เซเปียนส์
แสดงให้เราเห็นว่าเรามาจากที่ใด
โฮโมดีอุส
แสดงให้เราเห็นว่าเราจะไปที่ใด
ยูวัล โนอาห์ แฮรารี มองภาพอนาคตอันใกล้
ซึ่งเราต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ชุดใหม่
โฮโมดีอุส ส�ารวจโครงการต่างๆ บรรดาฝันดีและฝันร้าย
ซึ่งจะส่งผลกับคริสต์ศตวรรษที่ 21 และหลังจากนั้น
ตั้งแต่การเอาชนะความตาย ไปจนถึงการสร้างชีวิตเทียม
หนังสือเล่มนี้ยกประเด็นค�าถามพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
เราจะป้องกันโลกที่เปราะบางดวงนี้
จากอ�านาจการท�าลายล้างของเราเองได้อย่างไร?
และอนาคตของพวกเราจะเป็นเช่นใดแน่?
จากผู้เขียน เซเปียนส์
ยูวัล โนอาห์ แฮราร ี
Homo Deus
A Brief History of Tomorrow
โฮโมดีอุส
ประวัติย่อของวันพรุ่งน ้ ี
ยูวัล โนอาห์ แฮราร ี
“ผมต้องการกระตุ้นพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะมีความเชื่อส่วนตนเป็นเช่นไร
ให้ตั้งค�าถามเกี่ยวกับเรื่องเล่าพื้นฐานของโลกของเรา
ให้เชื่อมโยงการพัฒนาในอดีตเข้ากับความกังวลใจในปัจจุบัน
และไม่กลัวที่จะพูดคุยในประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงโต้แย้ง”
ดร.ยูวัล โนอาห์ แฮรารี ได้รับปริญญาเอกด้านประวัติศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และปัจจุบันเป็นอาจารย์
อยู่ที่มหาวิทยาลัยฮีบรูในกรุงเยรูซาเลม
มีความเชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์โลก
หนังสือ เซเปียนส์ และ โฮโมดีอุส ของเขา
สร้างปรากฏการณ์ระดับนานาชาติ
แด่ครูของผม เอส. เอ็น. โกเอ็นก้า (ค.ศ. 1924-2013)
ผู้สั่งสอนเรื่องส�าคัญในชีวิตให้กับผมด้วยความรัก
��������� ������������������������
Homo Deus A Brief History of Tomorrow
ąĜĊĔĈ ġüĐĕĎŋ ĠđĆĕĆĘ ğãĘąü
÷Ć üĖëĔą ëĘĊĊėĊĆĆûüŋ ûė÷ĕ éèüėĆĕĄĔąčùėø ĠþĈ
Ćĕåĕ ýĕú
7PKXGTUCN %QR[TKIJV %QPXGPVKQP as follows:
%QR[TKIJV j D[ ;WXCN 0QCJ *CTCTK
6JCK VTCPUNCVKQP EQR[TKIJV j D[ )[RU[ )TQWR 2WDNKUJKPI *QWUG .6&
#.. 4+)*65 4'5'48'&
� ข�อความและรูปภาพ�น�นังส�อเล�มนี� สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบั��ัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส�วน�ด� �น�นังส�อเล�มนี��ปเ�ยแพร��ม�ว�า�นรูปแบบ�ดต�อง�ด�รับอนุ�าตจากเจ�าของลิขสิทธิ์ก�อน
ยกเว�นเพ�่อการอ�างอิง การวิจารณ� และประชาสัมพันธ�
ãňĐĄĜĈúĕèýĆĆöĕüěâĆĄãĐèčĖüĔâĎĐčĄě÷ĠĎŇèëĕøė
0CVKQPCN .KDTCT[ QH 6JCKNCPF %CVCNQIKPI KP 2WDNKECVKQP &CVC
แ�รารี� ยูวัล โนอา��.
โ�โมดีอุส ประวัติย�อของวันพรุ�งนี� � �omo Deus a brief history of tomorrow.--กรุงเทพฯ : ยิป�ี กรุ�ป� 2562.
576 �น�า
1. คริสต�ศตวรรษที่ 21. 2. วิทยาศาสตร�กับอารยธรรม. 3. อารยธรรมสมัย��ม�.
I. นำชัย ชีววิวรรธน�� �ู�แปล. II. ธิดา จงนิรามัยส�ิต� �ู�แปลร�วม. III. ช�่อเร�่อง.
909.83
ISBN 978-616-301-694-2
ýĆĆöĕûėâĕĆĐĖüĊąâĕĆ : คธาวุ�ิ เกนุ�ย
ýĆĆöĕûėâĕĆýĆėĎĕĆ : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ÿĜňëŇĊąýĆĆöĕûėâĕĆýĆėĎĕĆ : วาสนา ชูรัตน�
úĘħþĆęâČĕĀłĕąøŇĕèþĆēğúċ : ศิริธาดา กองภา พัลลภ สามสี
âĐèýĆĆöĕûėâĕĆ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา ดารียา ครโสภา
üĔâċęâČĕĀŀâèĕüâĐèýĆĆöĕûėâĕĆ : วันวิสา เขตรดง ที�ทัศน� มณีฉาย
ğĈãĕâĐèýĆĆöĕûėâĕĆ : อรทัย ดีสวัสดิ์
āėčĜéüŋĐĔâČĆ : วนัชพร เขียวชอุ�ม สวภัทร เพ�ชรรัตน�
ĆĜþğĈŇĄ : ประเสริฐศักดิ์ ประดิษฐเกษร
ĐĐâĠýýþâ : Rabbithood Studio
ÿĜňĐĖüĊąâĕĆĀłĕąâĕĆøĈĕ÷ : นุชนันท� ทักษิณาบัณ�ิต
ÿĜňéĔ÷âĕĆĀłĕąâĕĆøĈĕ÷ : ชิตพล จันสด
ÿĜňéĔ÷âĕĆúĔħĊģþ : เวชพงษ� รัตนมาลี
éĔ÷āėĄāŋġ÷ą : บริษัท ยิป�ี กรุ�ป จำกัด เลขที่ 37/145 รามคำแ�ง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต�อ 108
www.gypsygroup.net
āėĄāŋúĘħ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำกัด โทร. 0 2147 3175-6
éĔ÷éĖĎüŇĕą : บริษัท ยิป�ี กรุ�ป จำกัด โทร. 0 2728 0939
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID : @gypzy
สน�จสั่ง���อ�นังส�อจำนวนมากเพ�่อสนับสนุนทางการศ�กษา สำนักพิมพ�ลดราคาพิเศษ ติดต�อ โทร. 0 2728 0939
ค�น�ส�นักพิมพ์
ี
ี
�
มนุษย์เราดารงอยู่บนโลกน้เป็นเวลานานก่อนท่จะเกิดประวัติศาสตร์ข้น
ึ
บรรพบุรุษท่ดูคล้ายกับมนุษย์ปัจจุบันมากปรากฏข้นบนโลกเม่อประมาณ 2.5
ึ
ี
ื
ล้านปีมาแล้ว ถ้าเทียบกับยุคสมัยของการก่อเกิดอารยธรรมโลก ถือว่าเป็น
ี
ช่วงเวลาอันยาวนานท่เผ่าพันธุ์ของเราครอบครองโลกใบน้ แต่ทว่าหากเทียบ
ี
กับอายุขัยของดาวเคราะห์ดวงนี้ เวลาของเรานั้นแสนสั้นเพียงชั่วกะพริบตา
แต่ถึงอย่างน้นมนุษย์ก็เป็นเพียงเผ่าพันธุ์เดียวในโลกใบน้ท่สามารถ
ี
ั
ี
วิวัฒนาการแบบก้าวกระโดดไปได้เรื่อยๆ เราสามารถย้อนกลับไปไขปริศนา
�
ื
ในอดีต และสรรค์สร้างนวัตกรรมเพ่ออานวยความสะดวกสบายให้ชีวิต
ถึงขนาดที่หาญกล้าท้าทายโชคชะตาในอนาคตเลยทีเดียว
�
ี
ี
ึ
หน่งในมนุษย์ท่ขบคิดเก่ยวกับการค้นหาอดีตและตั้งคาถามกับอนาคต
อยู่ตลอดเวลาอย่าง ยูวัล โนอาห์ แฮรารี ได้น�าเสนอองค์ความรู้ที่พยายาม
จะบอกเล่าว่ามนุษย์มาถึงจุดน้ได้อย่างไร เราอยู่กันอย่างไร และเราจะเดิน
ี
ไปในทิศทางใด ผ่านหนังสือ 3 เล่มที่ได้รับการยกย่องว่า “ไม่ควรพลาด”
ี
ี
หากคุณต้องการตามทันโลกศตวรรษท่ 21 และอนาคตอันใกล้ท่กาลังหายใจ
�
รดต้นคอเรา
ั
ส�านักพิมพ์ยิปซีได้นาเสนอหนังสือ 2 เล่มแรก น่นคือ ‘เซเปียนส์
�
ี
ประวัติย่อมนุษยชาติ’ ที่แสดงให้เราเห็นว่าเรามาจากท่ใด เผ่าพันธุ์มนุษย์อย ู่
รอดมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร และ ‘21 บทเรียนส�าหรับศตวรรษที่ 21’ ที่พา
เราสารวจปัจจุบันด้วยการโยนคาถามสาคัญให้เราไปขบคิด สะท้อนวิกฤต
�
�
�
ที่เราต้องเผชิญและเอาตัวรอดในศตวรรษที่ 21 หนังสือทั้งสองเล่มไม่เพียง
ั
สร้างปรากฏการณ์ด้านยอดขายไปท่วโลก แต่ยังปูทางให้เราเห็นถึงความ
เป็นไปได้ท่ว่า “มนุษย์กาลังก้าวข้ามขีดจากัดที่ก�าหนดโดยดีเอ็นเอของเรา
�
ี
�
ไปสู่การมีอานาจท่จะเปล่ยนแปลงโลกท้งใบ ...มนุษย์กาลังเล่นบทบาทพระเจ้า
ี
ั
�
�
ี
ที่ไม่ได้เพียงทอยลูกเต๋าขีดชะตา แต่ก�าลังวางกฎเกณฑ์เพื่อให้โลกใบนี้เดิน
ไปตามแนวทางที่เราต้องการ ซึ่งแนวคิดทั้งหมดนี้ปรากฏอยู่ใน ‘โฮโมดีอุส
ประวัติย่อของวันพรุ่งนี้’ นั่นเอง
‘โฮโมดีอุส’ พาเรามองไปในอนาคตท่เราต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย
ี
ต่างๆ พาเราส�ารวจโครงการต่างๆ ซึ่งจะส่งผลกับคริสต์ศตวรรษที่ 21 และ
ั
หลังจากน้น ต้งแต่การเอาชนะความตาย ความเป็นอมตะ อภิมนุษย์ ไปจนถึง
ั
ื
การสร้างชีวิตเทียม และใคร่ครวญเร่องท่ว่าสุดท้ายแล้วมนุษย์อาจกลาย
ี
�
�
�
เป็นพระเจ้าเสียเอง รวมถึงคาถามสาคัญท่ว่า เราจะป้องกันโลกจากอานาจ
ี
การทาลายล้างของเราเองได้อย่างไร และอนาคตของพวกเราจะเป็นเช่นใดแน่
�
นี่เป็นหนังสือส�าคัญอีกเล่มของแฮรารีที่ทุกท่านรอคอย
ื
�
ื
่
�
ขอเชิญผู้อ่านด่มดาไปกับเร่องราวของตัวตน จิตสานึก และเชาวน์
ั
ุ
ิ
์
่
ื
่
ั
่
ปญญา ทองไปในเรองเลาของวทยาศาสตร ปรชญา และอนาคต ‘มนษยชาต ิ
ก�าลังมุ่งหน้าไปที่ใด’ นี่คือหนังสือที่จะท�าให้คุณไม่คาดคิด และจะท�าให้คุณ
ี
คิดในแบบท่คุณไม่เคยคิดมาก่อน พรุ่งน้ในศตวรรษน้และพรุ่งน้ในศตวรรษ
ี
ี
ี
ข้างหน้าของมนุษยชาติจะเป็นเช่นใด ไม่ว่าตัวตนและความเช่อของคุณจะ
ื
เป็นเช่นไร เรามั่นใจว่า ‘โฮโมดีอุส ประวัติย่อของวันพรุ่งนี้’ จะเปลี่ยนแปลง
บางอย่างในตัวคุณ
ื
เม่อคุณลืมตาต่นข้นมา บิดแขนขา และขย้ตา... คุณอาจพบว่าทุก
ื
ี
ึ
อย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ขอให้ทุกท่านโชคดีในวันพรุ่งนี้
ส�ำนักพิมพ์ยิปซี
ค�น�ผู้แปล
หนังสือ เซเปยนส ประวัติย่อมนุษยชาติ ของ ยูวัล โนอาห แฮรารี
ี
์
์
ท�าสถิติหนังสือเบสต์เซลเลอร์ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย ขณะที่
ี
ั
ั
่
ื
ี
ื
เขยนค�าน�านี้ เซเปียนส์ ตดอยู่ในรายชอหนงสอขายด 20 อนดับแรก
ิ
ของ Readery มาครบปีพอดิบพอดี โดยไม่หลุดจากอันดับเลย ขณะท ่ ี
�
21 บทเรียนสาหรับศตวรรษท่ 21 ท่ทางสานักพิมพ์ยิปซีเลือกมาให้แปลเป็น
ี
ี
�
เล่มถัดมาก็ติดอยู่ในอันดับอย่างต่อเนื่องมาถึงครึ่งปีเช่นกัน
บัดนี้ โฮโมดีอุส ประวัติย่อของวันพรุ่งน หนังสือเล่มท่ 3 ของ
ี
้
ี
ผู้เขียนคนเดียวกันก็อยู่ในมือท่านแล้ว
ี
ท่านท่เป็นแฟนหนังสือของแฮรารีคงพอทราบอยู่แล้วว่า เซเปียนส์
่
ี
กล่าวถึงอดีตของมนุษย์ ขณะท 21 บทเรียนฯ วิเคราะห์ปัญหาใหญ่ระดับโลก
ท่มองเห็นกันอยู่ตรงหน้า ใน โฮโมดีอุส ศาสตราจารย์แฮรารีจะพาเรามองไป
ี
ื
ิ
ยังอนาคตท่ไกลออกไปพอสมควร ไกลพอท่หลายคนจะบอกว่า ไม่เช่อว่าส่งท ่ ี
ี
ี
ิ
ิ
ื
์
ิ
่
ี
ื
เขียนถึงในหนังสอเล่มน้ทราวกับเป็น ‘ไซไฟ’ หรอนยายวทยาศาสตร จะเกด
ี
ึ
ึ
ั
ข้นจริง และเป็นแค่เพียงความฝันเฟื่องของนักประวัติศาสตร์คนหน่งเท่าน้น
แต่ก็คงเป็นดังที่ผู้เขียนย�้าอยู่เป็นระยะๆ ตลอดเล่ม นั่นก็คือเรื่องที่
กล่าวถึงน้ไม่จาเป็นต้องเกิดข้นจริง มันเป็นแค่เพียง ‘อนาคตทางเลือก’ แบบ
�
ี
ึ
หนึ่งเท่านั้น และการศึกษาประวัติศาสตร์จะมีประโยชน์อะไรหากไม่สามารถ
น�ามาใช้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น ในแง่มุมหนึ่งหนังสือเล่มนี้จึง
ไม่ได้เป็น ‘คาพยากรณ์’ แบบเดียวกับพระคัมภีร์ในศาสนาต่างๆ แต่เป็น
�
‘ค�าเตือน’ และการชี้ให้เห็น ‘ความเป็นไปได้ในทางเลือกอื่นๆ’ ซึ่งเป็นเรื่อง
�
�
จ�าเป็นสาหรับมนุษยชาติท่กาลังจะก้าวข้ามปัญหาใหญ่ในอดีตอย่างโรคระบาด
ี
ใหญ่ สงคราม และความอดอยาก ไปสู่ความเป็นอมตะ ความผาสุก และ
ความศักดิ์สิทธิ์ ที่ท�าให้มนุษย์ในอนาคตเป็นพระเจ้ามากเสียยิ่งกว่าพระเจ้า
ในเรื่องเล่า ต�านาน หรือเทพปกรณัมที่เคยได้ยินหรือได้อ่านกันมา
ผูแปลขอขอบคุณ คุณคธาวุฒิ เกนุย แหงส�านักพิมพยิปซีที่ไววางใจ
์
่
้
้
้
ให้พวกเราได้แปลหนังสือเล่มน้ ขอบคุณ คุณสุรชัย พิงชัยภูมิ บรรณาธิการ
ี
บริหาร และกองบรรณาธิการทุกท่านท่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทางานภายใต้
ี
�
่
ื
ึ
ี
ื
ุ
ข้อจากดของเวลา ซงไม่ง่ายเลยกับหนังสอท่มเน้อหาครอบคลมความรู้
ี
ั
�
หลากหลายสาขาเป็นอย่างย่ง โดยเฉพาะเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบต่างๆ
ิ
ิ
ี
ขอบคุณ คุณวาสนา ชูรัตน์ และคุณอรทัย ดีสวัสด์ ท่ช่วยประสานงาน
อย่างเรียบร้อยดีย่ง และขอขอบคุณทีมงานของสานักพิมพ์ยิปซีทุกท่านท ี ่
�
ิ
ไม่อาจกล่าวนามได้หมดที่ท�าให้หนังสือเล่มนี้ส�าเร็จออกมาได้
้
สุดทาย ขอขอบคุณ คุณวราภรณ์ ชุมเกษียร รวมถึงบรรดาน้องแมว
ที่บ้าน และพ่อป๊อกกับน้องพาย ลูกสาวผู้น่ารัก ที่เป็นก�าลังใจให้เสมอมา
น�ำชัย ชีววิวรรธน์
ธิดำ จงนิรำมัยสถิต
สารบัญ
1 วาระใหม่ของมนุษย์ 13
ส่วนที่หนึ่ง: โฮโมเซเปียนส์ขึ้นครองโลก
2 แอนโทรโปซีน 107
3 ประกายชีวิตมนุษย์ 145
ส่วนที่สอง: โฮโมเซเปียนส์ให้ควำมหมำยแก่โลก
4 นักเล่าเรื่อง 215
5 คู่พิลึก 243
6 กติกาแห่งความทันสมัย 273
7 การปฏิวัติของมนุษยนิยม 299
ส่วนที่สำม: โฮโมเซเปียนส์สูญเสียกำรควบคุม
8 ระเบิดเวลาในห้องปฏิบัติการ 369
9 การแยกตัวครั้งใหญ่ 397
10 มหาสมุทรแห่งสติสัมปชัญญะ 451
11 ศาสนาข้อมูล 471
เชิงอรรถ 509
กิตติกรรมประกำศ 560
ที่มำภำพประกอบ 563
ดัชนี 566
1
The New Human Agenda
วาระใหม่ของมนุษย์
ื
ิ
่
ี
่
ในยามอรุณรุ่งแห่งสหัสวรรษท 3 มนุษยชาติตนขึ้น บดแขนขา และ
ถูตาไปมา ฝันร้ายน่าสะพรึงกลัวยังคงหลงเหลือค้างคาอยู่ในใจ “มีบางอย่าง
ี
ี
ติดอยู่กับเง่ยงท่ปลายลวด และมีเมฆรูปเห็ดใหญ่ยักษ์ โอ้ ท่แท้ก็เป็นแค่
ี
ั
ฝันร้าย” จากน้นก็เดินไปห้องน�า มนุษยชาติจะล้างหน้า ตรวจดรอยเห่ยวย่น
ี
้
ู
