หน่วยการเรียนรู้ที่
การเงนิ การคลัง
ตวั ชีว้ ัด อธิบายบทบาทของรัฐบาลเกย่ี วกับนโยบายการเงนิ การคลัง
ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ (ส 3.2 ม.4-6/1)
ผังสาระการเรียนรู้
การจดั การเรื่องรายได้ การบริหารหนีส้ าธารณะ
และรายจา่ ยของรัฐบาล
งบประมาณแผน่ ดนิ นโยบายการคลัง
การเงนิ และ นโยบายการเงนิ และการคลัง
สถาบันทางการเงนิ
การคลัง ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกจิ
ของประเทศ
การเงนิ การเงนิ การคลัง ปัญหาการกระจายรายได้
ไมเ่ ทา่ เทยี มกัน
สถาบันการเงนิ ภาวะเงนิ เฟ้อ
ในประเทศไทย ภาวะเงนิ ฝื ด ปัญหาการว่างงาน
1. การเงนิ และสถาบันทางการเงนิ
1.1 การเงิน
ในระบบเศรษฐกิจหนง่ึ ๆ จำเป็นตอ้ งอำศยั เงนิ เป็นสื่อกลำงในกำรแลกเปลี่ยน
ใชช้ ำระเป็นคำ่ ซอื้ สินคำ้ และบรกิ ำร หรอื ชำระเพ่ือซอื้ สินทรพั ยท์ ่ีมีคำ่ หรอื ชำระหนีส้ ิน
รฐั บำลแตล่ ะประเทศจงึ ตอ้ งมีบทบำทในกำรกำกบั ตรวจตรำกำรหมนุ เวียนของปรมิ ำณ
เงนิ รวมทงั้ อนญุ ำตใหม้ ีกำรจดั ตงั้ สถำบนั กำรเงนิ ไดแ้ ก่ ธนำคำรกลำง ธนำคำรพำณิชย์
รวมทงั้ สถำบนั กำรเงินอ่นื ๆ เพ่ือทำหนำ้ ท่ีทำงดำ้ นกำรเงินตำ่ ง ๆ เชน่ กำรรบั ฝำกเงิน
ถอนเงนิ กำรใหก้ ยู้ ืม รวมทงั้ กำรประกอบธรุ กรรมท่ีเป็นประโยชนอ์ ่นื ๆ
1) ความหมายของเงนิ
เงิน คือ ส่งิ ท่ีทกุ คนในสงั คมยอมรบั กนั ในขณะนนั้ ใหเ้ ป็นส่อื กลำงในกำร
แลกเปลี่ยน และใชว้ ดั มลู คำ่ ของสนิ คำ้ และบรกิ ำรทกุ ชนิด
2) หน้าทข่ี องเงนิ เงินมีหนำ้ ท่ีสำคญั ในระบบเศรษฐกิจ ดงั นี้
• เงนิ เป็นสือ่ กลำงในกำรแลกเปลยี่ น
เงินจะทำหนำ้ ท่ีเป็นสอ่ื กลำงในกำรแลกเปล่ยี นสินคำ้ และบรกิ ำรตำ่ ง ๆ ทำให้
ทกุ คนมีเสรภี ำพในกำรเลือก เพรำะกำรมีเงินทำใหเ้ กิดอำนำจซอื้
•เงนิ เป็นมำตรฐำนในกำรเทียบคำ่
สมยั ท่มี นษุ ยใ์ ชร้ ะบบแลกเปล่ยี นสิ่งของกบั ส่งิ ของ มนษุ ยต์ อ้ งยงุ่ ยำกอยมู่ ำก
เช่น นำขำ้ วสำร 1 ถงั ไปแลกววั ไดเ้ พยี ง 1 ขำ และเจำ้ ของววั ก็จะไมย่ อมแลก เพรำะ
ตอ้ งตดั ขำววั
ววั ก็จะตำย เน่ืองจำกระบบนีไ้ ม่มีมำตรฐำนในกำรแลกเปล่ยี นท่ีแน่นอนจงึ กำหนดตำม
ควำมพอใจของตนเอง เม่ือมนษุ ยน์ ำเงนิ มำใชท้ ำหนำ้ ท่เี ป็นมำตรฐำนในกำรเทยี บคำ่
ทำใหก้ ำรซอื้ ขำยสะดวก มีมำตรฐำนท่ีแน่นอนท่ีเรยี กวำ่ รำคำ
• เงินเป็นมำตรฐำนในกำรชำระหนีภ้ ำยหนำ้
ในกำรคำ้ ขำยหรอื ประกอบธุรกิจตำ่ ง ๆ อำจมีกำรผดั เวลำในกำรชำระเงนิ จำก
ปัจจบุ นั ไปเป็นอนำคต เงินจะเป็นสญั ญำในกำรชำระหนีภ้ ำยหนำ้ ไดด้ ี แตล่ กู หนีจ้ ะตอ้ ง
เสียคำ่ ดอกเบยี้ รวมไปดว้ ย
• เงินเป็นเครอ่ื งรกั ษำมลู คำ่
หำกเม่ือเรำเกบ็ หรอื ออมเงิน เงนิ จะทำหนำ้ ท่ีเป็นเครอ่ื งรกั ษำมลู คำ่ คือ มีมลู คำ่
คงตวั อยเู่ สมอ แตถ่ ำ้ เก็บทรพั ยส์ ินในรูปของเมลด็ พชื เกลอื หนงั สตั ว์ มลู คำ่ ของทรพั ยส์ นิ
อำจเปล่ยี นแปลงขนึ้ -ลง หรอื บำงชนิดอำจเนำ่ เสยี ได้
3) ปริมาณเงนิ
ปรมิ ำณเงินหรอื ในทำงเศรษฐศำสตร์ เรยี กวำ่ อปุ ทำนของเงิน หมำยถงึ เงินท่ี
รฐั บำลผลติ ออกมำและหมนุ เวียนอยใู่ นมือประชำชน เอกชน หำ้ งรำ้ น และบรษิ ัทตำ่ ง ๆ
รวมทงั้ เงนิ ฝำกกระแสรำยวนั เงินฝำกออมทรพั ย์ และเงินฝำกประจำของประชำชน ใน
ระยะเวลำหนง่ึ
ปรมิ ำณเงินมอี งคป์ ระกอบ ดงั นี้
ธนบัตร (Paper Currency) ธนำคำรกลำง (Central Bank) ของแตล่ ะประเทศ
ซง่ึ สำหรบั ประเทศไทยคือ ธนำคำรแห่งประเทศไทย มีหนำ้ ท่ีผลิตธนบตั รออกมำใช้
หมนุ เวียน โดยกำหนดธนบตั รไวห้ ลำยรำคำ ไดแ้ ก่ ธนบตั รฉบบั ละหนง่ึ พนั บำท
หำ้ รอ้ ยบำท หน่งึ รอ้ ยบำท หำ้ สิบบำท และย่ีสิบบำท ตำมลำดบั
ธนำคำรกลำงของแตล่ ะประเทศ จะตอ้ งควบคมุ ปรมิ ำณเงินไมใ่ หม้ ีปรมิ ำณมำก
หรอื นอ้ ยจนเกินไป เน่ืองจำกหำกธนบตั รพิมพอ์ อกมำมำกเกินไป ประชำชนจะขำดควำม
เช่ือถือในคำ่ ของธนบตั รนนั้ ในทำงตรงกนั ขำ้ ม ถำ้ พิมพอ์ อกมำนอ้ ยเกินไปจะทำให้
ประชำชนขำดแคลนสอ่ื กลำงในกำรแลกเปลย่ี น
เหรียญกษาปณ์ (Coins) ในกรณีท่ีมีกำรซอื้ ขำยแลกเปลย่ี นสนิ คำ้ และบรกิ ำร
ท่ีมีมลู คำ่ นอ้ ย แตล่ ะประเทศไดผ้ ลิตเหรยี ญกษำปณข์ นึ้ มำใชเ้ พ่อื ควำมสะดวกและงำ่ ย
ตอ่ กำรซอื้ ขำยแลกเปลย่ี น
สำหรบั ประเทศไทยหนว่ ยงำนท่ีรบั ผิดชอบในกำรผลิตเหรยี ญกษำปณ์ คือ
กรมธนำรกั ษ์ สงั กดั กระทรวงกำรคลงั ปัจจบุ นั มลู คำ่ เหรยี ญกษำปณข์ องไทยกำหนดไว้
เป็นเหรยี ญสบิ บำท หำ้ บำท สองบำท หน่งึ บำท หำ้ สิบสตำงค์ และย่ีสบิ หำ้ สตำงค์
เงนิ ฝากกระแสรายวัน หมำยถงึ เงินฝำกท่ีเจำ้ ของเงนิ ฝำกไวก้ บั ธนำคำรพำณิชย์
โดยผเู้ ป็นเจำ้ ของเงินฝำกสำมำรถเขียนเช็ค (Cheque) ส่งั ใหธ้ นำคำรพำณิชยจ์ ำ่ ยเงินได้
