èĀÐùĀÜ×òéèúèśāÐòÿãāø
ëĈśČùöÖúāÓöāðòĈśČôÿïĈðăêŠÜÜāðāéòòâāÐāòèĀÐüŚāè
ศิลป์สถานะ
State of the Art; On Thai Contemporary art
ถนอม ชาภักดี: เขียน
ราคา 480 บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ถนอม ชาภักดี.
ศิลป์สถานะ = State of the Art; On Thai Contemporary art.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2563.
432 หน้า.
1. ศิลปกรรมร่วมสมัย. 2. ศิลปะ. I. ชื่อเรื่อง.
700
ISBN 978-616-301-719-2
© ข้อความในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์
บรรณาธิการอำานวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน์
บรรณาธิการเล่ม : อาทิตย์ มูลสาร
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา นันทนา วุฒิ
หัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษร : สวภัทร เพ็ชรรัตน์
ฝ่ายพิสูจน์อักษร : วนัชพร เขียวชอุ่ม สุธารัตน์ วรรณถาวร
พิสูจน์อักษร : ยุพดี ตันติทวีโชค
รูปเล่ม : Evolution Art
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด เลขที่ 37/145 รามคำาแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต่อ 108
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดจำาหน่าย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด โทร. 0 2728 0939
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID: @gypzy
สนใจสั่งซื้อหนังสือจำานวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำานักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939
์
ศิลปสถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
ถนอม ชาภักด ี
�
คานาสานักพิมพ์
�
�
1
การวิจารณ์
ี
่
ั
ั
้
ิ
ู
ี
้
้
่
ู
้
ี
่
่
์
ิ
สงคมไทยรบรและแยกแยะสงทเรยกวา “การวจารณ” ไดมากนอยเพยงใด ผคนสวน
มากรับรู้หรือไม่ว่า การวิจารณ์ ต่างจากการวิพากษ์ การพรรณนา การด่า การบ่น หรือการ
ซุบซิบนินทาอย่างไร หรือเข้าใจว่าทั้งหมดคือสิ่งเดียวกัน ดังที่มักปรากฏประโยคในท�านอง
ว่า “วิจารณ์อยู่ได้ ลองมาเล่น (มาท�า) เองบ้าง”
ึ
ี
�
ในหนังสือเล่มน้ คงไม่ได้อธิบายความหมายของการวิจารณ์แบบตรงตามตัวคา ซ่ง
�
หากผู้อ่านท่านใดสนใจความหมายของคาว่า “วิจารณ์” สามารถไปค้นในส่อออนไลน์ได้
ื
ไม่ยาก แต่ในหนงสอเล่มน้จะชวนผ้อ่านก้าวข้ามไปในพนท่เชงปฏบตของการวจารณ์ ซง
ู
ั
ิ
ิ
ี
ั
ิ
ี
่
ึ
้
ื
ื
ิ
ท่านจะเห็นว่า การวิจารณ์เปรียบได้ดังกระสุนที่ยิงออกไปโดยหาใช่จะปลิดชีวิตผู้ใดไม่ แต่
เป็นกระสุนแห่งการตื่นรู้ ที่แผดเสียงก้องทั่วนครเพื่อบอกว่า บัดนี้เราทุกคนควรตื่นขึ้นจาก
ึ
ี
�
�
ความเขลาและหวาดกลัวได้แล้ว ทุกท่านลุกข้นมาทาลายม่านมายาแห่งอานาจท่ปิดบัง
สภาพความเป็นจริงของสังคมได้แล้ว กระสุนนัดเดียว นัดนั้นที่ยิงขึ้นฟ้าไม่ฆ่าใครเลย นั่น
แหละ คือการวิจารณ์
ี
กล่าวนามธรรมเสียจนเกินไป หันกลับมาท่หนังสือในมือท่านเล่มน้บ้าง ต้องเรียนตาม
ี
ี
ี
ี
ตรงว่า หนังสือเล่มน้คือหนังสือท่ว่าด้วยการวิจารณ์ศิลปะ ท่ไปไกลกว่าวงการศิลปะ หนังสือ
ี
ี
เล่มน้ไม่ปรากฏภาพศิลปะท่สวยงาม ไม่มีความจริง ความดี และความงามในศิลปะ ไม่กล่าว
�
้
�
ถึงเส้น สี แสง เงา แต่อย่างใด มิหนาซาการวิจารณ์ศิลปะในเล่มน้กลับก้าวข้ามแวดวงศิลปะ
ี
ไปยังพ้นท่ของสังคม การเมือง วัฒนธรรม เศรษฐกิจ กลุ่มทุนหรือนายทุน และความขัดแย้ง
ื
ี
ี
ื
ิ
ในวงการศิลปะ ทุกส่งทุกอย่างเรียงร้อยเช่อมโยงเข้าเป็นฉากแห่งความเป็นไปท่แท้จริงของ
วงการศิลปะที่แสนจะสวยงามตระการตาและตรึงจิตตรึงใจ
เพื่อให้เข้าใจง่ายขออุปมากับวงการฟุตบอล การวิจารณ์ในหนังสือเล่มนี้มองมากไป
ี
กว่าประเด็นท่ว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) กองหน้าแห่งสโมสรฟุตบอล
ี
ลิเวอร์พูล มีความรวดเร็วในการเล่นฟุตบอลอย่างไร ยิงได้ก่ประตูในแต่ละฤดูกาล ท่าทางใน
การส่งบอล เล้ยงบอล หรือย่งบอลเข้าประตูทีมฝั่งตรงข้ามสวยงามอย่างไร หรือ ปอล ปอกบา
ี
ิ
(Paul Pogba) กองกลางแห่งสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะผ่านบอลให้กองหน้า
ดีอย่างไร เปลี่ยนสีผมมากี่ครั้ง ประสบพบเจอกับอาการบาดเจ็บกี่ครั้งในแต่ละฤดูกาลของ
การแข่งขัน ประเด็นในหนังสือเล่มนี้ให้ความสนใจไปไกลกว่านั้น เช่น ท�าไมคนไทยถึงชื่น
ื
ชอบลีกฟุตบอลของอังกฤษมากกว่าลีกของประเทศอ่นๆ, มีนายทุนจากประเทศใดบ้างท ี ่
ไปถือหุ้นในสโมสรฟุตบอลอังกฤษ, แฟนฟุตบอลชาวอังกฤษมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้างกับการท ี ่
�
ี
ี
ซาลาห์นับถือศาสนาอิสลาม หรือการท่ปอกบาต้องเปล่ยนสีผมบ่อยๆ หรือทาตัวให้โดดเด่น
ในวงการฟุตบอลนั้นมีผลมาจากประเด็นเชิงชาติพันธุ์ในสังคมฝรั่งเศสหรือไม่ (ซึ่งอาจไม่มี)
ี
เป็นต้น เช่นเดียวกับหนังสือการวิจารณ์ศิลปะในหนังสือเล่มน้ท่ไม่ได้มองแค่ว่าศิลปินคน
ี
ี
ึ
ี
หน่งวาดภาพ ปั้น หรือคิดสร้างสรรค์ผลงานท่มีความสวยงามอย่างไร แต่ประเด็นท่แวดล้อม
ื
ั
ั
�
ื
ท้งเบ้องหน้า เบ้องหลัง และอานาจทางสังคมต่างๆ ผลักดันให้ศิลปินคนน้นสร้างสรรค์
ผลงานออกมาแบบไหน อย่างไร และมีผลกระทบในเชิงสังคมอย่างไร ตลอดจนสภาพสังคม
ในแต่ละยุคสมัยมีผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินหรือไม่ หรือวงการศิลปะเปล่ยน
ี
ผันไปกับสภาพสังคมอย่างไรบ้าง แม้จะดูเหมือนว่าการวิจารณ์ศิลปะในเล่มนี้จะมีประเด็น
ที่หลากหลายหรือเลื่อนลอย แต่ในความเป็นจริงแล้วการวิจารณ์ศิลปะในหนังสือเล่มนี้วาง
อยู่บนกรอบที่ว่าด้วยนิเวศวิทยาของวงการศิลปวัฒนธรรม ซึ่งจัดวางวงการศิลปะเป็นสิ่งมี
ชีวิตหนึ่งที่ผันแปรไปตามระบบนิเวศของสังคมและวัฒนธรรมในสังคมไทยและสากล
2
ถนอม ชาภักดี
หากกล่าวถึง “การวิจารณ์ศิลปะ” ในสังคมไทย ดูเหมือนว่าจะเป็นอะไรที่อ่อนแรง
แผ่วเบาเสียเหลือเกิน เมื่อเทียบกับฟากฝั่งผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะสมัยใหม่ การวิจารณ์
ี
ศิลปะถูกบรรจุเป็นเพียงรายวิชาย่อยของนักศึกษาศิลปะในสถาบันท่เปิดสอนศิลปะระดับ
อุดมศึกษา และเป็นชั่วโมงเรียนเพียง 1 คาบในรายวิชาศิลปะระดับมัธยมศึกษา ทั้งที่ความ
เป็นจริงแล้วการวิจารณ์ศิลปะควรมีกาลังสูงให้สมดุลกับฟากฝั่งผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ
�
ในสังคมตะวันตกท่เป็นต้นกาเนิดของศิลปะสมัยใหม่น้น สถานะของการวิจารณ์เป็นท้ง
ั
ั
�
ี
ื
ื
แรงเสียดทานให้วงการศิลปะขับเคล่อนพัฒนาไปอย่างต่อเน่อง เป็นตัวเช่อมระหว่างวงการ
ื
ศิลปะกับสังคมและวงการอื่นๆ และเป็นตัวเชื่อมศิลปะให้เข้ากับวัฒนธรรม ความอ่อนแรง
�
ของการวิจารณ์ศิลปะในสังคมไทยทาให้วงการศิลปะหลุดลอยออกไปจากสังคม เช่นกรณ ี
ิ
ศิลปะถูกความศักด์สิทธ์ในเชิงศาสนาช่วงชิงเข้าไปอยู่ในพ้นท่ของตนเอง ดังจะเห็นได้ว่า
ิ
ี
ื
ื
ึ
ั
ี
ศิลปินบางท่านแสดงออกซ่งวัตรปฏิบัติราวกับนักบวชในพุทธศาสนา ท้งท่ศิลปะเป็นเร่อง
ของความคลั่งไคล้ กิเลส ตัณหา
ี
เม่อกล่าวถึง “นัก” วิจารณ์ศิลปะในเมืองไทยท่มีอยู่อย่างน้อยนิด ไม่ว่าจะเป็น
ื
วิรุณ ตั้งเจริญ, อ�านาจ เย็นสบาย, พิษณุ ศุภนิมิตร, ถนอม ชาภักดี, ไพศาล ธีรพงศ์วิษณุพร,
มานิต ศรีวานิชภูมิ และไพศาล เปลี่ยนบางช้าง ในบรรดารายชื่อผู้วิจารณ์ศิลปะที่กล่าวมา
นี้ หลายคนรับบทบาทเป็นทั้งผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะและวิจารณ์ศิลปะไปด้วย (บางคน
เรียกข้อเขียนเกี่ยวกับศิลปะของตนว่าเป็นผลงานวิชาการทางศิลปะเสียด้วย)
ื
ั
ึ
อน่ง ปัจจุบันวงการศิลปะท้งไทยและสากลได้ขยายพรมแดนเช่อมร้อยเข้ากับวงการ
อ่นๆ ไม่ว่าจะเป็นมานุษยวิทยา สังคมวิทยา วัฒนธรรมศึกษา สถาปัตยกรรม รัฐศาสตร์
ื
ี
ั
ื
ื
ปรัชญาและเศรษฐศาสตร์ ดังน้น ในพ้นท่ของการวิจารณ์ศิลปะจึงมีผู้เล่นอ่นๆ เข้ามา
ื
ั
ั
สร้างสีสันและความเคล่อนไหวให้กับวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย แต่ความต้งม่นในการ
ี
ั
ทจะเป็น “นก” วจารณ์คงต้องดกนอกหลายพรรษา หรอจะเข้ามาแค่โฉบและสร้างสสน
ั
ิ
ั
ี
ื
ู
่
ี
เพียงชั่ววูบอึดใจให้วาบหวิวปลิดปลิวดังสายลมแล้งก็หารู้ไม่
ั
ี
ี
ึ
หน่งในผู้ท่เขียนวิจารณ์งานศิลปะในเมืองไทยท่แน่วแน่ ด้นด้นไปเรียนการวิจารณ์
ศิลปะถึงประเทศอังกฤษ มุ่งมั่นเขียนวิจารณ์โดยเลือกยืนอยู่ฟากฝั่งผู้วิจารณ์ ไม่สร้างสรรค์
งานศิลปะแต่อย่างใด ยืนหยัดเขียนวิจารณ์ศิลปะลงนิตยสารและวารสารต่างๆ ตั้งแต่ พ.ศ.
