The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-01 21:09:32

วิจัยไอเอส

รวมเล่ม-IS

รายงานการศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง
เร่อื ง

"โครงงานการศึกษาปัญหาที่เกดิ จากการปฏิบตั ิงานกลุ่มของนักเรียน
มธั ยมปลายโรงเรยี นภเู ก็ตวิทยาลยั ปกี ารศึกษา 2564"

นายภคณทั ศรปี าน ชั้น ม.5/12 เลขที่ 11
นายภวัต สุรขันธ์ ชนั้ ม.5/12 เลขท่ี 12
นางสาวสมัชญา ยอดผา่ นเมอื ง ช้นั ม.5/12 เลขที่ 17
นางสาวนิภาธร ชว่ ยชมุ ชาติ ชน้ั ม.5/12 เลขที่ 20
นางสาวศุภกานต์ พรหมมาศ ชนั้ ม.5/12 เลขที่ 28

วิจัยเรือ่ งนี้เปน็ ส่วนหนึง่ ของการเรียนรายวิชาการศกึ ษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้
และรายวชิ าการสอื่ สารและการนาเสนอ
ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นภเู กต็ วิทยาลัย

ชื่อเร่ือง : โครงงานการศกึ ษาสาเหตุทที่ าใหเ้ กิดปัญหาในการปฏิบตั ิงานกล่มุ
ผู้ศึกษา : นายภคณทั ศรีปาน ชัน้ ม.5/12 เลขที่ 11

นายภวตั สุรขันธ์ ช้นั ม.5/12 เลขท่ี 12
นางสาวสมัชญา ยอดผา่ นเมือง ชั้น ม.5/12 เลขท่ี 17
นางสาวนภิ าธร ชว่ ยชุมชาติ ช้ัน ม.5/12 เลขท่ี 20
นางสาวศภุ กานต์ พรหมมาศ ชน้ั ม.5/12 เลขที่ 28
ครูผสู้ อน : ครูธนั ญากรณ์ เพง็ พศิ
ครทู ปี่ รึกษา : ครลู ิสา คงสลี งั
รายวชิ าสถานศกึ ษา : I32202-การส่อื สารและการนาเสนอ : IS2
สถานศึกษา : โรงเรียนภเู ก็ตวทิ ยาลัย
ปที ่พี มิ พ์ : 2564



บทคัดย่อ

การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ ศึกษาหาสาเหตุที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงาน
กลุ่ม เพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการปฏิบัติงานกลุม่ ซึ่งได้ดาเนินการศึกษาค้นควา้ จากแบบสอบถามจากการ
สอบถามนกั เรยี นภายในโรงเรียนภเู กต็ วิทยาลยั ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4-6 และเรอื่ งที่ศึกษานั้นสามารถ
นาไปเผยแพรแ่ ละนาไปใช้ให้เกดิ ประโยชนแ์ กส่ ังคมได้ ผลการศึกษาไดข้ อ้ มลู เกีย่ วกบั ปัญหาที่เกดิ จากการ
ปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียนชั้นมัธยมปลายโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย พบว่าปัจจัยที่ทาให้เกิดปัญหาในการ
ปฏิบตั ิงานกล่มุ ของนักเรยี นสว่ นใหญ่ แบง่ เป็นในดา้ นสมาชกิ ดา้ นการกระจายงาน และด้านวิชาเรียน โดย
ปัจจัยที่ทาให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่ม ด้านสมาชิกมากที่สุด คือ ความสามัคคีของสมาชิกภายใน
กลุ่ม ด้านการกระจายงาน คือ การเอาเปรียบเพื่อนสมาชิก และด้านวิชาเรียน คือ ครูผู้สอนชี้แจงงานไม่
ละเอยี ด การเผยแพร่ผลงาน ไดจ้ ดั แสดงผลโดยการนาเสนอ



กติ ตกิ รรมประกาศ

โครงงานการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองฉบับนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากบุคคลหลายฝ่าย ผู้วิจัย
ขอขอบพระคุณ ครูธันญากรณ์ เพ็งพิศ ครูผู้ควบคุมรายงานการศึกษาค้นคว้าที่กรุณาให้คาแนะนา
ช่วยเหลือ ตรวจสอบ และแก้ไขข้อบกพร่องของโครงงานการศึกษาปัญหาที่เกิดจากการปฏิบัติงานกลุ่ม
ของนักเรยี นมธั ยมปลายโรงเรยี นภูเก็ตวิทยาลยั ปกี ารศึกษา 2564 ต้ังแต่ตน้ จนสาเรจ็ เรียบรอ้ ย

ขอขอบคุณนักเรียนโรงเรียนภูเกต็ วทิ ยาลยั ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4-6 ปีการศกึ ษา 2564 ที่ให้
ความรว่ มมอื ในการตอบแบบสอบถาม ทาให้งานการศกึ ษาคน้ คว้าฉบบั นส้ี มบรู ณ์มากยง่ิ ขน้ึ

ประโยชน์และคณุ ค่าที่เกดิ ขึน้ จากโครงงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเองฉบับน้ี ผู้ศกึ ษาขอมอบ
แด่บิดามารดา ผู้ให้กาเนิดชีวิต คณะครูที่ได้อบรมสั่งสอนให้เป็นผู้ที่มีศีล สมาธิ ปัญญา ตลอดทั้ง
เพอื่ น ๆ ที่ได้ชว่ ยเหลอื และใหก้ าลงั ใจแกผ่ ศู้ กึ ษา

สารบญั ค

บทคดั ย่อ หน้า
กิตตกิ รรมประกาศ
สารบญั ก
บทท่ี 1 บทนา ข

ทมี่ าและความสาคัญ
วตั ถปุ ระสงค์ 1
ขอบเขตของการศึกษา 1
สมมตฐิ านของการศกึ ษา 2
ตวั แปรที่ศกึ ษา 2
ประโยชนท์ ไี่ ด้รบั จากการศึกษา 2
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัย 3
บทท่ี 3 วิธีดาเนนิ การศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูล 4
บทที่ 4 ผลการศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูล 9
บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ 13
สรปุ ผล
อภิปรายผล 17
ข้อเสนอแนะ 17
บรรณานกุ รม 18
19

