สารานุกรมภาพเครื่องแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1
UNIFORMS OF
WORLD WAR I
สารานุกรมภาพเครื่องแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1
UNIFORMS OF
WORLD WAR I
่
ั
่
คูมือเครื่องแบบทหารอังกฤษ ฝรงเศส รัสเซีย อเมริกา เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี
์
พรอมรายละเอียดเพิ่มเติมของโปรตุเกส เบลเยียม อิตาลี เซอรเบีย ออตโตมาน ญี่ปุน และอื่นๆ
่
้
โจนาธาน นอร์ธ เขียน / เจเรมี แบล็ก ที่ปรึกษา
ชัยจักร ทวยุทธานนท์ แปล
ั
สารบญ
บทนำ 6
เหตุการณ ทางการเมือง ค.ศ. 1914 8
ต นกำเนิดของสงคราม 1 0
ปฏิกิริยาของโลก 1 2
มุมมองจากทั่วโลก 1 4
กำลังพลและการเกณฑ ทหาร 1 6
อาวุธและวิทยาการใหม 2 0
เครื่องแบบ 2 2
UNIFORMS OF WORLD WAR I การทัพ 2 4
สารานุกรมภาพเครื่องแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ผลที่ตามมาและสันติภาพ 3 4
โจนาธาน นอร ธ: เขียน
ชัยจักร ทวยุทธานนท : แปล อังกฤษ 3 6
All rights reserved. กองทัพอังกฤษ 3 8
Original Title: An Illustrated Encyclopaedia of Uniforms of World War I
Copyright Thai translation Gypsy Group Ltd 2017 นายพลและเสนาธิการ 4 2
c
Copyright Anness Publishing Limited, UK 2012 ทหารรักษาการณ 4 4
Thai edition first published in Thailand in 2019 by Gypsy Group Co., Ltd.
c
Thai Translation Gypsy Publishing Co.,Ltd. 2019 แนวรบด านตะวันตก 4 6
Through Tuttle - Mori Agency Co.,Ltd. ทหารราบ: ในยุทธบริเวณอื่นๆ 5 6
c ข อความและรูปภาพในหนังสือเล มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส วนใดๆ ในหนังสือเล มนี้ไปเผยแพร ไม ว าในรูปแบบใดต องได รับอนุญาตจากเจ าของลิขสิทธิ์ก อน ทหารม า 6 0
ยกเว นเพื่อการอ างอิง การวิจารณ และประชาสัมพันธ
ทหารโยแมนริ 6 4
ข อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห งชาติ หน วยบิน 6 7
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
นอร ธ, โจนาธาน. ทหารป นใหญ 6 8
สารานุกรมภาพเครื่องแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 UNIFORMS OF WORLD WAR I.-- กรุงเทพฯ ทหารเหล าเทคนิค 7 0
: ยิปซี กรุ ป, 2562.
