The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Gypzy Publishing, 2023-02-15 05:19:27

ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล Constantinople


ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล ราชินีแห่งนครท้งมวล
Constantinople: The Queen of Cities
ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล: เขียน

ราคา 340 บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล.
ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล ราชินีแห่งนครทั้งมวล = Constantinople: the queen of cities.-- กรุงเทพฯ :
ยิปซี กรุ๊ป, 2566.
294 หน้า.
1. ตุรกี -- ประวัติศาสตร์. 2. ยุโรป -- ประวัติศาสตร์. I. ชื่อเรื่อง.
949.61
ISBN 978-616-301-775-8
© ข้อความในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์

บรรณาธิการอำานวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา วันวิสา เขตรดง
ณัฎฐิ์ภัทร์ ศิรพึ่งเงิน อันโตนิโอ โฉมชา
นักศึกษาฝึกงานกองบรรณาธิการ : จตุพร นาคใหม่ ณัฐดนัย ทัพพุ่ม สหัสทิวา กิจจริต
พิสูจน์อักษร : JoJo Pumpkin
รูปเล่ม : Evolution Art
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดพิมพ์และจัดจำาหน่ายโดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด เลขที่ 37/145 รามคำาแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร 0 2728 0939 ต่อ 108
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID : @gypzy

สนใจสั่งซื้อหนังสือจำานวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำานักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939


CONSTANTINOPLE


The Queen of Cities




ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล


ราชินีแหงนครท้งมวล






ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล




คานาส�านักพิมพ์







เม่อเอ่ยถึงมหานครท่ย่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก คงต้องนึกถึง


เปอร์เซโปลิส โรม ไคโร แบกแดด ปักก่ง ปารีส ลอนดอน และเช่อว่า


ย่อมมีช่อของนครอิสตันบูลหรือคอนสแตนติโนเปิลในอดีตอยู่ในรายช่อ
มหานครเหล่าน้นด้วยอย่างแน่นอน


คอนสแตนติโนเปิลเป็นมหานครท่ต้งอยู่ในทาเลท่เป็นยุทธศาสตร์




เช่อมต่อสามทวีปท้งเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา จึงเป็นศูนย์กลางทางการ

เมือง เศรษฐกิจ การศึกษา และวัฒนธรรมของจักรวรรดิต่างๆ ยาวนาน
เกือบ 1,600 ปี ต้งแต่ยุคโรมัน-ไบแซนไทน์ ละติน จวบจนจักรวรรด ิ

ออตโตมัน อีกท้งตกเป็นท่หมายปองของอารยธรรมต่างๆ นับแต่อดีตกาล


จนถูกศัตรูบุกรุกโจมตีนับคร้งไม่ถ้วน

นอกเหนือจากความสาคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจแล้ว


คอนสแตนตโนเปิลยงมีชอเสยงในฐานะเป็นศนย์กลางการท่องเท่ยวท่ม ี








เสน่ห์สะกดตราตรึงผู้มาเยือนตลอดมา ด้วยช่องแคบบอสฟอรัสท่ค่นกลาง

ระหว่างฝั่งเอเชียกับฝั่งยุโรปทาให้คอนสแตนติโนเปิลเป็นมหานครสอง





ทวีป นอกจากน้ยังมีโบราณสถานและสถานที่ท่องเท่ยวท่สาคัญมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นมัสยิดอายาโซเฟีย สุเหร่าสีน�าเงิน พระราชวังโทปคาปึ หรือ

บาซาร์ท่เก่าแก่ท่สุดแห่งหน่งของโลก




ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิลเล่มน้ ถือได้ว่าเป็นหนังสือ

ไตรภาคเก่ยวกับตุรกีของชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล ต่อจากผลงานแปล
“ประวัติศาสตร์ตุรกี” ของศาสตราจารย์นอร์แมน สโตน และงานเขียน

“The Ottoman Empire มหาจักรวรรดิผู้พิชิต” ซ่งชาครีย์นรทิพย์ฯ



ได้ใช้เวลาหน่งปีในการศึกษา รวบรวม และคัดสรรข้อมูลต่างๆ มาเรียบเรียง




นาเสนอเร่องราวของราชินีแห่งนครท้งมวลแห่งน้ ไม่ว่าจะเป็นประวัต ิ
ของคอนสแตนตินมหาราช ผู้ก่อต้งกรุงคอนสแตนติโนเปิล และสุลต่าน



เมห์เหม็ดท่ 2 ผู้พิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล ไปจนถึงเร่องราวของกาแพง


แห่งคอนสแตนติโนเปิลท่คุ้มครองมหานครแห่งน้ให้อยู่รอดจากเง้อมมือ




ของศตรมายาวนานหลายร้อยปี มนตร์เสน่ห์ของช่องแคบบอสฟอรสและ

อ่าวโกลเดนฮอร์น จวบจนเร่องราวของการท่กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูก


พิชิตในสงครามครูเสดคร้งท่ 4 และปี ค.ศ. 1453 ซ่งถูกกองทัพจักรวรรด ิ















ออตโตมนบกพชตอย่างถาวร อกทงยงนาเสนอเรองราวของไฟกรก
และปืนใหญ่ หน่งอาวุธพิทักษ์หน่งอาวุธพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล




โรคระบาดจัสติเนียน โรคร้ายท่เกือบทาให้กรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็น

เมืองร้าง สัญลักษณ์การเปล่ยนผ่านแห่งคอนสแตนติโนเปิล นครแห่งเขา
7 ลูก หอคอยแห่งมหานคร ปกิณกะจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลสู่นคร
อิสตันบูล จากอดีตสู่ปัจจุบันและอนาคต
ส�านักพิมพ์เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะน�าเสนอเกร็ด ประวัติ ข้อมูล และ
มมมองเกยวกับคอนสแตนติโนเปิล หรอนครอสตนบูลในรปแบบใหม่ๆ ท ่ ี









น่าสนใจจากนักเขียนท่คุ้นเคยและคลุกคลีกับตุรกีมายาวนาน ซ่งได้บรรจง




เลือกสรรเร่องราวมานาเสนออย่างสนุกและแปลกใหม่ ซ่งจะทาให้ท่าน

ได้รู้จักมหานครแห่งน้ในอีกมุมหน่ง

ด้วยมิตรภาพ

สานักพิมพ์ยิปซ ี




คานาผู้เขียน




นครอิสตันบูล หรือกรุงคอนสแตนติโนเปิล นอกจากจะเป็นเมือง
ท่ใหญ่ท่สุดของตุรกีในปัจจุบันซ่งเป็นหัวใจด้านเศรษฐกิจและการค้าของ














ประเทศแล้ว ยงเป็นเมองทมนกท่องเทยวมาเยอนมากทสดเมองหนงของ






โลก โดยในปี ค.ศ. 2019 มีนกท่องเทยวมาเทยวนครอสตนบูล 14.7 ล้าน










คน ทาให้ได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองท่มีนักท่องเท่ยวมาเท่ยวมากท่สุด
เป็นอันดับท่ 9 ของโลกจากการจัดอันดับ Top 100 Cities Destinations

ของ Euromonitor International และข้นมาจากอันดับท่ 10 ในปี ค.ศ.


2018 โดยนอกจากจะเป็นมหานครท่มีความทันสมัยและมีชีวิตชีวาแล้ว








อสตนบลยงเป็นทตงของสถานทสาคญทางประวตศาสตร์มากมาย สมกบ









ท่มหานครแห่งน้มีอายุยาวนานกว่า 2,300 ปี นับต้งแต่ยุคการก่อต้งข้น




ในนาม ไบแซนทิอุม หรือไบแซนเทียม ราว 657 ปีก่อนคริสต์ศักราช จน
มาถึงการถูกเลือกและสถาปนาข้นเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของจักรวรรด ิ


โรมัน ภายใต้การนาของจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชในปี ค.ศ. 330
ไปจนถงการถกกองทพครเสดท 4 ในช่วงปี ค.ศ. 1202–1204 ซงบุก













ยดครองอย่างไม่มใครคาดคดว่ากองทพครสเตยนจะบกเมองของชาว



คริสต์ด้วยกันเอง และการตกสู่มือของกองทัพออตโตมันในปี ค.ศ. 1453
คงไม่ผิดนัก หากจะกล่าวว่า แทบทุกซอกทุกมุมของนครอิสตันบูล
แทรกซ่อนไว้ด้วยประวัติศาสตร์ท่น่าสนใจ และสถานท่ท่องเท่ยวสาคัญ




ท่ดึงดูดให้ผู้คนจากท่วทุกมุมโลกเดินทางมาท่มหานครท่คร่อมสองทวีป





แห่งน้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิหารฮาเกียโซเฟีย ซ่งล่าสุดถูกแปลงให้กลับ



