วา่ นงาชา้ ง
ชื่อพนั ธุ์ไม้ : ว่านงาชา้ ง
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : ansevieria cylindrica Bojer ex Hook
ชื่อสามัญ : Common Spear Plant, Spear Sansevieria
ชือ่ อ่นื : ว่านงาชา้ งเขียว, หอกสุรกาฬ, ว่านงาชา้ งลาย, หอกสรุ โกฬ
วงศ์ : Asparageceae
ลักษณะทวั่ ไป
ลาต้น ไม้พุ่ม สูงประมาณ 60 เซนติเมตร
เป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน เปลือกหุ้มด้านนอกสีส้ม
เนอื ภายในมีสเี หลืองอ่อน
ใบ เด่ียว แทงออกมาจากเหง้าและตาโผล่
เหนือพนื ดนิ คลา้ ยลา้ ต้นเทยี ม รูปทรงกระบอก
ปลายแหลม สีเขียวตลอดทังใบ มีแถบสีเขียว
เข้ม ร่องตืน พาดตามความยาวของใบ เส้น
ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 3 เซนตเิ มตร
ดอก ออกดอกเป็นช่อ จากเหง้า ยาว 40-60
เซนติเมตร มีกาบหุ้มก้านช่อดอก ดอกย่อย
เรียงเวียนรอบก้านช่อดอก ดอกสีขาวอม
การปลูกเล้ียง : ดินรว่ นซุย ระบาย เหลือง โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดยาว
น้าได้ดี แสงแดดร้าไร ต้องการน้า ประมาณ 5 เซนติเมตร ปลายแยก 5 แฉก
นอ้ ย-ปานกลาง ม้วนงอไปด้านหลัง
การขยายพันธุ์ : ขุดเหง้าอ่อนมา
แยกปลกู ,ตดั โคนใบมาปกั ช้า
การใช้ประโยชน์ : ปลูกในกระถาง
เปน็ ไมป้ ระดับมงคลในบา้ น
พกิ ดั : บริเวณ บา้ นแม่ต้าบุญโยง หมู่ที่ 8
กวกั มรกต
ชือ่ พนั ธไ์ุ ม้ : กวกั มรกต
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zamioculcas zamifolia (Lodd.) Engl.
ชื่อสามญั : Zanzibar gem
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทวั่ ไป การปลูกเล้ียง : ดินผสมทราย
แ ก ล บ ด้ า ร ะ บ า ย น้ า ไ ด้ ดี
ลาต้น ไม้อวบน้า ล้าต้นเป็นหัวอยู่ใต้ แสงแดดร้าไร
ดนิ สนี ้าตาลอ่อน การขยายพันธ์ุ : แยกหัว ช้า
ใบ ประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปไข่ ตน้ และชา้ ใบ
โคนมน ปลายแหลม ขอบเรียบ ก้าน การใช้ป ระโ ยชน์ : ปลูก
ใบย่อยสัน แผ่นใบเรียบ หนา อวบน้า ป ร ะ ดั บ บ้ า น อ อ ฟ ฟิ ศ
สเี ขยี วเป็นมนั เจริญเตบิ โตไดด้ ใี นทีร่ ม่
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดมี
กาบ คล้ายดอกหน้าวัว ดอกสีเหลือง
นวลแกมเขียวอ่อน กาบสีเหลืองนวล
ก้านสีเขียวนวล อวบน้า ช่อดอกยาว
ประมาณ 5-10 เซนติเมตร
พกิ ัด : บรเิ วณ บ้านหว้ ยเคียน หม่ทู ่ี 2
ล้ินมังกร
ชือ่ พนั ธ์ุ : ล้นิ มังกร
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Sansevieria trifasciata Prain
ชื่อสามัญ : Snake plant, Mother-in-low’s tongue
วงศ์ : ASPARAGACEAE
การปลูกเล้ียง : ดินร่วน ลักษณะทวั่ ไป
ปนทราย ระบายน้าดี
ต้ อ ง ก า ร น้ า ป า น ก ล า ง ลาต้น ลินมังกรเป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี มี
ตอ้ งการแสงแดด 50 % เหง้าทอดเลือยไปตามผิวดิน เห็นข้อปล้อง
การขยายพันธุ์ : ปักช้า ชัดเจน ทุกส่วนของต้นอวบน้า เปราะหักง่าย มี
แยกกอ ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับรอบต้น หรือเรียงสลับ
การใช้ประโยชน์ : ปลูก ระนาบเดยี ว
เป็นไม้ประดับ ไม้มงคล ใบ แข็งหนาตงั ตรง รูปใบมีแบบหอก แถบกว้าง
บางครังบิดเล็กน้อยหรือบิดเป็นเกลียว ปลาย
เรียวแหลม ขอบเรยี บ สเี ขียวเข้มถึงเขียวอมเทา
มีแถบสีเขียวอ่อนพาดขวางเป็นระยะตลอด
ความยาวใบ มกั มลี วดลายอยทู่ ีแ่ ผน่ ใบ
พกิ ดั : บริเวณ บ้านแม่กาหลวง หม่ทู ่ี 3
ล้ินมังกรแคระ
ชื่อพันธ์ุไม้ : ล้นิ มงั กรแคระ
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Sansevieria trifasciata
ชือ่ สามัญ : Bowstring Hemp, Devil Tongue,Mother-in-law’s
Tongue, Snake Plant
วงศ์ : ASPARAGACEAE
ลักษณะทว่ั ไป
ลนิ มงั กรเปน็ ไมล้ ้มลุก อายุหลายปี
ลาต้น มีเหง้าทอดเลือยไปตามผิวดิน เห็น
ข้อปล้องชัดเจน ทุกส่วนของต้นอวบน้า
เปราะหักง่าย
ใบ เดี่ยว ออกเวียนสลับรอบต้น หรือเรียง
สลับระนาบเดียว รูปใบมีหลายแบบ มีรูป
ใบหอก รูปแถบกว้าง รูปไข่กลับ รูปช้อน
รูปรี และเป็นแท่งกลมยาว ขนาดต่างกัน
ตังแต่ 3 เซนติเมตร จนยาวกว่า 1 เมตร การปลูกเล้ียง : ดินร่วนโปร่ง
แผ่นใบหนาอวบน้า ขอบใบเรียบเป็นสัน ต้องการน้าปริมาณน้อย-ปานกลาง
แข็งหรือเป็นคลื่น มีสีสันและลวดลาย แสงแดดร้าไรคร่ึงวัน
แตกตา่ งกัน การขยายพนั ธ์ุ : แยกหน่อ ปกั ช้าใบ
เพาะเลียงเนอื เย่ือ
การใช้ประโยชน์ : นิยมปลูกเป็น
พุ่มๆ ตามรวั บ้าน เป็นต้นไมม้ งคล
พิกัด : บริเวณ บ้านเวียงบวั หมู่ที่ 7
เงนิ ไหลมา
ชือ่ พันธ์ุไม้ : เงนิ ไหลมา
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Syngonium Podophyllum
ชือ่ สามญั : Tricolor Nephthytis
วงศ์ : ARACEAE หรือ บอน
ลักษณะทว่ั ไป
เงนิ ไหลมาเป็นพรรณไมเ้ ลือยทม่ี เี ถายาว
ลาต้น อวบน้ามีความยาวประมาณ 10-20 เมตร ลักษณะกลมสีเขียวอม
เทา และมรี ากออกตามขอ้ ล้าต้น
ขอ้ มีกาบใบหุ้มอยู่ใบเดียวออกตามข้อสลับกนั
กา้ นใบ ยาวประมาณ 10-15 เซนตเิ มตร มีแฉกประมาณ 5 แฉก ขนาดใบ
กว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใบแฉก
ลึกเขา้ หาโคน เปน็ รูปหัวศร สว่ นปลายใบเรียวแหลม
พ้ืนใบ สีเขียวและมีสีเหลืองปนอยู่บริเวณลายเส้นใบเล็กน้อย ออกดอก ช่อ
แบบเดยี วกับดอกหนา้ วัว
การปลูกเล้ียง : เลียงในน้าหรือในดินร่วน ระบายน้าดี
วางในทรี่ ม่ หรอื แสงแดดร้าไร
การขยายพันธ์ุ : ปกั ช้ายอดหรือล้าตน้
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไมป้ ระดับมงคล
ประดับภายในอาคาร
พิกัด : บริเวณ บ้านแมก่ าหลวง หมทู่ ่ี 3
ออมชมพู
ชื่อพนั ธไ์ุ ม้ : ออมชมพู
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Syngonium hybrid Pink
วงศ์ : ARACEAE
ลกั ษณะทว่ั ไป
ลาตน้ เปน็ พรรณไม้เลอื ยทใี่ บมีความสวยงามโดดเด่นมีใบสีชมพูอ่อน ท่ีสวยงาม
เป็นไม้คลมุ ดิน มเี หง้าใต้ดิน ลา้ ต้นทอดเลอื ยไดไ้ กลถึง 2 เมตร
ใบ เรียงสลับ รูปหัวลูกศร ปลายแหลมติ่ง โคนเง่ียงลูกศร ขอบจักฟัน เลื่อยถี่
แผน่ ใบอาจมสี ีเขยี วอมเทาหรือสีชมพูทังใบ หรือใบสีเขียวแต้มรอยด่างสีชมพูไม่
เป็นระเบยี บ
ดอก ออกเป็นชอ่ แบบช่อเชิงลดมีกาบ คลา้ ยดอกหน้าววั ออกดอกยาก
การปลูกเลยี้ ง : เลยี งในนา้ หรือในดนิ ร่วนระบายน้าดี
วางในทรี่ ม่ หรอื แสงแดดรา้ ไร
การขยายพนั ธ์ุ : ปักชา้ แยกกอ
การใชป้ ระโยชน์ : ปลูกเปน็ ไม้ประดบั ไมม้ งคลภายในบ้าน
และชว่ ยฟอกอากาศดูดสารพษิ ภายในบา้ น
พกิ ดั : บรเิ วณ บ้านเกษตรสุข หมทู่ ี่ 15
เดหลี
ชือ่ พนั ธุไ์ ม้ : เดหลี
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Spathiphyllum spp.
