดับ ...............
สรปุ ผลการประเมิน
ใน ๒.๑ มีความสามารถในการคดิ วเิ คราะหV สงั เคราะหV

๒.๒ มีทักษะในการคดิ นอกกรอบอยา5 งสรา< งสรรคV

๓. ความสามารถ ใน ๒.๓ สามารถคดิ อย5างมวี ิจารณญาณ
การแกป< Oญหา ๒.๔ มีความสามารถในการสร<างองคVความร<ู
๒.๕ ตดั สินใจแกป< ญO หาเกย่ี วกบั ตนเองได<อยา5 งเหมาะสม

สรุปผลการประเมิน
๓.๑ สามารถแกป< ญO หาและอุปสรรคตา5 ง ๆ ทเี่ ผชิญได<
๓.๒ ใช<เหตผุ ลในการแก<ปญO หา
๓.๓ เขา< ใจความสมั พนั ธแV ละการเปลีย่ นแปลงในสงั คม
๓.๔ แสวงหาความรู< ประยุกตคV วามรมู< าใชใ< นการปอู งกนั และแกไ< ขปญO หา

๔. ความสามารถ ในการ ๓.๕ สามารติดสนิ ใจไดเ< หมาะสมตามวัย
ใชท< ักษะชวี ิต สรปุ ผลการประเมนิ
๕. ความสามารถ
ในการใช<เทคโนโลยี ๔.๑ เรียนร<ูด<วยตนเองได<เหมาะสมตามวัย
๔.๒ สามารถทำงานกลุ5มรว5 มกับผ<อู น่ื ได<
๔.๓ นําความร<ูที่ไดไ< ปใชป< ระโยชนVในชีวติ ประจำวนั
๔.๔ จดั การปญO หาและความขัดแย<งไดเ< หมาะสม
๔.๕ หลกี เลย่ี งพฤติกรรมไม5พงึ ประสงคVทสี่ 5งผลกระทบต5อตนเอง

สรปุ ผลการประเมิน
๕.๑ เลอื กและใช<เทคโนโลยีไดเ< หมาะสมตามวัย
๕.๒ มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี
๕.๓ สามารถนาํ เทคโนโลยีไปใช<พัฒนาตนเอง
๕.๔ ใชเ< ทคโนโลยใี นการแกป< ญO หาอย5างสรา< งสรรคV
๕.๕ มีคณุ ธรรม จริยธรรมในการใช<เทคโนโลยี

สรุปผลการประเมิน

ระดบั คุณภาพตามเกณฑกV ารประเมนิ ในหลกั สูตรรายช้นั

ลงช่ือ................................................................ผป(ู ระเมิน

๓.คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค@
การประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงคV ประเมินโดยใชBแบบประเมินคุณลักษณะ อันพึง

ประสงคV กำหนดเกณฑใV นการประเมนิ ดังนี้

ระดบั คณุ ภาพ เกณฑ@การให8คะแนน
(๓)
ดีเยยี่ ม ผูBเรียนปฏิบตั ติ นตามคณุ ลักษณะจนเปfนนสิ ยั และนาํ ไปใชBในชวี ิตประจำวนั เพื่อประโยชนV
สขุ ของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ทั้ง ๘ คุณลักษณะ คอื ไดรB ะดับ
(๒) ๓ จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม.มีคุณลกั ษณะใดไดผB ลการประเมินต่ำกวา. ระดบั ๒
ดี
ผูเB รียนมีคุณลกั ษณะในการปฏิบัตติ ามกฎเกณฑV เพื่อใหBเปfนการยอมรับของสังคม
(๑) พจิ ารณาจาก
ผ.าน
(๐) ๑. ไดBผลการประเมนิ ระดบั ๓ จำนวน ๑-๔ คณุ ลกั ษณะ และไม.มคี ุณลกั ษณะใด
ไม.ผ.าน ไดBผลการประเมนิ ตำ่ กว.าระดับ ๒ หรือ

๒. ไดBผลการประเมนิ ระดบั ๓ จำนวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และไม.มคี ณุ ลักษณะใด
ไดBผลการประเมินต่ำกว.าระดบั ๑ หรอื

๓. ไดBผลการประเมนิ ระดบั ๒ จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไมม. คี ุณลกั ษณะใด
ไดผB ลการประเมนิ ตำ่ กว.าระดบั ๑

ผูBเรยี นรับรBูและปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑV และเงอื่ นไขทส่ี ถานศกึ ษากำหนด พจิ ารณาจาก
๑. ไดผB ลการประเมนิ ระดบั ๑ จำนวน คุณลกั ษณะ และไม.มีคุณลักษณะใด
ไดผB ลการประเมินตำ่ กวา. ระดบั ๑ หรอื
๒. ไดBผลการประเมนิ ระดบั ๒ จำนวน ๔ คุณลักษณะ และไมม. คี ุณลกั ษณะใด
ไดBผลการประเมินต่ำกว.าระดับ ๑

ผเูB รยี นรบั รูBและปฏิบตั ิไดไB มค. รบตามเกณฑแV ละเง่อื นไขทกี่ ำหนด โดยพจิ ารณาจาก
ผลการประเมนิ ระดบั ๐ ต้งั แต. ๑ คุณลกั ษณะขน้ึ ไป

เกณฑกV ารใหคB ะแนน

พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิสมำ่ เสมอ ใหB ๓ คะแนน
พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั บิ .อยครั้ง ใหB ๒ คะแนน
พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั บิ างครั้ง ใหB ๑ คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั นิ Bอยคร้ัง ใหB ๐ คะแนน