1

บทที่ 1
บทนำ

1.1 ทม่ี ำและควำมสำคญั

ปัจจุบันนี้การศึกษาทั่วโลกเน้นให้มีการปฏิบัติงานกลุ่มร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ความ
สามัคคี การแสดงความคิดเห็น การร่วมกันแก้ไขปัญหา การปรับตัวและวางตัวเข้ากับสังคมและฝึกการ
ทางานในอนาคต ในปัจจุบันการศึกษาในประเทศไทยก็ได้เริ่มส่งเสริมให้มีการปฏิบัติงานกลุ่มตัง้ แต่ที่ชว่ ง
วัยที่พร้อมจะเรียนรู้ ซึ่งการนาวิธีการนี้มาใช้และปรับเข้ากับการศึกษา วิธีนี้ก็จะช่วยฝึกและเพิ่มทักษะที่
เกีย่ วข้องในการทางานมากขึน้ เพ่ือท่ีจะเตรียมความพร้อมต่อการทางานจริงในอนาคต

แต่ในบางครั้งการปฏบิ ัตงิ านกลุ่มมักเกิดปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลต่อการปฏิบตั ิงาน และทาให้
งานไม่ประสบผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ส่งผลให้ในบางครั้งเกิดความล่าช้าในการส่งงานหรือ
ปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น สมาชิกร่วม
กลุ่มไม่ให้ความร่วมมือในการทางาน ไม่มีความถนัดในงานที่ได้รับมอบหมาย อุปกรณ์ในการทางานไม่
พรอ้ มใช้งาน

ด้วยเหตุนีท้ างคณะผูจ้ ัดทาได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น พวกเราจึงได้ร่วมกันจดั ทาโครงงานน้ขี ้นึ
เพ่อื ศึกษาปัญหาทีเ่ กิดจากการปฏบิ ัตงิ านกลุม่ และหาหนทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทีเ่ กิดขน้ึ

1.2 วตั ถปุ ระสงค์

1.2.1 เพอ่ื หาสาเหตุปัญหาที่เกดิ ขึน้ ในการปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
1.2.2 เพื่อลดปัญหาท่ีเกดิ จากการปฏิบัติงานกลุ่ม

2

1.3 ขอบเขตของกำรศกึ ษำค้นควำ้

1.3.1 สถานท่ีทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา
โรงเรยี นภเู กต็ วิทยาลัย

1.3.2 ระยะเวลาในการดาเนินงาน
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

1.3.3 จานวนประชากรทีใ่ ชใ้ นการศึกษา
นักเรยี นระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ ่ี 4-6 กล่มุ ตวั อย่าง
- นักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 จานวน 60 คน
- นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 จานวน 60 คน
- นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 จานวน 60 คน
รวมจานวนนักเรยี นกลมุ่ ตวั อย่างทัง้ สิน้ 180 คน

1.4 สมมตฐิ ำนของกำรศกึ ษำ

ความถนัดที่แตกต่างกันของสมาชิก ลักษณะนิสัยของสมาชิก ความคิดเห็นที่แตกต่างกันภายใน
กลุ่มหัวหน้ากลุ่ม ความพร้อมของสมาชิกในการทางานกลุ่ม รายละเอียดในรายวิชานั้น ๆ มีผลทาให้เกิด
ปญั หาในการปฏิบัติงานกลมุ่

1.5 ตวั แปรทศี่ กึ ษำ

ตัวแปรต้น : การปฏบิ ตั งิ านกล่มุ รว่ มกนั
ตัวแปรตาม : 1. ปญั หาจากสมาชิกภายในกลมุ่

- ความถนัดของแต่ละคน
- ความคิดเห็นท่แี ตกตา่ งกัน
- หัวหนา้ กล่มุ
- ความพร้อมของสมาชิก

3

2. ปัญหาจากการกระจายงาน
- การเอาเปรียบกนั ระหวา่ งสมาชิก
- การกระจายงานทไี่ มเ่ ปน็ ธรรม

3. ปญั หาจากวิชาทเ่ี รยี น
- ความยาก-งา่ ยของงานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
- ครผู ู้สอนช้ีแจงรายละเอยี ดไม่ชดั เจน
- ระยะเวลาการทางานที่มีน้อยเกนิ ไป

1.6 ประโยชน์ทค่ี ำดวำ่ จะไดร้ ับ

1.6.1 คาดวา่ จะทาให้ทราบถึงปัจจัยท่มี ีผลตอ่ การปฏบิ ัตงิ านกล่มุ
1.6.2 คาดว่าจะสามารถหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในการปฏบิ ตั งิ านกล่มุ ที่ชดั เจนมากข้นึ
1.6.3 คาดว่าจะสามารถปฏบิ ตั ิงานกล่มุ ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

4

บทท่ี 2
เอกสำรและงำนวจิ ัย

ในการวิจัยครัง้ นี้ผูว้ จิ ัยได้ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยที่เก่ียวข้องเพื่อเป็นพื้นฐานประกอบงานวจิ ัย
เรื่องการศึกษาปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียนชั้นมัธยมปลาย โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย
ปีการศึกษา 2564 และได้นาเสนอตามหัวข้อตอ่ ไปนี้

1. การทางานระบบทีม
2. คุณลักษณะสาคัญของทมี งานและการทางานระบบทีม
3. กระบวนการกลุ่ม
4. ปัจจัยทส่ี ง่ ผลตอ่ การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
5. ปัจจยั ท่ีสง่ ผลต่อประสิทธิภาพของการทางานระบบทมี
6. งานวิจัยทีเ่ กย่ี วข้อง

2.1 กำรทำงำนทเ่ี ปน็ ระบบทีมคืออะไร

การทางานเป็นทีมนั้นหมายถึงการทางานร่วมกันของสมาชิกหรือพนักงานในองค์กรมากกว่า 1
คนขึ้นไป โดยหัวใจสาคัญก็คือทุกคนนั้นจะต้องมีเป้าหมายเดียวกัน และเต็มใจร่วมกันปฏิบัติติภาระกิจ
ต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายจนไปสู่ความสาเร็จ แต่การที่ทุกคนจะรวมตวั กันเพื่อทางานเป็นระบบทีมท่มี ี
ประสิทธิภาพนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียว เพราะการทางานระบบนี้มีปัจจัยสาคัญมากมายที่ต้องใส่ใจ
และจรงิ จัง แต่ก็ไม่ใช่เร่ืองยากจนเกนิ ไปหากทุกคนมใี จท่จี ะทาความสาเรจ็ รว่ มกัน

