ก
คำนำ
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ชวนคิด เร่ือง การเปลีย่ นแปลงสถานะของสาร
ชุดที่ 5 การบูรล่องหน (การระเหดิ )ชัน้ ประถมศึกษาป�ท่ี 5 จดั ทำข้นึ เพอื่ ใช้เปน� ส่อื ประกอบ
การเรียนการสอน พัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น ความสามารถในการแก้ปญ� หา และความคิด
สร้างสรรค์ สำหรบั นกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาป�ที่ 5
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชวนคิด เรื่อง การเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร ชุดที่ 5
การบูรล่องหน (การระเหดิ ) ช้ันประถมศกึ ษาป�ที่ 5 ประกอบด้วยเนื้อหา จากง่ายไปยาก เป�นกิจกรรม
ทเี่ น้นผูเ้ รยี นเป�นสำคญั นักเรียนสามารถปฏิบัตติ ามข้ันตอนได้ด้วยตนเอง เน้นกระบวนการทำงานกลุ่ม
ผู้เรียนได้ฝ�กความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ป�ญหา และความสามารถในการคิด
สรา้ งสรรค์ ซ่ึงเปน� สมรรถนะสำคัญ ของผเู้ รยี น โดยแบ่งเนือ้ หาชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ชวนคดิ เป�น 6 ชดุ ดังนี้
ชุดที่ 1 เทยี นไขแปลงรา่ ง (การหลอมเหลว)
ชุดที่ 2 นำ้ หอมของฉนั (การกลายเปน� ไอ)
ชดุ ที่ 3 มหัศจรรย์สารพนั ประโยชน์ (การควบแน่น)
ชดุ ที่ 4 หวานเยน็ แสนอร่อย (การแข็งตัว)
ชดุ ที่ 5 การบูรล่องหน (การระเหิด)
ชดุ ที่ 6 วนุ้ แฟนซี ฝ�มือฉัน (การละลาย)
ผูจ้ ัดทำหวังเปน� อย่างย่งิ วา่ ชุดกจิ กรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรช์ วนคดิ เรอ่ื ง การเปลีย่ นแปลง
สถานะของสาร ชั้นประถมศึกษาป�ที่ 5 สามารถช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายและชัดเจนขึ้น มี
ความสามารถในการแก้ป�ญหา และความคิดสร้างสรรค์สูงขึ้น เป�นประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรมการ
เรยี นการสอนและนวตั กรรมทางการศกึ ษาต่อไป
มงิ่ ขวญั โพระดก
ข
สารบญั
เรอื่ ง หนา้
คำนำ ก
สารบญั ข
คำชี้แจง 1
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
ใบกิจกรรม ชดุ ที่ 5 การบูรลอ่ งหน (การระเหิด) 4
ขนั้ เตรียมความพรอ้ ม (P: Preparation and Plan) 5
5
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 7
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 10
ขั้นสงั เกตการณ์, สงั เกตข้อเท็จจรงิ (O: Observation) 16
ขั้นการแสดงความเห็น (R: Representation and Reflection) 17
ขน้ั การลงมือปฏิบตั ิ (A: Action) 18
ขั้นการสรา้ งสรรค์ (D: Design and Diagnosis)
19
ข้ันงานอาชพี (O: Occupation)
20
ขัน้ สรา้ งองค์ความรู้ (K: Knowledge) 21
22
แบบบันทกึ ความสามารถในการแก้ปญ� หา 23
แบบบนั ทึกความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 25
แบบทดสอบหลังเรยี น 26
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน
บรรณานุกรม
1
คำชีแ้ จง
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ชวนคิด เรื่อง การเปล่ียนแปลงสถานะของสาร
ชดุ ที่ 5 การบรู ล่องหน (การระเหิด) ช้ันประถมศึกษาป�ที่ 5 เปน� ส่ือในการจัดกจิ กรรมการเรยี น
การสอน โดยให้นักเรียนได้ศึกษาและปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม โดยยึดหลักการทำงานร่วมกันให้ความ
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้นี้จะทำหน้าที่เหมือนผู้ให้คำแนะนำนักเรียน ดังนั้นครู
จะต้องให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด จึงช่วยทำให้การเรยี นการสอนบังเกิดผลดี ซึ่งชุด
กิจกรรมการเรียนร้วู ชิ าวิทยาศาสตรช์ วนคดิ ประกอบด้วย
1. แบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ ท่ี 5 การบูรล่องหน (การระเหดิ )
2. เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ ท่ี 5 การบรู ลอ่ งหน (การระเหิด)