ชือ่ สามญั : Spathiphyllum
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทวั่ ไป
ลาต้น เหงา้ ใตด้ นิ เจรญิ เป็นกอ ทุกสว่ นมนี า้ ยางใส
ใบ เด่ียว เรียงเวียนสลับ รูปรีแกมรูปขอบขนาน
กวา้ ง 10–15 เซนตเิ มตร ยาว 25–30 เซนติเมตร
ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย สีเขียวเข้มเป็นมันและมีร่อง
ตามแนวเส้นใบชัดเจน ก้านใบยาว
ดอก เป็นช่อเชิงลด ออกท่ีปลายกิ่ง มีจานรองดอกสีขาวรูปไข่ โค้งงอเล็กน้อย
กวา้ ง 4–5 เซนติเมตร ยาว 18–21 เซนติเมตร ปลายเรียวแหลมด้านหลังอาจมี
สเี ขียวปนบา้ ง ปลดี อกยาว 5–6 เซนติเมตร ดอกย่อยเล็ก กลีบดอก 6 กลีบ โคน
กลบี เช่อื มตดิ กนั มีกลิ่นหอมออ่ นๆ ออกดอกตลอดปี
การปลูกเล้ียง : ดินร่วน ระบายน้าได้ดี แสงแดดร้าไร
ตอ้ งการน้าปานกลาง
การขยายพนั ธ์ุ : แยกหนอ่
การใช้ประโยชน์ : ปลูกในกระถาง ประดับตังไวใ้ นอาคาร
พิกดั : บริเวณ บา้ นแมก่ าหม้อแกงทอง หมู่ท่ี 1
โคโลคาเซยี
เลมอนไลม์ เก็คโกะ
ชือ่ พนั ธไ์ุ ม้ : โคโลคาเซีย เลมอนไลม์ เก็คโกะ
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Colocasia esculenta ‘Lemon-Lime Gecko’
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทว่ั ไป
ลาต้น เป็นพืชในสกุลเดียวกับเผือกและบอน
มีลักษณะอวบน้า มีล้าต้นอยู่ใต้ดิน ซึ่งมี
ลักษณะเป็นหัวหรือเหง้า ก้านใบสีน้าตาลแดง
ผสมลายสขี าว
ใบ พืนใบมีสีเขียวเข้ม ซ่ึงมีลายด่างสีเขียวสด
หรืออ่อนกระจายอยู่ทั่วพืนใบใบมีขนาดใหญ่
ใบรปู ไขแ่ กมหัวใจ ปลายใบแหลมและปลายใบ
มักห้อยย้อยลง โคนใบเว้าลึก มีก้านใบยาว
และกา้ นใบตดิ กับแผน่ ใบทางดา้ นลา่ ง
การปลูกเล้ียง : ปลูกในดินหรือแช่ในน้า ปลูก
กลางแจง้ รบั แดดได้
การขยายพันธุ์ : แบง่ แยกหนอ่
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ และ
เป็นไมต้ ดั ใบ
พกิ ดั : บริเวณ บ้านหว้ ยเคยี น หมู่ที่ 2
เฟริ น์ บอสตัน
ชือ่ พนั ธ์ุไม้ : เฟิร์นบอสตัน
ชื่อวทิ ยาศาตร์ : Nephrolepis exaltata (L.)
Schott cv. Bostoniensis
ชือ่ สามัญ : Common sword fern, Boston fern
ชื่ออ่นื : เฟินราชินี เฟินงาม กูดเฟือย
วงศ์ : LOMARIOPSIDACEAE
ลกั ษณะทว่ั ไป
ตน้ เป็นเหงา้ สันตังตรง เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 5-8 มิลลิเมตร ปกคลุมด้วยเกล็ด มีไหล
บอบบาง สเี ขียวอ่อน
เกล็ด สีน้าตาล รูปแถบ กว้างประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร
ปลายเรยี วยาวเปน็ หาง โคนเว้าถงึ ตดั ขอบเรียบ สีน้าตาล
ใบ ใบประกอบแบบขนนกปลายค่ี เรียงเวียนสลับ ก้านใบยาว 7-15 เซนติเมตร
ด้านบนมีร่อง สีน้าตาล โคนก้านใบปกคลุมด้วยเกล็ด แผ่นใบรูปแถบแกมหอก
กว้าง 6-12 เซนติเมตร ยาว 30-60 เซนตเิ มตร ปลายเรียวแหลม ใบย่อยไร้ก้านมี
25-50 คู่ แผ่นใบย่อยรูปสามเหลี่ยมแคบยาว กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 3-6
เซนติเมตร ปลายแหลมค่อนขา้ งมน โคนเบยี ว ขอบหยักฟันเล่ือย เป็นคลื่นเล็กน้อย
เส้นกลางใบเห็นเด่นชัด สีน้าตาลเข้มถึงด้า เส้นใบแตกง่าม ปลายเปิด เนือใบบาง
ใตใ้ บปกคลุมด้วยขนสนั นุ่ม
การปลูกเลี้ยง : ปลูกด้วยเครื่องปลูกโปร่ง
ระบายน้าดี แสงแดดรา้ ไร
การขยายพนั ธ์ : แบง่ กอ, ชา้ ไหล
การใช้ประโยชน์ : ไม้กระถาง ไม้กระถาง
แขวน ไม้ประดบั แปลง
พกิ ัด : บรเิ วณ บา้ นเวียงบวั หมทู่ ี่ 7
คล้าใบตอง
ชือ่ พนั ธ์ุไม้ : คล้าใบตอง
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Schumannianthus
dichotomus (Roxb.) Gagnep.