5

2.2 คณุ ลกั ษณะสำคญั ของทมี งำนและกำรทำงำนระบบทมี

2.2.1 การปฏสิ มั พันธ์กนั ของคนในทีม การทางานระบบทีมที่ดตี ้องมีการปฏิสัมพนั ธเ์ ก่ียวเนื่องกัน
พดู คุย ปรึกษา ช่วยเหลอื สอ่ื สารการทางานระหวา่ งกนั หากการทางานระบบทมี เป็นแบบทาใครทามัน ไม่
มีการปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งกนั น่ันไมเ่ รยี กวา่ การทางานเป็นทมี และกอ่ ให้เกดิ ผลเสยี หายได้ง่าย

2.2.2 มเี ปา้ หมายทจ่ี ะบรรลุรว่ มกนั นน่ั ถือเป็นหัวใจสาคญั ของระบบการทางานเป็นทมี เลยก็ว่าได้
หากการทางานในระบบทีมถึงแม้จะดีเพียงไรก็ตาม หากไม่มีเป้าหมายชัดเจน ก็จะไม่มีทิศทางของการ
ทางานที่แน่ชัด และจะไม่มีการร่วมแรงร่วมใจกันที่มีพลัง ไม่มีแรงผลักดันให้ปฏิบัติติภาระกิจหน้าที่การ
งานให้สาเร็จ ซึง่ ส่ิงนีท้ ท่ี าให้การทางานแบบทมี ต่างจากการทางานแบบกลมุ่

2.2.3 มโี ครงสรา้ งและระบบการทางานท่ชี ัดเจน เมื่อเกดิ การทางานแบบทมี แลว้ ส่งิ ท่ีจะช่วยทาให้
การทางานระบบนี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นก็คือการวางโครงสร้างของการทางานตลอดจนหน้าที่การทางาน
ของแต่ละคนให้ชัดเจน มีภาระกิจที่เข้าใจได้ง่าย และปฏิบัติติได้ตามความสามารถ การวางโครงสร้างนนั้
อาจหมายถึงการวางตาแหน่งการทางานด้วย นั่นรวมถึงการวางโครงสรา้ งอานาจ มีระบบหัวหน้าทีมและ
ลูกน้อง เพื่อการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพด้วย รวมถึงการเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างดี และ
เข้าใจบทบาทหน้าท่ขี องคนอนื่ ใหท้ มี ให้ถ่ถี ว้ น

2.3 กระบวนกำรกล่มุ ในกำรทำงำน

กระบวนการกลุ่มในการทางาน เป็นวิธีการทางานร่วมกบั สมาชิกในกลุ่มตามขัน้ ตอน เพื่อให้งาน
เสรจ็ เรว็ ประหยัดแรงงาน ประหยดั ค่าใช้จา่ ย และไดผ้ ลงานที่มคี ุณภาพ โดยมีข้นั ตอน ดงั น้ี

2.3.1 การเลอื กหัวหน้ากลุม่ เป็นขน้ั ตอนการลงคะแนนเสียงของสมาชิกกลุ่มในการเลือกหัวหน้า
กลุ่ม โดยถือเอามติส่วนใหญ่เป็นเอกฉันท์ และต้องมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นหัวหนา้ กลุ่มเพื่อฝกึ
ให้สมาชกิ ทุกคนมีความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและสมาชิกในกลุ่ม

2.3.2 การกาหนดเป้าหมาย เป็นขั้นตอนการตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิกในกลุ่มว่ามีเป้าหมาย
หรือวตั ถปุ ระสงคใ์ นการสร้างชิ้นงานแต่ละชนดิ อย่างไร เพ่อื เปน็ แนวทางในการวางแผนการทางาน

6

2.3.3 การวางแผนการทางาน เป็นขั้นตอนการกาหนดรูปแบบของชิ้นงาน ชื่อชิ้นงาน วัสดุ
อปุ กรณท์ จี่ ะใชใ้ นการสร้างช้ินงาน งบประมาณในการสร้างชิน้ งาน สถานทีท่ างาน เวลาทางาน และวธิ กี าร
ทางานรว่ มกันของสมาชิกในกลมุ่

2.3.4 การแบ่งงานกันตามความสามารถ เป็นขั้นตอนการแบ่งหน้าที่ให้สมาชิกในกลุ่ม โดย
พิจารณาจากความสามารถและความถนัดของแต่ละบุคคล

2.3.5 การลงมือปฏิบัติงาน เป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานของสมาชิกในกลุ่มตามหน้าที่ที่ได้รับ
มอบหมายและตามแผนงานที่วางไว้ใหส้ าเรจ็ ตามเปา้ หมาย

2.3.6 การประเมินผลและปรับปรุงการทางาน เป็นขั้นตอนการพิจารณาการทางานร่วมกันของ
สมาชิกในกลุ่มทงั้ ในขณะวางแผนการทางานและในขณะปฏิบตั ิงานว่าพบปญั หาในการทางานหรือไม่ เมื่อ
พบปัญหา แก้ไขปัญหานั้นอย่างไร รวมถึงการประเมินผลงานร่วมกันว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่ ถ้ามี
ขอ้ บกพรอ่ งควารปรับปรุงผลงานให้ดขี ึน้ อยา่ งไร

2.4 ปจั จัยทสี่ ง่ ผลต่อกำรปฏบิ ัติงำนกลมุ่

2.4.1 ดา้ นความสมั พนั ธ์ของสมาชิกภายในกลุ่ม โดยจุดนเ้ี ปน็ การที่สมาชิกในกลมุ่ นั้นสามารถเข้า
หากัน ช่วยกันทางานได้ดีขนาดไหน เพือ่ ทีจ่ ะสร้างทีมเวริ ์คและทางานกันได้อย่างรใู้ จ ประสานงานกันง่าย
นาไปสู่ฝานที่ผ่านการคิดพิจารณาและไตร่ตรองอย่างดี จึงจะได้งานที่ไม่มีความคิดเห็นขัดแย้งกัน และ
ดาเนนิ งานตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งราบร่นื