ในกระจก ชงกาแฟสักถ้วย และเปิดสมุดบันทึกประจ�าวันออกดู “มาดูกัน
หน่อยว่าวันนี้จะมีวาระอะไรบ้าง”
�
�
ี
�
นานหลายพันปีแล้วท่คาตอบสาหรับคาถามน้ยังไม่เคยเปล่ยนแปลงไป
ี
ี
เลย โจทย์ปัญหาเดิมๆ 3 เรื่องครอบง�าผู้คนในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในจีน
คนอินเดียในยุคกลาง และคนอียิปต์ยุคโบราณ ความอดอยาก โรคระบาด
ใหญ่ และสงครามยังคงอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายการเสมอมา มนุษย์นับ
ชั่วรุ่นแล้วชั่วรุ่นเล่าเฝ้าสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้า เทวดา และนักบุญทุกองค์
�
ื
กับประดิษฐ์เคร่องมือ ระบบสถาบันและสังคมจานวนนับไม่ถ้วน แต่พวกเขาก ็
ยังคงล้มตายนับล้านๆ คนจากความอดอยาก โรคระบาด (epidemics) และ
�
ุ
ิ
ั
ความรนแรง นกคดและศาสดาพยากรณ์จานวนมากสรปว่าความอดอยาก
ุ
ี
ึ
โรคระบาด และสงครามเป็นส่วนหน่งในแผนการจักรวาลท่พระเจ้าทรงใส่
แทรกเข้ามา หรือไม่ก็เป็นลักษณะอันไม่สมบูรณ์แบบของพวกเราเอง และ
เราจะหลุดพ้นสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้เลยจวบจนถึงวันสิ้นโลก
กระน้นในยามอรุณรุ่งแห่งสหัสวรรษท่ 3 มนุษยชาติต่นขึ้นพร้อม
ื
ั
ี
กับการตระหนักรู้อย่างน่ามหัศจรรย์ใจย่ง คนส่วนใหญ่อาจยากนักท่จะ
ี
ิ
ี
ี
ี
คิดถึงเร่องน้ แต่ในไม่ก่ทศวรรษท่ผ่านมาน้ เราได้ควบคุมเร่องความอดอยาก
ื
ี
ื
14 โฮโมดีอุส
ี
โรคระบาด และสงครามได้แล้ว แน่นอนว่าปัญหาเหล่าน้ไม่ได้รับการแก้ไขจน
หายไปอย่างสมบูรณ์ แต่พวกมันก็เปลี่ยนรูปแบบไปจากเรื่องตามธรรมชาติ
ที่ไม่อาจเข้าใจและไม่อาจควบคุมได้ เราไม่จ�าเป็นต้องสวดอ้อนวอนเทพเจ้า
�
หรือนักบุญองค์ใดให้มาช่วยเหลือพวกเรา เรารู้ดีทีเดียวว่าจะต้องทาอย่างไร
บ้างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความอดอยาก โรคระบาด และสงคราม และเราก็
มักจะท�าได้ส�าเร็จเสียด้วย
�
จริงอยู่ท่ว่ายังคงมีความล้มเหลวคร้งสาคัญๆ แต่เม่อใดก็ตามท่เผชิญ
ี
ั
ี
ื
ี
�
หน้ากับความล้มเหลวทานองน้ เราจะไม่ยักไหล่แล้วกล่าวว่า “น่นแหละ โลก
ั
ที่ไม่สมบูรณ์แบบของเราก็เป็นอย่างนี้แหละ” หรือ “พระเจ้าจะทรงช่วยเรา”
ี
�
ี
ิ
ั
ื
แทนท่จะทาเช่นน้น เม่อใดก็ตามท่เร่มควบคุมความอดอยาก โรคระบาด
หรือสงครามไม่ได้ เราก็จะรู้สึกได้ว่าต้องมีบางคนทาอะไรผิดพลาด เราต้ง ั
�
คณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ และสัญญากับตัวเองว่าคราวหน้าเราจะ
ี
ต้องทาได้ดีกว่าน้ อันท่จริงแล้วเราก็ทาเช่นน้นได้จริงๆ ภัยพิบัติทานองน
ั
ี
ี
�
�
้
�
เกิดน้อยลงและน้อยลงเรื่อยๆ จริงๆ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ใน
ปัจจุบันมีคนตายจากการกินมากเกินไปมากเสียย่งกว่ากินน้อยเกินไป ม
ิ
ี
คนแก่ตายมากกว่าเป็นโรคติดเชื้อตาย และมีคนที่ฆ่าตัวตายมากกว่าที่ตาย
จากการโดนทหาร ผู้ก่อการร้าย และอาชญากรฆ่ารวมกันเสียอีก ในตอน
่
ั
ต้นครสต์ศตวรรษท 21 คนโดยทวไปมโอกาสตายจากการกนอาหารใน
ิ
่
ี
ิ
ี
แมคโดนัลด์มากเกินไปมากกว่าท่จะตายจากความขาดแคลน โรคอีโบลา
ี
หรือการโจมตีโดยอัลกออิดะฮ์เสียอีก
ด้วยเหตุนี้เองแม้บรรดาประธานาธิบดี ซีอีโอ และนายพลจะยังคงมี
ี
ตารางงานประจาวันท่เต็มไปด้วยวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและความขัดแย้ง
�
ทางการทหาร แต่ในระดับขนาดจักรวาลของประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติน้น
ั
ิ
พวกเขาก็ถือได้ว่าเร่มเปิดตาข้นและมองออกไปยังเส้นขอบฟ้าใหม่ๆ หากเรา
ึ
ควบคุมความอดอยาก โรคระบาด และสงครามได้อย่างแท้จริง จะมีอะไร
ี
ท่จะมาแทนท่พวกมันในฐานะวาระสูงสุดสาหรับมนุษย์ได้? ไม่ต่างอะไรไป
�
ี
จากนักผจญเพลิงท่อยู่ในโลกท่ปราศจากไฟ มนุษยชาติในคริสต์ศตวรรษ
ี
ี
ที่ 21 จ�าเป็นต้องถามตัวเองด้วยคาถามท่ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าเราจะทา �
ี
�
วาระใหม่ของมนุษย์ 15
ั
ี
ึ
ั
อย่างไรกันต่อไปดี? ในโลกท่ทุกคนมีสุขภาพดี ม่งค่ง และเป็นหน่งเดียวกัน
่
ี
ั
ิ
�
ื
ี
ยงจะต้องมีเรองใดให้เราต้องเอาใจใส่และขบคดอก? คาถามน้จะกลาย
ิ
่
ึ
ื
่
�
ื
มาเป็นเร่องทเร่งด่วนมากข้นเป็นสองเท่าเม่อเรามีพลังอานาจอันยงใหญ่
ี
แบบใหม่ที่เทคโนโลยีชีวภาพ (biotechnology) และเทคโนโลยีสารสนเทศ
�
ั
ั
(information technology) มอบให้ เราจะใช้พลังอานาจท้งหมดน้นอย่างไร?
ี
�
ี
�
ก่อนท่จะตอบคาถามน้ เราจาเป็นต้องกล่าวถึงเร่องความอดอยาก
ื
โรคระบาด และสงครามก่อนสักเล็กน้อย สาหรับหลายๆ คนนั้นคากล่าวอ้าง
�
�
ท่ว่าเราควบคุมพวกมันได้แล้วถือว่าอุกอาจ ไร้เดียงสาอย่างท่สุด หรือไม่ก ็
ี
ี
ี
�
อาจจะใจจืดใจดา ก็แล้วคนอีกนับพันๆ ล้านคนท่ยังต้องมีชีวิตอยู่อย่างขัดสน
จากรายได้น้อยกว่าวันละ 2 เหรียญล่ะ? ไหนจะวิกฤตการณ์โรคเอดส์ที่เกิด
ี
ข้นในแอฟริกา กับสงครามปะทุรุนแรงในซีเรียและอิรักอีกล่ะ? การท่จะกล่าว
ึ
ถึงความกังวลใจเหล่านี้อย่างเหมาะสมได้ เราควรพิจารณาให้ละเอียดลงไป
ิ
ี
อีกนิดถึงโลกในยุคต้นคริสต์ศตวรรษท่ 21 จากน้นจึงจะไปเร่มการสารวจ
�
ั
วาระแห่งมนุษยชาติในอีกไม่กี่ทศวรรษที่จะมาถึง
The Biological Poverty Line
เส้นความยากจนทางชีววิทยา
ี
ู
่
ิ
ั
ี
เรามาเรมกนทเรองความอดอยากทเป็นศตรอันร้ายกาจทสดของมนษย-
ุ
่
่
่
ั
ุ
่
ื
ี
ี
่
ั
ี
ื
ี
ชาติมานานหลายพันปี กระท่งเม่อเร็วๆ น้เองท่คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ท
ิ
ู
ุ
ขอบปลายสดของเส้นความยากจนทางชีววทยา ซงใต้เส้นนลงไปผ้คนต้อง
่
้
ี
ึ
จ�านนต่อภาวะทุพโภชนาการ (malnutrition) และความหิวโหย ความผิด
�
ั
พลาดเพียงเล็กน้อยหรือแม้แต่โชคร้ายเพียงนิดเดียวก็อาจเป็นด่งคาสั่ง
ประหารชีวิตคนท้งครอบครัวหรือท้งหมู่บ้านได้เลยทีเดียว หากมีฝนตกหนัก
ั
ั
ท�าลายผลิตผลข้าวสาลี หรือมีโจรปล้นฝูงแพะของคุณไป คุณและคนที่คุณ
ี
รักก็อาจจะอดอยากจนตายได้ โชคร้ายและความโง่เง่าท่ผสมรวมกันของ
ั
คนหมู่มากอาจส่งผลให้เกิดความอดอยากคร้งใหญ่ หากความแห้งแล้งแสน
16 โฮโมดีอุส
สาหัสเข้าโจมตีอียิปต์โบราณหรืออินเดียในยุคกลาง ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก
ใดเลยที่ประชากรราว 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์จะล้มตายลง อาหารกลายเป็น
�
ี
ื
ั
็
ของหายาก การขนส่งก็เช่องช้าเกินไป ขณะท่การจะนาเข้าอาหารมาน้นก
แพงเกินกว่าจะจ่ายไหว และรัฐบาลก็อ่อนแอเกินกว่าจะช่วยเหลือใดๆ ได้
ื
หากเปิดหนังสือประวัติศาสตร์สักเล่มดู คุณก็น่าจะเปิดไปพบเร่อง
ี
สยองขวัญเก่ยวกับประชากรผู้อดอยากท่คลุ้มคลั่งจากความหิวโหย ในเดือน
ี
เมษายน ค.ศ. 1694 เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสในเมืองโบเวส์ (Beauvais) อธิบาย
เกี่ยวกับผลกระทบของความอดอยากและราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น โดยกล่าว
ั
ี
�
ั
ี
่
ว่าท่วท้งเมืองในตอนน้เต็มไปด้วย “วิญญาณยากจนจานวนนับไม่ถ้วนท
อ่อนระโหยจากความหิวและน่าเวทนาจวนเจียนตายจากความต้องการ
เพราะไม่มีท้งหน้าท่การงานหรืออาชีพใดๆ พวกเขาขาดเงินใช้ซ้อขนมปัง
ื
ั
ี
ิ
ี
พวกเขามองหาส่งท่จะมาประทังชีวิตไปอีกเพียงเล็กน้อยและแก้ความ
ี
ี
่
กระหายอยากของพวกเขาไปได้บ้าง พวกคนจนเหล่านต้องกนสงทสกปรก
่
ิ
ิ
้
ี
อย่างแมวและหนังม้าท่ถลกออกกองท้งไว้กับมูล [ยังมีอีกบางคนท่กิน]
ิ
ี
ี
ั
เลือดท่ไหลหล่งออกจากแม่วัวหรือพ่อวัวท่ถูกเชือด รวมไปถึงเศษเล็กเศษ
ี
น้อยจากครัวท่ท้งไว้ตามข้างถนน มีคนจนอีกพวกที่ต้องกินพวกพืชมีพิษ
ิ
ี
วัชพืช หรือรากไม้ ไม้ล้มลุก โดยน�ามาต้มในน�้า” 1
ั
ั
ึ
ฉากเหตุการณ์คล้ายคลึงกันเกิดข้นท่วฝร่งเศส อากาศเลวร้ายได้
ท�าลายผลผลิตไปทั่วอาณาจักรใน 2 ปีก่อนหน้านั้น จนเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ
ปี ค.ศ. 1694 ยุ้งฉางก็ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ คนรวยที่กักตุนอาหารอะไร
�
ก็ตามเอาไว้ต้งราคาไว้สูงลิบล่วและคนจนก็ตายลงเป็นจานวนมาก คน
ั
ิ
ั
ฝร่งเศสราว 2.8 ล้านคนหรือ 15 เปอร์เซ็นต์ของประชากรท้งหมดอด
ั
อาหารจนตายระหว่างปี ค.ศ. 1692–1694 ขณะที่สุริยราชา พระเจ้าหลุยส์
�
�
ท่ 14 ยังคงสาราญพระทัยอยู่กับเหล่านางกานัลในพระราชวังแวร์ซาย ใน
ี
ปีถัดมาคือปี ค.ศ. 1695 ทุพภิกขภัยเข้าโจมตีเอสโตเนีย (Estonia) สังหาร
ี
ึ
ึ
ประชากรไปหน่งในห้า ในปี ค.ศ. 1696 ถึงคราของฟินแลนด์ท่ผู้คนราวหน่ง
ี
ในส่ถึงหน่งในสามต้องเสียชีวิต สกอตแลนด์ต้องทนทุกข์จากความอดอยาก
ึ
วาระใหม่ของมนุษย์ 17
ี
ื
ื
ยากแค้นอย่างหนักระหว่างปี ค.ศ. 1695–1698 บางพ้นท่สูญเสียคนในพ้นท ี ่
ไปมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ 2
ผู้อ่านส่วนใหญ่อาจรู้ว่าจะรู้สึกเช่นไรหากไม่ได้กินอาหารกลางวัน
�
้
หรือต้องอดอาหารในวันหยุดสาคัญทางศาสนา หรือต้องกินน�าปั่นผักไปสอง
สามวันในฐานะส่วนหนึ่งของอาหารอัศจรรย์แบบใหม่ แต่จะรู้สึกอย่างไรกัน
แน่เม่อไม่ได้กินอาหารนานหลายวันและคิดไม่ออกเลยว่าจะได้อาหารสัก
ื
เศษเสี้ยวในมื้อต่อไปจากที่ใด? คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ไม่เคยประสบกับ
�
ี
ความทุกข์ยากแสนสาหัสทานองน้ แต่อนิจจา บรรพบุรุษของเรากลับคุ้นเคย
ื
ี
่
�
กับเร่องพวกน้เป็นอย่างดี ในยามท่พวกเขาร้องคราครวญต่อพระผู้เป็นเจ้า
ี
ว่า “ทรงโปรดช่วยให้พวกเราพ้นจากความอดอยากเถิด!” นั้น เรื่องนี้คือสิ่ง
ที่พวกเขาคิดอยู่ในใจ
ี
ระหว่างช่วงเวลาร้อยปีท่ผ่านมา ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลย ี
ี
�
เศรษฐกิจ และการเมืองทาให้เกิดตาข่ายนิรภัยท่แข็งแรงแยกมนุษยชาต ิ
ออกจากเส้นความยากจนทางชีววิทยา ภาวะข้าวยากหมากแพงในคนหมู่มาก
ยังคงโจมตีบางพ้นท่อยู่เป็นคร้งคราว แต่ในกรณีเหล่าน้ต้องถือเป็นข้อยกเว้น
ื
ั
ี
ี
ี
และส่วนใหญ่แล้วก็มีสาเหตุมาจากการเมืองของมนุษย์มากกว่าท่จะเนื่องจาก
มหันตภัยทางธรรมชาติ ไม่มีภาวะข้าวยากหมากแพงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ี
ในโลกอีกต่อไปแล้ว จะมีก็แต่ภาวะข้าวยากหมากแพงท่เป็นผลจากการเมือง
เท่านั้น หากผู้คนในซีเรีย ซูดาน และโซมาเลียต้องอดอยากจนตาย นั่นก็
เพราะนักการเมืองต้องการให้พวกเขาเป็นเช่นนั้น
ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกนี้ แม้อาจจะมีคนที่ตกงานและสูญเสียทุก
ิ
ส่งทุกอย่างไป เขาก็ยังไม่น่าจะตายจากความหิวโหยอยู่ดี แม้แผนประกันภัย
ของเอกชน หน่วยงานของรัฐ และองค์กรนอกภาครัฐหรือเอ็นจีโอ (NGOs)
จะช่วยให้เขาหายยากจนไม่ได้ แต่องค์กรเหล่าน้ก็อาจจุนเจือให้เขาได้
ี
ื
ื
ี
ู
แคลอรต่อวนมากพออย่รอดต่อไป เมอมองแบบภาพรวมแล้ว เครอข่าย
่
ั
การค้าระดับโลกเปล่ยนความแห้งแล้งและนาท่วมให้กลายเป็นโอกาสทาง
�
้
ี
ิ
�
ธุรกิจ ทาให้เอาชนะการขาดแคลนอาหารได้อย่างรวดเร็วและไม่ส้นเปลือง
แม้กระท่งในยามเกิดสงคราม แผ่นดินไหว หรือคล่นสึนามิทาลายล้างไป
�
ื
ั
18 โฮโมดีอุส
ทั่วประเทศ ความช่วยเหลือจากนานาชาติก็มักช่วยป้องกันความอดอยากได้
ี
ส�าเร็จ แม้ว่ามีคนนับร้อยๆ ล้านคนท่ยังคงหิวโหยอยู่แทบทุกวัน แต่ใน
ประเทศส่วนใหญ่มีคนเพียงหยิบมือที่อดอยากจนเสียชีวิต
แน่นอนว่าความยากจนเป็นสาเหตุทาให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพอ่นๆ
ื
�
�
อีกมากมาย และภาวะทุพโภชนาการทาให้ค่าอายุขัยคาดหมาย (life expec-
tancy) สั้นลงแม้แต่ในประเทศที่ร�่ารวยที่สุดในโลกก็ตาม เช่น ในฝรั่งเศส
*
ี
มีคน 6 ล้านคน (ราว 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากร) ท่ต้องทนทุกข์จากความ
ั
ึ
ื
ไม่ม่นคงด้านโภชนาการ (nutritional insecurity) พวกเขาต่นข้นมาในตอน
ั
ี
เช้าโดยไม่รู้ว่าจะมีอะไรกินในตอนเท่ยงหรือไม่ บ่อยคร้งท่พวกเขาหลับไป
ี
