๙ ขนมไทย มงคล ๙ ขนมไทยมงคล
“ขนม ไทย” เอกลักษณ์ของความเป็ นไทย นอกจากจะมี ความงดงามวิจิตร ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการท าแล้ว ยังมี รสชาติที่อร่อย หอมกลิ่ นพืชพรรณจากธรรมชาติ และกลิ่ นอบร ่าควัน เทียน อีกทั้งขนมแต่ละชนิดยังมีชื่ อเรียกที่บ่งบอกถึงคุณค่า และแฝงไป ด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล ค าว่า “มงคล” หมายถึง สิ่ งที่น ามาซึ่งความดีงามและความเจริญรุ่งเรือง ส่วน “ขนมมงคล” หมายถึง ขนมไทยที่น าไปใช้ประกอบเครื่ องคาวหวาน ถวายพระ เลี้ยงแขก ในงานพิธีมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส งานบวช หรืองานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น โดยจะต้องเลือกใช้เฉพาะขนมไทยที่มีชื่ อ ไพเราะและเป็นสิริมงคล ดังเช่น “ขนมมงคล 9 อย่าง”
ขนมไทยคู่งานบุญ • ขนมไทย จึงเป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจ าชาติไทยอย่างหนึ่ งที่เป็นที่รู้จักกันดี เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความ ละเอียดอ่อนประณีตในการท า ตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีการท า ที่กลมกลืน พิถีพิถัน ในเรื่ องรสชาติ สีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณะชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิด นั้นๆ • ขนมไทยที่นิยมท ากันทุก ๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่าง ๆ เนื่ องในการท าบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่และมักถือเคล็ด จากชื่ อและลักษณะของขนมนั้น ๆ งานสิริมงคล ต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส ท าบุญวันเกิด หรือท าบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็ จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่ อเป็นศิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่ อหวังให้อยู่ด้วยกัน ยืดยาวมีอายุยืน ขนมชั้น ก็ให้ได้เลื่ อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่ องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น
ขนมทองหยิบ ความหมาย ขนมไทยที่ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะคล้ายดอกไม้สีทอง ท าจากไข่แดงตี จนฟู แล้วน าไปหยอดลงในน ้าเชื่ อมเดือด เมื่ อสุกแล้วน ามาใส่ถ้วย จับจีบอย่าง ประณีตให้เหมือนกลีบดอกไม้ สื่ อความ หมายถึงความมั่งคั่งร ่ารวย ท าการงานสิ่ งใด ก็จะร ่ารวยมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ หยิบเงิน หยิบทองสมดังชื่ อทองหยิบ
สูตรขนมทองหยิบ ส่วนผสม -ไข่แดงเป็ด -น ้าลอยดอกมะลิ -น ้าตาลทราย ขั้นตอนการท า 1.ตอกไข่เป็น ระวังอย่าให้ไข่แดงแตก จากนั้นก็แยกไข่แดงมาวางบนผ้าขาวบาง 2.บีบไข่แดงผ่านผ้าขาวบาง จนได้ไข่แดงที่เนียนละเอียด แล้วตีด้วยเครื่ องตีจนเนียนฟู 3.เทน ้าลอยดอกมะลิลงในกระทะทองเหลือง แล้วน าน ้าตาลทรายลงไปเคี่ยวจนงวด 4.ใช้ช้อนตักไข่แล้วน าไปหยอดในน ้าเชื่ อม หยอดให้ไข่แผ่เป็นแผ่นบางๆ แล้วพลิกกลับไปกลับมาให้สุกทั้งสองด้าน 5.น าขนมมาแช่ให้น ้าสะอาด จากนั้นก็ก็จับจีบให้ได้ 5 แฉก แล้วจัดลงใส่ถ้วยเล็กๆ
ขนมทองหยอด ความหมาย ขนมไทยที่มีลักษณะคล้ายหยดน ้า ท าจากไข่แดง สีเหลือง แล้วน าไปหยอดลงในน ้าเชื่ อมเดือด เช่นเดียวกันกับขนมทองหยิบ มีความหมายสื่อถึง ทอง จึงมักน ามาใช้ประกอบในพิธีมงคลต่าง ๆ หรือ มอบเป็นของขวัญในโอกาสส าคัญ ๆ แทนค าอวย พรให้ร ่ารวยมีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้น ซึ่ง การให้ขนมทองหยอดก็เปรียบเสมือนให้ทองค าแก่ กันนั่นเอง