2.4.2 ด้านความสามารถส่วนบุคคลของสมาชิกภายในกลุ่ม เมื่อสมาชิกหลาย ๆ คนที่มี
ความสามารถหลากหลายมารวมกันแล้วการที่ เราจะทางานนั้นออกมาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราก็
ตอ้ งดงึ ประสทิ ธภิ าพมากทส่ี ุด เรากต็ อ้ งดึงศกั ยภาพของสมาชกิ ในกลุ่มทุกคนออกมาใช้ให้ไดอ้ ย่างเตม็ ท่ี

2.4.3 ด้านการติดต่อสื่อสาร การติดต่อสื่อสารที่ดี จะช่วย ให้งานดาเนินไปได้อย่างราบรื่น เช่น
การประสานงานที่ดี คอยให้คาแนะนาทีด่ ี จะนาไปสู่ความเข้าใจกันของสมาชกิ ภายในกลุ่ม จะเห็นได้จาก
การทีม่ ีการเปดิ โอกาสใหส้ มาชกิ ทุกคนได้ออกความคิดเห็น และมีสว่ นรว่ มไปกับงานที่กาลงั ทาอยู่

7

2.4.4 ด้านกระบวนการทางาน กระบวนการทางานที่หมายถึงนั้นคือขั้นตอนหรือวิธีการที่ทาง
กลุ่มได้วางแผนไว้ล่วงหน้า หากแผนที่วางไว้นั้นดาเนินงานไปได้ด้วยดีจะทาให้งานที่สาเร็จออกมาน้ัน
เปน็ ไปตามจดุ ประสงคท์ คี่ าดหวัง

2.4.5 ด้านวัตถุประสงค์และเป้าหมายของกลุ่มงาน งานทุกงานที่ได้รับมอบหมายมาย่อมมี
จุดประสงค์ในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่การที่จะทางานเหล่านั้นให้บรรลุตามจุดประสงค์ได้นเต้นต้องผ่าน
การชว่ ยเหลอื ภายในกลุ่มงาน แล้วงาน ๆ นนั้ จะตอบโจทย์มากเพียงใดก็ข้ึนอยู่กับการวางแผนประสานงาน
ทางานกันดว้ ยความสามคั คนี ้ันเอง

2.4.6 ด้านภาวะผูน้ าทมี กบั การทางานเป็นทีมของสมาชิกในกลุ่ม

2.5 ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลต่อประสิทธิภำพของกำรทำงำนระบบทีม

2.5.1 สภาพแวดล้อม กล่าวคือ บรรยากาศโดยรวมในการทางานนั่นเอง สภาพแวดล้อมควร
เอื้ออานวยให้สมาชิกภายในกลุ่มเกิดความอยากทางานกลุ่ม หัวหน้ากลุ่มอาจเข้ามามีส่วนในการช่วย
ควบคุมการทางานได้ แต่ไม่ควรที่จะกดดันสมาชิกคนอื่น ๆ จนเกินไป ทั้งนี้ ความถนัด ความรู้ หรือ
ประสบการณ์การทางานก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สาคัญด้วยเช่นกัน ในส่วนนี้หัวหน้ากลุ่มอาจเข้ามามีส่วนในการ
จัดสรรให้เหมาะสมกับสมาชกิ ในกล่มุ ดว้ ย

2.5.2 ความเสี่ยง เป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ซ่ึง
การประเมินความเสี่ยงในการทางานถือเป็นวิธีที่ควรทาเมื่อมีการปฏิบัติงานกลุ่มขึ้น ฉะนั้นจึงต้องมีการ
บรหิ ารและจัดการความเสี่ยง ซ่งึ สามารถทาได้ ดงั นี้

- การหลีกเลยี่ งความเสย่ี ง การเลกิ หรือหลกี เลี่ยงการกระทาเหตุการณท์ ก่ี ่อให้เกดิ ความเสี่ยง
- การลดความเสี่ยง คือ การลดโอกาสความน่าจะเกิดหรือการลด ความเสียหาย โดยการแบ่ง
การโอนการหาผรู้ ับผดิ ชอบร่วมในความเส่ยี ง
- การยอมรับความเสี่ยง หมายถึง การไม่กระทาการใดๆ เพิ่มเติมกรณี นี้ใช้กับความเสี่ยงที่มี
สาระสาคญั น้อย ความเสีย่ งนา่ จะเกดิ นอ้ ย หรอื เหน็ วา่ มีต้นทุนในการบรหิ าร ความเสี่ยงสูงกวา่ ที่ไดร้ บั

8

2.5.3 กิจกรรมการควบคุม คอื การส่งเสริมการปฏบิ ัติงานของสมาชกิ ในทมี ให้เปน็ ไปตามที่
จดุ ประสงคท์ ี่ต้ังไว้ ซ่ึงสามารถควบคุมได้ตัง้ แตเ่ ร่ิมทางานอาจใหส้ มาชกิ ชว่ ยกนั ทางานและตรวจสองาน
ระหว่างทาไปดว้ ยเลย

2.5.4 ขอ้ มลู สารสนเทศและการส่ือสารซึ่งกันและกัน ในเร่ืองของข้อมลู ต้องมีความถูกต้อง
สมบรู ณ์ ตรวจสอบได้ ทุกคนสามารถคน้ หาได้เข้าถงึ ทุกคนงา่ ย และมีความเป็นปัจจุบันทันตอ่ สถานการณ์
และในส่วนของการสื่อสารซ่ึงกนั และกนั คอื ควรใช้คาท่ีทุกนสามรถเขา้ ใจได้ง่าย

2.5.5 การติดตามและประเมนิ ผล เป็นปจั จัยสดุ ทา้ ยทส่ี ่งผลตอ่ ประสิทธผิ ลในการทางานเป็น
ทีมหรอื เปน็ กรุ๊ป การประเมินทาใหเ้ ราามารถรไู้ ดว้ า่ การทางานของทมี เราเปน็ อย่างไร มจี ุดบกพร่องท่ตี ้อง
แก้ไขตรงจุดใด