252 หน า. กองทหารจากแคนาดาและนิวฟาวด แลนด 72
1. ทหาร--เครื่องแบบ. 2. สงครามโลก, ค.ศ. 1914-1918. I. ชัยจักร ทวยุทธานนท , ผู แปล. II. ชื่อเรื่อง. กองทหารจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด 74
355.81
ISBN 978-616-301-666-9 กองทหารจากแอฟริกา 7 6
บรรณาธิการอำนวยการ : คธาวุฒิ เกนุ ย กองทหารอินเดีย 7 8
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผู ช วยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน ฝรั่งเศส 8 0
บรรณาธิการเล ม : ธรรธร วีระสุรีย กองทัพฝรั่งเศส ค.ศ. 1914 8 2
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา ดารียา ครโสภา
นักศึกษาฝ กงานกองบรรณาธิการ : สุพัฒศจี เพ็ชรภักดี พิมพิศา ขันธ บุญ
เลขากองบรรณาธิการ : อรทัย ดีสวัสดิ์
พิสูจน อักษร : ชมพร ไชยล อม วนัชพร เขียวชอุ ม สวภัทร เพ็ชรรัตน
ศิลปกรรม : ประเสริฐศักดิ์ ประดิษฐเกษร
ผู อำนวยการฝ ายการตลาด : นุชนันท ทักษิณาบัณฑิต
ผู จัดการฝ ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู จัดการทั่วไป : เวชพงษ รัตนมาลี
จัดพิมพ โดย : บริษัท ยิปซี กรุ ป จำกัด เลขที่ 37/145 รามคำแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต อ 108
www.gypsygroup.net
พิมพ ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำกัด โทร. 0 2882 9981-2
จัดจำหน าย : บริษัท ยิปซี กรุ ป จำกัด โทร. 0 2728 0939
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID : @gypzy
ภาพใหญ หน า 2: กลุ มทหารอังกฤษกำลังจะขึ้นรถไฟที่สถานีวิกตอเรียน กรุงลอนดอน
มุ งไปยังแนวหน า ป 1915
พัฒนาการยามสงคราม 84
นายพลและเสนาธิการ 86
ทหารราบ 88
ทหารพรานและทหารภูเขา 98
เหล่าทหารต่างชาติ 102
กองทหารอาณานิคม 104
ทหารม้า 108
ทหารปืนใหญ่ 112
ทหารเหล่าเทคนิค 114
หน่วยบิน 116
รัสเซีย 118
ิ
จักรวรรดรัสเซีย ค.ศ. 1914 120
กองทัพรัสเซีย 122
นายพลและเสนาธิการ 126 อิตาลี 176
�
ั
กองกาลังป้องกนจักรวรรดิ 128 เซอร์เบียและมอนเตเนโกร 180
ทหารราบรบพิเศษ 130 โรมาเนีย 182
ทหารราบ 132 กรีซ 184
ี่
ทหารม้า 142 ญปุ่น 186
ทหารม้าคอสแซคและทหารม้าพนเมือง 144
ื้
ทหารปืนใหญ่ 146 เยอรมนี 188
ทหารเหล่าเทคนิค 148 รัฐทหาร 190
ั
สงครามกลางเมืองรัสเซีย: กองทพแดง 150 ปรัสเซียและรัฐเยอรมัน 192
สงครามกลางเมืองรัสเซีย: กองทพขาว 152 พัฒนาการในยามสงคราม 194
ั
นายพลและทหารเสนาธิการ 196
ื่
ิ
อเมริกาและประเทศฝ่ายสัมพันธมตรอนๆ 156 กองทหารป้องกนจักรวรรดิ 198
ั
สหรัฐฯ เข้าร่วมสงคราม 158 ทหารราบ 200
