The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เศรษฐศาสตร์ ม.4-6 หน่วยที่ 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เศรษฐศาสตร์ ม.4-6 หน่วยที่ 3

เศรษฐศาสตร์ ม.4-6 หน่วยที่ 3

หน่วยการเรียนรู้ที่

สหกรณ์

ตวั ชีว้ ัด • ตระหนักถงึ ความสาคัญของระบบสหกรณใ์ นการพัฒนา
เศรษฐกิจในระดบั ชุมชนและประเทศ (ส 3.1 ม.4-6/3)

ผังสาระการเรียนรู้

ววิ ัฒนาการของสหกรณ์ ความหมาย ความสาคัญ
ในประเทศไทย และหลักการของระบบสหกรณ์

สหกรณ์ สหกรณก์ ารเกษตร

ความสาคัญของระบบสหกรณใ์ นการพัฒนา ประเภทของ สหกรณน์ ิคม
เศรษฐกจิ ในชุมชนและประเทศ สหกรณใ์ นประเทศไทย สหกรณก์ ารประมง
สหกรณร์ า้ นคา้
สหกรณ์ สหกรณ์
เครดิตยเู นียน ออมทรพั ย์

1. ววิ ฒั นาการของสหกรณใ์ นประเทศไทย

จดั ตงั้ สหกรณแ์ หง่ แรก จัดตัง้ สหกรณ์  ประกาศพระราชบญั ญัตสิ หกรณ์ พุทธศักราช 2511
“สหกรณว์ ดั จันทร์ ประเภทอนื่ เพมิ่  ก่อตัง้ สันนิบาตสหกรณแ์ หง่ ประเทศไทย
ไม่จากัดสนิ ใช้”

พ.ศ. 2471 พ.ศ. 2495 ปัจจุบนั

พ.ศ. 2459 พ.ศ. 2475 พ.ศ. 2511

พระราชบญั ญัตสิ หกรณ์ ยกระดับสหกรณเ์ ป็ น กระทรวงเกษตรและ
พทุ ธศักราช 2471 ระดับกระทรวง สหกรณ์

แผนภาพเสน้ เวลาแสดงววิ ฒั นาการของสหกรณ์ในประเทศไทย

การเกิดสหกรณใ์ นประเทศไทยมีสาเหตมุ าจากภาวะบบี คนั้ ทางดา้ นเศรษฐกิจ
และสงั คมของประชาชนในชนบท เน่ืองมาจากฐานะทางเศรษฐกิจของชาวนาไทยใน
สภาวะยากจน การขาดเงินทนุ ท่ีจะใชใ้ นการประกอบอาชีพ ตลอดจนการถกู เอารดั
เอาเปรยี บจากเจา้ หนีเ้ งินกแู้ ละพอ่ คา้ คนกลางในการกยู้ ืมเงินหรอื จาหนา่ ยผลผลติ
ทาใหช้ าวนามีปัญหาหนีส้ นิ เป็นจานวนมาก ปลายสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้
เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 5) จงึ หาทางแกไ้ ขปัญหาโดยการจดั ตงั้ ธนาคารเกษตร เพ่ือใหส้ นิ เช่ือ
การเกษตรใหก้ บั ชาวนาท่ียากจน แตต่ ดิ ขดั เรอ่ื งหลกั ประกนั เงนิ กยู้ ืม อาจทาใหช้ าวนา
ทอดทิง้ ท่ีนาและหนีหนีส้ ิน ทาใหค้ วามคิดนีจ้ งึ เป็นอนั ยกเลกิ ไป