2.6 งำนวิจยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง

ขวัญชัย พูลวิวัฒน์ชัยการ (2558) ได้ศึกษาระบบการทางานและการทางานเป็นทีมที่ส่งผลต่อ
ประสิทธิผลของการทางานของพนักงานระดับปฏิบัติการ (ย่านสีลม) ผลการวิจัยพบว่า สภาพแวดล้อมท่ี
เป็นมิตร รวมถึงการได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนในทีมและการไดพ้ ูดอภิปรายและเสนอแนะแนวความคิดต่าง ๆ
นน้ั จะทาให้การทางานเปน็ ทีมมีประสิทธิผลและบรรลเุ ป้าหมายมากที่สดุ

กรวิภา งามวุฒิวงศ์ (2559) ได้ศึกษาปัจจัยต่อการทางานเป็นทีมภายในสานักอานวยการ
สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผลการวิจัยพบว่าปัจจัยของการทางานเป็นทีมได้แก่ การมี
ความสัมพันธ์ภายในกลุ่มที่ดี ความสามารถส่วนบุคคลที่เกื้อหนุนกัน มีการติดต่อประสานงานในกลุ่ม มี
การวางแผนกระบวนการทางนที่วางแผนมาเป็นอย่างดี ตั้งจุดประสงค์องงานเพื่อให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
และมภี าวะความเปน็ ผู้นาทดี่ ีและผู้ตามที่สามารถทางานตามคาสงั่ ได้อย่างเคร่งครัด

9

บทที่ 3
วิธกี ำรดำเนินงำน

การศึกษาเรื่อง “สาเหตุและปัญหาที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานกลุ่ม” ในครั้งน้ี เป็นการวิจัย
โดยการใช้แบบสอบถามความคิดเห็นออนไลน์จากนักเรียนโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลยั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4-6
ปีการศึกษา 2564 ผู้จัดทาได้ดาเนินการศึกษาโดยใช้ตัวแปรต่าง ๆ เพื่อนามาซึ่งผลลัพธ์และเสนอวิธีการ
แกไ้ ขปัญหาทเี่ กิดขนึ้ ผ้จู ัดทาได้ดาเนินการศกึ ษาตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ีอันเปน็ ตวั แปรท่นี ามาซึง่ ผลลพั ธ์ ดังนี้

1. ประชากร กลุ่มตวั อยา่ ง
2. พืน้ ท่ใี นการศึกษา
3. ข้นั ตอนการศกึ ษาวิจยั
4. การสร้างเครอ่ื งมือ
5. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
6. การวิเคราะห์ข้อมลู

3.1 ประชำกรและกลมุ่ ตวั อยำ่ ง

3.1.1 ประชากร
นักเรียนระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4-6 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นภเู ก็ตวิทยาลยั จานวน

นกั เรียนทั้งหมด 1,398 คน
3.1.2 กล่มุ ตวั อย่าง
นกั เรียนระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4-6 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนภเู กต็ วทิ ยาลัย จานวน

กลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 50 คนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 50 คน
และนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6 จานวน 50 คน รวมทง้ั สน้ิ 150 คน

10

3.2 พืน้ ที่ในกำรศกึ ษำ

การศึกษาปัญหางานกลุ่มครั้งนี้ ทางผู้จัดทาได้เลือกพื้นที่ใน โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย เนื่องมาจาก
เป็นโรงเรยี นทที่ างผูจ้ ัดทาศึกษาอย่แู ละได้เลง็ เห็นถึงปัญหาจากการปฏิบัติงานกลุ่มมามากมายจากเพ่ือนใน
ชั้นเรียน จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเลือกที่จะศึกษาปัญหานี้ในพื้นที่ดังกล่าว และจากการศึกษาปัญหาจาก
การปฏิบัติงานกลุ่มจากนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยแล้ว พบว่ามักจะมี
ปัญหาเกี่ยวกับ ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากสมาชิกภายในกลุ่ม ปัญหาต่างๆที่เกิดจาการกระจายงานกัน
ภายในกลุม่ และปัญหาต่างๆมากมายทเ่ี กิดจากรายวิชานน้ั ๆ

ด้วยเหตุนี้ทาให้ผู้จัดทาทราบว่า ความสามัคคีเป็นสาเหตปุ ัญหาทีพ่ บเจอมากที่สุดในปัญหาท่ีเกดิ
จากสมาชิกภายในกลมุ่ การเอาเปรียบเป็นปัญหาท่พี บได้มากท่ีสดุ จากปญั หาท่ีเกิดจากการกระจายงานกัน
ภายในกลุ่ม และการชี้แจงรายละเอียดที่ไม่ดีพอเป็นสาเหตุปัญหาที่พบมากที่สุดจากรายวิชาที่ได้รับ
มอบหมายมา

3.3 ขัน้ ตอนกำรศกึ ษำกำรวิจัย

การวิจยั นม้ี ขี ้นั ตอนการศึกษาการวิจัย 4 ข้นั ตอน
3.3.1 การวางแผนการสารวจความคิดเหน็
3.3.2 การจดั ทาแบบสอบถามความคิดเห็น
3.3.3 การประเมนิ และวิเคราะหผ์ ลจากแบบสอบถาม
3.3.4 สรปุ ผลจากการประเมินและการวิเคราะห์

3.4 กำรสรำ้ งเครือ่ งมอื

3.4.1 เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการดาเนินการศึกษาค้นคว้า
แบบสอบถามเรื่องปัญหาที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียนระดับชั้น

มธั ยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรยี นภูเกต็ วิทยาลัย โดยแบ่งออกเปน็ 4 ขั้นตอนดงั น้ี