กองทัพฝ่ายสัมพนธมิตร 160 เครื่องแบบอาณานคม 208
ิ
ั
ทหารราบสหรัฐฯ 162 กองทหารเยเกอร์และกองทหารภูเขา 210
ิ
ิ
นาวกโยธนสหรัฐฯ 166 หน่วยจู่โจม 212
ิ
เหล่าทหารเทคนคสหรัฐฯ 168 กองกาลังรักษาดินแดน 214
�
โปรตุเกส 170 ทหารม้า 216
เบลเยียม 172 ทหารปืนใหญ่ 220
ทหารเหล่าเทคนิค 222
ออสเตรีย-ฮังการี
และประเทศพันธมตรของเยอรมน ี 224
ิ
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ก 226
นายพลและเสนาธการของออสเตรีย-ฮังการี 228
ิ
ทหารราบออสเตรีย-ฮังการี 229
ทหารม้าออสเตรีย-ฮังการี 236
ิ
ทหารรักษาดนแดนและทหารฮอนเวดของออสเตรีย-ฮังการี 238
ทหารเหล่าเทคนคออสเตรีย-ฮังการี 240
ิ
จักรวรรดิออตโตมาน 242
บัลแกเรีย 246
ประมวลศัพท์ 248
กตติกรรมประกาศ 252
ิ
6 บทน�ำ
บทน�า
สงครามที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 1914 เป็นความผิด
พลาดอย่างเลวร้ายขององค์ประกอบนับไม่ถ้วน ชาติฝ ายสัมพันธมิตร
เริ่มขึ้นจากการคาดการณ์ทางการเมือง การ ชาติฝ ายมหาอํานาจกลาง Y N D
ทหารและการทูตที่ผิดพลาด และจบลงด้วย ชาติเป นกลาง W A D E A N 0 600 km
โศกนาฏกรรมของประเทศและบุคคลที่ถูกดึง O R E F I N L 0 400 miles
เข้าไปเกี่ยวข้องซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นับ N S W St Petersburg
เป็นเรื่องน่าเศร้านัก มีค�าอธิบายอื่นอีกหรือไม่ North Stockholm
ที่ใช้อธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ส�าหรับปี 1919 ATLANTIC OCEAN GREAT Sea DENMARK R USSIA
ที่ท�าให้เกิดหญิงหม้าย 208,641 คน (จาก BRITAIN
ประชากรหญิงทั้งสิ้น 2,426,187 คน) ในประ London HOLLAND Berlin POLAND
Warsaw
GERMANY
BELGIUM
เทศเล็กๆ อย่างบัลแกเรีย หรือการที่ฝรั่งเศสต้อง Paris UKRAINE
สูญเสียก�าลังพลที่เกณฑ์มาถึงร้อยละ 73 FRANCE Vienna AUSTRO-
นี่เป็นสงครามที่ท�าให้ผู้ชนะล้มละลายและ SWITZ. HUNGARIAN Caspian Sea
ROMANIA
EMPIRE
ท�าลายเศรษฐกิจของผู้แพ้โดยสิ้นเชิง ความเจ็บ PORTUGAL I T A L Y Belgrade Bucharest Black Sea
SERBIA
Sofia
ปวดพอกพูนขึ้นจากสันติภาพที่น�ามาใช้ลงทัณฑ์ Lisbon Madrid Rome MONTENEGRO BULGARIA
เป็นสงครามที่ท�าให้ระบอบประชาธิปไตยที่ SPAIN ALBANIA Constantinople
OTTOMAN
Mediterranean Sea GREECE EMPIRE PERSIA
Algiers Athens
MOROCCO ALGERIA Tunis
▼ เครื่องแบบกองทัพมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระดับพื้นฐาน
ระหว่างปี 1853 - 1915 ซ้าย ร้อยเอกฝรั่งเศส กรมทหารม้า
แลนเซอร์ที่ 2 ปี 1853 กลาง ร้อยเอกอังกฤษ กรมทหาร ▲ ในปี 1914 การแบ่งแยกตามความเป็นปฏิปักษ์กันของ เติบโตอย่างเชื่องช้าต้องแตกแยก เปิดทางให้กับ