ใน พ.ศ. 2456 เม่อื แบงกส์ ยามกมั มาจล (ปัจจบุ นั คอื ธนาคารไทยพาณิชย)์
ประสบวิกฤตการณท์ างเศรษฐกิจ กระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ (ปัจจบุ นั คือ กระทรวงการคลงั )
ตอ้ งเขา้ มาช่วยเหลือเพ่ิมทนุ ทางราชการจงึ คดิ ปรบั ปรุงใหแ้ บงกส์ ยามกมั มาจล เป็นธนาคาร
ใหร้ าษฎรไดก้ ยู้ ืม เพ่ือทาการผลติ และปลดหนีส้ นิ กระทรวงพระคลงั มหาสมบตั จิ งึ ไดเ้ ชิญเซอร์
เบอรน์ ารด์ ฮนั เตอร์ (Sir Bernard Hunter) ขณะนนั้ ดารงตาแหน่งหวั หนา้ ธนาคารแหง่ มทั ราส
ใหเ้ ขา้ มาสารวจและเสนอแนวทางท่ีจะชว่ ยเหลือชาวนา โดยใหโ้ อนทนุ เดมิ ของแบงกส์ ยาม
กมั มาจลมากอ่ ตงั้ ธนาคารขนึ้ ใหม่ ท่ีเรยี กวา่ “ธนาคารใหก้ แู้ หง่ ชาติ” (National Loan Bank)
โดยดาเนินการใหร้ าษฎรยืมเงิน ซง่ึ ใชท้ ่ดี ินและหลกั ทรพั ยอ์ ่นื เป็นหลกั ประกนั แตไ่ มส่ ามารถ
แกไ้ ขปัญหาเรอ่ื งชาวนาผกู้ ยู้ ืมเงนิ และหลบหนีหนีส้ ิน ทาใหแ้ นวความคิดธนาคารให้
กแู้ หง่ ชาติ จงึ มีอนั ตอ้ งยกเลิกไป อย่างไรก็ตามการท่ีเซอรเ์ บอรน์ ารด์ ฮนั เตอรเ์ ขา้ มาสารวจและ
เสนอความคดิ เห็นเพ่ือจดั ตงั้ ธนาคารใหก้ แู้ หง่ ชาติ นบั เป็นความเห็นที่จะนาเอาวธิ ีสหกรณ์
เขา้ มาใชใ้ นประเทศไทย

สหกรณไ์ ดจ้ ดั ตงั้ ขนึ้ ในประเทศไทย เม่ือวนั ท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2459 ท่อี าเภอเมอื ง
จงั หวดั พิษณโุ ลก มีช่ือวา่ “สหกรณว์ ดั จนั ทรไ์ ม่จากดั สนิ ใช”้ มีสมาชิกเม่ือเรม่ิ จดั ตงั้ จานวน
16 คน และกเู้ งินจากธนาคารไทยพาณิชยม์ าเป็นทนุ ในการดาเนินงานจานวน 3,000 บาท
โดยเสยี ดอกเบยี้ ในอตั รารอ้ ยละ 6 ตอ่ ปี สว่ นสหกรณค์ ดิ ดอกเบีย้ จากสมาชิกในอตั รารอ้ ยละ
12 ตอ่ ปี เม่อื การดาเนินงานของสหกรณป์ ระสบความสาเรจ็ มีความกา้ วหนา้ ม่นั คงแมจ้ ะมี
ปัญหาในเรอ่ื งจากดั ในการใหก้ ยู้ ืม แตร่ ฐั ยงั คดิ จะขยายกิจการสหกรณไ์ ปยงั จงั หวดั อ่นื ๆ
ตอ่ ไป ใน พ.ศ. 2471 ไดม้ ีการประกาศพระราชบญั ญตั ิสหกรณ์ พทุ ธศกั ราช 2471 ขนึ้
โดยเปิดโอกาสใหม้ ีการรบั จดทะเบยี นสหกรณป์ ระเภทอ่นื ๆ ได้ ทาใหม้ ีการจดั ตงั้ สหกรณไ์ ด้
กวา้ งขวางมากขนึ้

ใน พ.ศ. 2511 มีการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั สิ หกรณ์ พทุ ธศกั ราช 2511 โดยเปิด
โอกาสใหส้ หกรณห์ าทนุ ขนาดเลก็ ท่ดี าเนินธุรกิจเพียงอยา่ งเดยี วควบเขา้ กนั เป็นสหกรณ์
ขนาดใหญ่ และสนั นิบาตสหกรณแ์ หง่ ประเทศไทยไดถ้ ือกาเนิดขนึ้ เพ่ือเป็นสถาบนั สาหรบั
ใหก้ ารศกึ ษาแกส่ มาชิกสหกรณท์ ่วั ประเทศ มีหนา้ ท่ีติดตอ่ ประสานงานกบั สถาบนั สหกรณ์
ตา่ งประเทศ เป็นการสรา้ งสมั พนั ธภาพการสหกรณร์ ะหวา่ งประเทศ และใหค้ วามช่วยเหลือ
รว่ มมือซง่ึ กนั และกนั

ววิ ฒั นาการของสหกรณใ์ นประเทศไทย มกี ารพฒั นาขนึ้ ตามลาดบั เช่น มีความรู้
ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ระบบสหกรณ์ การดาเนินการของสหกรณใ์ หม้ ีความเป็นประชาธิปไตย