ทั้งที่หิว และโภชนาการที่พวกเขาได้รับนั้นก็ทั้งไม่สมดุลและไม่ดีต่อสุขภาพ
มีแป้ง น�้าตาล และเกลือปริมาณมาก แต่มีโปรตีนและวิตามินไม่เพียงพอ
3
กระนั้นความไม่มั่นคงด้านโภชนาการก็ไม่ใช่ความอดอยาก และฝรั่งเศสใน
ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ไม่เหมือนฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1694 แม้แต่ในย่าน
ี
ื
ท่เส่อมโทรมท่สุดรอบๆ เมืองโบเวส์หรือปารีส ผู้คนก็ไม่ตายเพราะไม่มีอะไร
ี
กินนานหลายสัปดาห์
การแปลงรูปคล้ายๆ กันเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ อีกจ�านวนมาก แต่
ี
ท่โดดเด่นท่สุดคือจีน นานหลายสหัสวรรษแล้วท่ความอดอยากยากแค้นคืบ
ี
ี
ี
ั
ิ
่
ั
้
ุ
่
ั
คลานไปทวทกระบอบการปกครองของจน ตงแตจกรพรรดเหลือง (Yellow
ี
ี
Emperor) ไปจนถึงคอมมิวนิสต์จีนแดง ไม่ก่ทศวรรษท่ผ่านมา ค�าว่าประเทศ
ี
�
จนเป็นคาทมีนยถงการขาดแคลนอาหาร คนจีนนับสิบๆ ล้านคนอดอยาก
ึ
ั
ี
่
จนตายระหว่างการก้าวกระโดดไปข้างหน้าครั้งยิ่งใหญ่ (Great Leap For-
้
�
ward) ท่ก่อหายนะใหญ่ และผู้เช่ยวชาญก็ทานายซาๆ เป็นประจาว่า
ี
ี
�
�
**
ปัญหามีแต่แย่ลงทุกที ในปี ค.ศ. 1974 ในการประชุมวิชาการอาหารโลก
ี
ั
(World Food Conference) คร้งแรกท่โรม ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับการ
* ค่าอายุขัยคาดหมาย (life expectancy) คือค่าอายุโดยเฉลี่ยของคนแต่ละคนที่จะมีชีวิตอยู่ได้ ในชีวิตจริงบางคนอาจอายุสั้น
หรือยาวกว่านี้ได้ตามแต่ปัจจัยที่มีอยู่จ�านวนมาก ค่านี้เปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา–ผู้แปล
** The Great Leap Forward เป็นนโยบายเร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจจีนของเหมาเจ๋อตง แต่ด้วยความผิดพลาดในระบบรายงาน
ของราชการ กลับท�าให้เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตจากความอดอยากกว่า 45 ล้านคน–ผู้แปล
วาระใหม่ของมนุษย์ 19
เปิดเผยถึงภาพอนาคตที่ได้ท�านายไว้ สิ่งที่พวกเขาได้รับการบอกกล่าวก็คือ
ี
้
ั
่
ี
ู
้
้
ี
เป็นไปไม่ไดเลยท่จีนจะเลยงปากท้องผคนของตนเองทมีเป็นพนล้านคน และ
ี
ี
ี
ิ
�
ประเทศท่มีประชากรมากท่สุดในโลกกาลังด�าด่งสู่หายนะ อันท่จริงแล้วจีน
�
กลับกาลังมุ่งหน้าไปสู่ความน่าอัศจรรย์ใจท่สุดทางเศรษฐกิจในประวัติศาสตร์
ี
ต่างหาก นับจากปี ค.ศ. 1974 เป็นต้นมา คนจีนหลายร้อยล้านคนได้รับการ
ยกฐานะจนพ้นจากความยากจน และแม้ว่าจะยังมีคนนับร้อยๆ ล้านคนท ่ ี
ยังคงต้องทนทุกข์จากความขาดแคลนสิ่งจ�าเป็นและภาวะทุพโภชนาการ แต่
ั
เป็นคร้งแรกในประวัติศาสตร์จีนท่ถือว่าปลอดจากความอดอยากยากแค้น
ี
แล้วในปัจจุบัน
ี
ื
ี
อันท่จริงแล้วปัจจุบันน้ประเทศส่วนใหญ่มีปัญหาใหญ่เร่องการกินมาก
เกินควรมากกว่าความอดอยากเสียอีก ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 มารี อ็องตัว
�
�
แนตต์ (Marie Antoinette) ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ให้คาแนะนากับบรรดามวลชน
ู
ี
ั
ผ้หิวโหยว่าหากพวกเขาไม่มขนมปังกควรจะหันไปกินเค้กแทน ปัจจบนคน
็
ุ
จนๆ ทาตามคาแนะนาดังกล่าวน้ตรงตามตัวอักษรทีเดียว ขณะท่พวกคนรวย
ี
ี
�
�
�
ท่อาศัยอยู่ในเบเวอร์ลีฮิลส์กินผักกาดหอมและเต้าหู้น่งใส่คีนวา (quinoa)
ึ
ี
***
พวกคนจนๆ ในสลัมหรือชุมชนแออัดต่างสวาปามเค้กทวินกี (Twinkie)
ชีโตส แฮมเบอร์เกอร์ และพิซซ่า ในปี ค.ศ. 2014 มีคนมากกว่า 2,100
ี
�
ี
ล้านคนท่นาหนักเกินมาตรฐาน เทียบกับมีอยู่ 850 ล้านคนท่ต้องทนทุกข์
้
ึ
ึ
จากภาวะทุพโภชนาการ มีการคาดหมายกันว่าคร่งหน่งของมนุษยชาติจะม ี
4
น�้าหนกเกนมาตรฐานในปี ค.ศ. 2030 ในปี ค.ศ. 2010 ความอดอยาก
ิ
ั
และภาวะทุพโภชนาการรวมกันแล้วฆ่าคนไปราว 1 ล้านคน ขณะที่โรคอ้วน
5
ฆ่าคนไป 3 ล้านคน
*** ไม้ล้มลุกจ�าพวกหนึ่งที่มีต้นก�าเนิดในแถบเทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้ อยู่ในวงศ์เดียวกับผักโขมและปวยเล้ง นิยมสะกด
กันว่า ‘ควินัว’–ผู้แปล
20 โฮโมดีอุส
Invisible Armadas
กองเรือรบล่องหน
ภายหลังเกิดทุพภิกขภัย ศัตรูท่ย่งใหญ่ท่สุดเป็นรายท่สองของมนุษยชาต ิ
ิ
ี
ี
ี
ี
ก็คือโรคระบาดและโรคติดต่อ (infectious diseases) เมืองท่คึกคัก
จอแจเช่อมโยงกันด้วยกระแสอันไม่ขาดสายของพ่อค้าวาณิช เจ้าหน้าท ี ่
ื
�
ั
และผู้จาริกแสวงบุญ เป็นได้ท้งรากฐานสาหรับอารยธรรมของมนุษย์และ
แหล่งเพาะเชื้อในอุดมคติของเชื้อก่อโรคต่างๆ เพราะเหตุนี้ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่
ุ
็
ี
ในเอเธนส์สมัยโบราณหรือฟลอเรนซ์ในยคกลางกย่อมรู้ตวดว่าพวกเขาอาจ
ั
จะป่วยและตายในสัปดาห์หน้าได้ หรือโรคระบาดใหญ่อาจจะปะทุข้นอย่าง
ึ
ปุบปับและท�าลายทุกคนในครอบครัวลงได้ในคราเดียว
โรคระบาดท�านองนี้ที่โด่งดังที่สุดคือกาฬโรคหรือแบล็กเดธ (Black
Death) ซึ่งเริ่มขึ้นในราวทศวรรษ 1330 ที่ไหนสักแห่งในเอเชียตะวันออก
ื
หรือไม่ก็เอเชียกลาง เม่อแบคทีเรียเยอร์สิเนียเพสทิส (Yersinia pestis)
ี
ั
ื
ิ
ท่อาศัยอยู่ในตัวหมัดเร่มติดเช้อในตัวคนท่โดนตัวหมัดกัด จากจุดต้งต้น
ี
ท่ว่าน้โรคก็ระบาดราวกับข่ควบไปบนกองทัพหมัดและหนู แพร่กระจาย
ี
ี
ี
อย่างรวดเร็วไปทั่วทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกาเหนือ โดยใช้เวลาแค่ไม่
ถึง 20 ปีก็ไปถึงชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้คนราว 75–200 ล้านคน
ี
*
เสียชีวิต ถือเป็นจานวนมากกว่าหน่งในส่ของยูเรเชีย (Eurasia) ในอังกฤษ
�
ึ
จาก 10 คนจะมี 4 คนที่เสียชีวิต และประชากรลดลงจากที่มีอยู่เป็นจ�านวน
มากในช่วงก่อนการระบาดของโรคที่ราว 3.7 ล้านคน เหลือแค่ 2.2 ล้านคน
ิ
หลังการระบาด ส่วนเมืองฟลอเรนซ์ก็สูญเสียคนท้องถ่นไป 50,000 คน
จากที่มีอยู่ 100,000 คน
6
ี
�
เจ้าหน้าท่ผู้รับผิดชอบต่างหมดหนทางและทาอะไรไม่ได้เลยแม้แต่
ั
้
ิ
ั
น้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภยพิบัตแบบนี ท่ทาได้กมีเพียงแค่การจดให้
�
็
ี
ี
ี
* มหาทวีปท่รวมทวีปยุโรปและเอเชียเข้าด้วยกัน มักใช้เป็นชื่อเรียกตามภูมิศาสตร์โลกหลายร้อยล้านปีก่อนท่ยังไม่แยกทวีปยุโรป
และทวีปเอเชียออกจากกันแบบในปัจจุบัน–ผู้แปล
วาระใหม่ของมนุษย์ 21
ั
มวลชนมาสวดมนต์และร่วมขบวนแห่กน พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าจะหยุด
ั
ี
การแพร่กระจายระบาดใหญ่ไปท่วของโรคน้ได้อย่างไร ไม่ต้องไปพูดถึงว่า
จะรักษาโรคน้ได้อย่างไร ก่อนเข้าสู่ยุคใหม่มนุษย์ยังกล่าวโทษโรคดังกล่าว
ี
ว่ามีสาเหตุมาจากอากาศเสีย มารร้าย และเทพพิโรธ และไม่เคยจะสงสัย
ื
ี
ี
ิ
เลยว่าอาจมีส่งท่เรียกว่าแบคทีเรียกับไวรัสอยู่ ผู้คนต่างพร้อมท่จะเช่อว่าม ี
เทวดาและนางฟ้า แต่พวกเขากลับไม่อาจจินตนาการได้ว่าตัวหมัดเล็กจ๋วหรือ
ิ
น�้าเพียงหยดเดียวอาจจะเต็มไปด้วยกองทัพวายร้ายนักล่าสังหารได้อย่างไร
แบล็กเดธไม่ได้เป็นแค่เหตุการณ์เด่ยวๆ และไม่ได้เป็นแม้กระทั่งโรค
ี
ี
ี
ระบาดท่ร้ายแรงท่สุดในประวัติศาสตร์ ยังมีโรคระบาดใหญ่ท่ก่อความเสีย
ี
หายหนักกว่าจู่โจมทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซิฟิก โดย
ึ
�
เกิดข้นติดตามมาหลังการมาถึงของชาวยุโรปพวกแรก เหล่านักสารวจและ
�
ผู้ต้งรกรากไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาได้นาเอาโรคติดเช้อชนิดใหม่ๆ ท่พวกคน
ี
ั
ื
ื
พ้นเมืองไม่เคยมีภูมิต้านทานมาก่อนติดตัวมาด้วย ส่งผลให้มีประชากร
พื้นเมืองมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ที่เสียชีวิต 7
ี
ในวันท่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1520 มีกองเรือเล็กของสเปนท่ออกจาก
ี
เกาะคิวบามุ่งสู่เม็กซิโก กองเรือบรรทุกทหาร 900 นายพร้อมม้า ปืน และ
ึ
ี
ทาสแอฟริกันไม่ก่คน ในกลุ่มทาสน้มีคนหน่งคือฟรานซิสโก เดอ เอเกีย
ี
ี
ุ
ั
ั
ิ
่
(Francisco de Eguía) มสงของบรรทกไปกบตวทเป็นอนตรายมากยง
่
ั
่
ี
ิ
ฟรานซิสโกเองก็ไม่รู้ตัวว่าท่ามกลางเซลล์นับล้านล้านเซลล์ของเขามีระเบิด
เวลาชีวภาพเดินอยู่ มันคือไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ (smallpox virus) หลัง
ิ
ึ
ี
จากฟรานซิสโกข้นฝั่งท่เม็กซิโก ไวรัสก็เร่มแบ่งตัวเพ่มจานวนแบบทวีคูณใน
�
ิ
ื
ร่างกายของเขา สุดท้ายแตกออกให้เห็นเป็นผ่นน่าเกลียดน่ากลัวไปตามผิวหนัง
ทั่วตัว ฟรานซิสโกป่วยนอนพักในเตียงของบ้านครอบครัวอเมริกันพื้นเมือง
ั
ึ
รายหน่งในเมืองเซมปัวลัน (Cempoallan) เขาทาให้สมาชิกในครอบครัวน้น
�
ื
ติดโรคไปด้วย แล้วจึงลามติดไปยังเพ่อนบ้าน ภายในเวลา 10 วัน เซมปัวลัน
ี
ก็กลายเป็นสุสาน ผู้ล้ภัยแพร่กระจายโรคจากเซมปัวลันไปยังเมืองใกล้เคียง
ี
�
่
ี
เมืองแล้วเมืองเล่าท่ผู้คนล้มตายจากโรคระบาด ทาให้เกิดคล่นผู้ล้ภัยท
ี
ื
น่ากลัวซึ่งมีโรคติดตัวไปด้วยแพร่กระจายไปทั่วเม็กซิโกและไกลเกินกว่านั้น
22 โฮโมดีอุส
ชาวมายา (Maya) ในคาบสมุทรยูคาทัน (Yucatán Peninsula) เช่อ
ื
ว่ามีมารอยู่ 3 ตนคือ เอ๊กเพตซ์ (Ekpetz) อูซานน์กัก (Uzannkak) และ
โซอากัก (Sojakak) ซึ่งจะโบยบินจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งใน
ยามค�่าคืนและท�าให้ผู้คนติดโรคเจ็บป่วย ส่วนพวกแอซเท็กก็กล่าวโทษเทพ
เตซคาทลิโปกา (Tezcatlipoca) และซิเปโตเตก (Xipetotec) หรือบางทีก็
�
ื
กล่าวโทษมนต์ดาของพวกคนขาว เม่อไปปรึกษาพวกพระและหมอก็ได้รับคา �
�
แนะนาให้สวดอ้อนวอน อาบนาเย็น ถูตัวด้วยยางมะตอย (bitumen) หรือ
�
้
*
ไม่ก็ป้ายผงที่ท�าจากแมลงปีกแข็งสีด�าบดตรงต�าแหน่งที่ปวด แต่ไม่มีอะไรที่
ช่วยได้เลย มีศพนับหม่นๆ ศพที่ปล่อยทิ้งให้เน่าเปื่อยอยู่ตามท้องถนน โดย
ื
�
ี
ื
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพ่อนาไปฝัง มีหลายครอบครัวท่ตายยกครัวในเวลา
ู
้
้
ี
่
ื
้
ื
ั
้
็
ิ
ั
่
่
เพยงไม่กวน และผมีหนาทรับผดชอบกสงใหรอถอนบ้านกองทบเหนอซากศพ
ี
ั
ี
เหล่านั้น แหล่งพักพิงบางแห่งประชากรเสียชีวิตไปถึงครึ่งหนึ่ง
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1520 โรคระบาดแพร่กระจายไปถึงหุบเขา
เม็กซิโก และในเดือนตุลาคม มันก็ผ่านเข้าสู่ประตูเมืองหลวงของแอซเท็ก
คือเตนอชติตลัน (Tenochtitlan) มหานครอันสง่างามที่มีคน 250,000 คน
อาศัยอยู่ ภายในเวลา 2 เดือน อย่างน้อยมีประชากรหนึ่งในสามที่เสียชีวิต
ไป รวมทั้งจักรพรรดิแอซเท็ก คูอิตลาฮวัค (Cuitláhuac) ในเดือนมีนาคม
ค.ศ. 1520 ตอนที่กองเรือของพวกสเปนเดินทางมาถึงนั้น เม็กซิโกคือบ้าน
ของคน 22 ล้านคน แต่เม่อถึงเดือนธันวาคม เหลือคนท่ยังมีชีวิตรอดอยู่
ี
ื
เพียง 14 ล้านคน ฝีดาษเป็นแค่เพียงการกวาดล้างรอบแรกเท่าน้น ขณะ
ั
ึ
่
�
ี
ท่เจ้านายใหม่ชาวสเปนวุ่นอยู่กับการท�าให้ตัวเองรารวยข้นและบังคับใช้งาน
ื
ื
ื
คนพ้นเมือง ก็มีคล่นพิฆาตของโรคไข้หวัดใหญ่ โรคหัด และโรคติดต่ออ่นๆ
ตามเข้ามาโจมตีเม็กซิโกลูกแล้วลูกเล่า จนเมื่อถึงปี ค.ศ. 1580 ประชากรก็
ลดลงจนเหลือแค่เพียง 2 ล้านคน 8
ี
สองศตวรรษต่อมาในวันท่ 18 มกราคม ค.ศ. 1778 กัปตันเจมส์ คุก
นักส�ารวจชาวอังกฤษเดินทางไปถึงฮาวาย หมู่เกาะฮาวายมีประชากรอยู่กัน
�
�
* ยางมะตอย (bitumen) หรือแอสฟัลต์ (asphalt) บางทีก็เรียกว่า ‘นามันดิน’ เป็นของเหลวก่งแข็ง เหนียวหนืด และมีสีดา–ผู้แปล
ึ
้
วาระใหม่ของมนุษย์ 23
ั
ี
ึ
อย่างหนาแน่นราวคร่งล้านคน โดยอยู่แยกโดดเด่ยวจากท้งทวีปยุโรปและ
อเมริกา จึงไม่เคยต้องพบเจอกับโรคภัยต่างๆ จากชาวยุโรปและอเมริกัน
ื
กัปตันคุกและคนของเขานาเอาเช้อโรคไข้หวัดใหญ่ วัณโรค และซิฟิลิสไป
�
ี
ยังฮาวาย นักท่องเท่ยวชาวยุโรปในยุคหลังยังเพ่มโรคไทฟอยด์และไข้ทรพิษ
ิ
เมื่อถึงปี ค.ศ. 1853 มีผู้เหลือรอดชีวิตเพียง 70,000 คนในฮาวาย 9
โรคระบาดยังคงสังหารผู้คนอีกหลายสิบล้านคนต่อไปจนถึงคริสต์
