The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่ม1 ความรู้เบื้องต้นการเล่นลิเกป่า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bas_bbza, 2021-10-07 03:02:16

เล่ม1 ความรู้เบื้องต้นการเล่นลิเกป่า

เล่ม1 ความรู้เบื้องต้นการเล่นลิเกป่า

เอกสารประกอบการเรียนการเล่นลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบื้องต้นการเลน่ ลิเกป่า 1

คำนำ

เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ วิชาเพิ่มเติม ชื่อวิชา การ
แสดงพื้นเมือง (ลิเกป่า) เรื่อง ความรู้พื้นฐานการเล่นลิเกป่า สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 ฉบับน้ี
พัฒนาขึ้นมีจุดมุ่งหวังจะร่วมอนุรักษ์มหรสพพื้นบ้านและสืบสานการเล่นลิเกป่าให้คงอยู่เป็ นวัฒนธรรมท่ี
งดงามของเยาวชนในภาคใต้ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็น
คุณค่าของนาฏศิลป์ในรูปแบบของการละเล่นที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ภูมิปัญญาไทย
และสากล เรียนไดอ้ ยา่ งมีความสขุ

สาระสำคัญของเอกสารฉบับนี้ ประกอบด้วย ความหมายของลิเกป่า ประวัติของลิเกป่า
องค์ประกอบของการเล่นลิเกป่า ธรรมเนียมปฏิบัติของการเล่นลิเกป่า คุณค่าของการเล่นลิเกป่าและ
โอกาสในการแสดง สาระสำคัญทั้งหมดของเอกสารประกอบการเรียนฉบับนี้ ได้จากเอกสารรายงานการ
วิจัยเรื่องการอนุรักษแ์ ละพัฒนาลิเกป่า และการรวบรวมขอ้ มูลองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกบั การเล่นลิเกป่าใน
ชุมชนจากแหล่งศกึ ษาขอ้ มูลทมี่ คี ณุ ภาพตรวจสอบได้

ขอขอบคุณผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ที่เปิด
โอกาสให้ทำวิจัยเรื่องการอนุรักษ์และพัฒนาการเล่นลิเกป่าในจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมอนุมัติ
งบประมาณในครั้งนี้ ขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิที่ตรวจสอบความสัมพันธ์ของเอกสารฉบับนี้อย่างสมบูรณ์
ขอบคุณผู้อำนวยการเขตการศึกษามัธยมศึกษานครศรีธรรมราชและผู้บริหารสถานศึกษาที่อนุเคราะห์ให้
เปิดโอกาสให้มีการทดลองการใช้เอกสารประกอบการเรียน ขอบคุณคณะอาจารย์ในสถานศึกษาที่ช่วย
ผลักดันรวบรวมผลการทดลองใช้เพื่อความสมบูรณ์ของการพัฒนาเอกสารฉบับนี้ผู้จัดทำรู้สึก ซาบซึ้งอย่าง
หาท่สี ดุ มไิ ด้ ขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวฒั น์ ชา่ งสาน
3 / กันยายน / 2564

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้อื งตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 2

สารบัญ

คำนำ............................................................................................................................. .. หนา้
สารบัญ .......................................................................................................................... 1
สารบญั ภาพ..................................................................................................................... 2
คำช้ีแจงการใชเ้ อกสารประกอบการเรียนสำหรบั ครู........................................................ 4
คำช้แี จงการใชเ้ อกสารประกอบการเรียนสำหรบั นกั เรยี น............................................... 5
ความรูเ้ บ้ืองต้นการเล่นลิเกป่า......................................................................................... 6
กระดาษคำตอบ............................................................................................................... 7
สาระการเรียนรู้............................................................................................................... 7
จุดประสงค์การเรยี นรู้...................................................................................................... 8
แบบทดสอบกอ่ นเรียน..................................................................................................... 8
วธิ ีสอนและกิจกรรมการจัดการเรยี นรู้............................................................................. 9
สื่อการจดั การเรยี นรู้........................................................................................................ 11
การวัดผลและประเมินผล................................................................................................ 11
ความรเู้ บ้อื งต้นการเล่นลเิ กป่า......................................................................................... 11
ความหมายของลิเกปา่ ..................................................................................................... 12
ประวตั ขิ องลเิ กป่า............................................................................................................ 12
องค์ประกอบของการเลน่ ลิเกป่า............................................................................................... 12
13
คณะลเิ กป่า...................................................................................................... 14
เคร่ืองดนตร.ี ..................................................................................................... 16
การแต่งกาย..................................................................................................... 17
สถานท่แี สดง.................................................................................................... 19
ธรรมเนียมปฏบิ ัติของการเล่นลิเกป่า............................................................................... 20
คณุ คา่ ของการเลน่ ลิเกป่า................................................................................................. 20
โอกาสในการแสดง............................................................................................................ 21
สรปุ ................................................................................................................................... 21
คำถามทบทวน.................................................................................................................. 22

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้อื งตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 3

สารบญั (ต่อ)

แบบทดสอบหลงั เรยี น.......................................................................................................................................... หน้า
กระดาษคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน.............................................................................. 25
แนวการตอบแบบฝึกหดั ....................................................................................................
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน/หลงั เรียน.............................................................................. 27
บรรณานุกรม..................................................................................................................... 28
30
31

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้อื งตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 4

สารบญั ภาพ

ภาพที่ หน้า
1 การเล่นลิเกป่าของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภฏั นครศรธี รรมราช........................ 15
2 เครอ่ื งดนตรีของการเล่นลเิ กป่า.............................................................................. 16
3 การแตง่ กายของนักแสดงของละเกปา่ กลมุ่ แม่บ้านวังฆอ้ ง...................................... 18
4 สถานท่แี สดงลิเกป่า................................................................................................ 19

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 5

คำช้ีแจง
การใชเ้ อกสารประกอบการเรียนสำหรับครู

กรณีท่คี รูผู้สอนประจำวชิ าไม่อยู่ หรือไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิการสอนได้ ในช่ัวโมงนนั้ ๆ และเพ่ือให้ครู
ทส่ี อนแทนมคี วามมัน่ ใจในการสอน และใชน้ วตั กรรมได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพยิ่งขึ้น ควรปฏิบัติตามขั้นตอน
การใช้เอกสารประกอบการเรียน ดงั น้ี

1. ศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียนเลม่ น้ี และทำความเข้าใจเนื้อหาสาระตัง้ แต่ตน้ จนจบเล่มก่อน
ลว่ งหนา้

2. ศึกษาองค์ประกอบของเอกสาร ให้เข้าใจก่อนปฏิบตั ิการสอน
3. อา่ นคำชแ้ี จงการใช้เอกสารประกอบการเรียน สำหรับนักเรยี นทกุ ข้อ และทำความเข้าใจให้
ถ่องแท้ ในแตล่ ะข้อ เพื่อปฏบิ ัติการสอนไดต้ ามข้นั ตอน
4. ครูควรดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด ในขณะที่นักเรียนศึกษาเอกสารประกอบการเรียน และทำ
กิจกรรมคำถามทบทวน เพ่อื คอยให้คำแนะนำ และเป็นท่ปี รึกษา
5. ควรกำกับ ติดตามการใช้เอกสารประกอบเรียน เป็นระยะๆ และคอยกำชับปลูกฝังคุณธรรม
เรื่องความซื่อสัตย์ และการตรงต่อเวลาของนักเรียน ในขณะที่ทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียนและ
คำถามทบทวน / แบบฝกึ หัดทา้ ยบทเรียน ของแต่ละเร่ือง โดยไมอ่ นุญาตใหเ้ ปิดดูเฉลยกอ่ น

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 6

คำชแ้ี จง
การใชเ้ อกสารประกอบการเรียนสำหรบั นักเรยี น

เพื่อให้การใช้เอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ได้ผลตามจุดประสงค์และเจตนารมณ์ของครูผู้สอน
ให้นกั เรียนทำความเข้าใจโดยอ่านคำชแี้ จง และปฏิบัตติ ามขอ้ กำหนดขา้ งล่างนี้อยา่ งเคร่งครัด ดงั นี้

1. ใหน้ ักเรียนใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น 1 เล่ม ต่อนักเรียน 1 คน
2. นกั เรยี นตอ้ งมีความซือ่ สตั ย์ตอ่ ตนเอง โดยไมเ่ ปิดดูเฉลยกอ่ นและตรงต่อเวลา
3. นกั เรียนตอ้ งปฏิบัตติ ามข้นั ตอนของคำส่ังอยา่ งเครง่ ครดั และต้ังใจจริง
4. หา้ มมใิ ห้ขีดเขียน หรอื ทำเครือ่ งหมายใด ๆ ลงในเอกสารประกอบการเรียน
5. ให้นักเรียนศึกษาเอกสารประกอบการเรียนตามที่ครูกำหนดทีละเรื่องและกิจกรรมท้ายเล่ม
ควบคูก่ ันไปตามเวลาท่กี ำหนดไว้ โดยใช้สมดุ ของนกั เรียน หรอื กระดาษท่คี รแู จกให้
6. ก่อนลงมือศึกษาเอกสารประกอบการเรียน ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ก่อน
เรียน จำนวน 30 ข้อและทำแบบทดสอบก่อนเรยี นแต่ละหนว่ ย หน่วยการเรียนละ 10 ข้อ
7. เม่ือศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน ตอ้ งทำแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นละ 10 ข้อ
เมื่อเรียนจบทุกหน่วยการเรียน และให้ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน 30 ข้ออีกครั้งหนึ่ง เพื่อ
ตรวจสอบวา่ มคี วามรูผ้ า่ นจดุ ประสงคท์ กุ ขอ้ หรอื ไม่
8. หากนักเรียนไม่ผา่ นจดุ ประสงค์ใด ให้กลบั ไปศกึ ษาเรอื่ งนัน้ ๆ อกี คร้งั หนง่ึ

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 7

ความรเู้ บอื้ งตน้ การเลน่ ลิเกป่า

กระดาษคำตอบ

โรงเรยี น......................................................................ปกี ารศกึ ษา...........................
ช่อื ..........................................................................ชั้น...................เลขท.่ี ...............
กล่มุ สาระการเรียนรู้.....................วนั ที่..............เดอื น...................พ.ศ..................

