อุดมการณ์ของนักสัญจรบนหน้ากระดาษ ผู้พิศมัยแสวงหาความรู้และภูมิปัญญาใหม่มาบรรณาการนักอ่าน
เล่มท่ 4
ี
(พงศาวดารจีน)
คณะผู้แปลในรัชกำลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แปล
เลขมำตรฐำนสำกลประจ�ำหนังสือ 978-616-301-194-7
พิมพ์ครั้งแรก : ยิปซี ส�ำนักพิมพ์, กันยำยน 2556
รำคำชุดละ 1,800 บำท
ข้อมูลทำงบรรณำนุกรม
เลียดก๊ก.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2556.
2320 หน้ำ.
1. นวนิยำยจีน I. คณะผู้แปล สมัยรัชกำลที่ 2, ผู้แปล II. ชื่อเรื่อง.
895.13
จัดพิมพ์โดย บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จ�ำกัด ประธำนกรรมกำร คธำวุฒิ เกนุ้ย รองประธำนกรรมกำร
นุชนันท์ ทักษิณำบัณฑิต ผู้จัดกำรทั่วไป เวชพงษ์ จันสด ผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำด ชิตพล จันสด
ฝ่ำยธุรกำร พรรณิกำ ครโสภำ จิรำภรณ์ บุญช่วย คณิตำ สุตรำม ดำรียำ ครโสภำ
ฝ่ำยงบประมำณ รำตรี อิงคะละ นพรัตน์ สุรพล
ที่ปรึกษำส�ำนักพิมพ์ สถำพร ศรีสัจจัง วรภ วรภำ นิรัติ หมำนหมัด สำโรจน์ มณีรัตน์
ยิปซี ส�ำนักพิมพ์ : บรรณำธิกำรอ�ำนวยกำร เริงวุฒิ มิตรสุริยะ บรรณำธิกำรบริหำร สังคม จิรชูสกุล
คณะบรรณำธิกำร มุกรินทร์ แพรกนกแก้ว ชมพร ไชยล้อม ปุริษำ ตำสำโรจน์
ผู้จัดกำรกองบรรณำธิกำร อรทัย ดีสวัสดิ์ กองบรรณำธิกำร อรรถสิทธิ์ เกษรรำช ชัยวัฒน์ วงศ์นภดล
กิตติพงษ์ คัดทะจันทร์ ไพฑูร บุญมำเลิศ สุรศักดิ์ ศักดิ์สันเทียะ ณัฐพล มณีด�ำ ด�ำรง โกยทอง
ศิลปกรรม Tarot team
พิมพ์ที่ บริษัท เอส. เค. เอส. อินเตอร์พริ้นต์ จ�ำกัด 16 ซอยมำเจริญ 1 แยก 3 แขวงหนองค้ำงพลู
เขตหนองแขม กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2812-0597 โทรสำร 0-2812-0587
จัดจ�ำหน่ำยโดย บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จ�ำกัด 37/145 รำมค�ำแหง 98 แขวงสะพำนสูง เขตสะพำนสูง
กรุงเทพฯ 10240 โทรศัพท์ 0-2729-3537 โทรสำร 0-2729-3537 ต่อ 108
เว็บไซต์ www.gypsygroup.net
สงวนสิทธิ์ตำมพระรำชบัญญัติลิขสิทธิ์
คณะผู้แปลในพระราชด�าริของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัยผู้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์
ี
เสมือนค�ำน�ำ : คุณค่ำแห่งวรรณกรรมท่ควรอนุรักษ์
“เลียดก๊ก” แปลเป็นภาษาไทยในสมัยรัชกาลที 2 และเป็น 1 ใน 34 หนังสือ
่
่
่
พงศาวดารจีนทีได้รับการแปลนับแต่สมัยรัชกาลที 1 ถึงรัชกาลที 6 ของกรุง
่
รัตนโกสินทร์
้
่
เนือหาและเรืองราวว่าด้วยการเมืองการปกครองของจีนในสมัยราช
วงศ์โจว (ในหนังสือเลียดก๊ก เรียกว่า ราชวงศ์จิว) โดยเริมตังแต่รัชสมัยของ
่
้
พระเจ้าชวนอ๋องกระทังถึงรัชสมัยของพระเจ้าจิวเสียงอ๋อง
่
หากย้อนเวลาไปดูประวัติศาสตร์จีนทีแท้จริงแล้วก็กล่าวได้ว่าเรืองราว
่
่
่
ทีปรากฏในหนังสือเลียดก๊ก ฉบับนีเป็นเรืองของประวัติศาสตร์จีนในสมัยที ่
่
้
นักประวัติศาสตร์เรียกว่า ยุคโจวตะวันออก ซึ่งในยุคโจวตะวันออกนี้ถูกแบ่ง
ออกเป็นยุคย่อยอีกสองยุค นันคือ ยุคชุนชิว (ใบไม้ผลิ) และยุคจ้านกว๋อ
่
(เลียดก๊ก)
้
่
้
้
กระนันในเนือเรืองของหนังสือในช่วงต้นได้ย้อนกลับไปยังจุดสินสุด
ของสมัยโจวตะวันตกรวมอยู่ด้วย
่
้
่
ในการด�าเนินการแปล พงศาวดารจีนเรือง “เลียดก๊ก” ซึงเกิดขึนใน
่
สมัยรัชกาลที 2 นันนักประวัติศาสตร์และนักวรรณคดีของไทยถือกันว่าการ
้
ด�าเนินงานในการแปลในครังนันนับได้ว่าเป็นการท�างานทีถือว่าเป็น “งาน
่
้
้
ระดับชาติ” ทังนีเพราะนอกเหนือจากผู้ทรงด�าริหรือองค์อุปถัมภ์จะเป็นพระเจ้า
้
้
แผ่นดิน คือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วคณะผู้แปลอัน
้
ประกอบด้วยนักปราชญ์ผู้ทรงความรู้ทังฝ่ายจีนและฝ่ายไทยรวมกันถึง 12
่
่
คน ซึงถือว่ามากและยิงใหญ่พอสมควร ก็ท�าให้ภาพของการด�าเนินงานการ
้
้
แปลหนังสือในครังนันมีความยิงใหญ่จนเป็นทีจดจ�ากัน
่
่
4
( )
ไม่ต่างจากการท�างานตามพระราชด�าริของพระบาทสมเด็จพระพุทธ
่
่
้
่
ยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที 1 ในครังทีทรงสังให้มีการแปลพงศาวดารจีน
่
่
่
อันถือเป็นปฐมในรัชสมัยของพระองค์ 2 เรืองนันคือ เรือง สามก๊ก และ
่
ไซ่ฮัน
่
่
่
ทีส�าคัญผลงานพงศาวดารจีนเรือง สามก๊ก ทีมี เจ้าพระยาพระคลัง
(หน) เป็นผู้อ�านวยการแปล และ กรมพระราชวังบวรมหาเสนาภิมุข (เจ้าทอง
่
่
อินทร์ กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ หรือวังหลัง) ทรงอ�านวยการแปลเรือง “ไซ่ฮัน”
ยังกลายเปนผลงานอันทรงคาและไดรับค�าชื่นชมกันอยางมากยิ่งดวยแลว ก็
้
็
่
้
่
้
้
ยิงกลายให้เป็นแรงกดดันให้การแปลพงศาวดารจีนเรือง “เลียดก๊ก” ซึงเกิดขึน
่
่
่
่
่
้
ในรัชสมัยต่อมามีความส�าคัญและเป็นทีสนใจอย่างยิงเพิมขึนไปอีก
่
นอกจากนัน ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จฯ กรมพระยาด�ารงราชา
้
นุภาพในเวลาต่อมา ทีมองว่าจุดประสงค์ของการแปลหนังสือพงศาวดารจีน
่
่
้
่
่
้
่
ทีเกิดขึนในสมัยรัชกาลที 1 และที 2 นัน เป็นไปเพือ”ประโยชน์บ้านเมือง”
่
ก็ยิงท�าให้การท�างานต้องเป็นไปอย่างเคร่งครัดและมีระเบียบกฎเกณฑ์ทีเข้ม
่
แข็งแม่นมันอย่างแน่นอน
่
ดังที่ได้กล่าวมาว่า เมื่อ “สามก๊ก” และ “ไซ่ฮั่น” กลายเป็นหนังสือแปล
่
ทีทรงคุณภาพแล้ว ผู้รับภาระรับผิดชอบในการแปลหนังสือเล่มหลังๆ มาจึง
่
จ�าต้องท�างานให้ออกมาได้ดีหรือดียิงกว่าผลงานเล่มก่อนให้ได้
์
ปรากฏนามผู้รับสังให้เป็นพนักงานการแปลล้วนเป็นผู้มีศักดิสูงและ
่
ทรงความสามารถถึง 12 ท่าน ประกอบไปด้วย กรมหมืนนเรศโยธี, เจ้าพระยา
่
์
ยมราช, เจ้าพระยาวงษาสุรียศักดิ, พระยาโชดึกราชเศรษฐี, ขุนท่องสือ,
่
่
จหมืนไวยวรนารถ, นายเล่ห์อาวุธ, นายจ่าเรศ, หลวงลิขิตปรีชา, หลวงญาณ
ปรีชา, ขุนมหาสิทธิโวหาร และหลวงวิเชียรปรีชา
5
( )
่
้
ด้วยความโดดเด่นของ สามก๊ก และไซ่ฮัน ทีปรากฏมาก่อนหน้านัน