ไปเป็นมัสยิดอายาโซเฟีย พระราชวังโทปคาปึ มัสยิดสีนาเงิน รวมถึง




พิพิธภัณฑ์ท่ยอดเย่ยมอีกมากมาย หรือการเดินเล่นในตลาดสไปซ์บาซาร์



และแกรนด์บาซาร์ ซ่งสามารถเดินได้ท้งวันโดยไม่เบ่อ ยังไม่นับรวมกับ

การน่งเรือล่องช่องแคบบอสฟอรัสท่เพลิดเพลินใจ ทาให้ผู้คนหลงใหล



มนตร์เสน่ห์ของมหานครแห่งน้มาช้านาน

ในการบอกเล่าเรองราวประวตศาสตร์ของมหานครทมประวต ิ













ยาวนานกว่าสองพนปี เช่น นครอสตนบล แน่นอนว่ามข้อมลมากมาย
ในหลากหลายด้านและแง่มุม โดยหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นมหาวิหาร

ฮาเกียโซเฟีย กาแพงธีโอโดเซียน ประวัติศาสตร์จักรวรรดิโรมันตะวันออก

กองทัพครูเสดท่ 4 เหตุการณ์การบุกยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลของกอง
ทัพออตโตมันภายใต้การนาของสุลต่านเมห์เหม็ดท่ 2 ผู้พิชิตแห่งจักรวรรด ิ





ออตโตมัน ฯลฯ ก็ล้วนเป็นหัวข้อท่เป็นท่สนใจ อีกท้งยังมีการศึกษาค้นคว้า


วจัย และเขยนหนังสือออกมาได้เป็นเล่มๆ ดงนันเป้าหมายของผมกยังคง




เป็นการรวบรวมและสกัดข้อมูลในประเด็นท่คิดว่าน่าสนใจออกมา เพ่อให้



ภาพรวมกว้างๆ ท่สมดุลเก่ยวกับมิติต่างๆ ของคอนสแตนติโนเปิล ท้งใน

อดีต ปัจจุบน และอนาคต โดยไม่ได้ลงลกในรายละเอียดด้านเทคนค หรือ





เน้นด้านใดด้านหน่งเป็นการเฉพาะ ด้วยความหวังว่า ข้อมูลท่นาเสนอจะ



สามารถเป็นข้อมูลแรกเร่มท่จะช่วยทาให้ท่านผู้อ่านได้รู้จกมหานครแห่งน ้ ี


เพ่มข้นได้บ้าง อีกท้งเป็นชนวนจุดประกายความสนใจในประเด็นใด








ประเด็นหน่ง เพ่อท่จะศึกษาหาอ่านอย่างลึกซ้งเพ่มเติมได้ต่อไป
ตลอดระยะเวลาหน่งปีท่ผมค้นคว้า อ่านหนังสือ และเดินทางไปเก็บ






ข้อมูลเพ่มเติมท่นครอิสตันบูลเพ่อนามาเขียนหนังสือเล่มน้น้น ส่งหน่ง





ท่เด่นชัดมาก คือ ลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของมหานครแห่งน้ท่ต้ง






อยู่ในทาเลท่เรียกว่า ชัยภูมิ จึงเป็นท่หมายปองของผู้คนทุกยุคทุกสมัย



แต่ท่เหนือกว่าน้น คือ ความเข้มแข็งของมหานคร ท่หากจะเปรียบเทียบ

กับคน ก็คงจะกล่าวได้ว่า ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ท้งภัยคุกคาม


ของกองทัพศัตรู และภัยธรรมชาติต่างๆ อาทิ แผ่นดินไหวและอัคคีภัย




ท่สร้างความเสียหายนานัปการ แต่ทุกคร้งมหานครแห่งน้ก็จะผงาดข้น




ใหม่และปรบตวอย่เสมอ จนกลายเป็นศนย์กลางทางสังคม วฒนธรรม


วิทยาศาสตร์ในยุคต่างๆ
ผมขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกท่านท่หยิบหนังสือเล่มน้ข้นมา













อ่าน ขอบพระคณสานกพมพ์ยปซทให้โอกาส และท้ายทสดผมขอขอบคณ


ต่าย โอเอซิซ และเพิร์ล ครอบครัวท่เป็นกาลังใจให้ผมเสมอ หนังสือ


เล่มน้เปรียบเสมือนบทสรุปของไตรภาคงานเขียนเก่ยวกับตุรกีของผม


ในยคแรกน้ ซงเร่มจากการแปลประวัตศาสตร์ตรกีของศาสตราจารย์







นอร์แมน สโตน ต่อด้วยการเขียนเก่ยวกับประวัติศาสตร์ออตโตมัน และ




ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิลน้ ซ่งผมหวังเป็นอย่างย่งว่าท่านผู้อ่าน

จะได้รับท้งสาระและความบันเทิงครับ
ด้วยความขอบพระคุณและความปรารถนาด ี
(ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล)
กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรก ี
กันยายน 2563


สารบัญ







• คอนสแตนติน มหาราชผู้ก่อต้งกรุงคอนสแตนติโนเปิล 11
• จากไบแซนทิอุมสู่คอนสแตนติโนเปิล 39


• กาแพงแห่งคอนสแตนติโนเปิล 55
• ช่องแคบบอสฟอรัสและอ่าวโกลเดนฮอร์น มนตร์เสน่ห์ 77
มิรู้คลายแห่งคอนสแตนติโนเปิล


• สงครามครูเสดคร้งท่ 4 การเสียกรุงคอนสแตนติโนเปิล 97


คร้งแรกในประวัติศาสตร์
• 1453 ปีแห่งการตัดสินชะตากรรมกรุงคอนสแตนติโนเปิล 121

และสองจักรวรรด ิ
• ไฟกรีกและปืนใหญ่ หน่งอาวุธพิทักษ์ หน่งอาวุธพิชิต 151


กรุงคอนสแตนติโนเปิล

• โรคระบาดจัสติเนียน โรคร้ายท่เกือบทาให้ 179


กรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็นเมืองร้าง
• สัญลักษณ์การเปล่ยนผ่านแห่งคอนสแตนติโนเปิล 191

• นครแห่งเขา 7 ลูก 215

• หอคอยแห่งมหานคร 237

• ปกิณกะจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลสู่นครอิสตันบูล 261
จากอดีตสู่ปัจจุบันและอนาคต

• บรรณานุกรมและแหล่งอ้างอิง 293


คอนสแตนติน มหาราชผู้ก่อต้ง



กรุงคอนสแตนติโนเปิล











จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Emperor Constantine the

Great – ประสูติ 27 กุมภาพันธ์ ประมาณ ค.ศ. 272 และสวรรคต 22

พฤษภาคม ค.ศ. 337) หรือจักรพรรดิคอนสแตนตินท่ 1 (Constantine I)
นอกจากจะเป็นกษัตริย์นักรบที่เก่งกาจและนักปฏิรูปท่ปรีชาสามารถแล้ว


พระองค์ยังได้ช่อว่าเป็นจักรพรรดิโรมันท่หันมานับถือศาสนาคริสต์พระองค์

แรกในประวัติศาสตร์โลก (First Christian Roman Emperor) ด้วย แต ่





ส่งหน่งท่ทาให้จักรพรรดิคอนสแตนตินเป็นท่จดจาในหน้าประวัติศาสตร์โลก

ไม่น้อยไปกว่าวีรกรรมในสมรภูมิก็คือ กรุงคอนสแตนติโนเปิล มหานคร
ท่ย่งใหญ่แห่งยุคซ่งพระองค์เป็นผู้ก่อต้งข้น





ท้งน้ช่อเดิมของจักรพรรดิคอนสแตนติน คือ ฟลาวิอุส วาเลริอุส



อูเรลิอุส คอนสแตนตินุส ออกุสตุส (Flavius Valerius Aurelius
Constantinus Augustus) ประสูติท่เมืองนาอิสซุส (Naissus) [หรือเมืองนิส



(Nis) ต้งอยู่ในเซอร์เบียในปัจจุบัน] โดยเป็นบุตรของนายทหารช่อ ฟลาวิอุส
วาเลริอุส คอนสแตนตินุส (Flavius Valerius Constantinus) ในขณะ




ท่มารดาเป็นชาวกรีกช่อ เฮเลนา (Helena) ซ่งมีความเช่อว่าเฮเลนาเป็น
ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 11


ผู้นับถือศาสนาคริสต์ และเป็นผู้มีอิทธิพลต่อจักรพรรดิคอนสแตนตินจน


ทาให้พระองค์มีความเห็นอกเห็นใจชาวคริสต์มาต้งแต่ต้นจนหันมานับถือ

ศาสนาคริสต์ในภายหลัง โดยจักรพรรดิคอนสแตนตินประสูติในรัชสมัย
ของจักรพรรดิไดโอคลีเชียน (Emperor Diocletian) จักรพรรดิแห่งจักรวรรด ิ




โรมัน ผู้ตระหนักว่าจักรวรรดิโรมันมีพ้นท่กว้างใหญ่เกินกว่าท่คนหน่งคน
จะสามารถปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จักรพรรดิไดโอคลีเชียน จึง
สถาปนาระบบการปกครองท่แยกจักรวรรดิโรมันเป็นฝั่งตะวันออกและ