3. คำชีแ้ จง
4. ใบความรู้ เรื่อง การระเหิด
- กจิ กรรมการเรยี นรู้
5. แบบทดสอบหลงั เรียน ชดุ ที่ 5 การบรู ลอ่ งหน (การระเหิด)
6. เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน ชุดที่ 5 การบรู ลอ่ งหน (การระเหิด)
2
สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.1
เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ
ของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติ
ของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
ตัวช้ีวดั
1. อธบิ ายการเปล่ยี นสถานะของสสาร เม่ือทำใหส้ สารร้อนขึน้ หรือเย็นลง
โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์
2. อธิบายการละลายของสารในน้ำ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
3. วิเคราะห์การเปล่ยี นแปลงของสารเมอื่ เกิดการเปลยี่ นแปลงทางเคมี
โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
4. วเิ คราะหแ์ ละระบุการเปลี่ยนแปลงทผี่ ันกลบั ได้และการเปลี่ยนแปลง
ทผ่ี ันกลับไมไ่ ด้
3
สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
1 การเปล่ียนสถานะของสสารเปน� การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมอ่ื เพิม่ ความร้อนใหก้ บั สสาร
ถึงระดับหนึ่งจะทำใหส้ สารท่ีเป�นของแข็งเปลี่ยนสถานะเป�นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลวและ
เมื่อเพมิ่ ความร้อนต่อไปจนถึงอีกระดบั หนึ่งของเหลวจะเปล่ียนเป�นแกส๊ เรียกว่าการกลายเป�นไอแต่
เมื่อลดความร้อนลงถึงระดับหน่ึงแก๊สจะเปลีย่ นสถานะเป�นของเหลว เรียกว่าการควบแนน่ และถ้า
ลดความร้อนต่อไปอีกจนถึงระดับหนึ่งของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป�นของแข็งเรียกว่า การแข็งตัว
สสารบางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป�นแก๊สโดยไม่ผ่านการเป�นของเหลว เรียกว่า
การระเหิด ส่วนแก๊ส บางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะเป�นของแข็งโดยไม่ผ่านการเป�นของเหลว
เรียกว่าการระเหดิ กลับ
2. เม่อื ใส่สารลงในนำ้ แล้วสารนัน้ รวมเป�นเนือ้ เดียวกันกบั น้ำทัว่ ทุกสว่ น แสดงว่าสารเกิดการละลาย
เรียกสารผสมท่ไี ด้ว่าสารละลาย
3. เมอื่ ผสมสาร ๒ ชนดิ ข้ึนไปแล้วมีสารใหม่เกดิ ข้นึ ซงึ่ มีสมบัติตา่ งจากสารเดมิ หรอื เม่ือสารชนิดเดยี ว
เกิดการเปล่ยี นแปลงแลว้ มสี ารใหมเ่ กิดขนึ้ การเปลี่ยนแปลงน้ีเรียกว่า การเปลีย่ นแปลงทางเคมซี ่ึง
สังเกตได้จากมสี ีหรอื กลน่ิ ตา่ งจากสารเดมิ หรอื มีฟองแกส๊ หรอื มีตะกอนเกิดขน้ึ หรอื มกี ารเพิ่มขึน้
หรือลดลงของอุณหภูมิ
4. เมือ่ สารเกิดการเปลี่ยนแปลงแลว้ สารสามารถเปล่ยี นกลบั เป�นสารเดิมไดเ้ ป�นการเปลี่ยนแปลงท่ี
ผนั กลับได้เช่น การหลอมเหลว การกลายเป�นไอ การละลาย แต่สารบางอย่างเกิดการเปล่ียนแปลง
แลว้ ไม่สามารถเปลยี่ นกลับเป�นสารเดมิ ได้เป�นการเปล่ียนแปลงทผี่ ันกลบั ไม่ได้
เชน่ การเผาไหมก้ ารเกิดสนมิ
4
ใบกจิ กรรม
ชุดท่ี 5 การบูรลอ่ งหน (การระเหิด)
ใหน้ ักเรียนศึกษาและปฏบิ ัตกิ ิจกรรมดงั ต่อไปน้ี
1. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มกลมุ่ ละ 4-5 คน โดยคละเพศ คละความสามารถ และแบ่งหนา้ ที่กนั
รับผดิ ชอบ คอื ประธานกลุ่ม รองประธาน กลุ่มเลขานกุ าร กรรมการ และปฏคิ ม
2. ประธานกลมุ่ รบั ชุดกิจกรรมการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ชวนคดิ จากครผู ้สู อน ดังน้ี
2.1 ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรช์ วนคดิ ชุดท่ี 5 การบรู ล่องหน (การระเหดิ )
เทา่ กบั จำนวนสมาชิกในกลุ่ม
2.2 วัสดุอปุ กรณส์ ำหรับทำกจิ กรรม กลมุ่ ละ1ชดุ พรอ้ มตรวจอุปกรณว์ ่า มคี รบ
ตามรายการหรือไม่
3. นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนดว้ ยความซื่อสัตย์ ไมเ่ ป�ดดูเฉลยกอ่ น จำนวน 10 ข้อ
ใช้เวลา 15 นาที แล้วสลบั กนั ตรวจคำตอบ
4. ให้สมาชกิ ในกลมุ่ ช่วยกันปฏบิ ัตกิ จิ กรรม มีความสามัคคี แสดงความคดิ เหน็ และยอมรับ
เสยี งส่วนใหญใ่ นการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
5. เม่อื ปฏิบตั ิกิจกรรมครบแลว้ ใหบ้ ันทึกผลตอบคำถามหลังการปฏบิ ตั ิกิจกรรม และสรุปผล
การปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยการศึกษาบัตรความรเู้ พ่ิมเตมิ
6. นกั เรยี นตรวจสอบคำถามหลงั ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและสรปุ ผลการทดลองจากบัตรเฉลย
7. นักเรยี นแต่ละกลุ่ม เกบ็ อปุ กรณ์และทำความสะอาดบริเวณทป่ี ฏิบัตกิ จิ กรรมใหเ้ รียบ
8. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนด้วยความซ่อื สตั ย์ ไมเ่ ป�ดดูเฉลยกอ่ น จำนวน 10 ข้อ
ใชเ้ วลา 15 นาที เพอ่ื ประเมนิ ผลพัฒนาการเรยี นรู้
1.ขัน้ เตรยี มความพร้อม 5
(P: Preparation and Plan)
แบบทดสอบก่อนเรยี น
คำชแ้ี จง
1.แบบทดสอบเปน� แบบเลอื กตอบจำนวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 10 นาที
2.ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบทถี่ กู ทส่ี ุด แล้วทำเครอ่ื งหมาย ลงในกระดาษคำตอบ
6. น้ําแขง็ แหง หรือดรายไอซเกดิ จากสารใด
ของแขง็ 3 ก. นาํ้ ข. คารบ อน
1
ค. คารบอนมอนอออกไซดแข็ง ง. คารบอนไดออกไซดแข็ง
2 54
7. จากขอ 6 สารตั้งตน ของนา้ํ แหง สงผลตอรา งกายหรอื ไม
ของเหลว กา ซ อยา งไร
6
ก. ไมสงผลใด ๆ ตอ รา งกาย
1. จากรปู การระเหดิ คือขัน้ ตอนใด
ข. สงผลตอ ระบบทางเดนิ หายใจ
ก. 1 ข. 3
ค. สง ผลตอ ระบบยอ ยอาหาร
ค. 4 ง. 5
ง. สงผลตอ ระบบขับถา ย
2. การระเหดิ เปนกระบวนการแบบใด
8. จากสถานการณต วั อยา ง ทําไมไอศกรมี จึงแข็งมากเม่อื อยใู น
ก. การดูดความรอน ข. การคายความรอ น ถงั ไอศกรีมทีม่ ีถุงนาํ้ แข็งแหง
ค. การเปลย่ี นแปลงทางเคมี ง. ไมมขี อใดถูก ก. นํา้ แขง็ แหงทาํ ใหอ ุณหภมู ใิ นถงั ไอศกรีมตํ่ามาก
3. ขอใดถกู ตอ งเกยี่ วกบั การระเหดิ ข. ถงั ไอศกรมี มฝี าปด ทําใหความเยน็ ของไอศกรมี ยงั คงทาํ
ก. อณุ หภูมไิ มม ีผลโดยตรงกบั การระเหดิ ใหไอศกรมี แขง็
ข. ของแขง็ ท่ีมพี ้นื ผิวนอ ยจะทําใหร ะเหดิ งา ยขน้ึ ค. ถงั ไอศกรีมอยูใ นหองแชเยน็
ค. ของแข็งตอ งอยใู นสภาวะทม่ี ีอุณหภูมิเทา กบั จดุ เดือดจึง ง. ถงั ไอศกรมี เปน ถงั กนั ความรอ น ทําใหอ ุณภมู ภิ ายใน
สามารถเกิดการระเหิดได ยังคงทําใหไ อศกรมี แข็ง
ง. ความดนั ของบรรยากาศสูงทําใหเกดิ การระเหดิ ยากขึน้ 9. ขอ แตกตา งระหวา งนํา้ แข็งและน้าํ แขง็ แหง คือขอใด
4. แรงยึดเหนยี่ วระหวางอนภุ าคมผี ลอยา งไรตอ การระเหดิ ก. สี ข. สถานะ
ก. แรงยึดเหนย่ี วระหวา งอนภุ าคนอย ทาํ ใหการระเหิดงา ย ค. สารประกอบ ง. อณุ หภูมติ า่ํ
ข. แรงยดึ เหนย่ี วระหวา งอนุภาคมาก ทาํ ใหก ารระเหิดงา ย 10. ขอ ใดไมถกู ตอ ง
ค. แรงยึดเหนย่ี วระหวา งอนุภาคนอย ทาํ ใหการระเหิดยาก ก. นํ้าแขง็ แหง มอี ุณหภมู ติ ่าํ ถงึ -80 oC
ง. แรงยึดเหนยี่ วระหวา งอนภุ าคมาก ทําใหการระเหิดยาก ข. การบูรไมส ามารถเกดิ การระเหดิ ได
5. ส่งิ ใดสามารถเกดิ การระเหดิ ไดท งั้ หมด ค. การผลิตน้ําแข็งแหง ตองอยใู นสภาวะความดันสงู และ
ก. แนฟทาลีน น้าํ แขง็ การบรู อุณหภูมติ ่าํ
ข. ลกู เหม็น พมิ เสน น้ําแข็งไส ง. การถายเทอากาศระหวางการระเหดิ ชว ยลดการอ่มิ ตัว
ค. พมิ เสน นํ้า ลกู เหม็น ของไอ
ง. แนฟทาลนี นาํ้ แข็งแหง การบูร
6
กระดาษคำตอบ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ชุดที่ 5 การบูรล่องหน (การระเหดิ )
ช่อื .................................................................................ช้นั .............เลขท่ี.............
