ส#ือการสอนรายวชิ า ทศั นศิลป์ ม.6
เรียนรู้ เร#ืองสีทางศิลปะ
ผู้จดั ทาํ
A.นางสาว มณฑาทพิ ย์ หวงั เลยีF งกลาง เลขทHี#
I.นางสาว องั ศิณยี ์ กล่อมเกลยีF ง เลขทA#ี K
6.นางสาว อรณชิ พ่มุ ชะบา เลขทAี# H
ชFันมธั ยมศึกษาปี ทQี# /A
ครูทปี# รึกษาโครงงาน
คุณครู วรี ะพนั ธ์ กรีจงั หรีด
ระยะเวลาดาํ เนินงาน
เดือนตุลาคม ถงึ เดือนมนี าคม
แนวคดิ ทมี# า
การเรียนรู้วชิ าทศั นศิลป์ เร#ืองสีทางศิลปะ ในระดบั ชFัน
มธั ยมศึกษาปี ท6ี# นFัน ถือว่ามคี วามสําคญั กบั การทาํ งานศิลปะเป็ น
อย่างมาก เพราะเป็ นพืนF ฐานในการทาํ งานศิลปะ หากขาดความรู้
หรือทกั ษะทเ#ี กย#ี วกบั สีทางศิลปะกจ็ ะไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงาน
ศิลปะทเ#ี ป็ นไปตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนได้
ด้วยเหตุนีจF งึ มแี นวคดิ จดั ทาํ โครงงานส#ือการสอน ในรายวชิ า
ทศั นศิลป์ เร#ืองสีทางศิลปะขนึF เพ#ือเป็ นแนวทางในการศึกษาและ
สามารถนําทกั ษะความรู้ไปใช้สร้างสรรค์งานศิลปะได้ตามความคดิ
สร้างสรรค์ และสําเร็จตามทตี# Fงั เป้าหมายไว้
วตั ถุประสงค์
• เพ#ือให้นักเรียนได้มพี ืนF ฐานในการเรียนศิลปะ
• เพื#อให้นักเรียนมาศึกษาจากสื#อออนไลน์มากขนึF
• เพ#ือให้นักเรียนได้มที กั ษะในการศึกษาจากสื#อไปปรับใช้
ในชีวติ จริง
วธิ ีดาํ เนินงาน
A.ประชุมเพื#อคดั เลือกหัวข้อทน#ี ่าสนใจ
I.เกบ็ รวบรวมข้อมูลทเ#ี กย#ี วข้องจากแหล่งความรู้ต่างๆ
6.ตรวจสอบข้อมูล
^.จดั ทาํ โครงร่างและส#ือเอกสารระบบออนไลน์
_.จดั ทาํ โครงงานทศั นศิลป์ ชFันม.6
Q.นําเสนอโครงงาน
ผลทค#ี าดว่าจะได้รับ
• นักเรียนชFันม.6 มคี วามรู้เกย#ี วกบั สีทางศิลปะมากขนึF
• นักเรียนหรือผู้เข้าสืบค้นสามารถนําความรู้ทไ#ี ด้ไปใช้
ประโยชน์ในการสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายขนึF
• ให้นักเรียนได้ประสบการณ์หาความรู้ใหม่ๆจากสื#อการ
สอนออนไลน์
• มคี วามรู้ความเข้าใจเกยี# วกบั ศิลปะมากขนึF
• มที กั ษะกระบวนการในการทาํ งานศิลปะได้อย่าง
สนุกสนาน
สีทางศิลปะ
สีทางศิลปะคือ สิ#งทม#ี องเห็นได้และเป็ น
องค์ประกอบสําคญั ของงานศิลปะเพื#อเพมิ# ความ
