The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pimchanok Aiamchonkham, 2022-05-02 12:18:57

งานสอบปลายภาค

งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ

ชุมสทถาางนหีราถดไใฟหญ่

การรถไฟแห่งประเทศไทย

(เจ้าของ)

ตั้งอยู่บนถนนรถไฟ
ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

ปัจจัยทางกาย ภาพ

ในอดีตสถานีรถไฟชุมทาง สถานีรถไฟชุมทางอู่ตะเภา พ.ศ. 2454
หาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่สถานี
แต่ภายหลังประสบปัญหา
รถไฟชุมทางอู่ตะเภา น้ำท่วมเป็นประจำทุก ๆ ปี
เนื่องจากสถานีตั้งอยู่บริเวณ
ต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ราบลุ่มแม่น้ำใกล้ริมคลอง
จึงได้ทำซื้อที่ดินของขุนนิพัทธ์จีน
นคร (เจียกีซี) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก อู่ตะเภา

หาดใหญ่ยุคแรกสุด อุทิศที่ดิน และได้ย้ายสถานีรถไฟ
พั ฒนาจากป่าเป็ นเมืองใหญ่ ชุมทางอู่ตะเภามายัง
สถานีโคกเสม็ดชุน
ต่อมาใน พ.ศ. 2460 จึงได้
เปลี่ยนชื่อเป็ นสถานีชุมทาง
หาดใหญ่มาแต่นั้น ส่วนสถานี
รถไฟชุมทางอู่ตะเภาจึงกลายเป็ น

ที่หยุดรถไฟ

ปั จจั ย ท า ง สั ง ค ม

ปัยจัยที่ 1 ปัจจัยที่ 2
การคมนาคมในภาคใต้ในอดีตนั้น มาจากการอพยพของชาวจีนที่มี
ต้องพึ่งการเดินทางด้วยรถไฟเป็ น
หลัก และด้วยการเป็นชุมทางสำคัญ การตั้งถิ่นฐานในอำเภอเมือง
ส่งผลให้อำเภอหาดใหญ่มีการขยาย หาดใหญ่
ตัวทางเศรษฐกิจสูงนับจากอดีตจน

ปัจจุบัน

สาเหตุของการที่อำเภอหาดใหญ่มีความเจริญมากกว่าอำเภอเมืองสงขลา
เนื่องจากอำเภอหาดใหญ่มีการตั้งสถานีรถไฟก่อนที่อำเภอเมืองสงขลาจะตั้ง

ท่าเรือน้ำลึกนี้จนทำให้มีตัวเมืองและย่านพาณิชย์มีขนาดใหญ่กว่า
ตัวอำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา

ปั จจัย ( ต่ อ )
ท า ง สั ง ค ม

แต่ในปั จจุบันสถานีรถไฟไม่ได้เป็ นเส้นทางคมนาคมสาย
หลักอีกต่อไป เห็นได้ชัดจากสถานที่รอบๆ สถานีไม่ว่าจะ
เป็นโรงแรมหรือห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาหาดใหญ่
มีความทรุดโทรมลง และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหนาตา

เท่ากับในอดีต





ซึ่งปั จจุบันมีการใช้ถนนเป็ นเส้นทางคมนาคมสายหลัก
เนื่องจากมีการพัฒนาถนนให้มีความสะดวกสบาย และ
สร้างถนนให้มีความเพียงพอต่อการใช้งาน อีกทั้งยังมี

สนามบินหาดใหญ่ที่เป็ นตัวเลือกในการเดินทาง

อย่างไรก็ตามสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ก็ยังคงมีความ
ต้องการอยู่เนื่องจากสามารถเดินทางไปยังจังหวัดยะลา
ปัตตานี และประเทศมาเลเซีย หรือประชาชนบางกลุ่มก็ใช้ใน

การเดินทางไปกรุงเทพฯ ในกรณีของการเดินทางไป
จังหวัดยะลา และปัตตานี ผู้คนนิยมใช้รถไฟในการเดินทาง
เป็นหลักเนื่องจากมีความสะดวก ประหยัดกว่าขับรถไปเอง

และมีราคาถูกกว่าเครื่องบิน

คิวอาร์โค้ด
แบบทดสอบหลังเรียน

แบบทดสอบเรื่อง สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่

เส้นทางคมนาคม
ที่สำคัญ

หมายเหตุ : กรณีหากนักเรียนมองแผนที่ไม่ชัด สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดูแผนที่ขนาดเต็มได้***

ทางหลวงแผ่นดิน

ถนนพหลโยธิน ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็น
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1

สายอนุสาวรีย์หลักสี่–กลางสะพานแม่น้ำสาย
(เขตแดนไทย/เมียนมาร์) เป็นถนนสายหลักใน
กรุงเทพมหานคร และเป็นหนึ่งในทางหลวงสาย
ประธานทั้งสี่ของประเทศ สายทางเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์
ชัยสมรภูมิ กรุงเทพมหานคร ผ่านภาคกลาง และมุ่ง
เข้าสู่ภาคเหนือของประเทศไทย สิ้นสุดที่ด่าน
พรมแดนแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