ชื่อสามญั : Catathea, Siver catathea
วงศ์ : MARANTACEAE
ลกั ษณะทว่ั ไป
ลาต้น มีทังแบบตังตรงและเปน็ แบบเลือย มเี หง้าหรือหัวอยู่ใต้ดิน สามารถแตกหน่อได้ ล้าต้น
กลมเปน็ สเี ขียวเข้มออกเป็นขอ้ ๆ และมีข้อปลอ้ งยาว
ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตามข้อ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ยาวหรือเป็นรูปรียาว ปลายใบแหลม
โคนใบมน ขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-20 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20-
35 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียว หลังใบและท้องใบเรียบ มักมีลวดลายและสีสันบนใบที่
สวยงาม โคนต้นมกี าบใบห้มุ แผน่ ใบทงั สองดา้ นของเสน้ กลางใบ
ดอก ออกเป็นช่อบริเวณยอดอ่อนจากซอกกาบใบ ดอกจะออกเป็นคู่จากกาบรองดอกท่ีเรียง
ซ้อนกันเป็นแถวในระนาบเดียวกัน สลับซ้ายขวาจากแกนของช่อดอก หรืออาจจะเรียง
สลบั กันเป็นวง
ผล มีลักษณะกลมเป็นพู 3 พู มีขนาดประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ผลเม่ืออ่อนเป็นสีเขียว
พอแก่จะเปลี่ยนเป็นสเี หลือง ภายในผลมเี มล็ดประมาณ 1-3 เมล็ด
การปลูกเลี้ยง : ดินระบายน้าดี ชอบแดดร่มร้าไร
ต้องการนา้ ปานกลาง
การขยายพันธุ์ : แยกหน่อปลกู
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับในบริเวณบ้าน
ทั่วไป ใช้ตกแตง่ สวนนา้ หรือใชป้ ลูกตามสถานท่ตี า่ งๆ
พิกดั : บริเวณ บา้ นแม่ตา้ บญุ โยง หมู่ที่ 8
ฟิโลเดนดรอน
หูชา้ งด่าง
ชือ่ พันธุ์ไม้ : ฟิโลเดนดรอนหชู ้างด่าง
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Philodendron giganteum Schott
วงศ์ : Araceae
ลักษณะทว่ั ไป
ลาต้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร มีรากอากาศ สูงได้
เต็มที่ประมาณ 1 เมตร
ใบ เดย่ี วเรียงเวยี น รูปหวั ใจ ปลายใบแหลมถงึ เรียวแหลม โคนเวา้ รปู หัวใจ ขอบ
ใบเว้าเป็นคล่ืน แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง สีเขียวเข้ม เส้นกลางใบด้านล่างนูน
เด่นชัด ก้านใบรูปทรงกระบอกเรียวแคบไปทางปลาย ปลอกหุ้มยอดสีเขียวอม
เหลอื ง
ดอก ออกเปน็ ช่อเชิงลดมีกาบ
การปลกู เลีย้ ง : ดินรว่ นระบายนา้ ดี ต้องการน้าปานกลาง แสงแดดร้าไร
การขยายพันธุ์ : เพาะเมลด็ ปักชา้ ยอด และตอนกิ่ง
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้กระถางประดับในอาคาร ปลูกประดับสวน
และเป็นไมต้ ัดใบ
พิกัด : บริเวณ บ้านแม่ตา้ บุญโยง หมู่ที่ 8
ฟโิ ลเดนดรอน
มะละกอ
ชือ่ พนั ธ์ไุ ม้ : ฟิโลเดนดรอน มะละกอ
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Philodendron bipinnatifidum Schott ex Endl
ชือ่ สามัญ : Philodendron
ชือ่ อ่นื : ฟิโลเดนดรอน เซลลอม(Philodendron Selloum) หรือ
ฟิโลเดนดรอน ไบพนิ นาติฟิดัม(Philodendron Bipinnatifidum)
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทวั่ ไป ก า ร ป ลู ก เ ล้ี ย ง : ดิ น ร่ ว น
ต้องการน้าปริมาณปานกลาง
ลาต้น ไม้ล้มลุก อายุหลายปี อิงอาศัย แสงแดดร้าไร
มีรากอากาศ การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด
ใบ เด่ียว เรียงเวียน รูปไข่ ปลายเรียว การตอน ปกั ช้ายอด
แหลม โคนรูปหัวใจ ขอบหยักลึกเกือบถึง การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้
กลางใบ มี 5 แฉก แฉกรูปแถบกว้างก่ึง กระถาง วางประดับในอาคาร
สมมาตร ปลายแต่ละแฉกแหลมหรือมน ป ลู ก ป ร ะ ดั บ จั ด ส ว น ภ า ย ใ น
ใบมีขนาดใหญ่ เป็นมัน หนาคล้ายแผ่น ไม้ตดั ใบ
หนัง แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้ม ใต้ใบสี
เขียวอ่อน ก้านใบทรงกระบอก ยาว 30-
50 เซนติเมตร ค่อยๆเล็กลงจนถึงโคนใบ
เห็นเส้นใบเด่นชัด แฉกท่ีโคนมีเส้นใบออก
จากจุดเดียวกับก้านใบ ปลอกหุ้มยอดสี
เขียวออ่ น
ดอก เปน็ ชอ่ แบบชอ่ เชิงลดมกี าบ
พกิ ัด : บรเิ วณ บ้านแมก่ าหัวทงุ่ หมู่ท่ี 12
ออมทอง
ชื่อพนั ธุไ์ ม้ : ต้นเงินไหลมาออมทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syngonium hybrid
วงศ์ : ARACEAE
ลกั ษณะทวั่ ไป
ออมทองเป็นพรรณไม้ แบบไม้เลือย โดยจะมีล้าต้นเป็นเถา ล้าต้นไปยึด
เกาะอ่ืนๆทอี่ ยใู่ กล้ อาจจะเป็นไม้หลักท่ีเอาให้ล้าต้นของมันเลือยตามขึนไป ล้าต้น
เป็นข้อๆ มรี ากแตกออกมา สีของล้าต้นจะเป็นสีเขียว มีก้านใบยาวประมาณ 10-
15 เซนตเิ มตร รูปทรงกลมมน มลี ักษณะเวา้ ลกึ ผิวใบจะเปน็ สเี หลอื ง
ลาต้น ไม้คลุมดิน มีเหง้าใตด้ ิน เสน้ ผ่านศูนย์กลางพมุ่ ประมาณ 35 เซนติเมตร
ใบ เดย่ี ว เรียงสลับ รปู หัวลูกศร ปลายแหลมตงิ่ โคนเง่ียงลกู ศร ขอบหยักเป็นคลื่น
แผ่นใบสเี ขยี วอ่อน ใบอ่อนเสน้ ใบและเสน้ กลางใบสีขาวอมชมพู
ดอก ออกดอกเปน็ ชอ่ แบบชอ่ เชิงลดมีกาบ คล้ายดอกหนา้ วัว ออกดอกยาก
การปลูกเลยี้ ง : เลียงในนา้ หรอื ในดนิ รว่ นระบายน้าดี วางในทร่ี ม่
หรอื แสงแดดร้าไร
การขยายพนั ธ์ุ : ปกั ช้า แยกกอ
การใชป้ ระโยชน์ : เปน็ ไมม้ งคลใช้ประดับตกแตง่ อาคารบ้านเรอื น
พิกดั : บรเิ วณ บา้ นแมก่ าหม้อแกงทอง หมูท่ ่ี 1
หน้ากากฟาโรห์
ชื่อพันธ์ไุ ม้ : หน้ากากฟาโรห์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Colocasia ‘Pharaoh’s Mask’ PPAF
ชื่อสามัญ : Pharaoh's mask elephant ear
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทว่ั ไป
ลาต้น มีเหงา้ ใตด้ นิ กา้ นใบอวบนา้ มีสีแดงอม
ม่วง ความสูงประมาณ 1-1.5 เมตร ช่วยใน
การแตกกอออกไปดา้ นขา้ งได้เป็นอย่างดี การปลูกเล้ียง : ดินปลูกท่ีอุดม
ใบ มีใบเด่ียวรูปหัวใจ ขอบใบหยักเป็นคลื่น สมบูรณ์ไปด้วยอินทรีย์วัตถุ มี
เล็กน้อย ปลายใบมน เส้นใบชัดยกนูนมีสี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร รั ก ษ า
แดงอมม่วง ใบมีสีเขียวอ่อน เนือใบยกขึน ความชืนและระบายน้าได้ดี รับ
เป็นสันนูน ขอบใบงุ้มลง โดยเส้นกลางใบ แสงแดดไดเ้ ต็มวัน
(นิยมเรียก “กระดกู ใบ”) การขยายพันธุ์ : แบ่งแยกหน่อ,
ดอก ออกดอกเป็นช่อเชิงลดมีกาบ (Spadix) ตดั สว่ นของล้าต้นหรอื ไหล
โดยกาบหมุ้ ดอกมีสีเขียวถึงสีเหลืองอ่อนแกม การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้
เขยี วอ่อน มแี กนกลางสขี าว กระถาง โดยปลูกลงในอ่างน้าหรือ
ปลูกลงในกระถางดินท่ีสามารถ
รักษาความชืนได้ตลอดทังวัน
พิกัด : บรเิ วณ บ้านโทกหวาก หมู่ที่ 4
บอนสอี เิ หนา
ชือ่ พันธไ์ุ ม้ : อเิ หนา
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Caladium Bicolor
ชือ่ สามญั : ANGEL WINGS
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทว่ั ไป การปลูกเล้ียง : ชอบแดด
ร้ า ไ ร ดิ น ร่ ว น ป น ท ร า ย
ลาต้น เป็นพืชประเภทไม้อวบน้า มีล้า ตอ้ งการน้าปานกลาง
ต้นหัวคล้ายหัวมันและเหง้าอยู่ใต้ดิน การขยายพันธุ์ : แบ่งแยก
เป็นไม้มีหัวใต้ดิน ล้าต้นสีด้า ก้านใบ หนอ่
แทงขึนจากหัว ออกเรียงสลับ ก้านใบ การใช้ประโยชน์ : เป็นไม้
