The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระอนุรุทธเถระ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ศิวกร พูลประเสริฐ, 2023-12-01 00:40:33

พระอนุรุทธเถระ

พระอนุรุทธเถระ

ประวัติและความเป็นมา พระอนุรุทธเถระ


สารบัญ หน้า -ประวัติ 1-3 -ชาติภูมิ/สาเหตุที่ออกบวช 4-5 -บรรลุอรหัตผล 7 -ตรึกตรองถึงมหาปุริสวิตก ๗ ประการ 8 -บุพกรรมในอดีตชาติ 9 -บุพกรรมในอดีตชาติข้อ 10 /มูลทั่วไปพระอนุรุทธเถระ


พระอนุรุทธะ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ ซึ่งเป็นพระอนุชาของ พระเจ้าสุทโธทนะ ผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ ประสูติร่วมพระมารดาเดียวกัน ๓ พระองค์ คือ พระเชฏฐา (พี่ชาย) พระนามว่า มหานามะ พระกนิฏฐภคินี (น้องสาว) พระนามว่า โรหิณี รวมเป็น ๓ กับอนุรุทธกุมาร ถ้าจะนับตามลำ ดับพระวงศ์ก็เป็นพระอนุชาของพระบรมศาสดา อนุรุทธกุมารเป็น กษัตริย์สุมุมาลชาติ มีปราสาท ๓ หลังเป็นที่ประทับใน ๓ ฤดู สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ ศฤงคาร* และบริวารยศ แม้แต่คำ ว่า ไม่มี ก็ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยได้สดับเลย เมื่อ พระบรมศาสดาประทับอยู่ที่อนุปิยนิคมของมัลลกษัตริย์ ในเวลานั้น ศากยกุมารซึ่งเป็น ผู้มีชื่อเสียงมีคนรู้จักมาก ออกบวชตามพระบรมศาสดาเป็นจำ นวนมาก วันหนึ่งเจ้ามหา นามะผู้เป็นพระเชฏฐา ได้ปรารภกับอนุรุทธะผู้น้องว่า พ่ออนุรุทธะ ในตระกูลของเรายัง ไม่มีใคร ๆ ออกบวชตามพระบรมศาสดาเลย เจ้า หรือพี่คนใดคนหนึ่งควรจะออกบวช อนุรุทธะตอบว่า น้องเป็นคนที่เคยได้รับแต่ความสุขสบาย ไม่สามารถจะออกบวชได้ พี่ บวชเองเถิด เจ้ามหานามะจึงกล่าวขึ้นว่า ถ้าอย่างนั้น เจ้าจงเรียนให้รู้จักการงานของผู้ ครองเรือนเสียก่อน พี่จะสอนให้ เจ้าจงตั้งใจฟัง ครั้นกล่าวดังนั้นแล้ว เจ้ามหานามะจึง สอนการงานของผู้ครองเรือน โดยยกเอาวิธีการทำ นาเป็นอันดับแรกขึ้นมาสอน เมื่ออนุรุ ทธะได้ฟังแล้วก็เห็นว่าการงานไม่มีที่สิ้นสุดเบื่อหน่ายในการงาน พูดกับพี่ชายว่า ถ้า อย่างนั้น พี่อยู่ครองเรือนเถิด น้องจักบวชเอง ประวัติ 1


