๏ ครนื ครืนเสยี งกกึ ก้อง นภา
เรียกพิรุณสาดมา ชุ่มนา้
เสียงวชิระพลันลา จากแผน ดินนอ
ทงิ้ วัสโสทกชา้ เปลย่ี วเศรา้ อาดูร ฯ
๏ พิรุณกระหนา่้ แล้ว เต็มคลอง
พรมแผน่ พสธุ านอง เออ่ ล้น
มนิ านหยุดหยงิ่ ผยอง สนิ้ สราง
ปลอยธรณที ว มทน เด่ียวดาวตามเคย ฯ
๏ สุขเอยเคยสขุ แลว อยู่ไหน
ความทกุ ขเ์ คยทุกข์ใจ กอ่ นนนั้
เม่อื กาลผานเลยไป พลันดับ สน้ิ แฮ
อนตั ตาบีบค้นั ตางรา งมลายสญู ฯ๛
๏ แวว่ เสียงส้าเนยี งขับ ปกี ขยบั คอโก่งตัง้
เสียงใสชวนให้ฟัง ยนิ แวว่ ดังตอ่ ตอ่ มา
อรโุ ณทยั ใกลอ้ ีกแล้ว เสยี งเจอ้ื ยแจว้ หมูป่ ักษา
เสยี งไกเ ปลงวาจา บอกเวลาส้ินราตรี
แสงเงนิ เริม่ ปรากฏ ความใสสดมาแทนท่ี
ทิวาสอ งธานี คา่้ คืนนกี้ ็ส้ินไป
กาลเพ่มิ เพียงคนื วัน ชีวิตส้นั เหลือไฉน
รตั ตกิ าลเคล่ือนผานวยั ดงึ ความตายใกล้ถึงตัว ฯ๛
ธลุ หี นงึ่ ..ในดวงจนั ทร์ ๑
เช้าวันน้ี... ฝนตก เริ่มต้ังแต่ค่อยโปรยปราย แล้วกระหน่า
รุนแรงข้ึนเร่ือยๆ และทรงสภาพเช่นน้ันอยู่เน่ินนาน มีบ้างที่บางคร้ัง
คอ่ ยเซาซาลงไป แต่กก็ ลบั พลันเทกระหน่าลงมาอีก
ล่วงไปแล้ว.. คร่ึงวัน พระพิรุณที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ลืม
หลู ืมตา กเ็ ร่ิมเบาบาง และค่อยๆเงียบหายไปในที่สุด พ้ืนดินต่างชุ่มฉ่า
และแฉะไปด้วยน้่า ต้นไม้ดูมีชีวิตชีวาเพ่ิมข้ึน หลังจากที่ขาดน้่ามา
หลายวนั
สายฝนจากไปแลว ยงั ทงิ้ รอ งรอยไว แมรอ งรอยของฝนนั้น
กม็ อิ าจอยไู่ ด้ เนิ่นนานนกั ยอ่ มถกู แสงสรุ ิยาอนั แผดกลา กลบเกลื่อน
ร่องรอยน้ันเสยี ส้นิ
๒ ธลุ ีหน่ึง..ในดวงจันทร์
...อะไรเล่า จะยงั่ ยนื อยู่ได้ อย่างเท่ยี งแท้ถาวร..
ค่าคืนนี้ เร่ิมมีศศิธรปรากฏโฉมให้เห็นอีกแล้ว หลังจากทินกร
อนั เป็นเทพเจ้าแหง่ แสงสว่างไดอ้ สั ดงคตลบั ไปทางปจั ฉิมทิศ
แสงอันเลือนรางและนุ่มนวลแห่งจันทราในวันข้ึน ๙ ค่า น่า
พิสมัยไม่น้อย อากาศเย็นชื่นเร่ิมไหลเข้ามามากขึ้นจากที่ปกติก็เยือก
เยน็ อยู่แล้วด้วยไอเยน็ แหง่ พระพิรุณ
“ผ่านมา ฮืม.. ผ่านไป ฦๅหัวใจไม่เคยหยุดพัก เสาะหา
เรอ่ื ยมาความรกั รัก.. ฯลฯ”
เสียงบทเพลงอีสา ซึ่งเคยได้ยินมาเนิ่นนาน แว่วเข้ามาในห้วง
แห่งความคดิ ท่าใหน้ กึ เปรียบเทียบกับแสงศศิธรในขณะนี้
ท่านผู้ทรงความงามยามค่าคืน.. ท่านน้ันก็ผ่านมาและผ่านไป
เช่นกัน มิไดเ้ คยหยดุ พกั เลย มาเพ่ือใหส้ ตั วโ์ ลกไดย้ ลโฉมของท่าน
ผู้ท่มี ีความสุข กไ็ ดท้ ่านเปน็ เพื่อน เขาเหล่าน้ันจกั มองท่านด้วย
ธุลหี น่ึง..ในดวงจนั ทร์ ๓
รู้สึกว่าท่านช่ืนชมยินดีในความสุขนั้นด้วย หรือบางทีก็รู้สึกดังว่าท่าน
อวยพรใหเ้ ขาประสบแต่ความสุขตลอดไป
แตก่ ย็ ังมมี นุษย์อีกมิใชน่ อ้ ย ที่เปน็ ทุกข์อยา่ งแสนสาหัส เขาก็ยงั
ได้อาศัยท่านเป็นเพื่อนคลายทุกข์ คลายเหงา ท่านก็ยังยินดีท่ีจะเป็น
ดั่งกระโถนรองรับความทุกข์ต่างๆ ท่ีผู้มีความทุกข์ทั้งหลายพร่า
ระบายใส่ท่าน พวกเขาเหล่านั้นจักมองท่านด้วยรู้สึกว่า ท่านสงสาร
ทา่ นเหน็ อกเหน็ ใจ ทา่ นอยู่เคยี งขา้ งเขาประหนงึ่ คอยช่วยปลอบประโลม
ใจ และคอยเปน็ ก่าลังใจให้
จันทรเ์ อย..
แม้ข้าพเจ้าเองก็มิได้เป็นผู้ได้รับการยกเว้นจากค่าท่ีกล่าวมานี้
เพราะชีวิตของข้าพเจ้าที่ผ่านมาจนถึงบัดน้ี ก็ได้อาศัยท่านเท่าน้ันท่ีเป็น
กลั ยาณมติ รอันมัน่ คง ขา้ พเจ้าเหน็ ท่านเมอื่ ใด ก็เป็นอนั วา่ เห็นอดีตเม่ือ
น้ัน
๔ ธุลีหนึ่ง..ในดวงจันทร์
อดีต.. อันเต็มไปดว้ ยอารมณต์ ่างๆ ท้งั สุข สนุก รน่ื เรงิ จนแทบ
ส่าลักความสุขนั้น บางคราวกลับเป็นทุกข์ระทมใจ จนถึงแสนสาหัส
ซงึ่ สว่ นใหญ่ล้วนเปน็ ทุกข์เสียโดยมาก
ทุกข์เพราะประจวบกับอารมณ์อันไม่น่าชอบใจ ก็มาก..ทุกข์
เพราะพลัดพราก สูญเสยี สิ่งที่รักท่ีชอบใจก็ดูยง่ิ ใหญน่ กั ..
ท่านผู้มีบทจรยามราตรี คราใดท่ีเห็นท่าน ข้าพเจ้าก็เห็นทุกข์
ของข้าพเจ้าในเกือบจะทันที เพราะทุกข์เหล่านั้นข้าพเจ้าล้วนฝากฝังไว้
กับท่าน ขา้ พเจ้าจักทบทวนใหท้ ่านฟัง เผ่ือว่าบังเอิญมีใครเคยทุกข์หรือ
ก่าลังมีทุกข์เช่นที่ข้าพเจ้าเคยมี ถ้าท่านได้เห็นและเล่าให้เขาฟัง เขา
อาจจะไดป้ ระโยชน์บ้างก็ได้.
ธลุ ีหน่ึง..ในดวงจนั ทร์ ๕
จันทราเอย.. ทา่ นคงจ่าได้.
ข้าพเจ้าได้เกิดในตระกูลที่ใหญ่พอสมควร มีญาติมาก มีทรัพย์
ไม่น้อยหน้าใครในเขตน้ัน ท้ังการศึกษาก็ไม่มีใครยิ่งไปกว่าข้าพเจ้า
การกระท่าใดๆของข้าพเจ้าจึงมักมีคนสนใจมาก ย่ิงข้าพเจ้าไม่เคยท่า
ความเดือดร้อนให้ใคร มีแต่ท่าประโยชน์ให้ผู้อื่น ร่าเริง เข้ากันได้กับ
ทุกคนในละแวกน้ัน ไม่ว่าจะเป็นวยั ใด และมอี าชีพอยา่ งไร ข้าพเจ้าจึง
กลายเป็นบุคคลท่ีสังคมย่อยๆแห่งนั้นให้ความส่าคัญมาก มีงาน มี
ประชุมกันคราวใดจึงน้อยนักท่ีจะขาดข้าพเจ้า หลายคนถึงกับเอา
อปุ นสิ ยั ของขา้ พเจ้าไปแนะนา่ ส่ังสอนลกู หลานเลยทเี ดียว
ครั้งหนึ่ง.. ในคราวที่ข้าพเจ้ายังหนุ่ม ข้าพเจ้าได้บังเอิญรู้จักดรุณี
น้อยนางหน่ึง เธอเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านท่ีใกล้กันกับหมู่บ้านของข้าพเจ้า
เม่ือแรกที่ได้เจอเธอน้ัน เธอก่าลังดายหญ้าอยู่ในสวนแห่งหนึ่ง ซึ่ง
๖ ธลุ ีหนึง่ ..ในดวงจันทร์
เจ้าของสวนก็รู้จักคุ้นเคยกันดีกับข้าพเจ้า ทันทีที่ได้เห็น ข้าพเจ้ารู้สึก
ประทับใจไปท้ังหมดในส่งิ ทเ่ี ปน็ เธอ
เธออยู่ในชุดเหมือนชาวสวนท่ัวๆไปตามชนบท คือใส่เส้ือแขน
ยาวสคี ล้า่ ทบั เสอื้ ยดื ไวข้ า้ งใน นุง่ กางเกงขายาว ไม่ได้สวมหมาก ผม
ทดี่ กดา่ ยาวสลวยถูกมดั รวบไว้ดา้ นหลงั ด้วยผ้ารัดผมสีม่วง และปล่อย
ชายผมลงมาอย่างง่ายๆ ดูเป็นธรรมชาติ ผมด้านหน้าท่ีถูกดึงรวบไป
ข้างหลังด้วยน้ัน เผยให้เห็นดวงหน้าอันหมดจด สดใส ราวกับ
พระจันทร์ขนึ้ สบิ หา้ คา่ ทีไ่ รเ้ มฆหมอกมาปิดบัง
เมือ่ ขา้ พเจา้ เข้าไปใกล้ เธอไดห้ ันมามอง..