่
ย่อมถูกน�ามาใช้เป็นแนวทางในการด�าเนินงานในการแปลครังหลัง จึงไม่ใช่
้
เรืองแปลกดังทีเราได้พบว่า ในเรืองของส�านวนภาษาของเลียดก๊ก จะปรากฏ
่
่
่
ออกมาเป็นท�านองเดียวกับ สามก๊ก นั่นคือ ใช้ภาษาง่าย มีภาษาเรียบเรียงอย ู่
ในชันดี มีการตังข้อสังเกตว่า อาจจะถือเป็นธรรมเนียมการแปลในรัชกาลที ่
้
้
่
่
2 ก็ได้ว่า ให้ยึดถือ สามก๊ก และ ไซฮัน ในรัชกาลที 1 เป็นต้นแบบ ท�าให้
ส�านวนต่างๆ คล้ายคลึงกัน
่
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดให้แปลเรือง เลียดก๊ก
้
เมือ พ.ศ.2362 เสร็จสินออกมาเป็นหนังสือ 153 เล่มสมุดไทย ในเวลาต่อมา
่
้
่
ได้มีการจัดพิมพ์ออกมาครังแรกใน พ.ศ. 2413 ในสมัยรัชกาลที 5 โดยเป็น
สมุดไทยจ�านวน 5 เล่ม จัดพิมพ์โดยโรงพิมพ์หมอบรัดเลย์
้
้
้
้
หลังจากนันหนังสือเล่มนีก็ได้รับการน�ากลับมาตีพิมพ์ซ�าอีกหลายครัง
้
ุ
้
่
่
้
่
และหลายส�านักพิมพ์ ครังทีส�าคัญครังหนึงคือเมือครังทีองค์การค้าครสภา
ุ
่
่
่
ได้รวบรวมน�าผลงานพงศาวดารจีนทีแปลเป็นไทย จ�านวน 34 เรืองตามการ
ส�ารวจของสมเด็จฯ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ มาจัดพิมพ์ใหม่ออกมาเป็น
้
่
หนังสือ 35 เรือง พงศาวดารจีนเรือง เลียดก๊ก นีก็จัดเป็น 1 ในจ�านวนนี ้
่
ด้วย โดยได้พิมพ์ในนามองค์การค้าคุรุสภาครังแรกใน พ.ศ. 2506 จัดแบ่ง
้
ออกเป็นหนังสือจ�านวน 12 เล่ม
และครั้งนี้นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ ยิปซี ส�านักพิมพ์ ได้น�าพงศาวดารจีน
้
้
้
เรือง เลียดก๊ก กลับมาพิมพ์ใหม่ ทังนีเพราะเห็นว่าหนังสืออันทรงคุณค่านีห่าง
่
หายไปจากท้องตลาดและห้องสมุดนานพอควรแก่เวลาแล้ว
แม้ทีผ่านมาจะปรากฏว่ามีนักปราชญ์หรือผู้รู้หลายท่านได้แปล
่
พงศาวดารจีนเรือง เลียดก๊ก ออกมาใหม่ ตามส�านวนต่างๆ ออกจ�าหน่าย
่
6
( )
้
่
บ้าง กระนัน ยิปซี ส�านักพิมพ์ก็ยังคงยืนยันทีจะจัดพิมพ์ “เลียดก๊ก” ตาม
ส�านวนทีได้มีการแปลกันขึนมาในสมัยรัชกาลที 2 เล่มนี ทังนีเพราะเห็นว่า
้
้
้
้
่
่
่
่
นอกจากความส�าคัญในเรืองเนือหาของหนังสือแล้ว ในฐานะทีหนังสือผลงาน
้
แปลเล่มนี เป็นผลงานทียืนยงผ่านกาลเวลา อีกทังมีลักษณะเฉพาะนันคือ มี
้
่
่
้
การตังกองคณะแปลและมีการเรียบเรียง ขัดเกลา ให้เข้ากับขนบประเพณี
้
่
้
่
ของคนไทย ทีส�าคัญด้วยระยะเวลาทีงานเล่มนีสามารถยืนยงมาจนผ่านกาล
เวลาและแปรสภาพจากความเป็นวรรณกรรมของจีนมาเป็นวรรณคดีของ
้
ไทยไปแล้ว หนังสือแปลส�านวนนีจึงถือว่ามีคุณค่าควรแก่การเก็บรักษาและ
อนุรักษ์เอาไว้ทีสุด
่
พงศาวดารจีนกับสังคมการอ่านของไทย
สมเด็จฯ กรมพระยาด�ารงราชนุภาพเคยส�ารวจหนังสือพงศาวดารจีน
่
ทีได้แปลและพิมพ์ เป็นภาษาไทยตังแต่รัชกาลที 1 ถึง รัชกาลที 6 พบว่ามี
้
่
่
่
จ�านวนถึง 34 เรือง แยกแปลตามรัชกาลได้ดังนี ้
แปลในรัชกาลที 1 เรือง ไซ่ฮัน สามก๊ก
่
่
่
่
่
่
แปลในรัชกาลที 2 เรือง เลียดก๊ก ห้องสิน ตังฮัน และไม่ปรากฏว่ามี
้
่
พงศาวดารจีนเรืองใดแปลในสมัยรัชกาลที 3
่
่
่
่
่
แปลในรัชกาลที 4 เรือง ไซ่จิน ตังจิน น�าซ้อง ซุยถัง น�าปักซ้อง
้
้
้
หงอโต้ว เม่งเฉียว บ้านฮวยเหลา โหงวโฮ้วเพงไซ โหงวโฮ้วเพ็งหน�า ซวยงัก
ซ้องกัง
๋
แปลในรัชกาลที 5 เรือง ไคเภ็ก ส้วยถัง เสาปัก ซิยินกุ้ยเจงตัง
่
่
ซิเตงซันเจงไซ เองเลียดต้วน อิวกังหน�า ไตัอั้งเผา เซียวอั้งเผ่า เนียหน�าอิดซือ
7
( )
๋
้
เม่งมวดเซงฌ้อ ไซอิว เปาเล่งถูกงอัน
และแปลในรัชกาลที 6 เรือง เชงเฉียว ง่วนเฉียว บูเช็กเทียน และ
่
่
โหงวโฮ้วเพงปัก
่
่
กล่าวกันว่า ในจ�านวน 34 เรืองทีกล่าวมานี ไม่มีส�านวนหรือเรือง
้
่
่
่
ใดจะดีเท่าพงศาวดารจีนเรือง สามก๊ก ทีเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็น
่
ผู้อ�านวยการแปล โดยเห็นได้จากทีกระทังถึงปัจจุบัน หนังสือ สามก๊ก ฉบับ
่
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ยังได้รับความนิยม และน�ามาตีพิมพ์ซ�าอย่างต่อ
้
้
เนือง อีกทังยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเรืองสามก๊ก ฉบับต่างๆ ทังร้อย
้
่
่
่
แก้วและร้อยกรองอีกมากมาย ทีส�าคัญทีสุด สามก๊ก ฉบับ เจ้าพระยา
่
่
พระคลัง (หน) ยังเป็นทียอมรับของนักกวีทุกยุคทุกสมัย จนวรรณคดีสโมสร
่
่
ในรัชกาลที 6 ได้ตัดสินให้ “สามก๊ก” เป็นยอดของความเรียงเรืองนิทาน
่
่
่
สามก๊ก และไซฮัน นับเป็นหนังสือพงศาวดารจีน 2 เรืองแรกทีได้
รับการแปลมาเป็นภาษาไทย ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยเกิดขึนในรัชสมัย
้
่
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที 1
มีค�าบอกกล่าวเล่ากันสืบมาว่า พระองค์มีพระราชด�ารัสให้แปล
พงศาวดารจีนเป็นภาษาไทยสองเรือง โดยโปรดให้สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ
่
กรมพระราชวังบวรมหาเสนาภิมุข (เจ้าทองอินทร์ กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์
หรือวังหลัง) ทรงอ�านวยการแปลเรือง “ไซ่ฮัน” และเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
่
่
อ�านวยการแปลเรื่อง “สามก๊ก” กล่าวกันว่า ในการแปลวรรณกรรมจีนมาเป็น
่
้
้
่
้
้
ไทยในครังนัน นับเป็นงานระดับชาติ ทังนีก็เนืองจากเป็นงานทีเกิดจากพระ
ราชด�าริของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
่
่
้
่
อีกทัง ทีถือเป็นเรืองใหญ่หรือ “งานระดับชาติ” อีกเหตุหนึงก็เพราะ
่
วิธีการด�าเนินงาน ทีมิได้มีการแปลเพียงคนเดียวหรือเป็นส่วนตัว หากแต่
8
( )
้
ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันในหลายขันตอนด้วยกัน คือ ต้องอาศัยกลุ่ม
บุคคลจ�านวนหนึงซึงเป็นผู้ช�านาญภาษาจีนมาแปลเนือความจากต้นฉบับภาษา
้
่
่
่
่
จีน แล้วให้เสมียนจดลงเพือเป็นทีเข้าใจของคนไทย และมีผู้ช�านาญภาษาไทย
อีกกลุ่มหนึงเรียบเรียงเนือความเป็นภาษาไทยทีเรียบร้อยถูกต้องตามหลัก
