GRAMMar M

GRAMMar M.2

Submitted by

Name : Chanchai maneewong
M.2/9 no.4

Present

Phatthana Chotikanta

Preface

This report was created as part of the english language class 2nd grade.
the objectivetive is to have knowledge of The English language and make
it useful to the readers, making themhave knowledge about grammar M.2
in a text that is easy to understand.

Chapter Page

Present Simple Tense 1-6
Present esent Continuous Tense 7-8
Past Simple Tense 9 - 12
Past Continuous Tense 13 - 15
Present Perfect Tense 16 - 17
Comparision 18 - 20
Will 21 - 22
A/An ; some/any 23 - 24
Should/Shouldn't Must/Mustn't 25 - 28

Present Simple Tense

Present Simple Tense คือรูปคำกรยิ ำทใี่ ช้กบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทวั่ ไป ส่งิ ท่ีเปน็
กิจวัตรหรอื แผนกำรและตำรำงซ่ึงจะใชค้ ำกรยิ ำ ช่อง 1 ( เช่น go,come,eat) อยำ่ งเชน่
i go to school every day
ฉนั ไปโรงเรยี นทุกวัน

แต่ถำ้ ประธำนเป็นบุรุษที่3เรำจะตอ้ งใช้คำกริ ยิ ำรปู s/es แทน
(เช่น Goes, to school, eats) อยำ่ งเช่น
He goes to school every day
เขำไปโรงเรียนทุกวนั

ประโยคบอกเล่า

โครงสร้าง
subject + verd 1 + (object/complement)
ตวั อยำ่ งประโยคเชน่
I love my dog
ฉนั รักหมำของฉนั

ประโยคปฎเิ สธ

กำรใช้ present simple tense ในประโยคปฏิเสธ จะมโี ครงสร้ำงหลักๆ 2 แบบ คือ
1. ประโยคที่ใช้ verb to be เปน็ คำกริยำหลัก
ถำ้ ประโยคมี verb to be (is, am, are) เปน็ คำกริยำหลัก เรำสำมำรถใช้ not หลัง verb
to be ได้เลย โดยเรำสำมำรถเขียนยอ่ is not ใหเ้ ป็น isn't และย่อ are not ใหเ้ ปน็ aren't
ได้ แตส่ ำหรับ am not นัน้ เรำจะไม่ใช้รูปย่อ
โครงสรา้ ง

Subject + verb to be + not + (object/complement)
He isn't an engineer.
เขำไม่ใช่วศิ วกร
(รปู ประโยคบอกเลำ่ คือ He is an engineer.)
2. ประโยคทไ่ี ม่ไดใ้ ช้ verb to be เป็นคำกรยิ ำหลัก

ถำ้ ประโยดมีคำกริยำหลกั เปน็ คำกรยิ ำอ่ืนท่ไี ม่ใช่ verb to be เรำจะใช้ do/does + not ไว้หนำ้
คำกรยิ ำหลัก โดยเรำสำมำรถขยี นย่อ do not เปน็ don't และยอ่ does not ใหเ้ ปน็ doesn't
ได้
โครงสร้าง
Subject + do/does + not + verb 1 + (object/complement)
(ในประโยกปฏิเสธทใ่ี ช้ do/does เรำจะใช้ does กับประธำนเอกพจน์บุรษุ ที่ 3 และจะใช้ do
กับประธำนชนิดอืน่ ๆ และเรำจะใชค้ ำกรยิ ำหลัก เปน็ คำกรยิ ำรูปปกตทิ ไี่ มไ่ ด้เดิม S/es เสมอ)
He doesn't love me.
เขำไมไ่ ด้รกั ฉัน
(รูปประโยคบอกเลำ่ คือ He loves me.)

ประโยคคาถาม

กำรใช้ present simple tense ในประโยคคำถำม จะมีโครงสรำ้ งหลกั ๆ 2 แบบ คอื
1. ประโยคที่ใช้ verb to be เปน็ คำกริยำหลัก
ถำ้ ประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกรยิ ำหลกั เรำจะขน้ึ ตน้ ประโยดด้วย Verb to be
โครงสร้าง
Verb to be + subject + (object/complement)?
ตวั อย่างประโยคเช่น
Is she angry?
เธอโกรธรีเปล่ำ
(รูปประโยคบอกเล่ำคอื She is angry.)