ี
ศตวรรษท่ 20 ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1918 ทหารในสนามเพลาะทาง
ตอนเหนือของฝร่งเศสเร่มล้มตายจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ท่รุนแรงเป็นพิเศษ
ี
ิ
ั
ื
ึ
ั
ซ่งมีช่อเล่นว่า ‘ไข้หวัดใหญ่สเปน’ แนวหน้าดงกล่าวเป็นจุดปลายของ
เครือข่ายอุปทานโลก (global supply network) ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด
ึ
ี
ั
ั
ท่เคยเกิดข้นในโลกนับจวบกระท่งปัจจุบัน ผู้คนและอาวุธหล่งไหลไปยัง
้
�
อังกฤษ สหรัฐอเมริกา อินเดีย และออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็นนามันจาก
ื
ตะวันออกกลาง เมล็ดพืชและเน้อจากอาร์เจนตินา ยางจากมลายา (Malaya)
และทองแดงจากคองโก ต่างก็ได้รับไข้หวัดใหญ่สเปนเป็นการตอบแทน ภาย
ในเวลาเพียงแค่ไม่ก่เดือน ผู้คนราว 500 ล้านคนหรือราวหน่งในสามของ
ี
ึ
ประชากรโลกล้วนติดเชื้อไวรัสโรคดังกล่าว ในอินเดียโรคนี้สังหารคนไป 5
เปอร์เซ็นต์ของประชากร (หรือ 15 ล้านคน) ในเกาะตาฮิติ คน 14 เปอร์เซ็นต์
ต้องตายไป ในซามัวอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ในเหมืองทองแดงที่คองโก คนงาน
หนึ่งในห้าถึงแก่ชีวิต เมื่อนับจ�านวนรวมกัน โรคระบาดใหญ่ดังกล่าวฆ่าคน
ึ
ี
ไประหว่าง 50–100 ล้านคนในเวลาไม่ถึงหน่งปี สงครามโลกคร้งท่ 1 ฆ่าคน
ั
ไป 40 ล้านคนระหว่าง ค.ศ. 1914–1918 10
ควบคู่ไปกับสึนามิของโรคระบาดใหญ่ท่ถาโถมเข้าใส่มนุษยชาติทุกๆ
ี
สองสามทศวรรษ ผู้คนต้องเผชิญหน้ากับคล่นลูกท่เล็กกว่าของโรคติดต่อท่มา
ี
ี
ื
อย่างสมาเสมอ ซ่งฆ่าคนนับล้านคนทุกปี เด็กๆ ท่ขาดภูมิคุ้มกันจะไวต่อโรค
�
ึ
่
ี
ุ
ี
ิ
ี
เหล่าน้มากเป็นพเศษ ด้วยเหตน้เองจึงมักจะเรียกโรคเหล่าน้ว่าเป็น ‘โรคของ
ี
วัยเด็ก’ (childhood diseases) นับจวบกระทั่งต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 มี
ึ
เด็กๆ ราวหน่งในสามท่ตายก่อนจะได้เป็นผู้ใหญ่ อันเป็นผลเน่องมาจาก
ี
ื
การผสมผสานกันระหว่างภาวะทุพโภชนาการและโรคภัยไข้เจ็บ
24 โฮโมดีอุส
ึ
ในศตวรรษท่แล้วมนุษยชาติกลับเปราะบางกับโรคระบาดใหญ่มากข้น
ี
ไปอีก ผลจากการผสมผสานท่เกิดจากประชากรท่เพ่มจานวนมากข้นและการ
�
ึ
ิ
ี
ี
ี
่
เดนทางทดมากขน มหานครสมยใหมอยางโตเกยวหรอคนชาซา (Kinshasa)
ิ
ั
ิ
ึ
้
ื
่
ี
ี
่
*
เปิดโอกาสให้เชื้อโรคมีพื้นที่ล่าเหยื่อที่อุดมสมบูรณ์เกินกว่าฟลอเรนซ์ในยุค
กลางหรือเตนอชติตลันในปี ค.ศ. 1520 และเครือข่ายการขนส่งทั่วโลกใน
ทุกวันน้ก็มีประสิทธิภาพมากเกินกว่าในปี ค.ศ. 1918 มาก ไวรัสไข้หวัดใหญ่
ี
สเปนสามารถเดินทางไปยังคองโกหรือตาฮิติได้ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ดัง
น้น เราจึงมีโอกาสท่จะต้องอยู่ในนรกโรคระบาดใหญ่แห่งใดแห่งหน่งหาก
ั
ึ
ี
ยังคงมีโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้นซ�้าแล้วซ�้าเล่า
ั
อย่างไรก็ตาม ท้งอุบัติการณ์ (incidence) และผลกระทบของโรค
ี
ระบาดใหญ่ลดลงอย่างมากในช่วงสองสามทศวรรษท่ผ่านมา โดยเฉพาะ
ี
ั
ิ
ั
�
อย่างย่งอัตราการเสียชีวิตของเด็กท่วโลกถือว่าตาท่สุดต้งแต่เคยมีมา คือม ี
่
เด็กน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ที่ตายก่อนโตเป็นผู้ใหญ่ ในประเทศพัฒนาแล้ว
อัตราต�่ากว่า 1 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ�้าไป เรื่องมหัศจรรย์นี้เป็นผลมาจากความ
11
ส�าเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนของการแพทย์ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งช่วย
ให้เรามีการฉีดวัคซีน ยาปฏิชีวนะ สุขอนามัยที่ดีขึ้น และโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านการแพทย์ที่ดีขึ้นมาก
ื
ยกตัวอย่าง การรณรงค์ท่วโลกเร่องการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษประสบ
ั
ความส�าเร็จมากเสียจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1979 องค์การอนามัยโลกประกาศ
ิ
ิ
�
ั
ั
ื
ี
ใหมนุษยชาตมีชยเหนอโรคน และโรคไขทรพษถูกกาจดส้นไปแบบถอนราก
้
ิ
้
้
ถอนโคนแล้ว นับเป็นคร้งแรกท่มีการกาจัดโรคท่ก่อการระบาดใหญ่ในหมู่
�
ั
ี
ี
มนุษย์ออกไปจนหมดสิ้นจากโลกใบนี้ ในปี ค.ศ. 1967 ยังคงมีคนติดเชื้อ
ี
�
และเป็นโรคไข้ทรพิษอยู่ 15 ล้านคนและในจานวนน้มีอยู่ 2 ล้านคนท ่ ี
เสียชีวิต แต่ในปี ค.ศ. 2014 ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ติดเชื้อหรือเสียชีวิตจาก
โรคไข้ทรพิษ ชัยชนะท่สมบูรณ์แบบย่งน้ทาให้ทุกวันน้องค์การอนามัยโลก
�
ิ
ี
ี
ี
หยุดฉีดวัคซีนโรคไข้ทรพิษแล้ว 12
* คินชาซา เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก–ผู้แปล
วาระใหม่ของมนุษย์ 25
ทุกๆ สองสามปีเราจะได้รับสัญญาณเตือนการระบาดของโรคระบาด
ี
ชนิดใหม่ๆ ท่มีศักยภาพสูง เช่น ซาร์ส (SARS) ในปี ค.ศ. 2002/3 ไข้หวัด
นก (bird flu) ในปี ค.ศ. 2005 ไข้หวัดหมู (swine flu) ในปี ค.ศ. 2009/10
�
ั
และอีโบลา (Ebola) ในปี ค.ศ. 2014 กระน้นก็ยังต้องขอบคุณสาหรับ
ื
�
ี
ี
มาตรการรับมือต่ออุบัติการณ์ต่างๆ เหล่าน้ท่มีประสิทธิภาพสูง จนทาให้มีเหย่อ
ผู้เคราะห์ร้ายท่โดยเปรียบเทียบแล้วต้องถือว่าเป็นจานวนน้อย เช่น กรณ ี
�
ี
ของโรคซาร์สท่ในตอนต้นก่อให้เกิดความกลัวว่าจะเป็นแบล็กเดธสมัยใหม่
ี
13
แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยความตายของคนไม่ถึง 1,000 คนทั่วโลก การแพร่
ระบาดของอีโบลาในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 องค์การอนามัยโลกกล่าว
ี
ี
ี
ถึงโรคน้ว่าเป็น “ภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุขท่ร้ายแรงท่สุดท่เคยมีมาใน
ี
ยุคสมัยใหม่” แต่กระน้นก็ตามพอถึงต้นปี ค.ศ. 2015 ก็ควบคุมโรค
ั
14
ระบาดน้ได้ และในเดือนมกราคม ค.ศ. 2016 องค์การอนามัยโลกก็ประกาศว่า
ี
หยุดการระบาดแล้ว มีคนติดเชื้อดังกล่าวไป 30,000 คน (ในจ�านวนนี้ตาย
ไป 11,000 คน) ท�าให้เศรษฐกจของแอฟริกาตะวันตกเสียหายไปอย่าง
ิ
มากมายมหาศาล และส่งคลื่นกระแทกของความกังวลใจไปทั่วโลก แต่มัน
ก็ไม่ได้แพร่กระจายไปเกินกว่าแอฟริกาตะวันตก และยอดรวมผู้เสียชีวิต
ก็ยังห่างไกลจากที่ไข้หวัดใหญ่สเปนหรือไข้ทรพิษเม็กซิโกเคยท�าไว้
ี
ั
แม้แต่โศกนาฏกรรมจากโรคเอดส์ท่ดูราวกับเป็นความล้มเหลวคร้ง
ี
ย่งใหญ่ท่สุดทางการแพทย์ในสองสามทศวรรษท่ผ่านมาก็ยังอาจมองได้ว่า
ี
ิ
ึ
ี
ั
�
มีสัญญาณของความก้าวหน้าเกิดข้น นับจากการระบาดใหญ่คร้งสาคัญท่เกิด
ขึ้นครั้งแรกในต้นทศวรรษที่ 1980 มีคนมากกว่า 30 ล้านคนที่ตายจากโรค
เอดส์ และมอกหลายสบล้านคนทต้องทนทกข์ทรมานออนแอลงจากความเสย
ุ
่
ี
ี
่
ี
ี
ิ
ั
�
หายท้งทางกายภาพและจิตวิทยา การทาความเข้าใจและรักษาโรคระบาดใหม่
น้เป็นเร่องยาก เพราะเอดส์เป็นโรคท่มีลักษณะเฉพาะตัวไม่ตรงไปตรงมานัก
ี
ี
ื
ี
ื
ี
ขณะท่คนใดก็ตามท่ติดเช้อไวรัสโรคไข้ทรพิษจะตายในเวลาเพียงไม่ก่วัน แต่
ี
ื
ี
ผู้ป่วยท่มีเช้อเอชไอวี (HIV) ในร่างกายอาจจะดูเป็นปกติอย่างสมบูรณ์แบบ
นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน จึงท�าให้ติดต่อไปยังคนอื่นได้โดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้แล้วไวรัสเอชไอวีเองก็ไม่ได้ฆ่าผู้ติดเชื้อ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น มัน
26 โฮโมดีอุส
ท�าลายระบบภูมิคุ้มกัน (immune system) ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบ
ู
�
ิ
็
ื
่
ิ
ุ
จากโรคอนๆ อีกเปนจานวนมาก โรคทตยภม (secondary diseases) เหล่า
ี
ี
ื
ิ
ี
ี
น้เองท่เป็นตัวฆ่าเหย่อจากโรคเอดส์ท่แท้จริง ผลก็คือในตอนท่โรคเอดส์เร่ม
�
�
ั
แพร่กระจายน้นก่อให้เกิดความยากลาบากเป็นพิเศษในการทาความเข้าใจ
ว่าก�าลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนที่ผู้ป่วย 2 รายเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
กรุงนิวยอร์กปี ค.ศ. 1981 เห็นได้ชัดเจนว่าคนหนึ่งนั้นก�าลังจะเสียชีวิตจาก
ี
โรคปอดบวม ในขณะท่อีกคนจากโรคมะเร็ง ไม่มีหลักฐานใดเลยท่แสดงให้
ี
็
่
้
้
่
เห็นวาแทจริงแลวทั้งคูเปนเหยื่อของไวรัสเอชไอวี โดยพวกเขาอาจจะติดเชื้อ
มานานหลายเดือนหรือแม้แต่หลายปีก่อนหน้านั้น 15
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะประสบกับความยากล�าบากเหล่านี้ หลังจากที่
ิ
ชุมชนการแพทย์เร่มตระหนักถึงโรคระบาดลึกลับชนิดน้ นักวิทยาศาสตร์ก็ใช้
ี
เวลาแค่เพียง 2 ปีที่จะคัดแยกเชื้อออกมา เข้าใจวิธีการที่ไวรัสแพร่กระจาย
ตัว และหาวิธีที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการแพร่กระจายของโรคระบาด
ี
ี
ี
ชนิดน้ได้ ใช้เวลาอีกเพียง 10 ปีก็มียาชนิดใหม่หลายชนิดท่เปล่ยนให้โรคเอดส์
ที่เปนดั่งค�าพพากษาประหารชีวตเปลยนไปกลายเปนโรคเรอรง (อยางนอยก ็
ี
่
็
ิ
ิ
้
ื
็
่
้
ั
ส�าหรับพวกคนรวยๆ ที่มีเงินพอจ่ายค่ารักษา) ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
16
หากโรคเอดส์ปะทุขึ้นในปี ค.ศ. 1581 แทนที่จะเป็นปี ค.ศ. 1981 มีความ
ี
ั
เป็นไปได้มากท่จะไม่มีใครเลยในยุคน้นหาสาเหตุท่ก่อให้เกิดโรคระบาด
ี
จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งพบ หรือจะหยุดการระบาดได้อย่างไร (ไม่ต้อง
ไปพูดถึงว่ารักษาให้หายได้อย่างไร) ภายใต้สภาวะดังกล่าว เอดส์อาจจะฆ่า
เผ่าพันธุ์มนุษย์ไปได้เป็นสัดส่วนจานวนมาก โดยอาจจะเท่าๆ กับหรือแม้แต่
�
มากกว่าแบล็กเดธด้วยซ�้าไป
แม้จานวนรวมของผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์จะสูงจนน่ากลัว และแม้ว่าจะม ี
�
ผู้เสียชีวิตปีละนับล้านคนจากโรคติดเชื้อที่มีมานานแล้ว เช่น มาลาเรีย โรค
ระบาดใหญ่ก็ยังเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ปัจจุบันน้อยกว่าเม่อ
ื
้
่
ั
ิ
ู
่
่
สหสวรรษกอนเป็นอยางมาก ผ้คนส่วนใหญ่ตายจากความเจ็บปวยทไม่ไดเกด
่
ี
จากการติดเช้อ เช่น มะเร็ง และโรคหัวใจ หรือไม่ก็แค่จากความชรา (มีหลัก
ื
17
ฐานชัดเจนว่ามะเร็งและโรคหัวใจไม่ใช่โรคแบบใหม่อย่างแน่นอน สามารถ
วาระใหม่ของมนุษย์ 27
สืบย้อนกลับไปได้ถึงยุคโบราณ อย่างไรก็ตาม โดยสัมพัทธ์แล้วในยุคเก่า
ก่อนมีคนเพียงน้อยนิดที่มีอายุยืนยาวมากพอที่จะตายจากโรคเหล่านี้ได้)
ื
ั
ี
คนจานวนมากกลัวว่าเร่องน้จะเป็นแค่เพียงชัยชนะช่วครู่ช่วยาม และ
�
ั
ญาตินิรนามบางโรคของแบล็กเดธกาลังรอคอยเผยโฉมอยู่ท่วทุกมุมโลก
�
ั
ี
ไม่มีใครเลยท่จะรับประกันได้ว่าโรคระบาดใหญ่จะไม่กลับมาอีก แต่ก็ม ี
เหตุผลท่ดีพอจะทาให้เช่อได้ว่าสาหรับการงัดข้อระหว่างแพทย์และเช้อโรค
ื
ี
�
ื
�
นั้น แพทย์จะท�าได้ดีกว่า โรคติดเชื้อชนิดใหม่ๆ ที่ปรากฏขึ้นส่วนใหญ่แล้ว
ก็เป็นผลลัพธ์จากการกลายพันธ์ในจีโนม (genome) ของเช้อโรค การกลาย
*
ุ
ื
ื
ี
พันธุ์เหล่าน้ช่วยให้เช้อโรคกระโดดข้ามจากสัตว์มาสู่คนได้ ช่วยให้เอาชนะ
ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้ หรือช่วยให้ต้านทานยา เช่น ยาปฏิชีวนะได้
ทุกวันนี้การกลายพันธุ์แบบนี้ยังอาจจะเกิดขึ้นและอาจแพร่กระจายไปได้เร็ว
18
ี
กว่าในอดีตอีกด้วย เน่องจากเป็นผลกระทบท่มนุษย์กระท�าต่อส่งแวดล้อม
ื
ิ
ั
กระน้นในการแข่งขันกับการแพทย์น้น ถึงท่สุดแล้วเช้อโรคก็ยังอาศัยการ
ี
ั
ื
ช่วยเหลือของเงื้อมมือแห่งโชคที่สะเปะสะปะอยู่นั่นเอง
ในทางตรงกันข้าม แพทย์ไม่ได้เพียงแค่พึ่งพาโชคชะตา แต่ยังพึ่งพา
ส่งอ่นอีกด้วย แม้ว่าวิทยาศาสตร์จะเป็นหนี้ต่อการค้นพบโดยบังเอิญอยู่มาก
ิ
ื
ก็ตาม แต่แพทย์ก็ไม่ได้แค่โยนสารเคมีชนิดต่างๆ ลงไปในหลอดทดลอง
แล้วหวังว่าจะมีโอกาสได้ยาชนิดใหม่บางอย่าง ในแต่ละปีท่ผ่านไปแพทย์
ี
ึ
�
ได้รวบรวมความรู้ท่ดีมากข้นเร่อยๆ ซ่งพวกเขานามาใช้ออกแบบยาและวิธ ี
ี
ึ
ื
การรักษาท่มีประสิทธิภาพมากข้นเร่อยๆ ผลที่ตามมาก็คือแม้ว่าในปี ค.ศ.