สูตรขนมทองหยอด ส่วนผสม -ไข่เป็ด -แป้งทองหยอด 1 (หรือแป้งข้าวเจ้า) -น ้าตาลทราย -น ้าลอยดอกมะลิ ขั้นตอนการท า 1. ผสมน ้าลอยดอกไม้กับน ้าตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง แล้วน าไปตั้งไฟแรงให้เดือด เคี่ยวทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึง แบ่งน ้าเชื่ อมส่วนหนึ่ งออกมาส าหรับแช่ทองหยอดที่สุกแล้ว 2. ต่อยไข่ แยกไข่ขาวออก ใช้เฉพาะไข่แดง โดยน าไข่แดงไปกรองในผ้าขาวบางเพื่ อรีดเอาเยื่ อออก จากนั้นจึงตีไข่แดงให้ขึ้นฟู จากนั้น ค่อยๆผสม แป้งทองหยอดลงไปและคนให้แป้งและไข่แดงเข้ากัน 3. น าไข่แดงที่ผสมแป้งเรียบร้อยไปหยอดในน ้าเชื่ อม ส าหรับวิธีหยอดนั้นให้ใช้นิ้ วหัวแม่มือ นิ้ วชี้และนิ้ วกลาง หยิบส่วนผสมมาเป็นลูก ขนาดพอประมาณ แล้วจึงสบัดลงไปในน ้าเชื่ อม ท าเช่นนี้ จนเต็มกระทะทองเหลือง จากนั้นรอจนทองหยอดสุกจึงตักออกมาพักใส่ใน น ้าเชื่ อมที่แยกไว้ก่อนหน้านี้ (ทองหยอดที่สุกจะลอยขึ้น) 4. จัดทองหยอดใส่จานเสริฟเป็นของว่างหรือของทานเล่นในวันพักผ่อนสบายๆ
ขนมฝอยทอง ความหมาย ขนมไทยที่ท าจากไข่แดงสีเหลือง มีลักษณะเป็นเส้นยาว ๆ วางแบบ ทบกันเป็นแพ มักน ามาใช้ในงานมงคลต่าง ๆ โดยเฉพาะงานแต่งงาน ซึ่งขั้นตอนการท าจะต้องท าเป็นเส้นยาว ๆ เพื่ อสื่ อความหมายถึงการ ครองรักครองเรื อนที่ ยาวนาน หรื อการอวยพรให้มีชีวิตที่ยืนยาว เหมือนเส้นของฝอยทอง
สูตรขนมฝอยทอง ส่วนผสม -ไข่แดง (ไข่เป็ด) -ไขน ้าค้าง -น ้าเชื่ อม -น ้าตาลทราย -น ้าเปล่า ขั้นตอนการท า น ้าเชื่ อม 1. ผสมน ้าตาลทรายและเปลือกไข่ที่ล้างสะอาด เติมน ้าเปล่าและ ใบเตย ตั้งไฟ คนให้น ้าตาลละลาย เปิดไฟปานกลาง 2. เมื่ อเดือด ช้อนฟองออก กรองด้วยผ้าขาวบาง ตั้งไว้บนเตา เปิดไฟอ่อน
ขนมเม็ดขนุน ความหมาย ขนมไทยอีกหนึ่ งในขนมตระกูลทอง เพราะท ามาจากไข่แดง ที่ให้สีเหลืองทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุนสอดไส้ ด้านในด้วยถั่วเขียวบดละเอียด รสหวานมัน เชื่ อกันว่าชื่ อ ของขนมเม็ดขนุนนี้ เองจะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคล ให้มี คนคอยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่ องของการด าเนินชีวิต หน้าที่การงาน หรือกิจการต่าง ๆ
สูตรขนมเม็ดขนุน ส่วนผสม -ถั่วเขียวเลาะเปลือก (นึ่ ง) - น ้าตาลทราย -กะทิ - น ้า -น ้าตาลทราย (ส าหรับต้มขนม) - ไข่แดงของไข่เป็ด -น ้าเชื่ อม ขั้นตอนการท า 1.น าถว่ัเขียวเลาะเปลือกท่ี ื น่ึ งแลว ้ มาป่ันกบัน ้าตาลทรายและกะทิ(กะทิครึ่ งเดียวก่อน) ปั่นจนละเอียด 2. น าถั่วที่ได้มากวนในกระทะทองเหลือง หรือกระทะเทฟลอนก็ได้ เติมกะทิส่วนที่เหลือลงไป กวนจนข้นเหนียว ใช้เวลา 15-20 นาที เสร็จแล้วก็ปิดไฟ พักถั่วไว้ให้เย็น 3. น าถั่วที่เย็นสนิทแล้ว มาปั้นให้เป็นรูปวงรี ยาวๆ เป็นรูปทรงเม็ดขนุน ปั้นไปแบบนี้ จนหมด 4. ต้มน ้าตาลทรายกับน ้าเปล่าในกระทะทองเหลือง เปิดไฟอ่อน กวนจนน ้าตาลละลาย จากนั้นก็ปิดไฟทันที 5. แยกไข่แดงของไข่เป็ดออกมา จากนั้นก็ตีให้เข้ากัน น าถั่วที่ปั้นไว้มาชุบกับไข่แดง เสร็จแล้วก็หยอดลงไปในน ้าเชื่ อม หยอดไปเรื่ อยๆ ระวังอย่าให้ขนมติดกันจนเกินไป 6.จากนั้นก็เปิดไฟอ่อนๆ ต้มจนเม็ดขนุนสุกทั้งสองด้าน จากนั้นก็ตักเม็ดขนุนมาแช่ในน ้าเชื่ อมข้างนอกอีกครั้งนึง ท าแบบนี้ วนไปจน หมด.