ทนั ที เพ่ือชำระหนีห้ รอื จำ่ ยตำมมลู คำ่ ของสนิ คำ้ ใหแ้ ก่บคุ คลอนื่ เงินฝำกประเภทนีถ้ ือเป็น
บญั ชีจำ่ ยคืนเม่ือทวงถำม โดยผฝู้ ำกจะไมไ่ ดร้ บั ดอกเบยี้
ปรมิ ำณเงินท่ีกลำ่ วมำ คอื ปรมิ ำณเงินท่ีประชำชนถือครองไวเ้ พ่ือเป็นสอ่ื กลำง
ในกำรซอื้ ขำยแลกเปลีย่ นสนิ คำ้ และบรกิ ำร ซง่ึ มี 3 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ ธนบตั ร
เหรยี ญกษำปณ์ และเงินฝำกกระแสรำยวนั ท่ีถือครองโดยประชำชนนนั้ เรยี กวำ่ ปรมิ ำณ
เงนิ ตำมควำมหมำยอย่ำงแคบ
นอกจำกนีย้ งั มีปรมิ ำณเงินตำมควำมหมำยอยำ่ งกวำ้ ง ซง่ึ หมำยถงึ ปรมิ ำณเงินท่ี
ประชำชนถือครองไวเ้ พ่ือเป็นสือ่ กลำงในกำรแลกเปลี่ยนตำมองคป์ ระกอบของ
ปรมิ ำณเงนิ ตำมควำมหมำยอยำ่ งแคบ แลว้ ยงั รวมถงึ เงินท่ีถือไวเ้ ป็นเครอ่ื งสะสมคำ่ และ
เพ่ือหำผลตอบแทน คือ เงินฝำกออมทรพั ยแ์ ละเงนิ ฝำกประจำท่ีถือครองโดยประชำชน
1.2 สถาบนั การเงนิ ในประเทศไทย
องคก์ รท่ีทำหนำ้ ท่ีเป็นสถำบนั กำรเงินในประเทศไทย แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่
1) สถาบนั การเงนิ ประเภทธนาคาร แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่
•ธนาคารกลาง หรือธนาคารแหง่ ประเทศไทย
เป็นสถำบนั ทำงกำรเงินของรฐั ท่ีมีหนำ้ ท่ีควบคมุ ปรมิ ำณเงินของประเทศ
ใหเ้ หมำะสมและมีเสถียรภำพ โดยไมแ่ สวงหำผลกำไรและไมแ่ ขง่ ขนั กบั สถำบนั กำรเงิน
เอกชน และไมท่ ำธรุ กิจโดยตรงกบั ประชำชน
•ธนาคารพาณิชย์ เป็นสถำบนั กำรเงนิ ท่ีมีบทบำททำงเศรษฐกิจมำกท่ีสดุ
ทำหนำ้ ท่ีรบั ฝำกและใหก้ ยู้ ืมเงนิ หรอื สินเช่ือ เช่น ธนำคำรไทยพำณิชย์ ธนำคำรกสิกรไทย
ธนำคำรกรุงเทพ
• ธนาคารทม่ี วี ตั ถุประสงคพ์ เิ ศษ ไดแ้ ก่
- ธนำคำรออมสนิ (The Government Savings Bank) เป็นธนำคำร
ท่ีจดั ตงั้ ขนึ้ ตำมพระรำชบญั ญตั ิธนำคำรออมสนิ พ.ศ. 2489 ธนำคำรออม
สินเป็นธนำคำร
ของรฐั บำล ทำหนำ้ ท่ีระดมเงินออม ซง่ึ สว่ นใหญ่เป็นเงินออมของผอู้ อมรำย
ยอ่ ย ๆ กระจดั
กระจำยอยทู่ ่วั ไปในรูปของเงนิ ฝำกออมทรพั ย์ เงินฝำกประจำ เป็นสว่ นใหญ่
และยงั ระดม
เงนิ ออมโดยกำรขำยพนั ธบตั รออมสนิ และสลำกออมสนิ เป็นตน้ แลว้ นำเงิน
ออกมำปลอ่ ย
สินเช่ือใหแ้ ก่รฐั บำลเป็นสว่ นใหญ่ โดยกำรซอื้ พนั ธบตั รและต๋วั เงินคลงั ปลอ่ ย
- ธนำคำรเพ่ือกำรเกษตรและสหกรณก์ ำรเกษตร (ธ.ก.ส.) (Bank for
Agriculture and Agricultural Coperatives หรอื BAAC) เป็นธนำคำรท่ีจดั ตงั้ ขนึ้
ตำมพระรำชบญั ญตั ิธนำคำรเพ่ือกำรเกษตรและสหกรณก์ ำรเกษตร พ.ศ. 2509 โดยมี
กระทรวงกำรคลงั เป็นผถู้ ือหนุ้ ใหญ่ ประมำณรอ้ ยละ 98 ของทนุ เรอื นหนุ้ สว่ นท่ีเหลอื
ไดแ้ ก่ สหกรณก์ ำรเกษตรและกลมุ่ เกษตรกร บรกิ ำรรบั ฝำกเงินจำกประชำชนท่วั ไป
และใหส้ ินเช่ือระยะสนั้ และระยะปำนกลำงแก่เกษตรกร กลมุ่ เกษตรและสหกรณก์ ำรเกษตร
โดยคิดดอกเบยี้ ในอตั รำต่ำ เปำ้ หมำยหลกั ของธนำคำรก็เพ่ือสง่ เสรมิ กำรพฒั นำ
ภำคเกษตรกรรม ซง่ึ ครอบคลมุ กำรกสกิ รรม กำรประมง กำรเลยี้ งสตั ว์ กำรทำนำเกลอื
และใหส้ นิ เช่ือกำรดำเนินธรุ กิจท่ีจะเป็นประโยชนต์ อ่ เกษตรกร
- ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ (ธอส.) (Government Housing Bank หรอื
GHB) เป็นสถำบนั ทำงกำรเงินของรฐั บำลภำยใตก้ ำรควบคมุ ของกระทรวงกำรคลงั
จดั ตงั้ ขนึ้ ใน พ.ศ. 2496 ตำมพระรำชบญั ญตั ิธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ พ.ศ. 2496 เพ่ือทำ
หนำ้ ท่ีในกำรจดั หำเงินทนุ ดว้ ยกำรระดมเงนิ ฝำกจำกประชำชนมำปลอ่ ยสินเช่ือเพ่อื ท่ีอยู่
อำศยั แกป่ ระชำชน ในกำรซอื้ ท่ดี นิ หรอื อำคำร เพ่ือสรำ้ ง ซอ่ มแซม ตอ่ เติมอำคำร โดยคดิ
ในอตั รำดอกเบยี้ ต่ำ
- ธนำคำรเพ่ือกำรสง่ ออกและนำเขำ้ แหง่ ประเทศไทย (ธสน.) (The Export-Import
Bank หรอื EXIM Bank) จดั ตงั้ ขนึ้ เม่ือ พ.ศ. 2536 ตำมพระรำชบญั ญตั ิธนำคำรเพ่ือกำรนำเขำ้
และสง่ ออกแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2536 เพ่ือประกอบธรุ กิจในกำรสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ
กำรสง่ ออก นำเขำ้ และกำรลงทนุ เพ่ือกำรพฒั นำประเทศ เป็นธนำคำรท่ีไม่รบั ฝำกเงิน
จำกประชำชน แหลง่ เงนิ ทนุ ไดม้ ำจำกทนุ ประเดิมเพ่อื จดั ตงั้ เงินกจู้ ำกธนำคำรแหง่ ประเทศไทย
และจำกตลำดในประเทศและตำ่ งประเทศ ใหส้ นิ เช่ือแก่ผสู้ ง่ ออกทงั้ สกลุ เงินบำทและสกลุ เงนิ
ตำ่ งประเทศ และรบั ประกนั กำรสง่ ออกเพ่อื ลดควำมเส่ยี ง
- ธนำคำรพฒั นำวสิ ำหกิจขนำดกลำงและขนำดยอ่ มแหง่ ประเทศไทย (ธพว.)
