สายสัมพันธวิวัฒน์เจริญทวิสถาน ผูกพันสฤษฎ์นาน ขนบ โรงเรียนเตรียมวิระเหล่าทหารจตุระพบ ยังยุพราชฯ สบ เสมอ แลกเปลี่ยนอันวิชะแลประลองพละและเจอ กีฬาประสานเธอ และฉัน แนบแน่นตราบธุลิมอดมลายจรณะนั้น คงอยู่อุโฆษกัล - (ละ) ปา สามสิบสองวะสะครั้งดรุณพยุหะมา เชื่อมพันธกิจจา นุกิจ คืออาคันตุกะรัตนาวิศิษะมิตร ใกล้ดวงหทัยติด นิรันดร์ ฯ ประพันธ์โดยครูดิสกร นินนาทโยธิน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
๑
๒
๓
๔
๕
๖ ผังพิธีเปิดกีฬาประเพณีเตรียมทหาร-ยุพราชฯ ครั้งที่ ๓๒ ผังพิธีปิดกีฬาประเพณีเตรียมทหาร-ยุพราชฯ ครั้งที่ ๓๒
๗
๘ สารจากผู้อ านวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
๙
๑๐
๑๑ ค ำกล่ำวเปิด พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาประเพณี โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย – โรงเรียนเตรียมทหาร ครั้งที่ ๓๑
๑๒
๑๓ ค ำกล่ำวรำยงำน พิธีปิดกำรแข่งขันกีฬำประเพณียุพรำชฯ – เตรียมทหำร ครั้งที่ ๓๑
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑ ประวัติโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ สถาปนาขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๒ ตามพระบรมราโชบาย ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ในการขยายการศึกษาออก สู่หัวเมือง เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และความต้องการจัดการ ศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติโดยได้ ออก "ประกาศจัดการเล่าเรียนในหัวเมือง" เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๑ ความว่า "…ความเจริญของคน ทั้งหลายย่อมเกิดแต่ความประพฤติชอบ และการเลี้ยงชีวิตโดยชอบเป็นที่ตั้ง ครั้นทั้งหลายจะประพฤติชอบ แลจะ หาเลี้ยงชีวิตโดยชอบนั้นเล่า ก็ย่อมอาศัยการได้ศึกษาวิชา ความรู้ในทางที่จะให้บังเกิดประโยชน์มาแต่ย่อมเยาว์ และฝึกซ้อมสันดานให้น้อยในทางสัมมาปฏิบัติและเจริญปัญญา สามารถในกิจการต่างๆ อันเป็นเครื่อง ประกอบการหาเลี้ยงชีพเมื่อเติบใหญ่ จึงเชื่อว่าได้เข้าสู่ทางความเจริญ… บัดนี้การฝึกสอนในกรุงเทพฯเจริญ แพร่หลายมากขึ้นแล้ว สมควรจะจัดการฝึกสอนให้หัวเมืองได้เจริญขึ้นตามกัน…" ส าหรับเมืองเชียงใหม่ซึ่งเป็นหัว เมืองใหญ่ของมณฑลพายัพนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชประสงค์ จะให้จัดเป็น โรงเรียนตัวอย่างและฝึกอบรมกุลบุตรกุลธิดา ให้รู้ธรรมเนียมการหนังสือ และฝึกหัดลายมือ ให้ใช้เป็นเสมียนได้วิชา คิดเลขและวิชาช่างที่เป็นประโยชน์ และธรรมเนียมต่างๆ ที่เป็นคุณแก่แผ่นดิน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็ยังมีพระราช ประสงค์จะปลูกฝังคุณสมบัติ ให้นักเรียนเป็นคนขยันขันแข็ง สะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นสุภาพบุรุษและ สุภาพสตรีซื่อสัตย์สุจริตมีอุปนิสัยใจคอดีและเป็นพลเมืองดีในที่สุด เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งนั้น โรงเรียนมีที่ตั้งอยู่ที่ศาลากลางสวน