กระดาษคำตอบก่อนเรียน
ขอ้ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
สรปุ ผลการทดสอบ คะแนน
การพฒั นา
คะแนน กอ่ นเรียน คะแนน หลังเรยี น
เตม็ 10 เตม็ 10
ได้ ได้
ร้อยละ รอ้ ยละ
7
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ชุดที่ 5 การบูรลอ่ งหน (การระเหิด)
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน
ขอ้ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนน สรปุ ผลการทดสอบ หลงั เรยี น คะแนน
เตม็ ก่อนเรยี น คะแนน 10 การพัฒนา
ได้
ร้อยละ 10 เตม็
ได้
ร้อยละ
อย่าลมื ลงคะแนนในกระดาษคาํ ตอบของตนเองนะคะ
ในชอ่ งกอ่ นเรียนคะ่
8
รายช่อื สมาชิกในกลุ่ม
ช่อื กลุ่ม……………………………………………….................…………
ท่ี ชื่อ – สกลุ เลขที่ ตำแหนง่
9
1.ขน้ั เตรียมความพร้อม
(P: Preparation and Plan)
วสั ดุและอปุ กรณ์
ใหน้ กั เรยี นบอกวัสดุอปุ กรณท์ ีใ่ ช้ในการทำกจิ กรรม
วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ ขนาด/จาํ นวน/ปรมิ าณ
10
2. ข้นั สงั เกตการณ์, สังเกตข้อเทจ็ จริง
(O: Observation)
ใบกิจกรรม สถานการณป์ ญ� หา
วนั นเี้ ปน� วันครบรอบวนั เกิดของผ้ใู หญ่บ้าน จึงนำไอศกรีมมาเลยี้ งนกั เรยี น
จำนวน 1 ถัง พร้อมกรวยใส่ไอศกรมี เมอ่ื มาถงึ จะตักใหน้ ักเรยี นทานปรากฎวา่
ไอศกรีมแขง็ มาก ตกั ไม่ลง เมอ่ื สังเกตดูดา้ นบนและรอบถังไอศกรีมด้านในถงั
มีกระดาษห่อวัตถคุ ล้ายน้ำแข็ง (ซ่ึงเรยี กว่าน้ำแข็งแหง้ ) เม่ือนำน้ำแข็งแห้งออกไป
วางไว้ท่ีโต๊ะสักครู่ จงึ ตกั ไอศกรีมทานได้ แตเ่ มื่อกลับไปดนู ้ำแขง็ แห้งนั้น ปรากฎว่า
ก้อนนำ้ แข็งแห้งมีขนาดเล็กลง มีการเปล่ียนแปลงคลา้ ยกับลูกเหม็น และการบูรเลย
มาร่วมดว้ ยช่วยกนั นะคะ
ใหนกั เรียนแตละกลุมวิเคราะหส ถานการณขางตน
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
11
2. ข้นั สงั เกตการณ์, สงั เกตขอ้ เท็จจริง
(O: Observation)
ใบความรู้
ความหมายของการระเหดิ
การระเหิด (sublimation หรอื primary drying) คือปรากฏการณ์ท่สี สารเปลี่ยนสถานะจาก
ของแขง็ กลายเปน� ไอหรอื กา๊ ซ ทอี่ ณุ หภูมิต่ำกวา่ จดุ หลอมเหลว โดยไมผ่ ่านสถานะของเหลว ตัวอยา่ งเชน่ เมอ่ื ให้
ความร้อนการบูรจะกลายเปน� ไอแยกออกจากเกลือแกง ดักไอของการบรู ด้วยภาชนะทเี่ ย็นจะได้ การบูรเปน�
ของแขง็ แยกออกมาหรือ ถ้าเราใส่ลูกเหม็นในต้เู สื้อผา้ ไว้สกั ระยะหน่งึ ลูกเหมน็ จะมขี นาดเล็กลงเพราะลูกเหมน็
เปลย่ี นสถานะจากของแข็งกลายเปน� ไอทำให้ มีกล่นิ เหมน็ ไล่แมลง
1.การบูร 2.แนฟทาลีน (ลูกเหมน็ ) 3.นำ้ แข็งแหง้ 4.พิมเสน
ป�จจัยที่มีผลต่อการระเหดิ
• อุณหภมู ิ อัตราการระเหดิ เป�นสัดส่วนโดยตรงกับอุณหภูมิ
• ชนิดของของแขง็ ของแข็งท่ีมีแรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนภุ าคน้อยจะระเหดิ ไดง้ า่ ย
• ความดันของบรรยากาศ ถา้ ความดนั ของบรรยากาศสงู ของแข็งจะระเหดิ ได้ยาก
• พืน้ ท่ีผวิ ของของแข็ง ถา้ มีพน้ื ทม่ี ากจะระเหดิ ได้ง่าย
• อากาศเหนือของแข็ง อากาศเหนือของแขง็ จะตอ้ งมีการถา่ ยเทเสมอ เพอ่ื ป้องกนั
การอิม่ ตวั ของไอ
ทีม่ า : http://119.46.166.126/self_all/selfaccess7/m1/497/le
12
ใบความรู้
นำ้ แข็งแหง้
นำ้ แข็งแหง้ หรือดรายไอซ์ คือคาร์บอนไดออกไซด์ในสถานะของแข็ง (คารบ์ อนไดออกไซด์แข็ง)
ขน้ั ตอน ในการผลิตก็ค่อนข้างซบั ซอ้ น นน่ั คือต้องนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซดม์ าผ่านการอัดและลดอุณหภมู ลิ ง