ี
ึ
ื
2050 ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราจะยังคงต้องเผชิญหน้ากับเช้อโรคท่ปรับตัวได้
ี
ื
ดีข้นอีกมากมาย แต่การแพทย์ในปี ค.ศ. 2050 ก็น่าจะสามารถรับมือกบ
ึ
ั
เชื้อโรคพวกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าทุกวันนี้เช่นกัน 19
ในปี ค.ศ. 2015 แพทย์ประกาศการค้นพบยาปฏิชีวนะรูปแบบใหม่
เอยมชอ เทกโซแบกตน (teixobactin) ซงไม่มแบคทเรยชนดใดมความ
ิ
ี
ื
่
ี
ิ
่
ึ
ี
ี
่
ี
สามารถต้านทานมันได้ นักวิชาการบางคนเชื่อว่าเทกโซแบกตินอาจจะได้รับ
* จีโนม คือสารพันธุกรรมครบถ้วนบริบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง–ผู้แปล
28 โฮโมดีอุส
ื
ี
การพิสูจน์ว่าเป็นตัวตัดสินในการต่อสู้กับเช้อโรคพวกท่ต้านยาปฏิชีวนะได้
20
�
หลากหลายชนิดมากๆ นักวิทยาศาสตร์กาลังพัฒนาวิธีการรักษาแบบ
ใหม่ๆ ชนิดปฏิวัติวงการทีเดียว วิธีการเหล่านี้แตกต่างไปจากการแพทย์ใน
ี
ี
ยุคก่อนหน้าน้อย่างส้นเชิง เช่น มีห้องปฏิบัติการบางแห่งท่สร้างหุ่นยนต์นาโน
ิ
ึ
(nano-robot) ข้นใช้ในงานวิจัยแล้ว ไม่แน่ว่าสักวันหน่งพวกมันอาจจะ
ึ
*
�
ื
เข้าไปแหวกว่ายอยู่ในกระแสเลือดของพวกเรา คอยจาแนกโรคและฆ่าเช้อ
โรคหรือเซลล์มะเร็ง จุลินทรีย์ (microorganisms) มีประสบการณ์สะสม
21
**
่
ู
ิ
ี
ี
ั
์
่
ี
ั
ยาวนาน 4,000 ล้านปในการตอสกบศตรทเป็นสงมชีวตแบบอนทรย แตกลับ
ี
่
ิ
่
ิ
้
ู
ไม่มีประสบการณ์แม้สักนิดเดียวเลยในการต่อสู้กับนักล่าไบโอนิก (bionic
ึ
ิ
ู
ี
่
ี
้
ั
ั
ึ
้
***
ุ
ี
predator) ด้วยเหตนจงน่าจะยากขนเป็นทวคณทจะววฒน์ตวเองไปจน
มีระบบปกป้องตัวเองที่มีประสิทธิภาพ
ั
ั
ี
ดังน้น ขณะท่เราไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะมีการระบาดของอีโบลาคร้ง
ใหม่หรือจะมีสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ท่ไม่เคยรู้จักแผ่กระจายข้ามโลกและฆ่าคน
ี
เป็นล้านๆ คนอีกหรือไม่ เราก็ไม่ถือว่ามันเป็นภัยพิบัติตามธรรมชาติที่หลีก
ั
ี
ั
เลยงไม่ได้อกต่อไปแล้ว แทนทจะเป็นเช่นนน เรากลบมองว่าเป็นความล้ม
ี
้
่
่
ี
เหลวของมนุษย์ที่ไม่อาจอภัยให้ได้และต้องมีหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ที่ต้อง
มารับผิดชอบ ในช่วงปลายฤดูร้อนปี ค.ศ. 2014 ดูราวกับโรคอีโบลาจะมีชัย
ื
ี
เหนือหน่วยงานสุขภาพของโลกจนเกิดเป็นสัปดาห์ท่น่าต่นตระหนกอยู่สอง
ั
สามสัปดาห์ จึงมีการต้งคณะกรรมการข้นมาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน รายงาน
ึ
เบื้องต้นที่ตีพิมพ์ในวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2014 วิพากษ์วิจารณ์องค์การ
�
อนามัยโลกเร่องการตอบสนองต่อการระบาดของโรคว่าทาได้อย่างน่าผิดหวัง
ื
ต�าหนิว่าการระบาดใหญ่ท่เกิดข้นน้นมาจากการคอร์รัปชันและความไร้
ั
ึ
ี
ประสิทธิภาพขององค์การอนามัยโลกสาขาแอฟริกา การวิพากษ์วิจารณ์ยัง
�
ี
ี
ึ
�
* หุ่นยนต์นาโน คือโครงสร้างบางอย่างท่ทาหน้าท่ได้อย่างจาเพาะและมีขนาดเล็กมาก คือเพียงแค่เศษหน่งส่วนพันล้านส่วน
ของเมตรเท่านั้น–ผู้แปล
ี
** จุลินทรีย์ คือส่งมีชีวิตท่มีขนาดเล็กจนไม่อาจมองเห็นเซลล์เด่ยวๆ ของพวกมันได้ด้วยตาเปล่า เช่น แบคทีเรีย รา และ
ิ
ี
ไวรัส–ผู้แปล
*** นักล่าหรือผู้ล่า (predator) หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่คอยจับกินสิ่งมีชีวิตอื่น ส่วน ไบโอนิก (bionic) หมายถึงมีลักษณะผสม
ผสาน คือมีส่วนที่เป็นอินทรีย์ (organic) แบบที่พบในสิ่งมีชีวิตทั่วไป (มีโมเลกุลพื้นฐานประกอบด้วยอะตอมคาร์บอนเป็นแกน
กลาง) และส่วนที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้า หรือกลไกอื่นที่เป็นแบบอนินทรีย์ (inorganic)–ผู้แปล
วาระใหม่ของมนุษย์ 29
ึ
ื
ยกระดับสูงข้นอีกในกลุ่มชุมชนนานาชาติในเร่องการไม่ตอบสนองให้เร็วพอ
ี
�
และมีมาตรการออกบังคับใช้ไม่ดีพอ การวิพากษ์วิจารณ์ทานองน้มีสมมุติฐานว่า
ี
ื
ื
มนุษยชาติมีความรู้และเคร่องไม้เคร่องมือท่ใช้ป้องกันโรคระบาดได้ แต่
กระน้นก็เกิดโรคระบาดท่เกินควบคุมข้นอันเป็นผลมาจากการไร้ความสามารถ
ึ
ั
ี
ิ
�
ิ
ของมนุษย์มากกว่าจะเป็นความพิโรธจากส่งศักด์สิทธ์ ในทานองเดียวกัน
ิ
ข้อเท็จจริงท่ว่าเอดส์ยังคงติดต่อและฆ่าคนนับล้านในแอฟริกาแถบใต้ทะเล
ี
ี
ทรายซาฮาราอีกนานหลายปีหลังจากท่แพทย์เข้าใจกลไกของมันแล้วก็ถูก
มองอย่างถูกต้องว่าเป็นผลจากความล้มเหลวของมนุษย์เอง มิใช่ผลจากโชคร้าย
ั
ิ
ดังน้น ในการด้นรนต่อสู้กับหายนะจากธรรมชาติ เช่น เอดส์และ
ั
อีโบลาน้น มนุษย์ยังรับมือกับระดับความรุนแรงดังกล่าวได้อยู่ แต่หาก
ี
เป็นอันตรายท่ฝังลึกอยู่ในตัวของมนุษย์เองตามธรรมชาติเล่า? เทคโนโลย ี
ชีวภาพ (biotechnology) ท�าให้เราเอาชนะแบคทีเรียและไวรัสได้ แต่ใน
ี
ขณะเดียวกันมันก็ก่อให้เกิดภัยคุกคามท่ไม่คาดฝันกับตัวมนุษย์เองด้วย
�
ี
�
วิธีการแบบเดียวกันกับท่ทาให้แพทย์สามารถจาแนกและรักษาโรคใหม่ๆ
ได้อย่างรวดเร็วก็อาจจะท�าให้กองทัพและผู้ก่อการร้ายสามารถท�าวิศวกรรม
ึ
ตัดต่อให้เกิดโรคร้ายท่น่ากลัวมากข้นไปอีกและแม้แต่สร้างเช้อโรคท่ทาให้
ี
ื
�
ี
เกิดวันส้นโลก ดังน้น หากจะมีโรคระบาดใหญ่สาคัญท่ยังคงทาอันตราย
ั
�
ิ
ี
�
มนุษยชาติในอนาคตต่อไปอีกได้ ก็น่าจะเป็นพวกที่มนุษย์เองสร้างขึ้น เพื่อ
ี
ี
ใช้งานตามจุดมุ่งหมายท่โหดเห้ยมไร้ความปรานี ยุคสมัยท่มนุษยชาติยืนเฝ้า
ี
ิ
ึ
ี
มองโรคระบาดใหญ่ท่เกิดข้นตามธรรมชาติอย่างส้นหวังอาจหมดไปแล้ว
จนแม้แต่เราเองก็อาจจะคิดถึงพวกมันเหมือนกัน
Breaking the Law of the Jungle
่
ท�ลายกฎของป า
ข่าวดีเร่องท่สามก็คือสงครามเองก็กาลังจะเลือนหายไปเช่นกัน ตลอดช่วง
ี
�
ื
ประวัติศาสตร์มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่ใจกับสงครามมากนักเพราะสงคราม
30 โฮโมดีอุส
่
ั
ั
ี
ั
ื
้
มลกษณะเป็นเรองช่วครงชวคราวและเอาแน่เอานอนไม่ได้ ความสมพันธ์
ั
ั
่
�
ี
ระหว่างประเทศดาเนินไปได้ด้วยกฎของป่า (Law of the Jungle) ท่กล่าวว่า
แม้ระบอบการปกครองสองแบบจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ สงครามก็ยังคง
ั
ึ
เป็นทางเลือกแบบหน่งเสมอมา เช่น แม้ว่าเยอรมนีและฝร่งเศสจะอยู่ร่วมกัน
อย่างสงบในปี ค.ศ. 1913 แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าทั้งสองประเทศอาจจะเอามีดจ่อ
ี
คอหอยอีกประเทศได้ตลอดเวลาในปี ค.ศ. 1914 เม่อใดก็ตามท่นักการเมือง
ื
นายพล นักธุรกิจ และพลเมืองที่เป็นสามัญชนวางแผนอนาคต พวกเขาจะ
ื
�
ี
้
เผ่อพ้นท่ไว้ในกรณีที่เกิดสงครามด้วยเสมอ นับจากยุคหินไปจนถึงยุคไอนา
ื
ื
และจากอาร์กติกไปจนถึงซาฮารา ทุกคนบนโลกน้รู้ดีว่าประเทศเพ่อนบ้าน
ี
้
อาจรุกลาดินแดนของประเทศ อาจเอาชนะกองทัพ อาจสังหารผู้คนของ
�
ประเทศพวกตนและยึดครองผืนแผ่นดินได้ตลอดเวลา
ี
ระหว่างช่วงหลังของคริสต์ศตวรรษท่ 20 ในท่สุดกฎของป่าดังกล่าวก ็
ี
โดนละเมิดหรือไม่ก็เพิกถอนไป พ้นท่ส่วนใหญ่มีบริเวณท่เกิดสงครามน้อยลง
ี
ื
ี
มากกว่าเคย ขณะที่ความรุนแรงในสังคมมนุษย์ยุคเกษตรกรรมโบราณอาจ
ก่อให้เกิดการเสียชีวิตรวมแล้วราว 15 เปอร์เซ็นต์ แต่ความรุนแรงในคริสต์
�
ั
ศตวรรษท่ 20 กลับทาให้เกิดการเสียชีวิตเพียงราว 5 เปอร์เซ็นต์เท่าน้น และ
ี
ในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตทั่วโลกคิดแล้ว
22
ั
ั
เพียงราว 1 เปอร์เซ็นต์เท่าน้น ในปี ค.ศ. 2012 ท่วโลกมีผู้คนเสียชีวิต
ราว 56 ล้านคน ในจ�านวนนี้ 620,000 คนตายจากความรุนแรงที่เกิดจาก
มนุษย์ด้วยกัน (ตายจากสงคราม 120,000 คน และตายจากอาชญากรรม
อีก 500,000 คน) ในทางตรงกันข้าม มีคนฆ่าตัวตาย 800,000 คน และ
ี
23
�
ี
้
มีอีก 1.5 ล้านคนท่ตายจากโรคเบาหวาน ปัจจุบันน้นาตาลอันตรายเสีย
ยิ่งกว่าดินปืนเสียอีก
ิ
�
ึ
ี
�
ิ
แต่ท่สาคัญย่งไปกว่าน้นอีกก็คือมีกลุ่มคนส่วนหน่งท่มีจานวนเพ่ม
ั
ี
ื
ี
่
ื
มากขนเร่อยๆ ท่มองว่าสงครามเป็นแค่เพียงเรืองท่เกินกว่าจะเชอได้ว่าจะ
่
ี
ึ
้
เกิดขึ้น นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เมื่อรัฐบาล บรรษัท และปัจเจก
ิ
ชนพจารณาถงอนาคตอันใกล้ จะมีคนจานวนมากเลยทไม่คิดว่าน่าจะเกิด
่
ี
�
ึ
สงครามข้น อาวุธนิวเคลียร์เปล่ยนให้สงครามระหว่างมหาอานาจกลายเป็นการ
ี
�
ึ
วาระใหม่ของมนุษย์ 31
�
ั
ี
ฆ่าตัวตายหมู่อันบ้าคล่ง และด้วยเหตุน้เองจึงบีบให้ชาติมหาอานาจส่วนใหญ่
ื
้
ื
ี
บนโลกน้ต้องมองหาทางเลือกอ่นที่เอ้อต่อสันติภาพมากกว่ามาใชแก้สงคราม
ความขัดแย้ง ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกก็เปล่ยนรูปจากเศรษฐกิจท ่ ี
ี
ึ
ึ
ี
พ่งพาวัสดุไปเป็นเศรษฐกิจท่พ่งพาความรู้แทน แหล่งท่มาหลักของความ
ี
ี
ม่งค่งก่อนหน้าน้ได้แก่สินทรัพย์ที่เป็นวัตถุ อย่างเหมืองทอง ไร่ข้าวสาลี และ
ั
ั
้
�
ั
ี
ี
ั
บ่อนามัน แต่ทุกวันน้แหล่งท่มาหลักของความม่งค่งก็คือความรู้ และขณะ
ที่เราสามารถยึดครองผืนบ่อน�้ามันโดยอาศัยสงคราม เรากลับไม่สามารถได้
ความรู้มาด้วยวิธีการแบบน้ ดังน้น ความรู้จึงกลายมาเป็นทรัพยากรท่สาคัญ
ั
�
ี
ี
ที่สุดทางเศรษฐกิจ ผลก�าไรที่ได้จากสงครามลดลง และสงครามก็กลายมา
ั
ี
�
เป็นเร่องท่จากัดบริเวณมากข้นเร่อยๆ โดยเกิดแค่ในบางส่วนของโลกเท่าน้น
ึ
ื
ื
ึ
ี
เช่น แถบตะวันออกกลางและแอฟริกากลาง ท่ซ่งเศรษฐกิจยังคงเป็นแบบเก่า
ที่ยังต้องพึ่งพาวัตถุอยู่
ี
ในปี ค.ศ. 1998 ก็ดูสมเหตุสมผลอยู่ส�าหรับรวันดา (Rwanda) ท่จะ
*
เข้ายึดครองและปล้นสะดมเหมืองโคลแทน (Coltan) อันอุดมของประเทศ
ื
ี
เพ่อนบ้านอย่างคองโก (Congo) เพราะสินแร่ชนิดน้เป็นท่ต้องการมากในการ
ี
�
ผลิตโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และคองโกก็มีโคลแทนสารอง
ั
อยู่ 80 เปอร์เซ็นต์ของท้งหมดท่มีในโลกน้ รวันดาทารายได้ 240 ล้านเหรียญ
ี
ี
�
�
สหรัฐในแต่ละปีจากการปล้นสะดมโคลแทนดังกล่าว สาหรับประเทศยากจน
ี
�
อย่างรวันดา เงินจานวนน้ถือว่ามหาศาลทีเดียว ในทางตรงกันข้าม ก็ไม่
24
สมเหตุสมผลหากจีนคิดจะรุกรานแคลิฟอร์เนียและเข้ายึดซิลิคอนแวลลีย์
เพราะแม้ว่าคนจีนจะมีชัยเหนือสนามรบได้ด้วยเหตุใดก็ตาม ก็จะไม่มีเหมือง
่
ี
ิ
ั
้
ิ
ิ
ิ
ซลคอนในซลคอนแวลลย์ให้ปล้นสะดม แทนทจะเป็นเช่นนน คนจนอาจ
ี
ี
ั
ั
ั
ั
ื
ิ
�
จะทาเงนได้นบพนล้านดอลลาร์จากการร่วมมอกบยกษ์ใหญ่ไฮเทค เช่น
แอปเปลและไมโครซอฟต ผานการซื้อซอฟต์แวรและผลิตบรรดาผลิตภัณฑ ์
์
ิ
่
์
ี
ต่างๆ ของบริษัทเหล่าน้ การท่รวันดาปล้นสะดมเอาโคลแทนท่เป็นของคองโก
ี
ี
* โคลแทน (Coltan) เป็นค�าย่อมาจาก โคลัมไบต์–แทนทาไลต์ (columbite–tantalite) ที่เป็นสินแร่โลหะสีด�าด้าน ในทาง
อุตสาหกรรมมักเรียกแค่ แทนทาไลต์ แทนทาลัมจากสินแร่นี้น�ามาใช้ผลิตแบตเตอรี่ส�าหรับรถยนต์ไฟฟ้า และตัวเก็บประจุ (ca-
pacitor) ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้–ผู้แปล
32 โฮโมดีอุส
�
ั
มาได้ตลอดท้งปีมีมูลค่าเท่ากับแค่เพียงการทาการค้าอย่างสงบสุขเพียงวัน
เดียวในแบบของคนจีน
ผลที่ตามมาก็คือค�าว่า ‘สันติภาพ’ มีความหมายใหม่ในตัวขึ้นมา คน
ั
ื
รุ่นก่อนๆ เช่อว่าสันติภาพเป็นเพียงภาวะขาดสงครามไปช่วคราว แต่ทุกวันน ี ้
เราเช่อว่าสันติภาพคือภาวะท่สงครามไม่อาจเกิดข้นได้ ในปี ค.ศ. 1913 ยาม
ึ
ื
ี
ี
ั
ท่มีคนกล่าวว่าเกิดสันติภาพระหว่างฝร่งเศสและเยอรมนี พวกเขาหมายความ
ว่า “ยังไม่มีสงครามเกิดขึ้นในตอนนี้ระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี แต่ใครจะ
ไปรู้ว่าปีหน้าจะเป็นยังไง” แต่ทุกวันน้เวลาที่เรากล่าวว่าเกิดสันติภาพระหว่าง
ี
ี
ั
ฝร่งเศสและเยอรมนี เราหมายความว่าภายใต้สภาพแวดล้อมท่พอจะมอง
เห็นได้นั้น คิดไม่ออกเลยว่าจะเกิดสงครามระหว่างสองประเทศดังกล่าวได้
ี
�
ี
ึ
ั
อย่างไร สันติภาพทานองน้ไม่ได้เกิดข้นแต่เฉพาะระหว่างฝร่งเศสกับเยอรมน
เท่านั้น แต่ระหว่างประเทศส่วนใหญ่ด้วย (แม้ว่าอาจจะไม่ใช่กับทุกประเทศ
ี
ก็ตามท) ไม่มีฉากทัศน์ (scenario) แบบใดเลยท่แสดงว่าจะมีสงคราม
ี
ึ
จริงจังเกิดข้นในปีหน้าระหว่างเยอรมนีกับโปแลนด์ ระหว่างอินโดนีเซียกับ
ฟิลิปปินส์ หรือระหว่างบราซิลกับอุรุกวัย
ื
*
ี
สันติภาพแบบใหม่น้ไม่ได้เป็นแค่เร่องเพ้อฝันของพวกฮิปปี้ (hippie)
แม้แต่รัฐบาลท่กระหายพลังงานและบรรษัทท่ละโมบโลภมากก็ยังคงเช่อถือใน
ื
ี
ี
เรื่องนี้เช่นกัน หากบริษัทเมอร์เซเดสวางแผนกลยุทธ์การขายในยุโรปตะวัน
ี
ออก ก็ย่อมไม่รวมเอาเร่องโอกาสท่เยอรมนีจะเข้ายึดครองโปแลนด์เอาไว้
ื
ั
�
็
ิ
�
ื
ด้วย เม่อบรรษัทนาเข้าแรงงานราคาถูกจากฟิลปปินส์กไม่จาเป็นต้องกงวลใจ
เลยว่าอินโดนีเซียอาจจะบุกรุกรานฟิลิปปินส์ในปีหน้า เม่อรัฐบาลบราซิล
ื
ื
ประชุมอภิปรายกันเร่องงบประมาณปีหน้าก็ไม่เคยเกิดภาพเกินจินตนาการ
ท่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมบราซิลจะลุกข้นทุบโต๊ะและตะโกนว่า