11

ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนท่ี 2 ระดับความคดิ เหน็ เรอื่ งสาเหตแุ ละปญั หาที่มผี ลกระทบต่อการปฏิบตั ิงานกลุ่ม
นกั เรียนระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภูเกต็ วทิ ยาลัยมีจานวน 3 ข้อ ระดับความพงึ พอใจ คือ
ระดับน้อย ระดับปานกลาง ระดบั น้อย
ตอนท่ี 3 ความคดิ เห็นถึงปญั หาอ่ืนๆ ท่ีพบเจอในการปฏบิ ัตงิ านกลมุ่
ตอนท่ี 4 ข้อเสนอแนะ
3.4.2 ข้นั ตอนการสรา้ งเคร่ืองมอื
สร้างแบบสอบถามออนไลนโ์ ดยใช้ Google form
3.4.2.1 ศึกษาและคน้ คว้าข้อมูลทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั เร่ืองท่ีต้องการศึกษา คือ สาเหตแุ ละ
ปัญหาท่มี ีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานกล่มุ
3.4.2.2 สอบถามเพิม่ เตมิ ถึงปัญหาตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วข้องกบั หัวข้อท่ีต้องการศึกษาจากเพ่ือน
ในหอ้ ง เพื่อนาขอ้ มูลมาสร้างแบบสอบถาม
3.4.2.3 สรา้ งแบบสอบถามและเก็บรวบรวมขอ้ มูล
3.4.2.4 นาข้อมูลที่ได้มาสรปุ ผล

3.5 กำรเก็บรวบรวมขอ้ มูล

การเกบ็ รวบรวมข้อมูลภายในครัง้ นี้ โดยไดใ้ ชเ้ วลาในการศึกษาค้นคว้าเป็นเวลา 1 ภาคเรียน
ผู้จัดทาได้เร่ิมการวิจยั ดังนี้

3.5.1 เลือกกลุ่มตัวอย่างในการทีจ่ ะศกึ ษา โดยผู้จดั ทาไดเ้ ลอื กเป็น นักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษา
ตอนปลายภายในโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย จานวนชั้นละ 50 คนเป็นกลุม่ ตัวอย่าง

3.5.2 ดาเนนิ การทาเเบบสอบถามในการท่จี ะนาไปใชใ้ นการสอบถามกลุ่มตวั อยา่ ง
3.5.3 นาเเบบสอบถามท่ีได้จัดทาข้ึน ไปสอบถามกลุม่ ตวั อยา่ งแลว้ เก็บรวบรวมขอ้ มลู
3.5.4 นาข้อมูลท่ีรวบรวมมาทาการ ตรวจสอบความถูกตอ้ ง และทาการสรปุ ผลขอ้ มลู เพอ่ื
เตรียมนาเสนอ

12

3.6 กำรวิเครำะหข์ ้อมลู

จากการศกึ ษาเรื่อง “สาเหตุและปัญหาท่มี ีผลกระทบตอ่ การปฏบิ ตั ิงานกลุ่ม” ผู้วจิ ยั ไดส้ รุปผล
การศึกษา ดังนี้

3.6.1 ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณจ์ ากแบบสอบถามความคดิ เห็นออนไลน์
3.6.2 นาขอ้ มลู ที่ได้จากการวเิ คราะหโ์ ดย Google Forms
3.6.3 นาขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการวิเคราะห์มาเรยี บเรยี งให้เปน็ ข้อมูลที่สมบูรณ์

13

บทท่ี 4
ผลกำรวิเครำะหข์ ้อมูล

4.1 สญั ลกั ษณท์ ่ีใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล

ผู้วจิ ยั ไดก้ าหนดสญั ลกั ษณ์ที่ใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดังน้ัน
N. แทน จานวนกล่มุ ตวั อยา่ ง

4.2 กำรจดั กระทำข้อมูลและวิเครำะห์ขอ้ มูล

นาขอ้ มูลจากแบบสอบถามมาวเิ คราะห์ โดยใชโ้ ปรแกรมประมวลผลสาเร็จรปู ตามข้ันตอน ดังน้ี
4.2.1 นาแบบสอบถามเรื่องปัญหาที่เกิดจากการปฏิบัติงานกลุ่มตอนท่ี 1 ประกอบไปด้วยเพศ
ระดับชั้น มาวิเคราะห์แจกแจงความถี่และหาค่าร้อยละ แล้วนาเสนอข้อมูลในรูปแบบตาราง
ประกอบความเรยี ง
4.2.2 นาแบบสอบถามเร่ืองปัญหาท่ีเกดิ จากการปฏิบตั ิงานกลุ่มตอนที่ 2 ประกอบด้วยปัญหาท่ีมี
อิทธิพลในการปฏิบัติงานกลุ่มมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยรวบรวมแล้วนาเสนอ
ข้อมูลในรูปแบบตารางประกอบความเรียงการวิเคราะห์แบบสอบถามสาเหตุของปัญหาในการ
ปฏิบัตงิ านกลุ่ม

4.3 ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูล

ในการวจิ ยั คร้งั นี้ ผู้วิจยั ได้แบ่งการวเิ คราะห์ข้อมูลท่ไี ด้จากแบบสอบถามออกเปน็ 2 ตอนดงั นี้
ตอนท่ี 1 ข้อมูลของผู้ทาแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ปัญหาท่มี ีอิทธิพลในการปฏิบัตงิ านกลุ่ม

14

ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ของผู้ตอบแบบสอบถำม

ตารางที่ 4.1 แสดงจานวนและร้อยละของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 โรงเรยี นภูเก็ตวิทยาลยั
ปีการศกึ ษา 2564 โดยจาแนกตามเพศ ดังนี้

ปจั จัย จำนวน รอ้ ยละ
ชาย 49 31.6
หญงิ 75 48.5
ไม่ต้องการระบุเพศ 31 19.9
รวม 155 100

จากตารางที่ 4.1 พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ปีการศึกษา
2564 มีจานวนประชากร 155 คน เมื่อแยกตามเพศส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 48.5 ส่วนเพศ
ชายคิดเป็นรอ้ ยละ 31.6 และไม่ตอ้ งการระบเุ พศคิดเปน็ รอ้ ยละ 19.5

ตารางที่ 4.2 แสดงจานวนและร้อยละของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภเู กต็ วทิ ยาลยั
ปกี ารศึกษา 2564 โดยจาแนกตามระดบั ชัน้

ระดบั ชั้น จำนวน ร้อยละ
ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 50 32.3
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 53 34.2
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 52 33.5
รวม 155 100