ยาวสเี ขียวสด มงคล ปลูกในกระถางประดับ
ใบ เป็นรูปรีกว้างขนาดใหญ่ ปลาย บ้านและสวน
แหลม โ คนใบมีสีชมพูป้ายและ มี
ลักษณะโค้งมนทังสองข้างคล้ายหัวใจ
เมื่อกัดสี พท้นใบจะเป็นสีขาวสดใส
เส้นลายกระดูกใบเป็นสเี ขียวสด
พิกัด : บริเวณ บา้ นหนองแก้ว หมทู่ ่ี 13
พลูฉลุ
ชือ่ พนั ธไ์ุ ม้ : พลูฉลุ
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Monstera obliqua (Miq.) Walp. ‘Expilata’
ชือ่ สามัญ : Window-leaf
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทว่ั ไป
ลาตน้ เลือยพัน มีรากพิเศษออกตามข้อ
ใบ เดี่ยว เรียงสลับ รูปรีแกมรูปขอบขนาน
กว้าง 5–10 เซนติเมตร ยาว 8–18
เซนติเมตร ปลายใบแหลมโคนใบมน ผิวใบ
ด้านบนสีเขียวถึงเขียวเข้ม แผ่นใบเป็นรู
เว้าแหว่งขนาดใหญ่และเล็กสลับกันไปอยู่
ระหว่างเส้นใบ แต่ไม่สม้่าเสมอ โคนก้านใบ
เปน็ กาบเลก็ ๆ
ดอก ออกเป็นช่อเชิงลดที่ปลายก่ิง มีกาบหุ้ม
ช่อดอกสขี าว ช่อดอกยาว
การปลูกเลี้ยง : ดินท่ัวไป แสงแดด
รา้ ไร-รม่ ความชนื สงู
การขยายพนั ธ์ุ : การปกั ช้า
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ
ไม้ในอาคาร
พิกดั : บริเวณ บ้านแม่กาหลวง หมูท่ ี่ 3
อโกลนีมา
เรอื นนกแก้ว
ชือ่ พนั ธไ์ุ ม้ : อโกลนีมา เรือนนกแกว้
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Aglaonema sp. ‘Reuannokkeaw’
ชือ่ สามญั : Chinese Evergreen
ชื่ออืน่ : เศรษฐีพนั ล้าน
วงศ์ : ARACEAE
ลกั ษณะทว่ั ไป
ลาตน้ ไม้พ่มุ ขนาดเล็ก อายหุ ลายปี
ใบ เด่ยี ว เรยี งเวยี น รูปขอบขนานหรือ
ขอบขนานแกมใบหอก ปลายแหลม
โคนสอบ ขอบใบเรยี บ มีใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ค่อนข้างเรียบ เกลียง เป็นมัน
ก้านใบกลมเป็นร่องสีเขียว ลินใบยาวแผ่กว้างไปตามความยาวของกาบใบ
กาบใบเป็นร่องห่อหุ้มล้าต้น แผ่นใบสีเขียวปนเทา ระหว่างเส้นใบสีเขียวเข้ม
เป็นแถบยาวไปตามเส้นใบจรดขอบใบ เส้นกลางใบนูนเด่นชัดบริเวณโคนและ
ค่อยๆเล็กลงจนสุดปลายใบ
ดอก ออกดอกเป็นชอ่ แบบช่อเชิงลดมีกาบ
ออกบริเวณซอกใบ ดอกสขี าว การปลูกเล้ียง : ดินร่วนระบายน้าดี
ตอ้ งการนา้ ปริมาณมาก แสงแดดรา้ ไร
การขยายพันธ์ุ : เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักช้า
ลา้ ตน้ แยกหน่อ
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้กระถาง วาง
ประดับในอาคาร เปน็ ไมม้ งคล
พิกัด : บรเิ วณ บ้านโทกหวาก หมู่ที่ 4
วาสนา
ชือ่ พนั ธุไ์ ม้ : ต้นวาสนา
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Dracaena goldieana
ชือ่ สามัญ : Queen of Dracaenas
วงศ์ : AGAVACEAE
ลักษณะทวั่ ไป ก า ร ป ลู ก เ ล้ี ย ง : ดิ นร่ ว น ซุ ย
แสงแดดออ่ นรา้ ไร ตอ้ งการน้าปาน
ลาต้น เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง กลาง
ล้าต้นมีความสูงประมาณ 4-10 เมตร การขยายพันธ์ุ : ปักช้ายอดหรือ
ล้าต้นกลม ต้นตรง ไม่มีกิ่งก้าน ล้าต้น ลา้ ต้น
เป็นข้อถ่ี ผิวเปลอื กลา้ ต้นมีสีนา้ ตาล การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้
ใบ เป็นใบเดี่ยวแตกออกจากล้าต้นส่วน กระถาง หรือในแปลง เพื่อประดับ
ยอดเรียงซ้อนกันเวียนรอบล้าต้นเป็นรูป สวนหรือในอาคาร
วงกลมลักษณะใบเรียวยาว ปลายใบ
แหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลียงเป็นมัน
สีเขียว ตัวใบโค้งงอ ขนาดใบกว้าง
ประมาณ 3-6 เซนติเมตร ยาวประมาณ
20-40 เซนตเิ มตร
ดอก ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของ
ล้าต้นช่อดอกมีขนาดใหญ่เป็นรูปทรง
กลมช่อดอกยาวดอกมีขนาดเล็กอยู่
รวมกันเป็นกลุ่มดอกมีสีขาวหรือเหลือง
ออ่ น
พกิ ัด : บรเิ วณ บา้ นห้วยเคยี น หม่ทู ี่ 2
บับเบ้ิลเรด
ชื่อพนั ธไุ์ ม้ : บอนสี บับเบลิ้ เรด
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Bubble Red Caladium
วงศ์ : Caladium
ลกั ษณะทวั่ ไป
ลาต้น เป็นไม้ประดับล้มลุก อวบน้า ก้านใบสี
เขียว เม่ือแก่จะมีสีด้า ล้าต้นแข็งแรง มีหัวสะสม
อาหารอยใู่ ตด้ นิ คล้ายมนั ฝรั่ง
ใบ กระดูกใบสีเขียว ใบแตกเป็นกอ มีหลาย
ขนาด และหลายรูปแบบ พืนใบเป็นสีเขียว เมื่อ
โตจะกัดสีแดงท่ัวทังใบ ลายกระดูกสีเขียว ขอบ
ใบสีเขยี ว
การปลูกเลยี้ ง : ดนิ โปรง่ ระบายน้าดี แสงแดดจดั ต้องการนา้ ระดับน้อย
การขยายพนั ธุ์ : แตกกอ
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้กระถาง ประดับภายในบ้าน ช่วยฟอก
อากาศ
พิกัด : บริเวณ บา้ นแม่กาไรเ่ ดยี ว หมู่ท่ี 14
สุขสมใจปอง
ชือ่ พนั ธุ์ไม้ : สขุ สมใจปอง
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Aglaonema sp.
ชือ่ สามัญ : Chinese Evergreen
ชือ่ อืน่ : อโกลนีมาช้างแดง หรือสุขสมใจปอง
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทวั่ ไป
ลาตน้ ไมพ้ ุม่ ขนาดเลก็ อายุหลายปี
ใบ เดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่ ปลายแหลม โคนมน
ขอบใบเรียบ เรียบ ใบหนาคล้ายแผ่นหนัง
ค่อนข้างเรียบ เกลียง เป็นมัน ก้านใบกลมเป็น
ร่องสีขาว ลินใบยาวแผ่กว้างไปตามความยาว การปลูกเล้ียง : ดินร่วนระบาย
ของกาบใบ กาบใบเปน็ รอ่ งหอ่ หุ้มล้าต้น แผ่นใบ น้าและอากาศได้ดี แสงแดดร้าไร
สีชมพูเข้ม มีปื้นสีเขียวเข้มบริเวณขอบใบ บาง ตอ้ งการนา้ ปานกลาง
ใบกระจายมาถึงกลางใบ เส้นกลางใบและก้าน การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด
ใบสีชมพูอ่อน ใบอ่อนมีสีเขียวเกือบทังใบ เส้น ตอนกิง่ ปักช้าล้าตน้ แยกหน่อ
กลางใบนูนเด่นชัดบริเวณโคนและค่อยๆเล็กลง การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้
จนสดุ ปลายใบ กระถาง วางประดับในอาคาร
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบชอ่ เชงิ ลดมีกาบ ออก เป็นไมม้ งคล
บริเวณซอกใบ ดอกสีขาว
พกิ ดั : บริเวณ บา้ นแมก่ าท่าขา้ ม หมทู่ ่ี 10
ฟา้ มุย่
ชื่อพนั ธ์ไุ ม้ : กล้วยไมฟ้ ้ามุ่ย
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Vanda coerulea Griff. ex Lindl.
ชื่อสามญั : vanda coerulea
ชือ่ อน่ื : เอื้องฟา้ มุ่ย
วงศ์ : ORCHIDACEAE
ลักษณะทวั่ ไป
ลาต้น กลมแข็ง ตงั ตรง
ใบ รูปขอบขนาน พับเป็นราง แผ่นใบหนาและ
เหนียว ปลายใบป้านหยักตืนๆ 2-3 หยัก มีใบ
เกอื บตลอดตน้
ดอก ออกดอกเป็น็นช่อตังที่ซอกใบ ช่อดอก
โปร่ง กลีบดอกค่อนข้างกลมใหญ่ โคนคอดเล็ก
กลีบสีฟ้าหรือฟ้าอมม่วง มีลายตาข่ายสีเข้มกว่า
สีพืน กลีบปาก สีเข้มกว่ากลีบอ่ืนๆ ออกดอก
เดอื นกรกฎาคม-ธนั วาคม
การปลูกเลี้ยง : ดินโปร่งระบายน้าและ
อากาศดี ต้องการน้าปานกลาง แสงแดด
ร้าไร
การขยายพันธ์ุ : แยกกอ, เพาะเลียงเนอื เย่ือ
การใช้ประโยชน์ : ใช้ประดับตามต้นไม้ หรือ
อาคารบ้านเรือน
พิกดั : บรเิ วณ บา้ นแม่กาหม้อแกงทอง หมทู่ ี่ 1
เอ้อื งผ้ึง
ชื่อพันธ์ไุ ม้ : กล้วยไมเ้ อื้องผ้ึง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dendrobium lindleyi Steud.