2528 จนถึง พ.ศ. 2557 นับจ�านวนบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษไม่ถ้วน นั่นคือ
“ถนอม ชาภักดี” หรืออาจารย์หนอม ที่หลายคนคุ้นเคย บทความและข้อเขียนของถนอม
ี
ได้เป็นเน้อหาองค์ความรู้ในเชิงประวัติศาสตร์ศิลปะในสังคมไทยให้ผู้ท่สนใจใคร่ศึกษาวงการ
ื
ศิลปะของสังคมไทยท้งในและนอกประเทศได้อ้างอิงความคิดพ้นฐานหลักในการเขียน
ั
ื
วิจารณ์ศิลปะของถนอมมาจากแนวคิด “อุดมการณ์” (Ideology) ดังนั้น ภาษาและจุดยืน
ี
่
ื
ในการวจารณ์ศลปะของถนอมจงเปนไปในลักษณะภาษาทางการเมองทเชอมรอยบรบททาง
ิ
ิ
ึ
ิ
่
ื
้
็
สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังแอบแฝงแสดงจุดยืนทางการเมือง
�
ี
ิ
ในทุกบทความ คุณูปการในส่วนน้ ถือว่ามีความสาคัญเป็นอย่างย่ง ด้วยว่าถนอมแสดงให้เรา
ี
เห็นว่าศิลปะไม่ได้หลุดลอยจากการเมือง สังคม หรือวัฒนธรรม แม้ว่าศิลปินคนท่ถูกวิจารณ์
บางคนจะน�าเสนอตัวเองเป็นนักบวชผู้อยู่ในระดับชั้นทางสังคมที่เหนือการเมืองก็ตาม
อย่างไรก็ตาม บทความวิจารณ์ศิลปะของถนอมนั้นมีอย่างมากมาย ด้วยว่าถนอมได้
เขียนบทความมาอย่างยาวนานร่วม 30 ปี ถนอมเขียนวิจารณ์ศิลปะตั้งแต่ศิลปิน ผลงาน
ศิลปะ กลุ่มศิลปิน การแสดงผลงานศิลปะแบบเดี่ยว (solo exhibition) การแสดงแบบ
กลุ่ม (group exhibition) พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หอศิลป์ เทศกาลศิลปะ ไปจนถึงข่าวความ
ึ
เคล่อนไหวในแวดวงศิลปะ ซ่งถือว่ามีความหลากหลาย ยากแก่การจัดกลุ่มแบ่งประเภท
ื
ปัญหาจึงมีอยู่ว่าหากจะรวบรวมบทความที่ถนอมเขียนไว้มาอยู่ในรูปแบบหนังสือ จะสร้าง
�
ื
ความเป็นเอกภาพของหนังสือได้อย่างไร ทาอย่างไรเน้อหาในหนังสือจะมีประโยชน์และ
สร้างความเข้าใจให้ผู้คนในวงการอื่นๆ นอกเหนือจากแวดวงศิลปะ
หากจะดึงจุดเด่นของบทความวิจารณ์ศิลปะท่ถนอมเขียนมาท้งหมด ท่เด่นชัดคือ
ั
ี
ี
บทความของถนอมอยู่ในฐานะบทบันทึกทางประวัติศาสตร์ของวงการศิลปะในเมืองไทย
ั
ดังน้น หนงสือรวบรวมบทความการวิจารณ์ศิลปะของถนอมจึงเป็นหนังสือในรูปแบบเชงอรรถ
ิ
ั
ประวัติศาสตร์วงการศิลปะของเมืองไทย คุณอ่านแล้วจะเห็นว่า ศิลปินไทยในอดีต แต่ละ
สาย แต่ละกระแส “ปะทะ” และกล้าที่จะ “ถางทางเลือก” อื่นๆ ให้กับวงการศิลปะร่วม
สมัยไทย โดยไม่สนใจไยดีกับภาพลักษณ์ที่ปรากฏในโลกออนไลน์ดังเช่นในปัจจุบัน
“เมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มน้แล้ว คุณจะเห็นว่าปัจจุบันไม่มีอะไรใหม่เลยในวงการ
ี
ศิลปะร่วมสมัยของเมืองไทย”
ขอเชิญ “อ่านถนอม”
สิ้นเมษาฯ 2563
ด้วยมิตรภาพ
ส�านักพิมพ์ยิปซี
�
ความนาวิจารณ์
Perhaps art criticism cannot be reformed in a logical sense because it
was never well-formed in the first place. Art criticism has long been a mongrel
among academic pursuits, borrowing whatever it needed from other field…
James Elkins
นับต้งแต่เข้าสู่วิถีของการวิจารณ์ศิลปะเม่อราวๆ ปลายทศวรรษ 2520 นับจนถึงวันน ้ ี
ั
ื
ท�าให้ตระหนักว่าการเป็นนักวิจารณ์ (ศิลปะ) ในดินแดนที่ถูกขึงพืดด้วยระบบอาวุโส การ
ิ
ี
ั
�
อุปถัมภ์และหมู่มิตรท่ใกล้ชิด รวมถึงระบบสถาบันอันแข็งแกร่งน้น เป็นส่งท่ทาให้ปฏิบัต ิ
ี
ื
การวิจารณ์เต็มไปด้วยท่าทีท่ระมัดระวังเป็นอย่างย่ง ท่หนักไปกว่าน้นอุณหภูมิในการเอ้อ
ิ
ี
ั
ี
�
ั
ต่อการนาเสนอแนวคิดการวิพากษ์วิจารณ์ ท้งมุขปาฐะและข้อเขียนก็ใช่ว่าจะได้รับการ
ี
ตอบรับจากสังคมวงการศิลปะเท่าใดนัก ด้วยเหตุท่กาพืดพ้นเพ วิถีการวิจารณ์ (ศิลปะ) เป็น
ื
�
ยาขมส�าหรับผู้สร้างสรรค์งานศิลปะมาตั้งแต่เริ่มนิยามค�าว่าศิลปะให้กับผู้คนในสังคมนี้
ศิลปะคือนิยามแห่งความดี ความงามที่ถูกตรึงไว้ด้วยการชื่นชม ศรัทธาและเคารพ
อันเป็นเกราะป้องกันให้กับบรรดาผู้สร้างงานท้งหลายท่ทาให้ผู้คนคิดต่างมิอาจละเมิดคาถา
�
ั
ี
ี
ิ
ิ
แห่งความศักด์สิทธ์ทางศิลปะน้ได้ และนิยามนี้ก็ยังแพร่กระจายครอบคลุมมาจนถึงทุก
�
วันน้ เม่อศิลปะมันถูกตรึงไว้ด้วยคาถาน้นก็ย่งทาให้ศิลปะมีช่องว่างและระยะห่างจากวิถ ี
ี
ื
ั
ิ
ประจาวันของผู้คนในสังคมและไม่พึงประสงค์จะเข้าใกล้ในอาณาบริเวณแห่งความดีงาม
�
เหล่านั้น
เม่อศิลปะไม่ได้ผลิตสร้างข้นมาเพ่อตอบสนองต่อการรับรู้ทางอารมณ์และรสนิยมแห่ง
ื
ื
ึ
ื
ี
ึ
ปัจเจกแล้ว การวิจารณ์ก็ไม่อาจจะเกิดข้นได้เพราะการวิจารณ์เป็นพ้นท่ของการแสดงออก
ทางความคิดบนฐานของเสรีภาพ ประชาธิปไตยและสิทธิส่วนบุคคลท่จะช่นชมหรือปฏิเสธ
ี
ื
�
ี
ิ
ั
ี
ื
ต่อส่งท่รับรู้น้นๆ ผ่านการนาเสนอในรูปแบบต่างๆ ท่สามารถเอ้อต่อการวิพากษ์วิจารณ์
ี
ี
่
ั
ได้ แต่วงจรทางศิลปะในดินแดนแห่งความด ความงามน้นกลับขาดหายพนทของการ
ื
้
ี
ื
�
วิจารณ์ไปอย่างไม่มีใครไยดี ปล่อยให้วัตถุทางศิลปะนาเสนอในพ้นท่การแสดงรุดหน้าไป
ื
ี
ปราศจากพ้นท่และบรรยากาศสาธารณะแห่งการวิจารณ์ตกหล่นจากหน้าประวัติศาสตร์
การเคลื่อนไหวทางศิลปะจนยากที่จะตามหา
สภาวะแหว่งว่นทางประวัติศาสตร์ศิลป์ในประเทศไทยท่เต็มไปด้วยเดือนปีของผู้สร้าง
ี
ิ
งาน แต่กลับขาดหายในส่วนบริบทที่เกี่ยวข้องกับการวิพากษ์วิจารณ์ทางความคิดที่ศิลปะ
ยึดโยงกับสังคม วัฒนธรรม การเมืองของผู้คน เป็นสิ่งที่น่าเวทนาและเสียดายอย่างยิ่ง แม้
ี
ึ
�
ี
ผู้เขียนจะพยายามเก็บเก่ยวให้ได้มากท่สุดในช่วงท่เข้าสู่วงจรศิลปะ ซ่งก็ทาได้ตามกรอบ
ี
�
ี
ี
แนวคด ทัศนะและการรับรู้ท่จากัดท่พึงจะเข้าถึงได้ โดยเฉพาะการนาเสนอแนวคดท่เช่อ
ิ
ิ
ี
�
ื
ว่าศิลปะจะหลีกหนีจากบริบททางสังคม การเมือง วัฒนธรรม วิถีชีวิตของผู้คนไม่ได้ กล่าว
ึ
อีกนัยหน่งก็คือ ศิลปะเป็นองคาพยพท่สะท้อนแนวคิดของศิลปินท่สัมพันธ์กับโครงสร้าง
ี
ี
ทางการเมือง สังคมไม่ว่าทางใดทางหน่ง แม้ว่าโดยนัยยะศิลปะจะมีความเป็นเอกเทศก็ตาม
ึ
แต่ความเป็นเอกเทศของศิลปะก็มิอาจหลีกหนีจากสภาวะแวดล้อมของโครงสร้างสังคม
อยู่ดี
ื
ี
จากบทความข้อเขียนเชิงวิพากษ์วิจารณ์ศิลปะท่เช่อมโยงสัมพันธ์กับเหตุการณ์สังคม
การเมือง วัฒนธรรม ต้งแต่ปลายทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา จนถึงทศวรรษ 2550 ท่ผู้เขียนได้
ั
ี
นาเสนอให้เห็นถึงบรรยากาศทางการเมือง ผ่านรูปแบบและนิทรรศการทางศิลปะของกลุ่ม
�
ศิลปะและศิลปินในแต่ละช่วงยุคสมัย เช่น ช่วงทศวรรษ 2520 ที่บรรยากาศทางการเมือง
�
ี
ึ
แบบประชาธิปไตยคร่งใบ ท่นาโดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ท่มาพร้อมกับนโยบาย 66/23
ี
�
ซ่งทาให้บรรยากาศทางการเมืองเร่มผ่อนคลายจากการจับจ้องมาเป็นประนีประนอมและ
ึ
ิ
ิ
ื
แนวทางศิลปะท่เรียกว่า เพ่อชีวิต (เพ่อประชาชน) ก็ยังมีกล่นอายอย่างต่อเน่อง หรือเข้ามา
ื
ี
ื
สู่ทศวรรษ 2530 กระแสโลกาภิวัตน์ถาโถมเข้ามาจนทาให้การโหยหาอัตลักษณ์ เอกลักษณ์
�
�
ของความเป็นไทยอย่างเข้มข้นและศิลปินก็ได้นาเสนอบริบทรูปแบบทางศิลปะตามกระแส
ธารแห่งการไหลรวมทางศิลปะในแบบอย่างต่างๆ อย่างหลากหลายและต่อเน่องมาจนถึง
ื
ทศวรรษ 2550 ที่ศิลปะมิอาจนิยามตัวมันเองได้
การรวบรวมแนวคิดจากบทความในช่วงพ.ศ. ต่างๆ ออกมาในรูปแบบของหนังสือเล่ม
น้ เป็นการมองความเคล่อนไหวทางสังคม การเมือง วัฒนธรรมผ่านกระบวนการสร้างสรรค์
ี
ื
ื
ั
ื
ศิลปะโดยอาศัยพ้นฐานการวิจารณ์ท้งศิลปะและบริบททางสังคมควบคู่กันไปด้วย เช่อว่า
ี
ี
ี
ลายลักษณ์ท่จารึกอยู่ในหนังสือเล่มน้จะช้ให้เห็นถึงมิติทางประวัติศาสตร์ (ศิลป์) ท่เก่ยวข้อง
ี
ี
กับโครงสร้างสังคม การเมือง วัฒนธรรม ในแต่ละช่วง พ.ศ. ในประเทศไทยอย่างไรและ
เป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดแหว่งจากการบันทึกประวัติศาสตร์ (ศิลป์) กระแสหลัก ที่มักจะ
ไม่หยิบยกมากล่าวถึงในหน้าบรรณพิภพทางศิลปะ
ื
ผู้เขียนเช่อม่นอย่างย่งว่า การวิจารณ์ (ศิลปะ) เป็นส่วนสาคัญไม่ต่างจากกระบวนการ
ั
�
ิ
สร้างงานศิลปะและนักวิจารณ์ศิลปะต้องแสดงบทบาทหน้าท่อย่างชัดเจนตรงไปตรงมา แม้
ี
จะต้องเผชิญกับความไม่ปกติทางสังคมการวิจารณ์ก็ตาม ย่งในสภาวะปัจจุบันท่การวิจารณ์
ิ
ี
ื
สามารถส่อสารได้หลายช่องทางและทุกคนก็สามารถปฏิบัติการวิจารณ์ได้ด้วยตัวเองโดย
ั
ไม่เพิกเฉยต่อพันธกิจแห่งปัจเจกและรสนิยมของตัวเองท่ส่งสมมาจากประสบการณ์การ
ี
รับรู้ทั้งมวล
ถนอม ชาภักดี
ฤดูน�้าหลากท่วมภาคอีสาน
4 กันยายน 2562
�
คานิยม
ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และถนอม ชาภักดี
การก่อตัวของรัฐชาติสมัยใหม่มุ่งลดความเป็นส่วนตัวลง คนและรัฐต่างแปลกหน้า
กันแต่ต้องการซึ่งกันและกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ั
ิ
่
การเขยนประวตศาสตร์ อนเป็นกจกรรมทผกสมพนธ์กบรฐอย่างแนบแน่น จง
ี
ั
ู
ั
ึ
ั
ี
ั
ั
ิ
เป็นการกระท�าที่ไม่ต้องการความเป็นส่วนตัว เพราะวินัยของวิชาก�าหนดให้ผู้เขียนท�าการ
วิเคราะห์หลักฐาน ไม่ว่าจะชั้นต้น ชั้นรอง หรือชั้นใดๆ ก็ตามโดยปราศจากอคติ เพื่อจะน�า
มาซึ่งข้อเขียนที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะท�าได้
ี
ี
ั
ู
่
์
ั
ู
ิ
์
ฉะนน การเขยนประวัติศาสตรของผ้ทผกพนกบประวัติศาสตรศลปะจงจาเปนจะตอง
ึ
้
็
�
ั
้
กระท�าด้วยการตัดความเป็นส่วนตัวออก วิเคราะห์ไปที่ข้อเขียนของคนผู้นั้นโดยปราศจาก
�
อคติ และนามาซ่งข้อมูลอันใกล้เคียงกับความเป็นจริงท่สุดเท่าท่จะทาได้ แน่นอนว่าน ่ ี
ี
ึ
ี
�
เป็นการกระท�าของคนส่วนน้อยที่ได้รับการฝึกฝนเท่านั้น
ช่วงปี 2018-2019 มีข้อถกเถียงระหว่างนักวรรณกรรมวิจารณ์ฟรานซิส มุลเฮิร์ล กับ
ึ
ื
ั
โจเซฟ นอร์ธ ว่าด้วยเร่องสถานะของมหาวิทยาลัย ซ่งกลายมาเป็นปราการอันม่นคงของ
�
ั
ั
ี
การสร้างชนช้นปัญญาชนช้นนาและในท่สุดคือการหยุดบทบาททางการเมืองของตนเอง
ั
ื
ลงไป โดยเฉพาะในการมุ่งไปสู่วัฒนธรรมวิจารณ์อย่างหมกมุ่น ท้งยังสลายความเคล่อนไหว
ของการเข้าแทรกแซงทางวัฒนธรรมในพ้นท่ทางการเมืองลง ข้อถกเถียงน้จึงมาสู่คาถาม
ี
ี
ื
�
ใหญ่ของวงการว่า วรรณกรรมวิจารณ์มีไว้เพื่ออะไร หรือจะพูดให้กว้างขึ้นคือ การวิจารณ์
ศิลปะมีไว้เพื่ออะไร
ข้อถกเถียงน้ส่วนหน่งวางอยู่บนบ่าของยักษ์อย่างเรย์มอนด์ วิลเลียมส์ มาร์กซิสต์
ี
ึ
ชาวเวลส์ลูกแรงงานการรถไฟ ที่ยืนยันสปิริตการเข้าแทรกแซงทางการเมือง ยืนกรานเห็น
วรรณกรรมและศิลปะโดยกว้างเป็นการกระท�าทางการเมือง ดังนั้น การวิจารณ์ศิลปะของ
วิลเลียมส์จึงแทบจะไม่มีที่ทางให้กับสุนทรียะ
ื
ในนิยายเร่อง เพลงร�ำลึกบำป (La Symphonie Pastorale) สานวนแปลโดย
�
อาพรรณ โอตระกูล) ของอองเดร ฌีด พระรูปหน่งได้รับอุปการะเล้ยงดูเด็กสาวพิการตาบอด
ึ
�
ี
ั
ั
ั
ี
รุ่นลูกนามแชร์ทรู๊ดเอาไว้ จากน้นความต้งจิตม่นของพระรูปน้ต่อเส้นทางแห่งพระผู้เป็นเจ้า
ก็ถูกท้าทายโบยตีอย่างหนักหน่วง อันเนื่องมาจากเสน่หาที่บังเกิดต่อเด็กสาวคราวลูกที่ทวี
ขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่เสน่หาที่ว่านี้มีลักษณะเช่นไรเล่า พระรูปนี้บันทึกถึงความรู้สึกของตนต่อเด็กสาว
แชร์ทรู๊ดว่า
ึ
ึ
“ข้าพเจ้าบอกกับตนเองว่าแกเป็นเด็กคนหน่ง ความรักท่แท้จริงย่อมปราศจากซ่ง
ี
ิ
ื
ั
ความหลงผดหรอความละอาย ส่วนข้างฝ่ายข้าพเจ้าเองกทาใจให้คดว่า ข้าพเจ้ารกหล่อน
ิ
็
�
ี
แบบคนท่รักเด็กพิการคนหนึ่ง ข้าพเจ้าดูแลเอาใจใส่หล่อนเหมือนคนดูแลรักษาพยาบาลคน
เจ็บ-และเมื่อเริ่มลงมือไปแล้ว ข้าพเจ้าก็รับเป็นภาระทางใจ เป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง ใช่ จริงๆ
แหละ คาวันท่หล่อนพูดกับข้าพเจ้าอย่างท่ข้าพเจ้าได้บันทึกไว้น้น ข้าพเจ้ารู้สึกวิญญาณเบา
�
่
ั
ี
ี
ื
โหวงและแสนจะปีติเต็มต้นเสียจนข้าพเจ้ายังหลงเข้าใจผิดอยู่ต่อไป แม้ในขณะท่ข้าพเจ้า
ี
จดบันทึกข้อความนั้นไว้ และเนื่องจากข้าพเจ้าเคยคิดว่าหากเป็นความรักก็น่าติเตียน และ
ข้าพเจ้าถือว่าทุกสิ่งที่น่าละอายย่อมท�าให้วิญญาณหดหู่ ฉะนั้นเมื่อข้าพเจ้าไม่รู้สึกเป็นบาป
ในใจ ข้าพเจ้าจึงไม่เชื่อว่ามันคือความรัก...”