ดวงตาของเธอไม่ถึงกับด่าสนิท ไม่กลมโตนัก แต่ดูช่างสดใส
ออ่ นโยน เยา้ ยวนอยู่ในที
จมูกโด่งพองาม แก้มปล่ังด้วยเลือดฝาดแห่งวัยสาว ริมฝีปาก
แดงระเร่อื นอ้ ยๆ น้ัน มติ อ้ งใช้สิ่งใดมาแต่งแตม้ เลย
ธลุ หี น่ึง..ในดวงจนั ทร์ ๗
เธอสูงไม่มาก รูปร่างสมส่วน กิริยากระฉับกระเฉงว่องไวใน
กจิ การงานทที่ า่
แม่เอย.. ชา่ งงามกระไรปานน้ัน ข้าพเจ้าตะลึงไปชั่วขณะ และดู
เหมือนเธอเองก็จะตกใจด้วยเช่นกัน ท่ีข้าพเจ้าไปจ้องมองเธอด้วย
อาการเชน่ น้นั
เม่ือมีสติ ข้าพเจ้าก็ย้ิมนิดหนึ่งตามอุปนิสัยที่ย้ิมง่ายของข้าพเจ้า
ซง่ึ เธอก็ยมิ้ ตอบ มนั ทา่ ใหข้ ้าพเจ้ารู้สึกว่าหัวใจพองโตจนคับอก ข้าพเจ้า
รีบหยบิ เครอ่ื งมอื ที่ต้ังใจเข้ามาเอาและเดินจ่้าออกไปทนั ที
ข้าพเจ้าไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเหตุไฉนจึงท่าเช่นน้ัน ทั้งท่ีในใจยัง
ไม่อยากออกมาจากสวนแห่งน้ันเลย เมื่อเดินห่างมาได้เกือบสิบวา
ข้าพเจ้าอดไม่ได้ ต้องหันกลับไปอีก ก็ได้เห็นเธอก่าลังยืนนิ่งมอง
ข้าพเจ้าอยู่ และทันใดเธอก็รีบหันหลังให้ข้าพเจ้า ง่วนท่างานของเธอ
ตอ่ ไป
๘ ธุลีหน่งึ ..ในดวงจนั ทร์
ความอยากรู้แล่นเข้ามาจับข้ัวหัวใจทันที.. เธอเป็นใคร แถวน้ี
ข้าพเจ้าก็มาบ่อย ท่าไมจึงไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเลย และด้วยที่
เป็นคนตรงไม่ชอบอ้อมค้อม จึงได้เอ่ยถามเจ้าของสวนทันทีเม่ือมี
โอกาส
ก็ได้ความว่า เธอเป็นคนต่างถ่ิน ฐานะยากจน เธอมากับบิดา
และนอ้ งสาวอกี คนหน่งึ มาเทยี่ วรับจา้ งหางานทา่ ชาวสวนผู้นี้จึงรับไว้
และให้พกั อยใู่ นบ้านน้ันเอง
เธอมีช่ือว่า “มาริสา” ส่วนน้องสาวของเธอมีชื่อว่า “มาริณี”
เพียงได้ฟังช่อื ของเธอคร้งั เดียวขา้ พเจ้าก็รสู้ กึ ราวกับว่าเคยได้รู้จักมานาน
แสนนาน
บัดน้ันเป็นต้นมา ข้าพเจ้าพยายามหาเหตุไปยังบ้านสวนนั้นอย่าง
สม่าเสมอ สิ่งที่ข้าพเจ้ามีติดมือไปบ่อยๆ ก็คือขนมส่าหรับมาริณี ซ่ึง
ธลุ ีหนง่ึ ..ในดวงจนั ทร์ ๙
มีอายุเพียงสิบปี มาริณีจะเป็นเด็กที่คุยเก่ง สดใส ร่าเริงและฉลาด
เธอสนิทสนมกบั ขา้ พเจ้าอยา่ งรวดเร็วดว้ ยอานภุ าพแหง่ ขนมหวานน้นั
ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะพูดคุยกับมาริสาได้อย่างไร แม้มีโอกาส
ขา้ พเจ้าก็มิอาจเอ่ยค่าใดออกมาได้ จึงได้แต่สนทนากับเจ้าของบ้านและ
บิดาของเธอถงึ เรอ่ื งการงานอืน่ ๆ ท้งั ทีส่ ง่ิ ท่ีข้าพเจ้าต้องการสนทนามาก
ท่ีสุด คือเร่ืองราวอันเก่ียวข้องกับนางงาม ผู้มีนามอันแสนไพเราะว่า
‘มารสิ า’ เทา่ น้นั
ข้าพเจ้าอาศัยความคุ้นเคยกับมาริณี แอบบอกความในใจของ
ขา้ พเจ้า ฝากถงึ มารสิ า ต่อมาไมน่ านข้าพเจ้าก็ได้รู้เร่ืองความในใจของ
เธอบา้ ง มันเป็นเรือ่ งราวทนี่ า่ ลงิ โลดใจยิง่ นัก
แสงนวลแห่งรัชนีกรเป็นพยาน.. มาริสามีไมตรีตอบข้าพเจ้า เธอ
ก็รักข้าพเจ้า คร้ังแรกท่ีเจอกันในสวนน้ัน เป็นเหตุให้เธอถึงกับ
กระสับกระส่าย เฝา้ คอยวา่ ขา้ พเจา้ จะใยดใี นเธอบ้างหรอื ไม่และเมื่อเห็น
๑๐ ธลุ ีหนงึ่ ..ในดวงจนั ทร์
ว่าข้าพเจ้าพยายามแวะเวียนไปหาด้วยหวังไมตรี เธอดีใจมาก ถึงกับ
บางคร้ังคดิ เพลนิ จนท่าอะไรผิดพลาดไปบ้างก็มี
จันทรเ์ อย..
เมื่อได้ล่วงรู้ความนั้น คืนทั้งคืน ข้าพเจ้าได้แต่นอน
กระสับกระส่าย หาหลับลงไม่ ดวงหน้าของเธอได้มาลอยวนเวียนใน
หว้ งแหง่ ความคิดคา่ นงึ ของข้าพเจ้าอยู่ตลอดเวลา จะหลบั ตาหรือลืมตา
กย็ ังคงเห็นอยู่อยา่ งน้ัน
อนจิ จา.. ความรักเปน็ เช่นนี้หรือ...
จะว่าสุขก็สุขนัก เพราะเมื่อใดท่ีจิตใจนึกถึงเธอ นึกถึงรูปร่าง
ใบหน้า รอยย้ิม หรืออากัปกิริยาของเธอ ข้าพเจ้าจะรู้สึกอิ่มเอมใจ
ลืมเรื่องราวอื่นท้ังส้ิน คิดเพลิดเพลินล่องลอยไปตามอารมณ์น้ัน
สามารถน่ังย้ิมอยคู่ นเดยี วก็ได้ เหลยี วมองสิ่งไรๆ ก็ดูสวยสดงดงามน่า
ทศั นาไปทั้งหมด
ธุลหี น่ึง..ในดวงจนั ทร์ ๑๑
และจะว่าทุกข์ก็ทุกข์ไม่น้อยเลย เพราะการกระสับกระส่ายไปสู่
อารมณ์ท่ีโหยหา อยากพบ อยากสนทนา ปรารถนาอยู่ใกล้ชิดร่าไป
ถึงกับนอนไม่หลับ อึดอัดในอารมณ์ ล้วนเป็นความไม่สบายกาย ไม่
สบายใจ อันชอ่ื ว่าทกุ ข์ทง้ั ส้ิน
ข้าพเจา้ ไดเ้ คยสดบั มาว่า อนั ความรกั น้ันเกดิ ขน้ึ ได้สองทาง ทาง
หน่ึงเกิดจากการท่ีได้ท่าบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ประเภทน้ีจะมี
ไมตรใี หแ้ ก่กนั เม่ือแรกพบ หรือบางคร้ังเพียงได้ยินช่ือก็ให้จิตใจอ่อนไหว
แลว้
ส่วนอีกทางหน่ึง เกิดจากการที่ได้เกื้อกูลกันโดยประการต่างๆ
ในปัจจุบัน ประเภทนี้ตอ้ งอาศยั การเออ้ื เฟอื้ เผอ่ื แผ่พูดคยุ สนทนากัน จึง
ค่อยมไี มตรตี ่อกนั
ดังน้ี.. ข้าพเจ้าจึงม่ันใจว่า ข้าพเจ้ากับมาริสาต้องเคยท่าบุญ
ร่วมกนั มาอยา่ งไมต่ ้องสงสัย เพยี งแต่มอิ าจทราบไดว้ า่ ทา่ บญุ อะไรและ
๑๒ ธุลหี นึง่ ..ในดวงจนั ทร์
มากน้อยแคไ่ หนเทา่ น้ัน
จากวันนั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าก็กล้าที่จะสนทนากับมาริสามาก
ข้ึน แม้จะไม่สามารถพูดในสิ่งที่หัวใจเรียกร้องได้ แต่เพียงน้ันก็ท่าให้
หัวใจเป็นสุขนัก และย่ิงไม่มีโอกาสที่จะสนทนาภาษารัก ก็ย่ิงกลับท่า
ใหค้ วามรักของขา้ พเจา้ ท่มี ตี ่อมาริสานับวันจะยิง่ ทับทวคี ณู
ความรักของเราท้ังสองด่าเนินต่อมาอย่างดูดดื่มและแน่นแฟ้นยิ่ง
ข้ึน จากเร่ิมแรกต้องอาศัยมาริณีเป็นส่ือ มาถึงระยะนี้เรามีโอกาส