สรุป present simple tense

ㆍ Present simple tense คือรปู คำกริยำท่ใี ชก้ บั ข้อเท็จจริงทว่ั ไป สง่ิ ที่เปน็ กจิ วัตร หรือแผนกำร
และตำรำงเวลำ ซง่ึ จะใช้คำกรยิ ำชอ่ ง 1 (เชน่ go, come, eat)

ㆍ แต่ถ้ำประธำนเปน็ เอกพนบ์ รุ ุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat,pen) เรำจะตอ้ งใช้
คำกริยำรูปทีเ่ ดิม s/es (เช่น goes, comes, eats) แทน

ㆍ ประโยคบอกเลำ่ ประโยคคำถำม และประโยคปฏิเสธ จะมโี ครงสรำ้ งประโยคและ รำยละเอียด
กำรใช้ tense ทต่ี ำ่ งกนั สำหรบั ประโยดคำถำมและประโยคปฏเิ สธ ถ้ำคำกริยำหลักไมใ่ ช่

verb to be เรำจะตอ้ งนำ do/does เขำ้ มำใช้ด้วย

เรำจะใช้ present simple tense เมอ่ื

. กล่ำวถงึ สิ่งที่เปน็ จรงิ ในปัจจบุ นั

o กลำ่ วถึงสงิ่ ที่เปน็ กจิ วัตร
o กลำ่ วถึงข้อเท็จจริงตำมธรรมชำติ
o กล่ำวถงึ แผนกำรหรือตำรำงเวลำ
o ให้คำแนะนำ ข้อมลู หรือรำยละเอยี ดขน้ั ตอนตำ่ งๆ
o ใช้เล่ำเรอ่ื งหรอื เล่ำมุขตลก เมอื่ เรำต้องกำรใ ห้เรอ่ื งนั้นดลู ดใหมห่ รอื ใกล้ตวั มำกข้ึน
o เรำมกั เจอคำบอกควำมถี่ (เช่น always, often, sometimes) ใu present simple tense

บอ่ ยๆ เพรำะเปน็ คำทใ่ี ช้บ่งบอกถึงควำมเปน็ กิจวัตร แตค่ ำเหลำ่ น้ี จริงๆแล้วก็สำมำรถใชก้ บั
tense อนื่ ๆได้ดว้ ยเชน่ กนั ข้นึ อยกู่ ับใจควำมของประโยค

คาบอกเวลากับ present simple tense

เนอื่ งจำก present simple tense จะถูกใข้เมือ่ กลำ่ วถงึ สงิ่ ที่เปน็ กจิ วัตร เรำจงึ มกั จะเห็นคำบอก
เวลำจำพวกคำบอกควำมถี่ (adverbs of frequency) 1u present simple tense บ่อยๆ ซง่ึ คำ
เหล่ำนี้น้นั ไดแ้ ก่

Adverbs of frequency ความหมาย

Always เป็นประจำ, เสมอ

Usually มักจะ

Nomally โดยปกติ

Generally โดยปกติ

Often บ่อยคร้ัง

Frequently บ่อยคร้งั

Sometimes บำงครงั้

Occasionally เป็นบำงครัง้

Seldom ไมค่ ่อย

Rarely นำนๆครั้ง

Hardly นำนๆครัง้

Never ไมเ่ คย

แบบฝึกหัด Present Simple Tense

1]__you__that film?
A. Are / like
B. Do / like
C. Does / like
D. Do / likes
2] We__meat. We_vagetarians.
A. are not / are
B. are not eat meat / are
C. eat / are
D. don't eat / are
3] Tom and I__to the tennis court every Sunday morning. We really__it.
A. go / like
B. am go / like
C. am not go / are not like
D. don't go/ like

เฉลย 1. (B) Do / like 2. (D) don't eat / are 3. (A) go / like

Present Continuous Tense

Present Continuous Tense (Tense ปัจจบุ ันกาลังทา)

Present เพร๊เซนิ ท= ปจั จบุ นั

Continuous คอนทินิวอัส =ต่อเนือ่ ง

Present Continuous Tense มีช่อื เรยี กอกี อยำ่ งหนงึ่ คือ Present Progressive Tense

โครงสรา้ ง present continuous tense

 S+ IS, AM, ARE + V ING

 ประธำน + IS, AM, ARE + กริยำเตมิ ING

I am

He, She, It, A cat is

You, We, They, Cats are

 หลกั กำรใช้ present continuous tense

 หลักกำรแปล ใหแ้ ปลรวบ is am are กบั กรยิ ำที่เติม ig วำ่ " กำลงั ...."

1. ใชก้ ลำ่ วเหตุกำรณ์ทก่ี ำลังเกดิ ขน้ึ ขณะทีพ่ ดู อยู่ หรือในระหวำ่ งอำทิตย์นั้น เดือนน้นั ก็ได้

ซง่ึ อำจจะมคี ำเหล่ำนี้อยดู่ ว้ ยกไ็ ด้

 now / right now ตอนนี้

 at the moment ตอนนี้

2. ใช้กลำ่ วถงึ เหตกุ ำรณ์ท่ีกำลงั จะเกดิ ขนึ้ แน่ๆ) และมกั จะมคี ำที่บ่งบอกกำกบั อยู่ด้วย

 this evening เยน็ น้ี

 tonight คืนนี้

 tomorrow wรุ่งน้ี

 this weekend สดุ สปั ดำห์นี้

 next week สปั ดำห์หนำ้

 next month เดือนหน้ำ

 next year ปหี น้ำ

แบบฝึกหดั Present continuous Tense
11] (A) Why__we _to a bank?
(B) That's a great idea.
A. are / going
B. aren't / go
C. don't / go
D.aren't / going
12] It is_
A. snows
B. to snow
C. snowing
D. snowed
13]__her dogs__ bones?
A. Are/ have
B. Is / having
C. Are / having
D. Do / having