วงศ์ : ORCHIDACEAE
การปลูกเล้ียง : ดินร่วน ลกั ษณะทว่ั ไป
ระบายน้าดี ต้องการน้าปาน
กลาง แสงแดดรา้ ไร ลาตน้ เป็นล้ารูปรี มักแบนเล็กน้อย ขนาด 5-
การขยายพนั ธุ์ : การปันตา 12 x 1.5-2 เซนติเมตร ผิวแห้ง สีเขียวเข้ม
ก ารใช้ป ระโ ย ช น์ : ไ ม้ ขนึ เปน็ กระจุกแนน่ แต่ละตน้ มี 1 ใบทยี่ อด
ประดับตามต้นไม้เพื่อความ ใบ รูปรี ขนาด 6-12 x 2-2.5 เซนติเมตร
สวยงาม แผ่นใบหนา แข็ง และเหนียว สีเขียวเข้ม
ปลายใบแหลมมนหรือหยักเว้าตนื ๆ
ดอก ช่อดอกเกิดจากข้อห้อยลงเป็นพวง
มากกว่า 20 ดอก ดอกขนาด 2.5-3
เซนติเมตร กลีบดอกสีเหลืองอ่อนไปจนถึง
เหลืองสด กลีบปากใหญ่ โคนกระดกห่อขึน
ปลายผายออกกว้าง สีเหลืองเข้ม ขอบสีอ่อน
กว่า มีกล่ินหอมอ่อนๆ ออกดอกเดือน
มีนาคม-พฤษภาคม
พกิ ัด : บริเวณ บ้านโทกหวาก หมู่ที่ 4
สาวน้อยปะแปง้
ชื่อพนั ธุไ์ ม้ : ต้นสาวน้อยปะแป้ง
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Dieffenbachia sp.
ชื่อสามัญ : Dumb cane
วงศ์ : Araceae
ลักษณะทวั่ ไป
ลาตน้ ลา้ ตน้ ทรงกลม ตังตรง และอวบนา้ ผวิ ลา้ ต้นมีสเี ขยี วสด และเปน็ ขอ้ ถท่ี ี่เป็น
วงสีขาว ปลายลา้ ต้นแตกยอดอ่อนของใบทีละใบ
ใบ แตกออกเป็นใบเดี่ยวๆ บริเวณปลายยอดของล้าต้น แต่ละใบเรียงสลับกันเป็น
วงตามความสูงของล้าต้น ใบมีรูปไข่แกมขอบขนาน กว้างประมาณ 15-25
เซนติเมตร ยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร โคนใบสอบแคบ ปลายใบแหลม
แผ่นใบ และขอบใบเรียบ แผ่นใบมีสีพืนเป็นสีเขียว และเส้นกลางใบสีเขียวอ่อน
ขนาดใหญ่ มีลายประสีขาวกระจายออกจากเส้นกลางใบในแนวเฉียงบริเวณของ
เส้นใบย่อย
ดอก ออกเป็นช่อท่ีปลายยอด คล้ายดอกหน้าวัว ตัวช่อดอกมีกาบหุ้มสีเขียว
ล้อมรอบ ดา้ นในกาบหุม้ บรรจดุ ้วยดอกขนาดเลก็ สขี าวทเ่ี รียงซ้อนกนั
ผล ลักษณะเป็นเครือคล้ายเครือกล้วย แต่ไม่เป็นหวี แต่จะเป็นผลแต่ละผลเรียง
ซ้อนกันแน่น ผลดิบมีสีเขียว ผลสุกมสี แี ดง
การปลูกเลี้ยง : ดินร่วนระบายอากาศ และน้า
ได้ดี ชอบอากาศชืน แสงแดดร้าไร
การขยายพันธ์ุ : ปักช้าต้น การแยกหน่อ และ
การขดุ แยกหน่อจากตน้ แมม่ าแยกปลูก
การใช้ประโยชน์ : ปลูกในกระถางส้าหรับ
ประดับในอาคาร และนอกอาคาร
พิกดั : บริเวณ บา้ นแมก่ าหม้อแกงทอง หม่ทู ี่ 1
ดิฟเฟนบาเกีย
ใบกามะหยี่
ชือ่ พันธ์ไุ ม้ : ดฟิ เฟนบาเกีย ใบกามะหยี่
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Dieffenbachia reflector
ชื่อสามัญ : Dumbcane, Diffenbachia
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทว่ั ไป ก า ร ป ลู ก เ ล้ี ย ง : ดิ น ร่ ว น
ระบายน้าดี ต้องการน้าปริมาณ
ลาต้น เป็นไม้ล้มลุก สูง 0.8-1 เมตรตรง ปากลาง แสงแดดปานกลาง-
ทรงกระบอกทุกสว่ นของตน้ อวบนา้ มาก
ใบ เด่ียว เรียงเวียน รูปรีถึงรูปรีกว้าง ปลาย การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด
ตงิ่ แหลม โคนมนหรือตัด ขอบเรียบหรือเป็น ปกั ชา้ ตน้ แยกกอหรอื หน่อ
คลื่นเล็กน้อยห่างๆ แผ่นใบหนาคล้ายแผ่น การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้
หนัง เป็นร่องตืน เกลียง เป็นมัน แผ่นใบสี กระถาง วางประดับในอาคาร
เขียวอ่อน มีประสีขาวกระจายอยู่ทั่วใบ เปน็ ไมม้ งคล
ขอบใบสเี ขียวเข้มตลอดแนวความยาวใบ ใต้
ใบสีคล้ายแผ่นใบ แต่จางกว่า ก้านใบ
ด้านบนเป็นร่องสีเขียว ห่อหุ้มล้าต้น เส้น
กลางใบสีขาว ด้านใต้ใบตามเส้นใบเป็นสัน
เส้นกลางใบนนู เดน่ ชัดบริเวณโคนและค่อยๆ
เลก็ ลงจนสดุ ปลายใบ
ดอก ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดมีกาบ ออก
บรเิ วณซอกใบ ดอกสขี าว ดอกมกี ลิ่นฉุน
พิกัด : บรเิ วณ บ้านโทกหวาก หมู่ท่ี 4
มอนสเตอรา่
ชื่อพันธไ์ุ ม้ : มอนสเตอร่า
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Monstera deliciosa Liebm
ชื่อสามัญ : Herricane plant, Swiss cheese
plant,Window plant
ชือ่ อน่ื : พลูแฉก พลฉู ีก
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทว่ั ไป
ลาต้น จัดอยู่ในกลุ่มไม้เลือยเช่นเดียวกับตระกูลพลูต่างๆ บางสายพันธุ์มีล้าต้น
ตังตรงและกระจุกอยู่กับท่ี จนท้าให้เข้าใจผิดว่าเป็นไม้พุ่ม ล้าต้นส่วนใหญ่
แบง่ เปน็ ขอ้ สันๆ มสี เี ขยี วสด โคนอวบและเรียวลงทีป่ ลายยอด ผิวค่อนข้างเรียบ
ล่ืน
ใบ ไปตามแต่สายพันธุ์ ทงั เรื่องขนาด รูปทรง และสี พันธท์ุ น่ี ิยมมกั จะมีใบขนาด
ใหญ่ ผิวหน้าเป็นมันเงาสีเขียวสด อาจมีสีอ่ืนปนบ้างเล็กน้อย ขอบใบมีส่วนเว้า
ลกึ เขา้ ไปเหมอื นลายฉลุ
ดอก ออกค่อนข้างยาก และมักออกแค่ครังละ 1 ดอกเท่านัน รูปร่างของดอก
จะมีกลีบขนาดใหญ่เพียงกลีบเดียว เนือกลีบหนา มีความห่อตัวคล้ายท้องเรือ
เพ่ือปกป้องเมล็ดที่อยู่ด้านใน โดยดอกจะออกจากข้อปล้องของล้าต้นตรงจุด
ไหนก็ได้ การปลูกเล้ียง : ดินร่วนระบายน้าดี ต้องการน้า
มาก แสงแดดรา้ ไรและชมุ่ ชนื
การขยายพนั ธ์ุ : ปกั ชา้ ยอดและล้าต้น
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ไม้ใน
อาคาร ไมต้ ดั ใบ
พิกัด : บรเิ วณ บา้ นแมก่ าหลวง หมทู่ ่ี 3
ฟโิ ลเดนดรอน
ลายเมฆ
ชือ่ พันธ์ุไม้ : พิโลดรอนลายเมฆ
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Philodendron minarum
ชือ่ สามญั : Philodendron
วงศ์ : ARACEAE
ลกั ษณะทวั่ ไป
ลาต้น ไม้ล้มลุก อายุหลายปี อิงอาศัย มีรากอากาศ ล้าต้นสีเขียวอมเทา
เสน้ ผ่านศูนย์กลางล้าตน้ ประมาณ 2 เซนติเมตร
ใบ เรียงเวียน คล้ายรูปสามเหลี่ยม ปลายติ่งแหลมอ่อน โคนคล้ายเงี่ยง
ลูกศร ขอบเว้าแยกเป็นสามแฉกใหญ่ ขอบด้านข้างเว้า ข้างละ 4-5 แฉก
ขนาดแฉกไม่เทา่ กัน คลา้ ยรปู สามเหลี่ยม ใบหนาคล้ายแผ่นหนัง เกลยี ง เป็น