2. ความหมาย ความสาคญั และหลักการของระบบสหกรณ์

2.1 ความหมายของสหกรณ์

คาวา่ “สหกรณ”์ มาจากภาษาสนั สกฤต “สห” แปลวา่ “รว่ มกนั ” “กรณ”์ แปลวา่ “การ
กระทา” คาวา่ สหกรณจ์ งึ แปลวา่ “การกระทารว่ มกนั ” หรอื “การรว่ มมือกนั ” นอกจากนนั้ คาวา่
“สหกรณ”์ ยงั มีความหมายปรากฏ ดงั นี้

1. พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ไดพ้ ระราชทานพระราชดารสั
แกผ่ นู้ าสหกรณก์ ารเกษตร สหกรณน์ ิคม และสหกรณป์ ระมงท่วั ประเทศ ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั
สวนจิตรลดา เม่ือวนั ท่ี 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 วา่ “...คาวา่ สหกรณ์ แปลวา่ การทางาน
รว่ มกนั การทางานรว่ มกนั ลกึ ซงึ้ มาก เพราะวา่ จะตอ้ งรว่ มมือกนั ในทกุ ดา้ น ทงั้ ในดา้ นงานการ
ท่ที าดว้ ยรา่ งกาย ทงั้ ในดา้ นงานท่ีทาดว้ ยสมอง และงานท่ีทาดว้ ยใจทกุ อย่างนีข้ าดไมไ่ ด้
ตอ้ งพรอ้ ม...”

2. พระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนพิทยาลงกรณ พระบิดาแหง่ สหกรณไ์ ทย ประทาน
คาแปลไวใ้ นเอกสารปาฐกถาสหกรณบ์ างรูป โดยแปลมาจากคาจากดั ของนายฮิวเบอรต์ คลั เวอรต์
(Hubert Calvert) ผเู้ คยดารงตาแหนง่ นายทะเบียนสหกรณข์ องประเทศอนิ เดียวา่ สหกรณเ์ ป็น
วิธีจดั การรูปหนง่ึ ซง่ึ บคุ คลหลายคนเขา้ รว่ มกนั โดยความสมคั รใจของตนเองในฐานะท่เี ป็นมนษุ ย์
โดยความมีสิทธิเสมอหนา้ กนั หมด เพ่อื บารุงตนเองใหเ้ กิดความเจรญิ ทางทรพั ย์

3. พระราชบญั ญตั สิ หกรณ์ พทุ ธศกั ราช 2542 มาตรา 4 บญั ญตั ิไวว้ า่ “สหกรณ”์
หมายความวา่ คณะบคุ คลซง่ึ รว่ มกนั ดาเนินกิจการเพ่ือประโยชนท์ างเศรษฐกิจและสงั คม
โดยชว่ ยตนเองและช่วยเหลือซง่ึ กนั และกนั และไดจ้ ดทะเบยี นตามพระราชบญั ญตั นิ ี้

สรุป ความหมายของสหกรณ์ หมายถงึ การรวมตวั กนั ของประชาชน เพ่ือชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั
และกนั ในการยกระดบั ฐานะทางเศรษฐกิจของตนใหส้ งู ขนึ้ โดยยดึ หลกั ประชาธิปไตย
ไมม่ งุ่ แสวงหากาไรและมีการแบง่ ปันผลประโยชนอ์ ยา่ งยตุ ิธรรม

2.2 ความสาคญั ของสหกรณ์

สหกรณม์ ีความสาคญั ตอ่ ชมุ ชน ประเทศชาติ และสงั คมโลก คอื สหกรณส์ ามารถชว่ ย
แกป้ ัญหาความยากจน ขดั เกลาสมาชิกใหเ้ ป็นคนดี มีศีลธรรม และการเสียสละเพ่ือสว่ นรวม
ความสาคญั ของสหกรณส์ ามารถจาแนกได้ 6 ดา้ น คอื

1) ดา้ นเศรษฐกจิ สหกรณไ์ ดเ้ ขา้ มามีบทบาทกบั ชมุ ชน เช่น สง่ เสรมิ อาชีพ ทาใหค้ น
ในชมุ ชนมงี านทาและมีรายได้ สง่ เสรมิ การออมทรพั ย์ และใหก้ ยู้ ืมในอตั ราดอกเบยี้ ต่า
เกิดการขยายธรุ กิจการคา้ และจดั หา พรอ้ มกบั ใหบ้ รกิ ารแกส่ มาชิกตามท่ีตอ้ งการ

