การแกไ ขขอบกพรอ งของคําสงั่ ทางปกครอง
คําส่งั ทางปกครองท่อี อกโดยการฝา ฝน หรือไมป ฏิบัติตามหลกั เกณฑดังตอไปน้ี
ไมเ ปนเหตใุ หค ําส่ังทางปกครองนน้ั ไมสมบรู ณ (มาตรา 41)
1) การออกคาํ สง่ั ทางปกครองโดยยงั ไมมผี ูย นื่ คําขอในกรณที เี่ จา หนา ท่ีจะดําเนินการเองไมได
นอกจากจะมีผูย่นื คําขอ ถาตอ มาในภายหลงั ไดมกี ารยนื่ คาํ ขอเชน น้ันแลว
2) คาํ สั่งทางปกครองทต่ี อ งจดั ใหม ีเหตผุ ล
ถา ไดมกี ารจดั ใหมเี หตผุ ลดังกลา วในภายหลัง
3) การรบั ฟง คกู รณที ี่จําเปนตอ งกระทําไดดาํ เนนิ การมาโดยไมส มบูรณ
ถาไดม กี ารรบั ฟง ใหสมบูรณในภายหลงั
4) คําส่ังทางปกครองท่ีตอ งใหเจา หนาที่อ่นื ใหค วามเหน็ ชอบกอ น
ถา เจาหนา ท่นี ้นั ไดใ หความเห็นชอบในภายหลัง
ใชส้ ําหรับการบรรยายหลักสตู ร ฝอ.ตร. ร่นุ ที่ 43 วันที่ 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2565 เทา่ น้นั 51
• เม่ือมีการดําเนินการครบถวนแลว และเจาหนาท่ีผูมีคําส่ัง
ประสงคใหผลเปนไปตามคําสั่งเดิมใหเจาหนาที่ผูน้ันบันทึก
ขอเท็จจริงและความประสงคของตนไวในหรือแนบไวกับ
คําสั่งเดิม และตองมีหนังสือแจงความประสงคของตน
ใหค ูกรณีทราบดว ย
• กรณีตาม 2) 3) และ 4) จะตองกระทํากอนส้ินสุดกระบวนการ
พิจารณาอุทธรณ หรือกอนมีการนําคําส่ังทางปกครองไปสู
การฟองคดตี อ ศาล แลว แตก รณี
• สวนคําสั่งทางปกครองท่ีมีขอผิดพลาดเล็กนอยหรือผิดหลง
เลก็ นอ ยน้นั เจาหนาที่อาจ แกไ ขเพิ่มเติมไดเสมอ (มาตรา 43)
ใชส้ าํ หรบั การบรรยายหลกั สตู ร ฝอ.ตร. รนุ่ ท่ี 43 วันที่ 7 กุมภาพนั ธ์ 2565 เทา่ น้ัน 52
การทบทวน
คําส่งั ทางปกครอง
การอุทธรณค าํ สั่ง การขอพิจารณาใหม
การเพกิ ถอน
คําสง่ั ทางปกครอง
โดยเจาหนาท่ผี อู อกคําส่งั
ใช้สําหรบั การบรรยายหลกั สตู ร ฝอ.ตร. รุ่นที่ 43 วนั ท่ี 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2565 เทา่ นน้ั 53
การอทุ ธรณค าํ ส่งั
ในกรณที ค่ี าํ สง่ั ทางปกครองไมไดอ อกโดยคณะกรรมการ
หรือรัฐมนตรี และไมมกี ฎหมายกําหนดข้ันตอนอทุ ธรณภายใน
ฝา ยปกครองไวเปนการเฉพาะ
ใหค ูกรณอี ุทธรณคาํ ส่ังทางปกครองน้นั โดยย่นื ตอ เจาหนาท่ี
ผทู าํ คาํ สงั่ ทางปกครองภายในสิบหาวันนับแตว ันทไ่ี ดร ับแจง คาํ สั่ง
(ม. 44 วิฯ ปฏิบตั ิ)
ใช้สาํ หรับการบรรยายหลักสตู ร ฝอ.ตร. รุ่นที่ 43 วันที่ 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2565 เทา่ นน้ั 54