บริเวณชายแดนประเทศพม่า

ถนนมิตรภาพ ซึ่งเป็นชื่อเรียกของ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2
หรือ ทางหลวงสายสระบุรี–สะพานมิตรภาพที่หนองคาย (เขตแดนไทย/ลาว) เป็นหนึ่งใน
ทางหลวงสายประธานทั้งสี่ของประเทศไทย โดยสายทางเริ่มต้นที่จังหวัดสระบุรี มุ่งเข้าสู่ภาค

ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และสิ้นสุดที่จังหวัดหนองคาย

ถนนสุขุมวิท ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3
สายบางนา–หาดเล็ก เป็นหนึ่งในทางหลวงแผ่นดินสายประธานทั้งสี่ของประเทศไทย จุดเริ่มต้นที่
แยกใต้ทางด่วนเพลินจิต ซึ่งเป็นทางต่อเนื่องจากถนนเพลินจิต ในกรุงเทพมหานคร เลียบตาม
ชายฝั่ งทะเลภาคตะวันออก และไปสิ้นสุดที่ด่านพรมแดนในอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ติดต่อกับ

ชายแดนจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา
ถนนเพชรเกษม ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4
สายกรุงเทพมหานคร–จุดผ่านแดนถาวรสะเดา (เขตแดนไทย/มาเลเซีย) เป็นทางหลวงแผ่นดินสาย
ประธานของประเทศไทย ที่มีเส้นทางมุ่งสู่ภาคใต้ของประเทศไทย เป็นทางหลวงหรือถนนสายที่ยาว
ที่สุดในประเทศไทย ถนนเพชรเกษมมีเส้นทางเริ่มต้นที่สะพานเนาวจำเนียร (ข้ามคลองบางกอกใหญ่)
ระหว่างเขตบางกอกใหญ่กับเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร สิ้นสุดที่จุดผ่านแดนถาวรสะเดา อำเภอ
สะเดา จังหวัดสงขลา บริเวณเขตแดนประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย เชื่อมต่อกับทางด่วนเหนือ–ใต้

สายเหนือ ที่เมืองบูกิตกายูฮีตัม รัฐเกอดะฮ์ ประเทศมาเลเซีย

ทางหลวงอาเซียน (ASEAN Highway) ในประเทศไทย




AH1

บ.คลองลึก (ชายแดนไทย/กัมพูชา) - อรัญประเทศ – สระแก้ว - กบินทร์บุรี -

ปราจีนบุรี- นครนายก - หินกอง - กรุงเทพ – อ่างทอง – สิงห์บุรี – ชัยนาท –

นครสวรรค์–กําแพงเพชร – ตาก – แม่สอด (ชายแดนไทย/พม่า)

AH2
สะเดา (ชายแดนไทย/มาเลเซีย) - บ.คลองแงะ - บ.คอหงษ์- บ.คูหา - พัทลุง-อ.ทุ่งสง-อ.เวียงสระ-

อ.ไชยา - อ.ละแม - ชุมพร - อ.ท่าแซะ - อ.บางสะพานน้อย-ประจวบคีรีขันธ์-อ.ปราณบุรี - อ.ชะอํา–

เพชรบุรี- อ.ปากท่อ-นครปฐม-กรุงเทพ-อ.บางปะอิน- ตาก - อ.เถิน – ลําปาง - อ.งาว - พะเยา -

เชียงราย - แม่สาย (ชายแดนไทย/พม่า)

AH3
อ.เชียงของ (ชายแดนไทย/ลาว) - บ.ต้าตลาด - บ.หัวดอย -
เชียงราย

AH12
สะพานมิตรภาพไทย/ลาว - หนองคาย - อุดรธานี - อ.น้ําพอง – ขอนแก่น -
อ.บ้านไผ่ -อ.พล – นครราชสีมา - อ.สีคิ้ว – อ.มวกเหล็ก - สระบุรี - หินกอง

AH13
ห้วยโก๋น (ชายแดนไทย/ลาว) - น่าน -แพร่ - อ.เด่นชัย - อุตรดิตถ์- พิษณุโลก -
อ.สามง่าม -นครสวรรค์

AH15
นครพนม (ชายแดนไทย/ลาว) - บ.ธาตุนาแวง(สกลนคร) - อ.พังโคน -

อ.สว่างแดนดิน –อุดรธานี

AH16

AH112 มุกดาหาร (ชายแดนไทย/ลาว) - อ.หนองสูง -

อ.คลองลอย - อ.บางสะพาน อ.สมเด็จ – กาฬสินธ์- ยางตลาด –ขอนแก่น –

อ.น้ำหนาว – อ.หล่มสัก – บ.แยง – อ.วังทอง -

AH121 พิษณุโลก - สุโขทัย - ตาก

มุกดาหาร – อํานาจเจริญ - ยโสธร - อ.สุวรรณภูมิ-อ.พยัคฆภูมิพิสัย -
AH18
บุรีรัมย์-นางรอง - บ.ส้มป่อย - บ.ช่องตะโก – สระแก้ว อ.สุไหงโกลก (ชายแดนไทย/มาเลเซีย) - อ.ตากใบ -