�
การสารวจตรวจตราตนเองในฐานะผู้อยู่ในเส้นทางสู่การปลดปล่อยเป็นพันธกิจอัน
�
สาคัญท่สุด การออกนอกลู่นอกทางก็คือการกระทาบาป เสน่หาเช่นน้นวางคาบเก่ยวอยู่
ี
ี
�
ั
บนความรักอันต้องห้าม กับความรักต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ก�าลังระทมทุกข์จากความพิกลพิการ
ทางกาย
อองเดร ฌีดใช้สภาวะความอึดอัดในใจของพระรูปนี้ เพื่อตั้งค�าถามต่อความผิดบาป
ของความรู้สภาพความรัก ในขณะเดียวกัน ดวงใจอันเบิกบานของเด็กสาววัยแรกรุ่นก็สุก
เปล่งปลั่งพร้อมจะออกดอกผลแห่งรัก พึงจักต้องถูกควบคุมและจ�ากัดตรวจตราด้วยความ
ี
�
ี
ั
ึ
รู้สึกผิดบาป ซ่งจะติดตรึงตนไปช่วชีวิต ฌีดทาให้ความรักท่คาบเก่ยวกับการทาบาป กับ
�
ความรักต่อเพื่อนมนุษย์กลายเป็นปัญหาใจกลางขัดแย้งของความเป็นมนุษย์ในยุคของเขา
แชร์ทรู๊ดได้พร�่าย�้าๆ ราวกับเป็นการตั้งค�าถาม หรือถือราวกับเป็นการร้องประท้วง
ึ
ว่า หล่อนจาข้อความบทหน่งของนักบุญเปาโล ซ่งมีไปถึงธรรมิกชนในกรุงโรม เพ่อสวด
ื
�
ึ
ยากับตัวเองทุกวันว่า “เม่อก่อนข้าพเจ้าดารงชีวิตอยู่นอกเหนือธรรมบัญญัติ แต่เม่อมีธรรม
้
�
�
ื
ื
บัญญัติขึ้น บาปก็เกิดขึ้น และข้าพเจ้าก็ตาย” (โรม 7:9)
อรรถาธิบายเช่นใดกัน ที่จะมีคุณสมบัติละเมียดละไม มีความระมัดระวังเพียงพอใน
ึ
อันจะตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ โดยมิแสดงตนประหน่งว่าเป็นการประเมิน
หรือแสดงออกซึ่งสัญญาอันไม่เที่ยง โดยธรรมดาจักแปรผันผ่านไปตามเวลาและระยะทาง
ั
อรรถาธิบายเช่นใดกันจะตรึงช่วขณะของความเบิกบาน ความไม่อินังขังขอบ หรือ
แม้กระทั่งความปรารถนาเมื่อมนุษย์ได้เริ่มมีความสัมพันธ์กัน
กวี ศิลปิน นักเขียน ช่างภาพ นักดนตรี และผู้คนจากอีกหลากหลายสาขา ต่างใช้
อาชีพของตนมุ่งแสวงหาอรรถาธิบายดังกล่าวตลอดช่วงชีวิตของพวกเขาและพวกเธอ ต่างใช้
�
เวลาและระยะทางในการซึมซับและทาความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ผ่านผัสสะ
ึ
ี
ื
ท่พวกเขามี หรือเลือกผัสสะด้านใดด้านหน่งเป็นหลัก เพ่อแสดงอรรถาธิบายอันเน่องกับ
ื
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ดังนี้ ผลงานเหล่านี้ตกทอดผ่านกาลเวลามา และคนในรุ่นหลัง
สัมผัสเข้ากับผลงานเหล่าน้ด้วยผัสสะของพวกเขา ซ่งแปรผันผ่านไปตามเวลาและระยะทาง
ึ
ี
โดยธรรมดาเช่นนั้นเอง
การรู้จักกับถนอม ชาภักดี ส�าหรับข้าพเจ้าคือการท�าให้ร�าลึกถึงเสน่หาอันทอดร่าง
คาบเกี่ยวอยู่บนความรักอันต้องห้าม กับความรักต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ก�าลังระทมทุกข์ ศิลปะ
และศิลป์สถานะของถนอม ชาภักดี ท�าให้เห็นสภาวะต้องห้าม สภาวะอันผิดบาป เพราะ
ิ
เขารู้ดีว่าจุดเร่มต้นของการสยบยอมต่อธรรมบัญญัติ อยู่ตรงท่วิญญาณของเราก่อน การ
ี
ท้าทายเพ่อทาให้เห็นชีวิตนอกธรรมบัญญัติ จึงต้องเร่มท่การท้าทายตนเอง และถนอม
ิ
ี
�
ื
ชาภักดี ที่ข้าพเจ้ารู้จักก็ท้าทายตนเองเช่นนั้นเสมอ ผ่านกาลเวลาและระยะทาง
ื
อองเดร ฌีด เคยเขียนเอาไว้ถึงเวลาว่า “นักเขียนผู้ซ่งจะมีช่อเสียงม่นคงยาวนาน
ั
ึ
คงจะมีเฉพาะผู้ที่สามารถท�าให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้เห็นแก่นของสภาวะของการเปลี่ยนแปลง
เพราะเมื่อรุ่นเก่าผลัดใบ รุ่นใหม่ก้าวเข้ามา พวกเขาย่อมมีความหิวกระหายเฉพาะเป็นของ
รุ่นตนเอง”
ถนอม ชาภักดี ท�าให้ข้าพเจ้ากระหายในแบบที่คนรุ่นเขาเคยกระหาย
ปรีดี หงษ์สต้น
สารบัญ
บทที่ 1 ศิลปะสงครามเย็น และสงครามโลกาภิวัตน์ทศวรรษ 2520 - กลางทศวรรษ 2530 19
- เกริ่นน�า; วงการศิลปะในประเทศไทย พ.ศ. 2528 - 2529 20
- การแสดงศิลปะโอกาสทองของยุวศิลปิน 26
- งานแสดงศิลปะไทยร่วมสมัย การประยุกต์ศิลปะไทยให้เข้ายุคสมัย 30
ี
่
ิ
ื
บทท 2 ความเคล่อนไหวทางศิลปะยุคชุลมุน โลกาภิวัตน์กับท้องถ่น(ไม่นิยม) พ.ศ. 2536 - 2540 33
- เกริ่นน�า; โลกาภิวัตน์กับทศวรรษศิลปะในประเทศไทย 34
- หอศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย ความฝันจะเป็นจริงหรือความเพ้อฝัน 38
- ช่องว่างระหว่างศิลปินกับผู้เสพศิลปะ หันหน้ากันคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง 41
- ลายเส้นสู้รูปทรง งานทดลองของการเริ่มต้น (เชียงใหม่ปักหมุด) 44
- ศิลปกรรมร่วมสมัย 2537 ว่าด้วยความเป็นร่วมสมัย (ศิลปะยุคธนาภิวัฒน์ในความเป็นร่วมสมัย) 47
- วิกฤตการณ์ทางศิลปะในรอบขวบปี (2537) 50
ื
ื
- “กรุงเทพนอกคอก” ซ้อรถได้รูป...ยานสู่นิพพาน สุมรวมศิลปินตีนติดดิน สุมรวมคนซ้อรถติดถนน 54
- ศิลปกรรมยอดเย่ยมแห่งประเทศไทย 2537 กับเวทีศิลปกรรมของอาเซียนท่สิงคโปร์ 58
ี
ี
ื
- 5 สล่าล้านนา บททดสอบความเป็นจิตรกรเอกแห่งยุครัตนโกสินทร์กับคล่นลูกใหม่ทางศิลปะ (1) 62
- 5 สล่าล้านนา บททดสอบความเป็นจิตรกรเอกแห่งยุครัตนโกสินทร์กับคล่นลูกใหม่ทางศิลปะ (จบ) 67
ื
- หอศิลป์แห่งชาติ มาตรฐานบนความไม่มีมาตรฐาน 71
- งานแสดงศิลปะประเวณีประเพณี (TRADISEXION) สิทธิและทางเลือกของศิลปินหญิง (ไทย) 75
- นิทรรศการศิลปกรรมร่วมสมัย 2538 ณ เวลาแห่งการโอบอุ้มธรรมชาติและแหงนคอรอจันทร์ 79
- รอยต่อของทัศนศิลป์ระหว่างศิลปะสมัยใหม่กับหลังสมัยใหม่ ข้อเปรียบเทียบยุคข่าวสารใน
สงครามหาเสียงเลือกตั้ง 83
- วงการศิลปะในภาวะไทยพิกฤต (1) ที่หอศิลป์วิทยทรรศน์ 88
- วงการศิลปะในภาวะไทยพิกฤต (2) บริบทของเนื้อหาศิลปะ 92
- เชียงใหม่จัดวางสังคม (1) ในบริบทของศิลปิน ศิลปะ วัฒนธรรมและสังคม 96
- เชียงใหม่จัดวางสังคม (2) ศิลปิน ศิลปะ กับการแก้ปัญหาบนพื้นที่การสร้างสรรค์ 100
- เชียงใหม่จัดวางสังคม (3) ศิลปินกับผลงานที่สร้างสรรค์ 104
- เชียงใหม่จัดวางสังคม (4) ศิลปินกับผลงานที่สร้างสรรค์ 108
- เชียงใหม่จัดวางสังคม (ตอนจบ) ศิลปินกับผลงานที่สร้างสรรค์ 112
- วงการศิลปะ: ว่าด้วยพุทธิปัญญาและรูปปั้น 116
- แนวโน้มทัศนศิลป์ศกใหม่ 2539 มีทั้งย�่าเท้าก้าวกลัวและก้าวกล้า 120
- ความเคลื่อนไหวทางทัศนศิลป์ภายใต้ ‘โครงการเฉลิมพระเกียรติศิลปะแห่งรัชกาลที่ 9’ 124
- บริบทความเป็นศิลปะสมัยใหม่ในอาเซียน: ที่ (เกือบจะ) ไม่มีผลงานของศิลปินหญิงเลย 128
- ศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ (1) มองอนาคตจากผลงานของเขา 131
- ศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ (จบ) มองอนาคตจากผลงานของเขา 134
- สองทศวรรษเดือนตุลาฯ กับสาระเรื่องราวศิลปะแนวการเมือง 137
- ตุลาลัย (BLUE OCTOBER) ภาพจากลานสังหารสู่บริบทของทัศนศิลป์ 141
- ศิลปะกลางซากปรักหักพัง (1) สานกระแสแห่งวัฒนธรรมชุมชนกับคนท�างานศิลปะได้จริงหรือ? 144
- ศิลปะกลางซากปรักหักพัง (2) เมื่อชุมชนทวงถามถึงวัฒนธรรมที่สูญหาย 146
- ศิลปะกลางซากปรักหักพัง (จบ) ผลงานหายแต่ชุมชนมีชีวิต 150
- โครงการชุมชนศิลปะกลางแจ้ง โครงการ 1 (ห้วยขวางเมืองใหม่) 153
- ‘ต๋ามฮีต โตยฮอย สล่าเมือง’ กาดมั่วกับศิลปะร่วมสมัยในพื้นที่เดียวกัน 157
- WOMANIFESTO ค�าประกาศผ่านงานศิลปะที่ MANIFESTO ต้องทบทวน (1) 160
- WOMANIFESTO “ฉันก็แบกโลกไว้ครึ่งหนึ่ง” (2) 163
- WOMANIFESTO บนความมุ่งมั่นและยาวไกล (จบ) 166
บทที่ 3 ผลกระทบในสนามรบโลกาภิวัตน์กับการรุกรับขยับขยายปริมณฑลของศิลปะ
ปี พ.ศ. 2541 - 2548 171
- เกริ่นน�า; เทศกาลและกิจกรรมทางศิลปะระหว่าง พ.ศ. 2541 - 2548 172
- มหกรรมศิลปกรรมแห่งเอเชีย งานแสดงศิลปะกลางแจ้งแข่งป้ายโฆษณา 174
- อีกหนึ่งตัวตน (ALTER EGO) กับการแสวงหาจุดร่วมในอัตลักษณ์ทางศิลปะ (ตัวตนกายา :
การแสวงหาจุดร่วมผ่านงานศิลปะ) 184
- อีกหนึ่งตัวตน (ALTER EGO) กับการแสวงหาจุดร่วมในอัตลักษณ์ทางศิลปะ 187
- ‘หอศิลปะแห่งชาติในสากล’ เสียงผายลมกลางซากปรักหักพังทางความคิด 190
้
ื
�
�
- เมืองมีขา (CITIES ON THE MOVE) (1) มหกรรมการตานาพริกละลายแม่นาภายใต้เง่อนไขทางศิลปะ 193
้
�
- เมืองมีขา (CITIES ON THE MOVE) (2) กับปลาตายที่ไหลตามกระแสน�้าเน่า 196
- เมืองมีขา (CITIES ON THE MOVE) (จบ) 199
ื
- เมืองมีขา (CITIES ON THE MOVE) : ภาคผนวก เม่อหอศิลป์แห่งชาติกลายเป็นเวที CAT WALK
และลาน DISCOTHEQUE 201
- บนความเคลื่อนไหวของศิลปะสิทธิสตรี (Feminist Art) 1 ก่อนเข้าสู่บรรยากาศของงาน
WOMANIFESTO ครั้งที่ 2 204
- บนความเคลื่อนไหวของศิลปะสิทธิสตรี (Feminist Art) 2 บทบาทกลุ่มศิลปิน จากกรุง BONN
ประเทศเยอรมนี 207
- บนความเคลื่อนไหวของศิลปะสิทธิสตรี (Feminist Art) 3 บทบาทของกลุ่ม EVA & CO
จากเมือง GRAZ ประเทศ Austria 210
- บนความเคลื่อนไหวของศิลปะสิทธิสตรี (Feminist Art) 4 ในทัศนะของผู้จัด WOMANIFESTO
ครั้งที่ 2 213
- บนความเคล่อนไหวของศิลปะสิทธิสตรี (Feminist Art) จบ บรรยากาศแห่งงาน ณ สวนสราญรมย์ 216
ื
- ว่าด้วยเรื่องบริบททางทัศนศิลป์ในปรากฏการณ์วัฒนธรรมยุคใหม่ (1) 220
- ว่าด้วยเรื่องบริบททางทัศนศิลป์ในปรากฏการณ์วัฒนธรรมยุคใหม่ (2) 223
- ว่าด้วยเรื่องบริบททางทัศนศิลป์ในปรากฏการณ์วัฒนธรรมยุคใหม่ (3) 226
- ว่าด้วยเรื่องบริบททางทัศนศิลป์ในปรากฏการณ์วัฒนธรรมยุคใหม่ (จบ) 229
- VIRTUAL GALLERY หอศิลปะแห่งรัชกาลที่ 9 231
- NUTS SOCIETY สังคมเต็มไปด้วยสัญญะแห่ง NUTS 234
- รางวัล มนัส เศียรสิงห์ (แดง) RED ART AWARD รางวัลส�าหรับศิลปินที่สร้างสรรค์งานด้าน
สันติภาพประชาธิปไตยและความเป็นธรรม 237
- ศิลปะยุคหลังสมัยใหม่ ยุคแห่งค�าถามและความไม่แน่นอน 241
- ความอ่อนของภาครัฐต่อการสนับสนุนวงการศิลปะมองผ่านการสนับสนุนขององค์กร
ระหว่างประเทศ 243
- คิดอย่างไร? กับหอศิลปะร่วมสมัย 246
- หอศิลป์ร่วมสมัยบริบทไหน? ที่ประชาชนต้องการ 248
- หอศิลปะและนักออกแบบกับผู้บริโภคยุคหีบห่อ 251
- วัฒนธรรมอ�านาจ CURATOR 254
- นิทรรศการศิลปะเพื่อให้เกิดหอศิลป์ร่วมสมัยกรุงเทพมหานคร 257
- หอนิทรรศการศิลปะวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พื้นที่แห่งความหลากหลายทาง
ศิลปวัฒนธรรมของชุมชน 259
- Vinice Biennale ครั้งที่ 50 กับการเข้าร่วมของ Thai Pavilion (1) 262
- Vinice Biennale ครั้งที่ 50 กับการเข้าร่วมของ Thai Pavilion (2) 265
- Vinice Biennale ครั้งที่ 50 กับการเข้าร่วมแสดงศิลปะของประเทศอื่นๆ (จบ) 268
- ASIATOPIA 5 (1) เทศกาลศิลปะการแสดงสดนานาชาติจากศิลปิน 2 Generation 270
- ASIATOPIA 5 (2) เทศกาลศิลปะการแสดงสดนานาชาติจากศิลปิน 2 Generation 273
- ASIATOPIA 5 (3) เทศกาลศิลปะการแสดงสดนานาชาติจากศิลปิน 2 Generation 276
- มุมมองศิลปะภาคประชาชนผ่านศิลปกรรม 30 ปี 14 ตุลา 280
- 1 ปีที่ผ่านมากับอนาคต ความเคลื่อนไหวของศิลปะร่วมสมัย ในปี 2547 283
- เทศกาลศิลปวัฒนธรรมจาก Europe กับความรื่นรมย์ของคนกรุงเทพฯ (1) 287
- เทศกาลศิลปวัฒนธรรมจาก Europe กับความรื่นรมย์ของคนกรุงเทพฯ French Culture (2) 290
- เทศกาลศิลปวัฒนธรรมจาก Europe กับความรื่นรมย์ของคนกรุงเทพฯ French Culture (3) 293
- เทศกาลศิลปวัฒนธรรมจาก Europe กับความรื่นรมย์ของคนกรุงเทพฯ HERE & NOW
ที่ About Caf (4) 296
- เทศกาลศิลปวัฒนธรรมจาก Europe กับความรื่นรมย์ของคนกรุงเทพฯ HERE & NOW
ที่ถนนไมตรีจิตต์ (5) 300
ื
ื
ื
ี
- เทศกาลศิลปวัฒนธรรมจาก Europe กับความร่นรมย์และพ้นท่แห่งความพึงใจจาก ‘คนอ่น’ (จบ) 303
ี
ั
ี
�
ี
- ศิลปกรรมแห่งชาติคร้งท่ 50 กับคาถามข้อท่ 11 คุณรู้หรือไม่? เก่ยวกับศิลปกรรมแห่งชาต ิ 306
ิ
- High Art ปะทะ Pop Art ในผลงานของสมศักด์ รักษ์สุวรรณ ชุด Nude กับหัวโขน (หน้ายักษ์) 309