ตะวันตก ภายใต้ระบอบจตุราธิปไตย (Tetrarchy) ซ่งมีผู้นาส่คนประกอบ



ด้วยตาแหน่งออกุสตุส (Augustus) หรือองค์จักรพรรดิหลักสองพระองค์




ก่อนท่จะมีการแต่งต้งตาแหน่งซีซาร์ (Caesar) เพ่อเป็นรองจักรพรรดิอีก
สององค์ในเวลาต่อมา โดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียนด�ารงตาแหน่งออกุสตุส




























รูปปั้นสัญลักษณ์ระบอบจตุราธิปไตย ซ่งอยู่ท่ปียัซซา ซัน มาร์โก (Piazza San Marco) เมืองเวนิส

CONSTANTINOPLE
12 The Queen of Cities



แห่งตะวันออก (Augustus of the East) มีเมืองหลวงอยู่ท่เมืองนิโคมีเดีย
(Nicomedia) [คือเมืองอิซมิต (Izmit) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตุรก ี
ในปัจจุบัน] ร่วมกับ จักรพรรดิแม็กซิเมียน (Maximian) ออกุสตุสแห่ง


ตะวันตก (Augustus of the West) ซ่งมีเมืองหลวงอยู่ท่เมืองเมดิโอลานุม

(Mediolanum – เมืองมิลานในอิตาลีปัจจุบัน) แม้ว่าจะแบ่งจักรวรรดิออก

เป็นฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก โดยแต่ละฝั่งจะมีสานักพระราชวง

กองทัพ และระบบการบริหารของตัวเอง แต่ก็เป็นการแบ่งเพื่อการบริหาร







ราชการบ้านเมองเท่าน้น เพราะจกรพรรดทงสองพระองค์สามารถเสดจ
ไปท่ใดในจักรวรรดิได้โดยเสรี อีกท้งในเอกสารราชการยังคงยืนยันว่า


จักรวรรดิโรมันยังคงเป็นหน่งเดียวท่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้


ฟลาวิอุส วาเลริอุส คอนสแตนตินุส บิดาของจักรพรรดิคอนสแตนติน

เป็นทหารท่เก่งกาจและได้รับการสถาปนาข้นเป็นซีซาร์ของฝั่งตะวันตก


องค์แรกใน ค.ศ. 293 ในขณะท่ กาเลริอุส (Galerius) ได้รับการสถาปนาข้น




เป็นซีซาร์ของฝั่งตะวันออก ซ่งการดารงตาแหน่งดังกล่าวของคอนสแตนตินุส
ผู้พ่อ ท�าให้คอนสแตนตินุสผู้ลูก (ว่าท่จักรพรรดิคอนสแตนติน) ต้องถูกส่งตัว


ไปยังสานักพระราชวังของจักรพรรดิไดโอคลีเชียน และแม้คอนสแตนตินจะ
ได้รับการดูแล รวมถึงการฝึกสอนในศาสตร์และศิลป์ต่างๆ อาทิ ภาษาละติน
ปรัชญา และวรรณกรรมกรีก แต่โดยท่ผู้นาท้งส่แห่งระบอบจตุราธิปไตย






ต่างไม่มีใครไว้ใจใคร ดังน้นแท้จริงแล้วพระองค์จึงเป็นเหมือนเชลยเพ่อ

ใช้เป็นเคร่องต่อรองและยาเตือนไม่ให้คอนสแตนตินุสซีซาร์แห่งตะวันตก



คิดหรือทาอะไรท่เป็นการท้าทายอานาจขององค์จักรพรรดิมากกว่า แต่


กระน้น คอนสแตนตินก็ทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างมาก และเข้าร่วม




ทาศึกสงครามเพ่อองค์จักรพรรดิ ท้งในดานูบ ซีเรีย และเมโสโปเตเมีย


จนก้าวหน้าข้นเร่อยๆ
ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 13



อย่างไรก็ดี ในช่วงท่คอนสแตนตินประทับอยู่ท่ฝั่งตะวันออกน้น




ก็ตรงกับช่วงท่จักรพรรดิไดโอคลีเชียนและกาเลริอุสดาเนินนโยบายกดข ่ ี
ข่มเหงและทาร้ายผู้นับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการ ภายใต้นโยบาย



“การปราบปรามคร้งใหญ่” ต้งแต่ ค.ศ. 303 ท้งการขับไล่ชาวคริสต์



ออกจากราชสานักและกองทัพโรมัน การทาลายหนังสือทางศาสนา ยึด
ทรัพย์สินของชาวคริสเตียน และทาลายโบสถ์ต่างๆ ซ่งรวมถึงโบสถ์คริสต์



แห่งใหม่ในเมืองนิโคมีเดีย นอกจากน้นยังมีการเผาชาวคริสต์ท่ต่อต้านรัฐ

การจับชาวคริสต์ไปทรมานและประหารชีวิตด้วยวิธีอันโหดเห้ยมต่างๆ

นานา ซ่งเป็นการทาร้ายผู้นับถือคริสต์ศาสนาท่รุนแรงท่สุดนับต้งแต่สมัย





ของจักรพรรดิเนโร (Emperor Nero – ครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 54–68)



และแม้ว่าคอนสแตนตนจะไม่ได้มส่วนร่วมในการดาเนนนโยบาย “การ

ปราบปรามคร้งใหญ่” ดังกล่าวด้วยตนเองโดยตรง แต่เหตุการณ์ดังกล่าว

ก็ดูเสมือนว่าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของพระองค์ไม่น้อย

ต่อมาใน ค.ศ. 305 เม่อจักรพรรดิไดโอคลีเชียนและจักรพรรด ิ
แม็กซิเมียนตัดสินพระทัยท่จะสละราชบัลลังก์พร้อมกัน เน่องจากจักรพรรด ิ


ไดโอคลีเชียนประชวรอย่างหนัก ก็มีการคาดการณ์ว่า คอนสแตนติน


จะได้รับการสถาปนาข้นเป็นออกุสตุส เพ่อสืบราชบัลลังก์แทน แต่ปรากฏ

ว่า กาเลริอุสได้รับการสถาปนาข้นเป็นออกุสตุสแห่งฝั่งตะวันออก ใน








ขณะทคอนสแตนตนุส บดาของคอนสแตนตน ได้รบการสถาปนาขน
เป็นออกุสตุสแห่งฝั่งตะวันตก แต่ไม่เพียงเท่าน้น คอนสแตนตินยังไม่ได้


รับการสถาปนาข้นเป็นซีซาร์อีกต่างหาก โดยกาเลริอุสเลือก แม็กซิมินุส
ไดอา (Maximinus Daia) หลานชายของตนเองข้นดารงตาแหน่งซีซาร์



แห่งฝั่งตะวันออก และ วาเลริอุส เซเวรุส (Valerius Severus) นายพล




ผู้เก่งกาจคนหน่ง ได้รับการแต่งต้งให้ดารงตาแหน่งซีซาร์แห่งฝั่งตะวันตก
การถูกมองข้ามดังกล่าวได้สร้างความผิดหวังและความบาดหมางระหว่าง
CONSTANTINOPLE
14 The Queen of Cities




จกรพรรดแห่งฝั่งตะวันออกองค์ใหม่และคอนสแตนตินเป็นอย่างมาก และ


นอกจากคอนสแตนตินจะตกอยู่ในฐานะเชลยท่ถูกจากัดสิทธ์ย่งกว่าเดิม


แล้ว มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ท่ระบุว่า จักรพรรดิกาเลริอุสได้พยายาม




หาทางกาจัดคอนสแตนตินด้วยวิธีต่างๆ อย่างต่อเน่อง ไม่ว่าจะส่งการให้

คอนสแตนตินนาทัพฝ่าบึงหนองในดานูบ การส่งคอนสแตนตินไปต่อสู้กับ
สิงโต หรือการพยายามลอบสังหารคอนสแตนตินในยามท่ออกล่าสัตว์

หรือออกรบ ซ่งล้วนทาให้คอนสแตนตินตระหนักว่าหากยังคงพานักอยู่ใน




ราชสานักของฝั่งตะวันออกต่อไป ชีวิตของพระองค์คงอยู่ในอันตรายและ


อาจจะหาไม่ได้ทุกเม่อ และโอกาสเดียวท่จะรอดชีวิตไปได้ก็คือต้องหา

ทางออกจากพระราชสานักให้ได้

และก็เป็นจักรพรรดิคอนแตนตนสแห่งฝั่งตะวนตก พระราชบดา




ของพระองค์ย่นมือเข้ามาช่วย ด้วยการส่งสาส์นมาขอตัวพระโอรสไปช่วย











ปฏบตการต่อส้ในบรเตน ซงแน่นอนว่าจกรพรรดกาเลรอสไม่ยอมง่ายๆ
แต่บันทึกของจักรพรรดิคอนสแตนตินท่เขียนข้นในภายหลังบอกเล่าว่า