(Small and Medium Enterprise Development Bank of Thailand หรอื SME Bank)
เป็นธนำคำรท่ีเปล่ยี นสถำนะมำจำกบรรษัทเงนิ ทนุ อตุ สำหกรรมขนำดยอ่ ม เม่อื วนั ท่ี 19
ธนั วำคม พ.ศ. 2545 ตำมพระรำชบญั ญตั ธิ นำคำรพฒั นำวสิ ำหกิจขนำดกลำงและ
ขนำดยอ่ มแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2545 เป็นสถำบนั ท่ีอยภู่ ำยใตก้ ำรกำกบั ของ
กระทรวงกำรคลงั ธนำคำรแหง่ ประเทศไทยและกระทรวงอตุ สำหกรรม จดั ตงั้ ขนึ้ โดยทำ
หนำ้ ท่ีใหส้ ินเช่ือเพ่ือสง่ เสรมิ อตุ สำหกรรมขนำดกลำงและขนำดยอ่ ม
- ธนำคำรอสิ ลำมแหง่ ประเทศไทย (Islamic Bank of Thailand) จดั ตงั้ ขนึ้ เม่ือ
พ.ศ. 2545 ตำมพระรำชบญั ญตั ธิ นำคำรอิสลำมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2545 เป็นสถำบนั
ทำงกำรเงนิ ในกำกบั ของกระทรวงกำรคลงั ดำเนินธุรกิจธนำคำรตำมหลกั ของศำสนำอิสลำม
ไม่ทำธุรกรรมท่ีตอ้ งหำ้ มตำมหลกั ศำสนำ
2)สถาบันการเงนิ ทไี่ ม่ใช่ธนาคาร ไดแ้ ก่ บรษิ ัทเงินทนุ หลกั ทรพั ยจ์ ำกดั
บรรษัทเงนิ ทนุ อตุ สำหกรรมแหง่ ประเทศไทย บรรษัทเงนิ ทนุ อตุ สำหกรรมขนำดยอ่ ม
บรษิ ัทเครดติ ฟองซิเอร์ บรษิ ัทประกนั ชีวิต สหกรณอ์ อมทรพั ย์ โรงรบั จำนำ
2. การคลัง (Public Finance)
กำรคลงั หรอื กำรคลงั ภำครฐั หมำยถึง กำรบรหิ ำรกำรเงินของรฐั บำล กำรใชจ้ ำ่ ย
เพ่ือบรหิ ำรประเทศของรฐั บำล วิธีกำรแสวงหำรำยไดแ้ ละกำรบรหิ ำรรำยไดข้ องรฐั บำล
ตลอดจนผลกระทบท่ีเกิดขนึ้ จำกกำรจดั เก็บรำยไดแ้ ละกำรใชจ้ ่ำยเงินของรฐั บำล กำรคลงั
มีองคป์ ระกอบท่ีสำคญั ไดแ้ ก่ งบประมำณแผน่ ดิน หนีส้ ำธำรณะ และนโยบำยกำรคลงั
2.1 งบประมาณแผ่นดนิ
งบประมำณแผ่นดนิ หมำยถงึ แผนกำรเก่ียวกบั รำยไดแ้ ละรำยจ่ำยของรฐั บำล
กำรจดั ทำงบประมำณแผน่ ดินของรฐั บำล มี 3 ประเภท ไดแ้ ก่
1. งบประมำณแบบสมดลุ หมำยถงึ กรณีท่ีงบประมำณรำยไดแ้ ละรำยจ่ำยของ
รฐั บำลมีจำนวนเทำ่ กนั
2. งบประมำณแบบขำดดลุ หมำยถงึ กรณีท่รี ฐั บำลมีรำยจ่ำยมำกกวำ่ รำยได้
3. งบประมำณแบบเกินดลุ หมำยถงึ กรณีท่รี ฐั บำลมีรำยไดม้ ำกกวำ่ รำยจำ่ ย
กำรท่ีรฐั บำลจะเลือกใชน้ โยบำยงบประมำณลกั ษณะใด ยอ่ มขนึ้ อยกู่ บั
สภำวกำรณเ์ ศรษฐกิจในขณะนนั้ ๆ และเปำ้ หมำยท่ีกำหนดไว้ นอกจำกจำนวนเงนิ
ท่รี ฐั บำลใชจ้ ำ่ ยจะมีอิทธิพลตอ่ ระบบเศรษฐกิจแลว้ กำรจดั สรรกำรใชจ้ ำ่ ยใหก้ บั
กิจกรรมตำ่ ง ๆ จำนวนมำกนอ้ ยเพยี งใด ยงั แสดงถงึ กำรใหค้ วำมสำคญั กบั กิจกรรมนนั้ ๆ
เช่น หำกเพ่ิมงบประมำณรำยจ่ำยดำ้ นกำรศกึ ษำเพ่ิมมำกขนึ้ เม่ือเปรยี บเทียบกบั
กิจกรรมดำ้ นอ่นื ๆ แสดงวำ่ รฐั บำลใหค้ วำมสำคญั กบั กำรศกึ ษำเพ่ิมขนึ้
2.2 การจดั การเร่ืองรายได้และรายจ่ายของรัฐบาล
1) รายไดข้ องรัฐบาล
รำยไดข้ องรฐั บำลประกอบดว้ ยรำยไดห้ ลกั 4 ประเภท คือ
(1) รายได้จากภาษีอากร
ภำษีอำกรเป็นแหลง่ รำยไดท้ ่สี ำคญั ท่ีสดุ ของรฐั บำล รฐั บำลมีอำนำจตำม
กฎหมำยท่ีจะบงั คบั เกบ็ ภำษีอำกร โดยไมค่ ำนงึ วำ่ ผเู้ สียจะยินดเี สียภำษีอำกรหรอื ไม่
และไมจ่ ำเป็นท่ีผเู้ สียภำษีอำกรจะตอ้ งไดร้ บั ผลตอบแทนโดยตรงหรอื ไม่
วตั ถุประสงคห์ ลักของการเก็บภาษอี ากร คอื
•เพ่ือหำรำยไดไ้ ปสนบั สนนุ คำ่ ใชจ้ ำ่ ยในกำรบรหิ ำรประเทศและดำเนิน
กิจกำรตำ่ ง ๆ เพ่ือใหบ้ รกิ ำรแกป่ ระชำชนโดยสว่ นรวม
•เพ่ือกระจำยรำยไดใ้ หเ้ ป็นธรรมมำกขนึ้
•เพ่ือรกั ษำและสง่ เสรมิ เสถียรภำพทำงเศรษฐกิจ
•เพ่ือควบคมุ หรอื สง่ เสรมิ กิจกรรมทำงเศรษฐกิจ
สำหรบั สินคำ้ ประเภทฟ่ มุ เฟือย หรอื สินคำ้ ท่ีอำจกอ่ ใหเ้ กิดอนั ตรำยแกส่ ขุ อนำมยั
ของผบู้ รโิ ภค เช่น สำรเสพตดิ สรุ ำ บหุ ร่ี รฐั บำลจะทำกำรควบคมุ โดยกำรหำ้ มผลิตหรอื
เก็บภำษีอำกรในอตั รำท่ีสงู เพ่ือทำใหร้ ำคำสงู ขนึ้ ซง่ึ จะสง่ ผลใหอ้ ปุ สงคต์ อ่ สนิ คำ้ เหลำ่ นนั้
ลดลง แตส่ ำหรบั สนิ คำ้ ท่ีมีควำมจำเป็นในกำรดำรงชีพ หรอื สินคำ้ ท่เี ป็นประโยชนแ์ ก่
สขุ อนำมยั ของผบู้ รโิ ภค เชน่ ขำ้ วสำร อำหำร รฐั บำลก็จะเก็บภำษีในอตั รำต่ำ หรอื ยกเวน้
ภำษีสำหรบั สนิ คำ้ บำงชนิด
กำรแบง่ ประเภทของภำษีอำกร อำจแบง่ ได้ 2 วธิ ีดว้ ยกนั คือ
1) กำรแบง่ ประเภทของภำษีตำมหลกั ผลกั ภำระภำษี จำแนกออกได้ 2 ประเภท คอื
(1) ภำษีทำงตรง คือ ภำษีอำกรท่ีเสียใหแ้ ก่รฐั แลว้ ผเู้ สียภำษีไมส่ ำมำรถผลกั
ภำระภำษีได้ เชน่ ภำษีเงนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดำ ภำษีเงินไดน้ ิตบิ คุ คล ภำษีทรพั ยส์ นิ
ภำษีมรดก
(2) ภำษีทำงออ้ ม คือ ภำษีอำกรท่ีเสยี ใหแ้ ก่รฐั ไปแลว้ ผเู้ สยี ภำษีสำมำรถผลกั ภำระ
ภำษีไปยงั ผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งได้ ไดแ้ ก่ ภำษีมลู คำ่ เพ่มิ ภำษีสรรพสำมิต ภำษีศลุ กำกร
2) กำรแบง่ ประเภทของภำษีตำมหลกั ของฐำนภำษี จำแนกออกได้ 3 ประเภท คอื
(1) ภำษีท่ีเกบ็ จำกเงินได้ เป็นภำษีท่ีเกบ็ จำกเงนิ ไดข้ องบคุ คลธรรมดำและ
นิตบิ คุ คล
(2) ภำษีท่ีเกบ็ จำกทรพั ยส์ ิน เป็นภำษีท่ีเกบ็ จำกทรพั ยส์ ินตำ่ ง ๆ ทงั้ อสงั หำรมิ ทรพั ย์
และสงั หำรมิ ทรพั ย์ ไดแ้ ก่ ภำษีมรดก ภำษีท่ีดิน
(3) ภำษีท่ีเก็บจำกโภคภณั ฑ์ ซง่ึ เก็บเม่ือมีกำรขำยหรอื ใชส้ ง่ิ ของ ไดแ้ ก่