ข้อ ก ข ค ง จ ข้อ ก ข ค ง จ
16
27
38
49
5 10

ประเมนิ ผล
เต็ม

ได้

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 8

มาตรฐาน ศ 3.2 เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งนาฏศิลป์ ประวัติศาสตรแ์ ละวัฒนธรรม เห็นคณุ คา่ ของ

นาฏศลิ ป์ทเ่ี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล

ผลการเรยี นรู้

1. นักเรยี นรู้ความหมาย ประวตั ิความเป็นมาและองค์ประกอบของลิเกปา่
2. นักเรียนเห็นคุณคา่ ของลเิ กป่าที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม และภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ

สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้ มีดงั น้ี
ความหมายของลิเกปา่
ประวตั ขิ องลิเกป่า
องค์ประกอบของการเล่นลิเกป่า
ธรรมเนียมปฏบิ ตั ขิ องการเลน่ ลิเกป่า
คุณคา่ ของการเล่นลเิ กป่า
โอกาสในการแสดง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

เมื่อศึกษานวัตกรรมฉบับนแ้ี ลว้ จะมีความรู้ ดังน้ี
1. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของลเิ กป่าได้ถกู ต้อง
2. นกั เรยี นบอกประวัตขิ องลเิ กปา่ ได้ถูกต้อง
3. นกั เรียนเข้าใจและแจกแจงองคป์ ระกอบของการเลน่ ลิเกปา่ ได้ถูกต้อง
4. นักเรียนมีความร้แู ละเขา้ ใจธรรมเนียมปฏิบัตขิ องการเล่นลเิ กป่าได้ถกู ต้อง
5. นกั เรยี นทราบและเหน็ คุณค่าของการเลน่ ลเิ กป่า
6. นักเรียนบอกโอกาสในการแสดงลิเกป่าไดถ้ กู ต้อง

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 9

แบบทดสอบก่อนเรียน

วิชาเพ่มิ เติม นาฏศลิ ป์พนื้ เมือง(ลเิ กป่า) กล่มุ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะสาระนาฏศิลป์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่2

เรอ่ื ง ความรู้พนื้ ฐานการเล่นลเิ กป่า เวลา 15 นาที คะแนน 10 คะแนน

*********************************************************************************************

คำชแี้ จง โปรดตรวจสอบและเลอื กคำตอบท่ีถูกตอ้ งเพยี งคำตอบเดยี วทำเคร่ือง (X) ลงในกระดาษคำตอบ

*********************************************************************************

1. ตัวเลือกใดไมเ่ กี่ยวข้องกบั ความหมายของการละเล่นที่ปรากฏในนวัตกรรมฉบบั นี้เลย

ก. ลเิ กฮลู ู ข. ลิเกป่า

ค. ลิเกรำมะนา ง. ลเิ กบก

จ. ลเิ กท่ีเลน่ โดยคนทอ้ งถนิ่ ใต้

2. จงั หวัดในตัวเลอื กใดท่ปี รากฏการละเลน่ ชนดิ นี้ในปัจจบุ ัน

ก. นราธวิ าส ข. สุราษฏรธ์ านี

ค. นครศรธี รรมราช ง. ชมุ พร

จ. สไุ หงโกลก

3. เรอ่ื งท่นี ิยมนำมาแสดงลเิ กปา่ เปน็ คำตอบในตัวเลอื กใด

ก. ชายสามโบสถ์ ข. แขกแดง

ค. จำปาสต่ี ้น ง. สงั ข์ทอง

จ. หนักแผน่ ดนิ

4. คำตอบใดไมใ่ ช่คณะลิเกป่า

ก. แขกแดง ข. ยาหยี

ค. เสนา ง. เจา้ เมอื ง

จ. ตัวตลก

5. ถ้าต้องการทราบตัวผ้แู สดงควรตรวจสอบองค์ประกอบตวั เลอื กใดของการเลน่ ลเิ กปา่

ก. เครือ่ งแตง่ กาย ข. คณะลิเกป่า

ค. สถานที่แสดง ง. บทรอ้ ง

จ. การไหว้ครู

6. คำว่า”ลกู คู่” ในการละเลน่ ลเิ กปา่ น่าจะตรงกบั คำตอบตัวเลือกใด

ก. นักดนตรี ข. พระเอก

ค. นางเอก ง. ตวั ตลก

จ. เจ้าของคณะ

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 10

7. เครอื่ งดนตรตี วั เลือกใดที่เป็นเครือ่ งเปา่ ในวงดนตรีลิเกปา่

ก. รำมะนา ข. กลองตกุ๊

ค. ป่ี ง. ซอ

จ. กรบั

8. คำตอบใดไม่เกยี่ วขอ้ งกบั ธรรมเนยี มปฏิบัตกิ ารเลน่ ลิเกป่า

ก. ไหวค้ รู ข. บอกชุด

ค. ออกแขก ง. ท่องโรง

จ. ส่งครู

9. ตามประวตั ิอา้ งว่าแขกแดงเปน็ คนทมี่ าจากเมืองใด

ก. ชวา ข. เปอรเ์ ชีย

ค. ดินเดีย ง. ลังกาสกุ ะ

จ. ลักกะตา

10. คำตอบใดกลา่ วโอกาสที่ใช้แสดงลิเกป่าไดถ้ ูกต้องทสี่ ดุ

ก. การละเล่นท่นี ยิ มในงานศพของคนภาคใต้

ข. งานวัดมีที่ไหนมลี เิ กปา่ เลน่ ทน่ี นั่

ค. งานทอดกฐินเทา่ นัน้ ที่ใชเ้ ล่นลิเกป่าได้

ง. ธรรมเนียมนิยมในโบราณเลน่ ในงานแต่งงานเทา่ นัน้

จ. แสดงได้ทุกโอกาสในงานมงคลและอวมงคล

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 11

วธิ สี อนและกิจกรรมการจัดการเรยี นรู้

1. วิธสี อน
ใชว้ ิธีสอนแบบบรรยายเนือ้ หา การศกึ ษาดว้ ยตนเอง การทำแบบทดสอบ กอ่ นเรยี น/หลัง

เรยี น และการทำแบบฝึกหดั ทา้ ยบท
2. กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้
เอกสารฉบับนีจ้ ะใช้สอน 2 ชั่วโมง ดงั น้ี
ชั่วโมงที่ 1
1. ครกู ลา่ วทักทายนักเรยี นและแนะนำตนเองเพ่ือสร้างความคนุ้ เคยกับนกั เรียน พร้อมทง้ั

แนะนำเก่ียวกบั การเรยี น จุดประสงค์การเรียนรู้ กระบวนการเรียนการสอน วิธีการวดั ผลและประเมินผล
2. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน โดยใหเ้ วลาทำแบบทดสอบเปน็ เวลา 5 นาที
3. ครูแนะนำเรื่องลิเกป่าเป็นการละเล่นท้องถิ่นของคนในภาคใต้ เป็นการละเล่นที่เรียบง่าย

สนุกสนานด้วยบทร้อง ผู้แสดงน้อยตัว เครื่องแต่งกายหาง่ายในท้องถิ่น แสดงได้ทุกโอกาส ปัจจุบัน
การละเล่นลิเกป่ากำลังจะหมดเพราะความเจริญทางด้านวัตถุและสื่อเทคโนโลยีนักเรียนเป็นเยาวชนควร
ร่วมกันอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่วันนี้เราทำความเข้าใจกับความหมาย ประวัติลิเกป่าและองค์ประกอบของการ
เล่นลเิ กปา่ กัน

4. นกั เรยี นศกึ ษารายละเอียดจากเอกสารประกอบการเรียน
5. ใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั ท่1ี ในคำถามทบทวน
ช่ัวโมงที่ 2
1. ครูกลา่ วทักทายนักเรยี นและทบทวนสาระการเรียน เรอื่ งความหมาย ประวัติ และ
องค์ประกอบของการเล่นลเิ กปา่
2. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาเอกสารประกอบการเรยี นเรอื่ งธรรมเนียมปฏิบัตกิ ารเล่นลเิ กป่า
คุณค่าของการเลน่ ลเิ กป่า สถานทีแ่ สดง และโอกาสที่ใช้แสดง
3. ใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั ที2่ ในคำถามทบทวน
4. ครแู ละนกั เรียนรว่ มสนทนาสรุปเน้อื หาการเรียนในเอกสารเลม่ ที่ 1 อีกคร้ัง
5. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน โดยใหเ้ วลาทำแบบทดสอบเปน็ เวลา 5 นาที

ส่ือการจัดการเรียนรู้

1. แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรยี น
2. เอกสารประกอบการเรียน
3. สมดุ จดบันทกึ
4. รูปภาพการแสดงลิเกป่า
5. คำถามทบทวน / แบบฝึกหดั ท้ายบท
6. เครือข่ายอนิ เตอร์เนต็ (Internet)

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 12

การวัดและประเมนิ ผล

1. วธิ กี ารวดั ผล

1.1 ตรวจงานแบบฝกึ หดั ท้ายบท

1.2 ตรวจงานท่ีมอบหมายเพิ่มเติม

1.3 ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน

1.4 สงั เกตพฤตกิ รรม

2. เครื่องมือวัดผล

2.1 คำถามทบทวน / แบบฝึกหัด

2.2 แบบตรวจสอบงานเพ่ิมเตมิ

2.3 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น

2.4 แบบสงั เกตพฤติกรรม

3. เกณฑก์ ารประเมนิ

3.1 แบบฝกึ หดั คะแนนอยา่ งน้อยร้อยละ 80 คะแนน

3.2 แบบทดสอบ คะแนนอยา่ งนอ้ ยร้อยละ 80 คะแนน

3.3 การปฏิบตั ิทา่ รำ รวมคะแนนเฉล่ียอย่างน้อยร้อยละ 80 คะแนน

3.4 สังเกตพฤติกรรมคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มีคุณภาพเฉล่ียไม่ตำ่ กวา่ ระดบั 1

3.5 สงั เกตพฤติกรรมสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน มีคณุ ภาพเฉลยี่ ไมต่ ำ่ กว่าระดับ 1

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 13

ความรู้เบ้ืองต้นการเลน่ ลิเกปา่

ความรู้เบื้องต้นการเล่นลิเกป่าเป็นนวัตกรรมเล่มแรกเพื่อสร้างความเข้าใจเบื้องต้น ของการเล่น
ลิเกป่าของจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้เรียนควรทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นฐานการศึกษาที่ดีใน
เล่มต่อไป สาระสำคัญที่จะนำเสนอ ประกอบด้วย ความหมายของลิเกป่า ประวัติของลิเกป่า
องค์ประกอบของการแสดง และโอกาสในการแสดง ดงั รายละเอียดทจ่ี ะนำเสนอต่อไปนี้