การเพกิ ถอนคาํ สงั่ ทางปกครองโดยเจา หนา ทผ่ี อู อกคําส่ัง
• ก า ร เ พิ ก ถ อ น คํ าส่ั ง ท า ง ป ก ค ร อ ง เ ปน อํ า น า จ ข อ ง เ จ า ห น า ที่ผู อ อ ก คํา ส่ั ง
หรอื ผูบงั คบั บญั ชา (มาตรา 49 วรรคหนงึ่ )
• การเพิกถอนจะกระทําเม่ือใดก็ได แมจะพนกําหนดระยะเวลาอุทธรณ หรือการฟองคดี
ตอศาลแลวก็ตาม และการเพิกถอนน้ันเปนดุลพินิจของเจาหนาที่ โดยไมตองมีผูใดรองขอ
และจะเพิกถอนท้ังหมดหรือบางสวนก็ได ใหมีผลยอนหลังหรือไปในอนาคตก็ได
(มาตรา 49 วรรคหน่ึง มาตรา 50 และมาตรา 53)
• การเพิกถอนคําสั่งทางปกครองท่ีใหประโยชนตองกระทําภายใน 90 วัน นับแตรูถึง
เหตุเพิกถอน เวนแต คําส่ังไมชอบดวย กม. เพราะแสดงขอความอันเปนเท็จ ปกปด
ขม ขู หรือจูงใจ เพิกถอนไดไ มจ ํากดั เวลา (มาตรา 49 วรรคสอง และมาตรา 51)
• ตอ งจา ยคา ทดแทนความเสยี หาย โดยคํานึงถึงประโยชนและความสจุ ริต (มาตรา 52)
ใชส้ ําหรับการบรรยายหลักสตู ร ฝอ.ตร. ร่นุ ท่ี 43 วนั ท่ี 7 กุมภาพันธ์ 2565 เท่านั้น 55
เม่ือมติท่ีประชุมคณะกรรมการคัดเลือกขาราชการตํารวจท่ีมี
คุณสมบัติเหมาะสมที่จะตองไดรับการเล่ือนตําแหนงใหสูงข้ึน ซ่ึงเปน
กระบวนการพิจารณาอันเปนสาระสําคัญกอนมีคําสั่งแตงต้ังขาราชการ
ตํารวจ ทําข้ึนโดยไมชอบดวยกฎหมาย เปนเหตุใหคําส่ังแตงตั้ง
ขา ราชการตาํ รวจตามมตดิ ังกลา วเปน คาํ ส่ังทีไ่ มช อบดว ยกฎหมาย
เมื่อคําส่ังดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย ผูมีอํานาจออกคําสั่ง
ทางปกครองสามารถจึงเพิกถอนคําส่ังน้ันได ตามมาตรา 49 วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
(คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ. 827/2561)
ใชส้ าํ หรบั การบรรยายหลักสูตร ฝอ.ตร. รุน่ ที่ 43 วนั ท่ี 7 กุมภาพนั ธ์ 2565 เทา่ น้ัน 56
การขอพิจารณาใหม
เม่ือคูกรณมี คี ําขอ เจา หนา ที่อาจเพิกถอนหรอื แกไ ขเพมิ่ เตมิ คาํ ส่ังทางปกครองทพ่ี นกําหนด
อุทธรณไ ดในกรณีดังนี้
1 มพี ยานหลกั ฐานใหม อันอาจทาํ ใหขอ เทจ็ จริงที่ฟง เปนยุตแิ ลว นน้ั เปลยี่ นแปลงไปในสาระสาํ คัญ
2 คูกรณีท่ีแทจริงมิไดเ ขา มาในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง หรอื ไดเขา มาแลว
แตถ ูกตัดโอกาสโดยไมเ ปน ธรรม
3 เจา หนาท่ีไมมอี ํานาจที่จะทาํ คาํ ส่งั ทางปกครองในเรือ่ งนั้น
4 ถา คาํ สง่ั ทางปกครองไดอ อกโดยอาศยั ขอ เท็จจริงหรือขอ กฎหมายใดและตอมาขอ เท็จจรงิ