ภำษีศลุ กำกร ภำษีมลู คำ่ เพ่ิม ภำษีสรรพสำมติ
อตั รำภำษี อตั รำภำษีแบง่ ออกได้ 3 ลกั ษณะ ดงั นี้
1) อตั รำภำษีกำ้ วหนำ้ คือ อตั รำภำษีท่ีสงู ขนึ้ เม่ือมีรำยไดเ้ พ่ิมขนึ้
2) อตั รำภำษีคงท่ี คือ อตั รำภำษีท่ีคงท่เี สมอไม่วำ่ รำยไดจ้ ะมำกหรอื นอ้ ย
3) อตั รำภำษีถอยหลงั คอื อตั รำภำษีจะลดลงเม่ือมีรำยไดเ้ พ่ิมขนึ้
กำรจดั เก็บภำษีอำกร
กำรจดั เกบ็ ภำษีอำกรในประเทศไทยมหี น่วยงำนจดั เก็บคลำ้ ยคลงึ กบั ภำษีอำกรท่ีจดั เกบ็
อยใู่ นประเทศทำงยโุ รปและสหรฐั อเมรกิ ำ สำมำรถแบง่ ออกตำมหน่วยงำนท่ีจดั เกบ็ ดงั นี้
1) ภำษีอำกรท่ีกรมสรรพำกรจดั เกบ็
2) ภำษีอำกรท่ีกรมสรรพสำมิตจดั เก็บ
3) ภำษีอำกรท่ีกรมศลุ กำกรจดั เก็บ
4) ภำษีอำกรท่ีหน่วยงำนรำชกำรอนื่ ๆ จดั เก็บ
(2) รายไดจ้ ากการขายสงิ่ ของและบริการ
รำยไดจ้ ำกกำรขำยสง่ิ ของและบรกิ ำร ไดแ้ ก่ รำยไดจ้ ำกกำรขำยหรอื ใหเ้ ช่ำ
ทรพั ยข์ องทำงรำชกำร เชน่ คำ่ ขำยของกลำงท่ียดึ ได้ คำ่ ขำยครุภณั ฑเ์ ส่อื มสภำพ
คำ่ สมั ปทำน คำ่ ธรรมเนียม คำ่ เช่ำท่ีดนิ คำ่ ขำยเอกสำรและหนงั สอื รำชกำร
(3) รายได้จากรัฐพาณิชย์
รำยไดจ้ ำกรฐั พำณิชย์ ไดแ้ ก่ กำไรและเงินปันผลขององคก์ รของรฐั บำล และ
หน่วยธรุ กิจท่ีรฐั บำลเป็นเจำ้ ของหรอื มีหนุ้ สว่ น เชน่ โรงงำนยำสบู สำนกั สลำกกินแบง่
รฐั บำล ธนำคำรออมสนิ ธนำคำรกรุงไทย
(4) รายไดอ้ นื่
รำยไดอ้ ่นื ๆ ของรฐั บำล เช่น คำ่ ปรบั คำ่ ธรรมเนียม ใบอนญุ ำต อำกรแสตมป์
ผลการจดั เกบ็ รายไดร้ ัฐบาลสุทธิในช่วง 9 เดอื นแรกของปี งบประมาณ 2559
(ตุลาคม 2558 – มิถุนายน 2559)
ทมี่ าของรายได้ 2558 2559 เปรียบเทยี บปี นีก้ ับปี ทแ่ี ล้ว
1. กรมสรรพากร 1,263,883 1,251,174 จานวน ร้อยละ
2. กรมสรรพสามติ 392,111 331,875
3. กรมศุลกากร 84,973 86,261 12,709 1.0
1,740,967 1,669,310
รวมรายได้ 3 กรม 102,385 110,892 60,236 18.2
4. รัฐวสิ าหกจิ 242,922 139,088
5. หน่วยงานอน่ื 237,531 134,219 (1,288) (1.5)
5,391 4,869
5.1 สว่ นรำชกำรอ่ืน 71,667 4.3
5.2 กรมธนำรกั ษ์
(8,507) (7.7)
103,834 74.7
103,312 77.0
522 10.7
ทม่ี าของรายได้ 2558 2559 เปรียบเทยี บปี นีก้ ับปี ทแ่ี ล้ว
1,919,290 จานวน ร้อยละ
239,820
รวมรายไดจ้ ัดเกบ็ (Gross) 2,086,274 1,679,470 166,984 8.7
49,540
หกั 241,739 1,629,930 1,919 0.8
รวมรายไดส้ ุทธิ (Net) 1,844,535 165,065 9.8
หกั เงินจดั สรรจำก VAT ให้ อปท. ตำม พรบ. กำหนดแผนฯ 50,945 1,405 2.8
รวมรายไดส้ ุทธหิ ลังหกั การจัดสรร อปท. 1,793,590 163,660 10.0
ตวั เลขเบอื้ งตน้ ณ วนั ที่ 6 กรกฎาคม 2559
หมายเหตุ : รายการหกั ไดแ้ ก่ (1) คนื ภาษีสรรพากร 209,742 ลา้ นบาท (2) อากรถอนคนื กรมศลุ กากร 8,087 ลา้ นบาท
(3) จดั สรรภาษีมูลคา่ เพ่มิ ให้ อบจ.10,853 ลา้ นบาท (4) เงนิ กนั ชดเชยสง่ ออก 13,057 ลา้ นบาท
ทมี่ า : กรมสรรพากร กรมสรรพสามติ กรมศลุ กากร กรมธนารกั ษ์ กรมบญั ชกี ลาง และสานกั งานคณะกรรมการนโยบาลรฐั วสิ าหกิจ
จำกตำรำงผลกำรจดั เกบ็ รำยไดข้ องรฐั บำลปีงบประมำณ 2559 แสดงใหเ้ ห็นวำ่
แหลง่ ท่ีมำท่ีสำคญั ของรำยไดข้ องรฐั บำล คอื รำยไดจ้ ำกกำรจดั เก็บภำษีอำกร
2) รายรับของรัฐบาล
รำยรบั ของรฐั บำล หมำยถงึ รำยไดส้ ทุ ธิ 4 ประเภทของรฐั บำล ท่กี ลำ่ วมำขำ้ งตน้
แลว้ รวมกบั เงนิ อีก 2 ประเภท ไดแ้ ก่
•เงนิ กู้
ในบำงครงั้ รฐั บำลอำจกเู้ งินมำเพ่ือใชจ้ ่ำยสนบั สนนุ โครงกำรของรฐั บำล
บำงโครงกำร ในกรณีท่ีรำยไดข้ องรฐั บำลไมเ่ พียงพอท่ีจะสนบั สนนุ คำ่ ใชจ้ ำ่ ย แหลง่ เงินกู้
อำจมำจำกภำยในประเทศหรอื จำกตำ่ งประเทศ โดยแหลง่ เงินกภู้ ำยในประเทศท่ีสำคญั
ไดแ้ ก่ ธนำคำรแหง่ ประเทศไทย ธนำคำรออมสนิ ธนำคำรพำณิชย์ สถำบนั กำรเงินและ
เอกชน สำหรบั แหลง่ เงนิ กตู้ ำ่ งประเทศท่ีสำคญั เช่น ธนำคำรโลก ธนำคำรพฒั นำเอเชีย
กองทนุ กำรเงินระหวำ่ งประเทศ
• เงินคงคลงั
เงนิ คงคลงั หมำยถงึ เงินท่ีรฐั บำลสะสมไวจ้ ำกรำยรบั ท่สี งู กวำ่ รำยจำ่ ยใน
ปีงบประมำณปีก่อน ๆ ดงั นนั้ เงนิ คงคลงั จงึ เป็นเงนิ สำรองเพ่ือใชใ้ นกรณีฉกุ เฉิน
หรอื จำเป็น
เงนิ คงคลงั แสดงถงึ ฐำนะกำรคลงั ของรฐั บำล หำกเงินคงคลงั ลดนอ้ ยลงเรอ่ื ย ๆ
แสดงวำ่
ฐำนะกำรคลงั ของรฐั บำลไมม่ ่นั คง
3) รายจ่ายของรัฐบาล
ในท่นี ีจ้ ะพิจำรณำถงึ เฉพำะโครงสรำ้ งรำยจ่ำยของรฐั บำลกลำงและ
สว่ นรำชกำร
• รำยจ่ำยของรฐั บำล
รำยจ่ำยของรฐั บำล คอื รำยจำ่ ยของกระทรวง ทบวง กรมตำ่ ง ๆ ทงั้ ท่ีอยใู่ น
สว่ นกลำงและสว่ นภมู ิภำค ซง่ึ เป็นเครอ่ื งมือท่สี ำคญั ของรฐั บำลในกำรดำเนิน
นโยบำยกำรคลงั
ใหบ้ รรลเุ ปำ้ หมำยในกำรพฒั นำเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ รำยจำ่ ยของ
รฐั บำลมสี ดั สว่ น
สงู ท่ีสดุ ในบรรดำรำยจำ่ ยตำ่ ง ๆ รำยจ่ำยของรฐั บำลประกอบดว้ ย รำยจำ่ ยจำกเงนิ
งบประมำณ
แผ่นดินท่ีเรยี กวำ่ เงินงบประมำณ และรำยจ่ำยจำกเงนิ นอกงบประมำณ
รำยจำ่ ยจำกเงินงบประมำณ หมำยถงึ รำยจำ่ ยท่ีฝ่ำยนิติบญั ญตั อิ นมุ ตั ใิ ห้
ฝ่ำยบรหิ ำรนำไปใชจ้ ำ่ ยในกิจกรรมตำ่ ง ๆ ในปีงบประมำณหน่งึ ๆ เป็นรำยจำ่ ยท่ี