มัน แผน่ ใบด้านบนสเี ขียวเขม้ มีรอนดา่ งสีเขียวอ่อน กระจายท่ัวไปเส้นกลาง
ใบเด่นชัดด้านล่างนูนสีเขียวอ่อน ใต้ใบสีซีดกว่า เห็นเส้นกลางใบนูนเด่นชัด
ด้านล่างนูนสีเขียวอ่อน ก้านใบรูปทรงกระบอกยาวสีเขียว เรียวยาวไปทาง
ปลายก้าน ยาว 36.5-37.5 เซนติเมตร เป็นร่องยาวตลอดแนวก้านใบโคน
ก้านใบเปน็ ร่องตืน ปลอกหมุ้ ยอดสีเขยี วอ่อน
การปลกู เล้ยี ง : ดนิ ร่วน ต้องการนา้ ปรมิ าณปานกลาง แสงแดดรา้ ไร
การขยายพันธ์ุ : เพาะเมล็ด การตอน ปักชา้ ยอด
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้กระถาง วางประดับในอาคาร ปลูกประดับจัดสวน
ภายใน ไมต้ ดั ใบ
พิกัด : บริเวณ บ้านแม่ตา้ บญุ โยง หมู่ที่ 8
แบลค็ เมจิก
ชื่อพันธไุ์ ม้ : Black Magic หรือต้นบอนดา
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Colocasia esculenta (L.) Schott
'Black Magic'
ชือ่ สามัญ : Taro Black Magic, Black Elephant Ears
Plant, Elephant Ears Black Magic
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทวั่ ไป
ลาต้น เปน็ พชื ล้มลกุ เช่นเดยี วกับบอน ไมม่ เี นอื ไม้ มีหวั ใตด้ ินสะสมอาหาร
ใบ รูปไข่แกมหัวใจ ปลายใบแหลมและปลายใบมักห้อยย้อยลง โคนใบเว้าลึก
มีก้านใบยาวและก้านใบติดกับแผ่นใบทางด้านล่าง โคนก้านใบแผ่กว้างหุ้ม
ประกบกนั ก้านใบและกา้ นดอกเปน็ สเี ดยี วกบั แผ่นใบ
ดอก ออกเป็นช่อ มีลักษณะเป็นกาบหุ้มดอกสีเหลือง ตังตรง รูปร่างแคบยาว
ช่อดอกเป็นแท่งสันกว่ากาบหุ้มดอกมาก ปลายช่อดอกเรียวแหลม ส่วนบนของ
ชอ่ ดอกเป็นดอกตวั ผูส้ ่วนลา่ งเป็นดอกตัวเมีย
ผล บอนดา้ มีผลขนาดเลก็ สีเหลอื งและจะเปลย่ี นเป็นสนี ้าตาลเมือ่ แก่
การปลูกเล้ียง : ปลูกได้ทังบนดินและในน้า
ต้องการน้าและแสงแดดมาก
การขยายพันธุ์ : แยกหน่อหรือไหลของต้น
บอนดา้
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับตาม
สวนนา้ ริมบอ่ นา้ นา้ ตก หรือปลกู แช่ในน้า
พิกดั : บริเวณ บ้านแมก่ าหมอ้ แกงทอง หมูท่ ่ี 1
มอนสเตอรา่
ไทคอน
ชือ่ พนั ธไ์ุ ม้ : มอนสเตอร่าไทคอน
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Monstera
thai constellation
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทว่ั ไป การปลูกเล้ียง : ดินร่วนระบาย
น้ า ต้ อ ง ก า ร น้ า ป า น ก ล า ง
ลาต้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ แสงแดดร้าไร
3 เซนติเมตร มีรากอากาศ สูงได้เต็มที่ การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด ปัก
ประมาณ 1 เมตร ช้ายอด และตอนกงิ่
ใบ เดี่ยวเรียงเวียน รูปหัวใจ ปลายใบ การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้
แหลมถึงเรียวแหลม โคนเว้ารูปหัวใจ ขอบ กระถาง ประดับในอาคาร ปลูก
ใบเวา้ เป็นคลนื่ แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ประดบั สวน และเป็นไม้ตัดใบ
สเี ขยี วเข้ม เส้นกลางใบด้านล่างนูนเด่นชัด
ก้านใบรูปทรงกระบอกเรียวแคบไปทาง
ปลาย ปลอกห้มุ ยอดสีเขยี วอมเหลือง
ดอก ออกเป็นช่อเชิงลดมกี าบ
พกิ ัด : บรเิ วณ บ้านเวยี งบัว หมทู่ ่ี 7
พิโลดรอน
ใบเล่ือยสที อง
ชื่อพนั ธไุ์ ม้ : ฟิโลเดนดรอน ใบเลือ่ ยสีทอง
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Philodendron sp.
ชื่อสามัญ : Philodendron golden saw
วงศ์ : ARACEAE
ลกั ษณะทวั่ ไป
ก า ร ป ลู ก เ ล้ี ย ง : ดิ น ร่ ว น ลาต้น ไม้ล้มลุก อายุหลายปี อิงอาศัย
ต้องการน้าปริมาณปานกลาง มีรากอากาศ
แสงแดดรา้ ไร ใบ เดี่ยว เรียงเวียน รูปใบหอกแกมรูปไข่
การขยายพันธ์ุ : เพาะเมล็ด กวา้ งประมาณ 9.5 เซนติเมตร
การตอน ปกั ชา้ ยอด ยาว 25.5-29.5 เซนติเมตร ปลายเรียว
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ แหลม โคนรูปหัวใจ ขอบหยักแบบขนนก
กระถาง วางประดับในอาคาร หยักไม่สมมาตร ปลายหยักเว้ามนขนาด
ป ลู ก ป ร ะ ดั บ จั ด ส ว น ภ า ย ใ น เท่าๆกัน ลึกเกือบถึงคร่ึงหน่ึงของความกว้าง
ไม้ตดั ใบ ใบ ใบหนา เรยี บ แผน่ ใบดา้ นบนสีเขียว ก้าน
ใบสีเขยี วอมเหลือง ยาว
15-23 เซนติเมตร ด้านบนเป็นสันเหล่ียม
ตลอดทังก้านใบ ด้านใต้กลมมน โคนก้านใบ
เป็นร่องเล็กน้อย เส้นกลางใบด้านหลังนูน
ปลอกหุ้มยอดสเี ขยี วอมสม้
ดอก เป็นช่อแบบช่อเชิงลดมีกาบ
พิกัด : บรเิ วณ บ้านแมก่ าทา่ ขา้ ม หมู่ท่ี 10
ออมบาติก
ชื่อพนั ธไุ์ ม้ : ออมบาติก
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Syngonium Podophyllum “Batik”
ชื่ออื่น : ออมกนกลายไทย
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทว่ั ไป
ลาต้น เป็นไม้เลือยยืนต้น อายุหลายปี ต้นอวบน้า เลือยพันด้วย
รากพเิ ศษท่ีออกตามขอ้ ใบ ล้าตน้ สีเขียวอมเทา
ใบ มีลักษณะรูปหัวใจ ใบเด่ียวรูปหัวลูกศรและใบรูปมือ ใบอ่อน
จะมีรูปร่างเป็นหัวลูกศร ลายเส้นสีขาวสลับซับซ้อนกับใบสีเขียว
มีลวดลายเฉพาะตัว เป็นลายกนกไทย ก้านใบยาว ช่อดอกมีกาบ
หุ้มปลีดอกสีขาวครีมคล้ายดอกหน้าวัวออกตามซอกใบ ออกใบ
สลับ และมรี ากอากาศดดู ความชื
การปลกู เล้ยี ง : วัสดปุ ลกู ควรมกี ารระบายนา้ ได้ดี อากาศเข้าถึง และเก็บ
ความชืนได้
การขยายพนั ธุ์ : เพาะเมล็ด ปักช้าตน้
แยกกอหรอื หน่อ
การใชป้ ระโยชน์ : ปลกู เป็นไมใ้ บประดบั
ไมก้ ระถางและใช้สา้ หรบั การจัดสวนภายใน
พกิ ดั : บรเิ วณ บ้านแม่ตา้ บญุ โยง หมู่ท่ี 9
โชคเก้าช้นั ด่าง
ชือ่ พันธ์ไุ ม้ : โชคเก้าชั้นดา่ ง
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Anthurium
‘Renaissance’
วงศ์ : ARACEAE
ลกั ษณะทว่ั ไป การปลูกเลี้ยง : ใช้วัสดุปลูกท่ี
เ ก็ บ ค ว า ม ชื น เ ช่ น ก า บ
ลาต้น ไม้ล้มลุกอายุหลายปี ไม่มีเนือไม้ ล้า มะพร้าวสับ ต้องการน้าปาน