แบบประเมินคุณลักษณะที่พงึ ประสงค%

ชื่อ................................................นามสกลุ ................................................เลขที่..............ช้ัน.................
คำช้แี จง : ใหBผสBู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน และขดี P ลงในช.องทตี่ รงกบั คะแนน

คณุ ลักษณะ รายการระเมนิ ดีเยีย่ ม ระดบั คณุ ภาพ ไมผ5 5าน
(๓) (๐)
ดี ผา5 น
(๒) (๑)

๑. รกั ชาติ ศาสนD ๑.๑ ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ( งเพลงชาติได(
กษัตริยD ๑.๒ เตขJอา( โรรวJ งมเรกียจิ นกรรมที่สรา( งความสามคั คี และเปนO ประโยชนD
๒. ซ่ือสตั ยD สจุ รติ ๑.๓ เขา( รวJ มกิจกรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบัตติ าม

หลักศาสนา
๑.๔ เขา( รวJ มกจิ กรรมทีเ่ กยี่ วกบั สถาบนั พระมหากษัตริยD

ตามทโี่ รงเรียนจดั ข้ึน
๒.๑ ให(ขอ( มลู ท่ถี กู ต(อง และเปนO จริง

๒.๒ ปฏิบัตใิ นส่งิ ท่ถี ูกต(อง

๓. มีวินัย ๓.๑ ปฏิบัติตามข(อตกลง กฎเกณฑD ระเบยี บ ขอ( บังคบั
รับผิดชอบ ของโรงเรียน
๔. ใฝเ^ รียนรู(
๓.๒ มคี วามตรงตอJ เวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตJาง ๆ
ในชวี ิตประจำวัน

๔.๑ ร(ู จกั ใช(เวลาวาJ งให(เปนO ประโยชนD และนำไปปฏบิ ตั ิได(

๔.๒ รูจ( กั จดั สรรเวลาใหเ( หมาะสม

๔.๓ เชือ่ ฟ`งคำส่ังสอนของบดิ า-มารดา ครู

๔.๔ ตง้ั ใจเรียน

๕. อยJอู ยาJ ง ๕.๑ ใชท( รัพยสD ินและสงิ่ ของของโรงเรยี นอยJางประหยดั
พอเพียง ๕.๒ ใช(อุปกรณDการเรียนอยJางประหยดั และร(คู ณุ คJา

๕.๓ ใช(จาJ ยอยJางประหยัดและมีการเก็บออมเงนิ

๖. มJุงมัน้ ในการ ๖.๑ มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานท่ไี ด(รบั มอบหมาย
ทำงาน ๖.๒ มีความอดทนและไมทJ (อแท(ตJออุปสรรคเพื่อให(งานสำเรจ็

๗. รกั ความเปนO ๗.๑ มีจิตสำนึกในการอนุรกั ษDวฒั นธรรมและภูมิปญ` ญาไทย
ไทย ๗.๒ เห็นคณุ คJาและปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย

๘. มีจิตสาธารณะ ๘.๑ ร(ูจกั ชวJ ยพอJ แมJ ผู(ปกครอง และครทู ำงาน
๘.๒ รจ(ู ักการดูแลรกั ษาทรพั ยสD มบัติและสงิ่ แวดล(อมของ
หอ( งเรยี นและโรงเรยี น
ระดับคณุ ภาพตามเกณฑDการประเมินในหลักสตู รรายช้นั

ลงชื่อ................................................................ผู(ประเมนิ

๔. เกณฑ@การตดั สินผลการเรียน
๔.๑ เกณฑก@ ารตดั สินระดับผลการเรยี น

ระดบั ผลการเรียน ความหมาย ชวO งคะแนน

๔ ผลการเรียนดีเย่ยี ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ผลการเรยี นดมี าก ๗๕ - ๗๙
๓ ๗๐ - ๗๔
ผลการเรียนดี
๒.๕ ๖๕ - ๖๙
๒ ผลการเรียนค.อนขBางดี ๖๐ - ๖๔
ผลการเรียนปานกลาง
๑.๕ ๕๕ - ๕๙
๑ ผลการเรยี นพอใชB ๕๐ - ๕๔
๐ ผลการเรียนผา. นเกณฑขV น้ั ตำ่ ๐ - ๔๙
ผลการเรียนต่ำกว.าเกณฑV

๔.๒ เกณฑ@การตดั สินผลการเรียน ร และ มส.
(๑) ตดั สินผลการเรียน ร
หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินผลการเรียนไม.ไดBเนื่องจาก ผูBเรียนไม.มีขBอมูลผลการ

เรียนในรายวิชาครบถBวน ไดBแก. ไม.ไดBวัดผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม.ไดBส.งงานที่มอบหมายใหBทำ ซ่ึง
งานนัน้ เปนf สว. นหนงึ่ ของการตดั สนิ ผลการเรยี น หรือมีเหตุสดุ วิสยั ทท่ี ำใหBประเมนิ ผลการเรยี นไมไ. ดB

ตดั สินผลการเรยี น มส.
หมายถึง ผูBเรียนไม.มีสิทธิเขBารับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผูBเรียน มีเวลาเรียน
ไม.ถงึ รอB ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด และไมไ. ดรB ับการผ.อนผนั ใหBเขาB รบั การวัดผลปลายภาคเรียน


Click to View FlipBook Version