้
่
่
ภาษา สอดคล้องกับความเข้าใจตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีของคนไทย
่
โดยมีผู้อ�านวยการแปลท�าหน้าทีควบคุมให้การด�าเนินงานเป็นไปด้วยความ
่
้
่
เรียบร้อย และมีหน้าทีพิจารณาขันสุดท้ายเมือเรียบเรียงไปได้แต่ละตอนแล้ว
และถ้ามีปัญหาอย่างใดอย่างหนึงก็ท�าหน้าทีชีขาดเพือให้ยุติลงได้ ดังนันผู้ที ่
้
่
่
่
้
ท�าหน้าทีผู้อ�านวยการแปลจึงต้องมีความรู้ทางภาษาและวรรณศิลป์เป็นอย่าง
่
ดี และมีบารมีพอทีจะเป็นทีเกรงใจของทุกฝ่าย
่
่
่
่
่
เรียกว่า อย่างน้อยจะต้องมีผู้เข้าเกียวข้องไม่ต�ากว่า 2-4 ฝ่าย นันคือ
ผู้อุปถัมภ์การแปล ผู้แปล ผู้เรียบเรียงและผู้ขัดเกลาภาษาส�านวน
และด้วยเพราะผู้อุปถัมภ์การแปลเป็นองค์พระมหากษัตริย์เอง พร้อม
พรังไปด้วยนักปราชญ์ทังฝ่ายจีนและยังต้องมีนักปราชญ์ฝ่ายไทยเป็นผู้จัด
่
้
่
่
เรียบเรียงและเกลาส�านวน ผลงานทีปรากฏออกมาจึงมีความประณีตกระทัง
กลายเป็นแบบฉบับของการแปลเรืองจีนในเวลาต่อมา
่
่
ปรากฏว่าการทีพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ในการแปลนอก
่
เหนือจากในสมัยรัชกาลที 1 แล้ว ในสมัยรัชกาลที 2 ก็ยังทรงเป็นองค์
่
่
อุปถัมภ์ต่อมา ซึงปรากฏว่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
้
นภาลัย พระองค์ก็ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ให้มีการแปลพงศาวดารจีนขึนมาอีก
3 เรือง ประกอบไปด้วย เลียดก๊ก ห้องสิน และตั้งฮั่น
่
่
่
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที 3 กลับ
ไม่ปรากฏว่าให้มีการแปลวรรณกรรมจีนออกมา และมาเริมเห็นการแปล
่
9
( )
ู่
วรรณกรรมจีนกันใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหัว รัชกาล
่
ที 4 และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที 5 หากแต่
่
้
่
่
ใน 2 รัชสมัยหลังนี กลับมีการเปลียนแปลงไปจากแรกเดิมนังคือ ผู้อุปถัมภ์
กลับไม่ใช่พระเจ้าแผ่นดิน หากแต่ลงมาเป็นข้าราชการชันสมเด็จเจ้าพระยา
้
และเจ้าพระยาคือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เจ้าพระยาทิพากร
้
วงศ์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์ มหาโกษาธิบดี และปรากฏมีชันหลวงอยู่อีกผู้หนึง
่
คือ หลวงพิศาลศุภผล
ไม่เพียงเท่านันจ�านวนผู้แปลก็ดูเหมือนจะลดลง โดยปรากฏว่าในบาง
้
เล่มมีชือผู้แปลอยู่เพียง 1 คนบ้างหรือ 2 คนบ้าง และบางครังก็ไม่ปรากฏ
่
้
้
่
่
่
นามผู้แปล อาจมีเพียงบางเล่มเท่านันทีปรากกฎชือชัดเจน เช่นเรือง ซุยถัง ที ่
เขียนเอาไว้ชัดว่า เจ้าพระยาทิพากรวงศ์เป็นผู้อุปถัมภ์การแปล โดยมีผู้แปล
คือ จีนปั้นกิมกับจีนแพง และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (จี) เป็นผู้เรียบเรียง
่
้
อีกชัน เป็นต้น
้
ครันมาถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล
ที 6 ผู้อุปถัมภ์การแปลก็ยิงลดชันลงมาอีก โดยปรากฏว่า ในจ�านวน 4 เรือง
้
่
่
่
่
่
ทีถูกนับเนืองเข้ามาอยู่ในชุด 34 เล่มของสมเด็จฯ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ
้
และคุรุสภาได้รวบรวมจัดพิมพ์ออกทังหมดในเวลาต่อมานี มีผู้อุปถัมภ์การ
้
้
แปลเป็นสามัญชนโดยมีทังเจ้าของโรงพิมพ์ และคณะหนังสือพิมพ์
่
ทีส�าคัญจุดประสงค์ในการแปลก็แตกต่างกันไปตามยุคสมัย กล่าวคือ
ในสมัยรัชกาลที 1 และ 2 มีจุดประสงค์ทีเป็นไปอย่างชัดเจนว่า “เพือประโยชน์
่
่
่
ราชการบ้านเมือง” มาในสมัยรัชกาลที 4 และ 5 ก็ปรากฏจุดประสงค์ชัดเจน
่
่
่
่
่
ว่า “เพือความบันเทิง” และในสมัยรัชกาลที 6 ก็ชัดยิงขึนว่า “เพือการค้า”
้
ไม่ว่าหนังสือแปลพงศาวดารจีนทีกล่าวมานีจะมีจุดประสงค์เช่นไร
่
้
( 10 )
่
้
่
้
่
หากแต่เมือมาถึงปัจจุบันนีทีหนังสือหลายเรืองได้รับการจัดพิมพ์และตีพิมพ์ซ�า
กระทังมีการรวบรวมพิมพ์ออกมาเป็นชุดชัดเจนโดยองค์การค้าคุรุสภาออกมา
่
่
เป็นหนังสือ 35 เรืองนีได้กลายมาเป็นสมบัติทางวรรณกรรม วรรณคดีของ
้
ชาติไทยไปแล้วโดยปริยาย
่
่
แน่นอนว่าในจ�านวนนีอาจมีบางเล่มทีมีเนือหาหรือสาระทีโดดเด่น
้
้
กว่าอีกบางเล่ม และมีหลายเล่มทีภาษาและวรรณศิลป์ดีเด่นกว่าเล่มอืน แต่
่
่
้
้
กระนันในแง่ของประวัติวรรณกรรมแล้วหนังสือทังหมดล้วนทรงคุณค่าและ
น่าแสวงหามาอ่านมาเก็บเอาไว้เป็นสมบัติทางภูมิปัญญาสืบต่อไป
เลียดก๊ก กับ เหตุแห่งการจัดพิมพ์
้
่
กล่าวเฉพาะหนังสือเล่มทีอยู่ในมือของผู้อ่านในเวลานี คือ พงศาวดาร
้
่
จีนเรือง “เลียดก๊ก” ซึงในครังนีจัดพิมพ์ขึนโดย “ยิปซี ส�านักพิมพ์” แน่นอน
้
้
่
่
่
ทีสุดว่าในชันต้นนัน ย่อมเป็นไปเพือการค้าโดยตรง ซึงก็เป็นไปตามระบบและ
่
้
้
กลไกของการจัดพิมพ์หนังสือสู่ตลาดและผู้อ่านในปัจจุบัน หากแต่ทีนอกเหนือ
่
้
ไปกว่านันก็คือ ด้วยความตระหนักและเห็นถึงคุณค่าของหนังสือพงศาวดาร
จีนเรืองนี ซึงมองว่า ด้วยเนือหาและสาระของหนังสือทียังคงมีคุณประโยชน์
่
้
่
้
่
ในด้านต่างๆ ต่อคนอ่านในปัจจุบัน อีกทังหนังสือเล่มนีก็ขาดหายไปจากท้อง
้
้
ตลาดและแวดวงการอ่านไปนานพอสมควรแล้ว คนรุ่นหลังคิดจะหามาอ่านก็
้
หาเล่มฉบับพิมพ์ครังก่อนๆ มาอ่านยากอยู่ ท�าให้ ยิปซี ส�านักพิมพ์ ตัดสินใจ
่
น�าหนังสือ พงศาวดารจีนเรือง “เลียดก๊ก” ฉบับแปลในสมัยรัชกาลที 2 นี ้
่
กลับมาจัดพิมพ์อีกครั้งหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น ยิปซี ส�านักพิมพ์ยังตั้งความหวัง
่
เอาไว้อีกว่า หากมีโอกาสแล้ว จะด�าเนินการจัดพิมพ์พงศาวดารจีนเรืองอืนๆ
่
( 11 )
่
่
่
ออกมาให้ต่อเนือง และครบครันเพือให้ผู้อ่านและผู้ทีสนใจสามารถจัดเก็บ
และอนุรักษ์หนังสือชุดนีเอาไว้เพือสืบทอดสู่คนรุ่นหลังได้
่
้
เกิดค�าถามว่า เหตุใดจึงต้องพิมพ์เรือง “เลียดก๊ก” ออกมาเป็นปฐม
่
่
ทังทีในจ�านวนหนังสืออันทรงคุณค่าชุดนี ยังมีเล่มอืนๆ ทีเป็นประโยชน์ไม่
่
้
่
้
แตกต่างกัน?