2) ด้านการบริหารและการปกครอง สหกรณเ์ ป็นหนว่ ยธุรกิจท่ีบรหิ ารจดั การกนั เอง
โดยอสิ ระ ในการดาเนินงานของสหกรณเ์ ป็นการดาเนินงานตามหลกั ประชาธิปไตย
พง่ึ พาตนเอง มีความเสมอภาคและความเป็นธรรมในสงั คม นอกจากนี้ สหกรณไ์ ดใ้ ห้
ความช่วยเหลือและสนบั สนนุ รฐั ในดา้ นการสง่ เสรมิ อาชีพ การศกึ ษา สาธารณสขุ และ
การแกป้ ัญหาในชมุ ชนและสงั คม

3) ด้านสังคม สหกรณไ์ ดเ้ ขา้ มาพฒั นาทงั้ ในชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ เช่น
การช่วยเหลอื ผทู้ ่ีออ่ นแอและยากไร้ การพฒั นาชมุ ชนและกิจการสงั คม ปรบั ปรุงและแกไ้ ข
ภาวะส่ิงแวดลอ้ ม สรา้ งสวสั ดภิ าพสงั คมและการสรา้ งบรกิ ารสาธารณะใหก้ บั ชมุ ชน

4) ดา้ นศลี ธรรม สหกรณไ์ ดส้ ง่ เสรมิ คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมใหก้ บั ชมุ ชนและสงั คม
เชน่ การปลกู ฝังศีลธรรมจรรยาและคณุ ธรรมในสงั คม สง่ เสรมิ คนดมี ีคณุ ธรรมใหเ้ ป็นผบู้ รหิ าร
และผนู้ าชมุ ชน

5) ดา้ นการศกึ ษา สหกรณไ์ ดเ้ ขา้ มามีบทบาททางการศกึ ษา โดยสง่ เสรมิ การศกึ ษา
และพฒั นาอาชีพ สรา้ งโรงเรยี น และสรา้ งสวสั ดิการเดก็ เยาวชน และสตรี

6) ดา้ นสันตภิ าพของมวลมนุษย์ สหกรณไ์ ดเ้ ขา้ ไปมีสว่ นรว่ มและสง่ เสรมิ ทงั้ ดา้ น
การศกึ ษา อาชีพ และสวสั ดกิ ารของสงั คมมนษุ ย์ โดยไมม่ ีอปุ สรรคขวางกนั้ ทางเชือ้ ชาติ
ศาสนา และลทั ธิการปกครอง เป็นการสรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ และสรา้ งสนั ติภาพใหแ้ ก่
มวลมนษุ ยชาติ

สหกรณจ์ ะยดึ ม่นั ในคณุ คา่ ของการพง่ึ ตนเอง ความรบั ผิดชอบตนเอง มีความเป็น
ประชาธิปไตย การมีสิทธิเทา่ เทยี มกนั ความเท่ียงธรรม และความสามคั คี โดยมีสมาชิกท่ี
เช่ือม่นั ในคณุ คา่ ทางจรยิ ธรรมของความซือ่ ตรง ความโปรง่ ใส ความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม
และความเออื้ อาทรตอ่ ผอู้ ่นื ตามแบบแผนท่ีสืบทอดกนั มาจากผรู้ เิ รม่ิ สหกรณ์

2.3 หลกั การของสหกรณ์

สหกรณจ์ ะตอ้ งยดึ ถือและปฏิบตั ิตามหลกั การสหกรณ์ 6 ประการ คอื
1) การเข้าเป็ นสมาชิกโดยความสมัครใจ สหกรณเ์ ป็นองคก์ รธุรกิจท่ีตอ้ งการ
ช่วยเหลอื ประชาชน จงึ ไมส่ รา้ งขอ้ กีดกนั หรอื ขอ้ จากดั ในเรอ่ื งสงั คม การเมือง หรอื ศาสนา
มาเป็นเง่ือนไขในการเขา้ มาสมคั รเป็นสมาชิก

2) การควบคุมตามแบบประชาธิปไตย สหกรณเ์ ป็นองคก์ รท่ีกลมุ่ บคุ คลรว่ มมือกนั
จดั ตงั้ ขนึ้ ซง่ึ สมาชิกทกุ คนมีสทิ ธิในการออกเสยี งไดเ้ พยี งเสยี งเดียวและมีสิทธิท่ีไดร้ บั เลอื ก
เป็นกรรมการ โดยสหกรณถ์ ือวา่ การเขา้ มามีสว่ นรว่ มของสมาชิกมีความสาคญั ตอ่ สหกรณ์
เทา่ กนั

3) การจ่ายเงนิ ปันผลตามหนุ้ ในอัตราจากัด สหกรณอ์ าจจะจา่ ยเงินปันผลตามหนุ้
ใหแ้ กส่ มาชิกในอตั ราท่ีจากดั โดยถือวา่ เป็นเพยี งดอกเบยี้ สาหรบั เงินท่สี มาชิกนามาลงทนุ ใน
สหกรณเ์ ทา่ นนั้

4) การจาแนกเงนิ ส่วนเกนิ ธุรกิจตา่ ง ๆ ท่ีสหกรณก์ ระทานนั้ เป็นธรุ กิจท่ีกระทาตาม
ความตอ้ งการของสมาชิกในสว่ นของสหกรณม์ ีเงนิ สว่ นเกินจากการดาเนินธรุ กิจหรอื เงนิ กาไร
จะถือวา่ เงินนีเ้ ป็นของบรรดาสมาชิก ซง่ึ จะตอ้ งเป็นไปตามมตขิ องท่ปี ระชมุ สมาชิกสหกรณ์

5) การส่งเสริมการศึกษา เป็นสิ่งจาเป็นและสาคญั อยา่ งย่งิ ตอ่ การพฒั นาสหกรณ์
ถา้ สมาชิกไดร้ บั ขอ้ มลู หรอื ความรูต้ ามความเป็นจรงิ เก่ียวกบั สหกรณจ์ ะมคี วามเขา้ ใจและ
ไวว้ างใจในการจดั การของสหกรณ์ เพ่ือดาเนินใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของสมาชิก
ไดผ้ ลสาเรจ็ สมความมงุ่ หมาย

6) ความร่วมมอื ระหว่างสหกรณ์ สหกรณท์ กุ แหง่ ควรจะมีความรว่ มมือชว่ ยเหลอื กนั
อย่างแขง็ ขนั ทงั้ ในประเทศและระหวา่ งประเทศ เพ่ือบรรลเุ ปา้ หมายแหง่ อดุ มการณข์ องความ
อยดู่ กี ินดแี ละมสี นั ตสิ ขุ

3. ประเภทของสหกรณใ์ นประเทศไทย

ปัจจบุ นั สหกรณใ์ นประเทศไทยแบง่ เป็น 7 ประเภท คอื

1) สหกรณก์ ารเกษตร เป็นสหกรณข์ องผมู้ ีอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทานา ทาสวน ทาไร่
เลยี้ งสตั ว์ มีการดาเนินธุรกิจในลกั ษณะของการบรกิ าร ดงั นี้
•ธรุ กจิ สนิ เชอื่ จดั การระดมทนุ จากสมาชิกโดยการรบั ฝากเงนิ การขายหนุ้ เพ่ิมทนุ
การหาแหลง่ เงินกภู้ ายนอก เพ่ือนาเงนิ มาดาเนินการใหส้ มาชิกกตู้ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ตี งั้ ไว้
•ธรุ กจิ การซือ้ จดั หาปัจจยั การผลติ เช่น ป๋ ยุ พนั ธุพ์ ืช เครอ่ื งมือการเกษตร ยาปราบ
ศตั รูพืช เพ่ือช่วยใหส้ มาชิกสามารถเพ่ิมผลผลติ หรอื จดั หาเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคท่ีจาเป็น
ในการดารงชีวิตใหบ้ รกิ ารแกส่ มาชิกเพ่ือจะไดบ้ รโิ ภคสินคา้ ในราคาถกู กวา่ ท่แี ตล่ ะบคุ คล
จะจดั หามาเอง

• ธรุ กิจการขาย จดั รวบรวมผลติ ผลของสมาชิกมาเพ่ือจดั จาหนา่ ยหรอื นามาแปรรูป
เพ่ือใหส้ ามารถขายผลติ ผลไดใ้ นราคาดี เน่ืองจากเม่ือรวมกลมุ่ กนั จาหน่ายก็ยอ่ มจะ