ึ
ี
“เด๋ยวก่อน! หากเราต้องการรุกคืบเข้ายึดครองอุรุกวัยล่ะ? พวกท่านยังไม่
ี
ได้รวมเรื่องนี้ไว้เลย เราจะต้องจัดเงินต่างหากไว้สัก 5,000 ล้านเหรียญเอา
ี
* ฮิปปี้ หมายถึงขบวนการของกลุ่มคนหนุ่มสาวในทศวรรษ 1960 ท่ต่อต้านสงครามและใช้ชีวิตอย่างเสรีไม่ติดกรอบคติทางสังคม
ี
�
ค�าว่า hippie อาจจะมาจากคาว่า hipster บางทีก็เรียกกันว่าเป็นพวกบุปผาชน (Flower Children) เพราะชอบท่จะเสียบ
ดอกไม้และมอบดอกไม้ให้แก่คนทั่วไป ตามเนื้อเพลง San Francisco ที่ฮิตในช่วงนั้น–ผู้แปล
วาระใหม่ของมนุษย์ 33
ี
�
ี
ี
ไว้ใช้สาหรับการยึดครองน้ด้วย” แน่นอนว่ามีสถานท่เพียงน้อยนิดท่รัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงกลาโหมจะยังคงกล่าวอะไรทานองน้ออกมา และยังมีภูมิภาค
�
ี
บางแห่งที่สันติภาพใหม่ (New Peace) ยังไม่หยั่งรากลงไป ผมรู้เรื่องนี้ดี
มาก เพราะผมเองก็อาศัยอยู่ในหน่งในภูมิภาคดังกล่าว แต่ภูมิภาคเหล่าน ้ ี
ึ
ล้วนแล้วแต่เป็นข้อยกเว้น
�
ี
ิ
แน่นอนว่าไม่มใครทจะม่นใจได้เลยว่าสนตภาพใหม่จะดารงอย่ไป
ู
ั
ั
ี
่
�
ช่วกาล ก็แบบเดียวกับท่อาวุธนิวเคลียร์ทาให้เกิดสันติภาพใหม่ข้นแต่แรก
ั
ึ
ี
ไม่แน่ว่าพัฒนาการด้านเทคโนโลยีในอนาคตอาจก่อให้เกิดสงครามในรูปแบบ
ใหม่เอี่ยมขึ้นก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามไซเบอร์ (cyber warfare) ที่
�
�
ี
อาจจะทาให้เสียสมดุลของโลก โดยทาให้แม้ประเทศเล็กหรือผู้เล่นท่ไม่ใช่รัฐ
�
ื
ชาติใดก็มีความสามารถจะต่อสู้กับชาติมหาอานาจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เม่อ
ตอนที่สหรัฐอเมริกาสู้รบกับอิรักในปี ค.ศ. 2003 นั้น ได้น�าพาเอาหายนะไป
ยังแบกแดด (Baghdad) และโมซูล (Mosul) แต่ไม่มีระเบิดแม้แต่ลูกเดียว
ี
ท่หย่อนลงท่ลอสแอนเจลิสหรือชิคาโก อย่างไรก็ตาม ในอนาคตประเทศใดสัก
ี
ประเทศหนึ่ง เช่น เกาหลีเหนือหรืออิหร่าน ก็อาจจะใช้ระเบิดตรรกะ (logic
bomb) ปิดระบบพลังงานในแคลิฟอร์เนีย ระเบิดโรงกล่นในเท็กซัส และ
ั
ท�าให้รถไฟชนกันในมิชิแกน (‘ระเบิดตรรกะ’ คือรหัสซอฟต์แวร์ที่ประสงค์
ึ
ร้ายซ่งฝังไว้ในยามสงบสุขและส่งการได้จากระยะไกล มีโอกาสมากทีเดียวท ่ ี
ั
เครือข่ายใช้ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานส�าคัญๆ ในสหรัฐอเมริกาและประเทศ
อื่นๆ อีกมากมายจะมีรหัสท�านองนี้เต็มไปหมด)
ื
อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรสับสนเร่องความสามารถกับแรงจูงใจ
�
�
แม้ว่าสงครามไซเบอร์จะทาให้เกิดวิธีการทาลายล้างแบบใหม่ๆ แต่ก็ไม่จาเป็น
�
ี
เลยว่าจะไปเพ่มแรงจูงใจให้ใช้ส่งเหล่าน้ ใน 70 ปีท่ผ่านมาน้มนุษยชาต ิ
ี
ิ
ิ
ี
ไม่เพียงแต่แหกกฎของป่า แต่ยังแหกกฎของเชคอฟ (Chekhov Law)
ด้วยเช่นกัน อันตอน เชคอฟ (Anton Chekhov) เคยกล่าวค�าพูดที่โด่งดัง
ี
ไว้ว่า ปืนทปรากฏในฉากแรกไม่แคล้วต้องใช้ยงในฉากท่สาม ตลอดช่วง
่
ี
ิ
ประวัติศาสตร์ หากพระราชาหรือจักรพรรดิพระองค์ใดได้อาวุธใหม่บางอย่าง
มา ไม่ช้าก็เร็วพวกพระองค์ย่อมมีแนวโน้มจะทรงน�ามันมาใช้ อย่างไรก็ตาม
34 โฮโมดีอุส
้
ั
ุ
ี
้
็
ี
ี
ู
นบจากป ค.ศ. 1945 เปนต้นมา มนษยชาตเรยนร้ทจะตานทานความตองการ
่
ิ
ใช้ในแบบนี้ ปืนที่ปรากฏในฉากแรกของสงครามเย็นจึงยังไม่เคยยิงออกไป
ี
ี
แต่ปัจจุบันน้เราคุ้นเคยดีกับการใช้ชีวิตอยู่ในโลกท่เต็มไปด้วยระเบิดท่ยัง
ี
้
�
ิ
ี
่
ั
ี
ู
�
ิ
ไม่นามาทงและจรวดนาวถทยงไม่ปล่อยออกไป และกลายเป็นผ้เช่ยวชาญ
ี
ั
ื
ี
ในการแหกท้งกฎของป่าและกฎของเชคอฟ หากเม่อใดท่เราเป็นไปตามกฎ
ี
เหล่าน้อีกคร้งก็ย่อมเป็นความผิดของพวกเราเอง หาได้เป็นชะตากรรมท ี ่
ั
ไม่อาจหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด
ื
ั
ิ
ถ้าเช่นน้นเร่องการก่อการร้ายล่ะ? แม้ว่ารัฐบาลกลางและชาต
มหาอ�านาจต่างๆ อาจเรียนรู้เรื่องข้อจ�ากัด แต่พวกผู้ก่อการร้ายก็อาจจะไม่
ั
ี
�
ประหว่นพร่นพรึงใจที่จะใช้อาวุธทาลายล้างแบบใหม่ แน่นอนว่าน่เป็นความ
ั
เป็นไปได้ที่ชวนให้กังวลใจ อย่างไรก็ตาม การก่อการร้ายเป็นกลยุทธ์ที่มีจุด
อ่อนซึ่งผู้ที่เข้าไม่ถึงอ�านาจที่แท้จริงน�ามาใช้ อย่างน้อยที่สุดในอดีตที่ผ่านมา
การก่อการร้ายอาศัยการแพร่กระจายความกลัวแทนที่จะเป็นการท�าลายล้าง
ทางวัตถุอย่างมีนัยสาคัญ ผู้ก่อการร้ายมักไม่เข้มแข็งพอท่จะเอาชนะกองทัพ
ี
�
ไม่สามารถยึดครองประเทศหรือทาลายเมืองท้งเมืองลงได้ ขณะที่ในปี
ั
�
ื
ค.ศ. 2010 โรคอ้วนและความเจ็บป่วยอ่นๆ ที่เก่ยวเน่องกันฆ่าคนไปราว
ื
ี
3 ล้านคน ผู้ก่อการร้ายฆ่าคนไปทั้งโลกรวม 7,697 คน โดยส่วนใหญ่แล้ว
�
ั
25
อยู่ในประเทศกาลังพัฒนา ส�าหรับชาวอเมริกันหรือชาวยุโรปท่วไปแล้ว
โคคา-โคล่าคุกคามชีวิตมากกว่าอัลกออิดะฮ์เสียอีก
ี
ั
ถ้าอย่างน้นพวกผู้ก่อการร้ายครอบครองพาดหัวส่วนใหญ่และเปล่ยน
สถานการณ์ทางการเมืองท่วโลกได้อย่างไร? ก็โดยการกระตุ้นให้บรรดาศัตร ู
ั
ตอบสนองอย่างเกินสมควร (overreact) โดยแก่นแท้แล้วการก่อการร้าย
ึ
เป็นรูปแบบหน่งของการแสดง ผู้ก่อการร้ายจัดฉากความรุนแรงท่น่ากลัว
ี
ื
�
และน่าต่นตาต่นใจ จนยึดครองจินตนาการของพวกเราเอาไว้และทาให้พวก
ื
ื
เรารู้สึกราวกับว่ากาลังล่นไถลกลับไปสู่ความโกลาหลในยุคกลาง ผลที่ตาม
�
มาก็คือบ่อยคร้งทีเดียวท่รัฐชาติต่างๆ จาต้องตอบสนองในโรงมหรสพการ
ั
�
ี
ั
ื
ก่อการร้ายด้วยการแสดงเร่องความม่นคงปลอดภัย โดยสอดประสานการ
แสดงแสนยานุภาพอันมโหฬาร เช่น การไล่ล่าหรือสังหารประชากรยกหมู่
วาระใหม่ของมนุษย์ 35
ุ
ื
ี
่
เหล่าหรอการรกรานประเทศอน ในกรณส่วนใหญ่แล้วการตอบสนองอย่าง
ื
เกินสมควรต่อการก่อการร้ายมักน�าไปสู่ภัยคุกคามต่อความมั่นคงที่ยิ่งใหญ่
มากกว่าตัวการก่อการร้ายเดิมเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ก่อการร้ายก็เหมือนกับแมลงวันท่พยายามจะทาลายร้านเคร่องถ้วย
�
ื
ี
ั
ื
ั
ชาม แมลงวนอ่อนแอเสียจนกระท่งไม่อาจจะขยับเขย้อนแม้แต่ถ้วยชาสัก
ใบ ดังนั้น มันจึงต้องมองหาวัวสักตัว แล้วบินเข้าไปในหูก่อนจะท�าเสียงหึ่ง
หั่ง วัวก็จะตกใจกลัวและโกรธขึ้ง เริ่มท�าลายข้าวของในร้านเครื่องถ้วยชาม
ึ
ิ
ี
ี
ี
น่คือส่งท่เกิดข้นกับตะวันออกกลางในทศวรรษท่ผ่านมา พวกมูลฐานนิยม
อิสลาม (Islamic fundamentalist) ไม่อาจโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซนได้ด้วย
ี
ตัวเอง แต่แทนท่จะทาเช่นน้น พวกเขากลับไปย่วโมโหสหรัฐอเมริกาโดยการ
ั
�
ั
โจมตี 9/11 และสหรัฐอเมริกาก็ท�าลายตะวันออกกลางที่เป็นร้านเครื่องถ้วย
ชามส�าหรับผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ ทุกวันนี้พวกเขาเติบโตงอกงามขึ้นท่ามกลาง
ั
ซากปรักหักพังน้น พวกผู้ก่อการร้ายอ่อนแอเกินกว่าจะลากพวกเรากลับไปยัง
ตะวันออกกลางและกลับสู่การสถาปนากฎของป่าขึ้นอีกครั้ง สุดท้ายแล้วแม้
พวกเขาจะกระตุ้นเราอย่างไรก็ตาม เรายังคงเป็นผู้เลือกจะตอบสนองอย่างไร
อยู่ดี หากมีการหันกลับมาใช้อานาจตามกฎของป่า ก็ไม่อาจจะโทษว่าเป็น
�
ความผิดของผู้ก่อการร้ายได้
ความอดอยาก โรคระบาด และสงครามจะยังคงคร่าชีวิตเหย่อนับล้านๆ คน
ื
ในทศวรรษนี้ กระนั้นสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
ได้และเกินกว่าท่มนุษยชาติผู้ส้นหวังจะทาความเข้าใจหรือควบคุมได้อีก
�
ิ
ี
ี
ี
ี
ั
ิ
ต่อไปแล้ว แทนท่จะเป็นเช่นน้น ส่งเหล่าน้กลายมาเป็นความท้าทายท่สามารถ
บริหารจัดการ ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้เป็นการดูแคลนความทุกข์ยากของคนนับ
ี
ี
ร้อยๆ ล้านคนท่ยังยากจนขัดสน คนนับล้านๆ คนท่ล้มตายด้วยโรคมาลาเรีย
ี
เอดส์ และวัณโรค หรือคนนับล้านๆ คนท่ติดกับอยู่ในวงจรอุบาทว์ของความ
รุนแรงในซีเรีย คองโก หรืออัฟกานิสถาน สารในที่นี้ย่อมไม่ใช่การกล่าวว่า
ความอดอยาก โรคระบาด และสงครามหายไปจนหมดสิ้นแล้วจากผิวโลก
ื
ี
ี
และเราควรจะเลิกกังวลเก่ยวกับเร่องพวกน้ได้ ตรงกันข้าม ตลอดช่วง
36 โฮโมดีอุส
ประวัติศาสตร์ ผู้คนรับรู้ถึงปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขได้เหล่านี้ จึงไม่มีประเด็นที่
ื
�
จะพยายามทาให้พวกมันหมดไปเสีย ผู้คนสวดภาวนาต่อพระเจ้าเพ่อให้เกิด
ส่งมหัศจรรย์ข้น แต่ตัวพวกเขาเองกลับไม่ได้พยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย
ึ
ิ
ที่จะก�าจัดความยากจน โรคระบาด และสงครามเลย พวกคนที่เถียงว่าโลก
ในปี ค.ศ. 2016 ยังคงหิวโหย เจ็บป่วย และรุนแรงดังเช่นที่เป็นในปี ค.ศ.
ี
้
�
1916 ตอกยามุมมองแบบสมยอมต่อโลกอันแสนเก่าแก่น้อย่างไม่เลิกรา พวก
เขาช้ให้เห็นนัยว่าแม้มนุษย์จะลงแรงความพยายามไปอย่างมากมายมหาศาล
ี
ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่กลับไม่ประสบความส�าเร็จใดๆ เลยทั้งสิ้น
และงานวิจัยทางการแพทย์ การปฏิรูปเศรษฐศาสตร์ (economic reform)
และความคิดริเร่มด้านสันติภาพต่างก็ล้วนแล้วแต่เปล่าประโยชน์ท้งส้น หาก
ิ
ั
ิ
ั
ี
ั
เป็นเช่นน้นจริง จะมีประโยชน์อะไรเล่าท่จะยังทุ่มลงทุนท้งเวลาและทรัพยากร
ของเราไปกับงานวิจัยทางการแพทย์ การปฏิรูปเศรษฐศาสตร์ หรือความคิด
ริเริ่มด้านสันติภาพต่อไปอีก?
�
การยอมรับความสาเร็จในอดีตของเราส่งสารแห่งความหวังและความ
�
รับผิดชอบ กระตุ้นให้กาลังใจเราให้ทุ่มเทความพยายามมากข้นไปอีกใน
ึ
ี
�
อนาคต แม้จะมีความสาเร็จในคริสต์ศตวรรษท่ 20 แต่หากผู้คนยังคงต้องทน
ทุกข์จากความอดอยาก โรคระบาด และสงครามต่อไป เราก็คงไม่อาจกล่าว
�
โทษต่อธรรมชาติหรือพระเจ้าได้อีกแล้ว เรามีอ�านาจมากพอท่จะทาให้ส่งต่างๆ
ิ
ี
ดีมากขึ้นและลดจ�านวนเหตุการณ์ที่จะก่อความทุกข์ยากให้น้อยลงไปได้อีก
�
ื
ั
กระน้นก็ตามการช่นชมความสาเร็จอย่างมากมายของพวกเราก็ยังส่ง
ึ
สารอีกแบบหน่งเอาไว้ด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ประวัติศาสตร์ไม่อาจต้านทานต่อ
สุญญากาศได้ หากมีจานวนกรณีของความอดอยาก โรคระบาด และสงคราม
�
�
ื
ลดลงเร่อยๆ ก็หมายถึงว่ามีบางอย่างท่ผูกพันอยู่กับตาแหน่งแห่งหนของวาระ
ี
แห่งมนุษยชาติ เราควรคิดอย่างระมัดระวังมากข้นว่าจะเกิดอะไร มิฉะน้น
ึ
ั
แม้เราอาจจะเอาชนะในสนามรบเดิมได้อย่างส้นเชิง แต่กลับไปติดอยู่ใน
ิ
แนวรบใหม่เอ่ยมโดยไม่รู้ตัว แล้วมีส่งใดท่จะมาแทนท่ความอดอยาก
ิ
ี
ี
ี
โรคระบาด และสงคราม ในฐานะสุดยอดวาระแห่งมนุษยชาติในคริสต์
ศตวรรษที่ 21 บ้าง?
วาระใหม่ของมนุษย์ 37
หน่งในโครงการระดับศูนย์กลางน่าจะได้แก่การปกป้องมนุษยชาต ิ
ึ
ื
�
ี
และโลกท้งใบจากอันตรายท่มากับอานาจของพวกเรากันเอง เราควบคุมเร่อง
ั
ความอดอยาก โรคระบาด และสงครามได้อยู่มือแล้ว ซึ่งก็ต้องขอบคุณเป็น
ิ
อย่างย่งต่อความเติบโตทางเศรษฐกิจอันน่ามหัศจรรย์ใจ ทาให้เรามีอาหาร
�
ยา พลังงาน และวัตถุดิบอย่างอุดมสมบูรณ์ กระนั้นความเติบโตที่ว่านี้เอง
ก็ท�าให้ระบบนิเวศของโลกเสียสมดลไปอย่างมากมายมหาศาล แต่
ุ
ิ
ั
�
ี
เราเพ่งจะเร่มสารวจตรวจสอบเร่องน้ได้ไม่นานเท่าน้น มนุษยชาติออกจะ
ื
ิ
ี
ื
ยอมรับเร่องอันตรายน้ช้าไปสักหน่อย และตราบจนกระท่งปัจจุบันก็ลงมือ
ั
ท�าอะไรไปน้อยมาก แม้จะมีการพูดคุยกันเก่ยวกับเร่องมลพิษ ภาวะโลก
ื
ี
ร้อน และการเปล่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมากมาย แต่ประเทศ
ี
ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมเสียสละทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างจริงจังเพ่อ
ื
แก้ไขสภาวะดังกล่าวเลย เม่อถึงเวลาท่จะต้องเลือกระหว่างความเติบโต
ื
ี
ทางเศรษฐกิจกับเสถียรภาพของระบบนิเวศ นักการเมือง ซีอีโอ และ
ผู้ออกเสียงลงคะแนนเลือกต้งก็มักเลือกฝั่งความเติบโตแทบจะเสมอไป
ั
อยู่นั่นเอง ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 เราจ�าเป็นต้องท�าได้ดีกว่านี้หากต้องการ
จะหนีให้พ้นจากหายนะครั้งใหญ่
ื
ี
ิ
ยังจะมีอะไรอีกบ้างท่มนุษยชาติต้องต่อสู้ด้นรนเพ่อตัวเอง? เราควร
ี
ื
จะพึงพอใจแล้วหรือไม่กับโชคดีท่เราสามารถควบคุมเร่องความอดอยาก โรค
ระบาด และสงครามไว้ได้อยู่หมัด และต้องทาเพียงปกป้องสมดุลนิเวศเอาไว้
�
ให้ได้? ก็อาจจะถือว่าเป็นการกระท�าที่ฉลาดที่สุดก็เป็นได้ แต่มนุษยชาติไม่
ี
ิ
ี
�
ั
น่าจะทาเช่นน้น มนุษย์เรายากนักท่จะพึงพอใจกับส่งท่ตนเองมีอยู่ ปฏิกิริยา
�
ี
ี
ท่สามัญท่สุดของความคิดมนุษย์ต่อความสาเร็จไม่ใช่ความพึงพอใจ แต่เป็น
ึ
ี
ความกระหายอยากท่จะทาได้มากย่งข้นไปอีก มนุษย์มีนิสัยมองหาส่งท่ดีกว่า
ิ
ี
�
ิ
ใหญ่กว่า อร่อยกว่าอยู่ตลอดเวลา เม่อใดท่มนุษยชาติมีอานาจใหม่ท่ยิ่งใหญ่
ี
�
ื
ี
�
ื
มาก และเม่อภัยคุกคามจากความอดอยาก โรคระบาด และสงครามถูกกาจัด
ี
ไปได้ในท่สุด เราจะทาเช่นใดต่อกันแน่? นักวิทยาศาสตร์ นักลงทุน นัก
�
การธนาคาร และประธานาธิบดีจะเอาเวลาทั้งวันไปท�าอะไร? เขียนบทกว ี
หรือ?