สนทนากันอย่างค่อนข้างเสรี เพียงแต่อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่เท่านั้น
บิดาของเธอไม่ได้กีดกันข้าพเจ้าแต่อย่างใด กลับยินดีเสียอีก เพราะ
เมือ่ รจู้ ักอุปนสิ ัยส่วนตัวของขา้ พเจ้าแล้วท่านก็ชอบพอกับข้าพเจ้าเป็นอัน
มาก ท่าให้ข้าพเจ้ามองเห็นความสดใสของอนาคต จินตนาการวาด
วิมานในอากาศถึงการครองรักคู่กันของสองเราอย่างสวยสดงดงาม
ธุลีหนงึ่ ..ในดวงจนั ทร์ ๑๓
ข้าพเจ้ารู้สึกเปรมปรีดิ์ย่ิงนัก มีก่าลังใจท่ากิจการงานสารพัด ด้วย
ปรารถนาให้ความฝันนน้ั รบี เป็นความจรงิ ข้นึ มา
มผี รู้ ทู้ ่านได้กลา่ วไวว้ า่ “ของดีมกั ได้มาโดยยาก” ค่าพดู ประโยค
นี้กเ็ กิดขึ้นกับขา้ พเจา้ จนได้
ดงั กล่าวแลว้ ว่า ขา้ พเจ้าเป็นทส่ี นใจของสังคม จะท่าอะไรท่ีไหน
อย่างไร มักถูกจับตามองเสมอ ยิ่งข้าพเจ้ามีความรัก ย่ิงดูเป็นเรื่อง
ใหญ่โตส่าหรับหมู่ชนเหล่าน้ัน ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ
นานา บางพวกก็ว่ามารสิ าไมค่ ู่ควรกับขาพเจา บางพวกกค็ อยเอาใจ
ชว่ ย ด้วยเห็นว่าเปน็ ความสุขของข้าพเจา้
เมื่อบรรดาญาติผู้ใหญ่ทราบชัดว่าข้าพเจ้ารักมาริสาจริง ความ
รกั ท่ดี ูวา่ จะราบรืน่ กพ็ ลันต้องมรสมุ ในทนั ที
ญาติผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าหลายคน ได้ต่าหนิข้าพเจ้าอย่างรุนแรง
วา ไปรักกับผูหญิงท่ีไมม ีหัวนอนปลายเทา เรรอน ไรห ลกั แหลง ไมมี
๑๔ ธลุ ีหนึ่ง..ในดวงจันทร์
ทรัพย์สมบัติอะไร ญาติสาโลหิตก็ไม่มีพอที่จะให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาใน
สังคมได้เลย ขืนเอามาเป็นสะใภ้ของตระกูลก็มีแต่จะปอกลอกและน่า
ความเสอ่ื มเสยี มาให้
อนจิ จา.. แม้บดิ าของข้าพเจ้าก็ยงั มีความคดิ เชน่ นั้น
ท่านผู้เปน็ ใหญ่กว่าดวงดาวท้งั หลาย...
ในขณะนั้น ข้าพเจ้ามิได้ไยดีกับค่าเหล่าน้ันเลย ใครจะว่าอย่างไร
ก็ช่าง ท้งั ที่ปกติข้าพเจา้ จะเปน็ คนหัวอ่อน เช่ือฟังให้ความเคารพผู้ใหญ่
ในตระกูลเป็นอย่างมาก มาบัดนี้ ข้าพเจ้ากลับคิดต่าหนิญาติผู้ใหญ่
เหลา่ นั้นด้วยซ่้าวา่
‘อะไรกนั มนุษยเ์ ราจะมองวา่ ดหี รอื เลว เพียงเพราะไมม่ ีท่ีอาศัย
เป็นของตัวเอง เพราะเร่ร่อน เพราะไม่มีสมบัติพัสถาน เพราะไม่มี
วงศาคณาญาติใหญ่โตกระน้ันหรือ ถ้าเลือกเกิดได้ ใครเล่าจะ
ปรารถนาเกดิ มาเปน็ คนจน เปน็ คนตอ้ ยต่าให้สังคมดูหม่ิน จะกล่าวไป
ธุลหี นง่ึ ..ในดวงจนั ทร์ ๑๕
แลว้ ผู้มีฐานะดที งั้ หลายก็ใช่วา่ จะเปน็ คนดีโดยทั่วไปเสียเม่ือไหร่กัน ที่
เอารัดเอาเปรียบ คดโกง กอบโกยสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อ่ืนก็
มากตอ่ มาก ไฉนญาตขิ องข้าพเจ้าจึงไม่คดิ ดูช่างไม่มเี หตุผลเลย’
ข้าพเจ้าจึงไม่ย่ีหระต่อค่าต่าหนิเหล่านั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่ามาริสา
เป็นคนดี ไม่มีทางเป็นผู้ปอกลอกอย่างเด็ดขาด และบรรดาทรัพย์
สมบัติใดๆ ก็มิได้เป็นเคร่ืองรับรองได้เลยว่า มีทรัพย์มากแล้วจะมี
ความสุข ข้าพเจ้าเชื่อในขณะน้ันว่า ความรัก ความเข้าใจกัน ความ
เอ้ืออาทรต่อกัน ความไว้วางใจกันและกันต่างหากที่จะบันดาลให้ชีวิตคู่
อยดู่ ้วยกันอยา่ งมคี วามสุข และเราทั้งสองกร็ ักกนั มาก
ข้าพเจ้าตั้งปณิธานว่าจะต้องแต่งงานกับมาริสาให้ได้ ท้ังเชื่อว่า
คณุ ความดีของเธอจะตอ้ งท่าใหค้ ่าพูดของคนทต่ี า่ หนนิ ั้นหมดความหมาย
และละอายแกใ่ จไปเอง
คา่ ของโหราจารย์ท่พี ดู ถงึ คนทโี่ ชครา้ ยซ่้าซ้อนวา่ ‘พระศุกร์เข้า
๑๖ ธุลีหนึง่ ..ในดวงจันทร์
พระเสาร์แทรก’ คงไม่ผิดนัก เมื่อมีเหตุการณ์ซ้่าร้ายย่ิงไปกว่าน้ันเข้า
มาอีก
เมื่อบิดาของมาริสารู้ว่าญาติผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าได้ดูถูกดูหม่ินถึง
ปานน้ัน ก็ไม่พอใจเป็นอันมาก ด้วยต่างก็มีศักดิ์ศรีของความเป็น
มนษุ ยเ์ หมือนกัน
ท่านได้กล่าวค่าต่าหนิญาติๆ และบิดาของข้าพเจ้า จนข้าพเจ้า
รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว แต่ก็แปลก.. แทนท่ีข้าพเจ้าจะโกรธ กลับไม่มี
เลย มเี พียงความละอายเปน็ อนั มากเทา่ น้ัน
ดาราธปิ ... ขอ้ น้ีท่านย่อมเข้าใจดี ว่าเปน็ เพราะเหตุใด.
เมื่อต่าหนิเป็นอันมากแล้ว สุดท้ายก็มาลงอารมณ์ท่ีข้าพเจ้า
โดยประกาศวา่ ไม่ใหม้ าริสาคบหากบั ข้าพเจา้ อกี ตอ่ ไป
ทันทีท่ีประโยคน้ันจบ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวชาไปทั้งแถบ หูอื้อไปครู่
ใหญ่ ดวงหทัยปานประหน่ึงกา่ ลงั ถกู คีมเหลก็ บบี ค้ัน ใหแ้ ตกทา่ ลายไป
ธลุ หี นง่ึ ..ในดวงจนั ทร์ ๑๗
ฉะนั้น
ข้าพเจ้าตะลึงมองไปท่ีบิดาของมาริสา อยากจะให้ค่านั้นเป็น
เพยี งความฝนั หรอื ข้าพเจ้าหูฝาดไปเอง แต่สภาพที่อยู่ตรงหน้าน้ีก็เป็น
เครือ่ งยืนยนั อยูแ่ ล้ว ข้าพเจ้าปรารถนาจะกล่าวอะไรหลายๆอย่าง แต่
หามีเสียงใดๆ หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของข้าพเจ้าไม่ มันได้แต่
กอ้ งกงั วานอยใู่ นอกเทา่ นั้น
และเมื่อเหลือบสายตาไปมองยอดดวงใจของข้าพเจ้าซึ่งน่ังอยู่
ห่างๆ ก็ได้เห็นว่าเธอมีอาการตระหนกเช่นกัน ต่อมาข้าพเจ้าก็เห็นน่้า
ใสๆ ล้นไหลออกจากดวงตาซึ้งแสนสวยคู่นั้น ทันใด.. เธอก็รีบลุกขึ้น
เดินเขา้ ห้องไปอยา่ งรวดเรว็
ขา้ แตท่ า่ นผู้เป็นดวงมณียามรตั ติกาล...
ข้าพเจ้ารู้สึกดังว่าดวงใจได้ถูกกระชากออกไปจากทรวงอกฉะน้ัน
เมอื่ ได้เหน็ น้่าตาของอนงคผ์ ู้เป็นท่รี กั ยง่ิ จิตใจสั่นหวิว มึนงงไปชัว่ ขณะ..