เฉลย 1 (D) aren't / going 2 (C) snowing 3 (C) Are / having

Past Simple

Past simple Tense คอื เรำจะใช้ Past Simple Tense ในกำรพดู ถึงเรอ่ื งในอดตี หรอื
เหตุกำรณ์ท่จี บลงไปแลว้ อยำ่ งสมบรู ณ์ และน้อง ๆ จะเจอ Tense น้ไี ด้บ่อย ๆ เวลำที่อำ่ นหนงั สือ
นิทำน หรอื นิยำยภำษำอังกฤษตำ่ ง ๆ เรำก็ใช้ Tense น้ใี นกำรเลำ่ เร่ืองเชน่ กนั
โครงสรา้ งประโยคบอกเลา่
กริยำใน Past Simple จะเปน็ รูปของ Past Form หรือกริยำช่องท่ี 2 ซง่ึ ส่วนใหญ่
จะเตมิ -ed ถ้ำเป็น Verb to be กจ็ ะใช้ was และ were

AFFIRMATIVE
Subject + V2(past form)+...

ตัวอยา่ ง

I saw a movie last week.
ฉันดหู นงั สือเมอื่ สัปดำห์ท่ีแล้ว
John played football yesterday.
จอหน์ เลน่ ฟุตบอลเมอ่ื วำนน้ี
He travelled to Italy last month.
เขำไปเท่ียวอติ ำลีเม่ือเดือนทแี่ ลว้

โครงสรา้ งประโยคปฏเิ สธ

เรำจะใช้ did not หรอื didn't มำชว่ ยและตำมดว้ ยกรยิ ำไม่ผัน (Infinitive)

NEGATIVE
Subject+did nottV(infinitive)+...I

ตวั อยา่ ง

I didn't know what happened on Monday.
ฉันไมร่ ู้ว่ำเกิดอะไรข้นึ เมอื่ วันจันทร์

Maria didn't arrive on time this morning.
มำเรียนไมไ่ ดม้ ำถงึ ตรงเวลำเมื่อเช้ำน้ี

Jake didn't want to play basketball.
เจคไมอ่ ยำกเล่นฟตุ บอล

โครงสร้างประโยคคาถาม

เรำจะนำ Did มำข้ึนตน้ ประโยค จำกนนั้ กต็ ำมดว้ ยสว่ นประธำนและกริยำส่วนที่เหลอื

INTERROGATIVE
Did + Subject + V(infinitive)....

ตัวอยา่ ง

Did you go to school yesterday?
เม่ือวำนเธอไปโรงเรียนมำหรือเปล่ำ?
Did Lala join the party last weekend?
ลำลำ่ ไดไ้ ปงำนปำร์ตี้เมือ่ อำทติ ยก์ อ่ นหรือเปลำ่ ?
Did he come to your wedding?
เขำได้มำงำนแตง่ งำนของคณุ หรือเปลำ่ ?

ขอ้ ควรจา

1. ใน Past Simple อำจจะมีตัวบอกเวลำหรอื ไม่มกี ็ได้ โดยให้ สังเกตกรยิ ำท่ีเป็น Past
Form (ซอ่ งที่ 2) เป็นหลัก ตัวอยำ่ งตวั บอกเวลำในอดีต ได้แก่ yesterday, last week,
two days ago, last Friday เปน็ ต้น

2. ควรมพี น้ื ฐำนเรอ่ื ง Regular และ Irregular Verbs มำกอ่ นเพรำะจะทำให้ผนั กริยำได้
แมน่ ยำมำกขน้ึ Regular Verbs เช่น play > played > played และ Irregular
Verbs เชน่ go > went > gone

3. Past Simple น้ันง่ำยตรงท่ี ไมต่ อ้ งผันกริยำตำมประธำนเหมือนกับ Present Simple
ประธำนทุกตวั จะใชก้ ริยำชอ่ งท่ี 2 ทัง้ หมด (มีแค่ was/were ท่ตี ้องผนั ตำมประธำน)

แบบฝึกหดั Past Simple Tense

1]I_ 10,000 bath yesterday. I __ my new shoes.
A. spended / didn't buy
B. spent / bought
C. didn't spend/ bought
D. wasn't spend didn't buy
2] We_to the market. It rained a lot yesterday.
A. wasn't walk
B. didn't walked
C. not walk
D. didn't walk

3] (A) ____you___homework last night?
(B) Yes' I____.
A. Did / finish / did
B. Did / finished / did
C. Were you / finished / was
D. Were / finish / was

เฉลย 1 (B) spent / bought 2 (D) didn't walk 3(A) Did / finish / did

Past Continuous Tense

โครงสร้างประโยn Past continuous tense

ประโยคบอกเลำ่ S+ was/were + V.ing He was playing football yesterday

lat 10 am.

ประโยคปฏิเสธ S+ was/were + not +V.ing He was not playing football

yesterday at 10 am.

ประโยคคำถำม Was/Were+ S+ V.ing Was he playing football yesterday

at 10 am?