ในจวนของพระยานริศรราชกิจ (สาย โชติก เสถียร) ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพในขณะนั้น ลักษณะการก่อตั้งโรงเรียนเป็นไปตามแนวพระด าริของสมเด็จกรมพระ ยา ด ารงราชานุภาพ ที่ต้องการให้โรงเรียนหลวงตั้งอยู่ริมจวนข้าหลวง หรือในวัด ที่อยู่ใกล้จวนข้าหลวง เพื่อจะได้ช่วย เป็นธุระดูแลและให้ครูได้ตั้งใจสั่งสอนนักเรียน โรงเรียนหลวงที่ตั้งขึ้นมีจุดประสงค์ส าคัญอีกประการหนึ่งคือ เพื่อเป็น โรงเรียนตัวอย่าง แก่โรงเรียนอื่นๆ ในเมืองเชียงใหม่ จึงมีชื่อเป็นที่รู้จักของคนสมัยนั้นว่า โรงเรียนประจ ามณฑลพายัพ หรือโรงเรียนตัวอย่างประจ ามณฑลพายัพ เริ่มต้นจากการสอนภาษาพื้นเมือง ภาษาไทย และวิชาชีพต่างๆ รวมทั้งการ อบรมความประพฤติ ให้รู้จักรับผิดชอบ ในระยะแรกเริ่มนั้นจัดการศึกษาเป็นแบบสหศึกษา มีนักเรียนชาย หญิง พระภิกษุสามเณร เรียนรวมกัน มีขุนอุปกรณ์ศิลปศาสตร์ข้าหลวงธรรมการมณฑล เป็นครูใหญ่คนแรก โรงเรียนหลวงประจ ามณฑลพายัพ ซึ่งระยะแรกตั้งอยู่ที่ศาลากลางสวน ในจวนของข้าหลวงใหญ่ เริ่มมี จ านวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้น จึงได้ขยายที่เรียนมาอยู่ที่โรงละคร ของเจ้าอินทวโรรสสุริยวงค์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๘ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๔ แต่ภายหลังการศึกษาเพื่อให้เกิดความผสมผสานกลมกลืนกันในชาติ โดยใช้วิธีสอน หนังสือไทยกลางให้เหมือนกันทั่วประเทศ และเจ้าผู้ครองนครต่างๆ ในมณฑลพายัพต่างสนับสนุนการจัดการศึกษา ของรัฐบาลอย่างดี ส าหรับเมืองเชียงใหม่นั้น เจ้าอินทวโรรสสุริยวงค์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้สนับสนุนการตั้ง โรงเรียนเพื่อสอน
๒๒ ภาษาไทยชั้นสูง โดยได้บริจาคที่ดิน คือที่ดินต าบลสี่แยกถนนวโรรส ในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีขนาดเนื้อ ที่ความยาว ๓๗ วา ๒ ศอก ความกว้าง ๑๙ วา ๒ ศอก และยกโรงเรือนซึ่งเป็นโรงละครเดิมจ านวน ๑ หลัง ประกอบด้วยเสาไม้แก่นมีเครื่องบน และพื้นไม้จริงเพื่อให้สร้างโรงเรียนต่อไป ส าหรับตัวอาคารของโรงเรียนหลังแรกนี้ ได้วางรูปแบบเป็นรูปทรงปั้นหยา มี๙ ห้อง มีขนาดความยาว ๑๗ วา ๒ ศอก ความกว้าง ๖ วา มีเรือนโถงต่อจาก เรือนเดิม เพื่อใช้เป็นที่นั่งเล่นหรือประโยชน์อื่นๆ รวม ๔ ด้าน การก่อสร้างท าได้ถึงขั้นสร้างโครง และติดเครื่องบนแต่ เนื่องจากขาดทุนทรัพย์การก่อสร้างโรงเรียน จึงหยุดชะงักไปชั่วคราว ในปีพ.ศ. ๒๔๔๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรีบเร่งในการแก้ไขปัญหาความ แตกแยก อันเป็นผล มาจากกบฏเงี้ยวเมืองแพร่ โดยการปรับปรุงวิธีด าเนินการต่างๆ ให้เหมาะสมและสอดคล้อง กับ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของท้องถิ่นมากขึ้น ทางด้านการศึกษานั้น การจัดส่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวง ธรรมการ ไปจัดการศึกษา ในมณฑลพายัพ พระองค์ก็ทรงย้ าว่า จะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจปัญหา และจะต้องไม่เป็นผู้ที่ ก่อให้เกิดความรู้สึกแตกแยก ระหว่าง ราษฎรชาวพื้นเมืองกับคนไทยส่วนใหญ่ ในพระราชอาณาจักร ดังปรากฏในพระ บรมราโชบายการเล่าเรียน เมืองเชียงใหม่ ความว่า "เรื่องการเล่าเรียนเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้พูดกันที่ท้องพระโรงวันนั้น เห็นว่า ควรจะเขียนลงไว้เป็นหนังสือ จึงได้เขียนลงบัดนี้ ความมุ่งหมายซึ่งจะให้การเล่าเรียนแก่พวกลาวชั้นเด็กนั้น เพื่อจะให้ความรู้เป็นก าลัง ที่จะท าราชการในบ้านของตัวเอง ฤาท าการติดต่อกับไทยให้รู้ทันกัน จะได้มีคนใช้และมีคน รู้ในมณฑลพายัพมากขึ้น ไม่จ าเป็นจะต้องเอาคนไทยขึ้นไปใช้มาก แต่ความปรารถนาใช่จะให้แต่ความรู้ส่วนอักขระวิธี อย่างเดียว หวังจะสั่งสอนให้รู้จักทางราชการ และให้รู้ความดีของการที่ กลมเกลียวกันกับไทย การซึ่งจะเข้ากันได้ เช่นนั้น ต้องมีความคิดแลความรู้ถึงกันความมุ่งหมายต้องเป็นอย่างเดียวกัน คือหวังต่อความเจริญของบ้านเมือง ซึ่งกัน ร่วมกัน เพราะฉะนั้น ผู้ซึ่งจะไปเล่าเรียนจะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีสันดานหย่อน ยิ่งหมิ่นประมาทพวกลาวว่า เลวทรามกว่า คนไทยด้วย ประการทั้งปวง จะต้องมีสติปัญญา ที่จะหาทางสั่งสอนชักโยง ให้พวกลาวรู้สึกว่า เป็นข้าราชการฤาเป็น ชาวเมืองอย่างเดียว กันกับคนไทย ถ้าท าดีการจะได้ดีเหมือนกับคนไทย โรงเรียนนั้นจะต้องถือว่าตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ ราชการเหมือนกับมิชันนารีเขาตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ศาสนา ผู้ซึ่งจะไปจัดการ ต้องมีน้ าใจ ผูกพันมั่นคงอย่างเดียวกัน" ปีพ.ศ. ๒๔๔๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พระยา สุรสีห์ วิสิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร)ขึ้นมารับราชการต าแหน่ง ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ โดยเฉพาะทางด้าน การศึกษานั้น พระยาสุรสีห์วิสิษฐ์ศักดิ์พยายามด าเนินการทุกวิถีทางในอันที่จะใช้"การศึกษาแผนใหม่" เป็นเครื่องช่วย ในการปฏิรูป มณฑลพายัพ โดยเริ่มจากการสร้างโรงเรียน ท่านได้มอบหมายให้ขุนอุปกรณ์ศิลปศาสตร์ข้าหลวงธรรม การมณฑลพายัพ เป็นหัวหน้าบอกบุญเรี่ยรายเงิน จากเจ้านายฝ่ายเหนือและข้าราชการมณฑล ได้เงินจ านวนมาก การ ก่อสร้างโรงเรียนที่ เจ้าอินทวโรรสสุริยวงค์ได้ก่อสร้างค้างไว้จึงได้เริ่มด าเนินการต่อ จนกระทั่งถึงปีพ.ศ.2448 เมื่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ครั้งยังด ารงพระอิสริยศเป็นสมเด็จพระบรม โอรสาธิราช สยาม มงกุฏราชกุมาร ได้เสด็จประพาสมณฑลพายัพ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จเยี่ยมโรงเรียนเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2448 ดังความปรากฏในลิลิตพายัพ ความว่า "…ครั้นรุ่งขึ้นพระองค์ทรงรถจักรยานขับขี่ สู่ที่ตั้งโรงเรียน อ่าน เขียน