คืนหน่งหลังจากท่จักรพรรดิกาเลริอุสทรงด่มสุราอย่างหนัก พระองค์



ก็ทรงเผลออนุญาตให้คอนสแตนตินไปช่วยจักรพรรดิแห่งฝั่งตะวันตก


ได้ ดังน้นคอนสแตนตินก็รีบฉวยจังหวะชิงหนีจากสานักพระราชวังใน

คืนน้นเลย ด้วยเกรงว่าจักรพรรดิกาเลริอุสจะทรงเปล่ยนพระทัย โดย

คอนสแตนตินทรงควบม้าเร็วไปยังจุดแวะพักต่างๆ ตามเส้นทางและ

เปล่ยนม้าไปเร่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ซ่งจักรพรรดิกาเลริอุสก็ทรงเปล่ยน







พระทยจรงๆ เมอได้สต แต่คอนสแตนตินกจากไปไกลแล้ว จกรพรรด ิ




กาเลริอุสจึงไม่มีทางเลือกอ่น นอกจากปล่อยเลยตามเลย
คอนสแตนตินเดินทางมาพบกับพระราชบิดาท่ดินแดนกอล (Gaul)
*


* กอล (Gaul) แคว้นกอล เป็นช่อท่ชาวโรมันใช้เรียกดินแดนในแถบฝร่งเศส เบลเยียม และเยอรมนีตะวันตกใน


ปัจจุบัน — บ.ก.
ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 15



รูปปั้นจักรพรรดิคอนสแตนตินท่เมืองยอร์กในอังกฤษ


ท่เมองบูโลญ (Boulogne – ชายฝั่งทิศเหนือของฝร่งเศสในปัจจุบัน) ในราว




ปี ค.ศ. 305 ก่อนท่จะติดตามพระราชบิดาข้ามช่องแคบอังกฤษไปยัง
บริเตน ไปยังเมืองอีโบราคุม (Eboracum – เมืองยอร์กในอังกฤษ
ปัจจุบัน) ซ่งเป็นเมืองหลวงของดินแดนบริแทนเนีย เซคุนดา (Britannia





Secunda) และใช้เวลาแรมปีอย่กบบดาในการทาศกสงครามในบรเตน


เหนือ ต่อสู้กับชาวพิคท์ ที่ได้รับการขนานนามว่า เหล่านักรบสีนาเงิน
*





แห่งสกอตแลนด์ ซ่งประสบความสาเร็จเป็นอย่างมาก ก่อนท่จักรพรรด ิ
คอนสแตนตินุสจะประชวรและเสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 306 โดยก่อน

ส้นพระชนม์ จักรพรรดิคอนสแตนตินุสได้ประกาศสนับสนุนการสถาปนา

คอนสแตนตินให้ข้นสู่ตาแหน่งออกุสตุส ซ่งกองทัพท่จงรักภักดีต่อ



จักรพรรดิคอนสแตนตินุสก็ถวายความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิองค์ใหม่



* ชาวพิคท์ (Picts) กลุ่มชาติพันธุ์ท่ต้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณท่ต่อมาเป็นทางด้านตะวันออกและทางตอนเหนือของ
สกอตแลนด์ — บ.ก.
CONSTANTINOPLE
16 The Queen of Cities


*
อย่างไม่ลังเล รวมถึงดินแดนกอลและบริเตนด้วย มีเพียงฮิสเปเนีย ซึ่ง
เป็นดินแดนภายใต้การปกครองของพระราชบิดาของพระองค์ได้ไม่ถึงปี


เท่าน้นท่ไม่ยอมรับคอนสแตนติน


ดังน้นคอนสแตนตินจึงส่งสาส์นไปยังจักรพรรดิกาเลริอุส เพ่อแจ้ง
ข่าวการเสด็จสวรรคตของจักรพรรดิคอนสแตนตินุส และการสถาปนา


ตนเองข้นดารงต�าแหน่งออกุสตุส พร้อมท้งส่งภาพวาดของพระองค์ท่ ี



สวมชุดประจาตาแหน่งออกุสตุสตามธรรมเนียมปฏิบัติ และเรียกร้องให้
จักรพรรดิกาเลริอุสยอมรับว่า พระองค์เป็นรัชทายาทท่คู่ควรจะสืบทอด


ตาแหน่งต่อไป และพระองค์เพียงรับตาแหน่งเพราะเป็นข้อเรียกร้องของ


กองทัพ ท้งน้มีบันทึกว่า จักรพรรดิกาเลริอุสพิโรธอย่างมาก และเกือบ


จะนาภาพวาดของคอนสแตนตินไปเผาด้วยซา แต่ท่ปรึกษาของพระองค์



ก็ค่อยๆ ปลอบจนพระองค์ใจเย็นลง พร้อมช้ให้เห็นว่า การปฏิเสธคา


กล่าวอ้างของคอนสแตนติน ย่อมหมายความถึงการประกาศสงครามอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ จักรพรรดิกาเลริอุสจึงยอมประนีประนอม แต่ประกาศให้


คอนสแตนตินรับตาแหน่งซีซาร์แห่งฝั่งตะวันตกแทนท่จะเป็นออกุสตุส





และเล่อนข้นเซเวรุสข้นเป็นจักรพรรดิแห่งฝั่งตะวันตก เพ่อให้เป็นท่ประจักษ์

ว่า พระองค์เป็นผู้เดียวท่มีอานาจแต่งต้งตาแหน่งต่างๆ ซ่งคอนสแตนติน




ยอมรับการตัดสินใจดังกล่าว เพราะอย่างน้อยก็เป็นการยืนยันสถานะ

ของพระองค์อย่างเป็นทางการ เน่องจากระบอบจตุราธิปไตยไม่ได้มีการ
ถ่ายทอดทางสายเลือด ท้งน้การรับตาแหน่งดังกล่าว ทาให้คอนสแตนติน





ได้รับดินแดนท่ประกอบไปด้วยบริเตน กอล และฮิสเปเนีย อีกท้งทรง



ควบคุมกองทัพท่ใหญ่ท่สุดกองทัพหน่งของจักรวรรดิโรมัน



แต่พฒนาการดงกล่าวทาให้แมกเซนตอส (Maxentius) พระโอรส




* ฮิสเปเนีย (Hispania) เป็นช่อท่โรมันใช้เรียกคาบสมุทรไอบีเรียท้งหมด ปัจจุบันคือประเทศสเปน โปรตุเกส



อันดอร์รา ยิบรอลตาร์ และส่วนเล็กๆ ทางตอนใต้ของฝร่งเศส — บ.ก.

ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 17


ของอดีตจักรพรรดิแม็กซิเมียนออกุสตุสแห่งตะวันตก ผู้สละราชบัลลังก์


ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ก็รอคอยการได้รับสถาปนาข้นเป็น

ซีซาร์แห่งฝั่งตะวันตกเช่นกัน และเคยผิดหวังมาคร้งหน่งแล้ว ตอนท ี ่

พระราชบิดาสละราชบัลลังก์ แม็กเซนติอุสอิจฉาอานาจของคอนสแตนติน



และเร่มเป็นปรปักษ์กับคอนสแตนตินอย่างชัดเจนข้น ก่อนท่จะตัดสินใจ


ประกาศตนเองเป็นจักรพรรดิในวันท่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 306 แต่จักรพรรด ิ
กาเลริอุสไม่ยอมรับการประกาศดังกล่าว และมองว่าแม็กเซนติอุสก่อกบฏ
จึงส่งจักรพรรดิเซเวรุสไปจัดการกับแม็กเซนติอุส แต่กองทัพของเซเวรุส



ซ่งล้วนเป็นพลทหารท่เคยรับใช้อดีตจักรพรรดิแม็กซิเมียน พระราชบิดา
ของแม็กเซนติอุสจึงหักหลังเซเวรุส และแปรพักตร์ไปสวามิภักด์กับ

แม็กเซนติอุสพร้อมจับเซเวรุสเป็นเชลยและจับประหารชีวิตในเวลาต่อมา
จักรพรรดิกาเลริอุสจึงยกทัพมาบุกกรุงโรมในฤดูใบไม้ร่วง แต่ก็ไม่สามารถ




พชิตกรงโรมได้ ในขณะเดยวกนอดตจักรพรรดแม็กซิเมียน ซ่งถกพระราช





โอรสร้องขอให้กลับคืนเวทีการเมืองเพ่อสนับสนุนการกบฏของตน ก็เสด็จ




ไปพบกบคอนสแตนตนเพอปองกนไมใหสถานการณเลวรายลง โดยเสนอให ้






คอนสแตนตินแต่งงานกับฟาอุสตา (Fausta) พระธิดาของตน พร้อมท้งเสนอ

จะยกระดับคอนสแตนตินจากซีซาร์ข้นเป็นออกุสตุส แต่คอนสแตนติน

จะต้องยอมรับการเป็นพันธมิตรทางทหาร เหมือนในยุคของพระราชบิดา
และสนบสนนตาแหน่งของแมกเซนตอสในอตาล ซงคอนสแตนตนยอมรบ












ข้อเสนอดังกล่าว และแต่งงานกับฟาอุสตาในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 307
อดีตจักรพรรดิแม็กซิเมียนเดินทางกลับมาถึงกรุงโรมในช่วงฤดูหนาวของ
ปี ค.ศ. 307 แต่ไม่นานนักก็เกิดผิดใจกับพระโอรส พระองค์จึงพยายามท ี ่
จะทารัฐประหารโค่นล้มพระโอรสในปี ค.ศ. 308 แต่ก็ไม่ประสบผลสาเร็จ