ภายใตค้ วามดนั สงู จนได้ออกมาเปน� คาร์บอนไดออกไซด์เหลว จากนน้ั กต็ ้องทำการลดความดนั ลงอยา่ ง
รวดเรว็ โดยท่ัวไปแลว้ จะใชว้ ิธกี ารพ่นคาร์บอนไดออกไซดเ์ หลวออกไปสคู่ วามดนั บรรยากาศ จึงจะได้
คารบ์ อนไดออกไซด์แข็ง หรือ น้ำแขง็ แหง้ ออกมาเป�นรูปรา่ งตา่ งๆ แตน่ ำ้ แข็งแห้งจะไมห่ ลอมละลายกลายเป�น
น้ำเหมือนนำ้ แข็งท่ัวไป แตจ่ ะระเหิดและกลายเป�นก๊าซคาร์บอนไดออกไซดแ์ ทน
ความเย็นจดั ของน้ำแข็งแหง้ ทท่ี ำให้อาจได้รับบาดเจ็บ หากสมั ผสั มันดว้ ยมือเปล่า เพราะอาจทำให้
เกิดอาการท่เี รยี กว่า frost bite หรือผิวหนังไหมจ้ ากอุณหภมู เิ ยน็ จดั ซึง่ อาการจะปวดแสบ ปวดรอ้ นยิง่ กว่า
การถกู ไหม้จากนำ้ รอ้ นลวกเสียอกี ดังน้นั เวลาจำเป�นต้องสัมผสั น้ำแข็งแห้ง จงึ ควรใชถ้ งุ มือหรือกระดาษมารอง
ไวอ้ ีกหนึ่งช้นั ก็พอจะช่วยลดอันตรายลงได้บ้าง หากในกรณีทถ่ี กู น้ำแขง็ กดั ก็ใหล้ า้ งมือโดยเรว็ ดว้ ยน้ำสะอาด
ในปริมาณมากและไปพบแพทย์ทันที
แต่อนั ตรายทย่ี ่ิงกวา่ ของน้ำแขง็ แห้ง คือ ท้ังก้อนนำ้ แข็งแห้งนน้ั มนั คือ คารบ์ อนไดออกไซด์ ลว้ นๆซงึ่ จดั ว่า
เป�นก๊าซอนั ตรายต่อระบบทางเดนิ หายใจของเรา หากตอ้ งเล่นกบั น้ำแข็งแหง้ ทม่ี ีการระเหิดมากๆ จงึ ควรอยใู่ น
หอ้ งท่มี ีอากาศถา่ ยเทสะดวก หรอื อยู่กลางแจง้ เท่านน้ั นอกจากนี้ การเกบ็ น้ำแข็งแห้งจำเปน� ต้องระมัดระวงั
เปน� พิเศษ ห้ามจัดเก็บน้ำแข็งแหง้ ปรมิ าณมาก ๆ ในห้องแคบหรือหอ้ งท่มี ีเพดานตำ่ หรอื ท่ีมีระบบระบาย
อากาศไม่ดีพอ เพราะกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์จะระเหิดออกมาแทนที่กา๊ ซออกซเิ จน อาจทำใหข้ าดอากาศ
หายใจเสียชีวิตได้ อกี ทง้ั ไม่ควรเก็บน้ำแขง็ แห้งไวใ้ นภาชนะท่ีป�ดสนิท เพราะคาร์บอนไดออกไซดท์ ีร่ ะเหิด
ออกมา อาจรวมตวั และเกดิ ระเบดิ ข้ึนได้ ที่สำคัญ!! ไมค่ วรที่จะเกบ็ น้าํ แขง็ แหง้ ไวใ้ นตูเ้ ยน็ โดยเดด็ ขาด เพราะ
อณุ หภูมิของน้าํ แขง็ แหง้ น้นั ต่าํ กวา่ อณุ หภูมิของตูเ้ ยน็ ซ่ึงอาจทาํ ใหต้ ูเ้ ยน็ ไม่ทาํ งาน
13
ใบความรู้
ในการใช้น้ำแข็งแห้งไปใช้ประกอบการแสดงคอนเสิร์ต ควรจัดระบบระบายอากาศด้านล่างให้
เหมาะสม เพราะหากระบบระบายอากาศถ่ายเทไม่ดี ก็อาจจะเกิดป�ญหาได้เช่นกัน เนื่องจากก๊าซ
คารบ์ อนไดออกไซดจ์ ะมีน้ำหนักมากกวา่ อากาศทั่วไป ทำให้กา๊ ซดงั กล่าวลอยในระดับตำ่ ซง่ึ น้ันกห็ มายความว่า
ก๊าซจะลอกอยู่ในระดับผู้ชมด้านล่างนั่นเอง อาจส่งผลต่อระบบหายใจได้ และที่สำคัญที่สุดห้ามบริโภค
น้ำแข็งแห้งโดยตรง หรือแม้กระทั่งน้ำที่ถูกแช่ด้วยน้ำแข็งแห้งโดยเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนได้ชื่อว่าเป�น
คาร์บอนไดออกไซดน์ นั่ เอง และจำต้องเกบ็ ใหพ้ น้ มือเด็กด้วย
น้ำแขง็ แห้งเป�นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทแ่ี ข็งตัว ซ่ึงได้ผ่านกรรมวธิ ีการผลิตทางเคมีแล้ว กรรมวิธีการ
ผลิตก็คือการทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เย็นโดยใช้ความกดดัน ในขั้นแรกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะ
กลายเป�นของเหลว แล้วใช้ท่อเปา่ ของเหลวนี้อีกจนกลายเป�นของแข็งไปในท่ีสดุ น้ำแข็งแห้งจะมีความเย็น
จัดมาก มีอุณหภูมิถึง -80 องศาเซลเซียส การที่น้ำแข็งแห้งมีอุณหภมู ิเย็นจัดเช่นนี้เอง จึงเป�นอันตรายต่อเรา
มาก หากเราเผลอรับประทานเข้าไปอาจถึงตายได้ หรือแม้กระทั่งถูกผิวหนังของเรา ก็ทำให้ผิวหนังเราไหม้ได้
แต่เราใช้ประโยชน์จากน้ำแข็งแห้งโดยการแชเ่ ย็นผัก หรือสินค้าอื่นๆ ที่เราต้องการขนสง่ ในระยะทางที่ไกลๆ