- Pop Art กับอ�านาจนิยม การปะทะกันในพื้นที่แสดงงาน 312
- ความเคลื่อนไหวทางศิลปะ (ทัศนศิลป์) 2547 กับความแปลกแยกในวงการด้วยกันเอง 315
- กว่าจะเป็นหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 319
- Womb War Wheel (3W) ภาพสะท้อนของเรื่องราวจากศิลปินหญิง (1) 322
- Womb War Wheel (3W) ภาพสะท้อนของเรื่องราวจากศิลปินหญิง (จบ) 325
- Vinice Biennale ครั้งที่ 51 กับศาลาไทย คนตายอยากอยู่ คนอยู่อยากตาย 329
- เทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส 2548 (La Fete) กับแนวคิด French Spring in Asia (Bangkok) 332
ี
- รางวัลศิลปะอมตะ (Amata Art Award - AAA) กับการประกวดแข่งขันแจกรางวัลท่ไม่เป็นอมตะ 336
บทที่ 4 บทส�ารวจและทบทวนหวนระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งศิลปะเฟื่องฟู พ.ศ. 2549 - 2552 341
- น�้าเน่าและเมฆตั้งเค้า: วงการศิลปะช่วง 2549 - 2552 342
- ภาพรวมศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย 2548 ขาขึ้นหรือขาลง... เซ็งๆ และซ�้าซาก 343
- ประติมากรรมกลางแจ้ง Amata Art Award ครั้งที่ 2 347
- ศิลปกรรม ‘น�าสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ครั้งที่ 18 (1) โลกศิลปะของเด็ก กับการประกวดชิงรางวัล 350
- ศิลปกรรม ‘น�าสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ครั้งที่ 18 และงานประกวดอื่นๆ โลกศิลปะของอุดมศึกษา
และประชาชนทั่วไป (จบ) 353
- Little More Sweet, Not Too Sour กับเรื่องราวในผลงานของ 4 ศิลปินหญิง 356
- 60 ปี ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยในประเทศไทย อะไรคือความเป็นไทยในศิลปะ
ของวาระครบรอบ 6 ทศวรรษ (1) 360
- 60 ปี ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยในประเทศไทย อะไรคือความเป็นไทยในศิลปะฯ (2) 363
- 60 ปี ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยในประเทศไทย อะไรคือความเป็นไทยในศิลปะฯ (3) 366
- 60 ปี ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยในประเทศไทย อะไรคือความเป็นไทยในศิลปะฯ (4) 370
- 60 ปี ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยในประเทศไทย อะไรคือความเป็นไทยในศิลปะฯ (5) 373
- 60 ปี ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยในประเทศไทย อะไรคือความเป็นไทยในศิลปะฯ (จบ) 377
- ศิลปะกับการเมือง เรื่องของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 380
ั
ี
- ศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ คร้งท่ 24 กับมุมมองทางสังคม การเมือง วัฒนธรรม (1) 384
ั
- ศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ คร้งท่ 24 กับมุมมองทางสังคม การเมือง วัฒนธรรม (2) 388
ี
ี
- ศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ คร้งท่ 24 กับมุมมองทางสังคม การเมือง วัฒนธรรม (จบ) 392
ั
- ต้มย�าปลาดิบ : นุ่งผ้าไหมใส่ชุดกิโมโน ภาพสะท้อนทางศิลปะและวัฒนธรรมของสองฟากฝั่ง
ผ่านกระบวนการทางนิทรรศการ 396
- ต้มย�าปลาดิบ : นุ่งผ้าไหมใส่ชุดกิโมโน ภาพสะท้อนทางศิลปะและวัฒนธรรมของสองฟากฝั่ง
ผ่านกระบวนการทางนิทรรศการ (จบ) 401
- 10 ปี เอเชียโทเปีย (2541-2551) ทศวรรษการเปลี่ยนผ่านของศิลปะการแสดงสด
ในประเทศไทย (1) 405
- 10 ปี เอเชียโทเปีย (2541-2551) ทศวรรษการเปลี่ยนผ่านของศิลปะการแสดงสด
ในประเทศไทย (จบ) 409
ื
ี
- รอยย้มสยามในนามบททดสอบพ้นท่การแสดงศิลปะ ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (1) 413
ิ
ี
- รอยย้มสยามในนามบททดสอบพ้นท่การแสดงศิลปะ ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (2) 417
ิ
ื
- รอยย้มสยามในนามบททดสอบพ้นท่การแสดงศิลปะของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (จบ) 420
ิ
ื
ี
- 30 ปี ศิลปะกลุ่มกังหัน (2521-2551) ภาพสะท้อนแนวคิดทางศิลปะจากยุคซ้าย-ขวา
ถึงยุคเหลือง-แดง 424
- มองภาพกรุงเทพฯ ผ่านผลงานทัศนศิลป์จากนิทรรศการศิลปะ ‘กรุงเทพฯ 226’ 428
- ข้อสังเกต เหตุแห่งการวิจารณ์ 431
่
บทที 1
ศิลปะสงครามเย็น
และสงครามโลกาภิวัตน์
ทศวรรษ 2520-กลางทศวรรษ 2530
20
�
ิ
เกร่นนา;
วงการศิลปะในประเทศไทย พ.ศ. 2528–2529
ั
�
การเปล่ยนแปลงโครงสร้างทางศิลปวัฒนธรรมไทยประเทศไทยน้นไม่ได้ดาเนินไป
ี
ี
ื
อย่างอิสระ แต่บริบทและรูปแบบเหล่าน้เคล่อนไหวอยู่ภายใต้กรอบของรัฐและสถาบัน
ส�าคัญๆ เข้ามามีบทบาทในการชี้น�าตามความประสงค์ที่จะใช้กระบวนการเคลื่อนไหวทาง
ศิลปะมารับใช้กลไกทางอานาจ แม้ว่าในบางช่วง พ.ศ. จะมีความผ่อนคลายทางการเมืองลง
�
ั
ั
ไปบ้าง แต่ถึงกระน้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ศิลปะภายใต้มุมมองสอดส่องสนับสนุนจากรัฐน้น
ยังแข็งแกร่งยากที่จะสลัดหลุดไปได้ ดังจะเห็นจากความเคลื่อนไหวในช่วงทศวรรษต่างๆ
ในช่วงทศวรรษที่ 2500 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีการสนับสนุนการท่องเที่ยว
ประเทศไทย น�ามาสู่การขยายตัวของโลกศิลปะไทยสมัยใหม่เป็นอย่างมาก มีชาวต่างชาติ
ื
ื
เดินทางเข้ามาในประเทศมากข้น มีหอศิลป์และการแสดงงานเพ่อให้ชาวต่างชาติได้ซ้อ
ึ
งาน โดยเฉพาะภาพชนบทไทย ภาพวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ของไทย เรื่องราวทางพุทธ
ิ
ศาสนา และในขณะเดียวกันในสมัยจอมพลสฤษด์ก็ได้มีการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์และส่งเสริม
บทบาทของพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของชาติ สนับสนุนฟื้นฟูพระราชพิธีต่างๆ และ
ศิลปกรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งของการกระจายภาพของกษัตริย์ด้วยเช่นกัน
ั
ั
ั
�
ู
ิ
ี
ในช่วงทศวรรษท่ 2510 ในสมยรฐบาลจอมพลถนอม กตติขจรเป็นผ้นารฐบาล
บรรยากาศทางการเมืองยังอยู่ภายใต้การปกครองแนวคิดเผด็จการชาตินิยมอย่างเหนียว
ี
ี
�
แน่น ประกอบกับความหวาดกลัวต่อภัยคอมมิวนิสต์ท่กาลังคุกคามเข้ามาในภูมิภาคน้อย่าง
รอบด้าน ในขณะเดียวกันแนวคิดเสรีนิยมจากตะวันตกได้ส่งผลให้นิสิตนักศึกษา ประชาชน
ึ
�
ลุกข้นมาประท้วงเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง จนนาไปสู่เหตุการณ์
ประท้วงใหญ่ในช่วงเดือนตุลาคม 2516 และหลังจากนั้น 3 ปีก็เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง
ี
ั
ทางการเมืองอีกคร้ง ในช่วงเดือนตุลาคม 2519 หลังจาก 2 เหตุการณ์น้ได้ทาให้บรรยากาศ
�
ทางการเมืองท่ตึงเครียดได้ผ่อนคลายจากความเป็นเผด็จการลงไป และทาให้บรรดาศิลปิน
ี
�
ื
ได้แสดงเน้อหาแนวคิดทางศิลปะท่สะท้อนเร่องราวของผู้ยากไร้ในสังคม ท่เรียกว่าศิลปะ
ื
ี
ี
เพื่อชีวิต ซึ่งเป็นแนวคิดในหนังสือศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชาชน ของจิตร ภูมิศักดิ์
(ทีปกร) (2515:220) ดังนิยามที่ว่าศิลปะเพื่อประชาชนคือศิลปะที่ซื่อสัตย์ต่อสภาพความ
เป็นจริงแห่งชีวิตของมวลชนผู้ทุกข์ทรมานในสังคมอันอยุติธรรม
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
21
หนังสือเล่มน้ได้ส่งผลต่อการสร้างงานและแนวคิดให้กับกลุ่มศิลปินและศิลปินไม่มาก
ี
ี
ื
�
ก็น้อยท่มีความสนใจในแนวทางศิลปะเพ่อชีวิต จนกลายเป็นกระแสศิลปะสาคัญของการ
ื
เคล่อนไหวในช่วงดังกล่าว เช่นศิลปินกลุ่มธรรม (2514) นาโดยประเทือง เอมเจริญและ
�
กลุ่มกังหัน (2521) ศิลปินกลุ่มอีสาน (2526) ศิลปินอิสระ เช่น โชคชัย ตักโพธิ์, ธรรมศักดิ์
ั
บุญเชิด, สุขสันต์ เหมือนนิรุทธ์, จ่าง แซ่ต้ง นอกจากน้นยังมีหอศิลป์ พีระศรีเปิดตัวในปี พ.ศ.
ั
2517 ที่ซอยอรรถสิทธิ์ สาทรใต้ กรุงเทพฯ พื้นที่แสดงศิลปะแห่งนี้เป็นพื้นที่ส�าคัญต่อการ
่
ั
ิ
�
้
แสดงผลงานศลปะในช่วงนนทเปิดกว้างให้ศลปินได้นาเสนอผลงานของตนในหลากหลาย
ิ
ี
ื
เน้อหาและรูปแบบ แม้จะมีความผันผวนทางการเมืองก็ตาม ดังเช่นการแสดงผลงานของ
ิ
กลุ่มธรรม นาโดย ประเทือง เอมเจริญ, วิโรจน์ นุ้ยบุตร, สันติ อิศโรวุธกุล, ธรรมศักด์ บุญเชิด,
�
ั
�
นิติ วัตถุยา, ดารง วงศ์อุปราช, จุมพล อภิสุข, จ่าง แซ่ต้ง จนสุดท้ายหอศิลป์ พีระศร ี
ต้องปิดตัวลงเมื่อ พ.ศ. 2531 ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ไหลบ่าเข้ามา
ิ
ิ
่
ี
บริบทและรูปแบบของงานศลปะทเกดในช่วงหลังเหตการณ์มหาวิปโยคกลาง
ุ
ั
ื
มหานครท้ง 2 เหตุการณ์น้น จะเห็นว่าแวดวงศิลปะจากสถาบันต่างๆ ได้ต่นตัวมากกับ
ั
กระแสแนวคิดสัจนิยม (realism) และสัจนิยมแนวสังคมนิยม (socialist realism) แนวคิด
ี
ทางศิลปะเหล่าน้ได้ไหลรวมมาพร้อมกับแนวคิดทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม อันเป็น
แนวคิดเสรีนิยม ประชาธิปไตย สังคมนิยมและคอมมิวนิสต์ ที่ก�าลังแพร่หลายอยู่ในแวดวง
ั
ั
นักวิชาการของไทยในยุคน้น พร้อมกันน้นผลงานหนังสือวรรณกรรมของจิตร ภูมิศักด ิ ์
ั
ั
ิ
รวมทงผลงานของนกคด นกเขยน และนกปฏวตร่นใหม่กเรมทยอยออกเผยแพร่ส่สายตา
ู
ี
่
ิ
ุ
็
ั
้
ั
ิ
ั
ิ
การรับรู้ของคนหนุ่มสาวที่ค้นหาสัจจะชีวิต ยุคที่การขับเคี่ยวทางความคิดแบบสังคมนิยม
ี
ั
่
�
ั
ิ
ั
ุ
ุ
กบทนนยมกาลงเปิดเวทสัประยทธ์กนอย่างเอาเป็นเอาตาย อนเป็นทมาของฝ่ายซ้ายและ
ี
ั
ฝ่ายขวาและพัฒนามาเป็นการเล่นสัญญะเสื้อเหลืองเสื้อแดงในช่วงทศวรรษ 2550
ี
เวทีทางความคิด และการแสดงออกทางศิลปะได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ท่ศิลปินได้
สร้างสรรค์ผลงานสะท้อนวิถีชีวิตของชาวนา กรรมกร ผู้ยากไร้ และการต่อสู้กับอานาจ
�
ั
เผด็จการได้แพร่หลายขยายวงกว้างออกไปทุกภูมิภาค รวมท้งมีการต้งกลุ่มชมรมข้นมา
ึ
ั
มากมายเพื่อรองรับแนวคิดและกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมของตน ประหนึ่งว่าเป็นสนาม
แห่งการปะทะความคิดและรูปแบบศิลปะเพื่อชีวิต เพื่อประชาชน กับศิลปะเพื่อศิลปะ ไม่
ว่าจะเป็นกลุ่มธรรม (2514) กลุ่มไวท์ (2524) กลุ่มศิลปินไทย (2523) กลุ่มล้านนา (2521)
กลุ่มกังหัน (2521) กลุ่มอีสาน (2526) กลุ่มตะวันตก (2526) ฯลฯ ซึ่งกลุ่มก้อนทางศิลปะ
ี
ี
ึ
เหล่าน้ล้วนแต่เป็นผลพวงท่เกิดข้นจากกระแสความคิด ทัศนคติ ท่มีต่อสังคมวฒนธรรม
ี
ั
การเมืองที่ก�าลังขับเคี่ยวขันเกลียวกันอยู่ในช่วงก่อนและหลังเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
ถนอม ชาภักดี
22
เดือนตุลาคมทศวรรษ 2510 ได้ไม่นาน
ปัจจัยส�าคัญที่ท�าให้ศิลปะผลิบานขึ้นมา ก็ด้วยเหตุที่สังคมมีประชาธิปไตย ผู้คนใน
สังคมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิด ทัศนะทางการเมือง สามารถวิพากษ์
วิจารณ์ความไม่ชอบธรรมทางสังคม ผู้คนยากไร้ได้ลืมตาอ้าปากแสดงความเป็นตัวตนใน
ี
ี
ั
ื
ึ
สังคมมากกว่าสงคมท่มการปกครองแบบเผด็จการทหาร ซงการแสดงออกตามสิทธิพลเมอง
่
ในสังคมประชาธิปไตยนั้น ผู้คนสามารถสะท้อนบริบทเรื่องราวของตนผ่านเครื่องมือกลไก
ต่างๆ เพื่อที่จะส่งสื่อให้ผู้คนในระดับสังคมต่างๆ ได้รับรู้เข้าใจ และตระหนักถึงความเป็น
คนในสังคมมากขึ้น
ึ
ี
สาหรับการเปล่ยนแปลงทางศิลปะท่เกิดข้นในประเทศไทย ใช่ว่าจะเป็นไปอย่าง
ี
�
โดดๆ ปัจจัยภายนอกไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรืออเมริกา ก็ส่งผลต่อความคิดของศิลปินไทยท ี ่
สามารถเรียนรู้สื่อสารกันได้ทั่วโลก กล่าวคือในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงภาวะหัวเลี้ยว
ั
ี
�
หัวต่อของการเปล่ยนแปลงในมิติต่างๆ น้นกระแสของนักศึกษาประชาชนท่วโลกก็กาลัง
ั