38 โฮโมดีอุส
ความส�าเร็จให้ดอกผลเป็นความทะเยอทะยาน และความส�าเร็จเมื่อ
ั
ุ
ิ
็
�
ั
ั
ุ
้
็
ั
ั
เรวๆ นของพวกเรากกาลงจะผลกดนให้มนษยชาตในปัจจบนตงเป้าหมาย
ี
้
ี
ิ
ึ
ั
ี
ท่ท้าทายมากย่งข้นไปอีก การที่มีความม่งค่ง สุขภาพท่ดี และความสอด
ั
ประสานทางสังคมในระดับที่เหนือกว่าที่เคยเป็นมา ประกอบกับการท�าลาย
ุ
ั
ี
ุ
ิ
ิ
สถตต่างๆ ในอดตและการให้คณค่าต่างๆ ของเราในปัจจบน เป้าหมาย
ต่อไปของมนุษยชาติน่าจะเป็นเรื่องความเป็นอมตะ (immortality) ความ
ั
์
ิ
ี
่
ิ
สข และอานาจศกด์สทธ (divinity) การทลดอัตราการเสียชวิตจากความ
ี
ิ
ุ
�
�
ั
อดอยากยากแค้น โรคภัยไข้เจ็บ และความรุนแรงได้น้นทาให้พวกเราใน
ี
ปัจจุบันสามารถต้งเป้าหมายท่จะเอาชนะความแก่ชราและแม้แต่ความตาย
ั
�
ี
�
้
เองด้วยซา การท่คนไม่ต้องตกอยู่ในความทุกขเวทนาน่าสังเวชทาให้พวก
�
ั
เราในปัจจุบันอาจจะต้งเป้าในการทาให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขและมีความหวัง
และการยกระดับมนุษยชาติขึ้นจนอยู่เหนือสัตว์อื่นๆ ในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อ
ี
�
ั
ความอยู่รอดทาให้พวกเราในปัจจุบันอาจจะต้งเป้าหมายไปท่การอัปเกรด
มนุษย์ให้กลายไปเป็นเทพเจ้า และเปล่ยนโฮโมเซเปียนส์ (Homo sapiens)
ี
ให้กลายไปเป็นโฮโมดีอุส (Homo deus)
The Last Days of Death
วันท้ายๆ ของความตาย
ี
ุ
ิ
ิ
่
ี
ี
ในครสต์ศตวรรษท 21 มนษย์มแนวโน้มทจะช่วงชงความเป็นอมตะอย่าง
่
จริงจังได้ การต่อสู้ดิ้นรนกับความชราและความตายอาจจะเป็นแค่เพียงการ
ต่อสู้กับความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บอย่างเหมาะสมกับช่วงเวลา และ
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านคุณค่าสูงสุดของวัฒนธรรมร่วมสมัย น่นคือการ
ั
ให้คุณค่าในชีวิตมนุษย์ เราต่างได้รับการยาเตือนอยู่เสมอๆ ว่าชีวิตมนุษย์
�
้
่
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเอกภพ คนทุกคนตางกล่าวท�านองนี้ทั้งสิ้น ไมว่าครู
่
ท่โรงเรียน นักการเมืองในสภา นักกฎหมายในศาล และนักแสดงบนเวทีโรง
ี
�
ิ
ละคร คาประกาศสทธิมนุษยชนสากล (Universal Declaration of Human
วาระใหม่ของมนุษย์ 39
Rights) ที่สหประชาชาติให้การรับรองในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่ง
อาจจะใกล้เคียงกับรัฐธรรมนูญแห่งโลก (global constitution) กล่าวไว้ว่า
‘สิทธิในชีวิต’ เป็นคุณค่าพื้นฐานที่สุดของมนุษยชาติ เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า
ี
ความตายเป็นการละเมิดต่อสิทธิดังกล่าวน้ ความตายจึงถือเป็นอาชญากรรม
ต่อมนุษยชาติ และเราควรจะเข้าร่วมในสงครามทุกรูปแบบที่ใช้ต่อต้านมัน
ตลอดช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ศาสนาและคตินิยม (ideology) ไม่
ิ
ิ
ิ
ได้ยกย่องว่าตัวชีวิตเองเป็นส่งศักด์สิทธ์ ทว่ายกย่องส่งท่เหนือกว่าหรือไป
ิ
ี
�
�
ิ
ื
เกินกว่าส่งต่างๆ ทางโลก ส่งผลทาให้ผู้คนจาทนยอมรับเร่องความตายได้
อันท่จริงแล้วบ้างก็ถึงกับสยบยอมต่อยมทูต อย่างส้นเชิง เพราะศาสนา
ี
ิ
*
คริสต์ อิสลาม และฮินดูต่างก็ยืนกรานว่าความหมายของการดารงอยู่ของ
�
ึ
พวกเราข้นกับชะตากรรมของพวกเราในชีวิตหลังความตาย (afterlife)
โดยศาสนาเหล่านี้มองว่าความตายเป็นส่วนที่ส�าคัญและเป็นแง่ดีในทางโลก
มนุษย์ตายก็เพราะพระเจ้าได้มีประกาศิตเอาไว้ และในห้วงเวลามรณะก็ถือ
ิ
ิ
ได้ว่าเป็นประสบการณ์อันศักด์สิทธ์ทางอภิปรัชญา (sacred metaphysi-
ึ
�
ื
ี
cal experience) ท่ปะทุข้นอย่างมีความหมาย เม่อมนุษย์สักคนกาลังสูด
ลมหายใจสุดท้ายเข้าไปนั้น ก็เป็นห้วงเวลาที่ต้องเรียกนักบวช แรบไบ หรือ
พ่อมดหมอผีมาเพ่อสวดอธิษฐานให้เกิดสมดุลแห่งชีวิต และโอบกอดเอา
ื
บทบาทของคนผู้น้นในเอกภพเข้าไว้ ลองจินตนาการถึงศาสนาคริสต์ อิสลาม
ั
้
�
่
ึ
ั
้
้
และฮินดูในโลกท่ปราศจากความตาย ซ่งก็จะทาใหโลกนนไรซงสวรรค นรก
ึ
์
ี
และการกลับชาติมาเกิดอีก
วิทยาศาสตร์สมัยใหม่และวัฒนธรรมสมัยใหม่มองเร่องชีวิตและความ
ื
ื
ื
ิ
ตายแตกต่างกันอย่างส้นเชิง ผู้คนไม่เช่อว่าความตายเป็นเร่องลึกลับทาง
�
ี
อภิปรัชญา และแน่นอนว่าไม่ได้มองว่าความตายเป็นด่งแหล่งกาเนิดท่มา
ั
ั
ี
ของความหมายชีวิต แทนท่จะเป็นเช่นน้น ผู้คนในยุคใหม่มองความตาย
ว่าเป็นเพียงปัญหาทางเทคนิคที่เราอาจจะแก้ไขได้
* ในต้นฉบับใช้ว่า กริม รีปเพอร์ (Grim Reaper) ค�านี้ในเทพปกรณัมมีทั้งที่กล่าวว่าเป็นบุคลาธิษฐานของความตาย หรือไม่
ี
ี
ื
ก็หมายถึงยมทูตท่เดินทางมารับคนตาย และมักเต็มไปด้วยเร่องราวของคนท่ต้องการต่อสู้ หรือไม่ก็หลอกล่อยมทูตเหล่าน้ เพ่อ
ี
ื
ไม่ให้โดนน�าตัวไป ในบางวัฒนธรรมยมทูตหรือความตายมีเพศเป็นชาย แต่บ้างก็มีเพศเป็นหญิง–ผู้แปล
40 โฮโมดีอุส
คนเราตายอย่างไรกันแน่? เทพนิยายในยุคกลางแสดงภาพความ
�
ื
ตายไว้ในรูปภายใต้เส้อคลุมสีดามีส่วนผ้าคลุมศีรษะ ในมือถือเคียวด้ามยาว
ั
้
ื
ู่
่
ิ
่
ี
ื
ี
่
้
ั
ิ
่
่
ี
คนเรามชวตอยโดยเฝ้ากงวลเรองโนนเรองนน วงรอกไปมาทนนทน ทนใดท ี ่
ั
ี
่
ี
ั
่
ยมทูตปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเขา ใช้มือที่มีแต่โครงกระดูกจับไปที่ไหล่พร้อม
กับกล่าวว่า “มานี่!” เขาก็จะอ้อนวอนว่า “ไม่นะ ได้โปรดเถิด! ขอเวลาสัก
ปีหนึ่ง เดือนหนึ่ง หรือวันหนึ่ง!” แต่ร่างในชุดเสื้อคลุมก็จะส่งเสียงขู่ “ไม่!
เจ้าต้องมาเดี๋ยวนี้!” และนี่ก็คือค�าอธิบายว่าเราตายอย่างไร
ั
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงน้นมนุษย์ไม่ได้ตายเพราะมีใครสักคน
ในชุดเสื้อคลุมสีด�ามาแตะที่ไหล่ หรือเพราะพระเจ้าทรงบัญญัติเอาไว้ หรือ
เพราะความตายเป็นส่วนส�าคัญยิ่งของแผนการจักรวาลอันยิ่งใหญ่บางอย่าง
มนุษย์ล้วนตายจากความบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ทางเทคนิคบางอย่าง หัวใจ
่
ื
ั
ี
ี
้
อาจหยุดเตนไม่สงเลอดไปเล้ยง เส้นเลือดแดงใหญ่อาจมไขมนไปสะสมจนอุด
ตัน เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังตับ เชื้อโรคเพิ่มจ�านวนในปอด แล้วอะไร
ี
ั
ท่เป็นสาเหตุสาหรับปัญหาทางเทคนิคท้งหมดเหล่าน้กันแน่? ก็ปัญหาทาง
ี
�
เทคนิคอื่นๆ ไง การที่หัวใจหยุดเต้นไม่ส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนอื่นๆ ก็เพราะมี
ออกซิเจนไปหล่อเล้ยงกล้ามเน้อหัวใจไม่เพียงพอ เซลล์มะเร็งแพร่กระจาย
ื
ี
ิ
�
ู
็
กเพราะความบงเอญทเกดการกลายพันธ์บางอย่างจนทาให้ค่มอการสร้าง
ื
่
ุ
ี
ิ
ั
ื
เซลล์ผิดปกติไป การท่มีเช้อโรคท่เดินทางไปอยู่ท่ปอดของผมก็เพราะว่าม ี
ี
ี
ี
ใครสักคนจามในรถไฟใต้ดิน ไม่มีเรื่องราวอภิปรัชญาใดๆ มาเกี่ยวข้องเลย
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาทางเทคนิคทั้งสิ้น
และปัญหาทางเทคนิคทุกปัญหาก็ล้วนแล้วแต่มีคาตอบทางเทคนิค เรา
�
�
ื
ี
ไม่จาเป็นต้องรอการมาคร้งท่สอง (Second Coming) เพ่อเอาชนะความตาย
ั
*
�
ี
แค่อาศัยคนเก่งๆ ในห้องปฏิบัติการไม่ก่คนก็อาจจะทาได้แล้ว หากความตาย
ั
�
ในแบบด้งเดิมถือเป็นความชานาญการพิเศษของพวกนักบวชและนักเทววิทยา
* การมาครั้งที่สองเป็นความเชื่อของคริสต์ศาสนิกชนและชาวมุสลิม เรื่องการเสด็จมายังโลกมนุษย์อีกครั้งของพระเยซูในอนาคต
้
้
้
็
์
เปนความเชื่อที่มีตนเคามาจากขอความในพระวรสารในสารบบ (Canonical gospels) ในพระคัมภีรไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่
ซึ่งมีชื่ออื่นอีก เช่น พระวรสาร (โรมันคาทอลิก) หรือพระกิตติคุณ (โปรเตสแตนต์) ความเชื่อนี้ต่อมากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ
อวสานวิทยาหรือโลกาวินาศศาสตร์ (Eschatology) ที่ศึกษาเหตุการณ์ที่จะเป็นจุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์โลก หรือชะตากรรม
สุดท้ายของมนุษยชาติ ซึ่งมักหมายถึงการสิ้นสุดของทั้งจักรวาลด้วยเช่นกัน–ผู้แปล
วาระใหม่ของมนุษย์ 41
(theologian) บัดนี้วิศวกรก็ยึดครองความช�านาญนี้แทนเรียบร้อยแล้ว เรา
�
สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งด้วยการใช้เคมีบาบัด (chemotherapy) หรือหุ่นยนต์
�
ื
นาโน เราสามารถกาจัดเช้อโรคในปอดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ หากหัวใจหยุดเต้น
เราก็กระตุ้นให้เต้นอีกครั้งด้วยยาและเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า และหากยัง
ไม่ได้ผลอีก เราก็อาจจะผ่าตัดเปล่ยนหัวใจดวงใหม่ได้ จริงอยู่ท่ว่าในปัจจุบัน
ี
ี
�
ี
�
เรายังไม่มีคาตอบสาหรับปัญหาทางเทคนิคทุกรูปแบบ แต่น่ก็คือเหตุผลท ่ ี
ตรงไปตรงมามากที่สุดว่าเหตุใดเราจึงใช้เวลาและเงินทองมากมายเหลือเกิน
ไปกับการวิจัยเรื่องมะเร็ง เชื้อโรค พันธุศาสตร์ และนาโนเทคโนโลยี
ึ
ี
ั
แม้แต่คนธรรมดาท่วๆ ไปซ่งไม่ได้เก่ยวข้องอะไรเลยกับงานวิจัย
ี
ทางวิทยาศาสตร์ก็ยังคุ้นเคยกับแนวคิดท่ว่าความตายเป็นแค่ปัญหาทาง
เทคนิค เมื่อหญิงสาวสักคนไปพบคุณหมอของเธอและถามว่า “คุณหมอคะ
ิ
ี
ี
ดฉันเป็นอะไรกันแน่?” หมอก็มแนวโน้มท่จะตอบว่า “อืม คุณติดไข้หวัด
ใหญ่น่ะ” หรือ “คุณเป็นวัณโรค” หรือ “คุณเป็นมะเร็ง” แต่หมอจะไม่กล่าว
อย่างเด็ดขาดว่า “คุณก�าลังจะตาย” และเราทุกคนต่างก็มองว่าไข้หวัดใหญ่
�
วัณโรค และมะเร็งต่างก็เป็นแค่ปัญหาทางเทคนิค ซ่งเราจะหาคาตอบทาง
ึ
เทคนิคได้ในสักวันหนึ่ง
แม้แต่เม่อมีคนตายจากเฮอร์ริเคน อุบัติเหตุรถยนต์ หรือสงคราม เราก ็
ื
ี
ยังมีแนวโน้มท่จะมองว่าเป็นความล้มเหลวทางเทคนิคท่สามารถป้องกันได้และ
ี
ี
ี
ควรจะป้องกันด้วย หากเพียงแต่รัฐบาลเลือกนโยบายท่ดีกว่าน้ หากเทศบาล
ท�าหน้าที่ได้ดีกว่านี้ และหากผู้บัญชาการทหารเพียงแต่ตัดสินใจฉลาดกว่านี้
ี
ความตายก็อาจจะเป็นเร่องหลีกเล่ยงได้ ความตายได้กลายมาเป็นเหตุผล
ื
อย่างแทบจะอัตโนมัติส�าหรับใช้ในการฟองร้องคดีและการสืบสวนสอบสวน
้
“พวกเขาตายจากสาเหตุใด? ต้องมีใครบางคนลงมือในสถานท่สักแห่งเป็นแน่”
ี
เห็นได้ชัดว่านักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และนักวิชาการส่วนใหญ่ยังคง
มองว่าความฝันเรื่องความเป็นอมตะยังอยู่อีกไกล โดยกล่าวอ้างแต่เพียงว่า
ั
้
ื
ั
ื
ั
�
่
่
่
พวกเขากาลงพยายามเอาชนะปญหาจาเพาะบางอยาง เรองนนบ้างเรองนี้บ้าง
�
ั
ั
ื
ิ
แค่น้น กระน้นความแก่ชราและความตายก็หาได้เป็นผลลัพธ์ของส่งอ่นใด
�
เลยนอกจากปัญหาจาเพาะบางอย่าง จึงไม่ใช่เร่องเป็นไปไม่ได้ทีเดียวนักท ่ ี
ื
42 โฮโมดีอุส
ุ
�
แพทย์และนักวิทยาศาสตร์จะหยดทาแล้วประกาศว่า “ตราบจนบัดนี และ
้
�
ไม่เหลืออะไรให้ทาอีกต่อไปแล้ว เราได้ชัยชนะเหนือวัณโรคและมะเร็ง
ี
แต่เราจะสู้กับอัลไซเมอร์ต่อไปอีกอย่างไม่ถอย ยังคงมีคนท่เสียชีวิตจากโรค
ดังกล่าว” ค�าประกาศสิทธิมนุษยชนสากลไม่ได้กล่าวว่ามนุษย์ “มีสิทธิที่จะม ี
ชีวิตจนกระท่งอายุเก้าสิบปี” แต่มันระบุว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิท่จะมีชีวิต จบ
ี
ั
เพียงแค่นั้น สิทธิที่ว่านี้จึงไม่จ�ากัดวันสิ้นอายุขัยแต่อย่างใด
�
ิ
ผลคือมีนักวิทยาศาสตร์และนักคิดส่วนน้อย แต่ก็เพ่มจานวนมาก
ี
ึ
ื
ี
ึ
ี
ั
ข้นเร่อยๆ ท่พูดอย่างเปิดอกมากข้นในทุกวันน้ว่าเป้าหมายท่เป็นด่งเรือธง
�
ั
ของวิทยาศาสตร์สมยใหม่ก็คือการเอาชัยเหนอความตายและการทาให้
ื
มนุษย์เป็นหนุ่มสาวไปชั่วนิรันดร์ ตัวอย่างที่ชัดเจนได้แก่ กรณีของออบรีย์
