ดนตรียุ รี ยุ ค โรแมนติก
สมัย มัโรแมนติค (ROMANTIC) คนตรีส รี มัย มั นี้เ นี้ ริ่มริ่ประมาณ ค.ศ. 1825-1900 สมัย มั โรแมนติค เริ่มริ่ต้นขึ้น ขึ้ ในตอนต้นของศตวรรษที่ 19 แต่รูปแบบของ ดนตรีโรี รแมนติคเริ่มริ่เป็น ป็ รูปแบบขึ้น ขึ้ ในตอนปลายของ ศตวรรษที่ 18 แล้วโดย มีเบโธเฟนเป็น ป็ ผู้นำผู้ นำ และเป็น ป็ รูปแบบ ของเพลงที่ยัง ยั คงพบเห็น ห็ แม้ใม้ นศตวรรษที่ 20 นี้ สมัย มั นี้เ นี้ป็น ป็ ดนตรีที่ รีที่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึ รู้ ก สึ ของ ผู้ ประพัน พั ธ์อ ธ์ ย่าย่งมาก ผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เพลงในสมัย มั นี้ไนี้ ม่ไม่ด้แต่งเพลง ให้กั ห้ กั บเจ้านายของตนดังในสมัย มั ก่อนๆ ผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เพลงแต่ง เพลงตามใจขอบของตน และขายต้นฉบับ บั ให้กั ห้ กั บสำ นัก นั พิมพิพ์ เป็น ป็ ส่วส่นใหญ่ ลักษณะดนตรีจึ รีจึ งเป็น ป็ ลักษณะของผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เอง ลักษณะ เฉพาะของดนตรียุ รี ยุ คนี้ ประกอบไปด้วยลักษณะของแนว ทำ นองที่เต็มไปด้วยการบรรยายออกของความรู้สึ รู้ ก สึ การแบ่งบ่ วรรคตอนของเพลงยืด ยื หยุ่นยุ่ ไม่แม่น่นน่อน การประสานเสีย สี งมี การพัฒ พั นาไปมาก มีค มี อร์ด ร์ ใหม่ๆม่เพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ มาเพื่อ พื่ ใช้บ ช้ รรยาย ออกซึ่ง ซึ่ อารมณ์ความรู้สึ รู้ ก สึ ดนตรีใรี นยุคนี้เ นี้ ริ่มริ่มีก มี ารประพันธ์บรรยายเรื่อ รื่ งราว (PROGRAM MUSIC)และเพลงที่มีลั มีลั กษณะเป็น ป็ ชาตินิยนิม(NATIONALISM)มีม มี าก ผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เ ธ์ พลงต่างเน้น น้ ลักษณะดนตรีปรี ระจำ ชาติของตน โดยนำ ทำ นองหรือ รื ลักษณะเพลงประเทศของตนมาเป็น ป็ วัตถุดิบในการแต่งเพลง
ดนตรีใรี นยุคนี้เ นี้ ริ่มริ่มีก มี ารประพัน พั ธ์บ ธ์ รรยายเรื่องราว (PROGRAM MUSIC)และเพลงที่มีลั มีลั กษณะเป็น ป็ ชาตินิยนิม(NATIONALISM)มีม มี าก ผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เ ธ์ พลงต่างเน้น น้ ลักษณะดนตรีปรี ระจำ ชาติของตน โดยนำ ทำ นองหรือ ลักษณะเพลงประเทศของตนมาเป็น ป็ วัตถุดิบในการแต่ง เพลง ดนตรีส รี มัย มั โรแมนติกมีลั มีลั กษณะของแนวทำ นองที่เต็มไปด้วย การบรรยายความรู้สึ รู้ ก สึ มีแ มี นวทำ นองเด่นชัด ชั ลักษณะการ แบ่งบ่วรรคตอนเพลงไม่ตม่ายตัว การประสานเสีย สี งได้พัฒ พั นา ต่อจากสมัย มั คลาสสิกสิทำ ให้เกิดการคิดคอร์ดใหม่ ๆ เพิ่มพิ่ขึ้น เพื่อ พื่ ใช้แ ช้ สดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึก มีก มี ารนำ คอร์ดที่ เสีย สี งไม่กม่ลมกลืนมาใช้ม ช้ ากขึ้น ขึ้ มีก มี ารใช้โช้ น้ตนอกคอร์ด ร์ บัน บั ไดเสีย สี งที่มีโมี น้ต น้ ครึ่ง รึ่ เสีย สี ง (chromatic scale) การเปลี่ยน บัน บั ไดเสีย สี งหนึ่ง นึ่ไปอีกบัน บั ไดเสีย สี งหนึ่ง นึ่ อย่าย่งคาดไม่ถึม่ ถึ ง การ ประสานเสีย สี งแบบสหศัพ ศั ท์ (homophony) ยัง ยั คงเป็น ป็ ลักษณะเด่นสืบ สื เนื่อ นื่ งมาจากสมัย มั คลาสสิกสิการใช้เ ช้ สีย สี งดังเบา มีตั้ มี ตั้ งแต่ ppp ไปจนถึง fff คีตลักษณ์ของเพลง (form) ยัง ยั คงเป็น ป็ แบบโซนาตาฟอร์ม ร์ แบบสมัย มั คลาสสิกสิแต่มีค มี วาม ยืด ยื หยุ่นยุ่ของโครงสร้า ร้ ง
ในยุคนี้ด นี้ นตรีบ รี รรเลงและบทเพลงสำ หรับเปีย ปี โน เป็นที่ นิยนิมประพัน พั ธ์กั ธ์ กั นมากขึ้น ขึ้ ลักษณะของวงออร์เคสตราจะมี ขนาดใหญ่ขึ้ญ่ขึ้ น ขึ้ ตามแต่ผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เพลงจะกำ หนด เพลง คฤหัส หั ถ์หรือ รื เพลงสำ หรับชาวบ้า บ้ นเป็น ป็ ที่นิยนิมประพัน พั ธ์กั ธ์ กั น แต่เพลงโบสถ์ก็ยัง ยั คงมีก มี ารประพัน พั ธ์อ ธ์ ยู่เยู่ช่นช่กัน ในลักษณะ ของเพลงแมส ที่ใช้เ ช้ พื่อ พื่ประกอบศาสนพิธี และเพลงเรเควี ยม ที่ใช้ใช้ นพิธีพิศ ธี พ สำ หรับ รั บทเพลงอุปรากร และเพลงร้อ ร้ งก็ มีพั มี ฒ พั นาการควบคู่ไป เนื้อ นื้ ร้อ ร้ งมีตั้ มี ตั้ งแต่การล้อการเมือ มื ง ความรัก รั ไปจนถึงเรื่อ รื่ งโศกนาฏกรรม ในยุคนี้เ นี้ป็น ป็ สมัย มั ชาตินิยนิมทางดนตรีด้ รี ด้ วย (Nationalism) คือ คีตกวีจะแสดงออกโดยใช้ทำ ช้ ทำนองเพลงพื้นเมือ มื ง ประกอบไว้ในเพลงที่แต่ งขึ้น ขึ้ หรือ รื แต่งให้มี ห้ สำ มี สำเนียงของ ชาติตนเองมากที่สุด สุ โดยใช้บัน บั ไดเสีย สี งพิเศษของแต่ละชาติ ซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ ผลให้ค ห้ นในชาติเดียวกันเกิดความรักใคร่กร่ลมเกลียว กัน รัก รั ชาติบ้า บ้ นเมือ มื งเกิดความหวงแหนทุก ทุ สิ่งทุก ทุ อย่าย่งบน แผ่นผ่ดินที่อาศ ัยอยู่ เช่นช่ซีเ ซี บลิอุส (Jean Sibelius) แต่ง เพลง ฟินฟิแลนเดีย (Finlandia) โชแปง (Frederic Chopin) แต่งเพลง มาซูกา (Mazurka) และโพโลเนียส (Polonaise) นอกจากนี้ยั นี้ ง ยั มีคี มี คี ตกวีชาติอื่นๆ อีกมาก