มีอานาจ
ตวัในอกยาา่ รงตขออ่ งรสองหกกบั รณผซู้ ก์ อื้ ามราเกกษขตนึ้ ร เช่น สหกรณโ์ คนมหนองโพราชบรุ ี จากดั (ในพระบรม
ราชปู ถมั ภ)์ เป็นสหกรณท์ ่ีไดร้ บั พระมหากรุณาธิคณุ จากพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร
มหาภมู ิพล
อดลุ ยเดช ทรงพระราชทานพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคเ์ พ่ือสรา้ งโรงนมขนึ้ ณ ตาบล
หนองโพ
อาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบรุ ี โดยการจดั ตงั้ สหกรณไ์ ดเ้ กิดขนึ้ เพ่ือแกไ้ ขภาวะนมสดลน้ ตลาด
ใน พ.ศ. 2512 ทางสหกรณโ์ คนมหนองโพราชบรุ ี จากดั จะรบั ซอื้ นมสดจากผเู้ ลยี้ งโคนมเพ่ือนาไป
ผลติ จาหนา่ ยทงั้ นมสดและผลิตภณั ฑน์ มชนิดตา่ ง ๆ เป็นการช่วยผปู้ ระกอบการโคนมไมใ่ หม้ ี

2) สหกรณน์ ิคม เป็นสหกรณข์ องผทู้ ่ีประสงคจ์ ะประกอบอาชีพเกษตรกรรม
แตไ่ มม่ ีท่ดี นิ ทากินเป็นของตนเองหรอื มีท่ดี นิ ไมเ่ พียงพอสาหรบั ประกอบอาชีพ โดยรฐั บาล
จะจดั สรรท่ีดนิ ป่าสงวนท่ีเส่อื มสภาพแลว้ ใหร้ าษฎรถือครองเพ่ือประกอบอาชีพ เดิมสมาชิก
สหกรณจ์ ะไดร้ บั กรรมสิทธิ์ในท่ีดินท่ีไดร้ บั จดั สรร แตป่ รากฏวา่ มีสมาชิกจานวนมากนาท่ีดิน
ไปขายตอ่ ใหก้ บั ผอู้ ่นื ทาใหม้ ีการบกุ รุกป่าสงวนเพ่ิมขนึ้ เรอ่ื ย ๆ

ปัจจบุ นั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช พระราชทานท่ีดินใหก้ บั
ประชาชน เช่น ท่สี หกรณน์ ิคมแม่นา้ ปากพนงั จงั หวดั นครศรธี รรมราช นิคมหว้ ยองคต
จงั หวดั กาญจนบรุ ี สมาชิกสหกรณจ์ ะไมไ่ ดร้ บั กรรมสทิ ธิ์ในท่ีดนิ แตจ่ ะไดร้ บั สทิ ธิครอบครอง
ท่ดี ิน ซง่ึ สทิ ธิดงั กลา่ วจะตกทอดไปยงั ลกู หลานได้ หากมีความประสงคจ์ ะใชป้ ระโยชนเ์ พ่ือ
ประกอบอาชีพเกษตรกรรม หากไมม่ ีทายาทท่ีจะรบั ช่วงมรดกตอ่ ท่ีดินนนั้ กจ็ ะกลบั ไปเป็น
ของสหกรณเ์ พ่ือจดั สรรใหก้ บั สมาชิกรายอ่นื ๆ ท่ีประสงคใ์ ชท้ ่ีดินเพ่ือประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมตอ่ ไป การจดั การสหกรณใ์ นลกั ษณะนีเ้ รยี กวา่ “สหกรณก์ ารเชา่ ท่ีดนิ ”

3) สหกรณก์ ารประมง เป็นสหกรณส์ าหรบั ผทู้ ่ีมีอาชีพประมง วตั ถปุ ระสงคข์ อง
สหกรณค์ อื แกไ้ ขปัญหาและอปุ สรรคในการประกอบอาชีพ การใหค้ วามรูท้ างวิชาการและ
สง่ เสรมิ อาชีพประมงทงั้ การจาหน่ายสตั วน์ า้ ผลิตภณั ฑส์ ตั วน์ า้ และอปุ กรณก์ ารประมง เชน่
สหกรณป์ ระมงแมก่ ลอง จากดั

4) สหกรณร์ ้านค้า เป็นสหกรณท์ ่ีตงั้ ขนึ้ เพ่ือจดั จาหนา่ ยสนิ คา้ อปุ โภคและบรโิ ภค
ท่ีจาเป็นใหก้ บั สมาชิก โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือชว่ ยลดคา่ ใชจ้ ่าย สหกรณร์ า้ นคา้ เป็นตน้ แบบของ
สหกรณท์ ่วั โลก เน่ืองจากสหกรณแ์ หง่ แรกของโลกท่ีดาเนินการประสบความสาเรจ็ เป็นสหกรณ์
ท่ีจาหนา่ ยสินคา้ อปุ โภคบรโิ ภคของประเทศองั กฤษ ตวั อยา่ งของสหกรณร์ า้ นคา้ เช่น
รา้ นสหกรณผ์ ปู้ ฏบิ ตั งิ านการไฟฟา้ ฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทย จากดั (รส.กฟผ.)