ครั้นอนุรุทธะกล่าวอย่างนั้นแล้วจึงเข้าไปหาพระมารดาทูลว่า แม่ หม่อมฉัน อยากจะบวช ขอพระแม่เจ้าจงอนุญาติให้หม่อมฉันบวชเถิด แม้ถูกพระมารดาตรัสห้าม ไม่ยอมให้บวช ท่านก็ยังอ้อนวอนขอให้อนุญาตให้บวชเป็นหลายครั้งเมื่อมารดาเห็น ดังนั้นจึงคิดอุบายที่จะไม่ให้อนุรุทธะบวช ดำ ริถึง พระเจ้าภัททิยะผู้เป็นพระสหายของ อนุรุทธะ ท่านคงจะไม่ออกบวชเป็นแน่ จึงพูดว่า พ่ออนุรุทธะ ถ้าพระเจ้าภัททิยะบวช ด้วยจงบวชเถิด อนุรุทธะได้ฟังอย่างนั้นแล้วก็ไปเฝ้าพระเจ้าภัททิยะ ทูลตามวาทะของผู้ ที่คุ้นเคยกันว่า เพื่อนเอ๋ย บรรพชาของเรา เนื่องด้วยบรรพชาของท่าน ในตอนแรก พระเจ้าภัททิยะ ทรงปฏิเสธไม่ยอมบวช ในที่สุดเมื่อทนการอ้อนวอนไม่ได้ก็ตกลงใจ ยินยอมบวชด้วย อนุรุทธะจึงชักชวนศากยกุมารอื่นได้อีก ๓ คน คือ อานันทะ,ภคุ,กิมพิ ละ โกลิยกุมาร อีกองค์หนึ่ง คือ เทวทัต รวมทั้งอุบาลีผู้เป็นนายภูษามาลาเป็น ๗ พร้อมใจกันเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่อนุปิยนิคม ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย เมื่ออนุรุทธะได้อุปสมบทแล้ว เรียนกรรมฐานในสำ นักของพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร แล้วเข้าไปอยู่ในป่าปาจีนวังสมฤคทายเมื่อพระอนุรุทธะตรึกอยู่อย่างนี้ พระบรมศาสดา เสด็จมาถึงทรงทราบเหตุนั้นจึงทรงอนุโมทนาว่า ชอบละ ๆ อนุรุทธะ เธอตรึกตรอง ธรรมที่พระมหาบุรุษตรึกตรอง ถ้าอย่างนั้น เธอจงตรึกตรองธรรมที่พระมหาบุรุษตรึก ข้อที่ ๘ ว่า "ธรรมนี้ เป็นธรรมของผู้ยินดีในธรรมที่ไม่ให้เนิ่นช้า ไม่ใช่ของผู้ยินดีใน ธรรมเนิ่นช้า"ครั้นตรัสสอนอนุรุทธะอย่างนี้แล้วก็เสด็จกลับสู่ที่ประทับ ส่วนพระอนุรุ ทธะบำ เพ็ญความเพียรต่อไปก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ตั้งแต่นั้นมาท่านก็เล็งแลดู สัตว์โลกด้วยทิพยจักษุอยู่เสมอ ประวัติ 2


เล่ากันว่ายกเว้นแต่เวลาฉันเท่านั้น เวลาที่เหลือท่านย่อมพิจารณาแลดู หมู่สัตว์ทั้งปวงด้วยทิพยจักษุ ด้วยเหตุนี้เอง พระผู้มีพระภาคจึงตรัสยกย่อง สรรเสริญท่านว่า เป็นผู้เลิศกว่า ภิกษุทั้งหลายฝ่ายข้างผู้มีทิพยจักษุญาณ ครั้น ท่านดำ รงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน พระอนุรุ ทธเถระ หรือ พระอนุรุทธเถรศากยะ เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัคคะของ พระพุทธเจ้า นับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์สำ คัญในพระพุทธศาสนา ในสมัยพุทธกาล พระอนุรุทธเถระ เป็นพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้า โดย ท่านเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะผู้เป็นพระอนุชาของพระเจ้าสุทโธ ทนะ ผู้เป็นพระราชบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะ พระอนุรุทธเถระ ออกผนวชพร้อมกับเจ้าราชกุมารอีก 5 พระองค์ และนายอุ บาลีภูษามาลา ณ อนุปิยนิคม เมื่อท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านมักตรวจดู สัตวโลกด้วยทิพยจักษุอยุ่เสมอ พระพุทธเจ้าจึงยกย่องท่านให้เป็นพระเอตทัคคะ ผู้เลิศทางทิพยจักษุยาณ (ตาทิพย์) ประวัติ 3