เดอ เกรย์ (Aubrey de Grey) แพทย์ทางชราภาพวิทยา (gerontologist)
และผู้รอบรู้ (polymath) กับนักประดิษฐ์ เรย์ เคิร์ซวีล (Ray Kurzweil)
(ผู้ชนะรางวัลเหรียญทองแห่งชาติสหรัฐฯ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมปี
�
ค.ศ. 1999) ในปี ค.ศ. 2012 เคิร์ซวีลนัดหมายกับผู้อานวยการด้านวิศวกรรม
ของกเกิล และปีต่อมากูเกิลก็เปิดตัวบริษัทลูกช่อ คาลิโก (Calico) ซึ่ง
ื
ู
ประกาศว่าตั้งภารกิจไปที่ “การแก้ปัญหาเรื่องความตาย” ในปี ค.ศ. 2009
26
ื
ิ
ั
ี
ื
่
ู
ั
ื
่
ู
กเกลแต่งตงผ้เชอมนอย่างมากกบเรองความเป็นอมตะอกคนคอบิล แมรส
้
ิ
่
ั
ื
(Bill Maris) ให้มาเป็นประธานบริหารกองทุนช่อ กูเกิลเวนเจอร์ส (Google
Ventures) ในการให้สัมภาษณ์เดือนมกราคม ค.ศ. 2015 แมริสกล่าวว่า
ี
“หากคุณถามผมวันน้ว่าจะอายุยืนถึง 500 ปีได้หรือไม่ คาตอบก็คือได้”
�
แมริสสนับสนุนคากล่าวอย่างหาญกล้าของเขาด้วยเงินก้อนโตจานวนมาก
�
�
�
กูเกิลเวนเจอร์สกาลังลงทุน 36 เปอร์เซ็นต์ของหลักทรัพย์ท่มีอยู่ในครอบ
ี
ครองของบริษัทคือ 2 พันล้านดอลลาร์ไปกับสตาร์ตอัปวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ซ่งก็รวมท้งโครงการยืดชีวิตท่เปี่ยมความทะเยอทะยานหลายโครงการ
ึ
ี
ั
ุ
ั
ิ
หากเปรียบเทียบโดยใช้อเมรกันฟตบอลเป็นตวอย่าง แมรสอธบายว่าการ
ิ
ิ
ต่อสู้กับความตายน้น “เราไม่ได้พยายามจะทาให้ได้ระยะเพ่มอีกแค่ไม่ก่หลา
ั
�
ี
ิ
แต่เราพยายามจะเอาชนะเกมให้ได้” ทาไม? แมริสกล่าวว่า ก็เพราะว่า
�
“มีชีวิตน่ะดีกว่าตายอยู่แล้ว” 27
วาระใหม่ของมนุษย์ 43
มีบริษัทดังๆ ในซิลิคอนแวลลีย์อ่นๆ ท่มีความฝันทานองน้เช่นกัน
ี
�
ี
ื
ี
ั
ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) ท่เป็นผู้ร่วมก่อต้งเพย์พาล (PayPal) เพิ่ง
ี
ื
สารภาพเม่อเร็วๆ น้ว่าเขาก็ต้งความหวังว่าอยากจะมีชีวิตอยู่ไปตลอดกาล
ั
“ผมคิดว่าน่าจะมีวิธีการหลักๆ อยู่สามแบบในการจัดการ [กับความตาย]”
เขาอธิบาย “คุณอาจยอมรับมัน คุณอาจปฏิเสธมัน หรือคุณอาจจะสู้กับมัน
ี
ผมคิดว่าสังคมของเราเต็มไปด้วยคนท่ปฏิเสธหรือไม่ก็ยอมรับความตายเป็น
ส่วนใหญ่ แต่ผมอยากจะสู้กับมันมากกว่า” คนจ�านวนมากน่าจะไม่ได้ใส่ใจ
�
กับค�ากล่าวทานองน้นักและมองราวกับเป็นความคิดเพ้อฝันของวัยรุ่น แต่
ี
ื
ี
ึ
�
ธีลคือคนท่จริงจังมากกับเร่องน้ เขาเป็นหน่งในคนท่ประสบความสาเร็จ
ี
ี
ี
ี
สูงท่สุดและเป็นนักลงทุนท่ทรงอิทธิพลในซิลิคอนแวลลีย์ โดยมีทรัพย์สิน
ส่วนตัวราว 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เขียนติดผนังไว้ได้เลยว่าไม่มีคน
28
สนใจเรื่องความเท่าเทียมอีกแล้ว เรื่องความเป็นอมตะเข้ามาแทนที่แล้ว
ี
ั
ข้นตอนการพัฒนาท่ยากเย็นในสาขาอย่างพันธุวิศวกรรม (genetic
engineering) เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ (regenerative medicine) และนาโน
ึ
ี
ั
ี
�
เทคโนโลยีโอบอุ้มคาท�านายท่มองโลกในแง่ดีมากข้นไปกว่าน้นอีก ผู้เช่ยวชาญ
บางคนเชื่อว่ามนุษย์จะเอาชนะความตายได้ในปี ค.ศ. 2200 แต่บ้างก็เชื่อว่า
ั
ในปี ค.ศ. 2100 เคิร์ซวีลและเดอ เกรย์แสดงความม่นอกม่นใจมากไป
ั
กว่าน้นอีก พวกเขายืนยันว่าใครก็ตามซึ่งมีร่างกายท่แข็งแรงสมบูรณ์และ
ั
ี
มีบัญชีธนาคารที่ดูดีในปี ค.ศ. 2050 จะสามารถได้รับยาเพิ่มความอมตะที่
โกงความตายไปได้คราวละทศวรรษทุกครั้งที่ฉีด ตามความคิดของเคิร์ซวีล
่
ิ
ั
ื
้
ุ
ี
์
ั
้
และเดอ เกรย ทกๆ ราว 10 ปเราจะตองตบเท้ากนเขาคลนิกเพอรบการรักษา
ั
แบบหมดจดท้งตัวท่ไม่เพียงแต่กาจัดโรคภัยได้เท่าน้น แต่ยังจะฟื้นสภาพ
ั
ี
�
เนื้อเยื่อที่ก�าลังเสื่อมสลาย และอัปเกรดมือ ตา และสมอง ก่อนจะถึงเวลา
รักษารอบต่อไป แพทย์จะประดิษฐ์ยาใหม่ วิธีการอัปเกรดใหม่ๆ และ
อุปกรณ์ใหม่ๆ ออกมาเต็มไปหมด หากเคิร์ซวีลและเดอ เกรย์คิดถูก ก ็
ี
อาจจะมีพวกท่เป็นอมตะบางคนเดินอยู่ข้างๆ คุณตามท้องถนนแล้วก็เป็นได้
ในกรณีที่บังเอิญคุณเดินอยู่ที่วอลล์สตรีตหรือฟิฟธ์อเวนิว
44 โฮโมดีอุส
ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาจะยังคงเป็นได้ก็แค่เพียง ‘เกือบอมตะ’
ิ
หาใช่อมตะเสียทีเดียว ส่งที่แตกต่างจากพระเจ้าก็คืออภิมนุษย์ในอนาคตจะ
�
ี
ยังคงตายได้ในสงครามหรือด้วยอุบัติเหตุ และไม่มีส่งใดท่จะนาพวกเขากลับ
ิ
ี
ิ
ี
มาจากยมโลกได้ อย่างไรก็ตาม ส่งท่แตกต่างไปจากพวกท่ยังคงต้องตาย
ี
อย่างเราๆ ก็คือชีวิตของพวกเขาไม่มีวันหมดอายุ ตราบใดท่ไม่มีระเบิดมา
ฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ หรือไม่มีรถบรรทุกแล่นมาทับ พวกเขาจะยังคงมีชีวิต
อยู่ต่อไปได้อย่างไม่จบส้น เร่องน้อาจทาให้พวกเขาเป็นกลุ่มคนท่มีความ
ิ
�
ี
ี
ื
กังวลใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทุกๆ วันพวกเราที่เป็นพวกตายได้ต้อง
เส่ยงชวิตอยู่ตลอด เพราะเรารู้ว่าอาจจะจบชีวิตอย่างไรก็ได้ เราจึงออกไป
ี
ี
ปีนเขาหิมาลัย ว่ายน�้าในทะเล และท�าเรื่องอันตรายอีกมากมายหลายอย่าง
เช่น การข้ามถนนหรือออกไปกินข้าวนอกบ้าน แต่หากคุณเช่อว่าคุณ
ื
สามารถมีชีวิตอยู่ได้ไปตลอดกาล คุณก็อาจต้องบ้าทีเดียวท่จะเอาความ
ี
เป็นนิรันดร์มาพนันแบบนั้น
ั
ดังน้น จะดีกว่าหรือไม่หากเราจะเร่มต้นกันท่เป้าหมายท่ถ่อมตัวลงอีก
ี
ี
ิ
่
ี
้
ึ
ั
่
ี
์
ิ
่
หนอย เชน การมีอายุขัยเฉลยเพมขนอกเทาตว? ในครสตศตวรรษท 20 เรา
่
่
่
ี
ิ
แทบจะเพิ่มอายุขัยเฉลี่ยจาก 40 ปีไปเป็น 70 ปี ดังนั้น ในคริสต์ศตวรรษ
ุ
่
ท 21 อย่างน้อยเรากควรจะเพมอกครงให้ได้เป็น 150 ปี แม้ว่าอายเท่าน ้ ี
ี
็
่
ิ
้
ี
ั
จะน้อยกว่าเป็นอมตะไปมาก แต่ก็ยังจะปฏิวัติสังคมมนุษย์อยู่ดี โดยแรก
เริ่มนั้นคงจะแปลงรูปโครงสร้างครอบครัว การแต่งงาน และความสัมพันธ์
ระหว่างเด็กกับผู้ปกครองไปก่อน ทุกวันน้ผู้คนยังคงคาดหวังว่าเม่อแต่งงาน
ื
ี
“จวบจนความตายจะมาแยกเราจากกัน” และชีวิตส่วนใหญ่วนเวียนไปกับ
การมีลูกและเลี้ยงลูก คราวนี้ลองจินตนาการว่าหากคนเรามีอายุขัยเฉลี่ยอยู่
ี
ท่ 150 ปี แต่งงานตอนอายุ 40 ปีก็จะเหลือชีวิตอีก 110 ปี จะยังคาด
หวังให้การแต่งงานยืนยาวถึง 110 ปีจริงๆ หรือ? แม้แต่พวกมูลฐานนิยม
คาทอลิก (Catholic fundamentalist) ก็อาจถึงกับชะงักเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ดังนั้น แนวโน้มปัจจุบันที่มีการแต่งงานใหม่ซ�้าๆ ก็น่าจะพบบ่อยขึ้น ผู้หญิง
จะมีลูกสัก 2 คนตอนอายุสัก 40 กว่าปี เมื่ออายุถึง 120 ปี พวกเธอก็จะมี
ความจ�าเพียงรางเลือนมากเกี่ยวกับช่วงที่พวกเธอเลี้ยงพวกเขาขึ้นมา เพราะ
วาระใหม่ของมนุษย์ 45
ี
ถือเป็นส่วนเส้ยวเพียงเล็กน้อยในชีวิตอันยืนยาวของพวกเธอ ยากจะบอก
ได้ว่าความสัมพันธ์แบบผู้ปกครองกับเด็กจะพัฒนาไปในรูปแบบใดภายใต้
สภาวะแวดล้อมเช่นนั้น
หากจะพิจารณาเร่องอาชีพการงาน ปัจจุบันน้เรามีสมมุติฐานว่าคุณ
ี
ื
จะต้องเรียนรู้เรื่องอาชีพในช่วงวัยรุ่นและช่วงอายุ 20 กว่าปี จากนั้นก็จะใช้
ี
ช่วงเวลาท่เหลือในชีวิตอยู่กับแนวทางการท�างานตามท่เรียนมา เห็นได้ชัดเจน
ี
ว่าแม้จะอายุ 40 กว่าปีหรือ 50 กว่าปี คุณก็ยังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ แต่ชีวิต
ั
�
โดยท่วๆ ไปแล้วก็แบ่งออกเป็นช่วงการเรียนรู้ ตามมาด้วยช่วงการทางาน
แต่หากคุณมีอายุได้ถึง 150 ปี วิธีการแบบนี้ก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในโลกที่โดนเขย่าอยู่เสมอด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ผู้คนจะมีชีวิตการ
ท�างานที่ยืดยาวขึ้นอีกมาก และจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองซ�้าแล้วซ�้าเล่าแม้แต่
เมื่ออายุ 90 ปี
ในขณะเดียวกันผู้คนไม่ได้เกษียณตอนอายุ 65 ปีและจะไม่หลีกทางให้
กับคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดและแรงบันดาลใจใหม่ๆ นักฟิสิกส์ มักซ์ พลังค์
ื
(Max Planck) ได้กล่าวคาพูดท่มีช่อเสียงไว้ว่าวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าได้
�
ี
ึ
ี
ี
ทุกคร้งท่มีการจัดงานศพ เขาหมายความว่ามีแต่การท่คนรุ่นหน่งตายจากไป
ั
ี
ั
เท่าน้น ทฤษฎีใหม่ๆ ถึงจะมีโอกาสหย่งรากแทนท่รากเดิมได้ เร่องน้เป็นจริง
ี
ื
ั
ี
ไม่แต่เฉพาะกับเร่องทางวิทยาศาสตร์ ลองหยุดคิดสักนิดเก่ยวกับท่ทางานของ
ี
ื
�
พวกคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักหนังสือพิมพ์ พ่อครัวแม่ครัว หรือ
นักฟุตบอล คุณจะรู้สึกอย่างไรหากเจ้านายของคุณอายุ 120 ปี แนวคิดต่างๆ
ของเขาเกิดข้นต้งแต่สมัยราชินีวิกตอเรียยังทรงครองราชย์ และมีแนวโน้มว่า
ึ
ั
เขาจะยังเป็นเจ้านายคุณต่อไปอีก 20-30 ปี?
ึ
ในแวดวงการเมือง ผลลัพธ์ท่ได้อาจจะยิ่งน่าขนลุกมากข้นไปอีก คุณ
ี
จะว่าอย่างไรหากปูตินยังคงอยู่ไปอีกนาน 90 ปี? คิดอีกที หากผู้คนมีอายุ
ได้ถึง 150 ปี ในปี ค.ศ. 2016 สตาลินก็น่าจะยังปกครองมอสโกอยู่อย่าง
แข็งขันในอายุ 138 ปี ประธานเหมาก็จะยังอยู่ในวัยกลางคนที่อายุ 123 ปี
และเจ้าหญิงเอลิซาเบธก็ยังคงต้องอดทนรอสืบทอดอานาจจากกษัตริย์จอร์จ
�
46 โฮโมดีอุส
ื
ี
ี
่
ท่ 6 ทอายุ 121 ปี ส่วนโอรสคือเจ้าชายชาร์ลส์ก็จะยังไม่ได้สบราชสมบัต ิ
จนกว่าจะถึงปี ค.ศ. 2076
คราวนี้กลับมาสู่โลกของความจริง ยังไกลเกินกว่าจะแน่ใจได้จริงว่า
ค�าท�านายของเคิร์ซวีลและเดอ เกรย์จะเป็นจริงในปี ค.ศ. 2050 หรือ 2100
มุมมองแบบส่วนตัวของผมเองก็คือความหวังที่จะได้ความเป็นหนุ่มเป็นสาว
แบบนิรันดร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ยังคงเป็นเรื่องยากเป็นไปได้ และใคร
ก็ตามที่เชื่อถือเรื่องเหล่านี้อย่างจริงๆ จังๆ คงจะต้องผิดหวังและขมขื่นเป็น
แน่ ไม่ง่ายเลยที่จะอยู่โดยรู้ตัวว่าคุณจะต้องตายสักวัน และจะยิ่งยากขึ้นไป
อีกที่จะเชื่อถือในความเป็นอมตะแต่ต้องพบกับผลการพิสูจน์ว่าเป็นไปไม่ได้
แม้ว่าค่าอายุขัยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในศตวรรษที่แล้ว แต่ไม่มี
ี
อะไรมารับประกันได้เลยว่าจะยืดอายุขัยไปแบบน้ได้อีกจนสามารถสรุป
ว่าเราสามารถเพิ่มได้อีกเท่าตัวเป็น 150 ปีในศตวรรษนี้ ในปี ค.ศ. 1900
�
ี
อายุขัยเฉล่ยของท้งโลกไม่สูงไปกว่า 40 ปี เพราะคนจานวนมากตายเสีย
ั
ตั้งแต่เด็ก ทั้งจากภาวะทุพโภชนาการ โรคติดเชื้อ และความรุนแรง กระนั้น
คนท่รอดพ้นจากความอดอยาก โรคระบาด และสงครามมาได้ก็มักจะมีอาย ุ
ี
ยืนยาวไปจนถึงอายุ 70 ปีหรือ 80 ปีซ่งเป็นช่วงอายุตามธรรมชาติของ
ึ
โฮโมเซเปียนส์ ตรงกันข้ามกับความเชื่อทั่วไป อายุ 70 กว่าปีไม่ได้ถือเป็น
ื
เร่องแปลกประหลาดหรือหายากตามธรรมชาติในศตวรรษก่อนเลย กาลิเลโอ
เสียชีวิตตอนอายุ 77 ปี ไอแซก นิวตันตอน 84 ปี และไมเคิลแองเจโล
ุ
ั
่
ิ
ี
ี
ุ
ั
ุ
ี
มอายยนยาวจนถงวยสกงอมทอาย 88 ปี โดยไม่ต้องอาศยยาปฏชวนะ
ื
ึ
ี
การฉีดวัคซีน หรือการเปล่ยนถ่ายอวัยวะ (organ transplant) อันท่จริงแล้ว
ี
บางครั้งแม้แต่ชิมแปนซีในป่าก็อายุถึง 60 กว่าปีได้ 29
ในความเป็นจริงแล้วยาสมัยใหม่ไม่ได้ยืดอายุขัยชีวิตตามธรรมชาต ิ
ออกไปมากนัก ความสาเร็จย่งใหญ่ของมันก็คือการช่วยชีวิตพวกเราไม่ให้
�
ิ
ตายก่อนวัยอันสมควรต่างหาก และช่วยให้เราสามารถมีความสุขสนุกสนาน
ี
ได้เต็มท่กับช่วงปีต่างๆ ของเรา แม้ว่าปัจจุบันหากเราเอาชนะมะเร็ง เบาหวาน
ื
�
และโรคร้ายจอมสังหารสาคัญอ่นๆ ก็จะหมายความเพียงแค่ว่าคนเกือบ
ทุกคนจะอยู่ได้จนอายุ 90 ปี แต่ก็ยังสามารถท�าให้อายุถึง 150 ปีได้ ไม่ต้อง