ฮุสซาร์ที่ 2 ปี 1858 ขวา สิบเอกเยอรมัน กรมทหารราบที่ มหาอ�านาจในยุโรปจัดได้ 3 กลุ่ม คือ ฝ่ายสัมพันธมิตร ฝ่าย ยุคของผู้น�าเผด็จการ ปลดปล่อยพลังที่นักการ
17 (กรมทหารเวสท์ฟาเลียที่ 4) ปี 1915 มหาอ�านาจกลาง และประเทศเป็นกลาง
เมืองไม่อาจควบคุมได้ อีกทั้งเรายังได้เห็น
บรรดาสงครามบ่อนท�าลาย การต่อสู้ครั้งใหญ่ที่
สร้างแผลเป็นบนโฉมหน้าของยุโรป การพัง
ทลายของวัฒนธรรมยุโรปที่ถูกมองว่าเสมือนยุค
ทองในช่วงก่อนสงคราม
ยุโรปสมัยเอ็ดเวิร์ด (Edwardian) ไม่ใช่ยุค
ทองแน่ๆ คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนชายขอบ
ของสังคมมีชีวิตที่แสนสั้นและไม่เคยสุขสบาย
ความจริงข้อนี้ถูกหลงลืมจากแนวคิดกระแส
หลักที่มองว่ายุโรปเมื่อปี 1914 ช่างสดใส
ก้าวหน้าและหรูหรายิ่ง
เมื่อน�ามาใช้ประกอบในการศึกษาครั้งนี้
เครื่องแบบของกองทัพต่างๆ ที่เข้าร่วมสงคราม
ไม่มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนนักระหว่าง
ยุโรปยุคก่อนสงครามและยุโรปในปี 1919 ทหาร
จ�านวนมากในปี 1900 สวมเครื่องแบบสีกรมท่า
แดง เขียวและขาว ขณะที่ในปี 1919 ทหารสวม
เครื่องแบบสีกากี ที่ออกแบบเพื่อรักษาชีวิตก�าลัง
พล จากวิทยาการด้านการสงครามที่พัฒนาขึ้น
อย่างรวดเร็ว
ความก้าวหน้าทางเทคนิคและเครื่องแบบ
ประมาณปี 1910 กองทัพส่วนใหญ่ยอมรับสี
บทนา � 7
เป็นกลางเพื่อรักษาก�าลังพลจากอ�านาจการยิงที่ จ�านวนหน้าที่จ�ากัดยังท�าให้หนังสือเล่มนี้มี อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ยังท�าให้ผู้อ่าน
เพิ่มมากขึ้นในกองทัพของยุโรป กระบวนการนี้ ไม่มากนักกับการรบและเครื่องแบบทหารเรือ รับรู้ถึงความหลากหลายและความซับซ้อนของ
เห็นได้ชัดเจนและผู้ที่ไม่ปรับตัวก็ต้องแลกด้วย แม้จะมีบางหน่วยที่เข้ารบบนภาคพื้นดิน ขณะ เครื่องแบบที่สวมใส่กันอยู่ในช่วงสงคราม ขณะ
การสูญเสียชีวิตก�าลังพล คนที่แข็งแรงที่สุดและ เดียวกันก็ไม่ได้มีเจตนาลดความส�าคัญของ ที่กฎระเบียบว่าด้วยเครื่องแบบก็ให้แนวทางและ
ฝึกมาดีที่สุดมักจะถูกสังหารเป็นอันดับแรก บทบาทหน่วยบางหน่วย อย่างกองพันทะเล ภาพร่วมสมัยตลอดจนค�าอธิบายก็สะท้อนถึง
เครื่องแบบจึงเป็นองค์ประกอบส�าคัญในความ (Seebatallione) ของเยอรมนีหรือกองพลราช ความเป็นจริงของสงครามที่คงไม่เกินจริงนัก
พยายามต้านทานความรุนแรงที่แผ่ลามไปทั่ว นาวีที่ 63 ทั้งนี้การรบทางทะเลมีความส�าคัญ หากจะกล่าวว่าในสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่มี
