ทฤษฎีกรด-เบส
จัดทำโดย
น.ส.ณัฐริกา ปุริภัคดิ์
ม.5/10 เลขที่ 14
เสนอ
ครู ปรีช์ญภัทร เล่งระบำ
ทฤษฎีกรด- เบสของอาร์เรเนียส
อาร์เรเนียส เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน ได้
ตั้งทฤษฎีกรด-เบส ในปี ค.ศ. 1887 (พ.ศ.
2430) อาร์เร เนียสศึกษาสารที่ละลายน้ำ
(Aqueous solution) แลการนำไฟฟ้าของ
สารละลายนั้น เขาพบว่าสารอิเล็กโทรไลต์จะ
แตกตัวเป็นไอออนเมื่อละลายอยู่ในน้ำและ
ให้"นิยามกรด"ไว้ว่า
กรด หมายถึง สารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัว
ให้ไฮโดรเจนไอออน (H⁺) หรือ H₃O ⁺
เช่น HCI เพราะแตกตัวให้ H⁺
เช่น HCI > H⁺ + Cl ⁻
เบส หมายถึง สารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัว
ให้ไฮดรอกไซด์ ( OH⁻)
เช่น NaOH เพราะแตกตัวให้ OH⁻
เช่น NaOH > Na⁺ + OH⁻
ข้อจำกัดของทฤษฎีกรด – เบส อาร์เรเนียส
ทฤษฎีกรด- เบส อาร์เรเนียส จะเน้นเฉพาะการแตกตัวในน้ำ ให้เป็น
H⁺ และ OH⁻ ไม่รวมถึงตัวทำละลายอื่นๆ ทำให้อธิบายความเป็น
กรด- เบสได้จำกัดสารที่จะเป็นกรดได้ต้องมี H⁺ อยู่ในโมเลกุล
และสารที่จะเป็นเบสได้ก็ต้องมี OH⁻อยู่ในโมเลกุล
ทฤษฎีกรด- เบส ของเบรินสเตต- เลารี
โจฮันส์ นิโคลัส เบรินสเตต นักเคมีชาวเดนมาร์ก และ
โทมัส มาร์ติน ลาวรี นักเคมีชาวอังกฤษ ได้ศึกษาการให้
และรับโปรตอนของสาร เพื่อใช้ในการอธิบายและจำแนก
กรด- เบสได้กว้างขึ้น และได้ตั้งทฤษฎีกรด- เบสขึ้นในปี
ค. ศ.1923 ( พ. ศ.2466)
กรด หมายถึง สารที่ให้โปรตอน (H ⁺) แก่สารอื่นได้ เช่น
CH ₃COOH + H ₂O < > CH ₃COO + H ₃O
กรด เบส เบส กรด
เบส คือ สารที่สามารถรับโปรตอนจากสาร
อื่นได้ (Proton acceptor )
NH ₃ + H ₂ O < > NH ₄ ⁺ + OH ⁻
เบส กรด กรด เบส
โจฮันส์ นิโคลัส เบรินสเตต
ข้อจำกัดของทฤษฎีกรด-เบสของเบรินสเตต-ลาวรี
ทฤษฎีกรด-เบสของเบรินสเตต-ลาวรี ใช้อธิบาย
สมบัติของกรด-เบสได้กว้างกว่าทฤษฎีของ
อาร์เรเนียส แต่ยังมีข้อจำกัดคือ สารที่จะทำหน้าที่
เป็นกรดจะต้องมีโปรตอนอยู่ในสารนั้น โทมัส มาร์ติน ลาวรี
สารที่เป็นได้ทั้งกรดและเบส (Amphoteric)
สารบางตัวทำหน้าที่เป็นทั้งกรด เมื่อทำปฏิกิริยากับสารตัวหนึ่ง
และทำหน้าที่เป็นเบส เมื่อทำปฏิทิริยากับอีกสารหนึ่งนั่นคือเป็นได้ทั้ง
กรดและเบส สารที่มีลักษณะนี้เรียกว่า สารเอมโพเทอริก(Amphoteric)
เช่น H₂O , HCO₃⁻เป็นต้น
กรณีของH₂O
ในกรณีนี้ H₂Oเป็นกรดเมื่อทำปฏิกิริยากับ NH₃และเป็นเบสเมื่อทำปฏิกิริยากับ NH₄⁻
กรณีของHCO₃⁻
ในกรณีนี้ HCO₃⁻เป็นเบสเมื่อทำปฏิกิริยากับ HCI และเป็นกรดเมื่อทำปฏิกิริยากับOH⁻
ดังนั้นอาจจะสรุปได้ว่า สารที่เป็นเอมโฟเทอริก ถ้าทำปฏิกิริยากับสารที่
ให้โปรตอนได้ดีกว่า ตัวมันเอง จะรับโปรตอน (ทำหน้ที่เป็นเบส)
แต่ถ้าไปทาปฏิกิริยากับสารที่ให้โปรตอนได้ไม่ดี
ตัวมันเองจะเป็นตัวให้ โปรตอนกับสารนั้น (ทำหน้าเป็นกรด)
ทฤษฎีกรด- เบสของลิวอีส
กิลเบิร์ต นิวตัน ลิวอิส (Gilbert Newton Lewis)
นักเคมีชาวอเมริกัน ได้เสนอนิยามของกรด-เบส
ในปี พ.ศ. 2466 โดยพิจารณาการให้และการรับคู่
อิเล็กตรอน (Electron Pair)
ซึ่งกล่าวว่า
กรด คือ สารที่สามารถรับอิเล็กตรอนคู่ จากเบส แล้วเกิดพันธะโคเวเลนต์
ปฏิกิริยาระหว่างกรด-เบส ตามทฤษฎีนี้ อธิบายที่มีการใช้อิเล็กตรอนคู่ร่วมกัน
กรดรับ อิเล็กตรอนเรียกว่าเป็น Electrophile และเบสให้อิเล็กตรอนเรียกว่า
เป็น Nucleophile และตามทฤษฎีนี้สาร ที่เป็นเบสต้องมีอิเล็กตรอนคู่อิสระ
เช่น
กรณี AlO นี้ 0 เป็นเบส มีอิเล็กตรอนคู่ 1 คู่ จะให้อิเล็กตรอนคู่กับกรดในการเกิด
พันธะโคเวเลนต์ และ Al รับอิเล็กตรอนจาก O ดังนั้น O จึงเป็นกรด ทฤษฎีของลิว
อิสนี้มีข้อดีคือ สามารถจำแนกกรด-เบส ที่ไม่มีทั้งไฮโดรเจนไอออน หรือไฮดรอก
ไซด์ไอออน ในสารนั้นและแม้ว่าสารนั้นไม่ได้อยู่ในรูปสารละลายแต่อยู่ในสถานะ
ก๊าซก็สามารถใช้ทฤษฎีลิวอิสอธิบายความเป็นกรดเบสได้
ข้อจำกัด
ทฤษฎีกรด-เบสของลิวอิส ต้องทราบโครงสร้างทางอิเล็กตรอนของสารนั้น ๆ ด้วย
เอกสารอ้างอิง
https://www.pw.ac.th/sci/acid
-base/content/ch3.html