พระอนุรุทธเถระ เป็นพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้า โดยท่านเป็น พระราชโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะผู้เป็นพระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนะ ผู้ เป็นพระราชบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะ เจ้าชายอนุรุทธะมีพระภาดาพระภคินีร่วม มารดาเดียวกันอีก 2 พระองค์คือ พระเชษฐาพระนามว่ามหานามะ และพระ กนิษฐภคินีพระนามว่าโรหิณี ชาติภูมิ สาเหตุที่ออกบวช เจ้าชายอนุรุทธกุมาร เมื่อยังเป็นฆราวาส ดำ รงพระสถานะเป็นพระ ราชโอรสของกษัตริย์ผู้สุขุมาลชาติ มีปราสาท 3 หลัง แม้แต่คำ ว่าไม่มี ก็ไม่เคยรู้จัก เมื่อเหล่าศากยราชกุมารพระองค์อื่นออกผนวชติดตาม พระพุทธเจ้า เจ้ามหานามะผู้เป็นพระเชษฐาจึงปรารภเรื่องออกบวชกับ ท่านอนุรุทธะว่าควรตัดสินใจเลือกคนในตระกูลสักคนออกบวชบ้าง 4


แต่ท่านอนุรุทธะปฏิเสธว่าตนคงออกบวชไม่ได้เพราะเคยได้รับ ความสุขอยู่ไม่อาจจะบวชอยู่ได้ เจ้ามหานามะจึงรับอาสาบวช โดยได้สั่ง สอนการทำ นาข้าวโดยละเอียดตั้งแต่ไถจนถึงเก็บเกี่ยว เวียนไปทุกฤดูกาล ทุกปี ๆ ไป แก่ท่านอนุรุทธะ ท่านอนุรุทธะฟังแล้วคิดว่า การงานไม่มีที่สิ้น สุด จึงบอกว่าตนจะอาสาบวชเอง จากนั้นท่านได้ไปขออนุญาตพระมารดา พระมารดาคงไม่ประสงค์ให้ท่านบวชจึงกล่าวท้าทายว่าถ้าหากชวนพระเจ้า แผ่นดินศากยะออกบวชได้ จึงจะอนุญาตให้บวช ท่านจึงไปรบเร้าและ ชวนพระเจ้าภัททิยะราชาให้ออกบวช ในขั้นแรกพระเจ้าภัททิยราชา ปฏิเสธ จนสุดท้ายพระอนุรุทธะรบเร้าหนักเข้าและพระเจ้าภัททิยะราชาคง เห็นคุณแห่งการออกบวชจึงยอมสละราชสมบัติออกผนวชตาม ดังนั้นเจ้า ชายอนุรุทธะจึงพร้อมกับเจ้าราชกุมารทั้ง 5 คือ พระเจ้าภัททิยะศากยะ ราชา, เจ้าชายอานันทะ, เจ้าชายภัคคุ, เจ้าชายกิมพิละ และเจ้าชายเทว ทัตต์ และนายช่างกัลบกนามว่านายอุบาลีภูษามาลาอีก 1 ท่าน รวมเป็น 7 ออกบวช ณ อนุปิยอัมพวัน สาเหตุที่ออกบวช 5