Subject ประธำนประโยค Verb to be ท่ีใช้ (กรยิ ำช่อง 2 ของ is และ are)
I, He, She, It, A cat (ประธำนเอกพจน์) was
You, We, They, Cats (ประธำนพหูพจน์) were

Past continuous tenseใช้เลา่ ถงึ เหตกุ ารณใ์ นอดตี ซง่ึ มดี ้วยกัน 3 แบบ คือ

1. เหตุกำรณ์ทีก่ ำลงั เกดิ ในอดีต เช่น
It was raining yesterday at noon.
(ฝนตกลงมำเมอื่ วำนตอนเทย่ี ง)

2. เหตุกำรณ์ทก่ี ำลังเกิดตอ่ เนื่องอย่ใู นอดตี ซึง่ เกิดข้นึ อยู่ก่อน แลว้ กม็ อี ีกเหตกุ ำรณ์หนง่ึ เขำ้
มำแทรก เชน่
I was having a beautiful dream when the alarm clock rang.
(ฉนั กำลังฝนั ดีอยู่เชียว นำฬกิ ำปลกุ กด็ ันดังขนึ้ )

3. เหตกุ ำรณก์ ำลังเกดิ ไปพร้อม ๆ กนั ในอดตี ไม่มอี ันไหนเกดิ กอ่ นเกดิ หลัง เช่น
While my mom was cooking, my dad was washing his car.
(ขณะที่แมก่ ำลังทำอำหำร พ่อก็กำลังลำ้ งรถ)

การใช้ While, When, As

While, When, as ถือว่ำเป็น Key word สำคญั ทบ่ี ่งบอกวำ่ ประโยดนเี้ ป็นประ โยด Past
continuous tense เลยก็วำ่ ได้ เช่น
When the police arrived, we were sleeping.
(ตอนทตี่ ำรวจมำถึง พวกเรำกำลังนอนหลับกนั อย่)ู

เทคนิคการจา

- ประโยคทอ่ี ยู่หลัง while และ as ใช้ past continuous (Subject + was/ were +V.ing)
เพรำะเปน็ เหตุกำรณท์ ่ียังจะเกิดตอ่ เน่ืองไปอีกระยะหนึ่ง
- ประโยคทอ่ี ยหู่ ลัง when ใช้ past simple (Subject + V.2) เพรำะเป็น
เหตุกำรณ์ท่ีแทรกเข้ำมำส้ัน ๆ และจบไปแล้ว พูดง่ำย ๆ ว่ำเกดิ ขนึ้ แป๊บเดียว

แบบฝกึ หัด Past Continuous Tense

1] A: you when I knocked the door?
B: No,___.
A. Were / eating / I wasn't
B. Was / ate / I weren't
C. Did / eat / I didn't
D. Were /eating / I was.
2] When the teacher___.I____.
A. was arriving / was sleeping
B. arrived / slept
C.arrived / was sleeping
D. was arriving / slept
3] What_____you_____while I _____?
A. did / do / was cooking
B. were / doing / was cooking
C. did / do / cooked
D. were / doing /cooked
เฉลย 1 [A] Were /eating / I wasn't

2 [C] arrived / was sleeping
3 [B] were / doing / was cooking

Present Perfect Tense

Present Perfect Tense เปน็ Tense เปน็ เหตกุ ำรณใ์ นอดตี ทีม่ ผี ลตอ่ เน่ืองถึงปจั จุบนั

โครงสรา้ งของ Present Perfect Tense คอื

Subject + has / have

+ V3

has / have ผันตามประธาน ดังนี้

- ประธำนเปน็ เอกพจน์ (He, She, It, John, Jane) ใช้ Has

- ประธำนเป็นพหูพจน์ (I, You, We, They, The dogs, Students) ใช้ Have

หลักการใช้ Present Perfect Tense คอื

1. ใช้กบั เหตกุ ำรณ์ที่เพิง่ จบไป หรอื เพิง่ จบลงใหม่ ๆ มักจะมคี ำวำ่ just, already หรือ yet
ในประโยค เช่น

Has the train arrived yet?
(รถไฟมาถงึ หรือยงั )

2. ใชก้ บั เหตกุ ำรณ์ที่เกดิ ขึน้ ต้งั แตอ่ ดตี และมผี ลหรือยงั คงสภำพจนถงึ ปัจจุบนั แต่เหตุกำรณ์
นั้นไดจ้ บลง
ไปแล้ว โดยสว่ นใหญ่จะมคี ำวำ่ since, for, ever since, so far อยู่ในประโยค เช่น

I've known her for years.
(ฉันร้จู ักเธอมาหลายปแี ลว้ )

3. ใช้ในกำรเลำ่ ประสบกำรณต์ ำ่ ง ๆ สว่ นใหญจ่ ะมีคำวำ่ never, ever, once, twice
รวมอยู่ดว้ ย เชน่

Have you ever been to Japan?
(คุณเคยไปประเทศญป่ี ุ่นไหม)