สวยงาม ช่วยให้ผลงานมคี วามละเอยี ด สวยงาม
โดดเด่นน่าสนใจยงิ# ขนึF
สีกบั ความรู้สึก
สีมพี ลงั ทสี# ามารถกระตุ้นการตอบสนองทางอารมณ์
ของผู้ดูได้ดี นักออกแบบจงึ มกั ใช้สีเพ#ือชักจูงให้ผู้ดูเกดิ
อารมณ์ต่างๆ ตามต้องการได้ อย่างไรกต็ ามบุคคลแต่
ละคนอาจจะแสดงความรู้สึกต่อสีดกี นั ออกมาแตกต่าง
กนั ได้ ทFงั นีขF นึF กบั การเรียนรู้ประสบการณ์ แต่
โดยทว#ั ไปสีทจี# ดั อยู่ในวรรณะร้อน จะให้วามรู้สึกมี
ชีวติ ชีวา ตื#นเต้น เร้าใจ และสีทจี# ดั อยู่วรรณะเยน็ จะให้
ความรู้สึกผ่อนคลาย สงบ ยงิ# กว่านFัน สีแต่ละสียงั มี
ลกั ษณะเฉพาะตวั ทมี# กี ารนําไปใช้ในลกั ษณะต่างๆ กนั
ได้มาก
แม่สีและวงจรของสี
แม่สี (Primary Color)แม่สี คือ สีทนี# ํามาผสมกนั แล้วทาํ ให้เกดิ สีใหม่ ทม#ี ี
ลกั ษณะแตกต่างไปจากสีเดมิ แม่สี มือยู่ I ชนิด คือ
A. แม่สีของแสง เกดิ จากการหักเหของแสงผ่านแท่งแก้วปริซึม มี 6 สี คือ
สีแดงสีเหลือง และสีนําF เงนิ อยู่ในรูปของแสงรังสี ซ#ึงเป็ นพลงั งานชนิด
เดยี วทม#ี สี ี คุณสมบัตขิ องแสงสามารถนํามาใช้ ในการถ่ายภาพ ภาพ
โทรทศั น์ การจดั แสงสีในการแสดงต่าง ๆ เป็ นต้น (ดูเรื#อง แสงสี )
I. แม่สีวตั ถุธาตุ เป็ นสีทไี# ด้มาจากธรรมชาติ และจากการสังเคราะห์โดย
กระบวนทางเคมี มี 6 สี คือ สีแดง สีเหลือง และสีนําF เงนิ แม่สีวตั ถุธาตุ
เป็ นแม่สีทนี# ํามาใช้ งานกนั อย่างกว้างขวาง ในวงการศิลปะ วงการ
อตุ สาหกรรม ฯลฯ แม่สีวตั ถุธาตุ เมื#อนํามาผสมกนั ตามหลกั เกณฑ์ จะทาํ
ให้เกดิ วงจรสี ซ#ึงเป็ นวงสีธรรมชาติ เกดิ จากการผสมกนั ของแม่สีวตั ถุ
ธาตุ เป็ นสีหลกั ทใี# ช้งานกนั ทวั# ไป ในวงจรสี
วงจรของสี
• สีขFนั ที# A คือ แม่สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีนําF เงนิ
• สีขFนั ที# I คือ สีทเี# กดิ จากสีขFนั ท#ี A หรือแม่สีผสมกนั ในอตั ราส่วนทเี# ท่ากนั จะ
ทาํ ให้เกดิ สีใหม่ 6 สี ได้แก่สีแดง ผสมกบั สีเหลือง ได้สี ส้มสีแดง ผสมกบั สีนําF
เงนิ ได้สีม่วงสีเหลือง ผสมกบั สีนําF เงนิ ได้สีเขยี ว
• สีขFนั ท#ี 6 คือ สีทเี# กดิ จากสีขFนั ท#ี A ผสมกบั สีขFนั ที# I ในอตั ราส่วนทเี# ท่ากนั จะ