ความหมายของลเิ กป่า

ราชบัณฑติ ยสภา, (2554) บัญญัติคำ “ลเิ ก” เปน็ การแสดงชนิดหนึ่งมาจากชาวมลายู เรียก ยเ่ี ก
คำว่า “ป่า” หมายถึง ที่ห่างไกลความเจริญ เช่น บ้านป่า เมืองป่า เมื่อประมวลคำทั้งสองเข้าด้วยกัน จึง
สอดคล้องตามความหมายของศิลปะการละเล่นพื้นบ้านของทางภาคใต้ที่มีผู้นิยมอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในแถบฝง่ั ทะเลตะวันตก เช่น ตรัง พงั งา กระบี่ คอื “ลิเกป่า”

สำนักงานวัฒนธรรมจงั หวดั พัทลุง, (2561). ใหร้ ายละเอยี ดวา่ ลิเกป่า อาจเรียกไดห้ ลายชื่อ เชน่
"ลิเกรำมะนา”หรือ"ลิเกบก”หรือ"แขกแดง”คำว่า "แขกแดง” ชาวภาคใต้หมายถึงแขกอาหรับ ถ้าใช้คำวา่
"เทศ” จะหมายถึงคนอินเดีย เช่น เทศบังกาหลี(จากเบงกอล) เทศคุรา เทศขี้หนู (อินเดียใต้) ถ้าใช้คำว่า
"แขก” หมายถึง แขกมลายและแขกชวา โดยมีผู้แสดงคือ แขกแดง ยาหยี เสนา เจ้าเมือง มีเครื่องดนตรี
ทง้ั รำมะนา หรอื โทน โหมง่ ฉิง่ ป่ี ซอ

ดังนั้น “ลิเกป่า” ในเอกสารฉบับนี้จึงหมายถึง ศิลปะการละเล่นของคนในท้องถิ่นภาคใตท้ ี่มีทง้ั
การร้องเพลง การเต้นท่าทางประกอบจังหวะดนตรี โดยใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีทั้งรำมะนา โหมง่
ฉิ่ง ซอ และปี่เป็นเครื่องดำเนินทำนองมีผู้แสดงไม่มากตัว คือ แขกแดง ยาหยี เจ้าเมือง เสนา ซึ่งสามารถ
เรยี กวา่ ลเิ กบก ลเิ กรำมะนา และลิเกป่าได้

ประวัตขิ องลเิ กป่า

ลิเกป่าเป็นมหรสพการแสดงการละเล่นตั้งแต่โบราณในอดีต ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจาก
แขกเปอร์เซีย ที่เดินทางไปค้าขายยังดินแดนและแคว้นต่างๆ ในยุคที่ตะวันออกกลางรุ่งเรือง ภาษา
เปอร์เซีย จะเป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายในอ่าวเบงกอล ทั้งนำ ศิลปวัฒนธรรมและความเชื่อ ศาสนา ไป
เผยแผ่เกือบทุกเมืองในคาบมหาสมุทรอินเดียหากย้อนไปมองเมืองต่างๆทางชายฝั่งตะวันตกของแหลม
มลายูในอดตี

ลิเกป่าน่าจะเป็นการละเล่นที่มีวิวัฒนาการสืบเนื่องจากการเล่นลิเกของทางภาคกลาง “ลิเก“
เป็นคำทม่ี าจากศัพท์เปอร์เซียรว์ ่า “ดเิ กร”์ แปลว่าการขบั ร้องหรือบทสวดของมสุ ลิม (แขกขาว) ลิเกน่าจะ
เป็นการเล่นเพลงแบบลำตัดในปัจจุบัน คือมีศิลปิน 2 ฝ่าย ฝ่ายละ 2-4 คน กล่าวแก้กลอนกันแบบด้น

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 14

กลอนสดมีวงรำมะนาเป็นลูกคู่ประมาณ 4-6 คน ภาษาที่ใช้เดิมเป็นภาษามลายู เนื้อหาเป็นการสวด
สรรเสริญพระอลั ล่าห์ ต่อมาชั้นลกู หลานก็เจอื ภาษาไทย และเล่นเรือ่ งทางโลกยท์ างตลกโปกฮา เดิมแสดง
เอาบุญในกลุ่มผูน้ ับถือศาสนาอิสลามต่อมากลายเป็นรับจา้ งแสดงทัว่ ไป เข้าใจว่าการแสดงลิเกแต่เร่มิ ต้นนี้
มปี รากฏในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พฒั นาจากการแสดงต่าง ๆ เชน่ มาจากทางสวดคฤหัสถ์
ซึ่งมีมาแต่การสวดพระมาลัยในงานศพ ที่พระสงฆ์สวดเป็นแนวตลกจนรัชกาลที่ 1 ทรงห้าม แต่ก็ลักลอบ
เล่นตอ่ มาโดยคฤหสั ถ์

ในการออกภาษาของสวดคฤหัสถ์นั้น พวกปี่พาทย์เสภานำไปบรรเลงเพลงลูกหมด หรือลูกบทส่ง
ท้ายเพลงหลักก่อนจบการบรรเลง และเห็นว่า ยิเกเป็นการออกภาษามาเลย์หรือภาษาแขกอีกภาษาหนึ่ง
และเป็นการร้องสรรเสริญพระอัลล่าห์ซึ่งเป็นการแสดงที่อยู่ในฐานะศักดิ์สิทธิ์ จึงกำหนดให้เป็นชุดการ
แสดงชุดแรกและคงรำมะนาไว้ด้วย เป็นเครื่องดนตรีหลัก ชุดถัดไปจึงเป็นปี่พาทย์การมีชุดแรกและคง
รำมะนาไว้ด้วยเป็นเครื่องดนตรีหลัก ศิลปะการเล่นลิเกคงมีการเผยแพร่และสืบทอดต่อออกต่างจังหวัด
เฉพาะแล้วมกี ารลอกเลียนแบบกันเกิดข้ึน รูปแบบการแสดงจะยดึ ตามความถนดั ของชมุ ชนตนเองโดยการ
นำเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเองมานำเสนอ ทั้งการแต่งกาย ภาษาพูด บทร้องมาพัฒนาเล่นกันเสริม
เครื่องดนตรีที่มีในท้องถิ่นเล่นเป็นเรื่องเป็นราวอย่างลิเกในกรุงเทพและมาเล่นกันตามชนบทจึงเรียกการ
แสดงชนิดนว้ี า่ ลเิ กปา่

อย่างไรกต็ ามการเล่นลเิ กป่าในภาคใตน้ ้นั ส่วนใหญน่ ำโครงเรื่องของแขกแดงมานำเสนอเป็นแบบ
ฉบับกล่าวว่าแขกจากเมืองลักกะตา (น่าจะเป็นกัลกัตตา) เดินทางทางเรือมาทำการค้าขายตามหัวเมือง
ชายทะเลทางฝั่งตะวันตกของประเทศไทย (ฝั่งอันดามัน) แขกผู้นี้ได้ทำการค้าขายไปตามที่ต่าง ๆหลาย
เมือง จนในที่สุดได้ภรรยาเป็นคนไทยที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ต่อมาแขกคิดถึงบ้านเมืองของตน และ
เป็นหว่ งพ่อแมซ่ ง่ึ แกช่ รามากแล้ว จึงไดเ้ ขา้ พบเจ้าเมอื ง (ผู้ว่าราชการจงั หวดั )โดยไดข้ อคนงานให้ติดตามไป
ด้วย 1 คน เจ้าเมอื งก็อนุญาต แขกกลับไปบอกยาหยี (ภรรยาของแขก) เพอ่ื ให้เตรียมตัวเดนิ ทางไปด้วยกัน
แตย่ าหยีไมย่ อมไปเพราะเป็นหว่ งพ่อแม่ และเหน็ วา่ การเดินทางไปนนั้ เป็นระยะทางไกล แขกตอ้ งอ้อนวอน
แตก่ ไ็ มส่ ำเร็จ จนต้องทงั้ ขู่ท้งั ปลอบยาหยจี ึงยอมเดินทางไปด้วย เมือ่ ยาหยีจำใจยอมเดินทางไปดว้ ย แขกก็
สั่งให้ยาหยีลาพ่อแม่พี่น้องตลอดถึงผู้ชม คือ ทั้งแขก ยาหยี คนรับใช้ (เสนา) ผลัดกันว่าลา ในระหว่าง
เดินทางแขกกลวั วา่ ยาหยีจะเบือ่ และเหงา แขกจึงได้ช้ีชวนให้ยาหยีชมความงามของธรรมชาติ ชมปลา ชม
เกาะ ชมดาว ชมส่ิงตา่ ง ๆ ที่ได้พบเห็นระหว่างทางจนถงึ เมอื ง (กลั กัตตา) จากกน้ันอาจมีการแสดงเร่ืองราว
ของบทละครทอ้ งถ่ินต่าง ๆ มานำเสนอต่อ ซง่ึ เปน็ แบบฉบับของการเลน่ ตามทอ้ งถ่นิ น้ัน ๆ นนั่ เอง

องคป์ ระกอบของการเล่นลเิ กปา่

องค์ประกอบของการเล่นลิเกป่า ประกอบด้วย คณะลิเกป่า เครื่องดนตรี การแสดงลิเกป่ามี
องคป์ ระกอบท่สี ำคัญ ดังนี้