่
ค�าตอบก็คือ เพราะ นอกเหนือจากเหตุผลทีกล่าวมาแต่ต้นแล้ว เหตุ
่
ทีต้องจัดพิมพ์ “เลียดก๊ก” ออกมาเป็นปฐม ก็เพราะ “เลียดก๊ก” ถือหรือถูก
่
่
นับว่าเป็นงานแปลระดับชาติทีเกิดขึนมาเล่มหนึงในสมัยรัชกาลที 2 อันนัก
้
่
่
วรรณคดีถือว่าเป็นยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองทางวรรณคดีสมัยหนึงของไทย
่
อีกทังด้วยความเหมาะสมในอีกหลายประการท�าใหหนังสือเลมนีถูกคัดเลือก
้
้
่
้
่
ออกมาจัดพิมพ์ในนามของส�านักพิมพ์เป็นเล่มแรก ซึงหวังว่าเล่มอืนๆ จะ
่
ติดตามมาในโอกาสต่อไป
้
่
่
สิงทีควรกล่าวถึงและควรสนใจส�าหรับ “เลียดก๊ก” ก็คือ เนือหาสาระ
่
้
ของเรืองราวทีปรากฏในหนังสือเล่มนี ดังทีได้กล่าวไปแล้วว่า เลียดก๊ก เป็น
่
่
่
เรืองราวอิงพงศาวดารจีนในสมัยราชวงศ์โจวหรือจิว กินเวลาในสมัยตอน
้
ปลายของยุคโจวตะวันตกถึงสินสุดสมัยจ้านกว๋อ (เลียดก๊ก) ผ่านช่วงเวลา
่
สืบทอดกันหลายรัชสมัย ในหนังสือเล่มนีใช้วิธีการเรียบเรียงเรืองราวแบบเล่า
้
่
้
ต่อเนืองกันไป ตามขนบของการเขียนความเรียงในสมัยโบราณ นันคือ ผู้อ่าน
้
ตองพิจารณาเอาเองวา สวนใดคือการบรรยายความ ส่วนใดคือบทสนทนาของ
่
่
่
ตัวละคร หรือส่วนใดคือส่วนของการด�าเนินเรือง
เนือหาทีน�าเสนอ เป็นเรืองของการชิงไหวชิงพริบในสังคมการเมืองของ
่
้
่
รัฐต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย แม้ในตอนหลังจะเหลือรัฐใหญ่ๆ เพียงไม่กี่รัฐก็ตาม
แต่กระนันก็ไม่พ้นจากประเด็นของการแสวงหาอ�านาจและความส�าเร็จของ
้
( 12 )
้
้
บรรดาผู้น�าแห่งรัฐต่างๆ ไม่เพียงเท่านันหนังสือเล่มนียังสอดแทรกอรรถรส
่
่
อันหลากหลายในประเด็นเรืองราวของวิธีคิดมากมายหลายด้าน ไม่ว่าเรืองของ
่
่
่
การใช้ชีวิต หรือเรืองของการใช้อ�านาจ และเรืองอืนๆ ทีผู้อ่านจะสามารถเก็บ
่
่
่
้
รับเอาอรรถรสอันหลากหลายได้อย่างสนุกสนาน มีครบครันทังเรืองตืนเต้น
่
เรืองเศร้าสร้อย เรืองรักเรืองใคร่ และเรืองการใช้ปฏิภาณไหวพริบต่างๆ ใน
่
่
่
การแย้งชิงความได้เปรียบ
หากจะว่าไปแล้ว แม้ว่า สามก๊ก จะถูกมองและยอมรับว่าทรงคุณค่า
ด้านภูมิปัญญาและอรรถรสทางวรรณกรรมก็ตาม แต่หากพิจารณาถึงเนือหา
้
่
่
้
้
ของเลียดก๊กแล้ว เราก็สามารถกล่าวได้ว่า เรืองราวทีเกิดขึนในหนังสือเล่มนีก็
่
ทรงคุณค่าไม่น้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิงหากเราพิจารณาว่า ช่วงเวลา
้
่
่
่
หรือยุคสมัยทีวรรณกรรมเรืองนีกล่าวถึงนันเป็นยุคสมัยทีเรียกกันว่าเป็นสมัย
้
แห่ง “ร้อยบุปผาบานพร้อมพรัก ร้อยส�านักประชันปัญญา” กล่าวคือเป็นยุค
ทีสมัยทีปรากฏสาวงามของแผ่นดินมากมาย พร้อมกันเป็นสมัยทีปราชญ์ยิง
่
่
่
่
ใหญ่หลายคนถือก�าเนิดมา
่
่
่
่
ชือบุคคลอย่าง ขงจือ เล่าจือ ซุนวู ฯลฯ ชือผู้น�ายิงใหญ่ของ
่
่
่
ประวัติศาสตร์จีนหลายคน หรือแม้แต่ชือสาวงามหลายคนทีตราตรึงแผนดิน
่
้
ล้วนถือก�าเนิดมาในยุคสมัยนีทังสิน
้
้
ด้วยสีสันและเรืองราวอันหลากหลายเช่นนีเองทีท�าให้ เลียดก๊ก ยัง
้
่
่
่
กลายเป็นหนังสือทีคนในสมัยปัจจุบันสมควรหามาอ่านเป็นทียิง ่
่
โดยเฉพาะหากเราตระหนักว่านอกเหนือจากได้อ่านวรรณกรรมที่ทรง
ค่า สนุก และได้สาระแล้ว เราจะสามารถเห็นภาพร่างของประวัติศาสตร์จีน
่
่
่
ช่วงทีมีสีสันทีสุดสมัยหนึงอีกด้วย
่
ยิปซี ส�านักพิมพ์ ต้องขอขอบพระคุณทุกความกรุณาทีสนับสนุน
( 13 )
่
้
้
เรามาโดยดีตลอด และหวังว่าทุกท่านจะพอใจกับการจัดพิมพ์ในครังนีทีเรา
่
้
พยายามเน้นให้มีความประณีตทีสุด แต่กระนัน ด้วยข้อจ�ากัดบางอย่างโดย
่
่
เฉพาะเรืองของเวลา และจ�านวนของหนังสือทีนับว่าหนามาก อาจท�าให้เกิด
่
่
ข้อผิดพลาดไปบ้าง ซึงเราหวังว่า หากมีโอกาสทีดีต่อไป เราจะสามารถท�าการ
แก้ไขให้ดียิงขึนไปอีก
่
้
่
ขอขอบพระคุณผู้รู้ทุกท่าน ทีให้ค�าแนะน�าในการจัดพิมพ์หนังสือใน
้
้
้
้
ครังนี หวังว่านีจะเป็นอีกหนึงหนังสือแห่งความภาคภูมิใจของทังส�านักพิมพ์
่
และผู้เป็นเจ้าของ
ยิปซี ส�านักพิมพ์
( 14 )
“เก๋งคอก็ท�าเพลงขับว่า พระพายชายพัดมาเฉื่อยฉิวกระทบ
้
้
๋
แม่น�าเอ๊กจุย หนาวเย็นเหน็บชายิงนัก...เราจะไปเมืองจินนีเป็น
่
่
ทีสุด เห็นจะไม่ได้กลับคืนมา... เมือเราจะเข้าค้นคว้าในซุ้มเสือ
่
แม่ลูกอ่อน กับตัวเราจะเข้าไปในปล่องพญานาค ครันขับดังนัน
้
้
้
แล้วก็เงยหน้าขึนไปดูบนอากาศแล้วทอดใจใหญ่ ก็ปรากฎเป็น
สายรุ้ง เพลงเก๋งคอซึงขับนันก็บันดาลใจเข้าให้คนทังปวง มีจิต
้
่
้
ก�าเริบคิดแกล้วกล้าขึนทุกคน”
้
เลียดก๊ก เล่ม 4
เล่ม 4
บทที่ 1 59
เจ้าเมืองซองก็แต่งสิงของออกมา ยอมเป็นเมืองขึนแก่เมืองงุย แต่
่
้
บังก๋วนยกไปครังเดียวได้เมืองโอย เมืองซอง เมืองฬ่อ เมืองเตง
้
สีหัวเมือง แล้วยกทัพกลับมาถึงเมืองงุย จึงพานายกองนายทัพ
่
่
่
่
กับสิงของเข้าไปค�านับแจ้งความซึงได้ชัยชนะแก่สีหัวเมืองให้งุยอ๋องฟังทุก
ุ
ู
ประการ งยอ๋องยินดีนัก จึงปนบ�าเหน็จรางวัลบังก๋วนงวนโซยกับนายทหาร
่
ซึงได้ท�าการชนะศึกตามสมควรแก่ความชอบ บังก๋วนได้เงินทองของประทาน
และก็ค�านับลาไปบ้าน แต่นันมาบังก๋วนมีใจก�าเริบถือตัวว่าสติปัญญาและฝีมือ
้
หาผู้ใดเสมอมิได้ ทั้งงุยอ๋องก็รักใคร่นับถือบังก๋วน บังก๋วนจะว่าสิ่งใด งุยอ๋อง
ก็เชือฟังทุกประการ
่
่
้
ฝ่ายเหกเต๊กซึงเป็นเพือนรักกันกับกุยก๊กซินแส ครันเทียวรักษา
่
่
่
พยาบาลคนไข้ทุกหัวเมืองมาถึงเขากุยก๊ก คิดถึงฮองฮูจะใคร่ไปเยียมเยียน
เหกเต๊กก็แวะออกจากทางใหญ่ เดินตามทางน้อยเข้าไปถึงเชิงเขา พอพบซุนปิน
เดินลงมาจากเขาเหกเต๊กถามว่า ครูของท่านยังอยู่ดีอยู่หรือ ซุนปินก็บอกวา ่
้
ครูข้าพเจ้าอยู่ดีมีสุขอยู่ เหกเต๊กรู้ว่าฮองฮูไม่ป่วยไข้ก็สินวิตกจึงถามซุนปินว่า
้
ท่านอยู่กับซินแสนี ได้วิชาความรู้สิงใดบ้าง ซุนปินก็บอกว่ากุยก๊กซินแสรู้ว่า