5) สหกรณอ์ อมทรัพย์ เป็นสหกรณท์ ่จี ดั ตงั้ ขนึ้ เพ่ือสง่ เสรมิ ใหส้ มาชิกรูจ้ กั การออมทรพั ย์
และใหค้ วามช่วยเหลอื กนั ดว้ ยการใหก้ ยู้ ืม เม่อื เกิดความจาเป็น มีการจดั ตงั้ สหกรณอ์ อมทรพั ย์
ตามสถานท่ีราชการ รฐั วสิ าหกิจ สถานศกึ ษา บรษิ ัทหรอื ชมุ ชนตา่ ง ๆ สหกรณอ์ อมทรพั ยเ์ ป็น
สหกรณท์ ่ีไดร้ บั ความนิยมอยา่ งแพรห่ ลายมาก เชน่ สหกรณอ์ อมทรพั ยจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั
สหกรณอ์ อมทรพั ยม์ หาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

6) สหกรณบ์ ริการ เป็นสหกรณข์ องผทู้ ่ีมีความประสงคร์ ว่ มกนั ในการแกป้ ัญหาในการ
ประกอบอาชีพอยา่ งเดยี วกนั หรอื ผทู้ ่ไี ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นในเรอ่ื งเดยี วกนั หรอื เพ่อื แกป้ ัญหา
ตา่ ง ๆ รวมทงั้ สง่ เสรมิ อาชีพไดม้ ่นั คง โดยยดึ หลกั การชว่ ยเหลือตนเองและช่วยเหลือซง่ึ กนั
และกนั เชน่ สหกรณแ์ ทก็ ซี่

7) สหกรณเ์ ครดติ ยูเนียน สหกรณเ์ ครดติ ยเู นียน เป็นสหกรณท์ ่จี ดั ตงั้ ขนึ้ ในหมู่
ประชาชนทกุ สาขาอาชีพ ซง่ึ มีภมู ิลาเนา อาชีพ หรอื มีความสมั พนั ธอ์ ย่างหน่งึ อยา่ งใด อยใู่ นเขต
ทอ้ งท่ีดาเนินงานของสหกรณท์ ่ีจดั ตงั้ ขนึ้ และบคุ คลเหลา่ นนั้ มคี วามปรารถนาท่ีจะช่วยเหลือ
ซง่ึ กนั และกนั โดยนาเงินจากสมาชิกมาสะสมไวเ้ ป็นกองทนุ สมาชิกทกุ คนจะตอ้ งสะสมเงิน
ตามความสามารถของตนเองเป็นประจาและสม่าเสมอตามท่สี หกรณก์ าหนด โดยสมาชิก
สามารถกยู้ ืมเงนิ ไปใชไ้ ด้ สหกรณเ์ ครดิตยเู นียนมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือใหส้ มาชิกช่วยเหลอื ตนเอง
และช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั เพ่ือใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ แกส่ มาชิก

4. ความสาคญั ของระบบสหกรณใ์ นการพฒั นาเศรษฐกจิ
ในชุมชนและประเทศ

แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ใหค้ วามสาคญั ของระบบสหกรณใ์ นดา้ นการ
สรา้ งความม่นั คงของเศรษฐกิจชมุ ชน โดยเนน้ การผลติ เพ่ือการบรโิ ภคอย่างพอเพยี งภายใน
ชมุ ชน สนบั สนนุ ใหช้ มุ ชนมีการรวบรวมกลมุ่ ในรูปของสหกรณ์ ประกอบกบั การนาภมู ิปัญญา
และวฒั นธรรมทอ้ งถ่ินมาใชใ้ นการสรา้ งสรรคค์ ณุ คา่ ของสนิ คา้ และบรกิ าร และสรา้ งความ
รว่ มมือกบั ภาคเอกชนในการลงทนุ สรา้ งอาชีพและรายไดท้ ่มี ีการจดั สรรประโยชนอ์ ยา่ ง
เป็นธรรม นอกจากนี้ ยงั เสรมิ สรา้ งความม่นั คงในการดารงชีวติ ของคนในชมุ ชน โดยสนบั สนนุ
การระดมทนุ ในชมุ ชนเพ่ือการออมทรพั ยใ์ นรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น สหกรณอ์ อมทรพั ยเ์ พ่ือเป็น
แหลง่ ทนุ ในการพฒั นาอาชีพและจดั สวสั ดิการขนั้ ตน้ ใหก้ บั ชมุ ชนควบคกู่ บั การสรา้ งวินยั
ในการใชจ้ า่ ยของคนในชมุ ชน