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 15

คณะลเิ กป่า
ลิเกป่าคณะหนึ่งๆ มีผู้ร่วมคณะประมาณ 15-20 คน ทั้งผู้แสดงและผู้เล่นดนตรี โดยทำหน้าท่ี
ลูกคู่ประมาณ 5-8 คน ตีรำมะนา 2-3 คน ตีโหม่ง ตีฉิ่ง ตีกรับ เป่าปี่ สีซอ อย่างละ 1 คน บางคณะ
อาจจะมีคนตีกลองชุด กลองรุมบ้า และคีบอร์ด อย่างละ 1 คน ด้วย ลูกคู่ส่วนมาจะเป็นผู้ชายล้วน
นอกจากการเล่นดนตรีแล้วลูกค่ยู ังทำหน้าที่ขับบทว่าดอกและรับบทร้องของผู้แสดงตามทำนองเพลงต่างๆ
ส่วนผู้แสดงแบ่งเป็น2 ชุด ชุดหนึ่งเป็นการแสดงตามธรรมเนยี มของลิเกป่าเรียกว่าเล่นเรื่องแขกแดง ใช้ผู้
แสดง 4 คน คือ แสดงเป็นแขกแดง ยาหยี เจ้าเมือง และเสนา อีกชุดหนึ่งเป็นการแสดงเรื่อง ซึ่งมักเป็น
นิยายพน้ื บ้านหรือเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ ผูแ้ สดงมปี ระมาณ 10 คน ผแู้ สดงในชดุ นี้ จะมีลกู ค่แู ละผู้แสดงจากชุด
แขกแดงเข้ามารว่ มแสดงด้วย
การตั้งชื่อคณะลิเกป่าก็เหมือนกับการตัง้ ชื่อมหรสพอื่นๆ เช่น หนังตะลุงโนรา เพลงบอก เปน็
ต้น โดยจะตั้งชือ่ คณะตามชื่อหวั หน้าคณะเป็นสำคัญ เพราะผทู้ ีจ่ ะเป็นหัวหนา้ คณะลิเกป่าได้จะต้องเป็นมี
ความสามารถในการแสดงลิเกป่า เป็นอย่างดี เป็นคนใจกว้าง เป็นที่ยอมรับและรู้จักของคนทั่วไป จะ
เป็นที่นิยมชมชอบของชาวบ้าน จึงมักจะตั้งชื่อคณะตามชื่อของหัวหน้าคณะ เช่น ลิเกหมาด ลิเกเขียว
ลิเกเยน็ ลิเกถ่าย ลิเกตดุ ลิเกด้วน และลเิ กนยุ้ เป็นตน้ แตบ่ างคณะก็จะเพิม่ เติมชอื่ อืน่ ๆ เข้าไปเพ่ือให้มี
ความหมายหรือไพเราะขึ้น เช่น คณะลิเกรำมะนาสากล ศ.ประเทืองศิลป์ตรัง คณะดวงดาวสงวนศิลป์
คณะลิ่มเสียงแกว้ แคล้วเสียงทอง คณะส่งเสรมิ ศิลป์ คณะส.ทวีประดษิ ฐศ์ ลิ ป์ เป็นตน้
คณะลิเกป่าในสมัยแรกๆ ผู้แสดงเป็นชายล้วน บทผู้หญิงก็จะใช้ผู้ชายแสดงแทน เนื่องจาก
ชาวบ้านที่เป็นผู้หญิง มักจะมีความละอายที่จะออกมาเต้นรำให้คนดูจำนวนมาก แต่ต่อมามีผู้หญิงเข้า
มาร่วมแสดงด้วย ปัจจุบันผู้แสดงจึงเป็นชายจริงหญิงแท้ จึงทำให้ดูสมจริงมากขึ้นและเป็นที่ชื่นชอบของ
ผู้ชมมากกว่า ในสมัยก่อนผู้แสดงลิเกป่าส่วนใหญ่ เป็นชาวไทยมุสลิมแต่ในปัจจุบันเหลือเ พียงส่วนน้อย
เพราะการกระทำบางอย่างของชาวไทยมุสลิมขัดต่อหลักศาสนา เมื่อชาวไทยมุสลิมกลับมาปฏิบัติศาสนา
กิจอย่างเคร่งครัดจึงจำเป็นต้องเลิกรา้ งการแสดงลิเกป่าไป ชาวไทยพุทธจึงรับช่วงต่อมาจนถึงปัจจุบัน แต่
ลิเกปา่ กย็ งั เป็นการแสดงทอี่ ย่ใู นความสนใจและเป็นทน่ี ยิ มของชาวมุสลมิ อยู่ไมน่ ้อย
ผแู้ สดงของคณะลเิ กปา่ ซงึ่ เป็นทีมงานทีด่ ำเนนิ การให้เกดิ การละเลน่ ลเิ กปา่ ในแต่ละคร้งั จะต้อง
ประกอบดว้ ย ทีมงานหรือผแู้ สดง ประมาณ 10-15 คน โดยสามารถแบ่งทีมงานหรือคณะนกั แสดง ออกได้
เปน็ 2 สว่ น คือ กลมุ่ นกั แสดง และกลมุ่ นักดนตรี ดังรายละเอยี ดต่อไปน่ี
1. กลุ่มนักแสดง หมายถึง ทีมนักแสดงตามบทบาทของเนื้อเรื่องที่จะนำเสนอของการละเล่น
ลิเกป่า สามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ลักษณะ คือ ชว่ งเล่นเร่ืองแขกแดง ลเิ กป่าทุกคณะจะต้องนำเสนอเรื่องราว
เกี่ยวกับแขกแดงก่อนเป็นลำดับแรกถือเป็นอัตลักษณ์ของการแสดงลิเกป่า ส่วนต่อไปนั้นจะเป็นการ
นำเสนอเรื่องราวของนิยายพื้นบ้านหรือเรื่องที่เรียบเรียงขึ้นเพื่อใช้สั่งสอน หรือเพื่อความบันเทิงของผู้ชม
เพื่อความบนั เทิงเปน็ เร่ืองจักร ๆ วงศ์ ตามนยิ ายพนื้ บา้ นของไทย เช่น ลักษณวงศ์ จำปาส่ตี น้ เจ้าหญิงแตง
อ่อน นกั แสดงจึงสามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 กลมุ่ ตามภาระความรับผดิ ชอบ กล่าวคือ

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 16

1.1 กลมุ่ นักแสดงเร่ืองราวแขกแดง ในกลมุ่ น้ีใช้ผูแ้ สดงจำนวน 4 คน ประกอบด้วย แขก
แดง เจ้าเมือง ยาหยี และเสนา ดังรายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี

1.1.1 แขกแดง หมายถึง นักแสดงที่เป็นตัวดำเนินเร่ือง หรือตัวพระเอกของการแสดง
ในฉากนี้ท่เี ดนิ ทางมาจากอนิ เดียเพื่อมาขายเครื่องประดับ และเสือ้ แพรพรรณ ลักษณะการแต่งกาย มักนุ่ง
กางเกงขายาว ผ้าโสร่งสวมทับเพียงเข่า สวมเสื้อแขนยาวและมีเส้ือนอกทับอีกทีหนึ่ง สวมหมวก ใส่หนวด
หรือแต้มหนวดให้มีเครารุงรัง บางครั้งก็มีสายสร้อยสวมดว้ ย เสริมจมูกให้โตแบบแขก ส่วนมากมักทำด้วย
ไม้ทาสีแดง การแต่งตวั แขกแดงของลิเกปา่ มุง่ เลยี นแบบแขกอินเดยี เปน็ สำคญั

1.1.2 ยาหยี หมายถึง นักแสดงที่รับบทบาทเป็นภรรยาของแขกแดงในตำนานเล่าว่า
ยาหยีเป็นคนไทยเป็นหลานสาวของเจ้าเมืองลักษณะการแต่งกายของคณะลิเกป่าในคณะนี้ผู้แสดงจะแต่ง
กายลกั ษณะชดุ ไทยมผี ้าห้อยคอ

1.1.3 เจ้าเมือง หมายถงึ คนท่ีรับหน้าท่ีเปน็ ผแู้ สดงบทเจ้าเมือง เม่อื แขกแดงเข้ามาใน
ประเทศไทยและไดร้ จู้ กั กับเจา้ เมืองถูกใจกนั จึงเป็นสหายกับแขกแดง ลักษณะการแต่งกาย จะสวมเสือ้ แขน
สน้ั นุ่งโจงกระเบน มีกรองคอ และสวมหมวก

1.1.4 เสนา หมายถึง คนรับใช้ของเจ้าเมืองที่คอยช่วยเหลือสำหรับการไหว้วานของ
เจ้าเมือง ตอนหลังเจ้าเมืองได้ยกเสนาให้เป็นคนรับใชข้ องแขกแดงเมื่อคราวลงเรือกลับเมืองมลกัตตาด้วย
ลักษณะการแต่งกาย สวมเสอื้ ยดื นงุ่ ผ้าสะโหรง่ มผี า้ คาดศรี ษะและคาดเอว ถือขวานเปน็ อาวธุ

1.2 นักแสดงทร่ี ับบทแสดงตามท้องเร่อื ง หลงั จากที่นำเสนอเรือ่ งราวของแขกแดงเสร็จสิ้นใน
การแสดงลิเกป่า โดยทั่วไปก็จะเริ่มจับนิทานพื้นบ้านต่อมา ดังน้ันนักแสดงที่รับบทบาทตามโครงเรื่อง
นิทานพื้นบ้าน เช่น เป็นฤาษี เป็นทหารรับใช้ พระเอก นางเอก ก็จะแต่งกายกันตามสมัยนิยม เท่าที่มีใน
ท้องถิ่น ส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระเอก นางเอกของเรื่องก็จะแต่งให้ดูเด่นดูดีสวยงาม ส่วนนักแสดงอื่น ๆ ก็ไม่
พิถพี ถิ ันในเร่ืองการแต่งกายมากนกั แตง่ กนั เทา่ ที่พอจะจดั หาไดใ้ นแต่ละครง้ั

ภาพท่ี 1 การเล่นลิเกป่าของนักศกึ ษามหาวิทยาลัยราชภฏั นครศรีธรรมราช
ท่ีมา : ธรี วฒั น์ ชา่ งสาน. ถ่ายภาพ. (2556, มีนาคม 7).

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 17

การแสดงลิเกป่ายังมีลักษณะของการแสดงพื้นบ้านอย่างชัดเจน ผู้แสดงทุกคนจะแสดงด้วยใจรัก
ได้ยึดเป็นอาชีพอย่างจริงจัง ผู้แสดงทุกคนจะมีอาชีพหลักอยู่แล้วคือการทำนา ทำสวน ทำไร่หรือรับจ้าง
เมื่อมีคนรับไปแสดง หัวหน้าคณะก็จะเป็นผู้ประสานงานติดต่อเพื่อรวมกลุ่มขึ้น โดยเตรียมหาคน หา
เคร่อื งดนตรีจากบา้ นของผู้แสดงในหมู่บ้านหรือตำบลเดยี วกัน ผแู้ สดงสว่ นใหญ่มักจะเป็นเครือญาติกัน จึง
สะดวกในการรวมกลุ่ม หัวหน้าคณะก็จะไปบอกล่วงหน้าก่อนถึงวันที่แสดง 2-3 วัน และกำหนดให้ทกคน
มาพรอ้ มกนั ณ ทใี่ ดทีห่ นึ่ง แลว้ แต่จะสะดวก เพ่อื จะรว่ มเดินทางไปพร้อมกันโดยรถท่เี หมาจ้างไปหรือเจ้า
งานมารบั แล้วแตจ่ ะตกลงกัน ในการแสดงแตล่ ะครั้ง จะไม่มีการซักซ้อมก่อนการแสดง เพราะลิเกป่าจะมี
ขั้นตอนและวิธีการแสดงเหมือนทุกครั้ง จนทำให้ผู้แสดงแต่ละคนชำนาญในการแสดง ทุกคนจะรู้หน้าที่
ว่าตนเองจะมีบทบาทอยา่ งไรในการแสดง