ปะทุประท้วงสงครามจากมหาอานาจท่คุกคามไปท่วภูมิภาคของโลก เช่นเดียวกับศิลปะแนว
ี
�
ั
คิดใหม่ๆ ก็ถูกคิดค้น ทดลองออกไปสู่สาธารณะเพื่อร่วมขบวนกับพลังทางสังคม ไม่ว่าจะ
เป็น Conceptual Art, Happening Art, Video Art, New painting, Installation Art,
�
Socialist Realism ฯลฯ ก็กาลังแพร่หลายเข้ามามีอิทธิพลต่อแนวคิดการทดลองสร้างสรรค์
ในสถาบันการศึกษาศิลปะของไทยอย่างคึกคัก ศิลปินที่ได้ไปศึกษาจากยุโรป หรืออเมริกา
ต่างก็นาแนวคิดขนบใหม่ๆ มาเปิดพ้นท่การแสดงให้ผู้คนในแวดวงศิลปะ และประชาชน
ื
ี
�
ผู้สนใจ ได้รับรสสุนทรีย์ศิลปะแบบใหม่ๆ พร้อมทั้งได้เปิดพื้นที่การเรียนรู้ทดลอง วิพากษ์
วิจารณ์สังคมวัฒนธรรมผ่านผลงานศิลปะของตัวเอง ท้าทายกฎเกณฑ์หลักการเก่าๆ ท ี ่
ยึดถือกันมานานหลายทศวรรษ
ื
จะเห็นว่าช่วงทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา ศิลปินคล่นลูกใหม่ ได้ซึมซับ ต่อยอด สืบทอด
ั
ความคิดคตินิยมจากการเปล่ยนแปลงทางสังคมท้งในและนอกประเทศ ได้สร้างสรรค์
ี
ผลงานที่เป็นประจักษ์ต่อสาธารณชน ทั้งรูปแบบแนวคิดเนื้อหาใหม่ๆ เช่น ผลงานของกมล
ทัศนาญชลี, ลาวัณย์ อุปอินทร์, วิโชค มุกดามณี, มณเฑียร บุญมา, ปัญญา วิจินธนสาร,
เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, จุมพล อภิสุข, อภินันท์ โปษยานนท์, กมล เผ่าสวัสด์, อารยา
ิ
�
ราษฎร์จาเริญสุข, กัญญา เจริญศุภกุล, วสันต์ สิทธิเขตต์ ฯลฯ นอกเหนือจากการเปล่ยนแปลง
ี
ี
ี
ิ
ดังกล่าวแล้ว ในส่วนของการศึกษาศิลปะก็เร่มได้คล่คลาย ปรับเปล่ยนกระบวนทัศน์ทางการ
ศึกษาศิลปะท่แตกต่างไปจากแนวคิดศิลปะหลักวิชาเดิมๆ ไปสู่แนวทางการศึกษาศิลปะเชิง
ี
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
23
สังคมชุมชน ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น
ี
ื
ปัจจัยส�าคัญท่กระตุ้นให้เกิดความเคล่อนไหวทางศิลปะในแนวคิดรูปแบบเทคนิค
ี
ื
ั
แบบใหม่ รวมท้งการสถาปนาพ้นท่ทางศิลปะ ผู้อุปถัมภ์ใหม่ (เอกชน) แสดงตัวออกมา
อย่างหลากหลายในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2520 จนถึงช่วงทศวรรษที่ 2540
ื
น้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเง่อนไขของกระแสโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ บรรยากาศการเมือง
ั
ั
ประชาธิปไตยแบบลักปิดลักเปิด และวัฒนธรรมแบบสุกๆ ดิบๆ ของไทยในขณะน้นเป็น
แรงส่งสนับสนุนให้บรรดาศิลปินได้แสดงพลังสร้างสรรค์ของตน ตอบสนองต่อการแสดง
ผลงานตามพื้นที่ และช่องทางต่างๆ ที่เปิดกว้างรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งก่อนหน้านั้นทั้งช่อง
ั
่
ื
ั
่
ี
ิ
ทางของพ้นทการแสดงแข่งขนมีอย่ไม่กแห่ง ถ้าไม่นบรวมการแสดงศลปกรรมแห่งชาตก็ม ี
ู
ิ
ี
การประกวดศิลปกรรมของธนาคารกรุงเทพ และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ที่ถือธงมา
ตั้งแต่ปี 2517 แต่พอช่วงทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา การปรากฏของพื้นที่ศิลปะก็เกิดขึ้น
อย่างมากมายโดยเฉพาะผู้อุปถัมภ์ใหม่จากภาคเอกชน ท้งจากกลุ่มทุนทางการเมืองภาค
ั
อุตสาหกรรม และทุนทางเลือก เป็นต้น
ในปี 2522 ก็มีการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัยสนับสนุนโดยธนาคารกสิกรไทย และ
ในปีเดียวกันก็มีกระแสศิลปะทางเลือกเกิดข้น ท่แตกต่างไปจากศิลปะกระแสหลัก โดยมีกลุ่ม
ี
ึ
แนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทยได้จัดการแสดงศิลปกรรมแห่งประเทศไทยข้นมาเสมือนหน่ง ึ
ึ
เป็นการขับแข่งคู่ขนานกับการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ
�
ิ
้
ั
ู
�
ุ
ิ
ศลปกรรมแห่งประเทศไทยดารงอย่ได้ไม่นานจาเป็นต้องยตบทบาทลงไปทงๆ ท ี ่
ี
วงการศลปะในบ้านเราต้องการพนทการแสดงในลกษณะนมากกว่าการประกวดแข่งขน
้
้
ิ
ี
่
ั
ั
ื
ึ
ชิงรางวัลและในช่วงปลายทศวรรษก็มีการประกวดศิลปะรุ่นเยาว์ข้นในปี 2527 ถัดมา
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยก็จัดการประกวดศิลปกรรม ปตท. ขึ้นในปี 2529
บรรยากาศของการขับเคลื่อนทางศิลปะในช่วงทศวรรษที่ 2530 นั้น ใช่ว่าจะคึกคัก
เอาเฉพาะที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ในระนาบพื้นที่อื่นๆ ก็ขับขานบรรเลงเพลงศิลป์ในรูปแบบ
และเนื้อหาใหม่ๆ ไม่แพ้กัน เพียงแต่เป็นการก่อเกิดขึ้นของปัจเจกศิลปิน ไม่ได้ด�าเนินการ
ั
ุ
ไปในลกษณะของเทศกาลงานศลปะอยางเชนทเมองหลวง ปจจยสาคญททาใหอณหภมของ
้
ี
่
�
�
ี
่
่
่
ิ
ื
ั
ู
ั
ั
ิ
ึ
ี
การขับเคล่อนทางศิลปะกาลังคึกคักเบ่งบานข้นในช่วงทศวรรษน้สาเหตุหน่งก็มาจากกระแส
�
ึ
ื
เศรษฐกิจยุคฟองสบู่บวกกับกระแสโลกาภิวัตน์ในมิติต่างๆ ไหลทะลักท่วมท้นท่วท้งแผ่นดิน
ั
ั
จนเป็นเหตุให้เกิดการเติบโต ผลิดอกออกผลทางศิลปะควบขับไปกับกระแสความเคล่อนไหว
ื
ของศิลปะโลกด้วย ซึ่งไม่แปลกที่พวกเราจะได้เห็นผลงานศิลปะในแนวคิดรูปลักษณ์ใหม่ๆ
ถนอม ชาภักดี
24
ี
ั
ื
เกิดข้นไม่ว่าจะเป็น Installation, Performance, Video ฯลฯ รวมท้งศิลปินท่ใช้ส่อ
ึ
ื
ผลงานทางศิลปะสะท้อนเน้อหา เร่องราว เสียดสี วิพากษ์วิจารณ์สังคม การเมืองวัฒนธรรม
ื
ึ
ิ
ิ
้
่
ิ
ุ
ุ
็
้
่
้
่
อยางเปดเผยและเปดกวางมากขน เปนตนวาผลงานของศลปินกลมอกกาบาต (2535) หรอ
ื
ผลงานของประสงค์ ลือเมือง, ปริทรรศ หุตางกูร, ศุภชัย ศาสตร์สาระ, โฆษิต จันทรทิพย์,
ู
ี
ิ
็
ิ
ิ
ั
ั
ชาตชาย ปยเปีย ฯลฯ เช่นเดยวกนกบบทบาทของศลปินหญงกเดนเคยงค่ขนมาในพนท ่ ี
ื
ุ
ิ
ี
ึ
้
้
การแสดงอย่างมากมาย ในนามการแสดงผลงานศิลปะของศิลปินหญิงล้วนๆ ภายใต้ช่อ
ื
�
Womenifesto ท่เป็นการรวมกลุ่มของศิลปินหญิงเพ่อนาผลงานมาแสดงให้เห็นตัวตน
ี
ื
ื
สัจจะประกาศของความเป็นผู้หญิงผ่านผลงานศิลปะดังเช่นผลงานของนิตยา เอ้ออารีวรกุล,
�
จิตติมา ผลเสวก, นพวรรณ สิริเวชกุล, สุโรจนา เศรษฐบุตร, อารยา ราษฎร์จาเริญสุข,
พิณรี สัณฑ์พิทักษ์, ไขแสง ปัญญาวชิระ, กัญญา เจริญศุภกุล, นพรัตน์ โชคชัยชุติกุล ฯลฯ
ั
รวมท้งศิลปินต่างประเทศก็ได้มาร่วมสร้างคาประกาศในคร้งน้นด้วยเช่น Amada Heng,
ั
�
ั
Inge Broska, Regina Hellwing-SChmid, Dorisjauk-Hinz, Tari Ito จะเห็นว่าบรรยากาศ
ทางศิลปวัฒนธรรมในช่วงทศวรรษที่ 2530 ได้สร้างสรรค์พื้นที่ทางศิลปะของประเทศไทย
่
็
ุ
ุ
ิ
ั
ให้ดราวกบเป็นจดเรมต้นการเคล่อนไหวทางศิลปะท่งดงามยงและศิลปินรนใหม่กได้ทดลอง
ู
่
ิ
ี
่
ื
ผลงานของตัวเองอย่างท้าทาย
อ้างอิง
ทีปกร (นำมแฝง). ศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชำชน, กรุงเทพฯ. สนพ.หนังสือ: 2515
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
25
“ด้วยรักและหลอกฟัน” ผลงาน Performance Art ของ โฆษิต จันทรทิพย์
ในงานศิลปะเทศกาลเชียงใหม่ จัดวางสังคม เทศบาลนครเชียงใหม่ พ.ศ. 2539
ถนอม ชาภักดี
26
การแสดงศิลปะ
โอกาสทองของยุวศิลปิน
ื
ื
ั
คล้อยหลงเม่อปี 2522 วงการศิลปะในประเทศไทยฮือฮาพอสมควรเม่อคณะ
กรรมการศิลปกรรมแห่งประเทศไทยเปิดการแสดงงานศิลปกรรมท่ไม่อยู่ในกรอบและ
ี
ึ
ึ
มาตรฐานของความเป็นแห่งชาติได้ สร้างผลสะเทือนข้นอย่างมากกับหมู่ชนศิลปิน ซ่ง
ี
ิ
ี
ื
ี
ช้ให้เห็นถึงแนวคิดพ้นฐานของศิลปะท่ว่า “ศิลปะเป็นส่งสามัญท่มนุษย์สร้างข้น” มนุษย์
ึ
ิ
ื
ื
ทุกคนควรได้ช่นชมและแสดงออกมาได้ในเง่อนไขความเป็นจริงของส่งประดิษฐ์ ในฐานะ
ของความเป็นศิลปะน้นๆ การเปิดการแสดงคร้งน้นได้มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมอย่างมากมาย
ั
ั
ั
ี
ี
เป็นประวัติการณ์ หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากรท่ใช้เป็นท่เปิดแสดงงานดูแคบลงไปถนัดตา
้
ศิลปินจากทั่วสารทิศได้ส�าแดงฝีมือ ความคิดสร้างสรรคของตนเองไดตามเจตจ�านงของตน
์
จากการแสดงศิลปกรรมแห่งประเทศไทยเป็นต้นมา ดูเหมือนเป็นการปลุกประกาย
ี
ให้กับวงการศิลปะให้ฟื้นข้นมารับใช้ตามวิถีท่มันควรจะเป็น ผู้ร่วมในการส่งผลงานต่างก ็
ึ
ี
คิดค้นสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ให้สอดคล้องตามสภาวะของสังคมท่ตนถนัด ศิลปินจาก
ภาคอีสานได้สะท้อนรูปลักษณ์ของวิถีชนคนอีสานท่มีบริบทของความอดอยากยากแค้น
ี
เสมือนตราประทับให้กับท้องถิ่นดินแดนอีสาน การต่อสู้ดิ้นรนกับสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
�
ื
ื
ี
ภาพชีวิตชนบทท่เขาได้พบพานเพ่อให้เพ่อนร่วมชะตากรรมได้รับรู้ถึงตานานของแผ่นดิน
ี
ท่ตนเองอาศัยอยู่ และเช่นเดียวกับศิลปินจากภาคใต้ ได้สะท้อนภาพชีวิตของชาวเล การ
ด�ารงชีวิตของชาวใต้ ส่วนภาคกลาง ภาคเหนือ ก็ได้สะท้อนภาพสังคมที่ตนเองได้เห็นออก
มาบนผืนผ้าใบอย่างออกรส
ั
ก่อนหน้าน้นเราจะเห็นว่า การแสดงงานศิลปะมักจะแสดงอยู่ตามซอกหลืบท่ผู้คนไม่
ี
ค่อยรู้เห็นเท่าไหร่นัก หรือไม่ก็แสดงตามสถาบันที่ทรงเกียรติ ประชาชนคนธรรมดามิอาจ
เอ้อมถึง จึงทาให้วงการศิลปะแคระแกร็นเป็นบอนไซตลอดมา ถึงแม้ว่าผู้วางรากฐานให้
�
ื
ื
แก่วงการศิลปะได้วางพ้นฐานให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เสพรสแห่งศิลป์ แต่ผู้สืบทอดกลับ
ทาตัวเป็นผู้พิทักษ์องคาพยพแห่งศิลปะน้นเสียเอง จนทาให้ผู้คนบอดใบ้ศิลปะ เลยกลาย
ั
�
�
ื
ี
ื
ี
เป็นเร่องของคนกลุ่มน้อยท่ปุถุชนคนธรรมดาไม่สามารถท่จะเข้าถึงได้ ผู้คนจึงเบ่อหน่าย
ห่างเหินออกไป
จนมาถึงทุกวันนี้ วันที่วงการศิลปะได้แตกหน่อก่อกิ่งออกไปอย่างกว้างขวาง กลุ่มผู้
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
27
�
ื
ึ
ื
ทางานศิลปะเพ่อให้ใกล้ชิดประชาชนได้ขยายงานออกให้มากข้น เพ่อให้สอดคล้องกับความ
ต้องการของผู้สร้างและผู้เสพทาง “ชมรมศิลปกรรมแห่งประเทศไทย” (สมาคมศิลปกรรม
ไทย) จึงได้เปิดให้มีงาน “การแสดงศิลปกรรมเยาวชนแห่งประเทศไทย” ขึ้น งานนี้ได้เปิด
ื
�
โอกาสให้เยาวชนในกลุ่มอายุ 16-25 ปี ได้มีโอกาสและมีเวทีของตนเอง โดยไม่จากัดเน้อหา
และรูปแบบ ทั้งเปิดโอกาสให้ศิลปกรรมทุกชุมชนพัฒนาไปพร้อมๆ กันด้วย
การที่ชมรมฯ และกลุ่มองค์กร บริษัทภาคเอกชนได้ร่วมกันจัดขึ้นนี้ นับว่าเป็นการ
�
ส่งเสริมและพัฒนาศิลปกรรมของประเทศได้เป็นอย่างดี และท่กาหนดกลุ่มอายุก็เพ่อให้เกิด
ี
ื
ั
ความเป็นธรรมแก่เยาวชนทุกวัยอายุ พร้อมกันน้นเกณฑ์การตัดสินจึงต้องคานึงถึงสภาพ
�
แวดล้อม ประกอบการตัดสินใจ ซึ่งนับว่าเป็นนิมิตที่ดี เพราะคุณภาพทางฝีมือและเทคนิค
น้น ย่อมข้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหลายอย่าง และจริงๆ แล้วเราก็ไม่ควรไปเน้นรางวัลให้มาก
ั
ึ
ิ
ี
นัก เพราะรางวัลเป็นส่งท่สมมติเห่อเหิมกันข้นมา ควรท่จะเน้นถึงการร่วมกันแสดงออกของ
ี
ึ
ื
ั
ี
ั
รสแห่งศิลปะน้นแหละดีท่สุด เพราะการปลูกฝังให้เป็นนักล่ารางวัลแก่เยาวชนน้น ดูเป็นเร่อง
ที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีการเปิดแสดงงานศิลปกรรมเยาวชนแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1
ขึ้นเมื่อปี 2527 เยาวชนจากทุกชุมชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้แสดงความสามารถ
ในเชิงศิลปกรรม ส่งผลงานเข้าร่วมอย่างมากมายเป็นประวัติศาสตร์ นับแต่มีการแสดงงาน
ศิลปะสาหรับเยาวชนข้น ซ่งเป็นเคร่องช้ให้เห็นว่าเยาวชนต้องการการแสดงออกในส่งท่พึง
ึ
ี
ื
ึ
�
ี
ิ
ปรารถนา ขอเพียงให้มีการส่งเสริม ขอให้มีเวทีส�าหรับพวกเขา รับรองว่าเกิดความหลาก
ขึ้นหลายแห่งแน่นอน
แม้ว่าศิลปะจะไม่ใช่ทางออกทั้งหมดของการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ถ้าเรา
ั
ุ
่
ิ
ั
้
รวมกนเปดแนวรบใหกวางขวาง ใหเยาวชนรถงคณคาของมน ใหพวกเขาหนมาสนใจศลปะ