ต้นเด่ียว ข้อสัน เจริญเป็นกอ มีรากอวบอ้วน กลาง ชอบแดดปานกลาง
ออกตามข้อ การขยายพนั ธุ์ : เพาะเมลด็
ใบ เรียงเวียนสลับ รูปใบหอก ปลายแหลม การใประโยชน์ : ฟอกอากาศ
โคนขอบเป็นคล่ืน แผ่นใบหนาสีเขียวแกม นิยมปลูกไวภ้ ายในอาคาร
ขาว เส้นใบย่อยโค้งขนานกับขอบใบก้านมี
รอ่ งตลอดความยาวใบ
ดอก เป็นช่อแบบช่อเชิงลดมีกาบ ออกตาม
ซอกใบ ดอกย่อยจ้านวนมาก จานรองดอก
รูปใบหอก สีเขียวอมม่วง ดอกสมบูรณ์เพศ
ทยอยบานจากโคนไปยังปลายช่อ เกสรเพศผู้
บานพรอ้ มผสมก่อนเกสรเพศเมยี
พิกัด : บริเวณ บ้านแม่ต้าบุญโยง หมู่ท่ี 8
บอนกระดาดด่าง
ชื่อพนั ธ์ไุ ม้ : บอนกระดาดดา่ ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Alocasia macrorrhizos (L.) G.Don
ชือ่ อืน่ : กระดาดด่าง
วงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทวั่ ไป
ลาต้น ไม้ล้มลุก มีหัวอยู่ใต้ดิน เจริญเป็นกอ สูงได้ถึง 2 เมตร ล้าต้นสันตังตรง สี
ม่วงปนสีน้าตาล อวบน้า
ใบ เด่ยี ว เรยี งเวียนสลับ รูปไข่แกมรูปหัวใจ ปลายต่ิงแหลม โคนเว้าลึก ขอบเป็น
คล่ืน แผ่นใบสีเขียว มีรอยด่างป้ืนสีขาวอมเทากระจายไม่เป็นระเบียบ ผิวเรียบ
เปน็ มนั ก้านใบใหญ่ ใบสเี ขยี ว มรี อยด่างสีขาว เป็นปื้นยาว
ดอก ออกเป็นชอ่ ออกตามปลายยอด ดอกแยกเพศอย่ใู นชอ่ เดียวกัน ช่อดอกเป็น
แท่งยาว ปลายแหลม ยาว 11-23 เซนติเมตร ก้านช่อดอก ยาว 25-50
เซนติเมตร มีกาบรองดอกสีเหลืองอมเขียวหุ้มอยู่โคนกาบโอบรอบโคนช่อดอก
ดอกเพศผอู้ ยู่บรเิ วณส่วนบน ดอกเพศเมียอย่บู รเิ วณโคนช่อ
ผล กลม เปน็ กระจุก ไม่มีกา้ นผล ผลออ่ นสเี ขียว ผลสกุ สีสม้ แดง
การปลูกเล้ียง : ดินเหนียวหรือดินร่วน ต้องการน้ามาก
ชอบแดดรา้ ไร
การขยายพนั ธุ์ : เพาะเมล็ด
แยกหนอ่
การใช้ประโยชน์ : ปลกู ประดับ
สวน ปลกู เป็นไม้กระถาง
พิกดั : บรเิ วณ บ้านแม่กาท่าข้าม หมทู่ ี่ 10
ยางอนิ เดีย
ชือ่ พนั ธไ์ุ ม้ : ยางอินเดยี
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Ficus Elastica
ชือ่ สามัญ : Decora Tree, Indian Rubber Tree,Rubber Plant
วงศ์ : MORACEAE
ลกั ษณะทว่ั ไป
ลาตน้ เป็นแบบไม้พุ่มและไม้เลือย เม่ือล้าต้นโตเต็มท่ีจะ
สามารถสูงได้มากถึง 30 เมตร และมีรากอากาศห้อย
ย้อยออกมา
ใบ เดี่ยวทรงรีหรือไข่ ปลายเรียวแหลม ขอบเรียบ ผิวใบ
มันวาว ใบหนา เม่ือแตกยอดอ่อนจะมีสีแดงระเรื่อก่อน
จะเปลย่ี นเป็นสเี ขียว หรือสอี ืน่ ๆ ตามสายพันธุ์
ดอก สขี าว กลีบดอกใหญ่ เรียงสลับกัน 2 ชัน และมีผล
สดกลมรี เปลือกสีเขียว คล้ายหมาก อยู่ในวงศ์เดียวกับ
ต้นไทรใบสกั ทา้ ใหบ้ างคนสับสนระหว่างตน้ ไม้ 2 ชนิดนี
สามารถสงั เกตความแตกตา่ งไดจ้ ากใบ เพราะใบของไทร
ใบสักจะมีขนาดใหญ่กว่า ผิวใบด้านสีเขียวอ่อน ขอบ
หยกั เลก็ น้อย และมีเสน้ ใบชัดเจน
การปลูกเลี้ยง : ดินระบายน้าและอากาศได้ดี
ชอบนา้ แสงแดดอ่อน
การขยายพันธุ์ : ปักช้า ตอนกิ่ง
การใประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้กระถาง ประดับ
ตกแต่งห้องหรือบ้าน
พิกดั : บริเวณ บ้านแมก่ าทา่ ขา้ ม หมู่ท่ี 10
คลาสซลู ่า
ชื่อพันธไุ์ ม้ : คลาสซูล่า
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Crassula ovata
ชือ่ สามญั : Crassula, Jade Plant, Money Plant
วงศ์ : Crassulaceae
ลักษณะทว่ั ไป
ลาต้น สีเขียว ทรงกลมยาว อวบนา้
ใบ อวบ กลม สีเขียวสวยงาม ใบหนาเรียบเนียนมัน
วาว ลักษณะคล้ายกับเหรียญ ออกใบซ้อนกันเป็น
ชนั ๆ ท้าให้ทรงพ่มุ ยกตังตรง
ดอก จะออกดอกเป็นสีชมพู หรือสีขาว ลักษณะ
คลา้ ยรปู ดาว ซงึ่ ดอกจะออกในช่วงฤดูหนาวและบาน
สะพรงั่ จนถึงฤดใู บไมผ้ ลิ ในเดอื นตุลาคม-เมษายน
การปลูกเล้ียง : ดินระบายน้าได้ดี ต้องการแสงแดดร้าไร รดน้าเฉพาะ
ตอนดนิ แหง้
การขยายพันธุ์ : แยกหน่อ
การใช้ประโยชน์ : ตน้ ไม้ฟอกอากาศ ปลูกไว้ในบ้าน เป็นไม้มงคล ช่วยเสริมฮวง
จุ้ยดา้ นการเงิน วางบริเวณหอ้ งท้างานหรือหอ้ ง
นอน ช่วยดูดซับสารเคมแี ละกล่นิ ได้
พิกัด : บริเวณ บ้านหว้ ยเคียน หม่ทู ี่ 2
เศรษฐเี งนิ หนา
ชื่อพันธุ์ไม้ : เศรษฐีเงินหนา
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Anthurium Jermanii
วงศ์ : ARACEAE
การปลูกเลี้ยง : ดินระบายน้า ลกั ษณะทวั่ ไป
ได้ดี เล่ียงแสงแดดจัด ต้องการ
น้าปานกลาง ลาต้น พืชอายุหลายปีไม่มีเนือไม้ เป็นพืชเขตร้อนล้าต้น
การขยายพนั ธ์ุ : เพาะเมลด็ ตรง เจริญเป็นกอ ทรงพุ่มแผ่กว้าง เมื่อโตเต็มท่ีมีเส้นผ่าน
การใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ ศนู ย์กลาง 50-60 เซนตเิ มตร
กระถาง ประดบั ตกแต่งภายใน ใบ รูปไข่กลับถึงรูปใบหอกกลับ การเรียงตัวของใบจะ
เรียงเป็นเกลียวรอบต้น ผิวใบเป็นมัน ใบกว้าง 8-18
เซนติเมตร ยาว 30-50 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคน
ใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง สีเขียว
คล้า เห็นเส้นใบรางๆ ก้านใบกลม มีสันด้านบน ยาว
ประมาณ 5 เซนติเมตร ออกชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ
ดอก เปน็ รปู ส่ีเหล่ยี มขา้ วหลามตดั เรียงตัวกันแน่นบนช่อ
ดอกที่เรียกว่า ปลี ยาว 12-15 เซนติเมตร สีม่วงแดง
คล้า และมจี านรองรูปใบหอกกว้าง 2.5-3.0 เซนติเมตร
ยาว 10-12 เซนติเมตร สีม่วงแดงคล้าก้านช่อดอกกลม
ยาวประมาณ 30 เซนตเิ มตร
ผล มีเนือนุ่ม เมื่อสุกมีสีแดงอมส้ม แต่ละผลมีเพียง 1
เมลด็ หรือหลายเมลด็ รูปรี รูปขอบขนานหรอื รปู กลม
พิกดั : บริเวณ บ้านเวยี งบัว หมู่ที่ 7
พรมออสเตรเลีย
ชื่อพนั ธุไ์ ม้ : พรมออสเตรเลีย
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Fittoniaver schaffeltii (Lem.) Coem.