15

จากตารางที่ 4.2 พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ปีการศึกษา
2564 มีจานวนประชากรทั้งหมด 155 คน เมื่อแบ่งตามระดับชั้น โดยส่วนใหญ่เป็นนักเรียนระดับช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 4 คิดเป็นร้อยละ 32.3 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ร้อยละ 34.2 และนักเรียน
ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 ร้อยละ 33.5

ตอนที่ 2 ปญั หำท่มี ีอิทธพิ ลในกำรปฏบิ ัติงำนกลุ่ม

แสดงปัญหาที่มีอิทธิพลในการปฏิบัติงานกลมุ่ ของนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 โรงเรยี นภูเกต็
วทิ ยาลยั ปกี ารศกึ ษา 2564 โดยจาแนกเป็นด้านต่าง ๆ ดังน้ี

ตารางท่ี 4.3 ตารางแสดงปญั หาที่มอี ิทธพิ ลในการปฏิบตั ิงานกล่มุ ในด้านสมาชิก

ปัจจยั มำก ปำนกลำง นอ้ ย
(3) (2) (1)

1. ด้ำนสมำชิก 50.32 44.52 5.16
ความถนัดของสมาชกิ แต่ละคน

ลักษณะนิสัยของสมาชกิ 55.48 41.94 2.58

ความสามัคคขี องสมาชกิ ภายในกลมุ่ 72.26 25.81 1.95

ความคิดเห็นที่แตกต่างกันของสมาชกิ 52.26 42.58 5.16

หวั หนา้ กลมุ่ 38.06 41.94 20

เวลาวา่ งของสมาชกิ ที่ไมต่ รงกัน 60.64 34.84 4.52
รวม 54.84 38.6 6.56

จากตารางที่ 4.3 ในด้านสมาชิก พบว่าปัจจัยที่ทาให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่มที่มากที่สดุ
คอื ความสามัคคีของสมาชิกภายในกลุม่ (มีคา่ เฉลีย่ 72.26) รองลงมา คอื เวลาวา่ งของสมาชกิ ท่ีไม่ตรงกัน
(มีค่าเฉลี่ย 60.64) และลักษณะนิสัยของสมาชิก (มีค่าเฉลี่ย 55.48) ปัจจัยที่ทาให้เกิดปัญหาในการ
ปฏิบตั งิ านกลุม่ น้อยทสี่ ุด คือ หวั หน้ากลุ่ม (มีค่าเฉล่ีย 38.06)

16

ตารางท่ี 4.4 ตารางแสดงปัญหาทม่ี ีอิทธิพลในการปฏิบัติงานกลุม่ ในด้านการกระจายงาน

ปัจจยั มำก ปำนกลำง น้อย
(3) (2) (1)

2. ด้ำนกำรกระจำยงำน

การกระจายงานที่ไมเ่ ป็นธรรมกับ 53.55 31.61 14.84
สมาชกิ

การเอาเปรียบเพ่ือนสมาชิก 56.77 29.03 14.20

รวม 55.16 30.32 14.52

จากตารางที่ 4.4 ในด้านการกระจายงาน พบว่าปัจจัยที่ทาให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่มท่ี
มากที่สุด คอื การเอาเปรียบเพ่อื นสมาชิก (มคี า่ เฉลย่ี 56.77) รองลงมา คือ การกระจายงานท่ไี ม่เป็นธรรม
กับสมาชิก (มีคา่ เฉล่ยี 53.55)

ตารางที่ 4.5 ตารางแสดงปัญหาทม่ี ีอิทธพิ ลในการปฏบิ ัตงิ านกลมุ่ ในด้านวชิ าเรยี น

ปจั จยั มำก ปำนกลำง น้อย
3. ด้ำนวิชำเรยี น (3) (2) (1)

ระยะเวลาทางานทคี่ รูให้ 57.42 38.71 3.87

ครูผ้สู อนชีแ้ จงงานไม่ละเอียด 58.72 35.48 5.8
ความยาก-ง่ายของวิชาเรยี น 47.1 47.74 5.16

รวม 54.41 40.64 4.94

จากตารางที่ 4.5 ในด้านวชิ าเรียน พบว่าปัจจัยทท่ี าให้เกดิ ปัญหาในการปฏิบตั ิงานกลุ่มที่มากที่สุด
คือ ครูผู้สอนชี้แจงงานไม่ละเอียด (มีค่าเฉลี่ย 58.72) รองลงมา คือ ระยะเวลาทางานที่ครูให้ (มีค่าเฉลี่ย
57.42) และความยาก-งา่ ยของวชิ าเรียน (มคี า่ เฉลีย่ 47.1)

17

บทที่ 5
สรปุ ผล อภปิ รำย และข้อเสนอแนะ

5.1 สรุปผล

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุที่ทาให้ปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียน
ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 โรงเรยี นภเู กต็ วทิ ยาลัย ปกี ารศกึ ษา 2564

ประชากรที่ใชใ้ นการวจิ ยั นี้ ได้แก่ นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภเู กต็ วทิ ยาลยั รวมจานวน
155 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการใช้แบบสอบถาม Google Form โดยแบ่งเป็น 2 ตอน คือ
ข้อมลู ของผ้ทู าแบบสอบถามและปัจจัยท่ีทาใหเ้ กิดปญั หาในการปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม

จากการดาเนนิ การตามข้ันตอนของการวจิ ัยทไ่ี ดน้ าเสนอปรากฏผลวจิ ยั เป็นไปตามวตั ถุประสงค์ทีต่ ัง้ ไว้
และผลการวจิ ยั สรุปไดด้ งั นี้

สาเหตุที่ทาให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภูเก็ต
วิทยาลัย ปีการศึกษา 2564 โดยภาพรวมน้ันจัดอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาปัจจยั พบว่า ปัจจัยที่มี
คา่ เฉลยี่ สูงสดุ ในด้านสมาชกิ คอื ความสามัคคีของสมาชิกภายในกลุ่ม รองลงมา คอื เวลาว่างของสมาชิกที่
ไม่ตรงกัน และหัวหน้ากลุ่ม ตามลาดับ ในด้านการกระจายงานพบว่า ปัจจัยที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ การ
เอาเปรียบเพ่ือนสมาชิกในกล่มุ รองลงมา คือ การกระจายงานทีไ่ ม่เป็นธรรม ในด้านวิชาเรียนพบวา่ ปัจจัย
ที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ครูผู้สอนชีแ้ จงไมล่ ะเอียด รองลงมา คือ ระยะเวลาทางานทีค่ รูให้ และความยาก-
ง่ายของวชิ าเรียน