ึ
่
ิ
้
้
้
ู
้
ั
เชื่อว่าอาจจะเป็นทางหนึ่งที่เปิดพื้นที่การแสดงออกได้
งานแสดงศิลปกรรมเยาวชนแห่งประเทศไทย ได้เปิดแสดงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เป็นครั้ง
ที่ 2 แสดงอยู่ที่ศูนย์การค้ามาบุญครองและหอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระหว่างวันที่
25 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2528 เยาวชนได้ร่วมส่งผลงานร่วมประกวดถึง 1,043 ชิ้น
จาก 610 คน ซึ่งส่งมาจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ถือว่าเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมี
งานศิลปกรรม
�
ั
ช้นล่างของศูนย์การค้ามาบุญครอง ห้องโถงสาหรับแสดงงานเต็มไปด้วยผลงานของ
บรรดาเยาวศิลปิน ประชาชนผู้สนใจจดจ้องภาพแต่ละภาพอย่างพินิจพิเคราะห์ บางทีไม่
แน่ใจในเทคนิคของภาพเป็นอย่างไร ก็เอามือแตะจับดูจะได้รู้ว่ามันเป็นพื้นผิวขรุขระอย่าง
ท่ตาเห็นหรือเปล่า และคนอีกกลุ่มหน่งก็สนใจอยู่กับการเขียนภาพเหมือน ซ่งเขียนโดย
ึ
ี
ึ
ถนอม ชาภักดี
28
ผลงานที่ได้รับรางวัลบางส่วนจากการประกวดงานแสดงศิลปกรรมเยาวชนแห่งประเทศไทย
ภาพจาก: การแสดงศิลปะเด็กแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2525
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
29
บรรดาศิลปินมาจากผู้มีฝีมือในราคาย่อมเยา
งานแสดงส่วนมากออกมาในเชิงภาพสะท้อนความเหมือนจริงเน้นถึงสภาวะความ
ี
เป็นอยู่ของมนุษย์ ความกดดันต่างๆ ท่ประชาชนเดินดินได้รับ รูปลักษณ์เหล่าน้ บรรดา
ี
ึ
ศิลปินได้ถ่ายทอดออกมาบนผืนผ้าใบ อย่างภาพ “พลังของความด้นรน” ซ่งดูแล้วแทบ
ิ
ั
ี
ึ
่
็
ี
ั
ื
ึ
ิ
้
จะระเบดออกมาเช่นเดยวกบภาพ หรอภาพ “มหาภยหมายเลข 1” ซงมนชให้เหนถง
ั
ภัยพิบัติบนท้องถนนด้วยและความถมึงทึงท่มาประจันหน้าโดยเอารถสิบล้อมาเป็นส่อ หรือ
ี
ื
“แอบแฝง 2” เราจะเห็นว่ามนุษย์ที่อยู่ทุกวันนี้ล้วนแต่สวมหน้ากากเข้าหากัน หรือไม่ก็อยู่
ภายใต้เกราะก�าบังห่อตัว หรืออยู่ภายใต้ฉากอันงดงามที่ไม่มีใครที่รู้เนื้อในเราได้ หรือภาพ
“แสงแดดในฤดูฝน” ดูเหมือนว่ามันมีบรรยากาศของความเป็นฤดูฝนครอบคลุมอยู่ และ
ภาพอ่นๆ ท่สาแดงความละเอียดอ่อนในฝีมือ ความเพียรพยายามของเหล่าเยาวชนเพ่อ
ื
ื
ี
�
ผลิตผลงานอันทรงค่าออกมา ภาพทุกภาพล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลาในการเก็บรายละเอียด
คิด หาแง่มุมที่งดงามใส่ลงไป
งานแสดงศิลปกรรมเยาวชนแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2 นี้ จะเห็นถึงการพัฒนาของ
ึ
ี
ั
ื
บรรดาศิลปินเยาวชนท่ก้าวไปข้างหน้าทุกๆ ปี ท้งเน้อหาและรูปแบบ ซ่งเนื้อหาก็อยู่แนบชิด
กับวิถีปฏิบัติของมนุษย์ พวกเขาได้จับแง่มุมของชีวิต ไม่ว่าในเมือง ในชนบท ตามซอกตาม
ซอยหรือสิ่งที่วัตรปฏิบัติ ถึงแม้ว่าสังคมทุกวันนี้มีแต่ความกักขฬะแข็งกระด้าง แต่ถ้าเราได้
ดูงานของเยาวชนเหล่านี้แล้ว ก็ให้ความรู้สึกว่า ความละเมียดละไม ความอ่อนหวาน สุขุม
ลุ่มลึกยังมีอยู่เต็มในผลงานที่น�ามาเสนอในครั้งนี้
ี
หลบหลีกสังคมท่มีแต่ความชิงดีชิงเด่น วัฒนธรรมท่มีแต่ความแข็งกระด้าง เข้าไปหา
ี
ี
ี
ิ
ศิลปะท่ให้ความงาม ให้ความอ่มเอมในรสแห่งสุนทรีย์ ท่บรรดาศิลปินเยาวชนได้สร้างสรรค์
ข้นมา ย่งคนเสพมาก คนสร้างก็มีกาลังใจ และเช่นเดียวกัน เม่อคนรักศิลปะมากข้นเท่าไหร่
ื
ึ
�
ิ
ึ
ความรื่นรมย์และพื้นที่แห่งความพึงพอใจก็มากขึ้น
งานแสดงศิลปกรรมของเยาวชนมีให้ชมถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2528 ใครใกล้ที่ไหนก็
ื
ี
ช่นชมท่นั่น เรามาร่วมกันเชิดชูงานศิลปะให้ไพศาล เพ่อจรรโลงสังคมให้น่าอยู่และสนับสนุน
ื
เยาวชนของชาติ ให้พวกเขาสรรค์สร้างผลงานออกมาให้ชื่นชม
ขอเราจงช่วยให้ก�าลังใจแก่พวกเขาและช่วยกันเชิดชูบทบาทของเยาวชนให้โดดเด่น
ั
็
ั
สมให้เป็นปีเยาวชนสากล และหวงว่าในปีต่อไปเราจะเหนเยาวชนมาร่วมกนแสดงผลงาน
ึ
ี
ให้คึกคักกว่าน้ ซ่งอีกงานหน่งเพ่งผ่านมาเม่อต้นเดือนพฤศจิกายน คืองานศิลปกรรมของ
ึ
ื
ิ
เยาวชนแห่งอาเซียน สมกับเป็นปีเยาวชนจริงๆ เยาวชนจงเจริญ
ถนอม ชาภักดี
30
งานแสดงศิลปะไทยร่วมสมัย
การประยุกต์ศิลปะไทยให้เข้ายุคสมัย
่
�
ี
�
�
ในยุคสมัยท่เศรษฐกิจกาลังตกตาค่าครองชีพสูงลิบล่ว ผู้คนต่างต้องทางานกันตัว
ิ
เป็นเกลียว แต่ละวันแทบจะหาเวลาในการพักผ่อนไม่ได้ ภาระหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติอัดแน่น
มากกว่าเวลาท่มีอยู่ในนาฬิกา ย่งสังคมกาลังก้าวรุดหน้าไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผู้คน
ิ
�
ี
แทบจะต้องกลายเป็นเคร่องจักรกล สุนทรียภาพในแต่ละบุคคลน้นเกือบจะหดหายไปกับ
ื
ั
แรงเสียดสีของเหล็กที่วิ่งไปมาให้เห็นอยู่ทุกวัน
ี
เม่อผู้คนต่างไม่มีเวลาให้กับตัวเอง ต่างคนก็ต่างหมกมุ่นอยู่กับภารกิจท่รัดตัวจน
ื
ื
ี
แทบจะหายใจไม่ออก การให้อาหารทางใจเพ่อคลายเครียดจึงเป็นเร่องท่ไม่อยู่ในความ
ื
ิ
�
ิ
ี
�
จาเป็นใดๆ ย่งสังคมไทยทุกวันน้ ทุกส่งทุกอย่างกาลังก้าวผันเข้าสู่ยุคมืดบอดทางวัฒนธรรม
ี
ี
ิ
ี
ั
ท่รัฐเข้ามาจัดการ วัยระเริงอยู่กับวัฒนธรรมท่มอมเมาเกลือกกล้วอยู่กับส่งท่ไม่สร้างเสริม
ู
ิ
ั
�
ปัญญา ผ้ใหญ่ต่างก็กอบโกยแสวงหาผลประโยชน์สาหรับตัวเอง ละท้งสงคมให้ฟอนเฟะ
จนไม่เหลือแม้แต่ซากของความเป็นคน (ไทย)
ี
ประวัติศาสตร์ (ไทย) จึงเป็นเพียงจารึกท่บอกถึงกิจกรรมของอดีต ศิลปะไทยจึงเป็น
ี
ิ
่
ั
็
เพยงรวรอยของชนร่นเก่าทสลกเสลาให้เหนเป็นลวดลาย การส่งเสรมให้ผ้คนได้คดค้นสบ
ื
ี
ุ
ิ
้
ิ
ู
สาวเรื่องราวในอดีตเพื่อเสริมสร้างอนาคตนั้น แทบจะไม่มีอยู่เลยในปัจจุบัน
ยิ่งในเรื่อง “ศิลปะไทย” ซึ่งเป็นศิลปะ (ที่ท�าให้) ประจ�าชาติ การศึกษาในเรื่องนี้ยิ่ง
ั
ถูกตรึงไว้ในสถาบันการศึกษาช้นสูงเท่าน้น การกระจายเข้าสู่เยาวชนในต่างระดับเพ่อให้
ื
ั
พวกเขาได้เรียนรู้ ได้ศึกษาหาเอกลักษณ์ของชาติน้นแทบจะกล่าวได้ว่าเป็นกิจกรรมเสริม
ั
หลักสูตรเพื่อไม่ให้ว่างเท่านั้นเอง
ศิลปินที่สืบทอด “ศิลปะไทย” นั้น หายากยิ่งกว่าหาเข็มในมหาสมุทรเพราะความ
ิ
่
ู
่
ื
้
้
้
็
่
เปนไทยนนไมมและไมรวาคออะไร? ในแตละปเราเกอบจะไมไดเหนงานแสดง “ศลปะไทย”
ื
ี
ั
ี
็
่
่
ื
ื
ี
ท้งๆ ท่เราน่าจะได้ช่นชมเร่องราวของสังคมไทยท่ถ่ายทอดออกมาทางศิลปะได้มากกว่านั้น
ั
ี
ั
การแสดงงานศิลปะไทยร่วมสมัยของ “กลุ่มศิลปะไทย 23” ซ่งแสดงเป็นคร้งท่ 4 เป็น
ึ
ี
ั
การสบทอดเอกลกษณ์ของไทยพร้อมกบการประยกต์เข้ากบยคสมยตามการเปลยนแปลง
่
ี
ุ
ุ
ั
ั
ื
ั
ของสังคม การรวมกลุ่มกันครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเพียง 6 คน และต่อๆ มาจนกลายเป็น 24 คน
ในขณะน้เราจะเห็นแล้วว่า ถ้าเพียงแต่ให้มีการสนับสนุนและเปิดโอกาสในการสร้างงาน
ี
เท่านั้น พวกศิลปินที่มีน้อยใหญ่ที่มีความเป็นไทยก็จักส�าแดงเอกลักษณ์ได้อย่างสมพื้นเพ
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
31
ึ
ี
การเกิดข้นของ “กลุ่มศิลปะไทย 23” เป็นกลุ่มศิลปินกลุ่มเล็กๆ ท่ปลุกกระแสศิลปะ
ไทยให้ฟื้นข้นมา ทาให้ศิลปินและประชาชนได้เห็นคุณค่าของความเป็นเอกลักษณ์ไทย และ
ึ
�
ศิลปะดังกล่าวได้ประยุกต์ศิลปะไทยให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างสง่างาม
การแสดงงานคร้งน้เป็นการแสดงงานเพ่อการกุศล โดยหักรายได้จากการขายภาพร่วม
ี
ื
ั
สมทบทุนในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ั
็
ื
่
่
ู
ุ
ั
์
ุ
ิ
่
ั
เพอเปนพทธบชาแหงองคสมมาสมพทธเจา, เพอเผยแพรศลปวฒนธรรมของชาตโดยออกส ่ ู
ิ
้
ื
่
สายตาชาวโลก และเป็นการประกาศให้อารยประเทศได้รู้ว่าประเทศไทยน้นมีศิลปวัฒนธรรม
ั
มาช้านาน บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยความประณีตบรรจง เช่นเดียวกันกับ “กลุ่ม
ศิลปะไทย 23” ได้สร้างสรรค์ศิลปะไทยให้สอดคล้องกบความเป็นไปของยุคสมัยในทุกวันน ้ ี
ั
ื
ี
เร่องราวของยุคสมัยท่ถูกบรรจุไว้ด้วยลวดลายของศิลปะไทยท่พวกเขาได้ค้นคิดและประณีต
ี
ี
ื
ึ
่
ื
ื
บรรจงในฝีมือเพ่อผลิตงานท่มีคุณค่าออกมาเป็นสะพานเช่อมศิลปะไทยร่วมสมัยซ่งเรองราว
ื
�
ี
�
ท่พวกเขานาเสนอส่วนมากจะเป็นเร่องของพุทธศาสนาและชีวิตประจาวันของผู้คนในสมัยน ้ ี
ศิลปินน�าผลงานแสดงในครั้งนี้มีทั้งหมด 24 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นศิลปินที่มีความตั้งใจ
ี
ี
ื
ั
ท่จะสร้างงานศิลปะตามแบบฉบับประเพณีไทยท่ต่อเนื่องจากแบบฉบับด้งเดิม โดยมีเน้อหา
และวิธีการที่เป็นของตัวเองไม่ใช่เป็นการสร้างงานในการอนุรักษ์ของเก่า
ถึงแม้ว่าความพยายามของพวกเขาจะไม่ใช่เป็นกลุ่มแรกทีเดียวนัก เพราะก่อนหน้า
ี
น้ก็มีศิลปินได้พยายามทางานในลักษณะน้มาเช่นกัน แต่การท่พวกศิลปินหนุ่มสาวเหล่าน ี ้
ี
ี
�
รวมตัวกันขึ้นเป็นกลุ่ม มีความชัดเจนเป็นการริเริ่มท�างานในรูปของกลุ่ม มีความหนักแน่น
เพื่อแสวงหาความเป็นศิลปะไทยที่ยากเต็มที
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าลักษณะงานของพวกเขาจะหลีกหนีจากแบบฉบับจิตรกรรมฝา
ื
ื
ผนังไทยโบราณไปได้มากน้อยแค่ไหนในแง่ของเน้อหาแล้ว พวกเขายังคงเน้นอยู่ในเร่องของ
ศาสนา ความเชื่อ ไสยศาสตร์ทั้งในรูปของคตินิยมและพิธีกรรม
ิ
ื
การริเร่มของ “กลุ่มศิลปะไทย 23” ให้ความหวังต่อแนวทางการต่อเน่องศิลปวัฒนธรรม
แบบฉบับไทยไทยให้คงอยู่และพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในแง่รูปแบบและเนื้อหา
ื
ตัดภาพความวุ่นวายของสังคมท่ย้อแย่งฉุดกระชากเอาอารมณ์สุนทรีย์ออกไปทุกๆ
ี
ิ
ิ
วินาที ไปเพ่มพลังแห่งความงาม เพ่มอารมณ์สุนทรีย์สงบร่มเย็นในบรรยากาศของศิลปะ
�
ึ
ไทยร่วมสมัย อันจะทาให้เราสงบต้งสติเพ่มพุทธิปัญญาข้นมาในระยะหน่ง แม้จะเป็นช่วง
ั
ิ
ึ
ั
ื
ระยะส้นๆ ก็ตาม จงตักตวงเอาผลพวงแห่งความงามของศิลปะไว้ให้มากๆ เพ่อเผชิญกับ
การตัดสินใจที่จะมีขึ้นในวันพรุ่ง
ี
ั
นิทรรศการคร้งน้เปิดแสดงถึงวันท่ 30 มีนาคม 2529 ท่หอศิลป์ พีระศรี ถนนสาทรใต้
ี
ี
ถนอม ชาภักดี
่
บทที 2
ความเคล่อนไหวทางศิลปะยุคชุลมุน
ื
โลกาภิวัตน์กับท้องถิ่น (ไม่นิยม)
พ.ศ. 2536–2540
34
�
ิ
เกร่นนา;
โลกาภิวัตน์กับทศวรรษศิลปะในประเทศไทย
่
ชวงทศวรรษที่ 2520 ซึ่งบรรยากาศทางการเมืองแบบ “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” ในปี
2523 รัฐบาลน�าโดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ได้ประกาศนโยบาย “66/23” เปิดโอกาส
ให้นิสิตนักศึกษาและประชาชนท่ไปร่วมแนวทางกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ี
ื
ได้กลับเข้ามาคืนบ้านคืนเมือง และแนวทางศิลปะเพ่อชีวิตก็ยังมีบทบาทความเคล่อนไหว
ื
ื
อย่างต่อเน่อง ขณะเดียวกันการกระจายการศึกษาศิลปะในระดับอุดมศึกษาไปยังภูมิภาค
ต่างก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น ช่วงนี้เช่นกัน คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2526
คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปี พ.ศ. 2537 รวมทั้งส่วนกลางก็เพิ่มขึ้น
ทั้งรัฐบาลและเอกชน คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2526
คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในปี พ.ศ. 2536 คณะศิลปกรรม
มหาวิทยาลัยรังสิต ในปี พ.ศ. 2529 คณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปี พ.ศ. 2536
ึ
ื
ี
ี
ื
ซ่งการเปิดพ้นท่การเรียนรู้ทางศิลปะท่หลากหลายข้นในพ้นท่ต่างๆ ได้รับความรู้ความเข้าใจ
ี
ึ
ี
่
ิ
ุ
ึ
ี