ได้สีอื#น ๆอกี Q สี คือสีแดง ผสมกบั สีส้ม ได้สี ส้มแดงสีแดง ผสมกบั สีม่วง ได้
สีม่วงแดงสีเหลือง ผสมกบั สีเขยี ว ได้สีเขยี วเหลืองสีนําF เงนิ ผสมกบั สีเขยี ว
ได้สีเขยี วนําF เงนิ สีนําF เงนิ ผสมกบั สีม่วง ได้สีม่วงนําF เงนิ สีเหลือง ผสมกบั สีส้ม
ได้สีส้ มเหลือง
วรรณะของสี
วรรณะของสี คือ สีทใี# ห้ความรู้สึก
ร้อน-เยน็ ในวงจรสีจะมสี ีร้อน p สี และ
สีเยน็ p สี ซึ#งแบ่งท#ี สีม่วงกบั สีเหลือง
ซึ#งเป็ นได้ทFงั สองวรรณะ แบ่งออกเป็ น
I วรรณะ คือ วรรณะร้อน และ วรรณะ
เยน็
สีวรรณะร้อน
วรรณสีเยน็ มอี ยู่ p ชนิด ได้แก่สีเหลือง
เหลืองเขยี ว เขยี ว เขยี วนําF เงนิ นําF เงนิ
นําF เงนิ ม่วง ม่วง สีกล่มุ นีเF ม#ือใช้ในงานจะ
ได้ความรู้สึกสดชื#น เยน็ สบาย เป็ นต้น
สีวรรณะเยน็
วรรณะสีเยน็ (COOL TONE) ประกอบด้วย สี
เหลือง สีเขยี วเหลือง สีเขยี ว สีเขยี วนําF เงนิ สีนําF เงนิ สี
ม่วงนําF เงนิ และสีม่วง ส่วนสีอ#ืนๆ ถ้าหนักไปทางสีนําF
เงนิ และสีเขยี วกเ็ ป็ นสีวรรณะเยน็ ดงั เช่น สีเทา สีดาํ สี
เขยี วแก่ เป็ นต้น จะสังเกตได้ว่าสีเหลืองและสีม่วงอยู่
ทFงั วรรณะร้อนและวรรณะเยน็ ถ้าอยู่ในกล่มุ สีวรรณะ
ร้อนกใ็ ห้ความรูสึกร้อนและถ้า อยู่ในกล่มุ สีวรรณะเยน็
กใ็ ห้ความรู้สึกเยน็ ไปด้วย สีเหลืองและสีม่วงจงึ เป็ นสี
ได้ทFงั วรรณะร้อนและวรรณะเยน็
สีตรงข้าม
สีตรงข้าม สีตดั กนั หรือสีคู่ปฏปิ ักษ์ เป็ นสีท#ี
มคี ่าความเข้มของสี ตดั กนั อย่างรุนแรง ในทาง
ปฏบิ ตั ไิ ม่นิยมนํามาใช้ร่วมกนั เพราะจะทาํ ให้
แต่ละสีไม่สดใสเท่าทคี# วร การนําสีตรงข้ามกนั
มาใช้ร่วมกนั อาจกระทาํ ได้ดงั นีAF .มพี ืนF ทข#ี องสี
หน#ึงมาก อกี สีหนึ#งน้อยI.ผสมสีอื#นๆ ลงไปสีสี
ใดสีหนึ#ง หรือทFงั สองสี6.ผสมสีตรงข้ามลงไป
ในสีทFงั สองสี
สีกลาง
สีกลาง คือ สีทเี# ข้าได้กบั สีทุกสี สีกลางในวงจรสี
มี I สี คือ สีนําF ตาล กบั สีเทา เกดิ จากสีตรงข้ามกนั ใน
วงจรสีผสมกนั ในอตั ราส่วนทเ#ี ท่ากนั สีนําF ตาลมี
คุณสมบตั สิ ําคญั คือ ใช้ผสมกบั สีอื#นแล้วจะทาํ ให้สีนFัน ๆ
เข้มขนึF โดยไม่เปลยี# น แปลงค่าสี ถ้าผสมมาก ๆ เข้ากจ็ ะ