หรือขอ กฎหมายนัน้ เปลี่ยนแปลงไปในสาระสําคัญในทางทจ่ี ะเปนประโยชนแ กค กู รณี
การยน่ื คําขอตามวรรคหนงึ่ 1) 2) หรือ 3) ใหก ระทําไดเฉพาะเมื่อคกู รณไี มอ าจทราบถงึ เหตุน้ัน
ในการพจิ ารณาครงั้ ที่แลวมากอ น โดยไมใชค วามผิดของผนู นั้
ตอ งกระทาํ ภายในเกาสิบวันนบั แตผนู ัน้ ไดรูถึงเหตุซึ่งอาจขอใหพจิ ารณาใหม
ใชส้ ําหรบั การบรรยายหลักสูตร ฝอ.ตร. รนุ่ ที่ 43 วันที่ 7 กุมภาพนั ธ์ 2565 เท่านั้น 57
เ ม่ื อ ตํ า ร ว จ ภู ธ ร จั ง ห วั ด ร า ช บุ รี ไ ด มี คํ า สั่ ง ล ง โ ท ษ ไ ล ผู ฟ อ ง ค ดี อ อ ก จ า ก ร า ช ก า ร
และอนุกรรมการ ก.ตร. เก่ียวกับการอุทธรณ มีมติยกอุทธรณของผูฟองคดีโดยรับฟง
พยานหลักฐานวา ผูฟ องคดกี ระทําผิดวินยั อยา งรา ยแรงฐานกระทําการอนั ไดชื่อวาเปนผูประพฤติชั่ว
อยา งรา ยแรง ตามมาตรา 79 (5) แหง พ.ร.บ. ตํารวจแหง ชาติ พ.ศ. 2547
ดังน้ัน แมตอมาศาลฎีกาจะมีคําพิพากษายกฟองในความผิดฐานพยายามฆาผูอื่น เนื่องจาก
เห็นวาพยานหลักฐานยังมีเหตุเคลือบแคลงสงสัยตามสมควรวาผูฟองคดีไดกระทําความผิดฐาน
พยายามฆาผูเสียหายทั้งสามตามฟองหรือไม จึงใหยกประโยชนแหงความสงสัยให ตามมาตรา
227 วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งเปนผลอันสืบเนื่องมาจาก
บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติใหการลงโทษผูถูกกลาวหาในคดีอาญาตองกระทําโดยมี
พยานหลักฐานอนั ประจักษแ จงโดยปราศจากขอ สงสัยเทานัน้
กรณีจึงมิไดหมายความวาผูฟองคดีไมไดกระทําผิดวินัยอยางรายแรงตามขอกลาวหา
แตอยางใด กรณีดังกลาวจึงมิไดเปนผลใหขอเท็จจริงท่ีใชในการพิจารณาออกคําส่ังลงโทษ
ไลผูฟองคดีออกจากราชการและขอเท็จจริงที่ใชพิจารณายกอุทธรณของผูฟองคดีเปล่ียนแปลงไป
ในสาระสําคัญในทางที่เปนประโยชนแกผูฟองคดีในอันท่ีจะทําใหผูฟองคดีมีคําขอใหเจาหนาที่
เพิกถอนหรือแกไขเพ่ิมเติมคําส่ังทางปกครองท่ีพนกําหนดอุทธรณได ตามมาตรา 54 วรรคหนึ่ง (4)
แหง พ.ร.บ. วิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
(คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. 755/2561)
ใชส้ าํ หรบั การบรรยายหลกั สตู ร ฝอ.ตร. รุ่นที่ 43 วนั ที่ 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2565 เท่านน้ั 58
จบการบรรยาย
ขอบคุณครบั
ใช้สําหรับการบรรยายหลกั สตู ร ฝอ.ตร. ร่นุ ท่ี 43 วันที่ 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2565 เทา่ นัน้ 59