ในลกษณะทกว้างข้น (ในอดตนนการศกษาศลปะระดบอดมศกษากมเพยงแห่งเดยวคอ
้
ั
ี
ื
ั
ี
ี
ั
็
ึ
ึ
มหาวิทยาลัยศิลปากรท่สถาปนามาต้งแต่ปี พ.ศ. 2486) อันเป็นผลให้วงการศิลปะได้ขยาย
ี
ั
ตัวไปสู่ภูมิภาคอย่างหลากหลาย ดังกรณีที่เกิดเทศกาลศิลปะที่เชียงใหม่
ศิลปะเทศกาลเชียงใหม่จัดวางสังคมครั้งที่ 1 (Chiang Mai Social Installation I)
�
ี
ี
โดยกาหนดสถานท่จัดงานและแสดงผลงานท่ “วัดและสุสาน” โดยเห็นว่ากิจกรรมทาง
ิ
ศิลปะของปัจจุบันควรเร่มต้นรากฐานและส่งแวดล้อมจากศิลปวัฒนธรรมด้งเดิม และใน
ิ
ั
ครั้งที่ 2 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2536 - 19 กุมภาพันธ์ 2537 ภายใต้แนวคิด
สร้างศิลปะในพื้นที่เฉพาะ เรียกว่า ศิลปะเทศกาล วัด สุสาน บ้าน อาคาร ถนน สะพาน
ื
ี
ี
้
�
�
กาแพง แม่นา ลาคลอง พ้นท่ว่างคร้งท่ 2 เหตุท่ขยายพ้นท่ในการจัดแสดงและแสดงความเป็น
�
ี
ั
ี
ื
ึ
ี
ึ
ศิลปะให้มากข้นก็เพราะว่า “เป็นอีกก้าวหน่งของความพยายามท่จะสร้างกิจกรรมทางศิลปะ
ภายในพ้นท่ท่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น สังคมจะถูกเปล่ยนบทบาทไปสู่ ‘ศิลปวัตถุ’
ี
ี
ื
ี
การมีส่วนร่วมจากมหาชนมีมากขึ้น” (ค�าประกาศฯ ใบปิดเชียงใหม่จัดวางสังคม ครั้งที่ 2
2536) และงานศิลปะเทศกาลเชียงใหม่จัดวางสังคมก็เริ่มคึกคัก สนุกสนาน รื่นรมย์ และ
รื่นเริง เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้ง จนค่อยๆ เลือนรางจางหายไป หลังจากพุ่งสู่จุดสูงสุดใน
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
35
ครั้งที่ 3 เดือนพฤศจิกายน 2538 - เดือนกุมภาพันธ์ 2539 ที่ส�าคัญมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(Midnight University) ก็ได้เกิดขึ้นในช่วงศิลปะเทศกาลเชียงใหม่จัดวางสังคมนั่นเอง
พิธีทอดผ้าป่าเที่ยงคืนเป็นการรื้อฟื้นวัฒนธรรมดั้งเดิมในงานศิลปะเทศกาลเชียงใหม่จัดวางสังคม
ประตูท่าแพ เทศบาลนครเชียงใหม่ พ.ศ. 2539
ภาพจาก: ผู้เขียน
ถนอม ชาภักดี
36
ี
ื
ด้วยเหตุแห่งศิลปะเทศกาลเชียงใหม่จัดวางสังคมได้เปิดพ้นท่ศิลปะข้นทุกหนทุก
ึ
แห่งในเชียงใหม่น่เอง เท่ากับได้เปิดโอกาสให้ศิลปินนักทดลองจากทุกสานักศิลปะได้มา
ี
�
ื
ึ
ี
�
ร่วมสร้างสรรค์ผลงานข้นตามพ้นท่ต่างๆ และเท่ากับเป็นการทาลายกาแพงแห่งหอศิลป์
�
พิพิธภัณฑ์ ห้องแสดงงานท่เคยถูกปิดไว้ได้เผยตัวออกมา ในเทศกาลศิลปะเชียงใหม่จัด
ี
ั
ิ
วางสังคมน้นเราจะได้เห็น ได้รู้ล้มรสด้วยประสาทสัมผัสทุกส่วน และแน่นอนว่าสถานะ
ของศิลปวัตถุที่น�ามาจัดแสดงในเทศกาลนั้น ก็มีวางอยู่บนระนาบเดียวกัน ไม่ว่าใครก็คือผู้
สร้างกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างชัดเจน พื้นที่
ของศิลปะเทศกาลเชียงใหม่จัดวางสังคมนั้น จะเห็นบรรยากาศลานบ้านชานเรือนของการ
�
แสดงศิลปะเป็นไปอย่างคึกคัก ดาเนินไปอย่างไร้กาลเวลา และได้สร้างผลิตผลทางศิลป-
ึ
ั
�
วัฒนธรรมรวมท้งคนทางานศิลปะใหม่ๆ ให้เกิดข้นมามากมาย มหาวิทยาลัยเท่ยงคืนก ็
ี
ิ
ั
ี
ึ
�
เกิดขนจากผลผลิตของศลปะเทศกาลฯ และดาเนินมาจนถงทุกวันน้ วนแรกของการก่อเกิด
ึ
้
ของมหาวิทยาลัยแห่งน้ ผู้ท่มาร่วมวงสนทนาแสวงหามวลมิตร ถกถามสารทุกข์สุกดิบกันน้น
ี
ี
ั
ึ
ี
ั
อาศัยลานประตูท่าแพเป็นท่น่งล้อมวง แลกเปล่ยนทัศนะมุมมองซ่งกันและกัน หลายอาชีพ
ี
ทั้งครูบาอาจารย์ ศิลปิน คนบ้า โสเภณี ฯลฯ และยังไม่มีเว็บไซต์ดังทุกวันนี้
ศิลปะเทศกาลเชียงใหม่จัดวางสังคม ไม่เพียงแต่จะสร้างผลผลิตทางเลือกให้กับความ
ี
ื
ี
รู้ในมิติต่างๆ ทางศิลปวัฒนธรรมแล้ว มันยังเป็นพ้นท่ของการพบปะแลกเปล่ยนทัศนะ
ท�าความรู้จักคุ้นเคยทดลองให้กับผู้คนในแวดวงศิลปะ และหลายสาขาอื่นๆ อย่างมากมาย
�
สาหรับนาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ก็ได้ทดลองพลังความคิดสร้างสรรค์ผลงานในเชิงปฏิสัมพันธ์
กับชุมชน สิ่งแวดล้อม หรือฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช ศิลปินผู้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั้งใน
ิ
อเมริกาและยุโรป ก็ได้มาเปิดเผยตัวตนให้ผู้คนในวงการศิลปะรู้จักและเร่มคุ้นชินกับแนวคิด
สุนทรียศาสตร์เชิงสัมพันธ์ในการสร้างสรรค์ผลงานของเขาในชุดก๋วยเต๋ยวเรือและผัดไทยให้
ี
ผู้คนได้ร่วมล้มชิมรสอาหารอย่างเอร็ดอร่อย หรือมณเฑียร บุญมา ศิลปินผู้บุกเบิกศิลปะ
ิ
เชิงติดตั้งจัดวางในบริบทของวิถีท้องถิ่นกลิ่นอายชุมชน ก็เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์แนวคิด
ส�าคัญในครั้งนี้ด้วย
เชียงใหม่จัดวางสังคมไม่ใช่เพียงแค่ความเป็นเทศกาลศิลปะเท่านั้น แต่เป็นการเปิด
ี
�
ี
ั
ื
พ้นท่ท้าทายและต้งคาถามให้กับวงการศิลปะท่จมปลักมาช้านาน ได้ตระหนักถึงนัยของ
ศิลปะที่ขยายขอบเขตไปสู่ปริมณฑลอื่นๆ รวมถึงการมีส่วนร่วมขององค์ความรู้จากศาสตร์
สาขาอื่นๆ เช่น สังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา วัฒนธรรมศึกษา ได้เข้ามามีส่วนในการบริภาษ
ในงานครั้งนี้ด้วย
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
37
สภาวการณ์เฟื่องฟูทางเศรษฐกิจท่เติบโตอย่างรวดเร็วดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อวงการ
ี
่
่
ั
ี
ี
ิ
่
ศิลปะในประเทศน้อย่างไม่อาจหลีกเลยงได้ การประกวดแข่งขันและงานเทศกาลยงสะพรง
้
ิ
่
ึ
่
ิ
มากขน ต่อยอดมาถงทศวรรษ 2530 ไม่ว่าจะเป็นการประกวดศลปกรรมนาสงทดส่ชีวิต
�
ึ
ู
ี
ี
�
ี
ื
ของบริษัทในเครือ Toshiba เม่อปี 2532 ต่อมาบริษัทยักษ์ใหญ่ท่ผลิตและจาหน่ายบุหร่ท่ว
ี
ั
โลก Philip Morris ก็มาจัดประกวดชิงรางวัลให้ในนามศิลปกรรมอาเซียน ในปี 2538 การ
ประกวดศิลปกรรมของบริษัทสหวิริยา ปี 2538 รวมทั้งการรวมตัวของบรรดากลุ่มศิลปิน
ต่างๆ อย่างกลุ่มศิลปินศิลปะการแสดงสด (Performance Art) ในช่วงปี 2538 ของบ้านตึก
ึ
ั
(Concrete House) จนกระท่งผลักดันให้เกิดเทศกาลศิลปะการแสดงสดข้นใน ASIATOPIA
เม่อปี 2541 และก็ยังมีการประกวดจิตรกรรมร่วมสมัยพานาโซนิคของบริษัทซิว-เนช่นแนล
ื
ั
จ�ากัด เมื่อปี 2542 นอกจากนั้นในช่วงปลายทศวรรษ 2540 ก็ยังมีการคัดเลือกศิลปินจาก
หลายสาขาข้นรับรางวัลศิลปาธร ซ่งเปิดตัวคร้งแรกเม่อปี 2547 โดยมีส�านักศิลปวัฒนธรรม
ั
ื
ึ
ึ
ร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้ด�าเนินการและสนับสนุนให้เกิดรางวัลนี้ขึ้นมา นัยว่า
ิ
ิ
เพ่อส่งเสริมยกย่องเชดชูศลปินร่วมสมยดีเด่นในแต่ละปี ผ่านระบบการพจารณาจากการ
ื
ิ
ั
กลั่นกรองในสาขาต่างๆ เช่น สาขาทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ คีตศิลป์ ภาพยนตร์ และศิลปะ
การแสดง ในปีเดียวกันก็ยังมีภาคเอกชนเสนอตัวมาเป็นผู้สนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงาน
ของศิลปินวัยหนุ่มสาวในนาม Young Thai Artist award ของมูลนิธิปูนซิเมนต์ไทย ซึ่ง
เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จ�ากัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนส่งเสริม
ศิลปวัฒนธรรม การศึกษาสังคม และด้านอื่นๆ อีก
ึ
ั
กล่าวโดยสรุปคร่าวๆ แล้วจะเห็นว่าช่วงคร่งทศวรรษหลังของปี 2530 น้น เป็น
ี
ี
คร่งทศวรรษท่เปิดพ้นท่การปฏิบัติการทางศิลปะ วัฒนธรรมท่คึกคักมากท่สุดก็ว่าได้ โดย
ื
ึ
ี
ี
เฉพาะในแวดวงการศึกษาความเคลื่อนไหวทางศิลปะกับสังคม ชุมชน หรือศิลปะเชิงการมี
ี
ส่วนร่วม ท่ทาให้เกิดมิติใหม่ๆ ทางองค์ความรู้การทดลองปรากฏการณ์เบิกฟ้าใหม่ให้กับ
�
ศิลปะในประเทศไทยก็ว่าได้
ถนอม ชาภักดี
38
หอศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย
ความฝันจะเป็นจริงหรือความเพ้อฝัน
ี
ถ้าพูดถึงสถานะทางเศรษฐกิจว่าเป็นอย่างไรเราก็จะมองไปท่ภาวะดัชนีของราคาหุ้น
ี
่
ั
ั
ิ
็
ื
ุ
ี
ั
ึ
้
ในตลาดหลกทรพย์ฯ ทเป็นตวบ่งบอกถงกลไกการซอขายหมนเวยนของเมดเงนในตลาด
และเป็นตัวชี้ถึงความน่าเชื่อถือของรัฐบาลด้วย โดยไม่มองสภาวะของประชาชน แต่ถ้าพูด
ถึงสถานะของวงการศิลปะในบ้านเราแล้ว มีดัชนีอะไรเป็นตัวบ่งบอกถึงภาวะรสนิยมของ
กระแสศิลปะในประเทศนี้ ที่ป่าวประกาศบอกชาวโลกอยู่เสมอว่า เราก�าลังก้าวรุดหน้าไป
ี
ี
สู่ความเป็นนิกส์ตามกระแสของโลกาภิวัตน์ (ค่านิยมใหม่ท่แพร่หลายอยู่ในขณะน้ ถ้าใคร
ไม่พูดไม่กล่าวถึงจะกลายเป็นคนล้าหลังไปทันที ผู้เขียนคาดว่าหลังจากเกิดภาวะโลกาภิวัตน์
แล้วโลกก็จะเกิดโลกาวินาศตามมา)
ี
ั
วงการศิลปะในบ้านเราน้นไม่ได้ด้อยกว่าประเทศอ่นท่อยู่บนโลกน้แต่ประการใด
ื
ี
ิ
ี
แต่มีศิลปินท่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะต้งแต่สมัยบรรพบุรุษเร่มสร้างอาณาเขตแห่งประเทศ
ั
นั้นเป็นพันๆ ปี (พูดตามประวัติศาสตร์รัฐ) และศิลปะก็พัฒนามาตามยุคตามสมัยของมัน
ิ
จวบจนทุกวันน้ มีผลงานศิลปะเป็นหม่นๆ แสนๆ ช้นกระจัดกระจายอยู่ท่วทุกหัวระแหง
ั
ื
ี
ของประเทศ และมีองค์กรของรัฐรับผิดชอบดูแลไปตามก�าลังความสามารถของระบบและ
ก�าลังคนที่มีตามอัตภาพ
ี
จนมาถึง พ.ศ. น้วงการศิลปะได้พัฒนาเติบโตไปตามภาวะความเปล่ยนแปลงของ
ี
สังคมวัฒนธรรมหรือจะบอกว่าเป็นไปตามกระแสของโลกาภิวัตน์ก็ได้ไม่ว่ากัน จากการ
ี
ึ
ิ
ไม่หยุดน่งของสรรพส่งน้เอง ศิลปะได้เกิดสกุลงานใหม่ๆ ท่มีความหลากหลายข้นมาโดย
ี
ิ
ี
ิ
่
ี
ุ
ั
่
ี
ึ
ั
ิ
มศลปินเป็นผู้คดค้นสร้างสรรค์ข้น จนกระทงผลงานหาทเก็บไม่ได้และทเก็บๆ กนทกวน
ั
่
ี
ี
น้ก็ซุกๆ อยู่ใต้ถุนอาคารบ้าง กองทับถมกันอยู่ในห้องอับๆ ท่มีกองทัพมดและแมลงสาบ
พร้อมกับหนูน้อยผู้น่ารักเฝ้ารอเป็นเสบียงอาหาร หรือไม่ก็ห้อยแขวนกันข้างฝาท่เต็มไป
ี
ด้วยความชื้น อันเป็นที่เพาะพันธุ์เห็ดราได้เป็นอย่างดี หรือบางครั้งก็มีแมงมุมมาชักใยเพิ่ม
เส้นสายให้ผลงานมีสีสันขึ้นมาอีก
ฟังดูแล้วก็น่าหดหู่อยู่กับสภาพผลงานของศิลปินท่อุตส่าห์คิดสร้างสรรค์กันหัวแทบ
ี
�
ี
ั
ิ
แตกกว่าจะได้งานมาสักช้น แต่พอเสร็จแล้วก็ไม่กลับมาเหลียวแลท้งๆ ท่ผู้มีอานาจของ
่
ี
ประเทศนค่อนข้างทจะชนชอบศลปะอย่ไม่น้อย รบเชญไปเป็นประธานเปิดการแสดง
ี
้
ู
ั
ิ
ื
่
ิ
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
39
�
ื
ศิลปะอยู่เร่อยๆ หรือไปเพราะความจาใจหรือเปล่าไม่ทราบ จริงอยู่ผลงานศิลปะไม่ใช่สินค้า
ส่งออกที่จะสร้างเป็นรายได้น�าเข้าสู่ประเทศเหมือนกับข้าวหรือมันส�าปะหลัง แต่ศิลปะคือ
ั
ดัชนีท่จะบอกคนท่วโลกว่าประเทศของท่านมีอารยธรรมมีศิลปวัฒนธรรมมากน้อยแค่ไหน
ี
ั
ี
ี
ี
กระแสศิลปะเหมือนด่งกระแสธารท่หล่อเล้ยงจิตใจของมนุษย์ให้มีสุนทรีย์ในอารมณ์ ท่ไหนม ี
ี
ื
ี
ั
ศิลปวัฒนธรรมท่ได้รับการยกย่องเชิดชู มีผู้คนได้ช่นชม ท่น่นก็ย่อมมีรอยแห่งความอภิรมย์
ี
เบิกบานใจ ในทางกลับกัน ถ้าท่ไหนกระแสธารศิลปะแห้งเหือด ท่น่นก็ย่อมจะมีแต่รอยของ
ี
ั
ความเหี่ยวเฉาในจิตใจ
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เมื่อเราได้มีโอกาสไปต่างประเทศหรือไปต่างถิ่น สิ่งที่เราอยาก
เห็นก็คือเรื่องราวศิลปวัฒนธรรม เพื่อที่จะได้รับรู้ถึงรอยอารยธรรม และความเคลื่อนไหว
ิ
ของวงการศิลปะในถ่นน้นๆ อย่างกรณีเม่อคราวนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัยไปอังกฤษ
ื
ั
ท่านก็ยังอุตส่าห์แวบเข้าไป The National Gallery ในลอนดอนเพื่อดูผลงานศิลปะของ
ศิลปินดังๆ ท่สะสมอยู่ในน้น ก็ไม่ทราบความรู้สึกของท่านเหมือนกันว่าขณะท่ก้าวเข้าไป
ี
ั
ี
ใน National Gallery เพื่อจะดูภาพ Sunflowers ผลงานของ Van Gogh ที่แขวนอยู่ห้อง
้
ดานขวามือ เดินเขา Gallery นั้นทานมีความรูสึกแปลกแยกบางไหมวา National Gallery
้
่
้
่
้
ของ Thailand กับ England นั้นเป็นอย่างไร?