สถาบนั ท่ีเขา้ ไปมีสว่ นสมั พนั ธก์ บั งานสหกรณใ์ นการพฒั นาเศรษฐกิจในชมุ ชนและ
ประเทศ คอื ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร (ธ.ก.ส) เป็นสถาบนั ทางการเงนิ
ท่ีใหก้ ารสนบั สนนุ การดาเนินงานของสหกรณ์ มีฐานะเป็นรฐั วสิ าหกิจ สงั กดั กระทรวงการคลงั
เดิมช่ือธนาคารเพ่ือการสหกรณ์ ตอ่ มาเปล่ยี นเป็นธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร ใน พ.ศ. 2509 โดยดาเนินการใหเ้ งนิ กแู้ กเ่ กษตรกรเพ่ือประกอบอาชีพได้ 2 วิธี คอื

1. การใหเ้ งนิ กแู้ ก่เกษตรกรรายคน คือ เกษตรกรท่ีไม่ไดเ้ ป็นสมาชิกสหกรณก์ ารเกษตร
หรอื สมาชิกกลมุ่ เกษตรกร เกษตรกรรายคนนีน้ ิยมเรยี กวา่ เกษตรกรลกู คา้ ธ.ก.ส วธิ ีการใหก้ ยู้ ืม
แก่เกษตรกรประเภทนีแ้ บง่ เป็น 2 ลกั ษณะ คอื

ลกั ษณะแรก ใหก้ แู้ กเ่ กษตรกรรายคน ซง่ึ รวมตวั กนั เป็นกลมุ่ ลกู คา้ ของธนาคาร
เกษตรกรท่ีกยู้ ืมโดยวธิ ีนีส้ ว่ นมากเป็นกลมุ่ เกษตรกรขนาดเลก็ และขาดหลกั ทรพั ยเ์ ป็นประกนั
เงินกู้ ดงั นนั้ จงึ ใชบ้ คุ คลในกลมุ่ รว่ มคา้ ประกนั แทนเกษตรกรท่ีกเู้ งนิ จากธนาคารเพ่ือการเกษตร
และสหกรณก์ ารเกษตร

ลกั ษณะทสี่ อง เป็นการใหก้ แู้ กเ่ กษตรกรรายคน ซง่ึ ไมจ่ าเป็นตอ้ งสงั กดั กลมุ่ ลกู คา้
ของธนาคาร เกษตรกรท่ีกยู้ ืมโดยวิธีนีส้ ว่ นมากเป็นผมู้ ีฐานะคอ่ นขา้ งดี และมีหลกั ทรพั ยเ์ ป็น
ประกนั เงินกู้

2. การสนบั สนนุ เงนิ ทนุ แกส่ หกรณก์ ารเกษตร โดยธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร (ธ.ก.ส) ใหก้ ารสนบั สนนุ เงนิ ทนุ ในการดาเนินงานแกส่ หกรณก์ ารเกษตร ตลอดจน
ใหค้ าปรกึ ษาและแนะนาเก่ียวกบั การดาเนินงานสนิ เช่ือและธรุ กิจอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง เพ่ือให้
สหกรณก์ ารเกษตรมีประสิทธิภาพในการบรหิ ารเงินกแู้ ละอานวยผลประโยชนอ์ ย่างแทจ้ รงิ แก่
เกษตรกร

ระบบสหกรณจ์ ะชว่ ยสนบั สนนุ สง่ เสรมิ ใหช้ มุ ชนสามารถจดั กิจกรรมท่ีเป็นองคร์ วม
มีกระบวนการเรยี นรูแ้ ละจดั การความรูร้ ว่ มกนั ของคนในชมุ ชนดว้ ยทนุ ทรพั ยากรและศกั ยภาพ
ของชมุ ชน โดยมีการพง่ึ พาอาศยั ซง่ึ กนั และกนั ทงั้ ภายในและภายนอกชมุ ชน นาไปสกู่ ารอยู่
รว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ขุ ก่อใหเ้ กิดความเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกิจในการพฒั นาประเทศ


Click to View FlipBook Version