4. ใชใ้ นโครงสรำ้ ง If-clause แบบที่ 1 ในส่วนของเงื่อนไขท่แี สดงวำ่ ถำ้ ทำเหตกุ ำรณห์ นึ่ง
เสร็จแลว้ อีกเหตุกำรณ์จะเกิดขนึ้ เช่น

The children can go out, if they have finished their homework.
(เด็ก ๆ สามารถออกไปเลน่ ขา้ งนอกได้ ถ้าพวกเขาทาการบา้ นเสร็จ)

แบบฝกึ หัด Present Perfect Tense 3 (B) have you eaten

6] Jim is looking for her keys. She______them.
A. have lost
B. was lost
C. has lost
D. lost
7] She______a receptionist______2018.
A. was / since
B. has been / for
C. has been / since
D. have been / for
8] Why______so much apples today?
A. have you ate
B. have you eaten
C. you eaten
D. has you eaten
เฉลย 1 (C) has lost 2 (C) has been / since

Comparision

กำรใช้คำคุณศพั ท์ในกำรเปรยี บเทยี บมีอยู่ 3 ขัน้ คอื
1. กำรใช้คำคุณศพั ท์ในกำรเปรียบเทยี บขน้ั ปกติ (Positive/Regular Adjectives)

โครงสร้างประโยค : S + V. to be t+ as adjective as
เรำใช้ aร...as ในกำรเปรียบเทียบของสองสง่ิ ที่เทำ่ กันหรอื เหมือนกันทุกประกำร โดยคำคุณศพั ท์ที่
ใช้เปรียบเทยี บในขั้นธรรมดำนี้จะไมม่ กี ำรเปลย่ี นรปู หรือเตมิ คำใด ๆ หลัง adjective นั้น ๆ เชน่

Harry is as tall as his brother.
(แฮร่ีสงู เทา่ กนั กับน้องชายของเขา)

2. กำรใชค้ ำคุณศพั ท์ในกำรเปรียบเทยี บขนั้ กว่ำ (ComparativeAdjectives)
โครงสร้างประโยคแบบท่ี 1 : S + V. to be + adj. +er + than
กำรเปรียบเทียบคำคุณศัพทข์ ้นั กว่ำนี้มี 2 รปู แบบ คือ รูปแบบแรกจะมกี ำรเตมิ -er ทำ้ ยคำคุณศัพท์
(adjective) นนั้ ๆ และตำมดว้ ย than เพอ่ื เปรยี บเทียบว่ำ ส่ิงหนึ่ง ... กว่ำอกี ส่ิงหน่ึง เชน่

Pug is smaller than Siberian.
(สุนัขพันธป์ุ กั ตัวเลก็ กว่าสนุ ขั พนั ธุ์ไซบเี รียน)

3. กำรใชค้ ำคุณศัพท์ในกำรเปรียบเทยี บขั้นสงู สดุ (SuperlativeAdjectives)

โครงสรา้ งประโยคแบบที่ 1 : S + V. to be + the + adj. + est

กำรเปรียบเทยี บข้ันสงู สดุ น้ีมี 2 รูปแบบ คอื รปู แบบแรกจะใช้ the นำหน้ำ adj. ทีม่ ีกำรเตมิ -est
ท้ำยคำน้นั ๆ เพอ่ื เปรียบเทียบว่ำ สงิ่ นน้ั ... ที่สุด เช่น

She was the cleverest girl I have ever known.

(หล่อนเป็นผูห้ ญงิ ที่ฉลาดท่สี ุดทีฉ่ นั เคยรจู้ กั มา)

โครงสรา้ งประโยคแบบที่ 2 : S + V. to be + the + most + adj.

รปู แบบทีส่ อง จะใส่ the most ไว้ด้ำนหนำ้ adj. นน้ั ๆ เพื่อเปรยี บเทยี บว่ำ สิ่งนั้น . ทีส่ ุด
เช่น

I am the most beautiful woman in this world.

(ฉนั เป็นผู้หญงิ ท่ีสวยทส่ี ดุ ในโลกน้)ี

แบบฝึกหัด Comparision

3.Carlos is ___________________Than Jim.

 intellectualer
 more intellectaul
 much intellectual
 most intellectual

4. The plans calls for a_____________________ defense the one we have.

 stronger
 most stronger
 strongest
 more stronger

แบบฝึกหดั Comparision (ต่อ)

5. The weather is__________ at this time of year than in the spring.
 calm
 calmest
 calmer
 more calmer

เฉลย 3. Intellectualer
4. Stronger
5. calm

Will

ควำมหมำย
Will และ Going to มีควำมหมำยเหมอื นกันคอื หมำยถงึ "จะ" ใช้เพือ่ พดู ถึงเหตุกำรณ์ที่จะเกดิ ข้ึน
ในอนำคต แต่ทัง้ 2 คำน้มี ีจดุ ทแ่ี ตกตำ่ งกัน
โครงสร้างประโยค
Will
Subject + will + v.1
Going to
Subject + be going to + v.1
***be = verb to be (is/am/are)
***v.1 = verb 1 (คำกริยำช่องที่ 1)

โครงสรำ้ งประโยคของกำรใช้ Will และ Going to นั้นคล้ำยกนั คอื
ประธำน (Subject) ตำมดว้ ย Will หรือ be going to และตำมด้วยคำกริยำชอ่ งที่ 1 (v.1)
แบบฝกึ หดั Will
1.
A: Why are you turning on the TV?
B: __________________(I/watch) the news.
A: Are you going to watch the concert tonight?
B: Yes, _______________(I/watch) at 8 o'clock.