พระองค์จึงเสด็จหนีไปร่วมสานักพระราชวังของคอนสแตนติน
ในช่วงต้นของการดารงตาแหน่ง คอนสแตนตินพยายามครอง


CONSTANTINOPLE
18 The Queen of Cities



ตัวเองไม่เข้าไปยุ่งเก่ยวกับปัญหาทางการเมืองในอิตาลี และเน้นการ

*
เดินหน้าต่อสู้กับชนเผ่าป่าเถ่อนเจอร์แมนิก และชาวแฟรงก์ ท่พยายาม

**
ยึดดินแดนกอล และในยามท่ไม่ออกรบ พระองค์ก็จะเสด็จไปเยือนดิน




แดนต่างๆ เพ่อให้คาแนะนาด้านการพัฒนาบ้านเมืองและการสนับสนุน
ศิลปะ อีกท้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเมืองต่างๆ ภายใต้การปกครอง

ของพระองค์ โดยเฉพาะเมืองเทรียร์ (Trier) และมีบันทึกทางประวัติศาสตร์
ว่า พระองค์ให้ความปรานีกับชาวคริสเตียน แม้ว่าในช่วงน้นพระองค์จะ

ยังไม่ได้เปล่ยนมานับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการ โดยทรงออก


กฎหมายคืนท่ดินและทรัพย์สินให้แก่ชาวคริสเตียนท่ถูกลิดรอนสิทธ ์ ิ

ไปก่อนหน้าน้ ซ่งมีการคาดการณ์ว่า พระองค์คงพิจารณาแล้วว่าเป็น





นโยบายทดกว่าการปราบปรามชาวคริสต์อย่างเปิดเผยซงมแต่จะสร้าง




ความรู้สึกต่อต้าน นอกจากน้การดาเนินนโยบายดังกล่าวยังทาให้พระองค์



มีภาพลักษณ์ท่แตกต่างและดีกว่าจักรพรรดิกาเลริอุส ท่เป็นผู้อยู่เบ้องหลัง


การปราบปรามชาวคริสเตียนอันโหดร้าย ซ่งการท่พระองค์ปฏิเสธท่จะ




เข้าร่วมในการเมืองอันยุ่งเหยิงของจักรวรรดิโรมัน ทาให้พระองค์ได้รับ

ความนิยมจากพสกนิกรเพ่มมากข้น และทาให้ฐานอานาจของพระองค์



ในฝั่งตะวันตกเข้มแข็งข้นด้วย


อย่างไรก็ดี วันท่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 308 จักรพรรดิกาเลริอุส



ทรงเรียกประชุมสภาเพ่อถกปัญหาความไม่ม่นคงในฝั่งตะวันตก ซ่งผลก ็




* เจอร์แมนิก (Germanic) เป็นกลุ่มชนในประวัติศาสตร์ท่เดิมต้งถิ่นฐานอยู่ทางตอนเหนือของยุโรป ผู้ท่สืบเช้อสาย
มาจากกลุ่มชนนี้กลายมาเป็นต้นตระกูลของชาตพันธุ์ต่างๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป ได้แก่ ชาวสวีเดน

เดนมาร์ก นอร์เวย์ อังกฤษ ไอซ์แลนด์ เยอรมัน ออสเตรีย ดัตช์ เป็นต้น — บ.ก.

** แฟรงก์ (Franks) กลุ่มชนเจอร์แมนิกกลุ่มหนึ่ง ปรากฏตัวคร้งแรกในบันทึกทางประวัติศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษท ่ ี


3 อาศัยอยู่ในท่ราบลุ่มทางตะวันออกของแม่น�าไรน์ล่าง ในตอนนั้นชาวแฟรงก์แบ่งออกเป็นสามกลุ่มย่อย คือ ชาว
ซาเลียน ชาวริปัวเรียน และชาวชัตติหรือชาวเฮสเซียน แต่ละกลุ่มมีความเกี่ยวข้องกันทางด้านภาษาและวัฒนธรรม
แต่ในทางการเมืองถือว่าเป็นคนละชนเผ่ากัน — บ.ก.
ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 19



คือ อดีตจักรพรรดิแม็กซิเมียนถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์อีกคร้ง และ







คอนสแตนตนถกลดตาแหน่งให้กลบไปเป็นซซาร์ โดยกาเลรอสแต่งตง


พันธมิตร คือ ลิซินิอุส (Licinius) ให้ดารงตาแหน่งออกุสตุสแห่งฝั่งตะวันตก



แต่คอนสแตนตินปฏิเสธท่จะยอมรับการถูกลดตาแหน่งดังกล่าว และยัง


คงออกเหรียญตราท่ระบุว่าพระองค์เป็นออกุสตุสต่อไป ในขณะเดียวกัน
แม็กซิมินุส ไดอา หลานชายของจักรพรรดิกาเลริอุส ก็ทรงผิดหวังและ
หงุดหงิดท่ถูกลิซินิอุสชิงตาแหน่งไป และเรียกร้องให้กาเลริอุสเล่อนข้นให้





ตนเอง กาเลริอุสเสนอท่จะเรียกแม็กซิมินุสและคอนสแตนตินว่า “โอรส



แห่งออกุสตุส” แต่ท้งสองไม่ยอมรับตาแหน่งใหม่ดังกล่าว และเม่อมาถึงฤด ู
ใบไม้ผลของปี ค.ศ. 310 พระองค์กต้องจาใจเรยกทงสองคนว่า ออกุสตส








การถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์อีกคร้ง ทาให้อดีตจักรพรรด ิ




แมกซเมยนโกรธเคองเป็นอย่างมาก และในจงหวะทพระองค์ถกส่งไปทาง





ใต้เพ่อเตรียมการเผ่อแม็กเซนติอุสจะยกทัพบุก พระองค์ก็ก่อการกบฏ


ในระหว่างที่คอนสแตนตินออกไปปฏิบัติการทางทหารต่อสู้กับพวกแฟรงก์

โดยอดีตจักรพรรดิแม็กซิเมียนเร่มแผนการกบฏด้วยการประกาศว่า
คอนสแตนตนสนพระชนม์แล้ว และเสนอทจะให้เงินสนับสนุนใครกตามท ่ ี






สวามิภักด์ต่อพระองค์ แต่กระน้น กองทัพของคอนสแตนตินก็ยังคงจงรัก



ภักดีต่อคอนสแตนติน ทาให้แม็กซิเมียนไม่มีทางเลือกและต้องหลบหน ี

ออกจากดินแดนของคอนสแตนตินไป เม่อคอนสแตนตินได้รับรายงาน
ข่าวการกบฏของแม็กซิเมียน ก็ทรงยกทัพกลับมา แม็กซิเมียนถูกจับได้
อย่างง่ายดาย และแม้ว่าจะไม่ถูกประหารในทันที แต่คอนสแตนตินก็ส่อ

เป็นนัยให้รู้ว่า ทางออกท่ดีท่สุดน่าจะเป็นการอัตวินิบาตกรรม จักรพรรด ิ



แม็กซิเมียนจึงแขวนคอพระองค์เองในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 310 ซ่งใน

ช้นต้นคอนสแตนตินเสนอข้อมูลว่า การอัตวินิบาตกรรมของอดีตจักรพรรด ิ
แม็กซิเมียน เป็นโศกนาฏกรรมภายในครอบครัว โดยแม้ว่าพระองค์จะ
CONSTANTINOPLE
20 The Queen of Cities


ให้อภัยแม็กซิเมียนแล้ว แต่แม็กซิเมียนก็วางแผนจะลอบปลงพระชนม์


พระองค์อยู่ดี ซ่งฟาอุสตาพระราชธิดาของแม็กซิเมียนได้ทราบแผนการ
ดังกล่าว และเตือนคอนสแตนตินได้ทันการณ์ แม็กซิเมียนจึงถูกจับได้


คาหนังคาเขา อย่างไรก็ดี แม็กเซนติอุสก็ฉวยจังหวะพยายามท่จะแสดง
ภาพว่าพระองค์เป็นคนท่รักและทุ่มเทต่อพระราชบิดา และประกาศว่า









พระองคจะแกแคนใหพระราชบดา แม้วาก่อนหน้าน ความสัมพนธ์ระหว่าง

ท้งสองจะแตกหักก็ตาม

ท้งน้ในช่วงกลางปี ค.ศ. 310 จักรพรรดิกาเลริอุสประชวรหนัก


จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ได้อีกต่อไป โดยพระราชโองการสุดท้ายใน



วันท่ 30 เมษายน ค.ศ. 311 ก็คือการส่งยุติการปราบปรามผู้นับถือ

ศาสนาคริสต์ และกลับมาให้ความอดทนอดกล้นทางศาสนา พระองค์
ส้นพระชนม์หลังจากน้นไม่นาน ทาให้เป็นจุดเร่มต้นในจุดจบของระบอบ