่
1733
1734 พงศำวดำรจีน
่
ข้าพเจ้าเป็นหลานซุนบู๊จู๋ มีความกรุณาบอกวิชารู้ฤกษ์ต�าฤกษ์บนและขบวน
้
่
้
ศึกซึงซุนบู๊จู๋ท�าไว้ข้าพเจ้าได้เรียนจบทังสิน
เหกเต๊กจึงว่า ท่านรู้วิชาดีแล้ว เหตุใดจึงไม่ไปท�าราชการเล่า ซุนปินจึง
ตอบว่า บังก๋วนลูกศิษย์ครูเดียวกับข้าพเจ้าเข้าไปท�าราชการ ณ เมืองงุย
สัญญากับข้าพเจ้าไว้ว่าถ้าได้ดีแล้วจะมีหนังสือบอกออกมา ข้าพเจ้าคอยฟังข่าว
้
้
่
บังก๋วนอยู่ เหกเต๊กจึงว่า บังก๋วนซึงไปท�าราชการอยู่กับงุยอ๋องนัน บัดนีได้
เป็นขุนนางผู้ใหญ่แล้ว แต่เราได้ยินข่าวว่า บังก๋วนถือตัวว่าวิชาความรู้หาผู้ใด
้
เสมอมิได้ บังก๋วนรู้ว่าท่านได้เรียนรู้ในการศึกลึกซึงดีกว่าบังก๋วน เห็นว่าบัง
ก๋วนจะเกียดกันเสีย จะไม่มีหนังสือออกมาตามสัญญา เราจะเข้าไปเมืองงุย
จะให้งุยอ๋องออกมาเชิญท่านไปเป็นขุนนาง ท่านได้ทียศศักดิเราจะได้พึงสืบไป
่
์
่
้
ซุนปินก็รับค�าแล้วว่า ท่านมีความกรุณาข้าพเจ้าครังนีขอบคุณนัก ถ้า
้
้
ข้าพเจ้าได้ดีเหมือนท่านว่าจะสนองคุณกว่าจะสินชีวิต เหกเต๊กพูดกับซุนปิน
่
แล้วก็ไปถึงเมืองงุย เข้าหาขุนนางทีรู้จักคุ้นเคยกันมาแต่ก่อนให้พาเข้าเฝ้า พอ
งุยอ๋องออกขุนนางเห็นเหกเต๊กเข้ามาเชิญให้นังทีสมควร แล้วถามว่าซินแส
่
่
เทียวไปทุกบ้านเมือง ยังเห็นผู้ใดมีสติปัญญาวิชาการศึกสงครามเป็นอย่างดี
่
่
่
มีอยู่แห่งใดบ้าง ช่วยชักชวนมาให้ข้าพเจ้าสักคนหนึง เหกเต๊กจึงว่า ผู้ซึงเล่า
้
เรียนวิชาศึกนันมีอยู่ชือซุนปินหลานซุนบู๊จู๋ ซุนปินเป็นศิษย์กุยก๊กซินแสคร ู
่
เดียวกับบังก๋วน ทีเขามาเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในท่าน
่
งุยอ๋องจึงถามว่า ซุนปินกับบังก๋วนท่านว่าเป็นศิษย์ครูเดียวกันนัน
้
ผู้ใดจะดีกว่ากัน เหกเต๊กจึงว่า บังก๋วนได้เรียนวิชาการกับกุยก๊กซินแส แต่
้
พิชัยสงครามตามธรรมเนียม แตส�าหรับพิชัยสงครามซนบจแตงไวนัน กยกก
้
๊
ุ
่
๊
ู
่
ุ
๋
ู
ซินแสมิได้ให้เรียน บอกต�ารับซุนบู๊จู๋ให้แต่ซุนปินผู้เดียว ข้าพเจ้าเห็นว่า ซุนปิน
ร้การศึกมากกว่าบังก๋วน ขอท่านจงไปชักชวนซุนปินมาไว้จะได้ช่วยป้องกัน
ู
เลียดก๊ก เล่มที่ 4 1735
้
เขตแดนเมืองท่านจึงจะมีสง่าข้าศึกย�าเกรง งุยอ๋องได้ฟังดังนันก็ยินดี จึงให้
้
แต่งโต๊ะเลียงเหกเต๊ก เหกเต๊กกินโต๊ะแล้วก็ลางุยอ๋องไป
ฝ่ายบังก๋วนแจ้งความว่า เหกเต๊กเข้าไปเฝ้างุยอ๋อง เหกเต๊กทูลสรรเสริญ
้
ซุนปินก็มีใจริษยา ครันเพลางุยอ๋องออกขุนนาง บังก๋วนก็เข้าไปเฝ้างุยอ๋องจึง
้
ถามบังก๋วนว่าเพลาวานนีเหกเต๊กเข้ามาบอกเราว่า ซุนปินเป็นหลานซุนบู๊จู๋ เป็น
ศิษย์กุยก๊กซินแส ครูเดียวกันกับท่านรู้วิชาลึกซึงอยู่ เหตุใดจึงไม่ชักชวนเข้า
้
มาท�าราชการเล่า บังก๋วนจึงว่าซุนปินคนนีเป็นชาวเมืองเจ๋ ครันข้าพเจ้าจะ
้
้
้
้
่
ู
้
่
ุ
ิ
่
ุ
ชักชวนเขามาอยในทาน เห็นจะท�าราชการสจริตไม เบืองหนานานไปซนปนจะ
เอาใจออกหาก ท่านจะติโทษข้าพเจ้าเมือภายหลัง ข้าพเจ้าเห็นเหตุฉะนีจึงมิได้
่
้
้
้
ชักชวนเข้ามา งุยอ๋องจึงว่าผู้ซึงเป็นขุนนางเราตังแต่งชุบเลียงกินเบียหวัดอยู่
้
่
้
่
ทุกวันนี ใช่ว่าจะเป็นชาวเมืองเราสินด้วยกันเมือไร สุดแต่น�าใจสุจริตภักดีต่อ
้
้
้
่
่
ุ
เรา เราก็ชบเลี้ยงใหยศศักดิ์ตามสมควร ถาไมซื่อสัตยตอเราและกระท�าความ
์
้
ผิดต่างๆ เราก็จะให้ลงอาชญาตามโทษ ซึ่งท่านว่าคนเมืองอื่นจะเอาเข้ามาเป็น
ขุนนางใช้ราชการไม่ได้นันเราไม่เห็นด้วย
้
่
้
บังก๋วนได้ฟังดังนัน กิริยางุยอ๋องเห็นจะขัดเคือง จึงว่าซึงท่านจะใคร่
ได้ตัวซุนปินมา ข้าพเจ้าจะมีหนังสือออกไปเชิญซุนปินเข้ามา บังก๋วนก็ค�านับ
ลาออกมาแต่งหนังสือฉบับหนึงกับสิงของทองเงินบรรทุกเกวียน ให้คนสนิท
่
่
คุมออกไปให้แก่ซุนปิน ณ เขากุยก๊ก ขุนนางผู้นันออกไปถึงเขากุยก๊ก จึง
้
่
เข้าไปหาซนปินแล้วแจ้งความว่า บังก๋วนให้ถือหนังสือและน�าสิงของออกมา
ุ
้
้
ให้ ซุนปินได้ฟังดังนันก็ดีใจ จึงรับหนังสือมาฉีกผนึกออกอ่านเนือความใน
หนังสือนันว่า ข้าพเจ้าบังก๋วนน้องท่าน ขอค�านับมายังซุนปินพีท่านให้ทราบ
้
่
ด้วยข้าพเจ้าไปท�าราชการอยู่กับงุยอ๋อง งุยอ๋องก็ชุบเลี้ยงเป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้
่
้
่
สมความคิดแล้ว บัดนีข้าพเจ้าให้ขุนนางคนสนิท คุมสิงของเครืองค�านับทอง
1736 พงศำวดำรจีน
สิบแท่งหนักร้อยบาท เงินพันเหรียญออกมาค�านับเชิญท่านเข้าไปท�าราชการ
้
่
่
ในงุยอ๋อง เราทังสองจะได้เป็นทีปรึกษาหารือกัน ตามค�าทีสัญญาไว้แต่ก่อน
ซุนปินแจ้งในหนังสือดังนั้น ก็เข้าไปค�านับกุยก๊กซินแสแล้วส่งหนังสือ
้
ให้ดู กุยก๊กซินแสอ่านแจ้งความก็น้อยใจ คิดว่าบังก๋วนเป็นศิษย์เราบัดนีเขา
ได้เป็นขุนนางมีหนังสือมาถึงแต่ซุนปิน มิได้ถามข่าวถึงเราผู้เป็นครูบ้างเลย
่
บังก๋วนเป็นคนอกตัญญูไม่ซือตรง ซึงเชิญซุนปินเข้าไปท�าราชการเป็นข้าร่วม
่
้
เจ้าเดียวกันเห็นซุนปินจะมีอันตราย ครันจะห้ามปรามซุนปินไว้ก็เห็นน�าใจซุน
้
ปินสมัครไปอยู่กับงุยอ๋อง กุยก๊กซินแสจึงว่ากับซุนปินว่า บังก๋วนให้มีหนังสือ
้
ออกมาเชิญท่านเข้าไปท�าราชการในเมืองงุยครังนี จงไปเก็บดอกไม้มาให้
้
่
เสียงทายดูจะร้ายหรือดีประการใด
ุ
้
ิ
ู
ุ
ซนปินก็ลาออกมาเก็บดอกไม้ ขณะนันเป็นฤดเดือนสิบสอง ซนปนแล
่
เห็นดอกไม้ทีเก็บมาบูชาครูไว้บนโต๊ะ ก็หยิบเอาดอกเบญจมาศดอกหนึง มา
่
่
ยืนให้กุยก๊กซินแส กุยก๊กซินแสรับดอกเบญจมาศพิเคราะห์ดูแล้วท�านายว่า
ดอกไม้ดอกนีมีผู้หักเสียแล้ว ท่านเอามาหาบริสุทธิไม่ และดอกเบญจมาศมิ
้
์
่
ใคร่จะโรย ถึงกลีบดอกจะเหียวแห้งไปแต่สีดอกไม้นันปรกติอยู่ ท่านจะเข้าไป
้
่
้
้
ท�าราชการกับงุยอ๋องครังนี เห็นจะได้ความล�าบากแทบตัวตาย ต่อเมือใดไป
่
อยู่เมืองเจ๋ท่านจึงจะได้ดี กุยก๊กซินแสจึงเขียนหนังสือฉบับหนึง เข้าผนึกส่ง