สนามรบจากอาวุธอย่างปืนกลแม็กซิม ปืน มาก การขัดขวางของเยอรมันเป็นการป้องกัน ทหารสองคนที่เหมือนกันเลย เนื้อหาและหลัก
ขนาด 75 มม. ของฝรั่งเศส หรือปืนเมาเซอร์ การส่งก�าลังบ�ารุง การจ�ากัดการน�าเข้าอาหาร ฐานที่มีจ�านวนมหาศาลนี้ท�าให้การศึกษาเครื่อง
ติดตั้งกล้องเล็ง และส่งผลสั่นคลอนต่อขวัญก�าลังใจ ส่วนการท�า แบบของกองทัพต่างๆ ในสงครามนี้เป็นสิ่งที่น่า
เครื่องแบบสีสดใสโดดเด่นเปลี่ยนเป็นสี สงครามเรือด�าน�้าของเยอรมันที่น�าสหรัฐฯ เข้าสู่ สนใจยิ่ง หนังสือเล่มนี้ท�าหน้าที่เหมือนการ
น�้าตาลและเขียวได้อย่างไร เครื่องหมายยศเริ่ม สงครามและการขนส่งก�าลังพล ยังเกี่ยวพัน ส�ารวจดินแดนอันกว้างใหญ่ของเรื่องที่แม้จะอยู่
มีนัยส�าคัญมากกว่าสีสันฉูดฉาดของเครื่องแต่ง อย่างมากต่อรูปแบบการต่อสู้ในสงคราม ภายใต้อิทธิพลของสีกากีและสีเทา แต่ก็มีเนื้อหา
กายได้อย่างไร และอุปกรณ์ป้องกันปรับปรุงขึ้น เต็มไปด้วยสีสันอย่างมาก
จากความจ�าเป็นในสงครามสมัยใหม่อย่างไร “มหาอ�านาจกลาง” (The Central Powers)
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหัวข้อหลักในการศึกษาครั้งนี้ ▼ กองทัพเยอรมัน (เส้นสีแดง) บุกเพื่อเปิดเส้นทางไปสู่ ที่พบทั่วไปในหนังสือเล่มนี้เป็นค�าศัพท์สามัญที่
ตัวอย่างเล็กๆ ประการหนึ่ง คือการใช้ ปารีสให้ได้มากเท่ากับที่เคยท�าได้เมื่อปี 1870 และเพื่อยุติ ใช้เรียกเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิออน
สงครามที่พ่ายแพ้ยับเยิน กองทัพฝรั่งเศส (เส้นสีน�้าเงิน) ที่
เครื่องหมายกองพลน้อย (brigade) หรือกองพล ได้รับการสนับสนุนจากกองก�าลังนอกประเทศของอังกฤษ โตมานและบัลแกเรีย ส่วน “สัมพันธมิตร” (The
(divisional) ทั้งนี้ชุดของเครื่องหมายและตราที่ และกองทัพเบลเยียม ตั้งมั่นเพื่อสกัดตามเส้นทางส่วนใหญ่ Allies) หมายถึงประเทศต่างๆ จ�านวนมากที่รวม
ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยกองทัพต่างๆ นั้นต่อมา ที่มุ่งสู่เมืองหลวง กันต่อต้านมหาอ�านาจกลาง
เห็นได้ชัดว่าการก�าจัดหน่วยข่าวกรองของข้าศึก
เป็นความส�าคัญสูงสุด การใช้เครื่องหมายจึง Zeebrugge HOLLAND
เป็นไปเพื่อท�าให้ศัตรูสับสนและสิ่งนี้ก็ไม่ได้ท�าให้ l Antwerp
Ostend
ภารกิจของนักประวัติศาสตร์ง่ายขึ้นแต่อย่างใด n e Niueport Bruges
เลย n Dunkirk
a Ghent
h Calais
สิ่งที่มีและไม่มี C St Omer IV Lys Brussels
หนังสือเล่มนี้เน้นที่กองทัพยุโรป ตลอดจน Ypres IV
อาณานิคมและดินแดนในครอบครอง รวมถึง s h Armentiéres Béthune BELGIUM
กองทัพญี่ปุ่นและสหรัฐฯ แต่ไม่รวมถึงที่น่าสนใจ l i Lille
ของบางหน่วย หนึ่งในจ�านวนนั้นคือทหาร g VI Mons Namur