จตุราธิปไตย โดยแม็กซิมินุสรวบรวมทหารและทาการปฏิวัติเพ่อโค่นล้ม

ลิซินิอุส โดยบุกยึดดินแดนเอเชียไมเนอร์ในทันที ในขณะเดียวกัน ระหว่าง
ท่คอนสแตนตินไปปฏิบัติภารกิจในบริเตนและกอล แม็กเซนติอุสก็เตรียม






การสาหรบสงคราม ด้วยการยกระดบความมนคงในอตาลตอนเหนอ และ



พยายามเรียกเสียงสนับสนุนจากชุมชนคริสเตียน โดยยอมให้พวกเขาได้
เลือกบาทหลวงแห่งโรมองค์ใหม่เอง ซ่งแม้จะได้รับความนิยมในช่วงแรก



แต่การปกครองของแม็กเซนติอุสก็ส่นคลอนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเม่อ


พระองค์เพ่มภาษี ซ่งส่งผลให้เกิดการจลาจลในกรุงโรมและคาร์เธจ จน
สองปีให้หลัง ประชาชนก็แทบจะทนพระองค์ไม่ไหวอีกต่อไป
เม่อมาถึงช่วงกลางปี ค.ศ. 311 ผู้ท่ทรงอิทธิพลท่สุดในจักรวรรด ิ



โรมัน ประกอบด้วยคอนสแตนตินและแม็กเซนติอุส ในฝั่งตะวันตก
และลิซินิอุสกับแม็กซิมินุส ไดอา ในฝั่งตะวันออก โดยคอนสแตนติน
พยายามท่จะหลีกเล่ยงการปะทะกับแม็กเซนติอุส ผู้มีความสัมพันธ์เป็น


ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 21




พ่เขยและน้องเขยกัน แต่ถึง ค.ศ. 312 ก็เป็นท่ชัดเจนว่าไม่สามารถท่จะ



หลีกเล่ยงการเผชิญหน้าได้อีกต่อไป และในขณะท่ลิซินิอุสยังคงวุ่นวาย
อยู่กับการจัดการภารกิจในฝั่งตะวันออก แม็กเซนติอุสก็เตรียมทัพทหาร

พร้อมประกาศศึกกับคอนสแตนติน โดยอ้างว่าเพ่อเป็นการแก้แค้นให้การ


ท่พระราชบิดาของตนถูก “ฆาตกรรม” แต่เพ่อชิงจังหวะไม่ให้แม็กเซนติอุส
ร่วมเป็นพันธมิตรกับลิซินิอุส คอนสแตนตินก็ชิงจังหวะสานพันธมิตร
กับลิซินิอุสก่อน ด้วยการเสนอให้ลิซินิอุสแต่งงานกับคอนสแตนติอา
(Constantia) น้องสาวของพระองค์ในช่วงฤดูหนาวของปี ค.ศ. 311–312



แต่การดาเนินการดังกล่าว ทาให้แม็กซิมินุส ไดอามองว่าเป็นการท้าทาย


อานาจของตน จึงส่งคณะทูตไปยังกรุงโรมเพ่อแสดงความพร้อมท่จะ

ยอมรับอานาจของแม็กเซนติอุส เพ่อแลกกับการสนับสนุนทางการทหาร


แม็กเซนติอุสกับแม็กซิมินุส ไดอาจึงร่วมเป็นพันธมิตรกัน

ในฤดใบไม้ผลิ ค.ศ. 312 คอนสแตนตนเหนว่าไม่สามารถทจะถ่วง




เวลาได้อีกต่อไป จึงรวบรวมกองทัพประมาณ 40,000 นาย และหมาย
จะเอาชนะแม็กเซนติอุสด้วยตัวเอง และแม้ท่ปรึกษาและนายพลของ


พระองค์จะพยายามทักท้วงเก่ยวกับการบุกโจมตีแม็กเซนติอุสก่อน แต่

กระน้น คอนสแตนตินก็ไม่ฟังและยกทัพข้ามเทือกเขาแอลป์ โดยมาพบ
กับเมืองเซกูซิอุม (Segusium) [หรือเมืองซูซา (Susa) ในอิตาลีปัจจุบัน]
ซ่งเป็นเมืองท่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาและไม่ยอมเปิดทางให้กองทัพ




ของพระองค์ คอนสแตนตินจึงส่งให้เผาประตูเมืองและปีนกาแพงเมือง
เข้าไปจนสามารถยึดเมืองดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนท่จะเดินหน้าต่อไป

จนมาถึงเมืองออกุสตา ทาอุริโนรุม (Augusta Taurinorum – เมืองตูรินใน

อิตาลีปัจจุบัน) ซ่งพระองค์ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพทหารม้าขนาดใหญ่
ของแม็กเซนติอุสในยุทธการ ณ ตูริน (Battle of Turin) โดยการต่อสู้

คร้งน้เป็นการแสดงพระปรีชาสามารถทางการทหารของคอนสแตนติน

CONSTANTINOPLE
22 The Queen of Cities


เพราะกองทัพของแม็กเซนติอุสมีมากถึงแสนนาย

กองทัพของแม็กเซนติอุสมีทหารม้าเป็นหลัก และถึงแม้ว่ากองทัพ
ของคอนสแตนตินจะตกเป็นรองในทุกด้าน แต่พระองค์ทรงพัฒนาแผน

การต่อสู้กับกองทัพศัตรูด้วยอัจฉริยภาพ โดยทรงจัดแถวรบให้มีแนวยาว




กว่าศัตรู และเม่อฝ่ายตรงข้ามซ่งเป็นทหารม้าท่สวมชุดเกราะหนักเร่มบุก
ตรงกลาง พระองค์ก็ส่งให้กองพลทหารม้าเบาทางปีกซ้ายและปีกขวาโผ



เข้าโอบล้อมหลังศัตรูเอาไว้ ทาให้ศัตรูตกอยู่ในบ่วงกับดักท่ไม่มีทางหน ี

นอกจากน้คอนสแตนตินยังส่งการให้ทหารของพระองค์ใช้กระบอกไม้ท ี ่





มีเหล็กย่นออกมาจากด้านบนรอบหัวกระบอง ซ่งเป็นอาวุธท่เย่ยมยอดใน

การตอบโต้กับกองพลทหารม้าท่สวมชุดเกราะหนัก ทาให้ทหารศัตรูท้งถูก



ทุบตีจนตกม้า หรือถูกอาวุธดังกล่าวทุบตีจนเสียศูนย์ เม่อเจอสถานการณ์
ดังกล่าว ทหารของแม็กเซนติอุสก็เสียกาลังใจ และเร่มหลบหนี แต่ก็ถูก






สงหารลงเป็นจานวนมาก และเม่อกองทพของแมกเซนตอุสมุ่งหน้าไป



ยังเมืองออกุสตา ทาอุริโนรุม คอนสแตนตินก็เป็นผู้นากองทัพไล่ล่าศัตร ู
ด้วยพระองค์เอง ท้งน้เมืองออกุสตา ทาอุริโนรุมปฏิเสธท่จะเปิดประต ู





เมืองให้แก่ทหารของแม็กเซนติอุสท่หลบหนีมา ทาให้ทหารถูกสังหารท ่ ี
กาแพงเมืองอีกเป็นจานวนมาก โดยประชาชนเมืองออกุสตา ทาอุริโนรุม




ให้การต้อนรับคอนสแตนตินอย่างย่งใหญ่ หลังจากน้นช่อเสียงของ


คอนสแตนตินก็โด่งดังมากข้น ประชาชนช่นชมการที่พระองค์ให้เกียรต ิ


และดูแลพสกนิกรเป็นอย่างดี ทาให้พระองค์ได้รับการสนับสนุนจาก

ประชาชนในเมืองอ่นๆ ด้วย และต่อมาก็สามารถพิชิตดินแดนในอิตาล ี
ตอนเหนือได้อย่างง่ายดาย
ชัยชนะท่ยุทธการตูริน ทาให้เส้นทางในอิตาลีเปิดกว้างสาหรับ



คอนสแตนติน โดยพระองค์เสด็จต่อไปยังมิลาน และได้รับการต้อนรับ
ด้วยความช่นชมยินดีจากประชาชน พระองค์มีชัยชนะเหนือกองทัพของ

ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 23











แมกเซนตอสอกสองครงทเบรสเซย (Brescia) และเวโรนา (Verona)
ก่อนท่จะยกทัพมุ่งหน้าไปยังกรุงโรม และทาการต่อสู้กับแม็กเซนติอุส



คร้งสาคัญคร้งสุดท้าย


เดิมทีแม็กเซนติอุสเตรียมแผนรบว่าจะรับมือกับคอนสแตนติน
เหมือนท่ประสบความสาเร็จในการสู้รบกับเซเวรุสและกาเลริอุสก่อน


หน้าน้ ด้วยการรออยู่ท่กรุงโรมและได้มีการกักตุนเสบียงเพ่อเตรียมพร้อม







สาหรับการถูกปิดล้อมแล้ว นอกจากน้ยังมีกาแพงเมืองท่หนาแน่นให้ความ
คุ้มกันด้วย และแม็กเซนติอุสได้ส่งการให้ทาลายสะพานข้ามแม่นาไทเบอร์