ได้ เช่น ขนไปต่างประเทศ เป�นต้น หรือใช้น้ำแข็งแห้งในการวิจัยทางการแพทย์ เพื่อแช่สายเคมีบางอย่างซ่ึง
นิยมใช้มากในทางการแพทย์ ส่วนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ข้อมูลจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติระบุว่า... ก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป�นผลพลอยได้จากกระบวนการแยกก๊าซ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
หลากหลาย เช่น เปน� น้ำแขง็ แห้งสำหรับใช้ในอตุ สาหกรรมถนอมอาหาร เป�นวตั ถุดิบสำหรบั ในการทำฝนเทียม
นำ้ ยาดังเพลิง สรา้ งควันหรือหมอกจำลอง ผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งดื่ม เปน� ตน้
ท่มี า : https://www.sanook.com/campus/910461/
14
ใบความรู้
การบรู เปน� ไมย้ นื ต้นขนาดใหญ่ ความสงู ตง้ั แต่ 9-30 เมตร ลำตน้ และกิ่งเรียบ ทกุ ส่วนของตน้ การบรู มี
กลน่ิ หอม โดยเฉพาะทรี่ ากและโคนต้นจะมกี ล่ินหอมมากกว่าส่วนอื่นๆ ใบการบรู เป�นใบเดี่ยว เรยี งสลับเป�นรปู
ไขห่ รอื รปู รี กวา้ ง 2-7 เซนติเมตร ยาว 5-11 เซนตเิ มตร โดยประมาณ ปลายใบเรียวแหลม อยู่เรียงตรงข้ามกัน
ใบมีกล่นิ หอมอ่อน ๆ และยอดอ่อนจะมใี บสเี หลอื งแกมนำ้ ตาลห้มุ อยู่
ดอกออกเปน� ช่อแบบแยกแขนง ดอกจะออกเปน� กระจกุ ตามง่ามใบ ดอกเล็กสขี าวเหลืองหรอื อมเขียว
ออกดอกในช่วงมถิ ุนายนถงึ กรกฎาคม ผลการบูรเป�นรปู ทรงไข่คอ่ นข้างกลม ในผลมเี น้ืออยเู่ ล็กน้อย มีเมล็ดอยู่
1 เมล็ด ขนาดของผลยาว 6-10 มลิ ลเิ มตร สเี ขยี วเข้ม เมื่อสุกจะเปลี่ยน
จากสเี ขียวเปน� สีดำ
ทง้ั น้ีเกลด็ สขี าวของการบูรทีเ่ ราเคยเหน็ และรู้จกั จะเป�นผลึกทแี่ ทรก
อยู่ในเนอ้ื ไมข้ องต้นการบรู ซ่ึงจะมีอยู่ทวั่ ทั้งต้น อยตู่ ามรอยแตกของเน้อื
ไม้ แต่จะมีมากที่สดุ ในสว่ นแก่นของรากและแกน่ ของต้น โดยส่วนท่อี ยใู่ กล้
โคนต้นจะมกี ารบูรมากกว่าสว่ นทีอ่ ยูส่ ูงขน้ึ มา ผงการบรู จะเป�นเกลด็ กลม
เลก็ ๆ สีขาว แห้ง อาจจับกันเป�นกอ้ นร่วน ๆ แตกงา่ ย และหากทงิ้ ไวใ้ นอากาศจะระเหิดไปหมด ส่วนเปลอื ก
รากและกง่ิ สามารถนำไปสกัดเป�นนำ้ มันหอมระเหยได้
สว่ นใหญ่เราจะเหน็ การบูรในลกั ษณะยาใช้ภายนอก ซึ่งแสดงว่าการบรู เป�นสมนุ ไพรท่ีไม่ควร
รบั ประทานเขา้ ไป โดยมีรายงานวา่ การรบั ประทานการบรู ขนาด 3.5 กรมั อาจทำให้เสยี ชวี ิตได้ และหาก
รบั ประทานการบูรเกนิ คร้ังละ 2 กรัม ก็จะทำให้หมดสติ และเป�นพิษตอ่ ระบบทางเดินอาหาร ไต และสมอง
อาจทำให้คลน่ื ไส้ อาเจยี น ปวดศรี ษะ วิงเวยี นศีรษะ กล้ามเนื้อส่นั เกดิ การชัก กระตกุ สมองทำงานบกพร่อง
สับสน โดยปกตแิ ลว้ ร่างกายมีกลไกขบั สารจากการบรู ออกทางปส� สาวะ คลา้ ยกบั การกำจัดแอลกอฮอลอ์ อก
จากรา่ งกาย ดังนั้นหากไม่ได้รับการบรู เกนิ ขนาด กจ็ ะไม่ตกคา้ งจนเกิดอนั ตรายต่อตับและไต
15
หนศู ึกษาความร้เู พิ่มเติมจากที่ใดได้อกี บา้ งคะ
16
3.ข้นั การแสดงความเหน็
(R : Representation and Reflection)
ให้นกั เรียนร่วมแสดงความคิดเห็น เก่ียวกบั การออกแบบ
วิธีการทำตุก๊ ตาการบรู
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
……………………………………………………. ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
…………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………. …………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
……………………………………………………. ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………….