๒๓ ประวัติโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ฯพณฯ จอมพลถนอม กิตติขจร ขณะนั้นด ารง ต าแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เสนอด าริต่อสภากลาโหมว่า หากจะรวมโรงเรียนที่อยู่ใน ระดับการศึกษาเดียวกันจากกองทัพต่างๆ เป็นสถาบันเดียวกันก็จะเป็นการประหยัดงบประมาณของชาติ ทั้งยังท าให้ผู้ศึกษามีโอกาสได้รู้จักคุ้นเคย มีความสนิทสนมกลมเกลียว มีความสามัคคีเป็นน้ าหนึ่งใจ เดียวกัน มีความคิดจิตใจร่วมกันแต่เยาว์วัย ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลเหล่านี้สามารถประสานงานกันได้ด้วยดี และปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ สภากลาโหมได้เห็นชอบในด ารินี้เป็นเอกฉันท์ ในขั้นแรกให้ รวมโรงเรียนเตรียมนายร้อย โรงเรียนเตรียมนายเรือ และโรงเรียนเตรียมนายเรืออากาศ เป็นโรงเรียน เตรียมทหาร สังกัดกรมการศึกษาวิจัย กองบัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๑ จึงถือว่าวันที่ ๒๗ มกราคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร ผู้บัญชาการคนแรก คือ พลเอกปิยะ สุวรรณพิมพ์ ซึ่งถือว่าเป็นปูชนียบุคคลของโรงเรียนเตรียมทหาร ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ กรม ต ารวจได้ขอให้โรงเรียนเตรียมทหารรับนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยต ารวจด้วย โรงเรียน เตรียมทหารจึงเป็นศูนย์รวมเบื้องต้นส าหรับนายทหาร นายต ารวจ สมบูรณ์ครบถ้วยตามอุดมการณ์ที่ว่า "ความสามัคคี กลมเกลียว เป็นพลังอันส าคัญของชาติ" ในระยะแรกนั้นโรงเรียนเตรียมทหารยังไม่มีที่ตั้งถาวร ได้ใช้อาคารโรงเรียนนายร้อยพระ จุลจอมเกล้า ถนนราชด าเนินนอก กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่เรียนชั่วคราว ต่อมาเมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๔ โรงเรียนเตรียมทหารได้จัดให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างโรงเรียนเตรียมทหารขึ้น ณ เลขที่ ๑๘๗๕ ถนนพระราม ๔ แขวงลุมพินีเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของกอง สัญญาณทหารเรือ มีพื้นที่ประมาณ ๓๕ ไร่ ๓ งาน ๔๗ ตารางวา หลังจากได้สร้างโรงเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว ได้ย้ายมาอยู่ที่พระราม ๔ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๐๔ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ กองพันทหารสื่อสาร กองบัญชาการกองทัพบก และกองร้อยทหารสื่อสารซ่อมบ ารุงเขตหลังกองบัญชาการกองทัพบก ได้ย้าย ออกจากพื้นที่ที่อยู่ต่อเนื่องกัน โรงเรียนเตรียมทหารจึงได้รับพื้นที่ทางด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือเพิ่ม อีก ๙๑ ไร่ ๖๒ ตารางวา รวมเป็น ๑๒๗ ไร่ ๙ ตารางวา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ พลอากาศเอกวรนาถ อภิจารี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในเวลานั้น ได้ พิจารณาว่า สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ของโรงเรียนเตรียมทหารได้เปลี่ยนแปลงไป พื้นที่โดยรอบกลายเป็น ย่านชุมชนหนาแน่น ทั้งยังมีสภาพแวดล้อมเป็นมลพิษ อีกทั้งพื้นที่ของโรงเรียนเตรียมทหารมีข้อจ ากัดต่อ การเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตนักเรียนเตรียมทหารและการพัฒนาโรงเรียนเตรียมทหารด้านต่างๆ ในอนาคต จึงได้ปรึกษากับส านักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ตั้งโรงเรียนเตรียม ทหาร ถึงการย้ายที่ตั้งโรงเรียนเตรียมทหารไปยังสถานที่ตั้งแห่งใหม่ที่เหมาะสม ซึ่งได้รับการสนับสนุน การก่อสร้างจากส านักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยได้มอบให้บริษัท คริสเตียนนีและนีลเส็น (ไทย) จ ากัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของส านักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ด าเนินการ
๒๔ ศึกษาความเป็นไปได้ต่างๆ ของโครงการย้ายโรงเรียนเตรียมทหาร รวมทั้งเสนอแนะพื้นที่ตั้งโครงการ ในที่สุดได้เลือกพื้นที่ต าบลศรีกะอาง อ าเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เป็นที่ตั้งโรงเรียนเตรียมทหารแห่ง ใหม่ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพบกเจ้าของพื้นที่มอบพื้นที่ให้ด าเนินการประมาณ ๒,๔๖๐ ไร่ เป็นผล ให้โครงการก่อสร้างโรงเรียนเตรียมทหารแห่งใหม่เกิดขึ้น โครงการก่อสร้างโรงเรียนเตรียมทหารแห่งใหม่ ได้เริ่มด าเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๓๙ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพลเอกหญิงสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด าเนินทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันอังคารที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ต่อมากองบัญชาการทหารสูงสุดได้มีค าสั่งให้เคลื่อนย้ายโรงเรียนเตรียมทหารมายัง ที่ตั้งแห่งใหม่ ณ เลขที่ ๑๘๕ หมู่ ๕ ต าบลศรีกะอาง อ าเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ก าหนดระยะเวลา ตั้งแต่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้สามารถเปิดการศึกษาได้ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยมี พิธีเคลื่อนย้ายโรงเรียนเตรียมทหารเข้าสู่ที่ตั้งในวันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ วันศุกร์ที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ พลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรม ราชกุมารี เสด็จพระราชด าเนินทรงประกอบพิธีเปิดโรงเรียน โรงเรียนเตรียมทหารเป็นสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสถาบัน วิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย และเป็นสถาบันการศึกษาแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เป็นศูนย์รวมเบื้องต้นส าหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และโรงเรียนนายร้อยต ารวจ ผู้ที่ศึกษาในโรงเรียนเตรียม ทหารเรียกว่า นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) การรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้น โรงเรียนเตรียมทหารมิได้เป็นผู้ด าเนินการ สอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหารด้วยตนเอง หากแต่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และโรงเรียนนายร้อยต