ทงหมดตามทได้รบคาแนะนาจากการปรกษาเทพเจ้าทานาย ทาให้กรงโรม







ถูกตัดขาดจากพ้นท่ส่วนอ่นๆ อีกท้งทาให้ภาคกลางอิตาลีปราศจากการ
ปกป้อง คอนสแตนตินจึงสามารถเดินทัพผ่านดินแดนดังกล่าวได้โดย
ไม่มีการกีดขวางเลย กองทัพคอนสแตนตินค่อยๆ ยกทัพไปอย่างช้าๆ

เพ่อกดดันให้สถานการณ์ของแม็กเซนติอุสย่งเลวร้ายข้น และความนิยม



ในตัวแม็กเซนติอุสก็ลดลงเร่อยๆ โดยมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ว่า ใน


การแข่งขันรถม้าศึกในวันท่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 312 ฝูงชนเร่มล้อเลียน

แม็กเซนติอุสและตะโกนว่า คอนสแตนตินเป็นผู้ไม่เคยปราชัย จึงทาให้




แม็กเซนติอุสเร่มไม่ม่นใจว่าจะสามารถชนะศึกคร้งน้ได้ด้วยการอยู่น่งเฉย

และปรึกษาโหรผู้คุมตาราทานายอนาคตไซบิลไลน์ บุ๊กส์ (Sibylline


Books) และได้รับคาทานายว่า “ในวันน้น ศัตรูของกรุงโรมจะมอดม้วย”





ซ่งแม็กเซนติอุสตีความคาทานายน้นเข้าข้างตนเอง อีกท้งวันท่ 28 ตุลาคม




ค.ศ. 312 ซ่งเป็นวาระครบรอบหกปีแห่งการข้นครองราชย์ของพระองค์ ซ่ง ึ



ถือเป็นฤกษ์ดี พระองค์จึงตัดสินพระทัยยกทัพออกไปเพ่อเตรียมเผชิญหน้า

กับคอนสแตนติน โดยส่งให้สร้างสะพานไม้และสะพานโป๊ะช่วคราวข้าม

แม่น�้าไทเบอร์ สะพานมิลเวียน (Ponte Milvio – ซึ่งในทุกวันนี้ยังมีสะพาน
ที่ตั้งอยู่ ณ จุดที่ใกล้เคียงกับที่เดิม แต่ได้มีการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น)
CONSTANTINOPLE
24 The Queen of Cities


ภาพวาดศึกสะพานมิลเวียน




ท้งน้ศึกสะพานมิลเวียน (Battle of the Milvian Bridge)




เป็นศึกคร้งสาคัญท่มีผลต่อคอนสแตนตินเป็นอย่างมาก โดยเกิดข้น
เม่อวันท่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 312 ซ่งนักประวัติศาสตร์หลายคนส่อว่า






เป็นเหตุการณ์ท่ทาให้จักรพรรดิคอนสแตนติน ซ่งทรงนับถือเทพแห่ง


พระอาทตย (Sol Invictus) มาก่อน หันมาศรัทธาและนับถือศาสนาคริสต์


อย่างจริงจัง เพราะทรงเช่อว่าเป็นเพราะความช่วยเหลือของพระเป็นเจ้า
แห่งคริสต์ศาสนา โดยรายละเอียดของเหตุการณ์ท่นาไปสู่ชัยชนะของ


จักรพรรดิคอนสแตนตินในศึกสะพานมิลเวียนมีความแตกต่างกันไม่น้อย
โดยแลคตันติอุส (Lactantius) นักประวัติศาสตร์ชาวละตินระบุว่า ในคืน

ก่อนการสู้รบ จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงพระสุบินว่าได้รับคาส่งให้วาด


รูปสัญลักษณ์แห่งสรวงสวรรค์บนโล่ของทหารพระองค์ ซ่งพระองค์ทรง


ทาตามด้วยการใช้สัญลักษณ์ท่เขียนช่อพระเยซู ซ่งแลคตันติอุสบรรยาย



สัญลักษณ์ดังกล่าวว่าเป็นไม้กางเขนละตินท่ด้านบนมีทรงกลมและมีรูปแบบ
เหมือนตัว P ในขณะที่ยูเซบิอุส (Eusebius) นักประวัติศาสตร์อีกคนบันทึก
ไว้ว่า จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงรับสั่งให้เขาฟังว่า ในระหว่างที่พระองค์
กาลังเคล่อนทัพอยู่น้น ในช่วงกลางวัน พระองค์ได้แหงนพระพักตร์





ข้นมองพระอาทิตย์ ก็เห็นไม้กางเขนปรากฏข้นเหนือพระอาทิตย์ และเห็น
ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 25



อักษรกรีกว่า “Εν Τούτῳ Νίκα” (En toutō níka) ซ่งมักได้รับการ

*
แปลเป็นภาษาละตินว่า “In hoc signo vinces” ท่ความหมายตรงตัว
ของภาษากรีกก็คือ “ด้วยสัญลักษณ์น้ จงพิชิต” ขณะท่ในภาษาละตินจะ


แปลว่า “ด้วยสัญลักษณ์น้ เจ้าจะพิชิต”






















ภาพวาดจักรพรรดิคอนสแตนตินเห็นสัญลักษณ์ Chi-Rho


แรกเร่มจักรพรรดิคอนสแตนตินทรงไม่ม่นใจกับส่งท่เห็นเท่าใด





แต่ในคืนน้น พระองค์ทรงพระสุบินเห็นพระเยซู ซ่งรับส่งให้ใช้สัญลักษณ์










ดงกล่าวในการต่อส้กบศัตร จักรพรรดคอนสแตนตนจงรับสงให้เขียน


ตัวอักษรเป็นรูปตัว Chi (X) โดยมีตัวอักษร Rho (P) ทับ ทาให้กลาย
เป็นสัญลักษณ์ ☧ ซึ่งเป็นอักษรสองตัวแรกของช่อพระเยซูในภาษากรีก

(ΧΡΙΣΤΟΣ / Christos) และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ Chi-Rho


ซงสญลกษณ์นจะถูกนาไปตดบนธงศกทเรยกว่า ลาบารม (Labarum)











ทงนนกประวตศาสตร์ทงสองเหนพ้องกนว่า ในขณะนนสญลกษณ์















* ภาษาอังกฤษว่า ”In this sign„ — บ.ก.
CONSTANTINOPLE
26 The Queen of Cities





ดังกล่าวยังไม่เป็นท่รับรู้อย่างกว้างขวางว่าเป็นสัญลักษณ์ท่ส่อความ
หมายถึงพระเยซู (แม้ว่าในหมู่ชาวคริสเตียนจะใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวบน

หีบศพหิน เพ่อสะท้อนว่าเป็นหีบศพของชาวคริสเตียนแล้วก็ตาม)























ธงลาบาลุม (Labarum) ท่ประดับสัญลักษณ์ Chi-Rho


ในเช้าวันท 28 ตลาคม แม็กเซนตอุสเลือกนากองทพของพระองค์







ข้ามสะพานมิลเวียน และต้งจุดต้งรับไว้ท่บริเวณทิศเหนือด้านหน้าสะพาน






ซ่งการรักษาตาแหน่งน้นไว้ให้ได้ ถือว่ามีความสาคัญอย่างย่งยวดท ี ่
จะกีดกันไม่ให้กองทัพคอนสแตนตินเข้ามายังกรุงโรมได้สาเร็จ เพราะ


สภาแห่งกรุงโรมย่อมให้การสนับสนุนใครก็ตามท่สามารถยึดอานาจได้






ท้งน้เป็นอีกคร้งหน่งท่กองทัพของคอนสแตนตินตกเป็นรองกองทัพของ

แม็กเซนติอุสท่มีจานวนมากกว่า แต่คอนสแตนตินแก้สถานการณ์ด้วยการ

จัดทัพใหเปนแนวยาวเทากับกองทัพของแม็กเซนติอุส และสั่งการใหทหาร




ม้าบุกโจมตีก่อน และสามารถฝ่ากองพลทหารม้าของแม็กเซนติอุสไปได้

หลังจากน้น จึงส่งให้กองพลทหารบกบุกต่อไปเผชิญหน้ากับทหารบกของ


ศัตรู ซ่งส่งผลให้กองทัพของแม็กเซนติอุสถูกผลักดันไปข้างหลัง และท้าย
ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 27



ท่สุด หากไม่โดนสังหารด้วยปลายดาบของทหารของคอนสแตนติน ก็จม




นาตายในแม่นาไทเบอร์ โดยใช้เวลาสู้รบไม่นานกองทัพของแม็กเซนติอุส
ก็แตกแถวกระเจิงและพยายามหลบหนีไป แม็กเซนติอุสและกองพล
เพรโทเรยนพยายามคุมตาแหน่งไว้ แต่ก็ต้านทานไม่ไหว แม็กเซนติอุสจึง