.......................…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…..…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…. …
…………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
.......................…...…...…...…...…...…..................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………. …………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………
17
4. ขน้ั ลงมอื ปฏบิ ัตกิ ารตามแผน
(A : Action)
บอกข้ันตอนการทำของขวญั
ไวไ้ ล่ยงุ ของเราหน่อยค่ะ
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
18
5. ข้นั การสรา้ งสรรค์
(D: Design and Diagnosis)
กลุม
นกั เรียนรวมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับผลงาน
ทป่ี รากฏโดยอธิบายถึง
1.กิจกรรมสามารถทําตามกาํ หนดเวลาหรอื ตามแผนทีว่ างไวห รือไม
2.ส่งิ ทคี่ วรปรับปรุงแกไ ข
3.นกั เรยี นจะพัฒนางานของกลมุ ตนเองอยา งไรบาง
19
6. ข้ันงานอาชีพ
(O: Occupation)
กลุม
ช่อื ผลงานของกลมุ
จดุ เดนของช้นิ งานนีค้ ือ
นักเรยี นใชส ิ่งใดเพิ่มเตมิ จากสง่ิ ที่กาํ หนดให
ระบุราคาตนทนุ และราคาจําหนายของผลงานช้ินนี้ รวมถงึ สถานท่จี าํ หนา ยและวิธกี ารจําหนา ย
20
)
7. ขัน้ สรา้ งองค์ความรู้
(K: Knowledge)
ใหน้ กั เรยี นสรปุ การเปลีย่ นแปลงสถานะของสารเร่ืองการระเหดิ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……….
………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……
………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
……………….
…………………………………………………………………………………………
………………
…………………………………………………………………………………………
………………
…………………………………………………………………………………………
……………….
…………………………………………………………………………………………
……………….
…………………………………………………………………………………………
21
แบบบนั ทึกความสามารถในการแก้ป�ญหา
เรอื่ ง การบูรลอ่ งหน (การระเหดิ )
ชอ่ื กลุ่ม........................................................................................
1. ปญ� หาของการบรู ทห่ี มดไปชา้ (ล่องหน)และหมดไปเรว็ เกดิ จากป�จจัยใดบา้ ง
(ระบุป�ญหาและวิเคราะห์สาเหตุของป�ญหา)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
2. ถา้ นกั เรยี นนำการบูรบรรจุงลงในผ้า หรอื กระดาษสา นักเรียนคิดว่าสง่ิ ใดทำให้การบรู ล่องหนหายไปชา้ ทส่ี ุด
(เสนอวิธีการแกป้ �ญหา)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงมือแกไ้ ขตามที่ไดค้ ิดไว้ (ตรวจสอบผล)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ระบุปญ� หาท่ีพบเพ่มิ เติม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
22
แบบบนั ทึกความสามารถในการคดิ สรา้ งสรรค์
เรื่อง การบูรลอ่ งหน (การระเหิด)
ชื่อกล่มุ ........................................................................................
1. การบูร ลอ่ งหนหายไปเร็ว นกั เรียนคดิ วา่ ทำอย่างไรการบรู จงึ อยไู่ ด้นานขนึ้
(การค้นพบปญ� หา)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. ถ้านักเรียนจะทำการบูรจำหนา่ ย นกั เรยี นคิดวา่ จะใชบ้ รรจุภณั ฑ์แบบใดท่ีเหมาะสมที่สดุ เพราะเหตุใด
(การคน้ พบคำตอบ)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
23
แบบทดสอบหลังเรยี น
คำชี้แจง
1.แบบทดสอบเปน� แบบเลอื กตอบจำนวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 10 นาที
2.ใหน้ กั เรียนเลอื กคำตอบท่ถี ูกทีส่ ดุ แลว้ ทำเครื่องหมาย ลงในกระดาษคำตอบ
6. นา้ํ แข็งแหง หรอื ดรายไอซเกดิ จากสารใด
ของแข็ง 3 ก. น้ํา ข. คารบอน
1
ค. คารบ อนมอนอออกไซดแขง็ ง. คารบอนไดออกไซดแ ข็ง
2 54
7. จากขอ 6 สารต้งั ตน ของน้าํ แหงสงผลตอรางกายหรอื ไม
ของเหลว กา ซ อยา งไร
6
ก. ไมส ง ผลใด ๆ ตอ รา งกาย
1. จากรปู การระเหดิ คอื ขนั้ ตอนใด
ข. สง ผลตอ ระบบทางเดินหายใจ
ก. 1 ข. 3
ค. สงผลตอระบบยอยอาหาร
ค. 4 ง. 5
ง. สงผลตอระบบขับถาย
2. การระเหดิ เปนกระบวนการแบบใด
8. จากสถานการณตัวอยา ง ทําไมไอศกรีมจงึ แขง็ มากเม่อื อยูใน