รำยจำ่ ยจำกเงินนอกงบประมำณ หมำยถึง รำยจำ่ ยท่ีมิไดอ้ ยใู่ นงบประมำณ
รำยจ่ำยประจำปี เช่น รำยจ่ำยจำกเงนิ กู้ เงนิ ช่วยเหลอื เงนิ บำรุงกำรศกึ ษำ
โครงสรำ้ งรำยจำ่ ยของรฐั บำลสำมำรถจำแนกไดห้ ลำยลกั ษณะ เชน่ จำแนกตำม
หมวดรำยจำ่ ย เป็นหมวดเงนิ เดอื นและคำ่ จำ้ งประจำ หมวดคำ่ ใชส้ อยและวสั ดุ
หมวดคำ่ สำธำรณปู โภค ปัจจบุ นั ประเทศไทยจำแนกรำยจ่ำยตำมลกั ษณะงำน ดงั นี้
โครงสร้างรายจ่ายของรัฐบาลจาแนกตามลกั ษณะงาน
ลักษณะรายจ่าย รายจ่ายของเรื่องทค่ี รอบคลุม
1. รำยจ่ำยดำ้ นเศรษฐกิจ
• กำรคมนำคม กำรเกษตร กำรอตุ สำหกรรมเหมืองแร่ กำรพลงั งำน
2. รำยจ่ำยดำ้ นกำรศกึ ษำ กำรพำณิชย์ กำรทอ่ งเท่ียว วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี พลงั งำนและ
ส่งิ แวดลอ้ ม
3. รำยจ่ำยดำ้ นสำธำรณสขุ และ
สำธำรณปู กำร • กำรพฒั นำทรพั ยำกรมนษุ ย์ กำรปรบั ปรุงและกำรขยำยกำรศกึ ษำ
ทกุ ระดบั ทงั้ ในสว่ นกลำงและภมู ภำค ขณะนีร้ ฐั บำลไดม้ ีกำรจดั
4. รำยจำ่ ยดำ้ นบรกิ ำรสงั คม กำรศกึ ษำขนั้ พืน้ ฐำน 15 ปี โดยไมเ่ ก็บคำ่ ใชจ้ ่ำย
• ดำ้ นสำธำรณสขุ โรงพยำบำล สถำนีอนำมยั กำรปอ้ งกนั
กำรบำบดั รกั ษำ กำรสงเครำะหผ์ มู้ ีปัญหำสขุ ภำพ
• ดำ้ นสวสั ดกิ ำรสงั คม สงั คมสงเครำะหแ์ ก่ผดู้ อ้ ยโอกำส กำรสง่ เสรมิ
และพฒั นำอำชีพ พฒั นำฝีมือแรงงำน เป็นตน้ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์
เพ่ือช่วยยกระดบั คณุ ภำพชีวติ และควำมเป็นอยขู่ องประชำชน
ลักษณะรายจ่าย รายจ่ายของเร่ืองทคี่ รอบคลุม
เพ่ือสง่ เสรมิ และพฒั นำระบบควำมม่นั คงทำงสงั คม เชน่ กำรจดั ใหม้ ี
5. รำยจ่ำยดำ้ นกำรรกั ษำควำมม่นั คง กำรประกนั สงั คม ซง่ึ เป็นกำรสรำ้ งหลกั ประกนั ทำงสงั คมเพ่ือให้
แหง่ ชำติ ลกู จำ้ งไดร้ บั กำรคมุ้ ครองมำกขนึ้ เพ่ือสรำ้ งควำมม่นั คงในกำร
ดำรงชีวิตของตนเอง และครอบครวั
6. รำยจำ่ ยดำ้ นกำรรกั ษำควำมสงบ •ดำ้ นเงินเดือน สวสั ดกิ ำร และอำวธุ ยทุ โธปกรณข์ องกองทพั บก
ภำยใน กองทพั เรอื และกองทพั อำกำศ ในกำรปฏิบตั หิ นำ้ ท่ีในกำรปกปอ้ ง
อธิปไตยของประเทศ
7. รำยจ่ำยดำ้ นกำรบรหิ ำรท่วั ไป •ดำ้ นกำรรกั ษำควำมสงบเรยี บรอ้ ยภำยในประเทศ เช่น รำยจำ่ ยเพ่ือ
8. รำยจ่ำยดำ้ นกำรชำระหนีเ้ งินกู้ ปอ้ งกนั และปรำบปรำมอำชญำกรรมทกุ ประเภท กำรปอ้ งกนั และ
บรรเทำสำธำรณภยั รำยจ่ำยดำ้ นศำลยตุ ธิ รรม อยั กำร ตำรวจ
รำชทณั ฑ์
•ดำ้ นกำรบรหิ ำรงำนของทงั้ สว่ นกลำงและสว่ นภมู ภิ ำค เช่น รำยจำ่ ย
ดำ้ นวสั ดุ อปุ กรณเ์ พ่ือสนบั สนนุ กำรปฏิบตั ิงำน
•รำยจำ่ ยเพ่ือชำระพนั ธะผกู พนั ในแตล่ ะปี ไดแ้ ก่ เงินตน้ ดอกเบีย้
และคำ่ ธรรมเนียมจำกกำรกเู้ งิน
2.3 การบริหารหนีส้ าธารณะ (Public Debt Management Policy)
โดยท่วั ไปประเทศท่ีกำลงั พฒั นำจะมรี ำยจ่ำยสงู ซง่ึ เป็นคำ่ ใชจ้ ำ่ ยในกำรปรบั ปรุง
โครงสรำ้ งพืน้ ฐำน กำรเรง่ รดั พฒั นำเศรษฐกิจ แตร่ ำยไดข้ องรฐั บำลจำกกำรจดั เก็บภำษีอำกร
คำ่ ธรรมเนียมตำ่ ง ๆ อำจไมส่ งู นกั เน่ืองจำกประชำชนมรี ะดบั รำยไดเ้ ฉลีย่ ต่ำ ดงั นนั้ รฐั บำล
จงึ มีแนวโนม้ ท่ีจะมีนโยบำยงบประมำณแบบขำดดลุ คอื มีรำยจำ่ ยมำกกวำ่ รำยได้ ดงั นนั้
จงึ ตอ้ งมีกำรก่อหนีส้ ำธำรณะเพ่ือนำเงินกมู้ ำสนบั สนนุ เพ่มิ เตมิ นโยบำยหนีส้ ำธำรณะ
เก่ียวขอ้ งกบั กำรกยู้ ืมเงนิ ของรฐั บำล เช่น ในกรณีท่รี ฐั บำลเป็นผกู้ เู้ งินจำกแหลง่ เงนิ กภู้ ำยนอก
ประเทศ คือ กำรดงึ เงินจำกระบบเศรษฐกิจไปยงั ภำครฐั บำล และหำกรฐั บำลมกี ำรนำเงนิ
ท่กี ยู้ ืมไปใชใ้ หเ้ กิดผลผลิตเพ่ิมขนึ้ ก็จะช่วยใหอ้ ตั รำกำรพฒั นำเศรษฐกิจเตบิ โตเรว็ ย่ิงขนึ้
ดงั นนั้ กำรก่อหนีส้ ำธำรณะจงึ ไมใ่ ช่เรอ่ื งเสยี หำย แตห่ ำกมิไดน้ ำเงนิ ท่ีกยู้ ืมไปใชใ้ นกำรเพ่ิม
ผลผลติ กำรก่อหนีส้ ำธำรณะของรฐั บำลกจ็ ะเป็นภำระของประชำชนท่ีจะตอ้ งแบกรบั
ในกำรชำระคืนหนี้
กระทรวงกำรคลงั ธนำคำรแหง่ ประเทศไทย และสำนกั คณะกรรมกำรพฒั นำกำร
เศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชำติ ใชน้ โยบำยหนีส้ ำธำรณะเป็นเครอ่ื งมือในกำรพฒั นำ
เศรษฐกิจ
ดงั นนั้ โดยมำตรกำรทำงกำรคลงั ขำ้ งตน้ จะสง่ ผลกระทบตอ่ ตวั แปรทำงเศรษฐกิจ
ท่สี ำคญั ไดแ้ ก่ อปุ สงคร์ วม ระดบั กำรจำ้ งงำนและกำรผลติ ของประเทศ กำไรและคำ่ จำ้ ง
ระดบั รำคำและดลุ กำรชำระเงิน
2.4 นโยบายการคลงั (Fiscal Policy)
นโยบำยกำรคลงั ของแตล่ ะประเทศ จะมกี ำรกำหนดมำตรกำรท่ีเก่ียวกบั กำรหำรำยได้
เขำ้ รฐั ดว้ ยกำรจดั เกบ็ ภำษีอำกร ตลอดจนกำหนดมำตรกำรดำ้ นรำยจำ่ ยของรฐั รวมทงั้ กำร
ก่อหนีส้ ำธำรณะ โดยนโยบำยกำรคลงั นนั้ จะตอ้ งตอบสนองตอ่ เปำ้ หมำยนโยบำยทำง
เศรษฐกิจท่ีรฐั บำลไดก้ ำหนดขนึ้
1) รูปแบบนโยบายการคลัง
โดยท่วั ไปแลว้ รฐั บำลอำจกำหนดนโยบำยทำงกำรคลงั ไดเ้ ป็น 2 รูปแบบท่ีสำคญั ๆ
ไดแ้ ก่ นโยบำยกำรคลงั แบบหดตวั และนโยบำยกำรคลงั แบบขยำยตวั
(1) นโยบายการคลังแบบหดตวั (Contractionary Fiscal Policy) คือ นโยบำย
กำรคลงั ท่ีลดงบประมำณรำยจ่ำยและเพ่ิมภำษี หรอื กำรตงั้ งบประมำณเกินดลุ เพ่ือใหค้ วำม
