ตามรอยการย้อมสีธรรมชาติ
ภ า พ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ผู้จัดทำ
เด็กหญิงนิตา อินธิแสน เด็กหญิงภัทรวดี ครีบภูบุตร เด็กหญิงสุกฤตา พรมเสนา
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาล ๓ “ยุติธรรมวิทยา” สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครสกลนคร
ครูที่ปรึกษา
คุณครู ดร.นันทนา ลีลาชัย คุณครูภาวิณี เพ็งธรรม คุณครูพรสวรรค์ วงศ์กาฬสินธุ์
โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาล ๓ “ยุติธรรมวิทยา” สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครสกลนคร
การมัดย้อม
การมัดย้อม เป็นการมัด ผูก เย็บ หนีบ หรือเป็นการ “กันสี ”
ในส่วนใดส่วนหนึ่งของผ้าที่ผู้ย้อมไม่ต้องการให้เกิดสีที่จะย้อม
ในครั้งนั้นๆโดยใช้วัสดุต่างๆ เช่น เหรียญ เชือกปอ เชือกฟาง
ไม้ หนีบ ด้าย หรือถุงพลาสติก มาเป็นวัสดุช่วยในการกันสี
ร่วมกับการม้วน พับ จับจีบ ขยำ หรือเย็บผ้า ซึ่งจะให้ผลลัพธ์
ของลายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลวิธีในการ
ออกแบบสี และการผสมผสานเทคนิคต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน
ของผู้ย้อม โดยเรียกการสร้างลวดลายด้วยกรรมวิธีนี้ว่า
“ผ้ามัดย้อม”
คราม
คราม เป็นไม้พุ่มตระกูลถั่ว ชอบแดดจัดและที่น้ำไม่ท่วมขัง
จึงต้องปลูกในที่ตอนราวปลายเดือนเมษายน ดายหญ้าทุก
1 สัปดาห์ ให้ครามได้รับแสงแดดเต็มที่ เพื่อสร้างสีครามไว้
ที่ใบ เมื่อครามอายุราว 3-4 เดือน ใบจะเขียวเข้มและออก
ฝัก ตอนเช้าตรูสังเกตเห็น หยดน้ำเงินใต้ต้นคราม แสดงว่า
ครามแก่ให้สีได้แล้ว จึงตัดหรือเกี่ยวทั้งต้น กิ่งและใบ ใน
เวลาเช้าตรูเพื่อให้ได้ใบครามสดที่สุด มีสีครามมากที่สุด
หากเก็บครามยามสาย ใบครามจะเหี่ยว (น้ำน้อย) ทำให้สาร
เคมีในใบคราม ไม่ทำงานเมื่อนำมาแช่น้ำ สีครามในใบ
คราม(Indican) จะไม่สามารถออกมาละลายในน้ำได้
การเก็บคราม
คราม ต้องเก็บในตอนเช้าตรู่ เพราะสาร
ที่ให้สีอยู่ในตอนกลางคืน เราจึงต้องเก็บ
ต้อนเช้าเพื่อไม่ให้สีคราม เปลี่ยนเพราะ
แสงอาทิตย์และการเก็บตอนสายจะได้
สีครามน้อยกว่าตอนเช้า
การแช่คราม
หลังจากแช่ไว้ 24 ชั่วโมงแยกกากคราม
นำกิ่งขึ้นมาบีบ-คั้น นำปูนใส่ลงไป ปูนที่ใส่
ลงไปเพื่อให้สีครามแยกออกจากน้ำคราม จะ
ใช้มากหรือน้อยสังเกตจากสีของน้ำครามจะ
ออกเป็นสีเหลือง ฟองสีขาวกลายเป็น
สีน้ำเงิน จากนั้นทิ้งไว้ 4-5 ชั่วโมง หรือ
ทั้งคืนเพื่อให้ตกตะกอน
การก่อหม้อคราม
คือการเตรียมน้ำย้อมใช้น้ำครามที่สด