ยุคโรแมนติด(Romantic period) เป็น ป็ ยุคของดนตรีร รี ะหว่างคริสริต์ศตวรรษที่ 19 (ราว ค.ศ. 1825-1900) ลักษณะเด่นของดนตรีใรี นยุคนี้ คือ เป็น ป็ ดนตรีที่ รีที่ แสดงความรู้สึ รู้ ก สึ ของนัก นัประพัน พั ธ์เ ธ์ พลงเป็น ป็ อย่าย่งมาก ฉะนั้น นั้ โครงสร้า ร้ งของดนตรีจึ รีจึ งมีห มี ลากหลายแตกต่างกันไปในราย ละเอียด โดยการพัฒนาหลักการต่างๆ ต่อจากยุคคลาสสิกสิ หลักการใช้บั ช้ นไดเสีย สี งไมเนอร์แ ร์ ละเมเจอร์ ยัง ยั เป็น ป็ สิ่งสิ่สำ คัญ ลักษณะเด่นทางด้านดนตรี
ตัวอย่า ย่ งเครื่อ รื่ งดนตรีใรี นยุคโรแมนติก ออร์แ ร์ กนนั้น นั้ อาจจะ เป็น ป็ ไม้ หรือ รื โลหะ ก็ได้ ซึ่ง ซึ่ จะส่งส่ผลให้มี ห้ เ มี สีย สี งที่ แตกต่างกัน และ ออร์แ ร์ กนหนึ่ง นึ่ เครื่อ รื่ ง สามารถทำ เสีย สี งต่าง ๆ ได้เท่า ๆ กับเครื่อง ดนตรีห รี ลายชิ้นมารวม กัน ดังนั้น นั้ ออร์แ ร์ กนจึง สามารถเล่นได้ทั้งแนว ทำ นอง และแนวเดิน เบส โดยไม่ต้ม่ ต้ องพึ่ง พึ่ พา เครื่องดนตรีอื่นใด
ดับเบิลบิเบส มีชื่ มีชื่อ ชื่ เรีย รี กหลายชื่อ ชื่ เช่นช่สตริงริเบส คอนทราเบส เบส วิโอล ดับเบิลบิเบสเป็นเครื่อ รื่ ง ดนตรีที่ รีที่ที่นิยนิมเล่นใน วงออร์เ ร์ คส ตรา และ วงเครื่อ รื่ งสาย ซึ่ง ซึ่ มีต้ มี ต้ น กำ เนิดนิมาจากโลกตะวันตก เป็น ป็ หนึ่ง นึ่ในเครื่อ รื่ งดนตรีต รี ระกูล กู ไวโอลิน ไวโอลิน เป็น ป็ เครื่องดนตรีที่ทำ ให้ เกิดเสียงระดับเสียงสูงในกลุ่ม เครื่องดนตรีคลาสสิกประเภท เครื่องสาย ซึ่ง ซึ่ มีต้ มี ต้ นกำ เนิดนิมาจาก โลกตะวันตก เป็น ป็ เครื่องดนตรี ตระกูล กู ไวโอลินที่เล็กที่สุด
ตัวอย่า ย่ งคีต คี กวีใวี นยุคโรแมนติก จิอะซิโซิ น รอสชินี ชิ นี (Gioacchino Rossini) ผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เ ธ์ พลงชาว อิตาเลียน เกิดเมื่อ มื่ วันที่ 29 กุม กุ ภาพัน พั ธ์ ค.ศ.1792 ที่เมือ มื งเปซาโร (Pesaro) เรีย รี นดนตรีค รี รั้ง รั้ แรกกับพ่อพ่และแม่ซึ่ม่ซึ่ง ซึ่ พ่อพ่เป็น ป็ ผู้เผู้ล่นฮอร์น ร์ และ ทรัม รั เปต ส่วส่นแม่เม่ ป็น ป็ นัก นั ร้อ ร้ งที่มีเ มี สีย สี งใสต่อมาจึงได้เรียนการประพันธ์ ดนตรีแ รี บบเคาน์เ น์ ตอร์พ ร์ อยท์ อย่าย่งจริงริจังกับTesei และ Mattei ที่เมือ มื งโบ โลญา (Bolongna) รอสชินีชิมี นี ชื่ มีชื่อ ชื่ เสีย สี งจากการประพัน พั ธ์โอเปร่าร่และโอ เปร่าร่ชวนหัว หั มีแ มี นวการแต่งเพลงแบบค่อย ๆ พัฒ พั นาความสำ คัญของ เนื้อ นื้ หาดนตรีที รี ที ละน้อ น้ ยไปจนถึงจุดสุด สุ ยอดในที่สุด สุ ผลงานที่มีชื่ มีชื่อ ชื่ เสีย สี ง ได้แก่ La Scala di Seta, La Gazza Ladra, La Cenerentola, Semiramide, The Baber of Seville และ William Tell