ตอ้ งกำรใชจ้ ่ำยมวลรวมลดลง อนั จะนำไปสกู่ ำรลดปัญหำภำวะเงนิ เฟอ้
(2) นโยบายการคลังแบบขยายตวั (Expansionary Fiscal Policy) คือ
นโยบำยกำรคลงั โดยเพ่ิมงบประมำณรำยจ่ำยและลดภำษี หรอื กำรตงั้ นโยบำยขำดดลุ
กำรดำเนินนโยบำยกำรคลงั ดงั กลำ่ ว ทำใหร้ ะบบเศรษฐกิจขยำยตวั กำรจำ้ งงำนและรำยได้
ประชำชำตจิ ะเพ่ิมสงู ขนึ้ รฐั บำลจะใชน้ โยบำยดงั กลำ่ วในช่วงท่ีเกิดภำวะเศรษฐกิจตกต่ำ
รำยจ่ำยมวลรวมของระบบเศรษฐกิจมีไมเ่ พยี งพอท่ีจะทำใหเ้ กิดภำวะกำรจำ้ งงำนเตม็ ท่ไี ด้
2) นโยบายการคลังกบั การพฒั นาเศรษฐกจิ
รฐั บำลสำมำรถใชน้ โยบำยกำรคลงั เพ่ือพฒั นำเศรษฐกิจของประเทศ ทงั้ นี้
เน่ืองจำกโครงสรำ้ งทำงเศรษฐกิจท่ีมีกำรพฒั นำอย่ำงตอ่ เน่ือง จะทำใหโ้ ครงสรำ้ งอปุ โภค
บรโิ ภคของประชำชนเปล่ยี นแปลงไป เช่น กำรท่ีโครงสรำ้ งทำงเศรษฐกิจของประเทศไทย
ไดเ้ ปล่ยี นจำกกำรพง่ึ สำขำเกษตรกรรมมำเป็นสำขำอตุ สำหกรรมและดำ้ นกำรบรกิ ำรมำกขนึ้
รฐั บำลดำเนินนโยบำยกำรคลงั เพ่ือสนบั สนนุ ใหม้ ีกำรจดั สรรทรพั ยำกรกำรผลติ สอดคลอ้ งกบั
กำรเปล่ยี นแปลงของโครงสรำ้ งทำงเศรษฐกิจ โดยใชม้ ำตรกำร ดงั นี้
(1) เพ่ิมกำรใชจ้ ่ำยของรฐั บำลในโครงสรำ้ งท่ีมีผลตอ่ กำรพฒั นำเศรษฐกิจให้
สงู ขนึ้ โดยจะตอ้ งจดั ลำดบั ของโครงกำรท่ีมีผลตอ่ กำรพฒั นำเศรษฐกิจใหม้ ำกท่ีสดุ
(2) ยกเวน้ หรอื ลดหยอ่ นภำษีอำกร เพ่ือลดตน้ ทนุ กำรผลติ และจงู ใจใหม้ ีกำร
พฒั นำเฉพำะดำ้ นตำมทิศทำงของกำรเปล่ยี นแปลงในโครงสรำ้ งของระบบเศรษฐกิจ
อยำ่ งไรก็ตำม กำรนำนโยบำยกำรคลงั ไปสกู่ ำรปฏิบตั ิอำจมีขอ้ จำกดั เน่ืองจำก
กำรกำหนดมำตรกำรตำ่ ง ๆ ไม่วำ่ จะเป็นกำรเปล่ยี นแปลงดำ้ นภำษี หรอื กำรใชจ้ ำ่ ยของ
ภำครฐั จำเป็นตอ้ งมีกำรออกกฎหมำยหรอื พระรำชบญั ญตั ิรองรบั ซง่ึ ทำใหม้ ีกำรเหล่อื ม
ชว่ งเวลำ (Time leg) เพรำะตอ้ งใชเ้ วลำนำนในกำรพิจำรณำ ดงั นนั้ อำจทำใหไ้ ม่สำมำรถ
แกไ้ ขปัญหำหรอื พฒั นำเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่ำงทนั ทว่ งที
3. นโยบายการเงนิ และการคลังในการ
แกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
นโยบายการเงนิ
นโยบำยกำรเงินแบง่ ออกเป็น 2 รูปแบบท่ีสำคญั ๆ คอื นโยบำยกำรเงนิ แบบเขม้ งวด
(Restrictive Monetary Policy) และนโยบำยกำรเงนิ แบบขยำยตวั หรอื แบบผอ่ นคลำย
(Expansionary Monetary Policy)
• นโยบายการเงนิ แบบเข้มงวด (Restrictive Monetary Policy)
หำกธนำคำรกลำงเหน็ วำ่ ในชว่ งเวลำใดเวลำหนง่ึ ระบบเศรษฐกิจมีปรมิ ำณเงินและ
สนิ เช่ือมำกเกินไป สภำพคลอ่ งในตลำดเงินมีมำก ซง่ึ ทำใหก้ ำรจบั จ่ำยใชส้ อยของ
ประชำชน
มีมำกเกินไป ไมเ่ หมำะสมกบั ปรมิ ำณผลผลติ ท่ีแทจ้ รงิ อนั จะกอ่ ใหเ้ กิดปัญหำเศรษฐกิจ
ตำมมำ
ธนำคำรกลำงจงึ ตอ้ งจำกดั หรอื ลดอปุ ทำนของเงนิ เพ่ือใหส้ ภำพคลอ่ งในตลำดลดลง ทำ
ใหเ้ งิน
หำยำกหรอื ตงึ ตวั ขนึ้ โดยใชเ้ ป็นเครอ่ื งมือในกำรควบคมุ ปรมิ ำณเงิน ซง่ึ มีมำตรกำรสำคญั
3
ประกำร ในลกั ษณะดงั นี้
1. เปิดใหม้ ีกำรขำยหลกั ทรพั ย์ คือ ต๋วั เงินคลงั หรอื พนั ธบตั ร เพ่ือลดเงินสำรองของ
นอกจำกมำตรกำรหลกั ดงั กลำ่ วแลว้ ธนำคำรกลำงสำมำรถใชเ้ ครอ่ื งมือทำงดำ้ นอ่นื
เป็นมำตรกำรเสรมิ ดว้ ย เชน่ ขนึ้ อตั รำดอกเบยี้ ธนำคำรกลำง หรอื จำกดั อตั รำกำรขยำยสินเช่ือ
ของธนำคำรพำณิชย์ ซง่ึ เป็นผลใหม้ ีกำรจำกดั หรอื ลดกำรขยำยสินเช่ือควบคกู่ บั กำรลดปรมิ ำณเงิน
• นโยบายการเงนิ แบบขยายตวั (Expansionary Monetary Policy)
ในระยะท่ีธนำคำรกลำงเหน็ วำ่ ปรมิ ำณเงินและสินเช่ือในระบบเศรษฐกิจมีนอ้ ยเกินไป
ตลำดเงนิ ขำดสภำพคลอ่ ง อตั รำดอกเบยี้ สงู เกินไป กำรจบั จ่ำยใชส้ อยของประชำชนเป็นไปอยำ่ ง
ฝืดเคือง ธนำคำรกลำงจงึ ตอ้ งดำเนินมำตรกำรเพ่ือเพ่มิ ปรมิ ำณเงินในระบบเศรษฐกิจ หรอื เพ่อื เพ่มิ
สภำพคลอ่ งในตลำดเงิน ทำใหม้ ีเงนิ หมนุ เวียนสะพดั มำกขนึ้ โดยดำเนินมำตรกำรหลกั 3 ประกำร
ดงั นี้
1. ซือ้ หลกั ทรพั ยโ์ ดยเปิดเผย เพ่ือทำใหเ้ งินสำรองของธนำคำรพำณิชยเ์ พ่ิมขนึ้
2. ลดอตั รำเงินสำรองตำมกฎหมำย เพ่ือทำใหธ้ นำคำรพำณิชยม์ ีเงินเกินสำรองมำกขนึ้
และทำใหต้ วั ทวเี งนิ ฝำกมีคำ่ สงู ขนึ้
3. ลดอตั รำรบั ชว่ งซอื้ ลด เพ่ือเพ่มิ แรงจงู ใจใหธ้ นำคำรพำณิชยม์ ำขอกเู้ งินจำก
ธนำคำรกลำงไปปลอ่ ยสนิ เช่ือแกป่ ระชำชนมำกขนึ้
นอกจำกนี้ ธนำคำรพำณิชยย์ งั สำมำรถดำเนินมำตรกำรอ่นื ๆ รว่ มดว้ ย เชน่ ลดอตั รำ
ดอกเบยี้ ธนำคำรกลำง กระตนุ้ ใหธ้ นำคำรพำณิชยข์ ยำยสนิ เช่ือใหม้ ำกขนึ้ ซง่ึ จะเป็นกำรขยำย
สินเช่ือควบคกู่ บั กำรเพ่ิมปรมิ ำณเงิน
ภำวะตำ่ ง ๆ ท่ีมีผลใหร้ ะบบเศรษฐกิจเกิดควำมผนั ผวน ไดแ้ ก่ ภำวะเงนิ เฟอ้ และภำวะ
เงนิ ฝืด ทงั้ นีเ้ พรำะมำตรกำรตำ่ ง ๆ ทงั้ ทำงกำรเงินและกำรคลงั ถกู กำหนดขนึ้ เพ่ือแกไ้ ขปัญหำ
ควำมผนั ผวนทำงเศรษฐกิจน่นั เอง
3.1 ภาวะเงนิ เฟ้อ
ภำวะเงนิ เฟอ้ (Inflation) หมำยถงึ ภำวะท่ีระดบั รำคำของสนิ คำ้ และบรกิ ำรท่ีจำเป็น
สว่ นใหญ่มีแนวโนม้ เพ่มิ สงู ขนึ้ อยำ่ งตอ่ เน่ือง กำรท่ีระดบั สนิ คำ้ และบรกิ ำรแทบทกุ หมวดเพ่ิม
สงู ขนึ้ นนั้ มผี ลทำใหอ้ ำนำจซอื้ ของเงนิ ท่ีอยใู่ นมือของประชำชนลดลง น่นั หมำยควำมวำ่ เงนิ