5.2 อภิปรำยผล

จากการสรุปผลและการวิเคราะห์ผลการวจิ ัยเร่ืองปัญหาทีเ่ กิดจากการปฏบิ ัติงานกลุ่มของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ปีการศึกษา 2564 พบว่าปัจจัยที่ทาให้เกิดปัญหาในการ
ปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียนส่วนใหญ่ แบ่งเป็นในด้านสมาชิก ด้านการกระจายงาน และด้านวิชาเรียน จึง
สามารถอธิบายผลไดด้ งั น้ี

18

ปัจจัยที่ทาให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่ม ด้านสมาชิกมากที่สุด คือ ความสามัคคีของสมาชิก
ภายในกลุ่ม (ร้อยละ72.26) ด้านการกระจายงาน คือ การเอาเปรียบเพื่อนสมาชิก (ร้อยละ 56.77) และ
ด้านวิชาเรียน คือ ครูผู้สอนชี้แจงงานไม่ละเอียด (ร้อยละ 58.72) ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานของการวจิ ยั
ที่ว่า ความถนัดและความสามารถที่แตกต่างกันของสมาชิก ลักษณะนิสัยของสมาชิก รายละเอียดใน
รายวิชานั้นๆ มีผลทาให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่ม และสอดคล้องกับผลการวิจัยของกรวิภา
งามวุฒวิ งศ์ (2559) ไดศ้ กึ ษาปัจจัยต่อการทางานเปน็ ทีมภายในสานักอานวยการ สานักงานปลัดกระทรวง
ศึกษาธิการ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยของการทางานเป็นทีมได้แก่ การมีความสัมพันธ์ภายในกลุ่มที่ดี
ความสามารถส่วนบุคคลที่เกื้อหนุนกัน มีการติดต่อประสานงานในกลุ่ม ทาให้การทางานในทีมมี
ประสิทธภิ าพมากข้ึน และขวัญชัย พลู ววิ ัฒนช์ ัยการ (2558) ไดศ้ ึกษาระบบการทางานและการทางานเป็น
ทีมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการทางานของพนักงานระดับปฏิบัติการ (ย่านสีลม) ผลการวิจัยพบว่า
สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับคนในทีม และการได้พูดอภิปรายและเสนอแนะ
ความคิดตา่ งๆจะทาให้การทางานเป็นทมี มีประสทิ ธิผลและบรรลเุ ป้าหมายมากทสี่ ุด

5.3 ขอ้ เสนอแนะ

จากที่ผู้วิจัยได้ศึกษาวิจัยในเรื่อง ปัจจัยที่ทาให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ปีการศึกษา 2564 ผู้วิจัยได้สรุปแนวคิดและข้อเสนอแนะ
ไว้ดังน้ี

5.3.1 ข้อเสนอแนะการใชผ้ ลวจิ ยั
จากการวิจยั พบวา่ ปจั จัยท่ีทาใหน้ ักเรียนในกลุ่มตัวอยา่ งเกิดปญั หาในการปฏบิ ตั งิ าน

กลุ่มสว่ นใหญ่เป็นเรือ่ งของความสามัคคีภายในกลมุ่ การเอาเปรยี บกันของสมาชกิ และการชแี้ จงงานไม่
ละเอียดของครผู ู้สอน ดงั นัน้ ควรมกี ารพูดคยุ กนั ในกลมุ่ และปรบั ความเขา้ ใจกนั ใหช้ ัดเจน โดยคานึงถึง
เป้าหมายและผลสัมฤทธข์ิ องงานเป็นสาคญั ในดา้ นครผู สู้ อนควรชี้แจงและติดตาม และอาจสอบถามถงึ
ความคืบหนา้ ในการปฏบิ ัติงานของนักเรียนในแตล่ ะกลมุ่ อยา่ งสมา่ เสมอ

5.3.2 ข้อเสนอแนะเพือ่ วจิ ยั ครัง้ ต่อไป
ควรศกึ ษาในระดับชน้ั อ่ืน ๆ เพ่มิ เตมิ เพ่ือให้ได้ข้อมูลที่ หลากหลายมากขน้ึ รวมถึงได้

ขอ้ สรปุ ที่ครอบคลุมมากขน้ึ

19

บรรณำนกุ รม

สร้ำงทีมงำน (Team Work) ให้มีศักยภำพเพ่ือกำรทำงำนระบบทีม (Teamwork) ที่มปี ระสิทธภิ ำพ.
(2562). สืบคน้ เมื่อ 30 มถิ นุ ายน 2564. https://th.hrnote.asia/orgdevelopment.

กระบวนกำรกลุ่ม. (2540). สบื ค้นเม่ือ 30 มิถนุ ายน 2564, https://sites.google.com/site.

นายอานน. รวมบทควำมกำรทำงำนเป็นทมี . (2554). สืบค้นเม่อื 30 มถิ ุนายน 2564,
https://drsuthichai1.blogspot.com/.

นางสาวกรวภิ า งามวุฒิวงศ์. (2559). ปจั จัยทีส่ ่งผลตอ่ กำรทำงำนเป็นทมี ภำยในสำนกั อำนวยกำร
สำนักงำนปลัดกระทรวงศกึ ษำธิกำร. สบื คน้ เมอ่ื 30 มิถนุ ายน 2564,
http://ethesisarchive.library.tu.ac.th/.

นางสาวเขมวนั ต์ กระดังงา. (2559). ผลกำรเรียนดว้ ยกระบวนกำรร่วมกบั เว็บสนับสนนุ กำรเรยี นท่ีมี
ผลต่อผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรยี นและพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม วิชำกำรพฒั นำเว็บไซต์เบื้องตน้
นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 2. สบื คน้ เม่ือ 30 มถิ ุนายน 2564. http://www.sure.su.ac.th/.


Click to View FlipBook Version