2.
A: Are you going to have a holiday in the summer?
B: Yes,_______________(I/travel) around Northern with my parents.

3.
A: I'm going into the shopping mall next Sunday_______________ (I/buy) some new
clothes.
B: Oh, what _____________(you/get)?
A: _________________(I/look) for a shirt and some jeans.
B: I'd like to go into the shopping mall too. _______________(I/come) with you.

เฉลย 1. I'm/I am going to watch I'm/I am going to watch
2. I'm/I am going to travel
3. I'm/I am going to buyare you going toget I'm/I am going to look I'll

come

A AN : Some Any

หลักกำรใช้ Some
คำว่ำ some มีควำมหมำยและกำรใชท้ ี่หลำกหลำย ซึ่งหลกั ๆแล้วจะมดี ังน้ี

Some แปลว่ำ บำง...
Some มีควำมหมำยวำ่ "บำง...
เช่น บำงส่วน บำงคน ฯลฯ โดยจะมกี ำรใชแ้ บง่ ไดค้ รำ่ วๆ 3 แบบ
1. ใช้บอกปรมิ าณ
Some ในกรณีนจ้ี ะมีควำมหมำยวำ่ "บำงส่วน" หรือ "จำนวนหนง่ึ " ใช้พดู ถึงสิง่ ที่มีปรมิ ำณมำกกว่ำ
หนง่ึ หนว่ ย หรือพดู ถงึ บำงสว่ นของสง่ิ นน้ั แตไ่ ม่ได้ระบชุ ดั เจนว่ำมปี รมิ ำณเท่ำใด

2. ใชก้ ับคานามท่ไี ม่เจาะจง
เรำสำมำรถใช้ some เมื่อกล่ำวถึงบคุ คลหรือสิ่งใดๆ โดยท่ไี ม่ไดร้ ะบุขีช้ ดั ว่ำเป็นคนไหนหรือสิง่ ไหน
เช่น

3. ใช้แทนคานาม
เรำยังสำมำรถใช้ some เป็น pronoun (คำที่ใชแ้ ทนคำนำม) ได้อีกดว้ ย โดย some ในกรณนี จ้ี ะ
มีควำมหมำยว่ำ "บำงส่วน" หรอื "จำนวนหนงึ่ " เหมือน some ทใ่ี ชบ้ อกปริมำณ

หลักการใช้ Any

คำวำ่ any จะมีควำมหมำยและกำรใชแ้ บง่ ไดห้ ลักๆดงั น้ี

Any แปลวา่ บ้าง

Any มคี วำมหมำยว่ำ "บ้ำง" หรือ "สกั นิด" ทำหน้ำทเ่ี ปน็ determiner ตอ้ งใชห้ นำ้ คำนำม
คำวำ่ aทy ในควำมหมำยนี้ มักจะใช้กบั ประโยคปฏเิ สธและประโยคคำถำม

แบบฝึกหัด Some / Any
1. Do you have___________ pictures?
2. I have_____________ computers in my house.
3. She has____________ butter in the kitchen.
4. Do you give the dog_______________ food?

เฉลย any, some, some, any

หลักการใช้ A
ใช้ a นำหน้ำ คำนำมทขี่ ึ้นต้นด้วยพยญั ชนะ และคำนำมทมี่ คี ำอ่ำนเป็นเสยี งพยัญชนะ

หลักการใช้ an
ใช้ an นำหน้ำ คำนำมทขี่ น้ึ ตน้ ด้วย สระ (a, e , i, 0 , u) และนำมทีม่ คี ำอำ่ นเป็นเสยี งสระ คอื มี อ
เป็นพยญั ชนะต้น และเวลำอ่ำน ใหอ้ ่ำนเช่อื มเสยี ง โดยใหต้ ัด อ อำ่ นออก แลว้ เอำตวั สะกดตัวหนำ้
มำใส่แทน

แบบฝึกหดั A / An
1. She eats________egg every day.
2. My mom works____________ hour per day.
3. _______________dog is black.

4. He is eating______________big apple.

เฉลย an an A a

Should/Shouldn't Must/Mustn't

การใช้ Should และ Shouldn't
Should แปล ควร
Shouldn't แปล ไม่ควร

ใชเ้ พื่อแนะนำ
ใชใ้ นกำรแนะนำแปลว่ำ ควรจะ, ไมค่ วรจะ

It's dark now. We should stay here tonight.
มนั มดี แล้วตอนนี้ พวกเราควรพกั ที่น่ีคืนน้ี

You look pale. You should see a doctor.
คณุ ดซู ีดเซียว คุณควรพบหมอนะ

แบบฝกึ หดั Should/Shouldn't
1.You_____________smoke in bed.
2.You_____________go to the opera in London. It's great.
3.You_____________tell her about it. It's too depressing.
4.You_____________cross the street at red traffic lights.