เคร่ืองดนตรี

ภาพที่ 2 เคร่ืองดนตรีของการเลน่ ลเิ กปา่
ทีม่ า : ธรี วฒั น์ ช่างสาน, ถ่ายภาพ (2555, มนี าคม 28)

เครอ่ื งดนตรี ลเิ กป่าประกอบดว้ ย รำมะนา โหมง่ ฉ่ิง ปี่ กรับ ซอ ดงั นี้
1. รำมะนา หมายถงึ กลองหนังหนา้ เดียว ดา้ นหน้าใหญต่ รึงดว้ ยหมุดโดยรอบมีเสน้ ผ่าศนู ย์กลาง
ประมาณ 10 -18 น้วิ ยาวประมาณ 5- 8 น้วิ หุ้มดว้ ยหนังแพะหรอื หนังลูกววั เพราะเปน็ หนงั ท่ีบาง ทำให้มี
เสียงดงั ดี ส่วนตวั รำมะนา จะขดุ จนกลวง นิยมทำด้วยไม้สน หรอื ไมข้ นุน เพราะเป็นไม้เน้ือแขง็ เมื่อเวลาตี
เสียงจะกอ้ งและดงั ดีสิ่งสำคัญอกี อย่างหนึ่งทีจ่ ะทำให้เสียงของรำมะนาสูงต่ำไพเราะและดังดี คือ จะต้องใช้
หวาย หรอื เชอื กหนุนข้างในโดยรอบของหนา้ รำมะนา พร้อมทงั้ ใช้ “ไมย้ ดั ” ทมี่ ลี กั ษณะเหมอื นลมิ่ ตอกเข้า
ไปรอบ ๆ หนังดา้ นในของรำมะนา เพอื่ ใหเ้ ชือกหรอื หวายดนั หนงั ตึง
2. ป่ี หมายถงึ เคร่ืองเป่า ใช้ในการเดินทำนอง นิยมทำจากไม้ เนอื้ แข็งท่มี คี วามเหนียวไม่แตกง่าย
เช่น ไม้หลุมพอ ไม้ประดู่ ไม้ตะเคียน เป็นต้น ปี่ที่ใช้ในการแสดงลิเกป่า ในสมัยก่อนใช้ปี่ชวา เพราะเข้า

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 18

ทำนองแขกได้ดี ปัจจุบันจะใช้ปี่ไฉน ซึ่งเป็นปี่ที่ใช้ในการละเล่นพื้นบ้านชนิดอื่นด้วย คือโนรา และหนัง
ตะลุง

3. ซอ หมายถึง เครื่องดนตรีประเภทสี ใช้สำหรับบรรเลงประกอบจังหวะ นิยมใช้ซอด้วงซึ่งมี
เสียงเล็กแหลม และเข้ากบั เสียงปไี่ ดด้ ี ทำดว้ ยไม้เนอื้ แข็ง กะโหลกหุม้ ดว้ ยหนงั งเู หลือม คนั ซอยาวประมาณ
60 เซนติเมตร มีลูกบิดขึ้นสายอยู่ตอนบน ใช้สายไหมหรือสายเอ็น มี 2 สาย ขนาดต่างกัน คันชักอยู่
ระหว่างสาย ทั้งปี่และซอ จะทำหน้าที่เหมือนกันในการแสดงลิเกป่า คือใช่ในการประกอบทำนองขับร้อง
หรือโดยการเป่าปี่หรอื สีซอ เพื่อรับจังหวะแทนการรับของลูกคู่ตามทำนองเพลงก็ได้จะใช้อย่างหนึง่ อย่าง
ใดหรอื ทง้ั สองอยา่ งก็ได้ จะทำให้จงั หวะท่ีกระชับและไพเราะยิ่งข้ึน

4. โหม่ง เป็นเครื่องดนตรีที่ให้จังหวะ และตีเพื่อให้เสียงกลมกลืน กันกับเสียงของดนตรีชนิดอื่น
และเสียงขับบท โหม่งลิเกป่ามี 1 คู่ ลูกที่ใช้ตีเป็นหลกั เรียกว่า “หน่วยโหม่ง” จะมีเสียงสูง (เสียงแหลม)
อีกลูกใช้ตีประกอบเรียกว่า“หน่วยทุ้ม” จะมีเสียงต่ำ (เสียงทุ้ม) ตัวโหม่งทำด้วยทองเหลืองหรือทองแดง
โหม่งมี 2 ชนิด ถา้ หล่อกลมเรยี กวา่ “โหม่งหล่อ”เวลาตเี สียงจะกงั วานทอดยาว ถา้ ทำเปน็ รปู ส่ีเหลยี่ มผืนผา้
แล้วดนั ให้ส่วนทีต่ ีสูงกลมขึ้นกลางแผ่นเรียกว่า “โหม่งฟาก” เสยี งไม่นิม่ นวล ไมก่ ังวาน โหม่งจะแขวนตรึง
ขนานกนั อยใู่ นรางไม้รูปส่ีเหล่ยี มผืนผ้า ซง่ึ เรยี กว่า “รางโหม่ง” เวลาตีจะใชไ้ มโ้ หม่งซ่ึงทำด้วยไม้กลมขนาด
เท่าหวั แมม่ ือ ยาวประมาณ 7 นิว้ ส่วนปลายยาวประมาณ 3 นวิ้ พันยาว ให้หนา พอประมาณสำหรับตี

5. ฉิ่ง หมายถึง เครื่องดนตรี ประเภทตีกำกับจังหวะ มีความสำคัญในการให้จังหวะเวลาขับบท
ของผขู้ บั บทมากทส่ี ดุ ผู้ขับจะตอ้ งยึดจงั หวะฉิ่ง เพ่อื ให้ลงจังหวะทำใหเ้ กิดความคล่องตวั และใช้ประกอบใน
การบรรเลงดนตรีในแต่ละเพลงเพื่อควบคุมจังหวะความช้า-เร็ว ของเพลง ฉิ่งทำด้วยโลหะหล่อหนา มี 2
ฝา ตรงกลางเวา้ มรี สู ำหรับร้อยเชือกเพ่ือจับถือเวลาตี

6. กรับ หมายถึง เครื่องประกอบจังหวะ ใช้ตีให้จังหวะขัดกับจังหวะโหม่ง แต่ถ้ามีฉิ่งแล้วไม่
จำเปน็ ต้องใช้กไ็ ด้ ทำด้วยไม้เนื้อแขง็ เสียงดงั และ กอ้ ง มี 2 อนั เปน็ รูปสี่เหล่ยี มผืนผ้า

นอกจากนใี้ นปัจจุบนั ได้มีการเสริมเครื่องดนตรีสากล เชน่ กีตาร์ กลองชุด รุมบา้ และคบี อร์ด แต่มี
ใชเ้ พยี งบางคณะเท่าน้นั เพ่ือต้องการประยุกต์ การแสดงลเิ กปา่ ให้ดงึ ดูดความสนใจ ของคนดมู ากขึน้ ซึ่งใช้
ในการประกอบการบรรเลงดนตรีเพื่อเสริมให้มีจังหวะหนักแน่นขึ้นและเพื่อให้บางคนรู้สึกสนุกครึกครื้น
มากข้ึนเท่านน้ั

การแตง่ กาย
การแต่งกายของลิเกป่า แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ แต่งกายตามท้องเรื่องแขกแดง และแต่งกายตาม
เนื้อเรอ่ื งนิยายในท้องถนิ่ ดังรายละเอียด คอื
1. แต่งกายตามทอ้ งเรื่องแขกแดง การแตง่ กายของตัวละครในชุดแขกแดง เปน็ การแต่งกายที่ส่วน
ใหญ่ยังยึดถือรูปแบบเดิมโดยแยกเป็นแต่งกายของตัวละครต่างๆ ทั้งแขกแดง ยาหยี เจ้าเมือง และเสนา
ดังนี้

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 19

1.1 แขกแดง การแต่งตัวของแขกแดงจะเลียนแบบแขกอินเดียผสมกับมุสลิมแต่จะแต่ง
เทา่ ท่พี อจะหาเสื้อผ้าได้ไม่ได้ยึดถือรูปแบบตามแขกอย่างเคร่งครัดนัก คือสวมกางเกงขายาวนุ่งผ้าโสร่งทับ
เพียงเข่าไวข้ ้างนอก เรียกว่า “กาอนั ” สวมเสอื้ เช้ติ แขนยาวสีขาวไว้ข้างใน สวมเส้ือนอกสีดำทับอีกขั้นหนึ่ง
สวมหมวกแขกสีดำแบบชาวมุสลิมท่ีเรียก “หมวกหนีบ” ใส่หนวดเครารุงรัง แขวนสร้อยคอลกู ประคำเส้น
ใหญ่สีดำ 1-2 เส้น ซึ่งทำจากไม้ที่ตัดเป็นท่อนๆ หรือการนำลูกคิดที่ไม่ได้ใช้แล้วมาร้อยเป็นลูกประคำก็มี
และแต่งหน้าใหด้ ูเขม้ แบบแขกท่วั ไป

1.2 ยาหยี แต่งตัวแบบผู้หญิงไทยมุสลิมภาคใต้หรือแบบผู้หญิงไทยทั่วๆ ไป คือ สวมเสื้อท่ี
ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดตรังเรียกว่า “เสื้อหยอหยา” เป็นเสื้อที่นิยมใช้ผ้าลูกไม้มาตัด เป็นเสื้อเข้ารูป ตัว
เสอื้ ยาวถึงหนา้ ขา แขนยาวลบี รดั แขน คอเหลยี่ มเล็ก นงุ่ ผา้ โสร่งปาแตะ๊ มลี วดลายและมีสีสันสดใส แต่ถ้า
แตง่ แบบผ้หู ญิงไทยทว่ั ๆไป จะเป็นเสอ้ื เขา้ รูปคอกลม แขนกระบอก ตัวเส้ือยาวไม่มาก ตัดเย็บด้วยผ้าผืนสี
ตา่ งๆ ส่วนผา้ นงุ่ จะใช้โสรง่ ปาเต๊ะหรือผ้าลายไทยคลมุ ศีรษะดว้ ยผา้ บางๆ ใหโ้ ผล่แตห่ น้า มผี า้ หอ้ ยคอ เป็น
แถบเล็กๆ ยาวถึงน่อง มักนิยมใช้ผ้าลูกไม้บางๆ สีสดใส ใส่ตุ้มหู สร้อยคอ สร้อยมือ และแต่งหน้าอย่าง
การแสดงทั่วไป ยาหยีเป็นตัวละครที่เด่นตัวหนึ่ง จึงต้องแต่งตัวอย่างพิถีพิถันให้สวยงามเพื่อดึงดูดความ
สนใจของผู้ชม