ให้ซุนปินแล้วว่า ถ้าถึงทีอับจนจะแก้ไขให้พ้นอันตราย จงเอาหนังสือทีเราให้
่
่
ไว้กับตัวนีออกดู ซุนปินก็รับหนังสือแล้วก็ค�านับลามาขึนเกวียนไปเมืองงุย
้
้
้
๋
ฝ่ายโซจินกับเตียวหงี ครันซุนปินลาอาจารย์ไปแล้ว จึงเข้าไปลากุยก๊ก
ซินแสจะไปท�าราชการให้เป็นเกียรติยศบ้าง กุยก๊กซินแสจึงว่าท่านทังสองนี ้
้
่
เราก็บอกวิชาความรู้ให้เป็นอันมาก หวังจะใคร่ได้ไว้เป็นเพือนจ�าศีลภาวนา
รักษาสัตย์เป็นผู้วิเศษอยู่ในป่ากว่าจะตาย และท่านทังสองนีจะรักใคร่
้
้
เลียดก๊ก เล่มที่ 4 1737
๋
้
์
ทรัพย์สินและยศศักดิสมบัติทังปวงหาต้องการไม่ โซจินเตียวหงีจึงตอบว่า ซึง
่
่
่
้
ท่านกรุณาสังสอนวิชาทังปวงแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก คุณท่านหาทีสุดมิได้ แต่
่
่
้
ู
้
่
่
ุ
ั
ู
้
ขาพเจาคิดเห็นวาจะซอนตัวอยในปาดังนีอปมาเหมือนกระบีอยในฝก หาผใด
่
่
ู
้
่
่
จะรู้ว่าชัวและดีไม่ ข้าพเจ้าจะออกไปท�าราชการให้มีความชอบชือเสียงปรากฏ
่
้
่
ไว้ในแผ่นดินเปรียบเหมือนกระบีออกจากฝักเห็นแก่ตาคนทังปวงว่าชัวและดี
ทุกวันนีปีเดือนวันคืนก็ล่วงไป จะท�าราชการต่อแก่ชราถอยก�าลังเห็นจะท�าไป
้
มิตลอด กุยก๊กซินแสมีความอาลัยนัก ทอดใจใหญ่แล้วว่า ท่านจะไม่เป็น
่
ผู้วิเศษในป่า จะไปท�าราชการเอาทียศศักดิก็ตามใจท่านเถิด กุยก๊กซินแสจึง
์
้
จับยามดูแจ้งความแล้วบอกโซจินว่า ท่านไปท�าราชการครังนีจะได้ดี นานไป
้
๋
้
ภายหลังจะได้ชัว แต่เตียวหงีนันได้ความล�าบากก่อนภายหลังจึงจะได้ดี อัน
่
้
ซุนปินกับบังก๋วนนัน เราพิเคราะห์ดูเห็นจะหาชอบกันไม่ คงจะผูกพยาบาท
กันไปจนสินชีวิต ท่านทังสองจะไปจากเราครังนี อย่าคิดคดประทุษร้ายต่อกัน
้
้
้
้
ถ้อยทีอุปถัมภ์บ�ารุงกันตามควร กุยก๊กซินแสก็หยิบหนังสือต�าราขบวนศึกและ
แผนทีชัยภูมิทังปวงของเกียงจูเหยซึงเป็นเกียงไทก๋ง ครังพระเจ้าบูต๋องแต่ง
้
่
่
้
้
๋
เป็นต�ารับไว้ได้เล่าเรียนสืบมานันให้แก่โซจินเตียวหงีคนละฉบับ แล้วว่าท่าน
จงเอาไว้ส�าหรับตัวเถิดคงจะได้มีเกียรติยศปรากฏในแผ่นดินสืบไป โซจินเตียว
๋
หงีได้ต�าราคนละฉบับก็ค�านับลากุยก๊กซินแสไป
้
ฝ่ายกุยก๊กซินแส ครันโซจินเตียวหงีไปแล้วประมาณสองวัน กุยก๊ก
๋
้
่
ซินแสไม่มีความสบายก็ออกจากเขากุยก๊กเทียวไป ฝ่ายซุนปินครันมาถึงเมือง
่
งุยจึงไปหาบังก๋วน บังก๋วนเห็นซุนปินมาถึงก็ออกมารับ เชิญขึนนังทีสมควร
่
้
้
ทังสองค�านับกันตามธรรมเนียมสนทนาปราศรัยกันเหมือนฉันญาติอันสนิท
แล้วบังก๋วนก็จัดแจงทีอยู่ให้ซุนปินอาศัยหลับนอนป็นปรกติ ครันเพลารุ่งเช้า
่
้
บังก๋วนก็พาซุนปินเข้าไปเฝ้างุยอ๋อง งุยอ๋องจึงบอกซุนปินว่าอาจารย์เหกเต๊ก
1738 พงศำวดำรจีน
่
่
มาเยียมเยียนเรา แล้วสรรเสริญออกชือท่านว่ามีสติปัญญาได้เรียนวิชากลศึก
้
่
กุยก๊กซินแสสังสอนขบวนศึกของซุนบู๊จู๋ให้ท่าน เราจึงให้ไปเชิญมาหวังจะตัง
้
แต่งเป็นขุนนาง ท่านมาถึงเราวันนีเรายินดีอุปมาเหมือนคนกระหายน�าเดินทาง
้
พบหนองน�าอันเย็นใสได้อาบกินเป็นสุข ซุนปินจึงว่าข้าพเจ้าไปอยู่กับกุยก๊ก
้
่
้
ซินแสเหมือนดังคนป่า ซึงท่านกรุณาให้ไปรับมาทังนีคุณท่านหาทีสุดมิได้ จะ
้
่
ขอสนองคุณโดยสติปัญญาและวิชาซึงได้เล่าเรียนมากว่าจะสินชีวิต
้
่
้
งุยอ๋องได้ฟังดังนันยินดีนัก จึงจัดแจงเสือหมวกอย่างดี และสิงของ
่
้
เครืองยศตามธรรมเนียมแขกเมือง ให้แก่ซุนปินแล้วให้ไปอาศัยอยู่ทีกงก๊วน
่
่
เคยรับแขก หวังจะทดลองวิชาและน�าใจซุนปินให้รู้ว่าชัวและดีก่อน จึงจะตัง
้
่
้
่
้
แต่งเป็นขุนนางต่อภายหลัง ซุนปินรับเสือหมวกสิงของแล้วค�านับลาออกมา
อยู่ทีกงก๊วน ซุนปินก็ไปมาหาบังก๋วนมิได้ขาด บังก๋วนจึงแกล้งไต่ถามถึงขบวน
่
่
ิ
ุ
ู
่
้
ศึก ซึงได้เลาเรียนมาครเดียวกัน ซนปนก็วาไปตามต�าราโดยขึนปากขึนใจมิได ้
้
่
่
คลาดเคลือน แต่ต�ารับซุนบู๊จู๋นัน บังก๋วนฟังหาต้องกับทีเล่าเรียนมาไม่ จึง
้
่
ถามซุนปินว่าต�ารับนีท่านได้มาแต่ไหนเล่า ซุนปินจึงว่าต�ารับซุนบู๊จู๋ครูเราแปล
้
่
้
่
้
ข้อความ ซึงไม่แจ้งชีแจงออกให้จะแจ้งสังสอนเรา ให้เล่าเรียนไว้โดยขึนใจ
ข้อความซึ่งแปลออกไป บังก๋วนจะใคร่ได้ต�าราซุนบู๊จู๋ไว้บ้างคิดจะขอก็เห็นซุน
ปินจะไม่ให้ยังเกรงใจซุนปินอยู่
่
ฝ่ายงุยอ๋องครันได้ซุนปินมาไว้ประมาณสีห้าวัน จึงคิดว่าบังก๋วน
้
ช�านาญในการศึกหาผู้ใดเสมอมิได้ อาจารย์เหกเต๊กมาสรรเสริญซุนปินว่าดี
่
กว่าบังก๋วนนัน ยังมิได้เห็นสติปัญญาว่าชัวดีประการใด จ�าจะให้ซุนปินกับบัง
้
้
ก๋วนตังขบวนศึก สอบสวนกันให้ดูประจักษ์แก่ตาก่อน งุยอ๋องคิดแล้วก็พาบัง
ก๋วนกับซุนปินและนายทหารทังปวงออกไป ณ ทีสนามหัดนอกเมือง งุยอ๋อง
่
้
่
้
ิ
่
ิ
้
จึงใหบังก๋วนกับซุนปนจัดแจงตังคายกลขบวนศึก ตามทีบังกวนซุนปนได้เลา ่
๋
เลียดก๊ก เล่มที่ 4 1739
้
เรียนมา บังก๋วนก็ค�านับลาออกมาพาทหารไปตังขบวนทัพต่างๆ แล้วถามซุน
่
ปิน ซุนปินก็บอกขบวนทัพ และขบวนทีจะแก้ไขเอาชัยชนะถูกถ้วนทุกประการ
่
้
้
้
้
บังก๋วนครันตังขบวนศึกตามทีได้เล่าเรียนมาสินแล้ว จึงให้ซุนปินตังขบวนทัพ
ให้แปลกประหลาดออกไป ซุนปินก็ตังขบวนทัพสลับกันมีทีเข้าออกแปดแห่ง
่
้
่
ผิดกันกับขบวนทัพบังก๋วน บังก๋วนมิได้รู้ จึงถามว่าค่ายนีชือใด ซุนปินก็บอก
้
้
่
้
้
๋
ว่าชือเตียนโตปัดบุนติน บังก๋วนแจ้งความแล้วก็เขามาเฝา ทูลชีแจงขบวนทัพ
ซึงซุนปินบอกให้งุยอ๋องฟัง งุยอ๋องส�าคัญว่าบังก๋วนรู้ขบวนทัพของซุนปิน ครัน
้
่
่
ซุนปินตังขบวนค่ายเสร็จแล้ว เข้ามาค�านับงุยอ๋อง งุยอ๋องถามชือขบวนทัพ ซุน
้
ปินก็ทูลบอกค่ายชือเหมือนบอกบังก๋วนทุกประการ
่
้
งุยอ๋องได้ฟังดังนันก็เข้าใจว่า บังก๋วนกับซุนปินรู้ขบวนศึกเหมือนกัน
้
แล้วงุยอ๋องก็พาขุนนางและทหารทังปวงกลับเข้าเมือง บังก๋วนมาถึงบ้านจึงคิด
้
้
ว่าซุนปินรู้การกลศึกลึกซึงกว่าเราเป็นอันมาก เบืองหน้าไปซุนปินได้ท�าศึกชนะ