บราซิล (ที่ส่งหน่วยแพทย์ไปยังฝรั่งเศสเมื่อปี n X Sambre
1918) ซึ่งเมื่อแรกนั้นมีเครื่องแบบที่ได้รับ E Arras
อิทธิพลจากฝรั่งเศสแต่ต่อมาจึงเปลี่ยนไปเป็น Cambrai
เครื่องแบบสีน�้าตาลอ่อน เช่นเดียวกับรูปแบบ Somme
ของทหารโปรตุเกส นอกจากนี้ยังมีชาวซีนูสซี
(Senussi) ที่ประกาศสงครามกับกองทัพอิตาลี Amiens Péronne II
ในลิเบียและก่อกวนกองทัพอังกฤษในอียิปต์ II
รวมถึงเครื่องแบบของรัฐต่างๆ แถบเทือกเขา
คอเคซัส (Caucasus) ที่ต่อมาได้รับเอกราชในปี FRANCE Noyon Aisne
1918 และปี 1919 (จอร์เจีย อาร์เมเนียและอา
เซอร์ไบจัน) เครื่องแบบนายทหารสยามหรือนาย VI Soissons VII
ทหารจีนที่ถูกส่งมาเป็นผู้สังเกตการณ์ในแนวรบ Oise Reims
ด้านตะวันตก ตลอดจนเครื่องแบบทหาร ทางเดินทัพสัมพันธมิตร Marne
เปอร์เซียที่แยกออกเป็นเล่มต่างหาก ก�าลังรบ ทางถอยทัพสัมพันธมิตร
ของเปอร์เซียมีทั้งกองทหารคอสแซค (Cos- ทางเดินทัพเยอรมัน 0 60 km
sack) และทหารชองดาร์ม (Gendarmes) ของ แนวรบ 0 40 miles
ยุโรป
8 บทน�ำ
เหตุการณ์ทางการเมือง ค.ศ. 1914
ในแง่หนึ่ง เมื่อปี 1914 ยุโรปเป็นทวีปที่มั่งคั่ง ส�าคัญในเยอรมนี อิตาลีและรัสเซีย ทว่า
ประชากร 467 ล้านคนเพลิดเพลินกับความ การเมืองก็ยังอยู่ในการควบคุมของชนชั้นน�า
ร�่ารวยที่เพิ่มขึ้น สุขภาพที่ดีขึ้นและอิสรภาพ เพียงหยิบมือ
ทางการเมืองที่คนรุ่นก่อนไม่เคยรู้จัก ผู้หญิงและ
ชนชั้นแรงงานเริ่มมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น อังกฤษ
ขณะที่ชนชั้นน�าในระบอบขุนนางแบบเดิมก็ถูก อังกฤษเพลิดเพลินอยู่กับการเป็นผู้ปกครอง
ท้าทาย ประชากรที่เพิ่มขึ้นน�าไปสู่แรงกดดันใน จักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพียงหนึ่งเดียว
ชุมชนและเมืองต่างๆ เกิดการอพยพจากเขต ครอบครองดินแดน 1 ใน 5 ของโลก และเติบโต
รอบนอกที่ทุรกันดารของยุโรป (สแกนดิเนเวีย มากขึ้นในปี 1919 ประชากรบนเกาะ 46 ล้าน
ตอนใต้ของอิตาลี สกอตแลนด์) ไปสู่ คนเพิ่มขึ้นสม�่าเสมอ ขณะที่คาดว่าในแคนาดา
สหรัฐอเมริกาและอเมริกาใต้ อย่างไรก็ตามแม้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นพอประมาณ
จะมีการปรับปรุงในหลายพื้นที่ ชีวิตของคนที่ ในอินเดียนั้นยังคงเพิ่มขึ้นอาจถึง 330 ล้าน
ขาดแคลนก็ไม่สุขสบายอยู่เช่นเดิม คนในปี 1920 อินเดียยังต้องพึ่งพาอังกฤษ ขณะ
ความมั่งคั่งที่เกิดจากการพัฒนา ที่แคนาดาแยกตัวเป็นเอกราชเมื่อปี 1867
อุตสาหกรรม ก�าลังการซื้อและเม็ดเงินที่ไหลเข้า ออสเตรเลียในปี 1901 นิวซีแลนด์เมื่อปี 1907