1.3 เจ้าเมือง แต่งกายเลยี นแบบข้าราชการในราชสำนกั อาจใส่เส้อื ราชปะแตนนงุ่ ผา้ มว่ ง สวม
หมวกและรองเท้า ตามแบบของข้าราชการในสมัยรัชกาลที่ 5หรืออาจจะสวมเสื้อผ้าต่วนแขนสั้น นุ่งโจง
กระเบน คาดเข็มขัด สวมหมวก และมีการตกแต่งด้วยเครือ่ งประดับเพื่อให้เห็นถึงยศ มีบรรดาศักดิเ์ พราะ
รับบทเป็นขา้ ราชการแผ่นดินนนั่ เอง

1.4 เสนา เปน็ ตวั ตลกของเรื่อง จะแตง่ ตัวตามสบาย ตามแบบคนใช้ชาวชนบทเพื่อให้ดูตลก
ขบขัน คือการนุ่งโสร่งไม่ใส่เสื้อ มีผ้าผูกคอ สวมหมวก ใส่ถุงเท้าและมีการแต่งหน้าโดยทาแป้งให้หน้า
ขาว วาดค้วิ ทาปาก เมอื่ เห็นเพียงการแต่งตัวก็จะเรียกเสยี งหัวเราะได้ทนั ที

ภาพท3่ี การแตง่ กายของนักแสดงของลเิ กปา่ กลุ่มแมบ่ ้านวังฆ้อง
ท่มี า : ธรี วฒั น์ ช่างสาน, ถ่ายภาพ (2555, มีนาคม 28)

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 20

ส่วนการแต่งกายของตวั ละครตอนแสดงเรื่องเป็นการแสดงเรื่องจักรๆวงศ์ๆ และนิยายพื้นบ้าน
ตัวละครก็จะแต่งไปตามบทบาทตามเนื้อเรื่องในสมัยก่อนที่ลิเกป่า ยังเป็นท่ีนิยมของชาวบ้านจะมีการ
พิถีพิถันในการแต่งตัวพอสมควรถ้าเป็นเจ้าเมือง เจ้าชายหรือเจ้าหญิงก็จะแต่งเครือ่ งทรงคลา้ ยลิเก แต่ใน
ปัจจุบันจะแต่งอย่างปกติที่เป็นอยู่เพราะลิเกป่าเป็นการแสดงพื้นบ้านของชาวชนบท ที่แสดงเมื่อยามว่าง
เพื่อสร้างความสนุกสนาน ไม่ได้แสดงเป็นอาชีพอย่างจริงจังผู้แสดงส่วนมากมีฐานะยากจน ใครแสดงเป็น
ตวั ไหนก็จดั หาชดุ มาเองเท่าทพ่ี อจะหาได้

นอกจากน้ีการแต่งกายของลูกคู่ ซึ่งอาจเปน็ นักดนตรี หรอื ผู้ร้องรับบทกลอนต่าง ๆ ซ่ึงคู่ลิเกป่า
ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายล้วนแต่งกายอย่างง่ายๆ อย่างการแต่งกาย ในชีวิตประจำวันของชาวบ้านทั่วไป
กล่าวคือ สวมกางเกงขายาว ใส่เสื้อธรรมดา หรือมีผ้าขาวม้าคาดเอว เหมือนที่เคยใส่เป็นปกติ ไม่ได้
พิถพี ถิ นั มากนกั

สถานทแ่ี สดง
สถานทแ่ี สดงเดิมปลกู เปน็ โรง หลังคาเพิงหมาแหน กั้นม่านกลางปเู สือ่ แสดงบนพ้ืนดิน หรอื ยก
สูง แต่โรงลิเกป่าในปัจจุบัน นิยมยกพื้น และโรงก็มักเป็นโรงสำเร็จรูป ที่ทำด้วยโครงเหล็ก สามารถ
ประกอบ และถอดเกบ็ เคลอ่ื นยา้ ยได้สะดวก

ภาพท่ี 4 สถานทีแ่ สดงลิเกป่า
ท่มี า : ธีรวฒั น์ ช่างสาน, ถ่ายภาพ (2555. เมษายน 4)

ธรรมเนียมปฏบิ ัตขิ องการเล่นลเิ กปา่

ณัฐวุฒิ พุทธรักษา, (2547) ให้รายละเอียดน่าสนใจว่าธรรมเนียมปฏิบัติของการเล่นลิเกป่า มี
วิธีการเล่นน่าสนใจพอสรุปได้คือ ดนตรีโหมโรง ไหว้ครู บอกชุด(ทั้ง 12 ชุด ของลิเกสิบสองภาษาว่ามี
อะไรบ้าง) ออกแขกแดง แสดงเรื่องของชุดแขกแดงไปจนจบ พิธีส่งครู อยา่ งไรกต็ ามสำนกั งานวัฒนธรรม
จังหวดั พงั งา, (2548) ใหร้ ายละเอียดเพมิ่ เตมิ นา่ สนใจ ดงั นี้

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 21

1. การเบิกโรง เปน็ การกระทำพธิ เี ซ่นบวงสรวงเจา้ ที่ ส่งิ ศักดิส์ ิทธิ์ ครูบาอาจารย์ ให้ลงมาประจำ
อำนวยอวยชัยให้ดำเนนิ การแสดงไปราบรนื่ ตลอดหัวหน้าคณะทำพธิ ีเบกิ โรง มีเครอ่ื งบชู า คอื หมาก พลู 3
คำ เทียน1 เลม่ เงนิ 12 บาท

2. ไหว้ครู เชิญครู หรือเพลงวง ก็เรียกเป็นการร้องเพลงวงหมุนเวยี นภายในวงลูกคู่เพือ่ เอ่ยช่ือครู
ลิเกป่าให้มาประจำโรง เพลงวงนี้จะใช้ทำนองหมุนเวียนเปลี่ยนจนหมดคนในคณะจบแล้วร้องเพลงสรุป
เชิญครู

3. การร้องบอกชุด หลังจากที่ร้องกาดเชิญครูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลิเกป่าจะร้องบอกชุด 12 ชุด
การบอกชุดนี้เปน็ เพียงการร้องเท่านั้นไม่มีการแต่งกายออกมาประกอบชุดและชดุ ต่างๆ ที่บอกนี้ส่วนใหญ่
แลว้ ลิเกปา่ ไม่ค่อยแสดง แสดงอยู่เพยี งชุดเดียว คอื ชดุ แขกแดง ถ้าหากวา่ มเี วลาเหลือมากๆ จากการแสดง
ชุดแขกแดง ก็จะแสดงนยิ ายอืน่ ๆ ท่ีแตง่ กันขึน้ มาเองจงึ เปน็ การบอกชดุ ตามธรรมเนียมเสยี มากกวา่

4. ออกแขก เป็นการออกแขกเรียกว่า “เต้นเทศ” (เทศคือแขกอินเดีย) เป็นการโชว์การเต้นของ
แขกเล่าเรื่องความเป็นมาของตนและยายี ซึ่งเป็นภรรยาคนไทย ลีลาการเต้นของแขกถือว่าเป็นศิลปะที่
สำคัญของการแสดง ขณะเริ่มออกแขกนั้นมิใช่เดินออกมาเฉยๆ จะต้องเต้นออกมาตามจังหวะรำมะนา
หากมีม่านหรือฉากเป็นเครื่องประกอบ เรียกว่า การเต้นกระตุกม่าน เมื่อแขกออกมาเต้นหลายท่า
พอสมควรแก่เวลาแล้วก็เข้าโรงไป แล้วกจ็ ับเร่ืองท่ตี ้องการแสดงในฉากต่อไป เช่น เจา้ เมอื ง เสนา ยายี แม่
ยายี แสดงไปจนจบเรอ่ื ง สำหรับทา่ รำของยายี เป็นท่ารำที่ออ่ นช้อยตามจงั หวะดนตรีดูแลว้ คล้ายท่ารำของ
รองแง็งแบบเกา่

5. ส่งครู เป็นบทร้องประกอบดนตรที ี่คณะนักแสดงออกมารำพร้อมกันหน้าเวที ส่งครูอาจารย์ที่
เชญิ มารว่ มแสดงใหก้ ลบั ซงึ่ เปน็ ธรรมเนยี มปฏิบัตทิ ด่ี ขี องความเป็นไทยอีกลกั ษณะหนึ่ง

คุณค่าของการเล่นลิเกป่า

ลิเกป่ามีคุณค่าในชุมชน พบว่าลิเกป่ามีหน้าที่หลายด้าน คือหน้าที่ระดมพลังชุมชน หน้าที่สืบ
ทอดความเชื่อ หน้าที่ในการสร้างความสามัคคีเป็นปึกแผ่น หน้าที่ให้ความบันเทิง หน้าที่ในการเป็นยา
สมานแผลชมุ ชน ซงึ่ สามารถสร้างคุณค่าในเชงิ การอบรมสัง่ สอน คณุ คา่ ในเชงิ การสร้างสรรค์สมานรอยร้าว
ของชมุ ชน และคุณค่าในเชิงชา่ งและผเู้ ยียวยา ดงั รายละเอียดกล่าวคือ

1. คณุ ค่าในเชิงการอบรมส่งั สอน ในการเล่นลเิ กป่ามปี รากฏอยทู่ กุ เกอื บสถานการณ์ของการเล่น
เช่น การอบรมสั่งสอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรมของสังคม การอบรมสั่งสอนเรื่องหน้าที่ของคนในสังคม
การอบรมส่ังสอนชวี ติ ของผ้หู ญิงหลงั จากแต่งงาน

2. คุณค่าในเชิงสร้างสรรค์สมานรอยร้าวของชมุ ชน ปัจจุบันนี้สงั คมมนุษย์กำลังเปลีย่ นแปลงเขา้
สู่ยุคการสอ่ื สารแบบไรพ้ รหมแดน การตดิ ตอ่ สือ่ สารสามารถใช้อิเลคทรอนิกซเ์ ข้ามาเกย่ี วข้องทำให้วิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พฤติกรรมความเห็นแก่ตัวก็จะมีให้เห็น วงจรชีวิต
แบบครอบครัวใหญ่ในสมัยโบราณที่เป็นระบบเครือญาติเริ่มลดน้อยลง การแก่งแย่งชิงดีเริ่มมีมากข้ึน

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 22

บทบาทพฤติกรรมท่ีกล่าวเข้าครอบงำความรู้สึก จะทำให้คนในสังคมเกิดความแตกแยก ดังน้ันส่ิงที่จะช่วย
ประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้นในสังคมนี้จำเป็นต้องใช้วัฒนธรรมซึ่งเป็นสิ่งอ่อนนุ่มเข้ามาเยียวยารักษา อย่าง
การเล่นลเิ กป่า