๑๘ ธลุ หี นงึ่ ..ในดวงจันทร์
แต่ก็รีบตงั้ สติ และพูดกบั บดิ าของมารสิ าว่า
“คงไม่เป็นไรกระมังขอรับ บรรดาญาติๆ ของข้าพเจ้าเขายังไม่
คุ้นเคยกับครอบครัวของท่าน และอาจใจแคบไปบ้าง แต่เช่ือว่าถ้าเขา
เขา้ ใจและคนุ้ เคยดีแลว้ เขาต้องไมค่ ดิ เชน่ นั้นอกี แน่ๆ”
ข้าพเจ้าพยายามหาเหตผุ ลมาอ้าง อธิบายแก้ตัวแทนบรรดาญาติ
ผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าสารพัดที่จะกล่าว แต่บิดาของมาริสาหาฟังไม่
สดุ ทา้ ยขา้ พเจา้ กต็ ้องขอตัวกลบั มา
ถึงบ้านแล้วข้าพเจ้ารีบเข้าห้อง นั่งนึกทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่
เพิ่งผา่ นไปไมน่ านนกั ด้วยรู้สกึ แสนสบั สนวุ่นวายใจ
นี่มนั อะไรกัน.. มันเกิดอะไรขึ้น ท่าไมเหตุการณ์เช่นน้ีถึงได้เกิดมี
แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าผิดอะไรหรือ หรือว่ามีความผิดท่ีเกิดมาเป็นคนดี
ของตระกูลใหญ่ หรอื โชคชะตา.. พรหมลิขติ .. เลน่ ตลกอะไร…
ขณะนัน้ ขา้ พเจ้าไดแ้ ตน่ กึ โทษไปทัว่ ดว้ ยอารมณท์ ่แี สนจะสับสน
ธลุ หี นึง่ ..ในดวงจนั ทร์ ๑๙
วุ่นวาย ย่ิงนึกเห็นภาพน้่าตาของมาริสา ก็ยิ่งให้ห่วงหาอาวรณ์เป็น
ท่ีสุด
มาริสา.. ป่านน้ีเธอคงร่าร้องไห้กับหมอนในท่ีนอนของเธอ..
ดวงตาคู่งามคงตอ้ งมีอนั บอบช้่า.. ผิวกายที่ผุดผ่องด้วยเลือดฝาดในวัย
สาว คงต้องเศร้าหมอง.. ดวงหนา้ ของเธอคงซีดเซยี ว.. ผมงามสลวย
คงมอี ันยุง่ เหยงิ ดว้ ยไมม่ ีกะจติ กะใจจะจัดให้เรียบร้อยได้รูปทรง.. ดวงใจ
น้อยๆ ของเธอจะชอกช่า้ สกั ปานใด..
ย่ิงคิด ข้าพเจ้าก็ย่ิงวุ่นวายใจ หาความสุขไม่ได้เลยในทุก
อิริยาบถ ทุกอย่างท่ีมองเห็นดูขัดตา น่าร่าคาญไปเสียทั้งหมด…
ข้าพเจ้าได้แต่นึกชี้โทษไปที่ญาติของข้าพเจ้าท่ีช่างไม่มีเหตุผลเสียเลย
ทั้งบิดาของเธอก็มีส่วนท่ีท่าให้เรื่องราวเป็นอย่างน้ีท่ีไม่ยอมฟังเหตุผล
เช่นกนั ก็ญาตขิ องขาพเจา ไม่พอใจ พากนั พดู ตา่ งๆ นานา แต่น่นั กไ็ ม่
เกยี่ วกบั ข้าพเจ้านนี่ า ทั้งขา้ พเจา้ ก็พยายามอธิบายแล้ว
๒๐ ธุลหี นึง่ ..ในดวงจนั ทร์
แม้มีอุปสรรคดังกล่าวแล้ว ข้าพเจ้าก็มิได้ละความพยายาม
ยงั คงเทยี วไปเทียวมาอยู่อย่างสม่าเสมอ หาโอกาสและช่องทางท่ีจะให้
บิดาของมารสิ ายอมรับขา้ พเจ้าอีกครงั้ แมใ้ ครจะว่าอย่างไรข้าพเจ้าก็หา
ไดย้ อ่ ทอ้ ไม่
และในท่ีสุด ความพากเพียรของข้าพเจ้าก็เป็นผลค่าพูดท่ีว่า
“ตื้อเท่าน้ัน ท่ีครองโลก” ยังคงใช้ได้อยู่ในกรณีของข้าพเจ้า จากการ
ที่ข้าพเจ้าแสดงความจริงใจอย่างเปิดเผยเป็นเหตุให้สามารถเอาชนะใจ
บิดาของเธอได้ในที่สุด ด้วยไม่ขัดขวางความรักของเราทั้งสอง อันท่า
ใหข้ า้ พเจ้าและมาริสาดีใจย่งิ นกั
คร้ังหนง่ึ ..
วันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๑๒ ปีเถาะ อันเป็นวันท่ีชาว
พทุ ธจะท่าพิธีลอยกระทง เพ่ือบชู ารอยพระพทุ ธบาทของพระสมณโคดม
สมั มาสัมพทุ ธเจา อนั ประดษิ ฐานอยทู ร่ี มิ ฝัง่ แมน ้าํ นมั มทานที
ธลุ หี นงึ่ ..ในดวงจนั ทร์ ๒๑
ประทีปโคมไฟต่างๆ จะถูกจุดข้ึนและปล่อยล่องลอยไปตาม
แมน่ ่้าล่าคลอง หรือชายหาดริมทะเล ในเวลาท่นี า้่ เอ่อข้นึ เต็มตลิ่ง ยัง
แม่น่้าล่าคลองน้ันให้ระยิบระยับไปด้วยโคมเทียน ประหนึ่งดังว่าเก็บ
ดวงดาวจากฟากฟา้ มาประดบั ไว้ท่ผี ืนน่า้ ฉะนั้น
ทา่ นผเู้ ป็นทพี่ ่ึงแหง่ ดอกกมุ ทุ ...
คืนน้ัน.. ท่านช่างงดงามนัก ด้วยท้องนภาท่ีสดใสสะอาด
ปราศจากร้ิวรอยเมฆใดๆ มาแผ้วพาน ท่าให้ท่านสามารถเปล่ง
ประกายแสงอันเจิดจ้าได้อย่างเต็มท่ี ท้ังรัศมีเป็นวงกว้าง ท่ีท่านแผ่ไป
โดยรอบ หรือทีเ่ รยี กวา่ ทรงกลดนนั้ ยงิ่ ขบั ใหท้ ่านงดงามข้ึนอีกเป็นทับ
ทวี ดวงดาวปรากฏใหเ้ หน็ น้อยเต็มทีดว้ ยถูกรัศมแี หง่ ทา่ นบดบังเสยี สน้ิ
สายลมเหนือ แผ่วพล้ิวมาเพียงบางเบา ประคองผืนน้่าท่ีเต็ม
ตล่ิงนั้นให้สงบน่ิง เพ่ือจะได้รองรับประทีปบูชาอันพุทธศาสนิกชนท้ัง
ปวงปลอ่ ยไปดว้ ยหวงั บญุ กศุ ล เพ่ือยังส่งิ ทต่ี นปรารถนาใหเ้ ป็นจริง
๒๒ ธลุ ีหนงึ่ ..ในดวงจันทร์
เท่ียงคืนตรง.. คนท่ีมาลอยกระทงต่างพากันทยอยกลับไป
หลังจากที่ได้ลอยกระทงน้ันเรียบร้อยแล้ว มีบ้างท่ีหลงเหลืออยู่เพื่อจะ
ได้ชมโคมเทียนประดับแม่น้่าให้จุใจ หรือบ้างก็หาโอกาสใกล้ชิดกับ
บุคคลท่ีตนรกั
ขา้ พเจ้ากบั มาริสาลอยกระทง ภายหลังที่คนกลับไปกันแล้วเป็น
ส่วนใหญ่ เราต่างอธิษฐานร่วมกันว่า
“ขอให้รักของสองเรา จงอย่ามีอุปสรรคใดๆ มาขวางกั้นอีก
เลย”
จากน้ันกระทงท้ังสองก็ถูกปล่อยออกไป ต่างค่อยๆ เคลื่อน
อยา่ งออ้ ยองิ่ ดงั มอิ ยากจากรมิ ฝัง่ เลย
แสงเทียนโยกไหวเพียงแผ่วเบา ตามลมท่ีเกือบจะนิ่ง ควันธูป
ไหลไปเป็นสายยาว แล้วค่อยๆ คล่ีกระจายหายไปกับอากาศ กระทง
ท้ังสองเกาะเกีย่ วกนั มหิ า่ ง..
ธุลีหนึ่ง..ในดวงจนั ทร์ ๒๓
พลัน.. เหตุการณ์เล็กๆ ท่ีมิคาดก็บังเกิดข้ึน มีปลาตัวหน่ึง ไม่
ใหญ่โตอะไรเลย ได้ผุดขึ้นมาตรงที่ใกล้กระทงของเรา แม้ไม่รุนแรงแต่
ก็เพียงพอ ที่จะท่าให้กระทงของเราค่อยๆ แยกจากกันและล่องลอยไป
คนละทางในทสี่ ุด
ข้าพเจา้ หันหนา้ ไปมองมาริสา ซ่ึงเธอก่าลังมองมาด้วยสีหน้าที่ไม่
ดเี ลย อนิจจา.. ก็ใช่วา่ ขา้ พเจ้าจะสดชืน่ เสยี เม่ือไรกนั
ข้าพเจ้าดึงไหล่ของมาริสาเข้ามากอดแนบแน่นด้วยดวงใจระทึก
พรอ้ มทัง้ ปลอบประโลมวา่
“ไม่มอี ะไรหรอก.. เปน็ เรื่องของธรรมชาติ ไม่เก่ียวกับเราในเม่ือ
เราต่างรักกันออกอย่างน้ี ในโลกนี้ยังจะมีส่ิงใดอีกหรือท่ีจะสามารถ
บันดาลให้พี่คลายรักไปจากเธอได้ จงดูศศิธรนั้นเถอะ.. แสงศศิธรเจิด
จรัสในวันเพ็ญได้ฉันใด รักพี่ท่ีมีต่อเธอยังเจิดจรัสกว่าน้ัน.. ดวงดาวไม่
เคยขาดฟ้าฉันใด รักพี่ที่มีต่อเธอก็จะยังคงมีอยู่เสมอไม่หมดไป.. ดูน่้า
๒๔ ธลุ หี นึ่ง..ในดวงจนั ทร์
น่ัน..! น้่าไหลจากท่ีสูงไปสู่ที่ต่า ไหลมาชั่วนาตาปีไม่เคยขาด ไม่เคย
หมด แตก่ ลบั เต็มบรบิ รู ณอ์ ยู่เสมอฉันใด.. มารสิ าเอย.. ฉันนน้ั แล.. รักท่ี
พมี่ ตี อ่ เธอ กจ็ กั บริบูรณ์อยู่ ไม่ขาดสายดัง่ นา่้ นั้น..”