AH123 นราธิวาส – อ.สายบุรี - อ.ปาลัด -ปัตตานี -

อ.หนองจิก - อ.เทพา - อ.จะนะ – อ.หาดใหญ่

บ.พุน้ำาร้อน (ชายแดนไทย/พม่า) - กาญจนบุรี - นครปฐม –
AH19
กรุงเทพ - สมุทรปราการ -ชลบุรี –แหลมฉบัง – มาบตาพุด -
อ.ปักธงชัย - อ.กบินทร์บุรี - อ.แปลงยาว -

ระยอง - อ.แกลง - จันทบุรี - ตราด - อ.หาดเล็ก ท่าเรือแหลมฉบัง - ชลบุรี - กรุงเทพ

ถนนสายเศรษฐกิจ AEC


เส้นทางเศรษฐกิจสายอาเซียนหรือ GMS Economic Corridors แบ่งตามภูมิภาคออก

เป็น 3 เส้นทางหลัก ๆ ได้แก่
แนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor: NSEC)

เชื่อมโยงระหว่างไทย เมียนมา ลาว และจีน ประกอบด้วย 3 เส้นทางย่อย ได้แก่
1.เส้นทาง R3A เชื่อมโยงระหว่างจีนตอนใต้กับลาวและไทย โดยมีจุดเริ่มต้นที่คุนหมิง
มายังโมฮาน บ่อเต็น และห้วยทรายของลาว เข้าเขตไทยที่ อ. เชียงของ และสิ้นสุดที่
กรุงเทพฯ ปัจจุบัน R3A นับว่าเป็นเส้นทางที่คับคั่งไปด้วยการจราจรมากที่สุดเส้นหนึ่ง
เส้นทาง R3B มีจุดเริ่มต้นที่นครคุนหมิงเช่นเดียวกับ R3A แต่ผ่านเข้ามาทางเมียนมาร์ที่
ท่าขี้เหล็กแล้วเข้าไทยที่เขต อ. แม่สาย จ.เชียงราย และมีปลายทางที่กรุงเทพฯ




2.เส้นทาง R5 มีจุดเริ่มต้นจากเมืองหนานหนิงในมณฑลกว่างสีของจีน มายังเมือง
ฮานอยและท่าเรือไฮฟองของเวียดนาม สำหรับจังหวัดของไทยตามแนวเส้นทางเศรษฐกิจ
เหนือ-ใต้ มี 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ ตาก
กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพฯ




แนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor:
EWEC) เชื่อมโยงระหว่างเวียดนาม ลาว ไทย และพม่า อาจเรียกได้ว่าเป็นเส้นทางเชื่อม
โยงระหว่างทะเลจีนใต้กับทะเลอันดามัน ดังนี้

1.เส้นทาง R9 มีจุดเริ่มต้นที่เมาะ
ลำไยไปที่เมียวดีเข้าเขตไทยที่ อ.

แม่สอด จ. ตากเชื่อมไปยัง
พิษณุโลกขอนแก่นมุกดาหาร
และต่อไปยังสะหวันนะเขตเข้าเขต
เวียดนามที่เว้และสิ้นสุดที่ดานัง
2.เส้นทาง R12 เชื่อมโยงภาคอีสานของไทยกับมณฑลกว่างซี โดยมีจุดเริ่มต้นที่ จ. นครพนม
เข้าเขตลาวที่แขวงคำม่วน วิ่งผ่าน จ. ห่าติ๋ง วิงห์และฮานอยของเวียดนาม ก่อนจะไปสิ้นสุดที่
กว่างซี ภายหลังการเปิดสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน) เส้นทางสาย
R12 นับว่าเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการขนส่งสินค้าจากไทยไปยังเขตปกครองตนเองกว่างซี
แนวพื้นที่เศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor: SEC)เชื่อมโยงระหว่าง
เมียนมา ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ประกอบด้วย 2 เส้นทางย่อย ได้แก่
1.เส้นทางทวาย - ทิกิ - กรุงเทพฯ - อรัญประเทศ- ปอยเปต - พนมเปญ - โฮจิมินห์ - หวัง
เต่า ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง โดยพาดผ่านเมืองสำคัญหลายเมืองและมี
การขนส่งข้ามแดนตามแนวเส้นทางในปริมาณมาก ทั้งตรงจุดผ่านแดนอรัญประเทศ - ปอย
เปตระหว่างไทย - กัมพูชา และจุดผ่านแดนบาเวต - มอกไบ ระหว่างกัมพูชา - เวียดนาม
2.เส้นทางทวาย - ทิกิ - บ้านน้ำพุร้อน - กรุงเทพฯ - เสียมราฐ - สตรึงเตร็ง - ควิวยอน ซึ่ง
เป็นเส้นทางเศรษฐกิจและท่องเที่ยวสำคัญระหว่างไทย และกัมพูชา รวมถึงเชื่อมต่อระหว่างไทย
ไปกับภาคกลางของเวียดนามผ่านกัมพูชา สำหรับจังหวัดของไทยตามแนวเส้นทางนี้ มี 8
จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราดและกาญจนบุรี



ส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศไทย
เนื่องจากประเทศเป็นจุดศูนย์กลางของทวีปเอเชีย และเป็นศูนย์รวมเส้นทางหลักใน
การคมนาคมขนส่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างประเทศเนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านก็ใช้ทางสัญจร
ผ่านประเทศไทย ดังนั้นจึงทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการท่องเที่ยวจาก
ประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ไทยมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการกระตุ้น
เศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างดีเนื่องจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่น่าลงทุน
สำหรับต่างชาติและทางภาครัฐ เอกชนเองและช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุนจากรัฐ

คิวอาร์โค้ด
แบบทดสอบหลังเรียน

แบบทดสอบเรื่อง เส้นทางคมนาคมที่สำคัญ

เรือนไทยสี่ภาค

เรือนไทยภาคกลาง

เป็นเรือนยกพื้น ใต้ถุนสูง สูงจากพื้น ความเชื่ อ
ดินเสมอศรีษะคนยืน รูปทรงล้มสอบ หลังคา
ทรงสูงชายคายื่นยาว เพื่อกันฝนสาด แดด การวางที่นอนก็ต้องหันหัวนอน ให้ถูกทิศทาง และทิศทางของบันได
ส่อง นิยมวางเรือนไปตามสภาพแวดล้อม ก็ดี ควรเป็นไปในทิศที่เชื่อว่าเป็นมงคล มีความเชื่อในเรื่องเลขคู่ เลขคี่
ทิศทางลมตามความเหมาะสม เช่น อยู่ริม ของจำนวนขั้นบันได จำนวนห้อง เสา ฤกษ์ยามวันเดือนปีที่จะ ปลูก
น้ำ ลำคลอง ตัวเรือนก็วางยาวไปตามลำน้ำ เรือนทั้งยังเชื่อว่าไม้บางประเภทมี ภูติผีสิงสถิตอยู่
ด้วยหรืออยู่ริมถนนก็วางตัวเรือนไปตาม
ถนนตำแหน่ง ของผังเรือนขึ้นอยู่กับคติ เหตุปั จจัยทางภูมิศาสตร์
ความเชื่ อเป็ นหลักเรือนไทยในภาคกลางถือ
เป็ นแบบฉบับของเรือนไทยเดิมที่เราคุ้นเคย ลักษณะของเรือนไทยภาคกลางจะยกใต้ถุนสูง โดยมี ระเบียง
กันดี ในรูปแบบ เรือนฝาปะกนถือเป็น และนอกชานทอดรับในลักษณะไล่ระดับ ลดหลั่นกันไป และปิดด้วยไม้
เรือนไทยแท้ เรือนไทยฝาปะกน คือเรือนที่ ระแนงตีเว้นช่องโปร่ง สามารถมองลงมายังใต้ถุนด้านล่างได้ การลด
ฝาทำจากไม้สักมีไม้ลูกตั้งและลูกนอน และ ระดับ พื้นเช่นนี้จะช่วยให้ลมพัดผ่านจากใต้ถุนขึ้นมาข้างบน
มีแผ่นไม้บางเข้าลิ้นประกบกันสนิท หน้ าจั่ว ทำให้เรือนไทยเป็นเรือนที่ไม่ร้อนอบอ้าว เพราะมีอากาศเย็นไหลเวียน
ก็ทำด้วยวิธีเดียวกัน อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งการมีตัวเรือนที่สูง ทำให้สามารถใช้พื้นที่ด้านล่าง
เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำกสิกรรม ป้ องกันน้ำท่วม และยัง
เราจะพบเห็นเรือนไทยภาคกลาง ป้ องกันสัตว์ร้าย หรือคนร้ายที่จะมาคุกคามคนในบ้านในยามค่ำคืน
รูปแบบต่าง ๆ อาทิ เรือนเดี่ยว เรือนหมู่ ลักษณะคล้ายหลังคาทรงมนิลา ใช้ไม้ทำโครงและใช้จาก แฝกหรือ
เรือนหมู่คหบดี และจากการดำเนินชีวิตของ กระเบื้องดินเผาเป็นวัสดุมุงหลังคา วัสดุเหล่านี้ต้องใช้วิธีมุงตามระดับ
คนไทยในอดีตผูกพันกับแม่น้ำลำคลอง อัน องศาที่สูงชันมากเพื่อให้น้ำฝนไหลได้ เร็วและไม่เกิดอาการรั่ว ที่เป็น
เป็ นทางคมนาคมที่สะดวกในเขตภาคกลาง ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าชื่นชมของคนไทยเรา ก็คือการทำหลังคาทรงสูงนี้
จึงเกิดรูปแบบเรือนพักอาศัยเช่นเรือน แพ มีผลช่วยบรรเทาความร้อนที่จะถ่ายเทลงมายังตัวบ้าน ทำให้ผู้อยู่อาศัย
ได้รับความเย็นสบาย สำหรับเรือนครัว ทั่วไปตรงส่วนของหน้ าจั่วทั้ง
2 ด้าน ทำช่องระบายอากาศ โดยใช้ไม้ตีเว้นช่องหรือ ทำเป็นรูปรัศมี
พระอาทิตย์ เพื่อถ่ายเทควันไฟออกจากเรือนครัวได้สะดวก
และทำชายคากันสาดให้ยื่นออกจากตัวเรือนมาก ๆ เพื่อกันแดดส่อง
และฝนสาดและเนื่องมาจากดินฟ้ าอากาศของบ้านเรา ค่อนข้างจะมี
ลักษณะร้อนอบอ้าวเกือบตลอดทั้งปี จึงมีลักษณะนอกชานที่ค่อนข้าง
กว้าง