3. คณุ คา่ ในเชงิ การศกึ ษาเรียนรู้ ลเิ กปา่ ให้สาระในเชิงการศึกษาเรียนรเู้ ยอะมาก อาทิ การศึกษา
เร่ืองความเชื่อ การศึกษาเร่อื งวฒั นธรรม การศกึ ษาเรื่องคุณธรรมจริยธรรมและการศึกษาในเชิงศิลปะการ
สบื ทอด

โอกาสในการแสดง

โอกาสในการแสดงลิเกป่า สามารถรับงานแสดงได้ทุกโอกาสไม่ว่าจะเป็นงานรื่นเริง เช่น งาน
บวชนาค แต่งงานขึ้นบ้านใหม่ งานประจำปี งานอนุรักษ์เผยแพร่วัฒนธรรมพื้นบ้าน งานเฉลิมฉลองพิธี
การต่างๆ และยังมีการแสดงในงานศพ งานแก้บนต่างๆ ลิเกป่าแสดงได้เกือบทุกงาน แล้วแต่เจ้าภาพจะ
รบั ไปแสดง

สรุป

ลิเกป่า ศิลปะการละเล่นของคนในท้องถิ่นภาคใต้ที่มีทั้งการร้องเพลง การเต้นท่าทางประกอบ
จังหวะดนตรี และใช้ผู้แสดงไม่มากตัว ประกอบด้วย แขกแดง ยาหยี เจ้าเมือง เสนา ซึ่งสามารถเรียกว่า
ลิเกบก ลิเกรำมะนา และลเิ กปา่ ได้ เป็นการละเล่นท่ีมวี วิ ัฒนาการจากการเลน่ ลิเกของทางภาคกลาง แล้ว
มาพัฒนารูปแบบการแสดงยึดตามความถนดั ของชุมชนตนเองโดยการนำเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเอง
มานำเสนอ ทั้งการแต่งกาย ภาษาพูด บทร้องมาพัฒนาเล่นกันเสริมเครื่องดนตรีที่มีในท้องถิ่นเล่นเป็น
เรื่องเป็นราวอย่างลิเกในกรุงเทพ และมาเล่นกันตามชนบทจึงเรียกการแสดงชนิดนี้ว่าลิเกป่า โดยมี
องค์ประกอบของการแสดงลิเกป่า คือ คณะลิเกป่า คณะนักแสดงมี 4 ประเภท คือ แขกแดง ยาหยี เจ้า
เมอื ง และเสนา เคร่ืองดนตรี ประกอบด้วย รำมะนา ป่ี ซอ ฉง่ิ กรบั เคร่ืองแตง่ กายแต่งเลียนแบบตัวแสดง
คอื แขกแดง สวมชุดแขกผชู้ าย สวมหมวก และมีจมูกทำจากไมท้ าสีแดง ยาหยแี ตง่ กายแบบสตรีทางภาคใต้
ตอนล่าง เจ้าเมืองสวมเสื้อราชปะแตนนุ่งโจงกระเบนผ้าม่วงมีหมวก ตามแบบข้าราชการสมัยรัชกาลที่5
เสนา แต่งแบบชาวบ้านทั่วไป โอกาสที่ใช้แสดง ลิเกป่าจะใช้แสดงในงานทั้งอวมงคลและงานมงคลทั่วไป
ดงั ท่ีไดเ้ สนอแล้วขา้ งต้น

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 23

คำถามทบทวน

แบบฝึกหัดท1่ี
คำช้ีแจง นักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ีให้ถูกต้อง
*******************************************************************************************
1. โปรดอธิบายความหมายของลเิ กป่ามาให้ถกู ต้อง
ตอบ..........................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
2. คำวา่ “ดเิ กร”์ เปน็ ภาษาของชาติใด หมายถึงอะไร
ตอบ..........................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
3. “ลิเก” เรม่ิ มเี ล่นในประเทศไทยในสมยั รัชกาลทเ่ี ท่าไหร่ เริ่มต้นเล่นเปน็ ลกั ษณะอย่างไร โปรดอธบิ ายให้
เข้าใจ
ตอบ..........................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 24

4. อ่านโครงเรื่องแขกแดงท่ีนิยมเลน่ ของลิเกปา่ ใหเ้ ขา้ ใจแล้วสรปุ โครงเร่อื งมาให้ได้ ไม่เกนิ 5 บรรทดั
โครงเรือ่ งของแขกแดง
กล่าวว่ามีแขกจากเมืองลักกะตา เดินทางทางเรือมาทำการค้าขายตามหัวเมืองชายทะเลทางฝั่ง

ตะวันตกของประเทศไทย แขกผู้นี้ได้ทำการค้าขายไปตามที่ต่าง ๆหลายเมือง จนในที่สุดได้ภรรยาเป็นคน
ไทยที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ต่อมาแขกคิดถึงบ้านเมืองของตน และเป็นห่วงพ่อแม่ซึ่งแก่ชรามากแล้ว
จึงได้เข้าพบเจ้าเมือง (ผู้ว่าราชการจังหวัด )โดยได้ขอคนงานให้ติดตามไปด้วย 1 คน เจ้าเมืองก็อนุญาต
แขกกลับไปบอกยาหยี (ภรรยาของแขก) เพอ่ื ใหเ้ ตรียมตัวเดินทางไปด้วยกัน แตย่ าหยไี ม่ยอมไปเพราะเป็น
หว่ งพ่อแม่ และเหน็ ว่าการเดนิ ทางไปนั้นเปน็ ระยะทางไกล แขกตอ้ งออ้ นวอน แตก่ ไ็ ม่สำเร็จ จนตอ้ งทั้งขู่ทั้ง
ปลอบยาหยีจึงยอมเดินทางไปด้วย เมื่อยาหยีจำใจยอมเดินทางไปด้วย แขกก็สั่งให้ยาหยีลาพ่อแม่พี่น้อง
ตลอดถึงผชู้ ม คอื ทงั้ แขก ยาหยี คนรับใช้ (เสนา) ผลดั กนั วา่ ลา ในระหว่างเดนิ ทางแขกกลวั ว่ายาหยจี ะเบื่อ
และเหงา แขกจึงได้ชี้ชวนให้ยาหยีชมความงามของธรรมชาติ ชมปลา ชมเกาะ ชมดาว ชมสิ่งต่าง ๆ ที่ได้
พบเห็นระหวา่ งทางจนถึงเมือง (กัลกตั ตา) จากกน้ันอาจมกี ารแสดงเร่ืองราวของบทละครท้องถิ่นตา่ ง ๆ มา
นำเสนอตอ่ ซง่ึ เป็นแบบฉบับของการเล่นตามท้องถิ่นนนั้ ๆ นน่ั เอง

ตอบ..........................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 25

แบบฝกึ หัดท2่ี
คำช้ีแจง อ่านองค์ประกอบของการเลน่ ลเิ กปา่ ใหเ้ ข้าใจแล้วตอบคำถามต่อไปนี้
**************************************************************************************
1. นักแสดงลิเกป่ามี 4 ตัว คือ ....................................................................................................
2. สถานทีแ่ สดงลเิ กป่าอดตี ปลกู สรา้ งลกั ษณะ ............................................................................
3. เคร่ืองดนตรีประกอบการแสดงลเิ กปา่ มี 6 ช้ิน คือ ...............................................................
4. เครอ่ื งดนตรีช้นิ ใดทส่ี บื เสาะไดว้ ่าเปน็ ของภาคใต้ตอนลา่ ง คือ ..................................................
5. ธรรมเนยี มปฏิบตั ขิ องการเบกิ โรงของลเิ กป่า จะตอ้ งเตรยี มเครื่องบูชา คือ ..............................
............................................................................................................................. .......................................
6. เพลงวง ใช้เล่นตอนไหนของการเลน่ ลิเกป่า คือ .......................................................................
7. เรื่องท่นี ำมาบอกชุดก่อนการแสดงลเิ กปา่ มีจำนวน กเ่ี รอื่ ง .....................................................
8. การออกแขก หรอื เตน้ เทศ เขา้ ใจวา่ ออกมาเพ่ือ ...................................................................
9. เขา้ ใจวา่ แขกแดง พายาหยี และเสนา เดนิ ทางโดยพาหนะคอื ...............................................
10. นักเรยี นเล่นลิเกป่าถงึ ช่วงส่งครู จะตอ้ งทำอยา่ งไร ................................................................
11. จากองคป์ ระกอบและธรรมเนียมปฏิบัตกิ ารเลน่ ลิเกป่าสามารถสรุปเป็นผงั ความคิดได้ ดังน้ี

........................... ...........................

......................... ..........................
.
การเลน่ ลิเกป่า

.............................................................
.........................................................

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 26

แบบทดสอบหลงั เรยี น

วชิ าเพม่ิ เติม นาฏศลิ ป์พ้นื เมือง(ลิเกปา่ ) กลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะสาระนาฏศิลป์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่2

เร่ือง ความรู้พ้นื ฐานการเลน่ ลิเกป่า เวลา 15 นาที คะแนน 10 คะแนน

*********************************************************************************************

คำชีแ้ จง โปรดตรวจสอบและเลือกคำตอบที่ถกู ต้องเพยี งคำตอบเดยี วทำเคร่อื ง (X) ลงในกระดาษคำตอบ

*********************************************************************************

1. เรอ่ื งท่ีนยิ มนำมาแสดงลิเกปา่ เปน็ คำตอบในตวั เลอื กใด

ก. ชายสามโบสถ์ ข. แขกแดง

ค. จำปาส่ีตน้ ง. สงั ข์ทอง

จ. หนกั แผน่ ดิน

2. เคร่ืองดนตรตี ัวเลอื กใดทีเ่ ป็นเครอ่ื งเปา่ ในวงดนตรีลเิ กปา่

ก. รำมะนา ข. กลองตกุ๊

ค. ปี่ ง. ซอ

จ. กรับ

3. ตวั เลอื กใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกับความหมายของการละเลน่ ทปี่ รากฏในนวตั กรรมฉบบั นี้เลย