ริช ริ ชาร์ท ร์ วากเนอร์ (Richard Wagner) เป็น ป็ คีตกวี วาทยกร ผู้กำ กับมหรสพ และนัก นั โต้วาทีชาวเยอรมัน มั เขาถือเป็น ป็ ผู้ทรงอิทธิพธิลที่สุด สุ ในวงการอุปรากร ชีวิ ชีวิตของวากเนอร์นั ร์ บ นั ว่ามีสี มี สั สี น สั มาก เคยลี้ภัยการเมือ มื ง วนเวียนเรื่องรักใคร่ มากมาย เดี๋ยวตกยากเดี๋ยวได้ดี ด้วยเหตุนี้ ตุ นี้ ผลงานของเขาทั้งคีตกรรมและการ ละครจึงมีค มี วามย้อ ย้ นแย้ง ย้ กันเองขึ้น ขึ้ กับช่วช่งเวลา เช่นช่ผลงานของเขาเรื่อง Die fliegende Hollander ("บุรุษดัตช์ล่ ช์ ล่องนภา") แต่งขึ้น ขึ้ ขณะที่เขาโดยสารเรือเพื่อ หนีห นี นี้แ นี้ ล้วเผชิญชิพายุ ระหว่างนั้น นั้ ก็ได้รับ รั ฟัง ฟั ตำ นานของเรือฟลายอิงดัตช์แ ช์ มน ทั้งหมดนี้เ นี้ป็น ป็ แรงบัน บั ดาลใจแก่เขา ผลงานเด่นที่สุด สุ ของเขาคือเรื่อ รื่ ง แหวนของนีเ นี บอลุง ซึ่ง ซึ่ ถือเป็น ป็ อุปรากรที่ยิ่ง ใหญ่ที่ญ่ที่สุด สุ ของศตวรรษ เขาใช้เ ช้ วลาแต่งเรื่อ รื่ งนี้ถึ นี้ถึ ง 26 ปีแ ปี ละมีค มี วามยาวถึง 15 ชั่ว ชั่โมง เป็น ป็ เรื่อ รื่ งเกี่ยวกับเทวตำ นาน มีทั้ มี ทั้ งคนแคระและยักษ์ อุปรากรเรื่องนี้มี นี้ มี อิทธิพธิลต่อนวนิยนิาย เดอะลอร์ด ร์ ออฟเดอะริงริส์ ของเจ. อาร์.ร์ อาร์. โทลคีน จูเซปเป แวร์ดี ร์ ดี เอกกวีอุปรากรชาวอิตาลีซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ คู่แ คู่ ข่งข่ของเขา ยกย่อย่งเขาว่า เป็น ป็ "หนึ่ง นึ่ในอัจฉริยริบุคคลที่ยิ่งยิ่ใหญ่ที่ญ่ที่สุดผู้ทิ้งคุณ คุ ค่าอมตะไว้เป็น ป็ มรดกโลก"
นิกโกเลาะ ปากานีนี นี นี(Niccolò Paganini) เป็น ป็ นัก นั ไวโอลิน วิโอลา กีตาร์ใน ยุคโรแมนติกชาวอิตาลีที่มีชื่ มีชื่อ ชื่ เสีย สี ง ได้รับ รั การยอมรับ รั ถึงฝีมือ มื การเล่นว่าเป็น ป็ ที่ หนึ่ง นึ่ในยุคนั้น นั้ ทั้งยัง ยัได้พัฒ พั นาเทคนิคนิการสีไวโอลินแบบใหม่ เขายังมีผ มี ลงาน ประพัน พั ธ์โธ์ ซนาตา คอนแชร์โร์ ต และคาปรีซ รี สำ หรับ รั การเดี่ยวไวโอลินจำ นวน หลายชิ้นชิ้ที่มีชื่ มีชื่อ ชื่ เสีย สี งที่สุด สุ คือ Caprice No. 24 นอกจากนี้ปนี้ ากานีนี นี ยั นี ยั งเป็น ป็ แรง บัน บั ดาลใจให้กั ห้ กั บคีตกวีสำ คัญในยุคต่อมา เช่นช่ โยฮันเนิสนิบรามส์ และ เซีย ซี ร์เ ร์ กย์ รัค รั มานีน นี อฟ นิกนิ โกเลาะ ปากานีนี นี นี มีเ มี ครื่องดนตรีที่ รีที่ใช้ปช้ ระจำ ตัวอยู่หยู่ลายชิ้นชิ้ทั้งที่ผลิตโดย อันโตนีโนี อ อามาตี นิกนิ โกลา อามาตี อันโตนีโนี อ สตราดีวารี แต่ชิ้นชิ้ที่สำ คัญที่สุด คือไวโอลินที่ผลิตโดย จูเซปเป กวาเนรี ที่มีชื่ มีชื่อ ชื่ ว่า "Il Cannone Guarnerius" (ปืน ปื ใหญ่ ผลิตในปี ค.