กลายเป็ นสีนําF ตาล สีเทา เกดิ จากสีทุกสี ๆ สีในวงจรสี
ผสมกนั ในอตั ราส่วนเท่ากนั สีเทา มคี ุณสมบัตทิ ส#ี ําคญั
คือ ใช้ผสมกบั สีอื#น ๆ แล้วจะทาํ ให้ มืด หม่น ใช้ในส่วนที#
เป็ นเงา ซ#ึงมนี ําF หนักอ่อนแก่ในระดบั ต่าง ๆ
หลกั การใช้สี
การใช้สีกบั งานออกมานFัน อยู่ทน#ี ักออกแบบมจี ุดมุ่งหมายใด ทจี# ะสร้างความสนใจ ความ
เร้าใจต่อผู้ดู เพื#อให้เข้าถงึ จุดหมายทต#ี นต้องการ หลกั ของการใช้มดี งั นีF
1.การใช้สีวรรณะเดยี วความหมายของสีวรรณะเดยี ว (tone) คือกล่มุ สีทแ#ี บ่งออกเป็ น
วงล้อของสีเป็ น 2 วรรณะ คือวรรณะร้อน (warm tone) ซึ#งประกอบด้วย สีเหลือง
สีส้ม สีแดง สีม่วง สีเหล่านีใF ห้อทิ ธิพล ต่อความรู้สึก ต#ืนเต้น เร้าใจ กระฉับกระเฉง ถือว่า
เป็ นวรรณะร้อนวรรณะเยน็ (cool tone) ประกอบด้วย สีเหลือง สีเขยี ว สีนําF เงนิ สี
ม่วง สีเหล่านีดF ู เยน็ ตา ให้ความรู้สึก สงบ สดชื#น (สีเหลืองกบั สีม่วงอยู่ได้ทFงั สองวรรณะ)
การใช้สีแต่ละครFังควรใช้สีวรรณะเดยี วในภาพทFงั หมด เพราะจะทาํ ให้ภาพความเป็ น
อนั หนึ#งอนั เดยี วกนั (เอกภาพ) กลมกลืน มแี รงจูงใจให้คล้อยตามได้มาก
2.การใช้สีต่างวรรณะหลกั การทว#ั ไป ใช้อตั ราส่วน 80% ต่อ 20% ของวรรณะสี คือ ถ้า
ใช้สีวรรณธร้อน 80% สีวรรณะเยน็ ก็ 20% เป็ นต้น ซึ#งการใช้แบบนีสF ร้างจุดสนใจของผู้ดู
ไม่ควรใช้อตั ราส่วนทเ#ี ท่ากนั เพราะจะทาํ ให้ไม่มสี ีใดเด่น ไม่น่าสนใจ
3.การใช้สีตรงกนั ข้ามสีตรงข้ามจะทาํ ให้ความรู้สึกทต#ี ดั กนั รุนแรง สร้างความเด่น
และเร้าใจได้มากแต่หากใช้ไม่ถูกหลกั หรือ ไม่เหมาะสม หรือใช้จาํ นวนสีมากสีจนเกนิ ไป
กจ็ ะทาํ ให้ความรุ้สึกพร่ามวั ลายตา ขดั แย้ง ควรใช้สีตรงข้าม ในอตั ราส่วน 80% ต่อ20%
หรือหากมพี ืนF ทเ#ี ท่ากนั ทจ#ี าํ เป็ นต้องใช้ ควรนําสีขาว หรือสีดาํ เข้ามาเสริม เพ#ือ ตดั เส้นให้
แยกออก จาก กนั หรืออกี วธิ ีหนึ#งคือการลดความสดของสีตรงข้ามให้หม่นลงไป
อ้างองิ
• หนังสือเรียนรายวชิ าทศั นศิลป์ ม.6
• http://www.novabizz.com/CDC/Interior/Interior_Colour01.htm#ixzz2D7QOpzdT
• https://krittayakorn.wordpress.com
• https://homegame9.wordpress.com