จำนวนเทำ่ เดมิ จะใชจ้ บั จ่ำยซอื้ หำสนิ คำ้ และบรกิ ำรไดใ้ นปรมิ ำณท่ีนอ้ ยลง
1) รูปแบบหรือระดับของภาวะเงนิ เฟ้อ
ในทำงเศรษฐศำสตร์ แบง่ ลกั ษณะของเงินเฟอ้ ออกเป็น 3 ระดบั ไดแ้ ก่
(1) ภาวะเงนิ เฟ้อระดบั ออ่ น (Mild Inflation) คือ ภำวะท่ีระดบั รำคำสินคำ้ และ
บรกิ ำรโดยท่วั ไปสงู ขนึ้ ไมเ่ กินอตั รำรอ้ ยละ 5 ตอ่ ปี ภำวะเงนิ เฟอ้ ระดบั นีก้ ่อใหเ้ กิดผลดตี อ่
ระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม เน่ืองจำกกำรท่ีสนิ คำ้ และบรกิ ำรมีรำคำสงู ขนึ้ ไมม่ ำกนกั
จะเป็นเครอ่ื งกระตนุ้ ใหผ้ ผู้ ลติ หรอื ผปู้ ระกอบกำรลงทนุ ในกำรผลติ สนิ คำ้ และบรกิ ำรเพ่ิมขนึ้
ดงั นนั้ เม่ือมีกำรลงทนุ มำกขนึ้ จะสง่ ผลใหผ้ ผู้ ลติ มีกำรจำ้ งงำนจำนวนมำกขนึ้ ทำใหป้ ระชำชน
มีงำนทำและมีรำยไดเ้ พ่ือจบั จำ่ ยใชส้ อยมำกขนึ้ ระบบเศรษฐกิจมีกำรขยำยตวั สงู ขนึ้
(2) ภาวะเงนิ เฟ้อระดบั ปานกลาง (Moderate Inflation) คือ ภำวะท่ีระดบั
รำคำสินคำ้ และบรกิ ำรโดยท่วั ไปมีรำคำสงู ขนึ้ มำกกวำ่ รอ้ ยละ 5 แตไ่ ม่เกินรอ้ ยละ 20 ตอ่ ปี
ภำวะเช่นนีท้ ำใหป้ ระชำชนไดร้ บั ควำมเดอื ดรอ้ น เน่ืองจำกคำ่ ครองชีพสงู ขนึ้ แตร่ ำยได้
ไม่เพ่มิ ตำม สง่ ผลใหป้ ระชำชนสว่ นใหญ่มีฐำนะทำงเศรษฐกิจต่ำลง หรอื อำจกลำ่ วไดว้ ำ่
รำยไดท้ ่แี ทจ้ รงิ ของประชำชนลดลง
(3) ภาวะเงนิ เฟ้ออย่างรุนแรง (Hyper Inflation) คอื ภำวะท่ีระดบั รำคำสินคำ้
และบรกิ ำรโดยท่วั ไปไดป้ รบั เพ่ิมขนึ้ มำก หรอื อีกนยั หนง่ึ สงู กวำ่ รอ้ ยละ 20 ภำวะเงินเฟอ้
ในลกั ษณะนีม้ กั เกิดขนึ้ ในฉบั พลนั เน่ืองจำกรำคำสินคำ้ สงู ขนึ้ อย่ำงรวดเรว็ ในช่วงระยะเวลำ
สนั้ ๆ ประชำชนประสบกบั ควำมเดอื ดรอ้ นมำก เน่ืองจำกเงนิ ท่ถี ืออยใู่ นมือมีคำ่ ลดลงทกุ วนั
จนอำจไมม่ ีคำ่ เลย ภำวะดงั กลำ่ วนีเ้ กิดขนึ้ ในภำวะท่ีไมป่ กติ เช่น ในชว่ งภยั สงครำม
กำรจลำจล เกิดภยั พิบตั ิตำ่ ง ๆ
อยำ่ งไรก็ตำม ภำวะเงินเฟอ้ ในระดบั ตำ่ ง ๆ ท่ีกลำ่ วขำ้ งตน้ เป็นเพยี งหลกั เกณฑ์
ท่วั ๆ ไปในทำงทฤษฎี แตใ่ นทำงปฏิบตั เิ ป็นกำรยำกท่ีจะระบใุ หแ้ น่ชดั วำ่ ภำวะเงินเฟอ้
ท่เี กิดขนึ้ เป็นแบบใด ทงั้ นีข้ นึ้ อยกู่ บั โครงสรำ้ งเศรษฐกิจของประเทศนนั้ ๆ กลำ่ วคอื ระดบั ของ
เงินเฟอ้ ท่ียอมรบั ไดใ้ นแตล่ ะประเทศจะแตกตำ่ งกนั ไป แลว้ แตภ่ ำวะเศรษฐกิจของแตล่ ะ
ประเทศ ภำวะเงนิ เฟอ้ ไมว่ ำ่ จะเป็นระดบั ใด จะมีผลทำใหร้ ำยไดท้ ่ีแทจ้ รงิ ลดลง ถึงแมว้ ำ่
รำยไดท้ ่ีเป็นตวั เงนิ จะคงท่ี
2) สาเหตุทกี่ ่อใหเ้ กดิ ภาวะเงนิ เฟ้อ
เป็นท่ีทรำบกนั โดยท่วั ไปวำ่ รำคำของสนิ คำ้ และบรกิ ำรถกู กำหนดจำกอปุ สงค์ หรอื
ควำมตอ้ งกำรซอื้ สนิ คำ้ และบรกิ ำร และอปุ ทำน หรอื ควำมตอ้ งกำรเสนอขำยสนิ คำ้ จำกผผู้ ลติ
เน่ืองจำกภำวะเงินเฟอ้ เป็นภำวกำรณท์ ่ีระดบั รำคำสินคำ้ และบรกิ ำรโดยท่วั ไปสงู ขนึ้ อยำ่ ง
ตอ่ เน่ือง ดงั นนั้ นกั เศรษฐศำสตรจ์ งึ มีควำมเช่ือวำ่ ภำวะเงนิ เฟอ้ เกิดจำกสำเหตสุ ำคญั
2 ประกำร คือ
(1) สาเหตุทางด้านอุปสงค์ ภำวะเงินเฟอ้ ท่เี กิดมำจำกอปุ สงคด์ งึ (Demand Pull
Inflation) หมำยถึง ภำวะเงนิ เฟอ้ ท่ีเกิดจำกอปุ สงคม์ วลรวมหรอื ควำมตอ้ งกำรซอื้ สินคำ้ และ
บรกิ ำรของประชำชนในระบบเศรษฐกิจมีมำกกวำ่ ปรมิ ำณกำรผลิตท่ีผผู้ ลติ นำออกจำหน่ำย
ประกอบกบั ในขณะนนั้ ระบบเศรษฐกิจมีกำรจำ้ งงำนเตม็ ท่ี (Full Employment) ซง่ึ เป็น
ช่วงเวลำท่ีระบบเศรษฐกิจมีกำรใชท้ รพั ยำกรตำ่ ง ๆ ท่ีมีอยอู่ ย่ำงเตม็ กำลงั กำรผลิต กลำ่ วคอื
ไม่มีปัจจยั กำรผลติ เหลือพอท่ีจะทำกำรผลิตเพ่มิ จำกผลของกำรท่ีอปุ สงคม์ วลรวมหรอื
ควำมตอ้ งกำรรวมเพ่ิมขนึ้ โดยท่ีปรมิ ำณกำรผลติ หรอื อปุ ทำนมวลรวมของระบบเศรษฐกิจ
เพ่ิมตำมไมท่ นั ในท่ีสดุ อปุ สงคม์ วลรวมสว่ นเกินดงั กลำ่ วจะเป็นตวั ดงึ ใหร้ ะดบั รำคำสินคำ้
โดยท่วั ไปมีแนวโนม้ สงู ขนึ้ กอ่ ใหเ้ กิดภำวะเงนิ เฟอ้ ขนึ้ ในระบบเศรษฐกิจ
(2) สาเหตุด้านอุปทาน นอกจำกปัจจยั ทำงดำ้ นอปุ สงคห์ รอื ควำมตอ้ งกำรสินคำ้
และบรกิ ำรโดยรวมของทงั้ ระบบเศรษฐกิจแลว้ ภำวะเงินเฟอ้ อำจเกิดจำกปัจจยั ทำงดำ้ น
อปุ ทำนหรอื ปรมิ ำณสนิ คำ้ และบรกิ ำรท่ีผผู้ ลติ นำมำเสนอขำย เชน่ ภำวะเงินเฟอ้ ท่ีเกิดจำก
แรงผลกั ดำ้ นตน้ ทนุ กำรผลิต ซง่ึ หมำยถงึ ภำวะเงนิ เฟอ้ ท่ีเกิดจำกตน้ ทนุ กำรผลิตของผผู้ ลติ
หรอื ผปู้ ระกอบกำรสงู ขนึ้ เชน่ รำคำนำ้ มนั หรอื ปัจจยั กำรผลติ อน่ื เพ่ิมขนึ้ มีผลทำใหฉ้ ดุ ระดบั
รำคำสินคำ้ โดยท่วั ไปใหส้ งู ขนึ้ ตำมไปดว้ ย จนทำใหเ้ กิดภำวะเงินเฟอ้
3) ผลกระทบทเ่ี กดิ จากภาวะเงนิ เฟ้อ
เม่ือเกิดภำวะเงินเฟอ้ ในระบบเศรษฐกิจขนึ้ แลว้ จะมีผลกระทบหลำยดำ้ น ไดแ้ ก่
(1) มาตรฐานการครองชพี ของประชาชน ผลกระทบโดยตรงท่ีเกิดจำก
ภำวะเงนิ เฟอ้ คือ ทำใหม้ ำตรฐำนคำ่ ครองชีพสงู ขนึ้ ซง่ึ ทำใหค้ วำมอยดู่ กี ินดขี องประชำชน
ลดลง ถำ้ ภำวะเงินเฟอ้ รุนแรง รำคำสินคำ้ และบรกิ ำรจะเพ่ิมสงู ขนึ้ เรอ่ื ย ๆ ประชำชนจะไดร้ บั
ควำมเดอื ดรอ้ น เน่ืองจำกแตล่ ะคนมีควำมรูส้ กึ วำ่ ตนเองยำกจนลง เพรำะรำยไดท้ ่แี ทจ้ รงิ