ส่งถอยทัพ โดยตั้งใจท่จะไปต้งรับในกรุงโรมอีกคร้ง แต่ปัญหาก็คือ เส้นทาง

การหลบหนีน้นมีอยู่เส้นทางเดียวก็คือการข้ามสะพานกลับไปอีกฝั่งหน่ง



แต่สะพานช่วคราวก็ถล่มลง แม็กเซนติอุสถูกม้าพยศจนตกลงไปในแม่นา




และถูกทหารของตนทับจนจมนาตาย ขณะเดียวกันทหารท่ติดอยู่ทาง

ฝั่งทิศเหนือของแม่นาไทเบอร์ก็ถูกจับเป็นเชลย หรือไม่ก็ถูกทหารของ


คอนสแตนตินสังหารในระหว่างถอยหน ี
ความปราชัยของแม็กเซนติอุสอาจเกิดจากความผิดพลาดของ






พระองค์เอง ทจดแนวทหารใกล้กบแม่นาไทเบอร์ทอย่ทางด้านหลงมาก






เกินไป ทาให้ไม่เหลือท่มากพอท่จะปรับตาแหน่ง หรือปรับยุทธศาสตร์



การสู้รบ แต่นักประวัติศาสตร์โดยเฉพาะในสานักพระราชวังของจักรพรรด ิ
คอนสแตนตินมักพยายามนาเสนอว่า การตัดสินใจท่น่าประหลาดใจ


ของแม็กเซนติอุส ท่เลือกยกทัพออกไปเผชิญหน้ากับคอนสแตนตินใน


สงครามกลางแจ้ง รวมถึงการจัดทัพท่ผิดพลาดน้น เป็นเพราะพระเจ้าเข้า

ข้างคอนสแตนติน และดลใจให้แม็กเซนติอุสตัดสินใจเช่นน้น อย่างไรก็ด ี



นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังต้งข้อสังเกตว่า ส่งท่จักรพรรด ิ


คอนสแตนตินเห็นในวันน้น น่าจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น

พระอาทิตย์ทรงกลด หรือปรากฏการณ์ซันด็อก (Sun Dog) ท่เกิดจาก
การหักเหและการสะท้อนของแสงอาทิตย์กับเมฆนาแข็ง



ภายหลังจากชัยชนะท่ศึกสะพานมิลเวียน คอนสแตนตินเสด็จ
เข้าไปยังกรุงโรมในวันท่ 29 ตุลาคม และได้รับการต้อนรับอย่างย่งใหญ่




ในขณะท่ศพของแม็กเซนติอุสถูกลากข้นมาจากแม่นาไทเบอร์ ถูกตัด


CONSTANTINOPLE
28 The Queen of Cities




ศีรษะแล้วนาไปประจานท่วทุกแห่งหนของเมือง ซ่งภายหลังการเฉลิมฉลอง


ศีรษะของแม็กเซนติอุสก็ถูกส่งไปยังคาร์เธจเพ่อเป็นหลักฐานว่าพระองค์
ส้นพระชนม์แล้ว ทาให้แอฟริกาไม่กล้าต่อต้านคอนสแตนตินอีกต่อไป






ชัยชนะในคร้งน้นทาให้คอนสแตนตินได้รับอานาจในการปกครองฝั่ง
ตะวันตกของจักรวรรดิโรมันอย่างไม่มีคู่แข่งอีกต่อไป และเดินหน้าลบล้าง
ประวัติศาสตร์ตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยทาลายเอกสาร รูปปั้น และทุกส่ง





ทุกอย่างท่เก่ยวกับแม็กเซนติอุสพร้อมท้งขนานนามแม็กเซนติอุสว่าเป็น
ทรราช นอกจากน้ยังมีการก่อสร้างประตูชัย (Triumphalarch) ข้นในปี





315 เพ่อฉลองชัยชนะในศึกสะพานมิลเวียน ซ่งเป็นอีกหน่งธรรมเนียม

ปฏิบัติแห่งยุค แต่ส่งหน่งท่คอนสแตนตินฉีกธรรมเนียมปฏิบัติและไม่ได้ทา





ก็คือ การไปท่เขาคาปิโตลิเน (Capitoline Hill) และทาพิธีบวงสรวงบูชา




ท่วิหารแห่งเทพจปิเตอร์ ซ่งเป็นสญญาณทชัดเจนถึงความแตกต่างทาง



ความเช่อและการปฏิบัติระหว่างชาวโรมันท่ยังเคารพบูชาเหล่าทวยเทพ

กับจักรพรรดิคอนสแตนตินท่เคารพพระผู้เป็นเจ้าแห่งคริสต์ศาสนาใน


เวลาต่อมา ซ่งความแตกต่างดังกล่าวจะสร้างความตึงเครียดและช่องว่าง

ระหว่างจักรพรรดิ และประชาชนของพระองค์มากข้นเร่อยๆ






ชยชนะเหนอแมกเซนตอสทาให้คอนสแตนตนเป็นผ้ปกครอง



จักรวรรดิโรมันฝั่งตะวันตกอย่างไม่มีคู่แข่งหรือผู้ท้าชิงอานาจอีกต่อไป



ในขณะท่ฝั่งตะวันออกน้น ลิซินิอุสก็สามารถพิชิตแม็กซิมินุส ไดอาได้
ใน ค.ศ. 313 ท�าให้พระองค์กลายเป็นจักรพรรดิของฝ่ายตะวันออกแต่

เพียงผู้เดียวเช่นกัน ดังน้นในปีดังกล่าว คอนสแตนตินและลิซินิอุสได้มา










ประชมกนท่เมืองมลาน และหารอนโยบายเกยวกบศาสนาทสอดคล้องกน

และประกาศพระราชกฤษฎีกามิลาน (Edict of Milan) ซ่งเป็นจดหมาย

เวียนลงช่อโดยท้งสองพระองค์ ท่แม้ว่าจะไม่ถึงกับประกาศให้ศาสนา



คริสต์เป็นศาสนาหลักของจักรวรรดิโรมัน แต่ประกาศให้เสรีภาพในการ
ประวัติศาสตร์คอนสแตนติโนเปิล
ราชินีแห่งนครท้งมวล 29


นับถือศาสนาแก่ประชาชนในจักรวรรดิโรมัน และประกาศว่าจักรวรรด ิ



จะทาตัวเป็นกลางในการนับถือศาสนาของประชาชน ซ่งเป็นการยกเลิก


อุปสรรคต่างๆ ในการนับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอ่นๆ อีกท้งช่วยให้



ชาวโรมันท่นับถือศาสนาคริสต์ได้รับอิสรภาพและสิทธ์ต่างๆ มากข้นกว่า
เดิม อาทิ สิทธ์ทรัพย์สินและท่ดิน ซ่งเคยถูกยึดไปในช่วงการปราบปราม



ชาวคริสต์ก่อนหน้าน้น


แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคอนสแตนตินและลิซินิอุสยาแย่ลงเร่อยๆ


โดยเฉพาะเม่อมีการลอบปลงพระชนม์คอนสแตนติน โดยคนท่ลิซินิอุส



ประสงค์จะแต่งต้งเป็นซีซาร์ รวมท้งการท่ลิซินิอุสหันมากดข่ข่มเหงชาว





คริสต์อีกคร้ง อันนาไปสู่สงครามกลางเมืองคร้งใหญ่ต้งแต่ปี ค.ศ. 314 ซ่ง









กองทพของคอนสแตนตินได้รบชัยชนะท่สาคญในหลายสมรภมท้งทางบก




และทางทะเล จวบกระท่งปี ค.ศ. 324 ทคอนสแตนตินจะบงคบให้ลซินอุส






ยอมรับความพ่ายแพ้คร้งสุดท้ายในยุทธการ ณ ไครโซโปลิส (Battle of

Chrysopolis) เม่อวันท่ 18 กันยายน ค.ศ. 324 และแม้ว่าในช่วงแรก


คอนสแตนตินยังคงไว้ชีวิตอีกฝ่ายหน่ง แต่ท้ายท่สุดลิซินิอุสก็ถูกประหาร


ในปี ค.ศ. 325 ในข้อหาพยายามกบฏ และการประหารลิซินิอุสทาให้
คอนสแตนตินผงาดข้นเป็นจักรพรรดิองค์เดียวของจักรวรรดิโรมันท้งหมด


แต่ถึงตอนน้น ความปราชัยของลิซินิอุสถูกมองว่าเป็นชัยชนะของ

ชาวคริสต์ท่ใช้ภาษาละตินเหนือลัทธิบูชาเทพเจ้าและการใช้ภาษากรีก ซ่ง ึ

ความแตกต่างทางความเช่อระหว่างองค์จักรพรรดิและพสกนิกรดังกล่าว

ก็เร่มจะถึงจุดแตกหักแล้ว นอกจากนี้จักรพรรดิคอนสแตนตินตระหนักว่า


จากมุมมองทางการทหาร การปกป้องดินแดน และขจัดความเส่ยงจาก



ทางตะวันออก เพ่อเป็นการปกป้องทรัพยากรอันสาคัญ อาทิ อู่ข้าวอู่นา



ในอียิปต์ น่าจะกระทาได้ง่ายข้นหากพระองค์ขยับเมืองหลวงไปยังจุดท ี ่
สามารถพิทักษ์ดินแดนท้งหมดได้จากทางฝั่งตะวันออก โดยพระองค์จะ

CONSTANTINOPLE
30 The Queen of Cities


Click to View FlipBook Version