มาจากอาณานิคม ล้วนมีผลกระทบส�าคัญต่อ และแอฟริกาใต้ในปี 1910 ▲ จักรพรรดิไกเซอร์ วิลเฮล์มแห่งเยอรมนี ประทับยืนด้าน
การเมืองและชีวิตประจ�าวันทั้งสิ้น คนผู้โชคดีที่ หน้าสุดกับคณะผู้ตามเสด็จ ราวปี 1914
ได้ครอบครองความมั่งคั่งก็จะได้รับสิ่งดีๆ นับ เยอรมนี
ตั้งแต่การท่องเที่ยวไปจนถึงงานวิจิตรศิลป์ เยอรมนีเป็นที่รู้จักในฐานะรัฐที่มีอ�านาจมาก ล่าอาณานิคมที่กระตือรือร้น (ปี 1914 ประกอบ
ส�าหรับคนที่ได้รับเพียงเศษความร�่ารวยของคน ที่สุดของยุโรปเมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 20 มี ด้วยแอลจีเรีย, โมร็อกโก, พื้นที่ส่วนใหญ่ใน
อื่นก็เป็นสาเหตุของความปั่นป่วนทางการเมือง เศรษฐกิจที่ประสบความส�าเร็จและจ�านวน แอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก) บางครั้งก็
ลัทธิสังคมนิยมที่มีเป้าหมายเพื่อความเท่าเทียม ประชากรที่เพิ่มขึ้น (68 ล้านคนในปี 1914) ท�าสงครามเพื่อชิงเอาแคว้นอัลซัคและลอแรนที่
ก็เกิดขึ้นในหลายประเทศ และเป็นแรงผลักดัน พื้นที่ของประเทศแผ่ขยายจากแคว้นอัลซัค ผนวกเข้ากับเยอรมนีกลับคืนมา เห็นได้ชัดเมื่อ
(Alsace) และลอแรน (Lorraine) ไปถึงพื้นที่ แรมงด์ ปวงกาเร (Raymond Poincaré) เป็น
▼ ขบวนกลองหญิงในการลงมติส�าหรับนิทรรศการสตรีที่ ตอนเหนือของโปแลนด์ และจากชายฝั่งทะเล ประธานาธิบดี ปวงกาเรมาจากลอแรน การน�า
กรุงลอนดอน วันที่ 13 พฤษภาคม 1909 ความมีอิสรภาพ บอลติกถึงลิทัวเนีย นอกจากนี้ยังมีอาณานิคม ดินแดนและศักดิ์ศรีกลับคืนมาจึงเป็นนโยบาย
ของสตรีเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างหนึ่งในช่วง
ต้นศตวรรษที่ 20 ในมหาสมุทรแปซิฟิกและอีกหลายแห่งในทวีป หลักของเขา ส่วนทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ
แอฟริกา เยอรมนีปกครองโดยไกเซอร์ มีพรมแดนติดกับเบลเยียมที่เปราะบาง
(จักรพรรดิ) ภายใต้การควบคุมของนักการเมือง ประชากรพูดภาษาฝรั่งเศสและเฟลมมิช
ชั้นสูงปรัสเซีย ท�าสงครามได้ชัยชนะต่อฝรั่งเศส
เดนมาร์กและออสเตรีย-ฮังการี เพื่อรวมให้เป็น อิตาลีและโปรตุเกส
เอกภาพ ในทศวรรษ 1860 สองประเทศรวมกันอยู่ภายใต้
พรรคสังคมประชาธิปัตย์ (Social ราชวงศ์ซาวอย (House of Savoy) อิตาลีมี
Democrats) ของเยอรมนี อาจเป็นกลุ่มผู้เรียก ประชากร 35.3 ล้านคนในปี 1914 แบ่งเป็นพื้นที่
ร้องที่มีบทบาทเพื่อปฏิรูประบบการเมืองที่เต็ม ตอนเหนือที่การพัฒนาอุตสาหกรรมก้าวหน้า
ไปด้วยการกดขี่ในขณะนั้น และเป็น กับพื้นที่ตอนใต้ที่ยากจนเต็มไปด้วยประชากร
พรรคการเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐสภาหลังปี 1912 ไม่รู้หนังสือจ�านวนมาก ในด้านการเมืองรัฐบาล