ในอนุปิยนิคม แคว้นมัลละ โดยในวันผนวชนั้น เจ้าชายทั้ง 6 ได้ ตกลงกันให้นายอุบาลีผู้เป็นช่างภูษามาลาออกบวชก่อนตน เพื่อจะได้ ทำ ความเคารพเป็นการลดทิฐิและมานะแห่งความเป็นเชื้อสายกษัตริย์ ของ ตนลง โดยทั้งหมดได้อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทาโดยตรงจาก พระพุทธเจ้า เมื่อพระอนุรุทธะออกบวชแล้ว ได้ไปเรียนกัมมัฏฐานกับ พระสารีบุตร แล้วเข้าไปปฏิบัติพระกรรมฐานในป่าปาจีนวังสมฤคทายวัน ได้ตรึกถึงมหาปุริสวิตก 7 ประการ ว่าเป็นธรรมะของผู้ปรารถนาน้อย ยินดี ด้วยสันโดษ ไม่ใช่ธรรมของผู้มักมาก เป็นอาทิ พระพุทธเจ้าเสด็จไปถึง ทรงทราบความนั้นจึงตรัสแสดงมหาปุริสวิตกข้อที่ 8 ว่าเป็นธรรมของผู้ไม่ เนิ่นช้า พระอนุรุทธะเจริญสมณธรรมต่อไปก็ได้บรรลุอรหันต์ เมื่อท่าน บรรลุสมณธรรมแล้ว ท่านชอบตรวจดูสัตวโลกด้วยทิพยจักษุอยู่เสมอ ยกเว้นแต่เวลาฉันภัตตาหารเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงยกย่องท่าน ว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้าน ผู้มีทิพยจักษุญาณ สาเหตุที่ออกบวช 6


เมื่อพระอนุรุทธะตรึกอยู่อย่างนี้ พระบรมศาสดาเสด็จมาถึงทรงทราบ ว่าพระอนุรุทธะตรึกอยู่อย่างนั้น ทรงอนุโมทนาว่าชอบละๆ อนุรุทธะท่าน ตรึกตรองธรรม ที่พระมหาบุรุษตรึกตรอง ถ้าอย่างนั้น ท่านจงตรึกธรรมที่ พระมหาบุรุษตรึกเป็นที่แปดว่า ๘ ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้ยินดีในธรรมที่ ไม่ให้เนิ่นช้า ไม่ใช่ของผู้ยินดีในธรรมให้เนิ่นช้า ครั้นตรัสสอนพระอนุรุทธะอย่างนี้แล้ว เสด็จกลับมาที่ประทับ ส่วนพระอนุ รุทธะบำ เพ็ญเพียรไปก็ได้สำ เร็จพระอรหัตผล บรรลุอรหัตผล 7


อนุรุทธะ เมื่อได้อุปสมบทแล้ว เรียนพระกรรมฐานในสำ นักพระธรรม เสนาบดีสารีบุตรแล้ว เข้าไปอยู่ราวป่าปาจีนวังสมฤคทายวัน เมื่อเจริญสมณ ธรรมอยู่ ได้ตรึกตรองถึงมหาปุริสวิตก ๗ ประการว่า ๑.ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีความปรารถนาน้อย ไม่ใช่ของผู้มีความมักมาก ตรึกตรองถึงมหาปุริสวิตก ๗ ประการ 8 ๒. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้สันโดษยินดีด้วยของที่มีอยู่ ไม่ใช่ของผู้ไม่สันโดษ ๓. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้สงัดแล้ว ไม่ใช่ของผู้ยินดีในหมู่คณะ ๔. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้ปรารภความเพียร ไม่ใช่ของผู้เกียจคร้าน ๕. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีสติมั่นคง ไม่ใช่ของผู้มีสติหลง ๖. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีใจมั่นคง ไม่ใช่ของผู้มีใจไม่มั่นคง ๗. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีปัญญา ไม่ใช่ของผู้มีปัญญาทราม