เฉลย 1. shouldn't 2. should 3. shouldn't 4. shouldn't

การใช้ Must และ Mustn't
Must
must ใชใ้ นกรณีทีเ่ รำคิดเองว่ำตอ้ งทำ โครงสร้ำงคือ must + verb infinitive(กรยิ ำช่อง1) เช่น

I must go to the hospital.
(ฉันตอ้ งไปโรงพยาบาล : เป็นความคิดของเราเองทีว่ ่าต้องไป เพราะอาจจะรู้สกึ ว่าไม่ค่อยสบาย

เลยตอ้ งไปตรวจท่ีโรงพยาบาล)

I must stop smoking.
(ฉันตอ้ งเลกิ สูบบหุ ร่ี : ตัวเราต้องการเลกิ เอง)

Mustn't (Must not)
mustn't หมำยถงึ "ตอ้ งไม่…. ซง่ึ เป็นกฎหรือขอ้ บังคบั ว่ำ "หำ้ มทำ" โครงสร้ำงคือ
mustn't + verb infinitive (V.1) เชน่

You mustn't drink if you're going to drive.
(คณุ ต้องไมด่ ม่ื เหลา้ ถา้ คุณจะขบั รถ : เพราะผิดกฎหมาย)

You mustn't take photos here.
(คุณต้องไมถ่ ่ายรูปท่นี ่ี : เพราะเป็นกฎหา้ มถา่ ย)

แบบฝกึ หัด Must/Mustn't
1) We_____________obey the traffic police.
2) You_____________park your car in a "No Parking" area.
3) Machine workers_____________work when they aretired.
4) You_____________play football in the street.
เฉลย 1. must

2. mustn't
3. mustn't
4. mustn't

Personal and object pronouns ; Possessive 's ;
Possessive adjective pronouns

Personal and object pronouns
Object Pronoun หมำยถงึ คำสรรพนำมท่ีทำหน้ำที่เปน็ กรรมของประโยค

หลักการใช้
ประธาน + กริยา + กรรม
ถำ้ เรำแต่งประโยค เรำจะต้องเอำคำสรรพนำมท่ที ำหนำ้ ทเ่ี ปน็ กรรม (object pronoun) มำวำงไว้
หลังคำกรยิ ำ จงึ จะถูกตอ้ งตำมหลกั ภำษำ ถ้ำเอำ (subject pronoun) มำแทนที่ จะไมถ่ ูกตอ้ ง

Pronoun ในบทเรียนนี้ คือ Personal Pronoun (บุรุษสรรพนำม) กล่ำวคือ เป็นสรรพนำมท่ใี ช้
แทนคน สัตว์ ส่ิงของ และสถำนท่ี จะแยกออกเป็น Subject Pronoun (สรรพนำมทำหน้ำท่ีเป็น
ประธำน) และ Object Pronoun (สรรพนำมทำหน้ำที่เปน็ กรรม)

Subject Pronoun Object Pronoun คาแปล

I me ผม, ฉนั

You you คุณ

We us พวกเรำ

They them พวกเขำ

He him เรำ

She her หล่อน

It it มัน

ตัวอยา่ งประโยค

Sam likes me.
แซมชอบฉัน

Sam likes you.
แชมชอบคณุ

Sam likes us.
แซมชอบพวกเรา

Sam likes them.
แซมชอบพวกเขา

Sam likes him.
แซมชอบเขา

Sam likes her.
แซมชอบหลอ่ น

Sam likes it.
แซมชอบมนั

Possessive 's

หลกั การใช้
Possessive 's เรียกอกี อย่ำงว่ำ genitive
ใช้แสดงควำมเปน็ เจำ้ ของ/ใช้กับช่อื ของบุคคล สัตว์
ตวั อย่างประโยค
Dick and Tracy's house
บ้านของดิคหลังหน่ึง ของเทรซ่หี ลงั หนงึ่

Sam's and Sue's cars
รถยนต์ของแซมคนั หนง่ึ ของซูคันหนง่ึ

Possessive adjective pronouns
Possessive Adjectives คอื คำคณุ ศัพท์ท่ีใช้แสดงควำมเป็นเจำ้ ของ เพรำะวำ่ เป็นคำคณุ ศพั ท์ทีท่ ำ
หน้ำทขี่ ยำยคำนำม จงึ ต้องมีคำนำมมำต่อท้ำยเสมอ

Possessive Adjectives

My My Book

Your Your pen

His His dog

Her Her cat

Its Its fur

Our Our class

Your Your phone

Their Their house

แบบฝึกหดั Personal and object pronouns ; Possessive 's
Possessive adjective pronouns

1. This is our house and that is_____________.
theirs
their

2. l like____________bike.
her
hers

3.___________ dog is very small.
Him
bike.
His
4. This boy is his son and that boy is___________.
her
hers