ศ. 1743) ปากานีนี นี ไนี ด้รับไวโอลินคันนี้เ นี้ป็น ป็ ของขวัญจาก เพื่อ พื่ น หลังจากสูญสู เสีย สี ไวโอลินคันเดิมไปจากการพนัน นั และใช้ไช้ วโอลินคันนี้ในี้ น การเล่นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1803 ตลอดมาจนกระทั่งเสีย สี ชีวิ ชีวิต ปากานีนี นี ไนี ด้อุทิศ ไวโอลิน Il Cannonne ให้เ ห้ป็น ป็ สมบัติ บั ติของเมือ มื งเจนัว นั ปัจ ปั จุบัน บั จัดแสดงอยู่ที่ยู่ที่ศาลา กลางเมือ มื งเจนัว นั พร้อ ร้ มกับไวโอลินคันจำ ลอง และได้รับ รั การขึ้น ขึ้ ทะเบีย บี นเป็น ป็ สมบัติ บั ติแห่งห่ชาติของอิตาลี
ฟรานช์ ชูเบิร์ บิ ท ร์ (Franz Schubert) ผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เ ธ์ พลงชาวออสเตรีย เกิดเมื่อ วันที่ 31 มกราคม ค.ศ 1797 มีชี มี วิ ชีวิตอยู่ใยู่นเวียนนาจนกระทั่งถึงแก่กรรม เมื่อวัน ที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1828 พ่อพ่ชื่อ ชื่ฟรานช์ ธีโธี อดอร์ ชูเบิร์บิร์ ท (Franz Theodor Schubert) แม่ชื่ม่ชื่อ ชื่ มาเรีย รี เอลิซาเบ็ธ บ็ วิทซ์ (Maria Elisabeth Vietz) พ่อพ่มีอ มี าชีพ เป็น ป็ ครูและเป็น ป็ นัก นั เชลโลสมัค มั รเล่นที่มีฝีมี มื ฝี อ มื ดีคนหนึ่ง นึ่ และพ่อพ่เป็น ป็ คนแรกที่เป็น ป็ ผู้ปผู้ ลูก ลู ฝัง ฝั นิสันิย สั ทางดนตรีใรี ห้แ ห้ ก่ชูเบิร์บิท ร์ ขณะที่ชูเบิร์บิท ร์ มีอ มี ายุได้ 5 ขวบ พ่อพ่ก็เริ่ม สอนวิชาเบื้อ บื้ งต้นให้ พออายุได้ 6 ขวบ ก็เข้า ข้โรงเรีย รี นประถมที่พ่อพ่ของเขาสอน อยู่ และก็ได้เริ่มริ่ ฝึก ฝึ หัด หั เปีย ปี โนบ้า บ้ งเมื่อ มื่ อายุ 8 ขวบพ่อพ่ก็สอนไวโอลิน และทำ การ ฝึก ฝึ ซ้อ ซ้ มให้อ ห้ ย่าย่งสม่ำ เสมอ ในไม่ช้ม่า ช้ เขาก็สามารถเล่นเพลงดูเ ดู อท (Duet) อย่าย่ง ง่าย ๆ ได้อย่าย่งดี ตลอดช่วช่งชีวิ ชีวิตสั้น สั้ ๆ ของชูเบิร์บิท ร์ เพีย พี ง 31 ปี แทบไม่เม่คยได้รับ การยกย่อย่งในฐานะผู้ปผู้ ระพัน พั ธ์เ ธ์ พลงแต่อย่าย่งใดเขาได้ทิ้งผลงาน ซิมซิ โฟนี 8 เพลง สตริงริควอเตท 19 เพลงเปีย ปี โนโซนาต้า 21 เพลง และอื่น ๆ อีกกว่า 600 ผลงานที่มีชื่ มีชื่อ ชื่ เสีย สี ง ได้แก่ Symphony No.5 in B flat:First movement 1816, Great C Major Symphony, Unfinished Symphony (ชูเบิร์บิร์ ทยัง ประพัน พั ธ์ไธ์ ม่เม่สร็จ ร็ เพราะถึงแก่กรรมก่อน), String Quartet No. 13 in A minor : Second movement 1823, Rosam under : incidentat Music(ใช้ปช้ ระกอบ การแสดงบัล บั เลย์)ย์