ข้าพเจ้ากล่าว พร้อมท้ังจุมพิตอย่างแผ่วเบา ที่ไรผมนุ่มนวล
ของมาริสา.. เธอโอบกอดข้าพเจ้าไว้แนบแน่น ดังว่าจะยื้อยุดไว้ มิให้
ใครแย่งไปฉะน้ัน
จากนนั้ .. เราท้งั สองต่างพรา่ ร่าพนั กันแต่เรอื่ งของความรัก ท่าให้
จิตใจมีแต่สดช่ืน วาดหวังถึงความสุขอันจักมีมาในอนาคต ครานั้น..
บรรยากาศแห่งรัก ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ต่างให้ค่ามั่นว่าจะรักกัน
ตลอดไป และพากนั ลมื เรอ่ื งกระทงไปเสยี สนิ้ .
..........
ธุลหี น่งึ ..ในดวงจนั ทร์ ๒๕
ตอ่ มา.. มนิ านนกั
ครอบครวั ของมาริสา ปรารถนาจะท่ากิจการงานอย่างหนึ่ง แต่
ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอ จึงไปกู้ยืมเงินจากครอบครัวของ “นนท์” ซ่ึง
เป็นเพ่ือนที่ค่อนข้างสนิทกันกับข้าพเจ้า และมีฐานะดีเกือบไม่ด้อยกว่า
ข้าพเจ้า แต่นนท์เป็นคนชอบเท่ียวเตร่ ค่อนข้างส่าอาง อุปนิสัยส่วน
ใหญ่ตรงข้ามกับข้าพเจ้าแทบทั้งสิ้น นนท์.. จึงไม่โดดเด่นเหมือนกับ
ข้าพเจา้
บิดาของมาริสา เลือกกู้เงินจากครอบครัวของนนท์แทนท่ีจะกู้
จากครอบครวั ของข้าพเจา้ กด็ ว้ ยเหตุผลท่ีเคยปรากฏมาแล้วน่นั เอง
ตอ่ มา.. กิจการนน้ั ล้มเหลว บิดาของมารสิ าไมส่ ามารถจะหาเงิน
มาใช้หน้ีได้หมด ทุกชีวิตในครอบครัวจึงต้องท่างานหนักสารพัด
เพ่ือให้ได้เงินมาขัดดอก ข้าพเจ้าแสนจะสงสาร แต่มิอาจช่วยเหลือได้
เพราะข้าพเจา้ เองยงั ต้องทา่ งานให้บดิ า และใช้เงินทีบ่ ดิ าหยิบยนื่ ให้ จึง
๒๖ ธุลหี นึ่ง..ในดวงจันทร์
ไดแ้ ต่เพยี งมขี องก่านัล และกา่ ลงั ใจเมื่อไปหาเทา่ นน้ั
วันหนึ่ง บิดาของข้าพเจ้าใชใ้ หข้ ้าพเจา้ ไปควบคุมกิจการของท่านที่
เพิ่งริเริ่มใหม่ เป็นกิจการเล็กๆ แต่อยู่ต่างเมือง เม่ือข้าพเจ้าทราบ
ขอ้ ความน้นั ให้รู้สกึ เสียววูบในอก
อกเอ๋ย.. ข้าพเจ้าไม่อยากจากไปเลย เพราะนั่นหมายถึงข้าพเจ้า
ต้องจากมาริสาไปแสนนานในความรู้สึก กว่าจะได้พบกันแต่ละครั้งคง
ยากเย็นนัก แต่ขา้ พเจ้ากไ็ ม่กลา้ พอทจ่ี ะขดั ขนื ค่าสงั่ ของบดิ า
คืนหนึ่ง.. เป็นข้างข้ึน คงประมาณ ๗ - ๙ ค่าเห็นจะได้
เพราะข้าพเจา้ จ่าได้ว่าสามารถเหน็ ทา่ นปรากฏบนทอ้ งฟ้าไดต้ งั้ แตแ่ สงระวี
ยังมิได้อัสดงคตไป ท่านปรากฏข้ึนมาแล้วครึ่งดวง ทอแสงอันนวลตา
ลูบไล้ผืนโลกอย่างชุ่มเย็น.. อ่อนโยน ยามแสงสูรย์ลับหายไปใต้ปฐพี
แลว้
ธลุ ีหน่งึ ..ในดวงจนั ทร์ ๒๗
ปลายฤดูหนาวเช่นยามนี้ เมฆหมอกจะปรากฏให้เห็นไม่มากนัก
ทอ้ งฟ้าจึงมักโปรง่ ใส ดังนนั้
.....ราตรใี ดท่ีไรเ้ ดอื นเคล่อื นเวหา
.....ดวงดาราจักแขง่ ขนั กันอวดโฉม
.....ครั้นปรากฏพมิ พิกาท้าโพยม
.....ประดจุ โคมสอ่ งฟ้ายามราตรี
.....ทงั้ นภาทนั ใดใสสวา่ ง
.....ดาวเคยพรา่ งอบั อายยา้ ยหลบหนี
.....ให้จนั ทราวาววบั ทับทวี
.....จรสั ศรปี ระดบั ฟ้าใหน้ ่าชม.
อากาศไรแ้ ลว้ ซ่งึ ความหนาวเยน็ เหลือแต่เพียงนามเท่านั้น ท่ียัง
ไดข านกันว่า เหมนั ตฤดู.. แมส ายลมท่ีเคยพัดพาใหเ ย็นยะเยอื ก ก็
เหลอื เพยี งความทรงจ่า อาจมีบา้ งท่ีเป็นลมจากทศิ อืน่ ปรากฏข้นึ เมือ่
๒๘ ธลุ ีหนง่ึ ..ในดวงจันทร์
กลางวัน แต่เมื่อสิ้นแสงสูรยส์ อ่ งโลก ก็จักพากันสงบนิง่
คืนน้ัน.. ข้าพเจ้าไปหามาริสาตามปกติ ได้เล่าเร่ืองราวท่ีข้าพเจ้า
ต้องไปอยู่ต่างเมืองให้เธอฟัง ซ่ึงเราทั้งสองต่างหดหู่ใจให้รูสึกอาลัยซ่ึง
กนั และกนั นัก แตก่ ต็ กลงกันว่าจะติดต่อกันทางจดหมาย มาริสามอบ
ภาพถ่ายของเธอให้ข้าพเจ้ามาภาพหนึ่งเป็นภาพท่ีถ่ายจากด้านขวาคร่ึง
ล่าตัว เอียงใบหน้าหันมามองกล้อง และแย้มย้ิมอย่างอ่อนหวาน
ดา้ นหลังของภาพนน้ั ได้ถกู บรรจงเขียนขนึ้ ดว้ ยลายมือเจา้ ของวา่
“ภายใต้แสงสูรยน์ ี้ จักไมม่ ีสิง่ ใด มาทา่ ให้ฉันเลิกรักพ่ีได้” และ
ลงชื่อ “มาริสา” ไวท้ ม่ี ุมลา่ งดา้ นขวา
ข้าพเจ้าก็ได้ให้ภาพถ่ายของข้าพเจ้าไว้แก่เธอเช่นกันแต่เขียนข้าง
หลังสน้ั ๆ วา่ “รกั ” และลงชอ่ื ข้าพเจ้าไว้เช่นกัน
รุ่งเช้า.. ข้าพเจ้าออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ซ่ึงต้องแรมคืนระหว่าง
ทางด้วยคืนหนงึ่ จึงจะเดินทางไปถงึ ยังท่ีหมาย ข้าพเจ้ารู้จักคุ้นเคยกับ
ธุลีหนงึ่ ..ในดวงจนั ทร์ ๒๙
ผู้ใหญ่บ้านท่ีต้องเข้าไปพักแรมคืนอยู่แล้ว จึงมิต้องเป็นกังวลแต่
ประการใด
กิจการดังกล่าวที่บิดาข้าพเจ้ามอบหมายให้มาดูแลนั้น เป็น
กิจการรา้ นอาหาร ที่อยู่ในเมืองใหญ่ เร่ืองราวท่ีต้องคอยสอดส่องจึงมี
มาก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ล่าบากอะไรนัก เพราะคนงานของข้าพเจ้ามีมาก
ซึ่งทุกคนรับผิดชอบงานของตนเป็นอันดีและสิ่งส่าคัญท่ีท่าให้ข้าพเจ้ามี
ก่าลงั ใจทา่ งานนนั้ ก็คอื ..จดหมาย
ทกุ สปั ดาห์ ขา้ พเจ้าและมาริสาต่างได้รับจดหมายของกันและกัน
เนื้อความในนั้นก็ล้วนมีแต่พร่าร่าพันถึงแต่เร่ืองของความรักอย่างมิรู้
หนา่ ย
ข้าพเจ้าจินตนาการวาดฝันไว้ในใจว่า อีกไม่นานนักก็จะถึงฤดู
บวชแล้ว ข้าพเจ้าจะบวชเพ่ือทดแทนพระคุณของมารดาบิดา เพียง
สามเดือน ก็ลาสิกขา จากน้ันข้าพเจ้าก็จะสามารถ สู่ขอยอดรักของ
๓๐ ธลุ ีหนงึ่ ..ในดวงจันทร์
ข้าพเจ้ามาเป็นคู่ครอง อันใครๆ จักครหาเราไม่ได้แล้วในเมื่อถึงเวลา
นั้น.
ท่านผปู้ ระเสริฐกวา่ ดวงดาวทง้ั หลาย..
ครัง้ น้ัน.. ข้าพเจ้าคิดคา่ นวณเหตกุ ารณ์ตา่ งในอนาคตไวห้ มดทกุ สิ่ง
ซ่งึ ลว้ นเป็นความคิดทเ่ี ขา้ ขา้ งตวั เองท้งั ส้ิน เชน่ จินตนาการไปวา่ ..