เรือนไทยภาคเหนือ

เรือนไทยภาคเหนือ ความเชื่ อ
เป็นเรือนยกใต้ถุนสูง คล้าย
ภายในบริเวณบ้านของเรือนล้านนาแต่ละหลังจะมี
เรือนไทยภาคกลางแต่มีลักษณะอื่นๆ เนื้อที่ว่างเป็นบ้านดินกว้าง ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “ข่วง
แตกต่างกันมากเพราะดินฟ้ าอากาศ บ้าน” เป็นลานอเนกประสงค์ที่เชื่อมทางเดินเข้าสู่ตัวบ้าน
ขนบธรรมเนียมประเพณีและ และเชื่ อมต่อมายังทางเดินสู่ลานดินข้างเคียงใช้เป็ นที่เล่น
วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกันฤดูหนาว ของเด็ก ๆ และตากพืชผลทางการเกษตร ลานดินนี้เมื่อถึง
หนาวกว่าภาคกลางมากทำให้ลักษณะ คราวเซ่นสรวงผีบรรพบุรุษของกลุ่มชนที่นับถือ “ผีมดผี
เฉพาะทางรูปทรงหลังคาและสัดส่วน เม็ง” จะใช้เป็นบริเวณปลูกปะรำ หรือ “ผาม” ในภาษา
ของเรือนเตี้ยคลุ่มมากกว่าเจาะช่อง เหนือ เพื่อทำพิธีฟ้ อนผี หากบ้านไหนที่มีลูกชายบวชพระ
หน้ าต่างแคบๆเล็กๆกันลมหนาวการจัด หรือบวชเณรก็จะสร้าง “ห้างซอ” (เวทียกพื้นสูงประมาณ
กลุ่มอาคารและการวางแปลนห้องต่างๆ เมตรกว่า ๆ) ไว้ตรงบริเวณลานดินที่ร่มรื่น เพื่อให้ “ช่าง
มีความสมดุลแบบสองข้างไม่เหมือน ซอ” (กลุ่มนักขับลำนำแบบหมอลำ) ขึ้นไปขับลำนำกล่อม
กันและเชื่อมต่อเรือนเหล่านั้นด้วยชาน ขวัญ “ลูกแก้ว” (นาค) และเมื่อถึงคราวที่คนในครอบครัว
อย่างหลวมๆเรือนทุกรูปแบบมีความ เสียชีวิตลงก็จะใช้ลานดินนี้เป็นบริเวณตั้ง “ประสาท” เพื่อ
กลมกลืนกับธรรมชาติและมีคุณค่าทาง ตั้งศพและชักลากไปสู่ป่าช้า (ที่ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “ป่า
ศิลปะด้านสถาปั ตยกรรมอย่างดียิ่ง เฮ่ว”) ลานดินนี้เจ้าของบ้านจะต้องเก็บกวาดใบไม้แห้ง
และขยะให้เรียบร้อย หากบ้านใดปล่อยสกปรกจะถูก
ตำหนิจากเพื่ อนบ้านว่าเป็ นคนเกียจคร้าน

ปั จจัยทางภูมิศาสตร์ของการสร้างเรือนไทยภาคเหนือ

ในเขตจังหวัดภาคเหนือส่วนหนึ่ งมีลักษณะ
ภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม ภูเขา หุบเขา และที่ดอนบน
เทือกเขาสูง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,500-
3,000 เมตร นับตั้งแต่เทือกเขาด้านตะวันตกในเขต
จังหวัดแม่ฮ่องสอนอ้อมมาส่วนเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
เชียงราย และด้านตะวันออกที่จังหวัดน่าน ลักษณะสภาพ
ทางภูมิศาสตร์ข้างต้น ทำให้เกิดการตั้งถิ่นฐานขึ้น 2 แบบ
คือ
1) ที่ดอนบนดอย หรือทิวเขา เป็นที่อยู่ของกลุ่มชาติพันธ์
ต่างๆ ทำการกสิกรรมแบบไร่ เลื่อนลอย
2) บนที่ราบลุ่ม เป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมล้านนา