ขนมทองเอก ความหมาย ขนมไทยตระกูลทอง ที่เพิ่มความพิเศษกว่าขนมทองชนิดอื่ นด้วย การติดทองค าเปลวด้านบนของขนม โดยค าว่าเอกนั้น สื่อความ หมายถึงการเป็นที่หนึ่ ง ความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน การได้ เลื่ อนยศเลื่ อนต าแหน่ง จึงนิยมใช้ขนมทองเอกประกอบพิธีมงคล ส าคัญต่าง ๆ หรือใช้มอบเป็นของขวัญการฉลองความส าเร็จ ซึ่ง เปรียบเสมือนค าอวยพรให้เป็นที่หนึ่ งสมกับชื่ อของขนม
สูตรขนมทองเอก ส่วนผสม -แป้งสาลี (ตราบัวแดง) -กะทิ -น ้าตาลทราย -ไข่แดง(ไข่ไก่) -แผ่นทองค าเปลว ขั้นตอนการท า 1.ใส่กะทิและน ้าตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง น าขึ้นตั้งไฟปานกลาง ต้มจนเดือดแล้วกรองด้วยผ้าขาว เสร็จเคี่ยวต่อจนข้น ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น 2.ใส่ไข่แดงลงไป คนให้เข้ากัน ยกส่วนผสมขึ้นตั้งไฟอ่อนกวนจนร้อน 3.ค่อย ๆ ใส่แป้งลงไปจนหมด กวนจนส่วนผสมร่อนจากกระทะ ปิดไฟ พักไว้ให้อุ่น 4.ตักขนมอัดเข้าพิมพ์ให้แน่นแล้วเคาะออก 5.แต่งหน้าขนมด้วยเศษทองค าเปลว
ขนมดาราทอง ความหมาย ขนมไทยที่มีขั้นตอนการท าที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน นิยมท ากันเพื่ อใช้ประกอบพิธี การที่ส าคัญจริง ๆ แต่เดิมสูตรไทยโบราณจะไม่มีส่วนผสมของไข่ มีเพียงแป้ง กะทิ และน ้าตาล ปัจจุบันหาทานได้ยากมาก รูปลักษณ์จะเป็นสีเขียว มีโรยแป้ง ทอด ต่อมาได้รับวัฒนธรรมตะวันตก ประกวดในงานฉลองปีใหม่ในสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม คนทั่วไปรู้จักในชื่ อว่า ‘ดาราทอง’ หรือ ‘ทองเอกกระจัง’ มี ส่วนผสมของไข่ เมล็ดแตงโม รวมถึงแผ่นทองค าเปลวที่น ามาประดับตกแต่ง คล้ายเครื่ องราชอิสริยาภรณ์ที่เป็นรูปดาว มีความคล้ายคลึงกับมงกุฏของฝรั่ง ท า ให้รู้จักกันในนามของขนม ‘จ่ามงกุฏ’ ค่อนข้างมากกว่าดาราทองหรือทองเอก กระจัง หรือเรียกได้ว่าเป็นจ่ามงกุฏยุคปัจจุบันนั่นเอง ส าหรับค าว่าจ่ามงกุฎนั้น หมายถึง ความสง่างาม การเป็นหัวหน้าสูงสุด หรือความมีเกียรติยศในต าแหน่ง สูงสุด จึงนิยมใช้เป็นของขวัญในงานเลื่ อนยศเลื่ อนต าแหน่ง เพื่อแสดงความยินดี และอวยพรให้ผู้รับมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้นไป