ท่านอยากจะมี National Gallery เหมือนอย่างที่ท่านเห็นมาบ้างไหม เพราะเท่าที่
�
ผ่านมายังไม่เคยปรากฏว่าผู้นาของประเทศมีด�าริว่าอยากจะมีแหล่งสะสมงานศิลปะหรือ
National Gallery ที่ได้มาตรฐานเลยสักคนเดียว เท่าที่ประเทศไทยมีอยู่ขณะนี้ก็เป็นเพียง
ึ
โรงงานเก่าของกองกษาปณ์ กรมธนารักษ์มอบให้แล้วมาดัดแปลงเป็น Gallery ซ่งโดยสภาพ
แล้วมันไม่ได้มาตรฐานของการที่จะน�ามาท�า Gallery แม้แต่น้อย
ื
ี
เม่อวันท่ 15 ตุลาคม ได้มีการจัดอภิปรายพูดคุยกันท่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ี
จัดโดยกองทุนสุเชาว์ ศิษย์คเณศ เร่องทิศทางของหอศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย มีผู้ร่วม
ื
ั
ู
�
ั
้
ุ
็
้
ั
ั
ิ
่
์
อภปรายสมมนาหลายคนเปนตนวา ด�ารง วงศอปราช, ธงชย รกปทม ผอานวยการวทยาลย
ุ
ิ
ช่างศิลป์ แสงจันทร์ ไตรเกษม หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป์ฯ ถนนเจ้าฟ้า และ
มีผู้ร่วมสนทนาพอประมาณ ประเด็นในการอภิปรายสัมมนานั้นค่อนข้างกว้างขวางเกิน
กว่าที่จะมาก�าหนดเป็นแนวทางในการปฏิบัติได้ เช่น มีความจ�าเป็นอย่างไรจึงจะต้องสร้าง
ี
หอศิลปะร่วมสมัย? ความจริงประเด็นน้ไม่น่าจะถามเลยด้วยซา การท่จะมาอภิปรายกันว่า
�
ี
้
จะสร้างหรือไม่สร้างนั้น ควรจะพูดกันสักเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ใน พ.ศ. นี้ควรที่จะพูดถึงว่าจะ
ไปการันตีผลงานของ Henry Moore หรือ Picasso มาแสดงในประเทศไทยได้อย่างไร?
ลักษณะของหอศิลปะร่วมสมัยควรเป็นอย่างไร ระบบการเก็บหรือคัดเลือกงานควรม ี
ถนอม ชาภักดี
40
ี
หรือไม่ ใครเป็นผู้รับผิดชอบ ฯลฯ จะเห็นว่าประเด็นต่างๆ ท่ผู้จัดงานหาข้อสรุปของทิศทาง
หอศิลปะร่วมสมัยฯ นั้นค่อนข้างที่จะล้าสมัย เป็นการด�าเนินไปในทางตั้งรับเสียมากกว่าที่
จะรุกให้สัมฤทธิผล เพราะอย่างน้อยที่สุดผู้ริเริ่มในการจัดกระท�าใดๆ นั้น ควรที่จะมีคณะ
่
ี
�
ั
ั
ิ
ั
ี
้
กรรมการมารบผดชอบวางแผนอย่างเป็นขนตอนมแผนแม่บททชดเจน ไม่ใช่จะมาทาเป็น
สภากาแฟต้งวงคุยกันแล้วก็ผ่านเลยไป โดยไม่มีผลสะท้อนกลับมา เราจะมารอให้ผู้มีอานาจ
�
ั
หยิบยื่นให้โดยไม่มีการรุกหาสิ่งที่เราต้องการนั้น คงจะหวังยาก ตายแล้วเกิดใหม่ไม่รู้กี่ชาติ
จะได้เห็นหรือเปล่าก็ไม่รู้
เคยมีหอศิลป์ พีระศรี ที่ซอยอรรถการประสิทธิ์ สาทรใต้ เมื่อนานมาแล้ว จนเดี๋ยว
�
ื
ี
ี
ั
น้ถูกปิดและอาจจะถูกร้อไปทาคอนโดฯ ตามยุคเศรษฐกิจฟองสบู่แล้วก็ได้ แต่ท่น่นก็เป็น
เพียงห้องแสดงงานศิลปะธรรมดาๆ ไม่ได้มีลักษณะเป็นหอศิลป์ท่ได้มาตรฐานอะไรเลย แต่
ี
ก็ถือว่าเป็นบุญของศิลปินไทย ที่ได้มีโอกาสแสดงงานที่มีลักษณะเป็นเอกเทศเป็นสัดส่วน
ึ
การเติบโตทางเศรษฐกิจพุ่งแรงข้นทุกวัน แต่มักจะสวนทางกันกับกระแสทาง
ิ
ี
ศิลปวัฒนธรรมท่ย่งพุ่งด่งลงสู่ความมืดมน ปรากฏการณ์เช่นน้ดูเหมือนจะเป็นแต่เฉพาะ
ิ
ี
ี
ี
ี
ี
บ้านน้เมืองน้หรือเปล่าไม่ทราบ ในขณะท่สิงคโปร์ ประเทศเล็กๆ ท่หลากหลายเผ่าพันธุ์
หลายวัฒนธรรมและแทบจะหาร่องรอยอารยธรรมของตนเองไม่มีเลย กลับมุ่งเน้นส่งเสริม
เพรียกหาศิลปวัฒนธรรมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ประเทศไทยมีศิลปวัฒนธรรมอย่าง
เหลือเฟือแต่กลับไม่ไยดี ปล่อยให้ผุพังทับถมไปตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย แล้วเราจะ
ี
ื
ี
ื
ี
ไปโทษใครล่ะท่ละเลยเร่องน้ จะบอกว่าศิลปินไม่ผลักดันในเร่องน้ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะม ี
ี
ี
หลักฐานการร้องขอหอศิลป์มาต้งแต่สมัยอาจารย์ศิลป์ พีระศรีท่มีชีวิตอยู่จนป่านน้ก็ยัง
ั
ไม่เป็นรูปเป็นร่าง (หมายถึงหอศิลป์ท่ได้มาตรฐาน) ในเม่อรัฐเป็นศูนย์รวมการดูแลทุกๆ ส่วน
ื
ี
ของการให้บริการ เรื่องพื้นฐานก็ควรจะเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะหยิบยื่นให้หรือว่ารอเอกชน
มาโปรดให้แล้วค่อยอนุโมทนาทีหลัง สาธุ!!!
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art
41
ช่องว่างระหว่างศิลปินกับผู้เสพศิลปะ
หันหน้ากันคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง
ในระยะนี้นิทรรศการศิลปะในบ้านเราค่อนข้างจะคึกคักกันเป็นพิเศษ หอศิลป์หรือ
ห้องแสดงภาพแทบไม่มีตารางว่างเว้น ชนิดท่เรียกว่ามีบัตรเชิญเปิดงานกันวันต่อวันเลย
ี
ี
ั
ก็ว่าได้ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าไม่มีคนไปดูให้สมกับท่ศิลปินน้อยใหญ่ท้งหลายได้ทุ่มเทกัน
ื
สร้างสรรค์ผลงานข้นมา จะมีพอหอมปากหอมคอให้เจ้าของผลงานได้ช่นใจอยู่บ้างก็วันเปิด
ึ
งานเท่านั้นแหละ แต่หลังจากนั้นก็มีแต่แมลงหวี่ แมลงวัน คอยบินดมดอมไล่ความเงียบอยู ่
ในหอศิลป์หรือห้องแสดงงาน
ื
ี
ื
ี
เร่องของเร่องมันอยู่ท่ว่า ความคิดของผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะในทุกวันน้ พยายาม
�
ื
ทางานเพ่อสนองตอบความต้องการของผู้ซ้อมากกว่าสนองความต้องการของผู้ชม เพราะ
ื
�
�
มาตรวัดของความเป็นผู้ประสบผลสาเร็จในการทางานศิลปะเขาวัดกันด้วยว่า ปล่อยงาน
ได้กี่ชิ้น ได้เงินกี่แสน ซึ่งเรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของศิลปินหรอกที่เขาขายงานได้ แต่ปัญหา
ึ
มันเกิดข้นในวงการศิลปะด้วยกันเองว่า แล้วศิลปินไม่คานึงถึงคนท่จะมาชมผลงานศิลปะ
�
ี
กันบ้างหรือ เพราะแสดงมากี่ปีกี่ชาติ คนดูก็จ�ากัดกันอยู่ในวงแคบๆ เท่าเดิม ถึงแม้ว่าการ
แสดงงานศิลปะจะขยายออกไปตามมุมเมือง หรือหัวเมืองใหญ่ๆ แล้วก็ตาม แต่คนที่มาชม
งานก็คือกลุ่มคนหน้าเดิม
ยิ่งเมื่อความคิดของศิลปินท�างานสนองตอบกับกระแสของผู้ซื้อเป็นหลัก มากกว่าที่
จะสนองตอบความต้องการของผู้ชม มิหน�าซ�้ากระแสศิลป์ได้ไหลเวียนขึ้นสู่ห้องแสดงหรูๆ
ตามโรงแรมกลางกรุง เพ่อหาลูกค้าช้นดีมาซ้อผลงานของตัวเองโดยท่ไม่แคร์ว่าจะมีคนไป
ั
ื
ี
ื
ชมสักก่คน ถึงแม้อยากจะดูจนนาลายยืดนาลายไหลก็เข้าไปไม่ได้ เพราะเจ้าพนักงานรักษา
้
�
�
ี
้
ความปลอดภัยไล่ตะเพิดออกมา แล้วใครจะกล้าเข้าไปชมงานศิลปะ ที่บอกว่าเพื่อจรรโลง
โลกให้สุนทรีย์
�
ิ
ี
ในขณะท่สังคมอยู่ในข้นวิกฤตมีแต่มลพิษรอบด้าน ผู้คนกาลังมองหาส่งชโลมจิตใจ
ั
ให้อ่มเอม แล้วผู้สร้างสรรค์งานศิลปะจะไม่แยแสกับผู้คนอีกมากมายกระน้นหรือ หรือว่า
ิ
ั
ื
ื
จะปล่อยให้ช่องว่างระหว่างผู้สร้างกับผู้ชมห่างออกไปเร่อยๆ เหลือแต่ผู้ซ้อกับผู้สร้าง ถ้า
ั
ี
ี
อย่างน้นคานิยามศิลปะก็จะต้องเปล่ยนแปลงกันใหม่ ในขณะท่ภาพแต่ละภาพท่สร้างกัน
ี
�
ออกมา เห็นมีแต่เรื่องพุทธิปัญญา เรื่องความดี ความงาม พิธีกรรมสารพัด แต่ไม่เห็นมัน
ถนอม ชาภักดี
42
จะตอบสนองพุทธิปัญญาของผู้สร้างสรรค์ได้ขนาดไหน
ี
ภายใต้โซ่ตรวนท่พันธนาการไว้ด้วยเงินตราและรางวัล ท่สังคมจอมปลอมยอมรับและ
ี
เชิดชูนั้น เป็นเรื่องที่ยากยิ่งที่จะร้องขอให้ศิลปินผู้สร้างงานเหลียวมองมาหาผู้ชมบ้าง อันนี้
ิ
ไม่ได้ดูถูกดูหม่นผู้สร้างงานศิลปะแต่ประการใด แต่ถ้าลองตรึกตรองดูว่า เราถูกยัดเยียดกัน
มาต้งแต่เด็กท่ครูส่งเสริมเด็กให้วาดภาพเพ่อประกวดชิงรางวัลกันอย่างเอาเป็นเอาตาย บาง
ี
ั
ื
แห่งถึงกับเอาเด็กเข้าค่ายเพื่ออัดฉีดให้เด็กชิงรางวัลให้ได้เพื่อหน้าตาของสถานศึกษา ทั้งๆ
ิ
ิ
่
ิ
็
่
ิ
ี
่
ื
่
ี
ทเดกอาจไม่ได้เพลดเพลนเจรญใจจากสงนนเลยกได้ แต่กเพอทจะได้ยกย่องว่าเก่งเยยม
ี
่
็
ั
็
้
ฝีมือเป็นเลิศ ซ่งเราไม่ได้มองถึงการพัฒนาทางความคิดสร้างสรรค์เลยแม้แต่น้อย พอโตข้น
ึ
ึ
ั
ี
ึ
ิ
มาหน่อยก็ต้องชิงรางวัลท่ต้งกันข้นมาจนนับไม่ถ้วน เราไม่ปฏิเสธหรอกว่าเงินทองเป็นส่ง
จ�าเป็นส�าหรับการด�ารงชีวิต แต่ก็ใช่ว่าสิ่งเหล่านี้จะมาบดบังปิดกั้นความคิดการสร้างสรรค์
งานเพื่อชุมชนหรือเพื่อผู้ชมอีกจ�านวนไม่น้อยที่อยากลิ้มรสแห่งสุนทรียะ
ั
ี
ื
ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มศิลปินบางกลุ่ม บางคนท่ต้งใจสร้างสรรค์ผลงานเพ่อจรรโลงโลก
ึ
ศิลปะให้ผู้คนได้เสพสุขจากงานศิลปะจริงๆ ซ่งก็มีเพียงน้อยนิด แถมยังถูกหาว่าเป็นพวก
�
ศิลปินจาอวดเอาเสียอีก อันเป็นเร่องเจ็บปวดนักในแวดวงศิลปะบ้านเรา ท่ผู้ท่ต้องการ
ี
ี
ื
ี
ทางานเพ่อสาธารณะจริงๆ มักจะถูกทวนกระแสเสมอ หาว่างานท่สร้างสรรค์ออกมาไม่เป็น
ื
�
งานศิลปะบ้างละ หาว่าไม่มีกลุ่มสถาบันบ้าง สารพัดที่จะหาเรื่องสาดใส่กัน
ท้งหลายท้งปวงปัญหาท่ผู้สร้างกับผู้ชมเดินเป็นเส้นขนานอยู่ทุกวันน้ ก็เพราะว่าความ
ี
ั
ั
ี
ี
ั
เข้าใจระหว่างศิลปะกับสังคม ท้งศิลปินและผู้เสพงานศิลปะมีความเข้าใจท่ผิดๆ ฝ่ายหน่ง ึ
ื
ื
เข้าใจว่าศิลปะคือการสร้างสรรค์ แต่ไม่มีจุดมุ่งหมายว่าสร้างสรรค์เพ่ออะไร ไม่เช่อลองถาม
ื
ั
นักเรียนศิลปะดูกันได้ว่า เขาสร้างสรรค์ศิลปะเพ่ออะไร ร้อยท้งร้อยก็ต้องตอบว่า เพ่อสนอง
ื
ี
�
ตอบอารมณ์และความรู้สึกแห่งปัญญา อันเป็นสูตรสาเร็จท่ใช้ตอบกันมาไม่รู้ก่รุ่น รับรองว่า
ี
ไม่มีใครตอบว่า สร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อให้คนดู หรือแม้แต่ศิลปินใหญ่ๆ ทั้งหลายแหล่ก็
ื
ึ
เถอะ และอีกฝ่ายหน่งก็เข้าใจว่า “ศิลปะคือเร่องของความเหลือเฟือ ฟุ้งเฟ้อ บ้าๆ บอๆ พวก
ั
ิ
้
ิ
่
เรยนศลปะกมแตพวกบวมๆ สกปรก ฯลฯ” ซงในแวดวงศลปะบานเรายงไมมใครพยายามท ี ่
ึ
็
ี
่
่
ี
ี
ี
ิ
จะหาจุดท่บุคคลสองกลุ่มน้มาประสานให้สามารถส่อกันได้และนับวันก็ย่งห่างออกไป ทั้งๆ
ี
ื
่
้
้
ึ
ิ
ั
ิ
็
ทศลปะคอผลงานทคนสรางสรรคขน ความเปนไปของความงามทมอยในผลงานศลปะนนๆ
่
่
ี
ื
้
์
ี
ู
ี
่
ี
ความจริงแล้ว ศิลปะและสังคมน้นเป็นส่งท่แยกออกจากกันไม่ได้ มันเป็นส่งควบคู่
ิ
ั
ิ
ี
กันมาตั้งแต่มนุษย์รู้จักการคิดสร้างสรรค์หาวิธีการให้ตัวเองได้รู้จักความสวย ความงามซึ่ง
มีผู้สร้าง (ศิลปิน) และผู้เสพศิลปะ (คนในสังคม) ร่วมกันมา ดังที่ศาสตราจารย์ ADOLFO
SANCHEZ VAZQUEZ เขียนไว้ในหนังสือสุนทรียศาสตร์ว่าด้วย ART AND SOCIETY (1973)
ศิลป์สถานะ:
State of the Art; On Thai Contemporary art