เรือนไทยภาคอีสาน

มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประเภท คือ ความเชื่ อ

-ไม่นิยมทำหน้ าต่างทางด้านหลังตัว ทำเลการปลูกเรือน ทำเลที่เหมาะในการปลูกเรือน เช่น
เรือนถ้าจะทำจะเจาะเป็ นช่องเล็กๆ รูปดวงจันทร์รูปมะนาวตัดรูปเรือสำเภาและรูปสี่เหลี่ยม
พอให้ยี่นศีรษะออกไปได้เท่า นั้น คางหมู เป็นความเชื่อสำหรับผู้ครองเรือนในทุกภูมิภาค
เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลต่อผู้อยู่อาศัย ในภาคอีสานก็
-ไม่นิยมต่อยอดป้ านลมให้สูงขึ้นไป เช่นเดียวกันหากจะมีคติความเชื่อในเรื่องทิศและชัยภูมิ
เหมือนเรือนของชาวไทยล้านนาที่ ที่ดินเพิ่มเติมคือหากเป็นแผ่นดินที่สูงทางใต้ ต่ำทางเหนือ
เรียกว่า 'กาแล' เป็นที่ ไชยะ แผ่นดินที่สูงทางตะวันตก ต่ำทางตะวันออก
เป็นที่ยะสะศรี แผ่นดินที่สูงทางพายัพ ต่ำทางทักษิณ เป็น
-ไม่นิยมตั้งเสาเรือนบนตอม่อ ที่ สะศรี ถือว่าเป็นทำเลที่ดี
เหมือนเรือนของชาวไทยมุสลิมทาง
ภาคใต้ด้วยเหตุที่ชาวไทยภาคอีสาน เลือกเสาเรือน การเลือกไม้ทำเสาเรือนในภาคอีสาน
ปลูกเรือนด้วยการฝังเสา จึงไม่มีการ เป็ นความสำคัญอันดับแรกเช่นเดียวกับภาคอื่ นลักษณะ
ตั้งบนตอม่อ ของเสาเรือนที่ดี สำหรับคนอีสาน เชื่อว่าควรคัดเสาต้นตรง
4 ประเภท คือต้นเสากลางเสาและปลายเสาขนาดเท่ากัน
ต้นเสาใหญ่ ปลายเสาเล็ก เป็นเสาตัวเมียดี ต้นเสาเล็ก
ปลายเสาใหญ่กลางเสาเล็กไม่ดีเสาอมเปลือกเสาอมเปลือก
เสาคด เสาเป็นตาเป็นรอยไม่ดี

ปั จจัยของการสร้างเรือนไทยภาคอีสาน

การสร้างบ้านของชุมชนในภูมิภาคตะวันออก
เฉียงใต้ตั้งแต่สมัยโบราณมักเลือกทำเล ที่ตั้งอยู่ตามที่ราบ
ลุ่มที่มีแม่สำคัญ ๆ ไหลผ่าน เช่น แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล
แม่น้ำชี แม่น้ำสงคราม ฯลฯ รวมทั้งอาศัยอยู่ตามริมหนอง
บึง ถ้าตอนใดน้ำท่วมถึงก็จะขยับไปตั้งอยู่บนโคกหรือเนิน
สูง ดังนั้นชื่อหมู่บ้านในภาคอีสานจึงมักข้นต้นด้วยคำว่า
"โคก โนน หนอง" เป็นส่วนใหญ่