สูตรขนมดาราทอง ส่วนผสม ฐานแป้ง (ส าหรับรองขนม) -แป้งสาลีอเนกประสงค์ -ไข่แดงไข่ไก่ -น ้าเปล่า ส่วนผสม เมล็ดแตงโม -เมล็ดแตงโมแกะ -น ้าเชื่ อม -ทองค าเปลวตัดเป็นแผ่นเล็ก ส่วนผสม ขนมทองเอก -ไข่แดงไข่ไก่ -แป้งสาลีอเนกประสงค์ -กะทิ -น ้าตาลทราย
ขั้นตอนการท า ขั้นตอนฐานแป้งส าหรับรองขนม 1. นวดแป้ง ไข่แดง และน ้าเปล่าพอแป้งนุ่ม แล้วจัดการคลึงแป้งให้เป็นแผ่นบาง ตัดเป็นแผ่นกลม ใส่ลงในถ้วยตะไล ใช้ไม้จิ้มให้ทั่ว 2. น าเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาที หรืออบจนแป้งเหลืองกรอบ น าแป้งออกจากถ้วย พักไว้ ขั้นตอนเมล็ดแตงโม น ากระทะทองตั้งไฟอ่อน ใส่เมล็ดแตงโมลงไป ใช้มือแตะน ้าเชื่ อมแล้วพรมไปที่เมล็ดแตงโม กวาดน ้าเชื่ อมกับเมล็ดแตงโมไปเรื่ อย ๆ จนกว่า น ้าตาลจะเกาะที่เมล็ดแตงโมเป็นตะปุ่มตะป ่ าหรือเป็นหนาม พักไว้ ขั้นตอนขนมทองเอก 1. ผสมไข่ไก่ แป้งสาลีอเนกประสงค์ กะทิ และน ้าตาลทรายให้เข้ากัน 2. น าส่วนผสมใส่กระทะ กวนด้วยไฟอ่อนที่สุดจนขนมไม่ติดมือ 3. ปั้นทองเอกเป็นก้อนกลม ๆ ใช้ไม้จิ้มฟันกดเป็น 6 พู(6 แฉก) เตรียมไว้
ขนมถ้วยฟู ความหมาย ขนมไทยที่มีเนื้ อนุ่มฟูและกลิ่นหอมอบร ่าของดอกไม้สด อันเป็นเอกลักษณ์ นิยมใช้ประกอบในพิธีมงคลต่าง ๆ ชื่ อของขนมถ้วยฟูให้ความหมายเป็นสิริมงคล สื่อถึง ความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรืองเฟื่ องฟู
สูตรขนมถ้วยฟู ส่วนผสม -แป้งข้าวเจ้า -น ้าตาลทราย -น ้าลอยดอกไม้ - ยีสต์ - ผงฟู ขั้นตอนการท า 1. ใส่ยีสต์ลงไปในแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่น ้าลอยดอกไม้ทีละช้อน นวดจนแป้งนิ่ มเนียน 2. ใส่น ้าตาลและน ้าทั้งหมดลงในแป้ง ใส่ผงฟู นวดต่อไป ปิดฝาครอบไว้ 1-2 ชั่วโมง 3. เรียงถ้วยตะไลลงในรังถึง นึ่ งในน ้าเดือดจนถ้วยร้อนประมาณ 5 นาที 4. ตักขนมที่ผสมไว้ลงในถ้วยตะไลพอเต็มปิดฝานึ่ งให้สุกประมาณ 10-15 นาที ยกลงพักไว้ให้เย็น แล้วจึงแกะออกจากถ้วย
ขนมชั้น ความหมาย ขนมไทยที่จะต้องหยอดเนื้ อขนมให้ได้ ๙ ชั้น ซึ่งเลข ๙ นี้ เองที่สื่ อถึงความเป็นเลขมงคล ชั้นของขนมก็เปรียบเสมือน ต าแหน่งชั้นยศที่สูงขึ้น ได้รับการเลื่ อนขั้น แสดงถึงความ เจริญก้าวหน้า ท าให้คนนิยมท าขนมชั้นให้มี ๙ ชั้น เพื่ อเสริม ความเป็นสิริมงคลยิ่ง ๆ ขึ้นไป เมื่ อน าไปมอบให้ใครก็นับเป็น การอวยพรให้เขาเหล่านั้นประสบความส าเร็จ