ก. การดดู ความรอน ข. การคายความรอ น ถังไอศกรมี ทม่ี ีถุงนา้ํ แข็งแหง
ค. การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ง. ไมมีขอใดถูก ก. น้าํ แขง็ แหงทําใหอุณหภมู ใิ นถงั ไอศกรีมตํา่ มาก
3. ขอ ใดถูกตองเก่ยี วกบั การระเหิด ข. ถังไอศกรมี มฝี าปด ทําใหความเย็นของไอศกรมี ยงั คงทํา
ก. อุณหภูมไิ มม ีผลโดยตรงกบั การระเหดิ ใหไ อศกรมี แขง็
ข. ของแข็งทมี่ พี น้ื ผิวนอ ยจะทาํ ใหระเหดิ งายขึ้น ค. ถังไอศกรีมอยใู นหองแชเย็น
ค. ของแขง็ ตองอยใู นสภาวะท่ีมอี ุณหภูมเิ ทา กบั จดุ เดอื ดจึง ง. ถงั ไอศกรีมเปนถงั กนั ความรอน ทาํ ใหอุณภมู ภิ ายใน
สามารถเกิดการระเหิดได ยังคงทําใหไ อศกรีมแข็ง
ง. ความดนั ของบรรยากาศสูงทาํ ใหเกดิ การระเหดิ ยากข้นึ 9. ขอ แตกตางระหวา งนํ้าแขง็ และนํ้าแข็งแหงคือขอ ใด
4. แรงยดึ เหนย่ี วระหวา งอนภุ าคมผี ลอยางไรตอ การระเหิด ก. สี ข. สถานะ
ก. แรงยดึ เหนีย่ วระหวา งอนุภาคนอ ย ทําใหการระเหดิ งาย ค. สารประกอบ ง. อณุ หภมู ติ ํา่
ข. แรงยดึ เหนย่ี วระหวางอนภุ าคมาก ทาํ ใหก ารระเหิดงา ย 10. ขอใดไมถูกตอ ง
ค. แรงยึดเหนย่ี วระหวางอนภุ าคนอ ย ทาํ ใหก ารระเหิดยาก ก. น้าํ แข็งแหงมีอุณหภูมิตํา่ ถงึ -80 oC
ง. แรงยึดเหนยี่ วระหวา งอนภุ าคมาก ทาํ ใหการระเหิดยาก ข. การบูรไมสามารถเกดิ การระเหดิ ได
5. ส่งิ ใดสามารถเกดิ การระเหดิ ไดทงั้ หมด ค. การผลิตนาํ้ แขง็ แหง ตองอยูใ นสภาวะความดันสูงและ
ก. แนฟทาลนี นาํ้ แขง็ การบรู อณุ หภมู ติ ่ํา
ข. ลกู เหม็น พิมเสน นาํ้ แข็งไส ง. การถา ยเทอากาศระหวางการระเหดิ ชว ยลดการอิ่มตวั
ค. พิมเสน นา้ํ ลูกเหม็น ของไอ
ง. แนฟทาลนี น้าํ แขง็ แหง การบรู
24
กระดาษคำตอบ
แบบทดสอบหลังเรยี น
ชุดที่ 5 การบูรล่องหน (การระเหดิ )
ช่ือ.................................................................................ชัน้ .............เลขท.่ี ............
กระดาษคำตอบหลังเรียน
ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
สรุปผลการทดสอบ คะแนน
การพัฒนา
คะแนน กอ่ นเรียน คะแนน หลงั เรยี น
เต็ม 10 เตม็ 10
ได้ ได้
รอ้ ยละ รอ้ ยละ
25
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
ชุดที่ 5 การบูรลอ่ งหน (การระเหิด)
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน
ขอ้ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนน สรปุ ผลการทดสอบ หลงั เรยี น คะแนน
เตม็ ก่อนเรยี น คะแนน 10 การพฒั นา
ได้
ร้อยละ 10 เต็ม
ได้
ร้อยละ
อย่าลมื ลงคะแนนในกระดาษคาํ ตอบของตนเองนะคะ
ในชอ่ งกอ่ นเรียนคะ่
26
บรรณานุกรม
กระทรวงศึกษาธกิ าร. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551.
กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2560.
กระทรวงศกึ ษาธิการ. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ดั กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และสาระภมู ิศาสตร์ ในกลุม่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (ฉบบั ปรบั ปรงุ
พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์
ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2560.
พิมพันธ์ เตชะคุปตแ์ ละคณะ.(2560).หนังสือแบบฝก� หดั วิทยาศาสตรช์ น้ั ประถมศกึ ษาป�ท่ี 5. กรุงเทพฯ.
สำนกั พิมพ์ บรษิ ัทพัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จำกัด. 2560.
พมิ พันธ์ เตชะคุปต์และคณะ.(2560).หนงั สือครูเพือ่ ใชค้ กู่ บั หนังสือเรียนวิทยาศาสตรช์ ้ันประถมศกึ ษา
ป�ที่ 5. กรงุ เทพฯ. สำนกั พมิ พ์ บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จำกดั . 2560.
ศิริรัตน์ วงศศ์ ริ ิและคณะ.(2551).หนงั สอื เรียนราชวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พ์
บริษทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกดั .
เอกรนิ ทร์ สมี่ หาศาลและคณะ.(2551).ชดุ แม่บทมาตรฐานหลักสูตรแกนกลางฯ วิทยาศาสตร์ ป.5. กรุงเทพฯ
: สำนักพิมพ์ บริษทั อักษรเจริญทศั น์ อจท. จำกัด.