เรือนไทยภาคใต้

บ้านเรือนนับเป็ นปั จจัยพื้ นฐานที่ ความเชื่ อ
สำคัญของมนุษย์เพื่อป้ องกันอันตราย
การเลือกที่ดินที่เป็นมงคล ให้ดูสีพื้นดินที่เป็นสีอ่อน หรือดินสีแดง สี
จากลมฟ้ าอากาศและสัตว์ร้ายซึ่งต้อง เหลืองกลิ่นหอมรสฝาดพื้น เทลาดจากทิศใต้ลงสู่ทิศเหนือจะทำให้ผู้อยู่
เหมาะสมกับลักษณะ ภูมิประเทศดินฟ้ า อาศัยเจริญด้วยลาภยศบริวารอีกประเภทคือ พื้นที่สูงทางทิศตะวันตก
อากาศตลอดจนจารีตประเพณีทางสังคม แล้วค่อยลาดเอียง ไปทางทิศตะวันออก ดินสะอาด หรือมีสีขาว สี
และรูปแบบการดำเนินชีวิตสำหรับ เหลือง สีแดง ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น ซึ่งจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข
เรือนไทยมุสลิมนอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อ ปราศจากโรคภัยส่วนประเภทที่สามได้แก่พื้นภูมิบ้านที่มี ลักษณะราบ
ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของ เรียบเสมอดินสะอาดและปราศจากกลิ่นรสเป็ นทำเลที่ไม่ให้คุณและโทษ
มนุษย์ดังกล่าวแล้วยังสะท้อนให้เห็น ใช้เป็น ที่อยู่อาศัยได้
อิทธิพลของศาสนาอิสลามที่มีต่อการ
สร้างบ้านเรือนอย่างแท้จริงทั้งในรูป ส่วนข้อห้าม ได้แก่ ห้ามปลูกบ้านตรงพื้นที่เฉอะแฉะ สกปรก ดินเลนสี
แบบการใช้พื้นที่การอยู่อาศัยการ ดำ ดินมีหลากสี มีกลิ่นไม่บริสุทธิ์
ประกอบกิจกรรมในการดำรงชีวิตและ ห้ามปลูกบ้านเดือน 4 ให้ปลูกบ้านเดือน 10 การทำบันไดบ้านต้องหันไป
การประดับตกแต่งตัวเรือนให้งดงาม ทางทิศเหนือหรือทิศตะวันออกจำนวนบันได
โดยทั่วไปเรือนมุสลิมมักเป็ นเรือนแฝด ต้องเป็นเลขคี่ ห้ามปลูกเรือนคร่อมคู คลองหรือแอ่งน้ำ เป็นต้น
และสามารถต่อขยายไปได้ตามลักษณะ
ของครอบครัวขยาย โดยมีชานเชื่อมต่อ ปั จจัยทางภูมิศาสตร์ของการสร้างเรือนไทยภาคใต้
กันและมีการเล่นระดับพื้นเรือนให้ลด
หลั่นกันไปเช่นพื้นบริเวณเฉลียงด้าน ภาคใต้ของประเทศไทยมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างไปจากภาค
บันไดหน้ าแล้วยกพื้นไปเป็นระเบียงจาก อื่น ๆ ของประเทศ กล่าวคือ มีลักษณะเป็นแหลมหรือคาบสมุทรยื่น
พื้ นระเบียงจะยกระดับไปเป็ นพื้ นตัว ออกไปจนจรดประเทศมาเลเซีย ล้อมรอบด้วยฝั่งทะเล โดยมีอ่าวไทย
เรือนจากตัวเรือนจะลดระดับไปเป็ นพื้ น อยู่ทางฝั่งทะเลตะวันออก และทะเลอันดามันอยู่ทางฝั่งทะเลตะวันตก
ครัวจากพื้ นครัวจะลดระดับเป็ นพื้ นที่ซัก ด้านสภาพภูมิอากาศของภาคใต้เป็ นอาณาบริเวณที่มีอากาศร้อนฝนตก
ล้างซึ่งอยู่ติดกับบันไดหลังการลดระดับ ชุก ความชื้นสูงมี 2 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อนและฤดูฝน ในฤดูร้อนอากาศจะ
พื้นจะเห็นได้ชัดว่ามีการแยกสัดส่วน ไม่ร้อนจัดเหมือนภาคอื่ นเนื่ องจากได้รับการถ่ายเทความร้อนจาก
จากกันในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ลมทะเลที่พัดผ่านอยู่ตลอดเวลา ในฤดูฝนฝนจะตกชุกมากกว่าภาคอื่น
ทั้งนี้เพราะได้รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออก
เฉียงใต้ ลักษณะทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศดังกล่าวนี้ มีอิทธิพล
สำคัญต่อการกำหนดรูปแบบเรือนพักอาศัยของประชาชนในภาคใต้ เช่น
การออกแบบรูปทรงหลังคาให้คาให้ลาดเอียงมาก เพื่อระบายน้ำฝนจาก
หลังคาการการใช้ตอม่อหรือฐานเสาแทนที่จะฝังเสาเรือนลงไป ในดิน
ฯลฯด้านสภาพสังคมและวัฒนธรรม ประชากรในภาคใต้มีทั้งชาวไทย
พุทธ ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวไทยมุสลิม ชาวไทยเหล่านี้มี
ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อที่แตกต่างกัน โดย
เฉพาะชาวไทยมุสลิมจะได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากประเทศเพื่อน
บ้านที่มี อาณาเขตติดต่อกับภาคใต้ ได้แก่ มาเลเซีย ซึ่งส่งผลให้เรือน
พักอาศัยของชาวไทยใน 4 จังหวัดภาคใต้ หรือ “เรือนไทยมุสลิม” มี
ลักษณะร่วมกับเรือนพักอาศัยทางตอนเหนือของมาเลเซีย

คิวอาร์โค้ด
แบบทดสอบหลังเรียน

แบบทดสอบเรื่อง เรือนไทยสี่ภาค

ภัยพิบัติทางธรรมชาติของไทย

พายุหมุนเขตร้อน เป็นภัยธรรมชาติที่เตือนล่วงหน้ าได้ ก่อตัวในแถบ

ใกล้เส้นศูนย์สูตรทั่วโลก บริเวณที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมาจาก

มหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก เกิดจากแหล่งพลังงานหลักคืออุณหภูมิ

น้ำทะเล พายุจึงมักเกิดเมื่ออยู่เหนื อหรือใกล้แหล่งน้ำ และอ่อนกำลัง

ลงค่อนข้างรวดเร็วเมื่อพัดเข้าแผ่นดิน พบในพื้นที่ เช่น พายุไซโคลน

จากอ่าวเบงกอลแถบมหาสมุทรอินเดีย

พายุฟ้าคะนองหรือพายุฤดูร้อน เป็นภัยธรรมชาติที่เตือนล่วงหน้ าได้
เกิดจากเมฆที่ก่อตัวขึ้นในทางตั้ง (แนวดิ่ง) ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า
เมฆคิวบูโลพิมพัส หรือเมฆรูปทั่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด

ลักษณะอากาศร้ายชนิ ดต่าง เช่น ลมกระโชก ฟ้าแลบ และฟ้าผ่า ฝน

ตกหนั ก อากาศปั่ นป่วนรุนแรง ทำให้มีลูกเห็บตก
พบในพื้นที่ เช่น ภาคเหนื อ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนื อ
และตอนบนของภาคกลาง

แผ่นดินไหว เป็นภัยธรรมชาติที่เตือนล่วงหน้ าได้ เกิดจากแนวรอยเลื่อน
ที่ยังสามารถเคลื่อนตัวคือการแตกของแผ่นดิน และมาจากการบีบอัด
มีแหล่งกำเนิ ดจากภายนอกประเทศส่งแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย
เช่น จีน เมียนมาร์ ลาว และปัจจัยทางสังคม เช่น การกักเก็บน้ำในเขื่อน
แรงระเบิดจากการทำเหมืองแร่ พบในพื้นที่เช่น ภาคเหนื อ
และภาคตะวันตกของประเทศ เช่น รอยเลื่อนเชียงแสน
รอยเลื่อนแม่ทา รอยเลื่อนแพร่ รอยเลื่อนเถิน เป็นต้น