var.argyroneura(Coem.) Nichols
ชือ่ สามัญ : Mosaic plant, Nerve plant
วงศ์ : Acanthaceae
ลกั ษณะทว่ั ไป
ลาตน้ แตกก่งิ กา้ นแผ่คลมุ ดนิ
ใบ เด่ยี ว ออกตรงข้าม รปู รถี ึงรูปไขก่ ลับ ปลายใบแหลม กว้าง 2-2.5 เซนติเมตร
ยาว 4–10 เซนติเมตร พืนใบสีเขียวเข้มเป็นมันเส้นใบสีขาวสานกันเป็นร่างแห
ก้านใบอ่อนมีขนสันน่มุ ปกคลุม
ดอก เป็นช่อกระจะออกท่ีปลายยอด ชูตัง ยาว 7–8 เซนติเมตร ดอกย่อยสีขาว
ปนสีเหลอื ง มีใบประดบั สเี ขยี วซ้อนเหลื่อมกนั
การปลกู เลี้ยง : ดนิ รว่ นปนทราย ตอ้ งการแสงแดดร้าไร น้าปานกลาง
การขยายพันธุ์ : ปักช้ากิง่
การใชป้ ระโยชน์ : ปลกู เปน็ ไมก้ ระถางหรอื ไม้คลมุ ดนิ
พิกัด : บรเิ วณ บ้านโทกหวาก หมู่ท่ี 4
แก้วสารพัดนึก
ชื่อพันธไ์ุ ม้ : แกว้ สารพัดนึก
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Alocasia Sanderiana
Bull
ชือ่ อน่ื : แกว้ หน้าม้า
วงศ์ : ARACEAE
ลกั ษณะทวั่ ไป
ลาต้น ไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูงได้ถึง
1.5 เมตร
ใบ เดี่ยว เรียงสลับ รูปหัวใจยาว ปลาย
แหลมติ่ง โคนเง่ียงลูกศร ขอบเว้าเป็น
คล่ืน ใบหนาและแข็ง แผ่นใบด้านบนสี
เขียวเข้ม ขอบและเส้นใบสีเขียวอมเทา
ใต้ใบสีม่วงแดง เส้นกลางใบเป็นร่องตืน
ก้านใบสีน้าตาลอมเขียว ลินใบยาว
ประมาณ 7 เซนตเิ มตร การปลูกเล้ียง : ดินร่วน ระบายน้าได้ดี
ตอ้ งการนา้ ปานกลาง ชอบแดดเช้าหรือรม่ ร้าไร
การขยายพันธ์ุ : แยกกอ
การใช้ประโยชน์ : เป็นไม้มงคล ปลูกประดับ
ในอาคาร ปลูกเป็นไมก้ ระถาง
พกิ ัด : บรเิ วณ บา้ นเกษตรสุข หมทู่ ี่ 15
บัวบกโขด
ชือ่ พันธุไ์ ม้ : บัวบกโขด
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Stephania erecta Craib
ชือ่ อืน่ : บัวบกหัว, บัวบกโคก
วงศ์ : Menispermaceae
ลักษณะทว่ั ไป
หัว คล้ายกอ้ นดนิ ท่มี ขี นาดเล็กพอๆ กับนิวหวั แมม่ ือ บางทีก็
มขี นาด
ใหญ่เทา่ ๆ กับลกู แตงโม ผวิ เรียบแต่กม็ ีปุ่มปมบาง
ลาต้น จะเป็นก้านเล็กสีเขียวโผล่ขึนพ้นดิน ท้าหน้าที่
ล้าเลียงอาหารจากหัวโขดไปยังใบ
ใบ เหมือนใบบัวบกจะมีลักษณะทรงกลมและแข็ง มี
ลายเสน้ ท่นี นู ชดั บางใบจะมขี นฝอยๆ ปกคลุมทั่วทังใบ
ดอก หากเลียงจนมีความสมบูรณ์มากก็จะออกดอก และ
ดอกจะเปน็ เส้นแฉกๆ มขี นาดเล็กสเี หลือง
เมล็ด จะเป็นเม็ดกลมรีๆ มีสีเขียวเม่ือยังหนุ่ม และเม่ือแก่
จะเป็นสีดา้ แล้วจะหลน่ จากตน้
การปลกู เล้ียง : ดินรว่ นปนทราย ระบายนา้ ได้ดี ผสมปุย๋ หรือมูลสัตว์รดน้าพอให้ดิน
ชุ่ม วางไวใ้ นพืนท่ีทมี่ ีแสงแดดร้าไร เม่อื รากมีความแขง็ แรงวางไวก้ ลางแจง้ ได้
การขยายพนั ธุ์ : การเพาะด้วยเมล็ด, การเพาะดว้ ยหัวโขด
การใช้ประโยชน์ : เสริมด้านคงกระพันชาตรี
ปลกู แลว้ เพม่ิ ความเฮง เสรมิ ฮวงจุ้ย ควรปลูก
วางไวใ้ นบา้ นหรอื โตะ๊ ทา้ งาน
พิกัด : บริเวณ บ้านเกษตรสุข หมทู่ ่ี 15
วา่ นหางจระเข้
ชือ่ พนั ธุไ์ ม้ : ว่านหางจระเข้
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Aloe vera (L.) Burm.f.
ชื่อสามญั : Aloe, Aloin, Barbados,
Jafferbad, Star Cactus
ชือ่ อ่นื : ว่านไฟไหม้ หางตะเข้
วงศ:์ XANTHORRHOECEAE
ลักษณะทว่ั ไป
ต้น ไมล้ ม้ ลุก อายุหลายปี อวบน้า มีข้อและล้าปล้อง
สนั ทรงพุง่ แผ่เป็นรัศมี แตกหน่อมาก
ใบ เด่ียว เรียงเวียน รูปใบหอก ปลายแหลม โคนตัด
ตรง ขอบมีหนาม ผิวเรียบเป็นมัน สีเขียวเข้ม มีจุด
ประสีขาวกระจายทั่วใบ อวบน้า ภายในเป็นวุ้นใส
ภายใต้ผิวสีเขยี วมีน้ายางสเี หลือง
ดอก เปน็ ช่อแบบช่อเชิงลด ออกตามซอกใบกลางต้น
ดอกสีส้ม กลีบเลียงและกลีบดอกรูปแถบยาว ปลาย
แหลม บานออกเล็กนอ้ ย
การปลูกเล้ียง : ดินร่วน ระบายน้าได้ดี ต้องการน้า
ปรมิ าณปานกลาง แสงแดดมาก
การขยายพนั ธ์ุ : เพาะเมลด็ แยกกอ
การใช้ประโยชน์ : นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เนือใบสด
รักษาแผลไฟไม้ น้าร้อนลวก สามารถรบั ประทานได้
พิกัด : บรเิ วณ บา้ นแม่กาหมอ้ แกงทอง หมู่ท่ี 1
เขม็ สามสี
ชือ่ พนั ธ์ุไม้ : ต้นเข็มสามสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dracaena cincta Bak.cv.Tricolor
ชื่อสามัญ : Rainbow Tree
วงศ์ : ASPARAGACEAE
ลักษณะทว่ั ไป
ลาต้น ไม้พุ่มขนาดกลาง สูง 1-2 เมตร แตกกอล้า
ตน้ ขนาดเลก็ ตงั ตรง สนี า้ ตาล มขี อ้ ปลอ้ ง
ใบ เดี่ยว เรียงเวียนสลับรอบกิ่ง รูปแถบแคบยาว
ปลายแหลม แตกใบถี่ตรงส่วนยอดของล้าต้น แผ่น
ใบมีสามสีเป็นแถบไปตามความยาวของใบ เม่ือใบ
แก่หลดุ ร่วงท้าใหโ้ คนตน้ เปลือย
ดอก ออกเป็นช่อแยกแขนงที่ปลายกิง่ สขี าวอมเขียว
บานตอนกลางคืน มีกล่ินหอมอ่อนๆ มักออกดอก
ในชว่ งเดอื นเมษายน
ผล สดรูปทรงกลมถึงรี สีเหลือง ส้ม หรือแดง เมล็ด
สีขาวถงึ น้าตาล 1 ผลมี 1-3 เมลด็
การปลูกเลยี้ ง : ดนิ รว่ น ตอ้ งการนา้ ปานกลาง แสงแดดจัดหรอื แสงแดดครง่ึ วนั
การขยายพันธ์ุ : ตอนกง่ิ และปักชา้ กิ่ง
การใชป้ ระโยชน์ : นยิ มปลูกเปน็ กลุม่ เปน็ ไม้
ประธานในสวน หรอื ปลกู เพอื่ พรางสายตา
จากภายนอก เปน็ ต้นไม้ท่ชี ว่ ยดูดสาร Benzene
ท่มี อี ยใู่ นนา้ มนั หมกึ และสีทาบา้ น
พิกัด : บรเิ วณ บา้ นโทกหวาก หมู่ท่ี 4