สูตรขนมชั้น ส่วนผสม -แป้งข้าวเจ้า -แป้งท้าวยายม่อม -แป้งมัน -กะทิ -น ้าตาลทราย -ใบเตย -กลิ่นมะลิ -น ้าใบเตย ขั้นตอนการท า 1.ผสมน ้าตาลทรายกับกะทิ แล้วน าไปตั้งไฟอ่อนๆ พอให้อุ่นจนน ้าตาลทรายเริ่ มละลาย ไม่ต้องต้มให้เดือด เสร็จแล้ววางพักไว้ 2.ผสมแป้งทั้งสามอย่างเข้าด้วยกัน แล้วค่อยๆ เติมน ้ากะทิลงไป คนจนแป้งละลาย หากไม่แน่ใจว่าแป้งละลายหมด ให้น าไปกรองกับ กระชอนตาถี่ 3.แบ้งน ้ากะทิไว้สองชาม ชามแรกผสมกลิ่นมะลิลงไป คนให้เข้ากัน อีกหนึ่ งชามใส่น ้าใบเตยลงไป คนให้เข้ากัน 4.เตรียมพิมพ์ส าหรับขนมชั้น ใส่น ้าในลังถึง ต้มน ้าจนเดือด แล้วน าแม่พิมพ์ลงไปนึ่ งวอร์มก่อน 15 นาที 5.เสร็จแล้วก็เทขนมลงไปทีละชั้น ชั้นละเท่าๆ กัน ระหว่างสลับสีกันให้นึ่ งชั้นละ 5 นาที จนเต็มแม่พิมพ์ 6.นึ่ งเสร็จแล้ว น าขนมออกมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม จัดเรียงใส่จานเสิร์ฟ หรือใส่กล่องสวยๆ ก็ได้
ขนมเสน่ห์จันทร์ ความหมาย ขนมไทยที่ได้รับแรงบันดาลใจหรือประยุกต์มาจากต้นจันทน์ ที่มีผลสีเหลือง โดยการท าขนมชนิดนี้ จะปั้นให้เป็นลูกกลม ๆ ใส่ผลจันทร์ป่น เพื่ อให้มีกลิ่นหอมเหมือนผลลูกจันทร์แท้ ๆ แล้วจึงเติมค าว่าเสน่ห์เข้าไป คนโบราณเชื่ อว่าค าว่าเสน่ห์ จันทน์เป็นค าที่มีสิริมงคล เพื่ อแสดงถึงความเป็นที่รัก มีเสน่ห์ มีคนรักและเอ็นดู ดังเสน่ห์ของผลจันทน์ จึงนิยมน ามาใช้ ประกอบในงานพิธีมงคลต่าง ๆ และให้เป็นของขวัญแทน ความรัก
สูตรขนมเสน่ห์จันทร์ ส่วนผสม -แป้งข้าวเจ้า -แป้งข้าวเหนียว -ผงจันทน์เทศป่น -หัวกะทิ -น ้าตาลทราย -ไข่แดงไข่ไก่ -น ้าตาลปี๊บส าหรับท าขั้วผลจันทร์ -เทียนส าหรับอบขนม ขั้นตอนการท า 1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และผงจันทน์เทศป่นเข้าด้วยกัน เตรียมไว้ 2. น าหัวกะทิและน ้าตาลทรายใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อน คนจนน ้าตาลละลาย แล้วน าไปกรองด้วยผ้าขาวบาง และน าไปผสมกับแป้งที่เตรียม ไว้ น าไปตั้งบนไฟอ่อน ค่อย ๆ กวนจนส่วนผสมข้น ยกลง 3. ใส่ไข่แดงลงไป คนให้เข้ากัน น าขึ้นตั้งบนไฟอ่อน กวนต่อจนส่วนผสมเหนียวพอปั้นได้ ปิดไฟ 4. ปั้นเป็นทรงกลมคล้ายผลจันทร์ แต่งขั้วด้วยน ้าตาลปี๊บเคี่ยว น าไปอบควันเทียนจนหอม
จัดท าโดย นางสาวรัชนีกร วีวัชนะ รหัสนิสิต 641011297 สาขาบรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์
ขอบคุณค่ะ