อุทกภัย เป็นภัยธรรมชาติที่เตือนล่วงหน้ าได้ เกิดจากฝนตกหนั กต่อเนื่ องจาก

อิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อนหรือความกดอากาศต่ำพาดผ่านพื้นที่ทำให้ฝนตก
เป็นบริเวณกว้างติดต่อกันเป็นเวลานาน จนดินไม่สามารถดูดซับน้ำ
และปัจจัยทางสังคม เช่น สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำทางน้ำ เขื่อนพัง เป็นต้น
ตัวอย่างพื้นที่ที่พบ เช่น อุทกภัยจากพายุอีรา เข้าสู่ประเทศไทย
ที่จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2533 มหาอุทกภัย พ.ศ.2554
เป็นอุทกภัยรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อบริเวณลุ่ม แม่น้ำเจ้าพระยา
และลุ่ม แม่น้ำโขง

คลื่นพายุซัดฝั่ ง เป็นภัยธรรมชาติที่เตือนล่วงหน้ า

ได้เกิดจากพายุเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่เข้าซัดชายฝั่ ง

บริเวณพื้นที่ที่พบ เช่น บริเวณชายฝั่ งภาคใต้ฝั่ งตะวันออก คือ จังหวัดเพชรบุรี

ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก คือจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ฝนแล้ง เป็นภัยธรรมชาติที่เตือนล่วงหน้ าได้ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ

โลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และความผิดปกติของ

ตำแหน่ งร่องมรสุมทำให้ฝนตกในพื้นที่ไม่ต่อเนื่ อง ปัจจัยทางสังคมคือ การใช้

น้ำอย่างไม่เหมาะสมหรือสิ้นเปลือง พฤติกรรมการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่

ทำลายชั้นโอโซน เกิดภาวะเรือนกระจก บริเวณพื้นที่ที่พบ เช่น ภาคตะวันออก

เฉียงเหนื อตอนกลาง

ไฟป่า เป็นภัยธรรมชาติที่เตือนล่วงหน้ าได้ ไฟป่าที่เกิดขึ้นเองตาม

ธรรมชาติเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่นฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสีกัน ภูเขาไฟ

ระเบิด การลุกไหม้ในตัวเองของสิ่งมีชีวิต ปัจจัยทางสังคม เช่น เก็บหา

ของป่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่ามากที่สุด การจุดไฟส่วนใหญ่เพื่อให้

พื้นป่าโล่ง เผาไร่ ก่อกองไฟแล้วลืมดับ เกิดได้ทุกภาคแต่จะพบได้มาก

และบ่อยที่สุดในบริเวณภาคเหนื อ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.ลำพูน

จ.ลำปาง จ.ตาก จ.แพร่ จ.สุโขทัย เป็นต้น

น้ำป่าไหลหลากหรือน้ำท่วมฉับพลัน เป็นภัยธรรมชาติแบบฉับพลัน
เกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำพายุหมุนเขตร้อน ได้แก่ พายุดีเปรสชั่น

พายุโซนร้อน พายุใต้ฝุ่น และร่องมรสุมหรือร่องความกดอากาศต่ำ

ปัจจัยทางสังคม คือ การขยายตัวของเขตชุมชนและการทำลายระบบ

ระบายน้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติ การถมดินปรับพื้นที่ สร้างถนน สิ่ง

ก่อสร้างต่างๆ พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
เช่น บริเวณจังหวัดนราธิวาส สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช

ดินโคลนถล่ม เป็นภัยธรรมชาติแบบฉับพลัน เกิดจากมีฝนตกหนั ก

ต่อเนื่ องกันเป็นระยะเวลานานในบริเวณภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงชัน
ที่ลาดเชิงเขา หุบเขาและหน้ าผา ปัจจัยทางสังคม เช่น ป่าไม้ถูกทำลาย

การตัดไม้ทำลายป่า บริเวณดินหนาบนภูเขาทำให้ไม่มีรากไม้ยึดเกาะ

หรือการอุ้มน้ำไว้ทำให้เกิดการพังทลายและดินถล่ม เช่น บริเวณภูเขา

ซึ่งเป็นต้นน้ำลำธาร บริเวณตอนบนของประเทศ โดยเฉพาะในภาค

เหนื อและภาคตะวันออกเฉียงเหนื อ

สึนามิ เป็นภัยธรรมชาติแบบฉับพลัน เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

การปะทุของภูเขาไฟหรือแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ในแนวดิ่งใต้

ท้องทะเล เป็นต้น ตัวอย่างพื้นที่ เช่น ภาคใต้ ในวันที่ 26 ธันวาคม

2547 เช่น จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ เป็นต้น

คิวอาร์โค้ด
แบบทดสอบหลังเรียน

แบบทดสอบเรื่อง ภัยพิบัติทางธรรมชาติของไทย


Click to View FlipBook Version