ลดลงเม่ือระดบั รำคำสินคำ้ โดยท่วั ไปสงู ขนึ้ แมว้ ำ่ รำยไดท้ ่ีรบั ในรูปของตวั เงนิ ยงั คงเทำ่ เดิม
ก็ตำม
(2) ผลตอ่ ความต้องการถอื เงนิ ภำวะเงนิ เฟอ้ ทำใหอ้ ำนำจซอื้ ของเงิน
ท่อี ยใู่ นมือของประชำชนลดลง ทงั้ นีเ้ พรำะจำนวนเงนิ เดิมสำมำรถใชจ้ บั จำ่ ยซอื้ ของได้
ในปรมิ ำณท่ีนอ้ ยลง เน่ืองจำกรำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรเพ่ิมสงู ขนึ้ ดงั นนั้ กำรท่แี ตล่ ะคน
พยำยำมรกั ษำระดบั กำรบรโิ ภคของตนใหอ้ ยใู่ นระดบั เดิม สง่ ผลใหป้ ระชำชนมีควำมตอ้ งกำร
ถือเงนิ เพ่ิมขนึ้ เพ่ือนำมำใชจ้ ำ่ ยใหพ้ อกบั ควำมตอ้ งกำรของแตล่ ะคน ถำ้ ย่ิงภำวะเงนิ เฟอ้
รุนแรงขนึ้ ควำมตอ้ งกำรถือเงนิ ก็จะมจี ำนวนสงู ขนึ้ และในท่ีสดุ จะเลกิ ถือเงนิ แตจ่ ะหนั ไปถือ
สิ่งมคี ำ่ อ่นื ๆ ท่ีมลู คำ่ คอ่ นขำ้ งคงท่แี ทน เชน่ ทองคำ
(3) ผลตอ่ ระดับการผลติ และการลงทนุ ของประเทศ ทงั้ นีข้ นึ้ อยกู่ บั วำ่
ระดบั ภำวะเงนิ เฟอ้ ท่ีเกิดขนึ้ ในขณะใดขณะหนึง่ ถำ้ เป็นภำวะเงินเฟอ้ ในระดบั ไม่สงู มำกนกั
จะเป็นผลดตี อ่ ระบบเศรษฐกิจโดยรวม เพรำะเงินเฟอ้ ในระดบั นีจ้ ะชว่ ยกระตนุ้ ใหผ้ ผู้ ลิตทำกำร
ผลติ เพ่ิมขนึ้ สง่ ผลใหผ้ ลผลติ รวมของประเทศสงู ขนึ้ แตถ่ ำ้ เงนิ เฟอ้ มีระดบั ท่ีสงู มำกจะทำให้
กำลงั ซือ้ ของประชำชนลดลงจนทำใหผ้ ลผลติ ท่ีผลติ มำแลว้ นนั้ ไม่สำมำรถขำยได้ เพรำะ
ประชำชนไมม่ ีกำลงั ซือ้ ท่เี พียงพอ ในท่ีสดุ จะทำใหผ้ ผู้ ลิตจำเป็นตอ้ งลดกำรผลติ และกำรลงทนุ
ทำใหผ้ ลผลติ รวมของประเทศลดลง ตลอดจนทำใหผ้ ผู้ ลิตเลกิ จำ้ งลกู จำ้ ง ผลก็คือประชำชน
มีรำยไดล้ ดลงหรอื เกิดควำมยำกจนมำกกวำ่ เดมิ
(4) ผลต่อดุลการค้า ดุลการชาระเงนิ ภำวะเงินเฟอ้ ทำใหร้ ำคำสนิ คำ้ ในประเทศ
มีแนวโนม้ สงู ขนึ้ ซง่ึ มีรำคำสงู กวำ่ ประเทศท่ีเป็นคแู่ ขง่ เป็นสำเหตใุ หโ้ อกำสกำรขำยสนิ คำ้
ใหก้ บั ตำ่ งประเทศลดลง ย่ิงไปกวำ่ นนั้ ถำ้ สนิ คำ้ จำกตำ่ งประเทศมีรำคำถกู กวำ่ โดยเปรยี บเทียบ
จะทำใหม้ ีกำรส่งั ซือ้ สินคำ้ นำเขำ้ จำกตำ่ งประเทศเพ่มิ ขนึ้ ในท่ีสดุ จะทำใหด้ ลุ กำรคำ้ และ
ดลุ กำรชำระเงนิ ของประเทศเกิดภำวะเงินเฟอ้ สงู ขนึ้
(5) ผลตอ่ ระดับการออมของประเทศ ภำวะเงินเฟอ้ ในระดบั รุนแรง มกั มีผล
ทำใหก้ ำรออมทรพั ยโ์ ดยรวมของทงั้ ประเทศลดลง ดว้ ยสำเหตทุ ่อี ำนำจซอื้ ลดลง รวมทงั้ เกิด
จำกอตั รำผลตอบแทนท่ีไดร้ บั จำกเงนิ ออมลดลงหลงั จำกท่ีมีกำรปรบั คำ่ ดว้ ยอตั รำเงินเฟอ้
จนประชำชนขำดแรงจงู ใจในกำรออมเงิน แลว้ หนั ไปจบั จำ่ ยใชส้ อยซอื้ สนิ คำ้ ตำ่ ง ๆ มำกขนึ้
(6) ผลตอ่ บุคคลทม่ี ีฐานะเป็ นเจ้าหนีแ้ ละลูกหนี้ ถำ้ เกิดภำวะเงินเฟอ้ เจำ้ หนี้
จะเป็นฝ่ำยเสยี เปรยี บเน่ืองจำกตวั เงินท่ีไดร้ บั จำกกำรชำระหนีม้ ีคำ่ ลดลงเม่อื เทียบกบั คำ่ เงิน
ในชว่ งท่ีใหก้ ยู้ ืมไป ในขณะเดยี วกนั ลกู หนีก้ ลำยเป็นผไู้ ดเ้ ปรยี บ เม่อื เทียบกบั เงนิ ท่ไี ดร้ บั ไปชว่ ง
ท่ีกยู้ ืม ซง่ึ มีอำนำจซือ้ สงู กวำ่ ช่วงท่ีนำเงนิ ไปชำระหนี้
4) นโยบายการเงนิ ในการแกป้ ัญหาเงนิ เฟ้อ
เงนิ เฟอ้ คือ สภำวะท่ีระดบั รำคำของสนิ คำ้ และบรกิ ำรโดยท่วั ไปมีแนวโนม้ สงู ขนึ้
เรอ่ื ย ๆ อยำ่ งตอ่ เน่ือง โดยเป็นกำรสงู ขนึ้ ของระดบั รำคำในเกือบทกุ หมวดของสนิ คำ้ และ
บรกิ ำร ทำใหอ้ ำนำจซอื้ ของเงนิ ท่ีมีอยใู่ นมือประชำชนลดลง
ดงั นนั้ จงึ เป็นหนำ้ ท่ีของธนำคำรกลำงของแตล่ ะประเทศนำมำใชใ้ นกำรควบคมุ ดแู ล
ปรมิ ำณเงิน และสนิ เช่ือรวมของระบบเศรษฐกิจ โดยใชน้ โยบำยกำรเงนิ แบบหดตวั เพ่อื
แกป้ ัญหำเงินเฟอ้ โดยมีวิธีกำรดงั นี้
มาตรการทางการเงินท่ีใช้ในการแก้ไขปัญหาเงนิ เฟ้อ
1. เปิดตลำดซอื้ ขำยพนั ธบตั ร โดยธนำคำรกลำงประกำศขำยพนั ธบตั รออกสทู่ อ้ งตลำดเพ่ือลด
กำรหมนุ เวียนของปรมิ ำณเงินในระบบเศรษฐกิจ
2. กำรเพิม่ อตั รำเงินสด ธนำคำรกลำงประกำศเพ่มิ อตั รำเงินสดสำรองตำมกฎหมำยเพ่ือ
สำรองตำมกฎหมำย ชะลอไมใ่ หธ้ นำคำรพำณิชยป์ ลอ่ ยสนิ เช่ือเขำ้ สรู่ ะบบเศรษฐกิจ
มำกขนึ้ (ลดกำรหมนุ เวียนของปรมิ ำณเงินในระบบเศรษฐกิจ)
3. กำรเปล่ยี นแปลงอตั รำ กลำ่ วคอื ธนำคำรกลำงประกำศเพ่มิ อตั รำรบั ช่วงซอื้ ลด ซง่ึ เป็น
รบั ช่วงซือ้ ลดหรอื อตั รำ อตั รำดอกเบยี้ ท่ีธนำคำรกลำงคดิ กบั ธนำคำรพำณิชย์ เม่ือธนำคำร
ธนำคำร พำณิชยม์ ำกยู้ ืมเงินจำกธนำคำรกลำง เพ่อื กระตนุ้ ใหธ้ นำคำร
พำณิชยช์ ะลอกำรปลอ่ ยสนิ เช่ือสรู่ ะบบเศรษฐกิจ เป็นกำรลด
ปรมิ ำณเงนิ ในระบบเศรษฐกิจ
4. กำรขอรอ้ งไปยงั คอื กำรท่ีธนำคำรกลำงขอควำมรว่ มมือไปยงั ธนำคำรพำณิชย์
ธนำคำรพำณิชย์ ใหค้ วบคมุ กำรปลอ่ ยสนิ เช่ือเขำ้ สรู่ ะบบเศรษฐกิจเป็นไปอยำ่ งมี
คณุ ภำพ
5. กำรเปล่ยี นแปลงอตั รำ โดยวิธีประกำศเพิม่ margin requirerment เพ่ือใหธ้ นำคำร
กำรใหก้ ยู้ มื หรอื สินเช่ือ พำณิชยช์ ะลอกำรปลอ่ ยสนิ เช่ือ เพ่อื กำรซอื้ ขำยหลกั ทรพั ย์
เพ่อื กำรซอื้ ขำยหลกั ทรพั ย์ คอื กำรเพมิ่ อตั รำดอกเบยี้ เงินฝำกประจำเพ่ือเพ่มิ ระดบั
กำรออม เม่ือลดกำรใชจ้ ำ่ ยปรมิ ำณเงินในระบบเศรษฐกิจก็จะ
6. กำรเปล่ยี นแปลงอตั รำ ลดลง
ดอกเบยี้ เงนิ ฝำก