ารวจ จะเป็นผู้ด าเนินการสอบ คัดเลือก โดยในแต่ละปีจะมีการก าหนดจ านวนรับนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และส านักงานต ารวจแห่งชาติ จากนั้นแต่ละเหล่าทัพจะส่งผู้ผ่านการสอบคัดเลือกมาเรียน รวมกันที่โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นเวลา ๒ ปี ภายหลังจากที่ส าเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว นักเรียนเตรียมทหารเหล่านี้ จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเหล่าทัพ ตามที่นักเรียนได้สมัครและผ่านการสอบคัดเลือก
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
๓๙ เพลงมาร์ชโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เนื้อร้อง – ท ำนอง อำจำรย์ขุนขยัน อักษรกิจ พวกเรำยุพรำช องอำจกล้ำหำญ ชื่นบำนทั่วหน้ำร่ำเริงใจ เช้ำค่ ำ พร่ ำคิด จิตเกษมส ำรำญ ใจอำจหำญห่อนเกรงศัตรู แม้ผู้ใดไม่มีสำมัคคีรักหมู่ เรำจะอยู่ยั่งยืนอย่ำงเขำไม่ได้ ยุพรำชฯ ชำติท ำจริง ไม่นิ่งนอนใจ ชั่วดีอย่ำงไรเรำต้องรักกัน ข้ำขออธิษฐำนสำบำนตน หำกใครมำผจญชำติเรำไซร้ เลือดเนื้อทุกๆ หยำด สำมำรถให้ได้ ขอให้ไทยคงไทยชั่วกำล อันเกียรติยุพรำช ของเรำยุพรำช เรำนี้ต้องถนอมมิยอมให้ต่ ำ คณะเรำต้องท ำแต่ควำมดี วิชำ พุทธ จริย พล หัตถ สี่นี้ เรำต้องเทิดไว้ให้ดีตลอดกำล บำนเย็นอยู่ไหน เรำอยู่นั่น เพรำะบำนเย็นนั้นน ำชัยให้เรำ สีที่เรำรักดังดวงใจ คือสีบำนเย็น บำนเย็นเด่นงำม อร่ำมวิไล เรำต้องเทิดทูน
๔๐ เพลงมาร์ชนักเรียนเตรียมทหาร ท ำนอง กองทัพบก เนื้อร้อง อำจำรย์ถิ่น รัติกนก นักเรียนเตรียมทหำร นักเรียนเตรียมทหำร ใจและกำยชำยชำญ เลือดทหำรแรงกล้ำ เกียรติศักดิ์ รักข้ำโสภำ โพ้นหล้ำฟ้ำ แสนยำกรไกร นักเรียนเตรียมทหำร นักเรียนเตรียมทหำร เรำทุกคนท ำงำนสร้ำงหลักฐำนยิ่งใหญ่ ก็เพื่อดำว คร้ำวรุ่งฤทัย แผงบ่ำไหลไฉไลภูมิธรรม นตท. ต่ำงซำบซึ้ง น. น้ ำหนึ่ง ใจเดียวเกลียวกล้ ำ ต. ตั้งใจ แน่วแน่แล้วท ำ ท. นั้นท ำ ท ำไม่ได้ ไม่มี เรำนักเรียนเตรียมทหำร ชีวิตวิญญำณ คืองำนศักดิ์ศรี ศึกษำ วิชำชำตรี ทฤษฎี ปฏิบัติ ศรัทธำ เรำนักเรียนเตรียมทหำร ชีวิตวิญญำณ ชำยชำญ หำญกล้ำ สุภำพ ผึ่งผำย คล้ำยตรำ เอกอุณำ โลมทอง ของเรำ
๔๑ เพลงสามัคคีชุมนุม เนื้อร้อง เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ท านอง Auld Land Syne พวกเรำเหล่ำมำชุมนุม ต่ำงคุมใจรัก สมัครสมำน ล้วนมิตร จิตชื่นบำน สรำญเริงอยู่ ทุกผู้ทุกนำม (สร้อย) อันควำมกลมเกลียว กันเป็นใจเดียว ประเสริฐศรี ทุกสิ่งประสงค์จงใจ จักเสร็จสม ได้ด้วยสำมัคคี กิจใด ธ ประสงค์มี ร่วมใจภักดี แด่พระจอมสยำม พร้อมพรึ่บดังมือเดี่ยวยำม ยำกเย็นเห็นง่ำย บ่หน่ำย บ่วำง(สร้อย) ที่หนักก็จักเบำคลำย ที่อันตรำย ก็ขจัดขัดขวำง ฉลองพระเดชบ่จำง กตเวทิคุณ พระกรุณำ(สร้อย) สำมัคคีนี่แหละล้ ำเลิศ จักชูชำติเชิดพระศำสนำ สยำมรัฐจักวัฒนำปรำกฏเกียรติฟุ้งเฟื่อง กระเดื่องแดนดิน (สร้อย)
๔๒ ประมวลภาพกิจกรรม เตรียมทหาร - ยุพราชฯ
๔๓ ประมวลภาพกิจกรรม เตรียมทหาร – ยุพราชฯ