จอห์น บี. วัตสัน
(John B. Watson)
รายงาน
เรื่อง จอห์น บี. วัตสัน (John B. Watson)
จัดทำโดย
นางสาว ณัฐมนฑ์ ผมตาล
รหัสนักศึกษา 6410408002
เสนอ
ดร.รอง ปัญสังกา
รายงานเล่มนี้เป็ นส่วนหนึ่ งของรายวิชา
ED201 จิตวิทยาสำหรับครู
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการศึกษาปฐมวัย
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565
วิทยาลัยสันตพล อุดรธานี
คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็ นส่วนหนึ่ งของรายวิชา
ED201 จิตวิทยาสำหรับครู ในการศึกษาค้นคว้าเพื่อนำข้อมูล
ความรู้มาเสนอ อธิบาย และเพื่อควบคุมและเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์ จิตวิทยามุ่งศึกษาด้านความ
สัมพันธ์ระหว่างกระบวนการของร่างกายกับจิตใจ ด้วยวิธีการ
ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็ นระเบียบแบบแผนเพราะร่างกายและ
จิตใจมักมีการแสดงออกร่วมกัน อีกทั้งยังแสดงออกในแนวทาง
ที่สามารถทำนายได้ ในการจัดทำรายงานเล่มนี้หวังว่ามีข้อมูล
จะเป็ นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไม่มากก็น้ อยหากผิดพลาดประการ
ใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
จอห์น บี. วัตสัน (John B. Watson)
ชีวประวัติ
เกิด:9 มกราคม ค.ศ. 1878
เสียชีวิต:25กันยายน ค.ศ. 1958
อายุ:80 ป เปนนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
วัตสันไดน ําเอาทฤษฎีของ ฟาฟลอฟ มาเปนสําคัญในการ
อธิบายเรื่องการ เรียน ผลงานของวัตสันไดร ับความนิยม
แพรหลายจรไดรับการยกยอ งวา เปน
“บิดาของจิตวิทยาพฤติกรรมนิยม” ทฤษฎีของเขามีลักษณะใน
การอธิบาย เรื่องการเกิดอารมณจากการวางเงื่อนไข
(Conditioned emotion)
แนวคิดที่สำคัญ
วัตสัน ไดน ําเอาทฤษฎีของ Pavlov มาเปน หลักสําคัญ
ในการ อธิบายเรื่องการเรียนรแู นวความคิดของ Watson ก็
คือ การวาง เงื่อนไขแบบคลาสสิคทําใหเ กิดการเรียนรูก ลา ว
คือ การใชส ิ่งเรา สองส่ิง มาคูกันคือสิ่งเราท่ีวางเงื่อนไข (CS)
กับสิ่งเรา ที่ไมวางเง่ือนไข (UCR) แลว ทําใหเกิดการตอบสน
องอยา งเดียวกัน
วัตสัน ไดทําการทดลองโดยใหเด็กคนหนึ่งชื่อ
อัลเบิร์ต อายุ9เดือนเลนกับหนูขาว และขณะที่เด็กกําลัง
จะจับหนูขาว ก็ทําเสียงดังจนเด็กตกใจรองไห หลังจาก
นั้นเด็ก จะกลัวและรองไหเมื่อเห็นหนูขาว ตอมาทดลอง
ใหนําหนูขาวมาใหเด็กดู โดยแมจะ กอดเด็กไว จากนั้น
เด็กก็จะคอย ๆ หายกลัวหนูขาว
จากการทดลองดังกล่าว วัตสันสรุปเป็ น
ทฤษฎีการเรียนรู้ ดังนี้
1.พฤติกรรมเปนส่ิงที่สามารถควบคุมใหเกิดขึ้นได
โดยการควบคุมสิ่งเราที่
วางเงื่อนไขใหสัมพันธกับสิ่งเราตามธรรมชาติ และการ
เรียนรูจะคงทนถาวรหากมีการให สิ่งเราที่สัมพันธกันนั้น
ควบคูกันไปอยางสม่ำเสมอ
2.เมื่อสามารถทําใหเกิดพฤติกรรมใดๆได
ก็สามารถลดพฤติกรรมนั้นให หายไปได้
ลักษณะของทฤษฎีการวางเงื่ อนไขแบบคลาสสิค
1.การตอบสนองเกิดจากสิ่งเรา หรือสิ่งเราเปนตัวดึงการ
ตอบสนองมา
2.การตอบสนองเกิดขึ้นโดยไมไดตั้งใจ หรือไมไดจงใจ
3.ใหตัวเสริมแรงกอน แลวผูเรียนจึงจะตอบสนอง เชน
ใหผงเนื้ อกอนจึงจะมีน้ำลายไหล
4.รางวัลหรือตัวเสริมแรงไมมีความจําเปนตอการวาง
เงื่ อนไข
5.ไมตองทําอะไรกับผูเรียน เพียงแตคอยจนกระทั่งมีสิ่ง
เรามากระตุนจึงจะเกิดพฤติกรรม
6.เกี่ยวของกับปฏิกิริยาสะทอนและอารมณ ซึ่งมีระบบ
ประสาทอัตโนมัติเขาไปเกี่ยวของในแงของความแตกตาง
ระหวางบุคคล
การประยุกต์ใช้ในด้านการเรียนการสอน
1.ในแงข องความแตกตางระหวางบุคคล
ความแตกตางทางดานอารมณม ีแบบแผนการ
ตอบสนองไดไมเทากัน จําเปนตองคํานึงถึงสภาพ
ทางอารมณผูเ รียนวาเหมาะสมที่จะสอนเนื้อหาอะไร
2.การวางเงื่อนไข เปน เรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรม
ทางดานอารมณดว ย โดยปกติผูสอน
สามารถทําใหผูเรียน รูส ึกชอบหรือไมชอบเนื้อหาที่เรียนหรือสิ่ง
แวดลอมในการเรียน
3.การลบพฤติกรรมที่วางเงื่อนไข ผูเ รียนที่ถูกวาง
เงื่อนไขใหกลัวผสู อนเราอาจชวยไดโ ดยปองกัน
ให้ผู้สอนทําโทษเขา
บรรณานุกรม
http://nukjit.blogspot.com/2015/12/blog-post_8.html
https://sites.google.com/site/maytoom1237/thvsdi
-kar-reiyn-ru-learning-theory/thvsdi-kar-reiyn-ru-
klum-phvtikrrm-niym-behaviorism/thvsdi-kar-
reiyn-ru-baeb-kar-wang-ngeuxnkhi-baeb-
khlassikh/cxhn-bi-wat-san-john-b-watson
thank you