ก. ลิเกฮลู ู ข. ลิเกป่า

ค. ลิเกรำมะนา ง. ลิเกบก

จ. ลิเกที่เล่นโดยคนท้องถิน่ ใต้

4. คำตอบใดกล่าวโอกาสทีใ่ ช้แสดงลิเกป่าไดถ้ กู ต้องทส่ี ุด

ก. การละเลน่ ที่นิยมในงานศพของคนภาคใต้

ข. งานวัดมีทีไ่ หนมลี เิ กปา่ เลน่ ท่ีนั่น

ค. งานทอดกฐนิ เทา่ นน้ั ท่ีใช้เล่นลเิ กปา่ ได้

ง. ธรรมเนียมนิยมในโบราณเล่นในงานแต่งงานเทา่ นนั้

จ. แสดงไดท้ กุ โอกาสในงานมงคลและอวมงคล

5. คำตอบใดไมใ่ ชค่ ณะลิเกปา่

ก. แขกแดง ข. ยาหยี

ค. เสนา ง. เจา้ เมือง

จ. ตัวตลก

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 27

6. ถา้ ตอ้ งการทราบตัวผู้แสดงควรตรวจสอบองค์ประกอบตัวเลือกใดของการเลน่ ลเิ กปา่

ก. เครอ่ื งแต่งกาย ข. คณะลิเกปา่

ค. สถานท่ีแสดง ง. บทรอ้ ง

จ. การไหว้ครู

7. จงั หวดั ในตัวเลือกใดที่ปรากฏการละเลน่ ชนดิ นีใ้ นปัจจบุ ัน

ก. นราธวิ าส ข. สรุ าษฏรธ์ านี

ค. นครศรีธรรมราช ง. ชมุ พร

จ. สุไหงโกลก

8. คำวา่ ”ลกู ค่”ู ในการละเล่นลิเกปา่ น่าจะตรงกบั คำตอบตัวเลือกใด

ก. นักดนตรี ข. พระเอก

ค. นางเอก ง. ตัวตลก

จ. เจา้ ของคณะ

9. ตามประวตั อิ า้ งว่าแขกแดงเปน็ คนทีม่ าจากเมืองใด

ก. ชวา ข. เปอรเ์ ชยี

ค. ดนิ เดยี ง. ลงั กาสุกะ

จ. ลักกะตา

10. คำตอบใดไมเ่ กีย่ วขอ้ งกบั ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิการเลน่ ลเิ กป่า

ก. ไหว้ครู ข. บอกชุด

ค. ออกแขก ง. ท่องโรง

จ. สง่ ครู

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 28

กระดาษคำตอบ

โรงเรียน......................................................................ปีการศกึ ษา...........................
ช่อื ..........................................................................ช้นั ...................เลขท่.ี ...............
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้.....................วนั ท.ี่ .............เดือน...................พ.ศ..................

ขอ้ ก ข ค ง จ ขอ้ ก ข ค ง จ
16
27
38
49
5 10

ประเมนิ ผล
เต็ม

ได้

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 29

แนวการตอบแบบฝึกหัด

แบบฝึกหดั ที1่
คำช้แี จง นกั เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี ห้ถกู ต้อง
*******************************************************************************************
1. โปรดอธบิ ายความหมายของลเิ กป่ามาใหถ้ กู ต้อง
ตอบ “ลิเกป่า” หมายถึง ศิลปะการละเล่นของคนในทอ้ งถิ่นภาคใต้ทีม่ ีท้ังการร้องเพลง การเต้น
ท่าทางประกอบจังหวะดนตรี โดยใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีทั้งรำมะนา โหม่ง ฉิ่ง ซอ และปี่เป็น
เครื่องดำเนินทำนองมีผู้แสดงไม่มากตัว คือ แขกแดง ยาหยี เจ้าเมือง เสนา ซึ่งสามารถเรียกว่า ลิเกบก
ลิเกรำมะนา และลิเกป่าได้
2. คำวา่ “ดเิ กร”์ เป็นภาษาของชาตใิ ด หมายถงึ อะไร
ตอบ “ดิเกร์” เป็นภาษาเปอร์เชียร์ ภาษาไทยเรียกว่า “ลิเก” แปลว่าการขับร้องหรือบทสวด
ของมสุ ลมิ (แขกขาว) ลเิ กน่าจะเป็นการเล่นเพลงแบบลำตัดในปจั จบุ ัน คอื มีศิลปิน 2 ฝ่าย ฝ่ายละ 2-4 คน
กลา่ วแก้กลอนกนั แบบดน้ กลอนสดมวี งรำมะนาเป็นลูกคู่ประมาณ 4-6 คน ภาษาทีใ่ ช้เดมิ เป็นภาษามลายู
เน้ือหาเป็นการสวดสรรเสรญิ พระอัลล่าห์
3. “ลิเก” เริ่มมเี ลน่ ในประเทศไทยในสมยั รชั กาลทีเ่ ท่าไหร่ เร่ิมต้นเล่นเปน็ ลกั ษณะอย่างไร โปรดอธบิ ายให้
เข้าใจ
ตอบ ลิเกเริ่มมีเล่นในประเทศไทย สมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พัฒนาจากการแสดง
ต่าง ๆ เช่น มาจากทางสวดคฤหัสถ์ ซง่ึ มมี าแต่การสวดพระมาลัยในงานศพ ท่ีพระสงฆส์ วดเปน็ แนวตลกจน
รชั กาลท่ี 1 ทรงห้าม
4. อ่านโครงเรื่องแขกแดงท่นี ยิ มเล่นของลเิ กปา่ ใหเ้ ขา้ ใจแล้วสรุปโครงเรือ่ งมาให้ได้ ไม่เกิน 5 บรรทดั
ตอบ แขกจากเมืองลักกะตา เดินทางเรือมาทำการค้าขายตามหัวเมอื งชายทะเลฝัง่ ตะวันตกของ
ประเทศไทย แขกได้ภรรยาเป็นคนไทยเป็นยาหยี ต่อมาแขกคิดถึงบ้านเมืองของตนอยากกลับบ้านจึง ได้
ขอคนงานจากเจ้าเมืองไป 1 คน คอื เสนา เจ้าเมืองกอ็ นญุ าต แขกชวนยาหยีไปลักกะตาแตย่ าหยีไม่ยอมไป
จึงอ้อนวอนจนยาหยี ไปพร้อมกับเสนา ลงเรือขณะนั่งเรือมีการชมน้ำ ชมนก ชมดาว ชมธรรมชาติ จนถึง
เมอื งลกั กะตา

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กป่า 30

แบบฝกึ หัดท2ี่
คำช้ีแจง อา่ นองคป์ ระกอบของการเลน่ ลิเกปา่ ใหเ้ ขา้ ใจแล้วตอบคำถามต่อไปนี้
**************************************************************************************
1. นักแสดงลเิ กปา่ มี 4 ตวั คอื แขกแดง ยาหยี เจา้ เมอื ง เสนา
2. สถานที่แสดงลิเกปา่ อดีตปลูกสรา้ งลกั ษณะ เพิงหมาแหงน
3. เครอ่ื งดนตรปี ระกอบการแสดงลเิ กป่ามี 6 ชิ้น คือ รำมะนา โหมง่ ฉ่ิง ป่ี กรบั ซอ
4. เครอื่ งดนตรีชน้ิ ใดท่ีสบื เสาะได้วา่ เปน็ ของภาคใตต้ อนลา่ ง คือ รำมะนา
5. ธรรมเนียมปฏิบัตขิ องการเบกิ โรงของลิเกป่า จะต้องเตรียมเครอ่ื งบูชา คือ หมาก พลู 3 คำ
เทยี น1 เลม่ เงิน 12 บาท
6. เพลงวง ใชเ้ ล่นตอนไหนของการเลน่ ลิเกป่า คือ การไหว้ครู
7. เรื่องท่นี ำมาบอกชุดกอ่ นการแสดงลเิ กปา่ มีจำนวน กเ่ี รื่อง 12 เรือ่ ง
8. การออกแขก หรือ เต้นเทศ เขา้ ใจว่าออกมาเพื่อ บอกเร่ืองที่จะแสดงในค่ำคืนนี้
9. เขา้ ใจวา่ แขกแดง พายาหยี และเสนา เดนิ ทางโดยพาหนะคอื เรอื ยนต์
10. นกั เรยี นเล่นลเิ กปา่ ถึงช่วงส่งครู จะตอ้ งทำอยา่ งไร ร้องกลอนสง่ ครูทุกคน
11. จากองคป์ ระกอบและธรรมเนยี มปฏิบตั กิ ารเลน่ ลิเกปา่ สามารถสรุปเปน็ ผงั ความคดิ ได้ ดังน้ี

เครื่องดนตรี เครอื่ งแต่งกาย

คณะลิเกป่า สถานท่แี สดง

การเลน่ ลเิ กปา่

ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิ
โอกาสทีใ่ ชแ้ สดงในชมุ ชน

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กปา่ เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 31

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลงั เรียน

แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น

ข้อ ก ข ค ง จ ข้อ ก ข ค ง จ

1ก 1ข

2 ค2 ค

3ข 3ก

4 จ4 จ

5ข 5 จ

6ก 6ข

7 ค7 ค

8 ง 8ก

9 จ9 จ

10 จ 10 ง

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 32

บรรณานกุ รม

เอกสารประกอบการเรียนการเลน่ ลเิ กป่า เลม่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ การเลน่ ลเิ กปา่ 33

บรรณานกุ รม

ธรี วัฒน์ ช่างสาน. (2560). รายงานการวจิ ยั การอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาลิเกปา่ . สถาบันวิจยั และพฒั นา
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช : นครศรีธรรมราช.

นพรัตน์ โชติเกษมกลุ . (2019). ลิเกปา่ ลมหายใจสุดทา้ ย เส่ียงต่อการสญู หายหากไมร่ ว่ มอนุรักษ์. สบื ค้น
เม่ือ 2564, เมษายน : 13 จากhttps://www.77kaoded.com/news/nopparat-
chotikasemkul/663834

ณฐั วฒุ ิ พุทธรักษา. (2547). ลิเกปา่ ภาคใต้จังหวัดกระบ.่ี สืบคน้ เม่ือ 2564, เมษายน : 13 จาก
https://www.nectec.or.th/schoolnet/library/create-web/10000/sociology/10000-
13124.html

ราชบณั ฑติ ยสภา. (2554). ลเิ ก ปา่ . สบื คน้ เม่อื 2564, เมษายน : 13 จาก
https://dictionary.orst.go.th/

สำนกั งานวัฒนธรรมจงั หวัดพังงา. (2548). ลเิ กป่า คณะรวมศิลป์. สบื คน้ เมื่อ 2564, เมษายน : 13 จาก
http://ich.culture.go.th/index.php/th/ich/performing-arts/236-performance/287-----
m-s

สำนกั งานวัฒนธรรมจงั หวัดพัทลุง. (2561). ลเิ กปา่ . สบื คน้ เม่อื 2564, เมษายน : 13 จาก
https://www.m-culture.go.th/phatthalung/ewt_news.php?nid=510&filename=King


Click to View FlipBook Version