ุ
ุ
มีความชอบเห็นจะย�ายีเรา จ�าจะคิดอบายหาความผิดทูลยยงให้งุยอ๋อง
่
่
แคลงใจ แล้วจะคิดฆ่าซุนปินเสียให้จงได้จึงจะสินเสียนหนาม อยู่มาวันหนึง
้
้
่
ซุนปินมาหาบังก๋วน บังก๋วนจึงแกล้งไต่ถามว่าแต่ก่อนญาติพีน้องครอบครัว
ท่านอยู่เมืองเจ๋ ท่านไปเรียนวิชากับกุยก๊กซินแสครูเดียวกันกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้า
กับท่านได้สาบานเป็นพีน้องกัน บัดนีท่านมาท�าราชการอยู่ ณ เมืองงุยแล้ว
่
้
้
เหตุใดจึงไม่ไปรับครอบครัวมาเล่า ซุนปินได้ฟังบังก๋วนถามดังนันคิดขึนมาถึง
้
้
ความหลังก็กลันน�าตาไว้มิได้ ร้องไห้พลางพูดกับบังก๋วนว่า แต่ข้าพเจ้ากับท่าน
้
ไปอยู่ครูเดียวกันก็ช้านาน การบ้านเรือนบังเกิดวิบัติข้าพเจ้าก็ยังหาได้เล่าให้
่
้
ท่านฟังไม่ ตัวข้าพเจ้านีเกิดมาเป็นก�าพร้ามารดาตายจากแค่อายุได้สีขวบ ครัน
้
้
อายุเก้าขวบบิดาตาย ซุนเกียวผู้อาเอาไปเลียงไว้เมืองเจ๋ อาข้าพเจ้าเข้ามาท�า
้
ราชการอยู่ในเจ๋จงก๋ง ครันเมืองเกิดวิบัติข้าพเจ้าจึงได้พลัดอา ข้าพเจ้ากับ
1740 พงศำวดำรจีน
่
ซุนเบ๋งซุนไต๋ผู้เป็นพี มิได้รู้ว่าจะไปอยู่แห่งใด แต่ตัวข้าพเจ้าผู้เดียวไปอยู่เป็น
้
่
ศิษย์กุยก๊กซินแส และท่านจะมาถามถึงพีน้องและครอบครัวนัน จะเป็น
ประการใดข้าพเจ้ายังมิได้รู้ บังก๋วนจึงว่าท่านยังคิดถึงบ้านเมืองเก่าและคิดถึง
่
ทีฝังศพบิดามารดาท่านอยู่บ้างหรือหามิได้ ซุนปินจึงบอกโดยซือว่า ข้าพเจ้า
่
ก็เป็นมนุษย์มิใช่สัตว์เดรัจฉาน ก็ย่อมมีความกตัญญูคิดถึงคุณบิดามารดาอย ู่
่
่
อนึงเมือข้าพเจ้าลาอาจารย์ อาจารย์ก็บอกมาว่าให้ไปท�าราชการ ณ เมืองปู่ย่า
ตายายจึงจะได้ดี บัดนีได้มาท�าราชการอยู่ในเมืองงุยแล้ว ก็คงจะสนองคุณ
้
้
่
่
้
่
งุยอ๋องไปกว่าจะตาย บังก๋วนจึงว่าซึงทีว่าทังนีชอบแล้ว อันเกิดมาเป็นชายเมือ
ใจรักจะท�าราชการเมืองไหนๆ ก็ได้เหมือนกัน จ�าเพาะแต่ไปท�าราชการเมือง
ปู่ย่าตายายจึงจะได้ดีเจียวหรือ ซุนปินได้ฟังบังก๋วนว่าดังนันมิได้โต้ตอบ
้
้
่
ประการใด ครันเวลาเย็นก็ลาบังก๋วนไปทีอาศัย
้
ฝ่ายบังก๋วนครันพูดล่อลวงได้ความในซุนปินแล้วคิดจะหาความผิด
่
ซุนปิน จึงแต่งหนังสือฉบับหนึงเป็นหนังสือซุนเบ๋งฝากมาถึงซุนปิน แล้วจึงให้
้
ซือกะเป็นคนสนิทเข้ามากระซิบบอกว่าท่านจงเอาหนังสือนีไปให้ซุนปิน ถ้าซุน
ปินถามท่านจงบอกว่าชือเตงอิดขุนนางเมืองเจ๋ ซุนเบ๋งใช้ให้ถือหนังสือมาถึง
่
ซุนปินรับไปเมืองเจ๋ ซือกะก็รับหนังสือลอบไปหาซุนปิน ครันถึงกงก๊วนจึง
้
เข้าไปค�านับซุนปิน ซุนปินไม่รู้จักจึงถามว่า ท่านชือใดมาแต่ไหนมีธุระสิงไร
่
่
่
หรือ ซือกะจึงแกล้งพูดเป็นชาวตะวันออกบอกซุนปินว่าข้าพเจ้าชือเตงอิด เดิม
อยู่เมืองยิมจู๋ไปเป็นขุนนางอยู่เมืองเจ๋ ซุนเบ๋งใช้ให้ถือหนังสือมาถึงซุนปินผู้
น้อง ณ เขากุยก๊ก ข้าพเจ้าไปหามิได้พบ สืบรู้ว่าซุนปินเข้ามาอยู่ในเมืองงุยจึง
่
ตามมาถาม มีผู้บอกว่าซุนปินมาอาศัยอยู่ทีนี ชือซุนปินคนใดยังมิได้รู้จักตัว
่
่
่
ท่านชือซุนปินเป็นน้องซุนเบ๋งหรือ ซุนปินก็รับว่าเราชือซุนปินเป็นน้องซุนเบ๋ง
่
ซือกะก็ส่งหนังสือให้ซุนปิน ซุนปินฉีกผนึกออกอ่านใจความว่า ซุนเบ๋งพีท่าน
่
เลียดก๊ก เล่มที่ 4 1741
อวยพรมาถึงซุนปินผู้น้องด้วย แต่พลัดพรากจากเมืองมาช้านานมิได้พบกัน
้
่
บัดนีได้มาเป็นขุนนางท�าราชการอยู่เมืองเจ๋แล้วพีมีความอาลัยคิดถึงน้องนัก
้
สืบรู้ว่าน้องท่านมาเรียนวิชาอยู่กับกุยก๊กซินแส จึงให้เตงอิดถือหนังสือมา ครัน
้
น้องท่านรู้หนังสือนีแล้วอย่าให้ไปท�าราชการเมืองอืนเลย เชิญไปท�าราชการ
่
เมืองเจ๋ด้วยกันเถิด
ซนปนแจงความในหนังสือนัน ส�าคัญวาเปนหนังสือซนเบงก็รองไห้ เตง
ุ
้
่
้
็
ุ
ิ
๋
้
อิดเห็นดังนันจึงแกล้งว่าซุนเบ๋งก�าชับสังข้าพเจ้ามาว่าพบท่านแล้ว ให้ท่านรีบ
้
่
เร่งไปหาซุนเบ๋ง ณ เมืองเจ๋ อย่าให้ช้าเดือนวันอยู่ พี่น้องจะได้เห็นหน้ากัน ซุน
ู
ู่
ปินจึงวาข้าพเจ้าได้เข้ามาท�าราชการอย่ในเมืองนี้แล้ว ครั้นจะไปอยเมืองเจ๋เล่า
่
คนทังปวงก็จะนินทาว่าข้าสองเจ้า จะขอท�าราชการสนองคุณงุยอ๋องก่อนจึงจะ
้
ค่อยไปเมืองเจ๋ต่อภายหลัง ซุนปินก็แต่งหนังสือตอบฉบับหนึงใจความตามที ่
่
่
พูดกันกับเตงอิด จึงส่งหนังสือให้เตงอิดแล้วสังว่า ท่านจงกลับไปบอกแก่ซุน
่
เบ๋งพีข้าพเจ้าเถิด ว่าข้าพเจ้าจะท�าราชการอยู่ในงุยอ๋องก่อน ถ้างุยอ๋องไม่ชุบ
้
เลียงแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะคิดอ่านหนีไปหาท่านต่อภายหลัง
ซุนปินจึงให้ทองค�าแก่เตงอิด ไปซื้อจ่ายเป็นเสบียงกลางทาง ซือกะได้
ทองกับหนังสือแล้วลาซุนปินมาหาบังก๋วน จึงเอาหนังสือส่งให้บังก๋วนแล้วเล่า
ความ ซึงซุนปินพูดมานันให้บังก๋วนฟังทุกประการ บังก๋วนได้ฟังก็ยินดีด้วย
่
้
สมคิด จึงคลีหนังสือซุนปินออกอ่านแจ้งความแล้วแปลงปลายหนังสือซุนปิน
่
้
ต่อความออกไปอีกว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้น้องตกอยู่ในเมืองงุย แต่ใจนันคิดถึง
่
เมืองเจ๋ซึงเป็นเมืองบิดามารดาอย่ทกเช้าค�ามิได้ขาด ถ้าเจ้าเมืองเจ๋จะใคร่ได้
ุ
ู
่
้
เรา เราก็คิดจะอ่านหนีจากเมืองงุย ไปท�าราชการด้วยเมืองเจ๋ให้จงได้ ครัน
่
แปลงหนังสือแล้ว ก็เข้าไปเฝ้างุยอ๋อง ณ ทีข้างในจึงกระซิบทูลว่า เมือวันวาน
่
นี้ขุนนางเมืองเจ๋ลอบมาพูดกับซุนปิน ข้าพเจ้าเห็นผิดประหลาด ข้าพเจ้าจึงให้
1742 พงศำวดำรจีน
คนใช้ออกไปคอยอยู่ต้นทางจะไปเมืองเจ๋ คนใช้เห็นขุนนางเมืองเจ๋ออกจาก
่
ซุนปินจะกลับไปเมืองจึงไล่จับตัว ขุนนางเมืองเจ๋วิงหนีไปได้แต่หนังสือตกอย ู่
เอามาให้ข้าพเจ้า เป็นหนังสือซุนปินจะคิดเอาตัวออกหาก บังก๋วนก็ส่งหนังสือ
่
้
นันให้แก่งุยอ๋อง งุยอ๋องคลีหนังสือออกอ่านแจ้งความแล้วส�าคัญว่าเป็นหนังสือ
้
้
ซุนปินจริง จึงว่าซุนปินจะไปอยู่เมืองเจ๋ครังนี เพราะเราชุบเลียงไม่ถึงขนาด