เมือ่ ถึงวนั บวชของข้าพเจ้า งานคงถูกจัดขึ้นอย่างมโหฬาร คร้ัน
ถึงเวลาเวียนรอบโบสถ์ก่อนเข้าอุปสมบท ข้าพเจ้าจะต้องมีมาริสาคอย
เดินเคียงคู่พะนออยู่ไม่ห่าง เม่ือต้องจากกันขณะนั้น เราคงต่างใช้
สายตามองกันดว้ ยแสนอาลยั นัก
บวชแล้ว.. ข้าพเจ้าจะไปบิณฑบาตท่ีบ้านของเธอทุกวันแม้จะอยู่
ห่างจากวัดถึงกว่าหา้ สิบเส้นก็ตามที สงิ่ ที่มาริสาใส่บาตรมา มันคงท่า
ให้ข้าพเจ้าเจริญอาหารได้ตลอดท้ังพรรษา เมื่อออกพรรษาแล้ว
ข้าพเจ้าจะรีบลาสิกขา และจะรีบรบเร้าให้บิดาไปสู่ขอเธอให้ได้ ใครจะ
ธลุ ีหนง่ึ ..ในดวงจนั ทร์ ๓๑
ว่าทิดใหม่ใจร้อนก็ช่าง จากนั้นเราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด วันนั้น..
เจ้าสาวของข้าพเจ้าต้องท่าให้แขกเหร่ือในงานพากันตะลึงด้วยความงาม
เปน็ แน หลงั จากแตงงานแลว เราจะถอ ยทถี อยอาศัยซึง่ กนั และกัน
จะมีบุตรกันสักสองหรือสามคน ครอบครัวของเราคงอบอวลไปด้วยไอ
อุ่นแห่งความรัก ฯลฯ. และอน่ื ๆ อีกสารพัด..
แตอ่ นิจจา.. มิทราบวา่ กรรมใดช่างบนั ดาล..
ดาราธิปเอย... ท่านย่อมทราบดี เพราะข้าพเจ้าก็เคยได้ระบาย
อารมณ์เล่าให้ท่านฟังคร้ังหน่ึง เมื่อเหตุการณ์นี้บังเกิดข้ึนใหม่ๆ จะ
เปรยี บวา่ ฟ้าผา่ ลงมากลางแดดคงไมผ่ ดิ นกั เมื่อ..
วันนั้น.. ข้าพเจ้าจ่าได้ดีว่า เป็นวันศุกร์ ขึ้น ๑๔ ค่า เดือน
๕ ปีมะโรง อันเป็นวันท่ีท่านสามารถเปล่งรัศมีได้ดีเกือบที่สุด
ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากมาริสา ซ่ึงเธอเขียนด้วยตัวบรรจงสวยงาม
เปน็ ปกติทุกอย่าง แตเ่ นอื้ ความในน้ัน ท่าให้ข้าพเจ้ามึนงงประหน่ึงถูก
๓๒ ธลุ ีหนงึ่ ..ในดวงจนั ทร์
ค้อนทุบศีรษะอย่างจัง ข้าพเจ้าอ่านเน้ือความนั้น ด้วยมืออันส่ันเทา
เธอเขยี นวา่ ..
ถึง.. พี่ที่สุดรัก
ในขณะท่ีพ่ีอ่านหมายฉบับนี้ ฉันขอให้พ่ีระงับจิตใจให้เป็น
ปกติ อยา่ เพ่อววู่ ามใดๆ และขอได้โปรดเหน็ ใจฉันดว้ ย
ตง้ั แตพ่ ี่ไปอยตู่ ่างเมอื งนนั้ ได้มเี หตกุ ารณ์อย่างหนึ่งเกิดข้ึน
แต่ฉันไม่เคยเล่าให้พ่ีฟัง กลัวว่าพ่ีจะไม่สบายใจ มาบัดน้ีจ่าเป็น
แล้วที่ฉันต้องเล่าให้พ่ีได้รับทราบเนื่องจาก นนท์เพื่อนของพี่นั้น
เขาพยายามมาเกี้ยวพาราสีฉันอยู่เสมอ ฉันไม่เคยรังเกียจเขา
หรอก ด้วยเขาเปน็ เพอื่ นของคนที่ฉันรักสุดหัวใจ แต่เขากลับท่า
อย่างนี้ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไร รู้แต่เพียงว่า
นนท์เขาไม่น่าจะท่าอย่างนี้ จวบกระท่ังสัปดาห์ที่แล้ว เขาพา
ธุลีหนงึ่ ..ในดวงจนั ทร์ ๓๓
ผู้ใหญ่และพ่อแม่ของเขามาสู่ขอฉันกับคุณพ่อ ทั้งยังพูดถึงเร่ือง
หนี้สินท่ีกู้ยืมเขามา และคุณพ่อไม่มีจะชดใช้ เขาว่าถ้ายกฉัน
ให้กับนนท์ เขาจะยกหน้ีสินให้ท้ังหมด ส่วนค่าสินสอดต่างหาก
ซึ่งทางเขาเสนอให้เป็นเงินก้อนใหญ่มากในท่ีสุดคุณพ่อก็ตอบตก
ลงกับเขาไป ฉันตกใจมากเม่ือทราบเร่ืองราวทั้งหมด พยายาม
ช้ีแจงกบั คุณพอ่ สารพดั ว่าฉันกบั พรี่ ักกนั ปานใด ท้ังคุณงามความ
ดีของพี่จะหาชายใดมาเปรียบได้ ซ่ึงคุณพ่อก็พยายามยกเหตุผล
ตา่ งๆ นานา ซง่ึ ลวนเปน ประโยชนต อ่ ฉนั แทบท้ังสิน้ เชน่ บอกว่า
พ่ีเป็นคนดีก็จริง แต่ตระกูลของพ่ีเป็นตระกูลใหญ่ ท้ังยังชอบดู
หม่ินผู้อ่ืน รังเกียจคนจน และพี่เป็นคนหัวอ่อน เป็นคนดี มี
หรือจะสามารถหาญหักน้่าใจผู้ใหญ่ได้ สุดท้ายท่านถึงกับอ้อน
วอนให้เห็นแก่ท่าน อย่าให้ท่านต้องเสียคนเพราะลูกเลย ยก
บุญคุณสารพัดมาอ้าง ซ่ึงล้วนท่าให้ฉันเอ่ยอะไรไม่ออก เพราะ
๓๔ ธลุ ีหน่ึง..ในดวงจนั ทร์
เป็นความจริงท้ังสิ้น ที่สุดฉันก็จ่าต้องรับค่า ด้วยใบหน้าที่นอง
ดว้ ยนา้่ ตา
พ่ีท่ีรัก.. ฉันคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่มานึกถึง
บุญคุณของคุณพ่อ ท่ีย่ิงใหญ่ล้นฟ้าล้นแผ่นดินถ้าฉันท่าอย่างใด
อย่างหน่ึงอันเป็นเหตุให้ท่านต้องเสียหน้าเสียใจ ท้ังแผ่นดินต้อง
ตราหน้าว่าฉันเป็นคนเนรคุณและคงจะเป็นตราบาปประทับไว้มิให้
ฉันเปน็ สุขในทุกภพ ทุกชาติ
ยอดดวงใจของฉนั .. ฉนั เขา้ ใจดวี า่ พี่จะตอ้ งเสียใจสกั เพยี งใด
เมอื่ ได้ทราบข่าวนี้ ขอเถิด.. ฉันขอให้พ่ีส่ารวมจิตใจให้สงบ และ
โปรดจงตัดใจจากฉันเสียเถิด คิดเสียว่าฉันเป็นคนเลว ไม่คู่ควร
กับพี่เลย แม้เพียงน้อยนิด และความจริงก็เป็นเช่นน้ัน ฉันเลว
นัก.. แม้เพียงสัญญาท่ีมั่นต่อกันในคืนลอยกระทงก็มิอาจรักษา
คนเช่นฉันรังแต่จะท่าให้คุณความดีของพี่ตกไปเปล่าๆ ฉันบุญ
ธุลีหนง่ึ ..ในดวงจนั ทร์ ๓๕
น้อย มิอาจอยู่คู่ปรนนิบัติพ่ีได้ ขอฉันไปตามยถากรรมของฉัน
แม้ดวงฤทัยจะโศกเศร้าอาดูรสักเพียงใดก็ตาม ฉันขอรับเอา
ความทกุ ข์นัน้ ไว้แตเ่ พียงผู้เดียว
ฉันขอลาพีไ่ วแ้ ตเ่ พียงเท่าน้ี ขอพี่รักษาสขุ ภาพให้ดดี ้วย
รักตราบช่ัวนจิ นริ นั ดร์
“มาริสา”
ข้าพเจา้ ถือจดหมายอ่านกลับไปกลบั มาอยูห่ ลายรอบ จนแน่ใจว่า
ตาของข้าพเจ้ามิได้ฝาด มิได้ฝันไป จากนั้นก็ยืนน่ิง.. นานเท่าไรมิ
อาจรู้ มารู้ก็ต่อเมื่อ ได้เห็นกระดาษแผ่นน้ันเปียกชุ่มไปด้วยน่้าตาท่ี
ไหลออกมาโดยที่ข้าพเจา้ มไิ ดร้ ้สู กึ ตัวตง้ั แต่แรก
และแล้ว ข้าพเจา้ กข็ ย่ากระดาษแผ่นน้ันจนเป็นก้อนกลม ขว้าง
ทิง้ สพู่ ้นื ใชเ้ ท้าเหยียบ ขย้แี ล้วขยี้เลา่ .. จนสาแก่ใจ
๓๖ ธุลหี น่งึ ..ในดวงจนั ทร์
จากที่รักที่สุด กลับกลายเป็นเกลียดจับข้ัวหัวใจ ในขณะน้ัน
ข้าพเจ้าอยากจะแล่นไปเค้นคอเธอให้ตายคามือ นังคนหลายใจ..