เฉลย 1.theirs
2.her
3. His
4.hers

Verb to be ; Verb to have ; There is/There are

Verb to be

คือ คำกริยำทีช่ ่ือว่ำ be ส่วนใหญจ่ ะเรียกชอ่ื โดยใช้คำวำ่ to นำหนำ้ เชน่ to be, to
do, to have, to go เปน็ ตน้

Verb to be มอี ะไรบา้ ง

is, am, are

การใช้ is am are
is am are จะใช้ใน present simple tense และ present continuous tense (

ปจั จุบันกำล) และ is am are จะตอ้ งใชใ้ หส้ อดคลอ้ งกับประธำนของประโยค ดงั น้ี ถำ้ ใช้ไมถ่ ูกตำม
น้จี ะผิดหลกั ภำษำเขำ

I am
He, She, It, A cat is
You, We, They, Cats are

Verb to have

คือ มือ่ ทำหน้ำท่ีป็นกรยิ ำหลกั จะมคี วำมหมำยว่ำ "ม"ี และ "กนิ " Has ใช้กับ He/She/it
และประธำนเอกพจนอ์ ื่น ๆ Have ใช้กับ |/You/We/They และประธำนพหพู จน์อนื่ ๆ Had เป็น
รปู อดีตของ Have/Has ใช้ได้กบั ประธำนทกุ ตวั
Verb to have มีอะไรบ้าง
have, has
การใช้ have has

1. Verb to have ทำหน้ำท่เี ปน็ กริยำหลกั (Main Verbs)
Verb to have เมอื่ ทำหน้ำทเ่ี ปน็ กรยิ ำหลักจะมีควำมหมำยวำ่ "ม"ี และ "กนิ "
Has ใช้กับ He /She/it และประธำนเอกพจน์อ่นื ๆ
Have ใช้กับ 1/You/We /They และประธำนพหูพจน์อืน่ ๆ
Had เป็นรปู อดตี ของ Have/Has ใช้ไดก้ ับประธำนทุกตวั
Ex.1 : I have a new job. (ฉันมงี ำนใหม่)
ประโยคปฏิเสธ
/You/We /They และประธำนพหูพจน์อืน่ ๆ + don't have...
He/She/it และประธำนเอกพจน์อ่นื + doesn't have...
Ex. 1 : I don't have any time. (ฉนั ไม่มีเวลำเลย)
ประโยคคาถาม
Yes/No Questions : Do + /You/We/They และประธำนพหูพจนอ์ น่ื ๆ +have.......?

Does + He/She/it และประธำนเอกพจน์อืน่ ๆ + have...?

Wh-Questions : What/When/Where/Who/How + do +

I /you/we/they+ have…….?

What/When/Where/Who/How + does + he/she/it +have...?

Ex. 1 : Do you have any good books for studying English? (คณุ มีหนังสอื ดี ๆ สำหรบั
เรียนภำษำอังกฤษบ้ำงไหม?)

Subject/Tenses Present Tenses Past Tenses Continuous

1/You/We/They have had having

และประธำนพหพู จนอ์ ื่น ๆ

He/She/it has had having

และประธำนเอกพจน์อน่ื ๆ

There is/There are
คอื ใช้พูดเพ่อื บอกถึงกำรมีอยขู่ องบำงสง่ิ บำงอย่ำง ซึ่งหลำย ๆ

หลักการใช้ There is/There are
1. There is ใชก้ ับคำนำมนับไดเ้ อกพจน์ (Singular countable noun และคำนำมนบั

ไม่ได้ (uncountable noun)
2. There are ใชก้ บั คำนำมพหพู จน์ (plural noun)

การใช้ There is... - There are...ในประโยคบอกเล่า

There is + คำนำมนับได้เอกพจน์ (singular countable noun) เช่น
There is a cat on the roof. (มีแมวอยบู่ นหลงั คา)

There are + คำนำมพหูพจน์ (plural noun) เช่น
There are books in my bag. ( มีหนงั สือ (มากกวา่ หนึ่งเลม่ ) ในกระเป๋าของฉนั )
1. ประโยคคำถำม Yes-No Question : นำ Is / Are มำขน้ึ ต้นประโยค เช่น
Q: Is there a cat on the roof?
A: Yes, there is. / No, there isn't.

Q: Are there any children in the park.
A: Yes, there are. / No, there aren't.

แบบฝึกหดั Verb to be ; Verb to have ; There is/There are
แบบฝกึ หัต Verb to be
1.You___________very smart.

are
is
am

2.We_____________friends.
is
are
am

3.I__________ from Thailand.
is
am
are

เฉลย 1.are 2.are 3.am

แบบฝึกหัด Verb to have
1.My brothers_____________big bikes.

have
has

2. Does she___________a brother?
has
have

3. He________ a big house.
has
have

เฉลย 1.have 2.have 3.has

แบบฝึกหดั There is/There are

ข้อท่ี 1
_________2 erasers on the table.

a) There is
b) There are

ขอ้ ท่ี 2
___________a cat under the table.

a) There is
b) There are

ขอ้ ท่ี 3
____________ink in the bottle.

a) There is
b) There are

เฉลย 1. There are 2. There is 3. There is