้
บังก๋วนจึงทูลว่าซุนปินคนนี เป็นหลานซุนบู๊จู๋แต่ก่อน ซุนบู๊จู๋เป็นขุนนาง
้
้
นายทหารผู้ใหญ่อยู่ในเมืองหงอ ครันอยู่มาหนีเจ้าเมืองหงอไปอยู่ในเมืองเจ๋
่
้
้
ซึงเป็นเมืองปู่ย่าตายายของซุนบู๊จู๋ ถึงท่านจะเลียงซุนปินขึนให้เป็นขุนนาง
ผู้ใหญ่ ซุนปินก็คงจะหนีไปอยู่เมืองเจ๋เหมือนซุนบู๊จู๋ อันซุนปินคนนีเป็นคนมี
้
สติปัญญา ได้เรียนวิชาการขบวนศึกเป็นอันมาก ถ้าซุนปินได้ไปอยู่เมืองเจ๋
่
ุ
แล้วเห็นจะคมทัพเมืองเจ๋มากระท�าแก่เมืองท่านเป็นมันคง ข้าพเจ้าคิดว่าจะ
้
จับซุนปินฆ่าเสีย จึงจะสินเสียนหนาม งุยอ๋องจึงว่าเราได้ให้ไปเชิญซุนปินมา
้
้
้
แต่เขากุยก๊ก จะชุบเลียงให้เป็นขุนนาง ซึงท่านได้หนังสือมานีก็เป็นแต่หนังสือ
่
้
้
ซุนปินฝากไปถึงพีชาย จะยกข้อขึนว่าซุนปินผิดก็ยังไม่ได้ ครันจะฆ่าเสียคน
่
ทังปวงก็จะพากันนินทา ไปเบืองหน้าผู้ซึงจะมาท�าราชการด้วยนันเห็นจะท้อใจ
่
้
้
้
ต่างคนจะไปอยู่เมืองอื่น บังก๋วนจึงว่าถ้าดังนั้นข้าพเจ้าจะไปถามซุนปินดูก่อน
ถ้าซุนปินออกปากว่า จะสมัครท�าราชการอยู่ในท่านกว่าจะตาย ข้าพเจ้าจึงจะ
มาทูลท่านจงตังซุนปินขึนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ถ้าซุนปินไม่สมัครอยู่กับท่านจะ
้
้
มาลาท่านไปเมืองเจ๋แล้ว ขอท่านจงให้ข้าพเจ้าได้ปรึกษาโทษซุนปิน ถ้าโทษซุน
ปินถึงตาย ฆ่าเสียตามกฎหมายส�าหรับเมืองก็เห็นจะหามีผู้ใดนินทาไม่
งุยอ๋องได้ฟังดังนันก็นิงตรึกตรองอยู่ บังก๋วนก็ลาออกมาบ้าน จึงให้
่
้
่
คนใช้ไปเชิญซุนปินมาแล้ว ถามซุนปินว่าข้าพเจ้าได้ยินว่าพีชายท่านฝาก
้
ุ
ิ
่
หนังสือมาแตบ้านจริงหรือประการใด ซุนปนมิได้ร้วา บังก๋วนจะคิดประทษราย
่
ู
เลียดก๊ก เล่มที่ 4 1743
่
้
ก็บอกความจริงให้บังก๋วนตามเรืองราวในหนังสือนันทุกประการ แล้วว่าทุก
่
้
่
วันนี ข้าพเจ้าคิดจะลางุยอ๋องไปเยียมเยียนพีน้องก็คิดเกรงงุยอ๋องจะมิให้ไป
บังก๋วนจึงว่าเป็นประเพณีพี่น้องอยู่ต่างเมือง คิดถึงกันก็ควรจะไปเยี่ยมเยียน
ซึงท่านเกรงงุยอ๋องจะมิให้ไปนัน อย่าวิตกเลยข้าพเจ้าจะช่วยเพ็ดทูลเบียงบ่าย
้
่
่
้
ซุนปินได้ฟังดังนันคิดว่าบังก๋วนรักโดยสุจริตก็ยินดี จึงว่าถ้าท่านกรุณาข้าพเจ้า
้
่
แล้ว เวลาพรุ่งนีข้าพเจ้าจะท�าเรืองราวเข้าไปทูลลา ซุนปินพูดกับบังก๋วนแล้ว
่
ก็ลากลับมาทีอาศัย ครันรุ่งเช้าซุนปินกันขุนนางทังปวงก็เข้าไปเฝ้างุยอ๋อง ซุน
้
้
่
ปินจึงส่งหนังสือเรืองราวให้งุยอ๋องแล้วทูลลาว่า จะไปท�าบุญเซ่นศพบิดามารดา
ณ เมืองเจ๋
่
่
งุยอ๋องก็อ่านเรืองราวซุนปิน เห็นสมกับค�าบังก๋วนว่าไว้ก็โกรธด่าซุนปินวา
แต่ก่อนเราคิดว่าตัวเป็นคนมีสติปัญญา จึงให้ไปเชิญมาจะตังเป็นขุนนาง ตัว
้
เป็นอกตัญญูไปคบคิดกับขุนางเมืองเจ๋เอาใจออกหากคิดจะหนีไปโดยซึงหน้า
่
เห็นมิพน จึงคิดกลอบายท�าเรืองราวมาลา งยอองจึงสังขนนางใหเอาตัวซนปน
่
ุ
๋
ุ
ิ
้
้
ุ
่
ุ
่
ไปให้บังก๋วนปรึกษาโทษ ขุนนางนายทหารก็คุมตัวซุนปินออกจากทีเฝ้า ไปบ้าน
บังก๋วน
ฝ่ายบังก๋วนนังอยู่บนตึกรับแขก แลเห็นทหารคุมตัวซุนปินมาถึง ก็
่
้
แกล้งท�าตกใจลุกจากเก้าอี พอผู้คุมพาซุนปินมาค�านับ บังก๋วนจึงถามว่าเป็น
เหตุประการใดจึงได้คุมตัวพี่เรามา งุยอ๋องขัดเคืองพี่เราด้วยข้อความประการ
ุ
ุ
ู
ุ
่
ุ
ใดหรือ ผ้คมจึงบอกว่าซนปินท�าเรืองราวเข้าไปกราบทล งยอ๋องโกรธให้คม
ู
ตัวมาให้ท่านปรึกษาโทษ บังก๋วนจึงคิดว่าเราล่อลวงให้ซุนปินทูลลาจนงุยอ๋อง
้
โกรธ จะปรึกษาโทษให้ถึงตาย งุยอ๋องก็จะฆ่าซุนปินเสีย ครันซุนปินตายแล้ว
ต�าราซุนบู๊จู๋ซึงซุนปินได้ไว้ก็จะสาบสูญเสียด้วย จ�าจะคิดอ่านเอาต�าราซุนบู๊จู๋
่
ให้ได้ก่อน จึงจะฆ่าเสียเมือภายหลัง บังก๋วนคิดแล้วจึงว่ากับซุนปินว่า พีมี
่
่
1744 พงศำวดำรจีน
้
โทษแต่เพียงนีอย่าทุกข์ร้อนเลย ข้าพเจ้าจะเข้าไปทูลแก้ไขให้งุยอ๋องคลาย
ความโกรธ บังก๋วนก็ให้ผู้คุม คุมตัวซุนปินไว้ ณ บ้าน แล้วจึงเข้าไปเฝ้าทูลงุย
้
อ๋องว่าซุนปินเข้ามาทูลลาจะไปเมืองเจ๋นัน โทษผิดแต่ไม่ถึงตายขอให้ตัดแต่
้
้
นิวตีนเสียทังซ้ายขวาอย่าให้หนีได้
่
้
งุยอ๋องก็เห็นด้วย จึงว่าซุนปินท�านันถึงทีตัดตีน ก็ให้ตัดตีนเสียตาม
กฎหมาย บังก๋วนก็ค�านับลาออกมาถึงบ้าน บอกซุนปินว่างุยอ๋องเคืองท่านนัก
้
จะให้ฆ่าท่านเสีย เราทูลขอโทษถึงสองสามครัง จึงให้ตัดนิวตีนท่านเสียทังซ้าย
้
้
ขวาตามกฎหมายอย่างธรรมเนียม เป็นกรรมของท่านที่จะทนทุกข์ล�าบาก แต่
ไม่เสียชีวิตก็เป็นบุญของท่านอยู่แล้ว ซุนปินได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่แล้วว่า
่
ขณะเมือข้าพเจ้าลาครมานัน ครก็ท�านายมาว่าจะได้ความล�าบากแทบจะถึง
ู
้
ู
ชีวิต ซึ่งท่านช่วยทูลแก้ไขให้รอดจากความตาย ครั้งนี้ขอบใจท่านนัก ต้องกัน
่
กับค�าครูทีว่าไว้ โทษข้าพเจ้าประการใดก็ท�าตามโทษเถิด
บังก๋วนก็พยักหน้าให้ทหารเอาซุนปินไปมัดมือไพล่หลังไว้กับหลัก แล้ว
่
่
ตัดตีนสักหน้าซุนปินเสียตามโทษ ทหารก็ท�าตามสัง ขณะเมือทหารเอาขวาน
ฟันนิวเท้าซุนปินขาด ซนปินร้องขึนค�าเดียวก็สลบเลือดนิงไป ทหารก็สักหน้า
้
ุ
้
่
ซุนปินเป็นอักษรสีคัว ซุนปินค่อยฟื้นสมฤดีลืมตาขึนได้ บังก๋วนท�าตกใจวิง
้
่
ไปแก้มัดออกร้องไห้รักซุนปิน พลางให้คนใช้เอายามาทาห้ามโลหิตหยุดแล้ว
ให้หามขึนไปไว้บนตึก บังก๋วนปฏิบัติรักษาซุนปินเหมือนดังพีน้องอันสนิท
้
่
้
่
่
ด้วยจะใคร่เกลียกล่อมเอาต�ารับซุนบู๊จู๋ทีซุนปินได้ไว้ อยู่มาประมาณเดือนหนึง
้
่
เท้าซุนปินทีต้องตัดนิวนันหายบาดแผล ซุนปินเป็นคนพิการเดินมิถนัด บังก๋วน
้
ให้กินอยู่เป็นปรกติ วันหนึงบังก๋วนเข้าไปพูดด้วยการขบวนศึกกับซุนปินต่างๆ
่
่
แล้วขอต�ารับซุนบู๊จู๋ ซุนปินเป็นคนซือคิดถึงคุณบังก๋วนว่าได้ปฏิบัติรักษา
พยาบาล จึงว่าท่านจะใคร่ได้ต�ารับซุนบู๊จู๋ซึงแปลแล้วนันข้าพเจ้าก็จะให้แก่ท่าน
้
่