ท่านพระอนุรุทธเถระ ก็ได้กระทำ บุญญาธิการไว้ ในพระพุทธเจ้าแต่ ปางก่อนทั้งหลาย ก่อสร้างบุญทั้งหลาย อันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพาน ไว้ ในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ บังเกิดใน ตระกูลพราหมณ์ อันสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ พอเจริญวัยแล้ว วันหนึ่ง ไปวิหารฟังธรรมในสำ นักของพระศาสดา เห็นพระภิกษุรูปหนึ่ง ที่พระ ศาสดาทรงแต่งตั้งไว้ ในตำ แหน่งเลิศแห่งภิกษุทั้งหลาย ผู้มีจักษุทิพย์ แม้ ตนเองก็ปรารถนาตำ แหน่งนั้น จึงให้มหาทานให้เป็นไป ๗ วัน แด่พระ ผู้มีพระภาค ซึ่งมีภิกษุบริวารแสนหนึ่ง ในวันที่ ๗ ได้ถวายผ้าชั้นสูงสุด แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์ แล้วได้ทำ ความปรารถนาไว้ ฝ่าย พระศาสดา ก็ได้ทรงเห็นความสำ เร็จของเขา โดยไม่มีอันตราย จึง พยากรณ์ว่า จักเป็นผู้เลิศ แห่งผู้มีทิพยจักษุทั้งหลาย ในศาสนาของพระ โคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาล เขาเองก็กระทำ บุญทั้งหลาย ใน พระศาสนานั้น เมื่อพระศาสดาปรินิพพานแล้ว ได้ทำ การบูชาด้วยประทีป อันโอฬาร ที่สถูปทองขนาด ๗ โยชน์ และประทีปกระเบื้อง กับถาดสำ ริด เป็นอันมาก ด้วยอธิษฐานว่า จงเป็นอุปนิสัย แก่ทิพยจักษุญาณ เขาทำ บุญ ทั้งหลายอยู่ตลอดชีวิต ท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก บุพกรรมในอดีตชาติ 9


ในกาลแห่งพระพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ เมื่อพระศาสดา ปรินิพพาน เมื่อสถูปทองขนาด ๑ โยชน์สำ เร็จแล้ว จึงเอาถาดสำ ริดจำ นวน มาก มาบรรจุให้เต็มด้วยเนยใส อันใสแจ๋ว และให้วางก้อนน้ำ อ้อยงบ ก้อน หนึ่งๆ ไว้ตรงกลาง ให้ขอบปากจรดกัน แล้วให้ตั้งล้อมพระเจดีย์ ให้เอาถาด สำ ริด ที่ตนถือบรรจุด้วยเนยใส อันใสแจ๋วให้เต็ม จุดไฟพันไส้ แล้ววางไว้ บนศีรษะ เดินเวียนพระเจดีย์อยู่ตลอดคืน ได้กระทำ กุศล จนตลอดชีวิต แล้ว บังเกิดในเทวโลก ดำ รงอยู่ในเทวโลกตลอดชั่วอายุ บุพกรรมในอดีต ข้อมูลทั่วไปพระอนุรุทธเถระ ระนามเดิม —> อนุรุทธกุมาร, เจ้าชายอนรุทธะ, อนุรุทธศากยะ สถานที่ประสูติ —> กบิลพัสดุ์ สถานที่บวช —> อนุปิยนิคม วิธีบวช —> เอหิภิกขุอุปสัมปทา (เป็นชื่อเรียกวิธีบรรพชาอุปสมบท เป็นพระภิกษุในสมัยพุทธกาลยุคต้นๆ โดยพระพุทธเจ้าทรงประทานให้ด้วย พระองค์เอง โดยการตรัสว่า เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำ ที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด) เอตทัคคะ —> ผู้เลิศในทิพยจักขุญาณ (ตาทิพย์) ฐานะเดิม ชาวเมือง —> เมืองกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ พระราชบิดา —> อมิโตทนะ วรรณะเดิม —> กษัตริย์ ราชวงศ์ —>ศากยราชวงศ์ 10


จัดทำ โดย นางสาว วัจนารัตน์ เพ็งแจ้ง เลขที่40 ม.5/2 นาย ศิวกร พูลประเสริฐ เลขที่5 ม.5/2


Click to View FlipBook Version