ข้าพเจ้าไม่เชื่อหรอกว่ามาริสาจะรักข้าพเจ้าดังเขียนมาในจดหมายนั้น
จริง เพราะถ้าเธอรักปานนั้นจริง ไฉนเลยอุปสรรคเพียงเท่านี้จะถึงกับ
ท่าใหเ้ ธอต้องรบี แลน่ ไปแต่งงานกบั ผอู้ ืน่
ท้ังในจดหมายก็กล่าวว่า เจ้านนท์มันเวียนมาเก้ียวพาราสีเป็น
ประจ่า โบราณว่า ‘น่้าหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน’ นับประสาอะไร
กับใจคน ถูกลมปากทุกๆ วัน ฦๅจะไม่ท่าให้โอนอ่อนผ่อนตาม เหตุ
นั้น มาริสาจะต้องมีใจกับเจ้านนท์ด้วยแน่ๆ มิฉะน้ัน เพียงเวลาหนึ่ง
สัปดาห์จากวันท่ีเจ้านนท์มาสู่ขอ ย่อมจะไม่สามารถท่าให้เธอตกลงได้
เปน็ อันขาด
เหตุใดหนอ.. เธอจึงช่างเลวร้ายนัก ครั้งข้าพเจ้ามีอุปสรรค
ขาพเจา เพยี รพยายามต่างๆ นานา สารพัดทีท่ า่ ในที่สุดก็ผา่ นพนมาได้
ธุลหี นง่ึ ..ในดวงจนั ทร์ ๓๗
แตส่ า่ หรับเธอ.. พอมที างเลอื กใหม่ใหเ้ ดิน กเ็ ขี่ยทางเกา่ ทง้ิ ไมไ่ ยดี
วันน้ัน ใครก็เข้าหน้าข้าพเจ้าไม่ได้ พาลพาหาเร่ืองกับบริวาร
ทันทีที่พบหน้า กลายเป็นคนคลุ้มคล่ัง ไร้เหตุผล อันเป็นเหตุให้
บรวิ ารท้ังหลายมองมายงั ขา้ พเจ้าดว้ ยสายตาเปน็ หว่ ง
ทา่ นผ้มู ีรศั มีอันเยอื กเยน็ ...
คืนนั้นเอง ท่านก็ทอแสงงดงามจับตานัก แม้จะยังไม่เต็มดวง
บริบูรณ์ ด้วยเป็นวัน ๑๔ ค่า แต่ก็มิได้ท่าให้ความงามของท่าน
ลดลงแตอ่ ย่างใด รอบรัศมีของท่านไร้แล้วซึ่งเมฆหมอกทั้งหลายอันจะ
พาลพาให้ท่านหมองมัว จะมีบ้างก็เพียงเบาบางปรากฏอยู่ริมขอบฟ้า
เท่านั้น ดาราน้อยใหญ่ที่เคยมีให้เห็นมากมายยามเดือนดับ ก็พลันส้ิน
รศั มีกันไปเกอื บส้ินดว้ ยอ่านาจแหง่ ทา่ น
สายลมเงียบสงดั ต้นไม้รอบบริเวณตา่ งพากันยืนน่งิ มิอาจขยับใบ
แมน้ อ้ ย ดังว่าหวาดกลัวขา้ พเจา้ จะพาลหาเรอื่ งขตู่ ะคอกเขา้ ใส่กระนน้ั
๓๘ ธุลีหน่งึ ..ในดวงจนั ทร์
ข้าพเจ้าจดจ่าได้มิรู้ลืมว่าได้ระบายเร่ืองราวใส่ท่านสารพัด มีทั้ง
ความรัก ความหลังทแ่ี สนหวาน สุดอาลัยในอดีตนั้น และความทุกข์
ระทมใจสดุ อาดูรอยู่ในปัจจบุ ัน
ท่ีส่าคัญ.. ข้าพเจ้าต้องขออภัยต่อท่านด้วย ที่คืนน้ันข้าพเจ้าก็มิ
วายกล่าวโทษท่าน หาว่าทา่ นใจรา้ ย ใจดา่ ไรซ้ ง่ึ เมตตากรุณาต่อมวล
มนษุ ย์ ไม่ยอมดแู ลรกั ษาความรักของข้าพเจ้าและมารสิ าไวใ้ ห้ดี
ค่าคืนนั้น ข้าพเจ้าบ่นเพ้อให้ท่านฟัง ทั้งด่ืมสุราอย่างหนัก ซ่ึง
ปกติแล้วข้าพเจ้าจะไม่ดื่มเลยถ้าไม่มีเหตุจ่าเป็น ครั้นเมามายก็พูดพร่า
แต่เร่ืองของมาริสา ทั้งในใจก็เคียดแค้นไปถึงเจ้านนท์ เจ้ามิตรปฏิรูป
อยากจะฆ่ามันเสียนัก มันก็รู้อยู่เต็มอกว่าข้าพเจ้ารักมาริสาเพียงใด
มนั ยงั ทา่ ได้ เมอื่ มนั ไมร่ า่ ลึกถงึ ความเปน็ มิตร ข้าพเจ้ากพ็ ร้อมท่ีจะเป็น
ศตั รูเช่นกนั
ดว้ ยที่แคน้ นกั และมนึ เมาสุรา ข้าพเจ้ากร็ เิ รม่ิ คิดวางแผนอันชั่ว-
ธลุ หี น่งึ ..ในดวงจนั ทร์ ๓๙
ร้ายทนั ที คดิ หาทางจะก่าจัดเจ้านนท์ท่ีเป็นดุจหนามยอกอก คิดจะฉุด
พามาริสาท่ีบังอาจนอกใจมาเป็นของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่สน
ใครอีกตอ่ ไปวา่ เขาจะครหานนิ ทาหรอื ไม่
ข้าพเจ้าคิดอย่างคนไร้สติว่า ญาติ ตระกูลและความเป็นคนดี
ของสงั คมอันมีอยู่ในตัวของข้าพเจ้านี้ก็มีส่วนท่ีพลัดพรากมาริสาไปจาก
ข้าพเจ้า แล้วไฉนข้าพเจ้ายังจะต้องไปไยดีกับสิ่งเหล่านี้อีก และอีก
สารพัดท่ีผลัดกันเวียนเข้ามาในห้วงความคิด ซ่ึงล้วนแต่เป็นเหตุของ
ความวิบตั ทิ ง้ั ส้นิ จนกระทั่งหลบั ไปเมื่อไรไม่รตู้ ัวตรงชานบ้านน้ันเอง
รู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกคร้ังเม่ือสายของวันใหม่บนเตียงนอนอันอ่อนนุ่ม
ในห้องของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าลุกขึ้นน่ังสลัดศีรษะไล่ความมึนงงจาก
พิษสุราที่ยังค่ังค้างอยู่ รู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดจึงมาอยู่ในห้องได้ แต่ก็
มารู้ภายหลังว่าบริวารของข้าพเจ้านั่นเองที่เป็นผู้น่าเอาข้าพเจ้าเข้ามา
นอนในหอ้ งเมือ่ เห็นเจ้านายของพวกเขาหมดสติไปแล้ว
๔๐ ธุลหี นงึ่ ..ในดวงจนั ทร์ ให้คนท่ีข้าพเจ้า
วันน้ัน.. ข้าพเจ้ารีบจัดวางแผนงานต่างๆ
ไว้วางใจเป็นพิเศษเป็นผู้ท่างานแทนช่ัวคราว คร้ันรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง
ข้าพเจา้ กร็ ีบเดนิ ทางกลับบา้ นทันทดี ้วยอารมณ์อันขุ่นมวั หาความสุขมิได้
เลย ซ่ึงการเดินทางกลับนั้น ก็ยังต้องพักที่บ้านผู้ใหญ่ในระหว่างทาง
อีกเชน่ เดิม
บริเวณบ้านของผู้ใหญ่ท่านน้ีเป็นบ้านสวนบรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่
อยา่ งชนบท
ขา้ พเจ้าไปถึงก็เย็นมากแล้วเม่ือได้อาบน่้าช่าระร่างกายให้บริสุทธ์ิ
จากเหงื่อไคลแล้วก็ออกมาเดินเล่นในสวนร่มร่ืนน้ัน ด้วยอากาศท่ีสด
ชื่นในสวนผลไม้ที่ปลูกแบบสวนผสมนั้นเอง ท่ีช่วยให้ความรู้สึกอันข้ึง
เคียดทง้ั หลายค่อยผอ่ นคลายลง
การสนทนาเรื่องราวต่างๆ ระหว่างข้าพเจ้าและผู้ใหญ่เป็นไป
ในขณะรับประทานอาหารเยน็ ซ่งึ ข้าพเจา้ ก็มิได้ปดิ บังเรอ่ื งราวใดๆ ท่ี
ธลุ ีหนึง่ ..ในดวงจนั ทร์ ๔๑
เกดิ ขึ้น
หลังจากเสร็จธุระเรื่องปากท้องแล้วผู้ใหญ่ก็กล่าวว่า “เม่ือวานน้ี
มีพระธุดงค์องค์หนึ่งมาปักกลดใกล้ๆ นี่เอง พอกลางคืนชาวบ้านก็ไป
หาและกลับมาคยุ กนั ว่าทา่ นพูดดเี หลือเกนิ แปลกวา่ พระบ้านเราท่ัวๆ ไป
คืนน้ีว่าจะลองไปเท่ียวหาดูซักหน่อย ไปด้วยกันซี.. เผ่ือจะได้ยินอะไร
แปลกๆ และเปน็ ประโยชน์บ้างกไ็ ด้
ข้าพเจ้าก่าลังรุ่มร้อนใจอยู่กับเรื่องความรักไม่มีกะจิตกะใจจะไป
หาพระ ด้วยคิดว่า พระจะไปมีอะไร ท่านก็สงบกาย สงบใจไปตาม
เร่ืองของท่านเป็นบุคคลท่ีรองรับทานแล้วจะมีประโยชน์กับข้าพเจ้าได้
อยา่ งไร ประโยชน์ของข้าพเจ้าในขณะนั้นมีเพียงว่าท่าอย่างไรจะได้มาริ
สาคนื มาเทา่ น้ัน
แต่คิดอีกที.. อยู่บ้านก็เท่านั้นไปเดินเที่ยวชมนั่นชมน่ีก็ดีว่านั่งอยู่
กับบ้าน ดีเหมือนกัน อาจจะได้เห็นหรอื ไดย้ นิ อะไรท่ีผ่อนคลายอารมณ์
๔๒ ธุลหี นึง่ ..ในดวงจนั ทร์
ได้บ้าง จงึ ตกลงไปหาพระกบั ผใู้ หญบ่ า้ นในค่าคนื น้ัน
เพ่ิงผ่านพน้ วนั เพ็ญไปเพียงวนั เดียว ศศธิ รเอย... คนื น้ันท่านยังคง
ปรากฏโฉมอวดชาวโลกอีกคร้ังในเวลาท่ีเทพเจ้าแห่งทิวาลาลับโลกไป
เพียงครเู่ ดยี ว แสงนวลแห่งท่านที่โผล่พ้นแมกไม้ข้ึนมาทางทิศบูรพาน้ัน
ยังคงน่าพิสมัยอยเู่ หมอื นเดมิ มแิ ปรเปล่ยี นไป แม้จะมีปุยเมฆบางเบามา
รบกวนบา้ งในบางคร้ัง กห็ าไดท้ า่ ใหท้ า่ นลดความงามลงไม่
ในเวลาก่งึ กลางของปฐมยามแหง่ ราตรนี ั้น...