ที่ได้จากการแช่ใบคราม เพื่อให้เกิดสีย้อม
การก่อหม้อคราม
ขั้นตอนแรก นำเนื้อครามที่ได้มาใส่ในน้ำขี้เถ้า และส่วนอื่นๆที่จะเติม เป็นความ
เฉพาะของแต่ละกลุ่ม เช่น
ใช้น้ำครามสด (น้ำครามที่ได้จากการแช่ใบคราม)
ปูน เพื่อให้เป็นแหล่งของเชื้อทำให้เกิดสีย้อม
เพื่อให้ความเป็นกรดด่างพอดี
น้ำมะขามเปียก เพื่อให้ความเป็นกรดด่างพอดี
น้ำต้มเปลือกไม้ (เปลือกเทกา,เปลือกไม้แดง,ใบสมอ)
เพื่อเพิ่มสารช่วยติด
การก่อหม้อคราม
ขั้นตอนแรก นำเนื้อครามที่ได้มาใส่ในน้ำขี้เถ้า และส่วนอื่นๆที่จะเติม เป็นความ
เฉพาะของแต่ละกลุ่ม เช่น
เมื่อใส่ครบให้ "โจก"
เพื่อให้ออกซิเจนแก่เชื้อ
เช้า-เย็น 3-4ครั้ง
การทำน้ำขี้เถ้า
นำไม้มาเผา จะไม่เอาไม้ที่แห้งมาก จะเป็นไม้หมาดๆ
ได้ทุกชนิด
แต่ที่จะต้องมีทุกครั้งคือ เหง้ากล้วย,ก้านมะพร้าว,
ก้านหมาก,ก้านปาล์ม
และก็จะเผา (เพื่อจะเอาเกลือในไม้ เป็นสารช่วยติด
ในหม้อย้อม)
การทำน้ำขี้เถ้า
จากนั้นนำมากรอง โดย
นำผงขี้เถ้ามาใส่ภาชนะที่เตรียม แล้วกด
ให้แน่น (ภาชนะมีรู)
นำขึ้นไว้ในตำแหน่งที่จะกรอง
เทน้ำ ใส่ให้ระดับกับตอนที่ยังไม่กด
ปล่อยให้หยดจนหมด จะเติมน้ำอีกครั้ง
(เติมได้แค่สองครั้ง)
การย้อมผ้าครามและการมัดย้อม
เตรียมเส้นใยหรือผ้าที่มัดลายและน้ำคราม
หลักการย้อมคือให้น้ำครามสีเหลืองแทรกเข้าไป
ในเส้นใยและเนื้อผ้าใช้มือบีบเรื่อยแรงๆ จากนั้น
กระตุกเส้นเส้นใยหรือเนื้อผ้า ให้อากาศเข้าไป
ทำปฏิกิริยาจะทำให้เปลี่ยนน้ำครามจากสีเหลือง
กลายเป็นสีน้ำเงิน จากนั้นนำไปตากให้แห้ง
เทคนิคมัดย้อม
คือ การนำผ้ามามัดกับวัสดุต่าง ๆ ก่อนนำไป
ย้อมสี เมื่อแกะวัสดุที่มัดผ้าออกจะเกิดลวดลาย
บนผ้า กลุ่มผ้าย้อมครามในจังหวัดสกลนครนำ
เทคนิคมัดย้อมมาใช้กับการย้อมคราม
ผลิตภัณฑ์ที่นิยมนำมาย้อม เช่น ผ้าผืน เสื้อยืด
หรือเสื้อผ้าฝ้ายสีขาว เป็นต้นวัสดุที่ใช้ในการมัด
ย้อม มี 2 ลักษณะ คือ
เทคนิคมัดย้อม
วัสดุที่หาได้จากในพื้นที่
เช่น ไม้ไอศกรีม ก้อนหิน ยาง เชือก เป็นต้น
ซึ่งในการมัดย้อมแต่ละครั้ง ผู้มัดย้อมจะ
สร้างจินตนาการของตนเองเป็นเรื่องราว
บอกเล่าลงในวัสดุที่มัด ก่อนจะนำไปย้อม
คราม เพื่อเกิดเป็นลวดลาย ซึ่งบางครั้ง
ลวดลายที่ได้ก็ไม่ตรงตามจินตนาการของผู้
สร้าง กลายเป็นลวดลายใหม่เหนือ
จินตนาการ
เทคนิคมัดย้อม
วัสดุที่จ้างทำหรือซื้อเพื่อ เช่น การสร้างลวดลายบนแผ่นไม้เพื่อทำเป็นบล็อก
ใช้สำหรับมัดย้อม การมัดย้อม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการมัดย้อมมี
ลักษณะที่แตกต่างจากกลุ่มอื่น