ณ โคนต้นมะม่วงใหญ่ร่มครึ้ม บริเวณชายป่าห่างจากบ้านของ
ผใู้ หญ่ไมม่ ากนกั
ท่ามกลางแสงเทียนอันเย็นตาที่โยกไหวเพียงแผ่วเบาดังร่ายร่า
ดว้ ยทว่ งท่าอันอ่อนโยนตามสายลมทเ่ี บาบางจนแทบจะไมร่ สู้ ึก
พระภิกษุรูปหน่ึงสวมใส่จีวรคร่าคร่า แต่ดูไม่สกปรกก่าลังน่ัง
หลับตาในท่าขัดสมาธิ กายตั้งตรง.. นิ่งปานหุ่น รองรับด้วยอาสนะสี
ธุลหี นงึ่ ..ในดวงจนั ทร์ ๔๓
น่า้ ตาลเขม้ ใต้อาสนะผา้ ลงไปกย็ ังมีผ้าผืนขนาดปูนอนได้อีกผืนหน่ึง ซึ่ง
ทาบทับอยู่บนใบไม้ที่ถูกวาดมาเรียงกันเพ่ือปกป้องดินโคลนมาเปรอะ
เปื้อน
ขา้ งกายของภิกษุรูปนัน้ เหน็ มีเพยี งย่ามทีม่ ีของหลายอย่างอยู่ข้าง
ในวางอยู่ทางซ้ายมือ ข้างๆ ย่ามมีจีวรที่พับไว้เรียบร้อยดีวางอยู่บน
บาตรท่ีค่อนข้างใหญ่อันตั้งอยู่บนเชิงบาตรที่ส่าเร็จด้วยหวายถักอย่าง
ประณีต ถัดไปอีกนิดยังมีกาน้่าอีกใบหนึ่ง ซ่ึงแสนจะเก่าเต็มที เบื้อง
บนศีรษะของท่านมีร่มกลดที่กางเรียบร้อยแล้วห่อหุ้มด้วยมุ้งกลดสี
น่้าตาลเข้ม และรวบมุ้งกลดมัดไว้ให้เป็นระเบียบผูกห้อยอยู่กับก่ิง
มะม่วงใหญ่ต้นนั้น นอกน้ันก็มองไม่เห็นว่ามีอะไรท่ีเป็นสมบัติของท่าน
อีก
เบื้องหน้าของท่านออกไปเป็นกลุ่มชาวบ้านสิบกว่าคนรวมท้ัง
ขา้ พเจา้ ด้วย ตา่ งนงั่ คอยท่านอยา่ งเงยี บสงบไร้ซ่ึงการกระท่าใดๆ อนั
๔๔ ธุลีหน่ึง..ในดวงจนั ทร์
จะเป็นเหตใุ หม้ เี สยี งรบกวนเกดิ ข้นึ
รูปร่างของท่านผอมบาง แก้มตอบ ไม่สูงนัก อายุคงไม่เกินส่ี
สิบปีโดยประมาณ จัดว่าเป็นวัยท่ียังไม่แก่ ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจขึ้นมา
ว่า เหตุใดหนอ.. ภิกษุรูปนี้ยังจัดว่าเป็นหนุ่มแท้ๆ ท่าไมมาอยู่เสีย
อย่างน้ี นา่ จะขวนขวายหาทรพั ย์สมบตั ิ สร้างฐานะ หาความสุขใส่ตัว
บ้าง มาละทิ้งความร่ืนรมย์อันพึงได้ มาล่าบากกายอยู่กลางป่า
กลายเป็นผู้ไร้ทรัพย์สมบัติ ชีวิตจะมีค่าอะไร.. น่าเสียดายแท้ เอ...
หรือท่านจะผ่านชีวิตมาเยอะจนเบื่อแล้ว.. หรืออาจจะมีทุกข์อันยิ่งใหญ่
ดงั ข้าพเจา้ หรือไร
ข้าพเจ้ามัวคิดเพลิน ท่าให้ลืมเร่ืองราวความทุกข์ของตนไป
ชว่ั ขณะ ครใู่ หญต่ ่อมา ท่านก็ลืมตาข้ึนและเพ่งสายตามายังข้าพเจ้าใน
เกือบจะทันที เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าถึงกับสะดุ้ง แต่คาดว่าท่านอาจไม่
เจตนา เน่อื งจากข้าพเจา้ น่ังอยูข่ า้ งหลังคนอ่นื และแสงสวา่ งกม็ ีไม่
ธลุ หี นึง่ ..ในดวงจนั ทร์ ๔๕
มากนัก
เม่ือหลังจากท่ีท่านได้สนทนาไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกับชาวบ้าน
ครหู่ น่งึ ทา่ นกเ็ รมิ่ กล่าวในสิ่งอันเป็นสาระแห่งชีวิต ท่านกล่าวถึงทุกข์
อันมนุษย์ได้รับกันอยู่ทุกๆ วัน รู้ตัวบ้างก็มี ไม่รู้ก็มี ท่านยกข้ึนมา
เป็นข้อๆ อาทิเช่น ทุกข์เพราะการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย
หนาว ร้อน หิวกระหาย ความประสบกับส่ิงที่ไม่น่าชอบใจ ความ
พลดั พรากจากสงิ่ ท่รี ักที่ชอบใจ เป็นต้น นี้ล้วนเป็นทุกข์
ท่านกล่าวถึงรายละเอียดในแต่ละอย่าง ข้าพเจ้าจ่าไม่ได้มากนัก
ที่จ่าได้แม่นย่า คือทุกข์เพราะความพลัดพรากจากส่ิงที่รักที่ชอบใจ
โดยกล่าวว่า ความพลัดพรากจากสิ่งท่ีรักท่ีชอบใจนั้นเป็นตัวทุกข์ แต่
สาเหตุที่ท่าให้เกิดทุกข์หาใช่ความพลัดพรากไม่ แต่เป็นความรักความ
ผูกพันต่างหากเล่า ความรักคือความยึดมั่นถือมั่นด้วยตัณหาคือความ
ทะยานอยาก อยากได้อยากมดี ว้ ยราคะคือความก่าหนัด ยินดีพอใจใน
๔๖ ธลุ หี นงึ่ ..ในดวงจนั ทร์
รูป เสยี ง กล่นิ รสและส่ิงสมั ผัสทางกาย แล้วมาคิดว่าสิ่งนั้น ส่ิงน้ี
เป็นเรา เป็นของเรา ปรารถนาจะให้อยู่กับเรา การคิดปรุงแต่งไปเอง
น้ัน เรียกว่า ‘สังขาร’ การยึดถือจะให้มาเป็นของเรา เรียกว่า
‘อุปาทาน’ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงนั้น ส่ิงไรๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น
วัตถุสิ่งของ อารมณ์สุข-ทุกข์ หรืออื่นใดในโลกล้วนไม่คงที่ มีความ
อุบัติขึ้นในเบื้องต้น ต้องแปรไปในท่ามกลาง ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้
สุดท้ายก็ต้องแตกดับสลายหายไปหมดส้ิน ไม่หลงเหลือส่ิงใดให้ยึดถือ
เอาเปน็ แก่นสารสาระได้เลยแม้แต่อยา่ งเดยี ว
เมื่อธรรมชาติเขาเป็นของเขาอยู่อย่างนี้ บุคคลใดก็ตามท่ีเข้าไป
ยึดถือเอาว่าสิ่งน้ันสิ่งน้ี คนน้ันคนนี้ อารมณ์นั้นอารมณ์นี้ เป็นเรา
เป็นของเราด้วยตัณหาและทิฏฐิคือความเห็นผิดจากธรรมชาติ บุคคล
นั้นย่อมพบประสบทุกข์อย่างแสนสาหัส เม่ือส่ิงที่ตนเข้าไปยึดถือเอา
ดว้ ยอา่ นาจของความเห็นผดิ น้ัน ต้องมอี ันเปล่ยี นแปลงแตกสลายดับไป
ธุลหี น่ึง..ในดวงจนั ทร์ ๔๗
ตามสภาวะของธรรมชาติ ฯลฯ.
..เหตุน้ัน ทุกข์เพราะความพลัดพรากในส่ิงที่รักจึงมี ตัวรักน้ัน
นั่นเองท่ีเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ และความที่ไม่รู้สภาวธรรมตามที่เป็นจริง
นั่นเองทีเ่ ป็นเหตใุ ห้เกดิ รกั ...
สาธ.ุ . ข้าพเจา้ แทบนา่้ ตาคลอ นั่น.. ท่านเทศน์ให้ใครฟังล่ะหรือ..
ท่านเจาะจงใครหรือ ถ้าไม่ใช่ข้าพเจ้า เม่ือพิจารณาตามแล้วท่าให้
ขา้ พเจา้ เร่มิ เขา้ ใจว่า
เออหนอ.. แทจ้ ริงเราเป็นทุกข์แทบตาย ใครเขาทา่ ให้ คนอนื่ เขา
รักกับคนอ่ืน คนอ่ืนเขาแต่งงานกับคนอ่ืนมากมาย มีกันทั่วโลก
ท่าไมเราไม่เดือดร้อน ถ้าเราไม่ได้รักไม่มีจิตผูกพันด้วยอ่านาจราคะใน
มาริสา เราหรือจะต้องเสวยทุกข์อยู่ในขณะน้ี เราไปรักเขาเอง เราไป
ยึดถือเข้ามาเองว่าจะต้องเป็นของเรา เราท่าร้ายตัวเองแท้ๆ เพียง
เพราะไม่รู้จักความเป็นจริงของชีวิต ชีวิตท่ีต้องมีการพลัดพรากเป็น