แต่ยังคงมีการคานอ�านาจจากกลุ่มอ�านาจ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเพียงเล็กน้อย
อนุรักษนิยมอยู่ แต่มีอยู่บ่อยครั้งที่กระตุ้นกระแสความรักชาติขึ้น
มาด้วยการประกาศสงครามในอาณานิคมต่างๆ
ฝรั่งเศส เช่น อะบิสซิเนีย ลิเบียและหมู่เกาะโดเดคะนีส
ฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐที่ส�าคัญที่สุดของยุโรป (Dodecanese islands) ต่อต้านฝรั่งเศสหรือ
มีประชากร 39.7 ล้านคน และจากความอัปยศ ช่วยเหลือชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาอิตาเลียนใน
ที่พ่ายแพ้ปรัสเซียในปี 1870 ท�าให้ฝรั่งเศสเป็นผู้ ออสเตรีย-ฮังการีอย่างลับๆ ส่วนโปรตุเกสก็อยู่
เหตุการณ์ทางการเมือง ค.ศ. 1914 9
ในสถานะเดียวกัน แม้จะครอบครองจักรวรรดิ หัวรุนแรงในพื้นที่รกร้างในชนบทของรัสเซีย ▲ จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย พร้อมด้วยจักรพรรดินี
อันกว้างใหญ่ แต่ประชากรส่วนมากกลับอยู่ เหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นหลังจากความพ่ายแพ้ อเล็กซานดรา เสด็จพระราชด�าเนินไปยังสภาผู้แทนราษฎร
ดูมา ในปี 1906
อย่างยากจนและถูกเอารัดเอาเปรียบจากชนชั้น ต่อญี่ปุ่นในปี 1904 - 1905 น�าไปสู่การปฏิรูป
สูงหรือเจ้าของที่ดินเพียงไม่กี่ราย ทางการเมืองในบางอย่าง และการจัดตั้งสภา
ดูมา (Duma) ซึ่งเป็นตัวแทนของคนยากจนใน แอฟริกาเหนือและยึดครองหมู่เกาะบางแห่งใน
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี รัฐสภา ทะเลเอเจียน ส่วนเซอร์เบีย บัลแกเรียและกรีซ
ประเทศที่เปรียบเหมือนการน�าผ้าหลากสีของ ทว่าอ�านาจที่แท้จริงยังอยู่ในพระหัตถ์ของ ก็ได้ชัยชนะเหนือออตโตมานในคาบสมุทรบอล
ชนกลุ่มน้อยเชื้อชาติต่างๆ มารวมกันเป็น ซาร์และบรรดาที่ปรึกษาผู้ใกล้ชิด จักรวรรดิยัง ข่าน และลดอ�านาจจักรวรรดิให้เหลือเพียงพื้นที่
พันธมิตรหลักในยุโรปของเยอรมนี ออสเตรีย- รวมถึง เบเลรุส ยูเครน พื้นที่ด้านตะวันออกของ รอบๆ กรุงคอนสแตนติโนเปิลเท่านั้น หายนะภัย
ฮังการี นี้ได้แก่ สโลวาเกีย สาธารณรัฐเช็ก โปแลนด์ พื้นที่ปัจจุบันของประเทศมอลโดวา เช่นที่เกิดขึ้นนั้นผลักดันให้รัฐบาลออตโตมาน
ออสเตรีย ฮังการี โครเอเชีย สโลเวเนีย บอสเนีย ฟินแลนด์และรัฐบอลติก (ได้แก่ ลิทัวเนีย ลัตเวีย ต้องปฏิรูป ซึ่งเกือบจะตกอยู่ในภาวะล้มละลาย
ตอนใต้ของโปแลนด์และพื้นที่ส่วนใหญ่ของ และเอสโตเนีย) ส่วนแถบเทือกเขาคอเคซัสและ ความมั่งคั่งของประเทศเปลี่ยนไปสู่มือ
โรมาเนีย แต่ด้านการเมืองกลับตรงกันข้าม ทั้งนี้ ทวีปเอเชียก็รวมเข้าอยู่ด้วย แต่ยังคงมีความขัด มหาอ�านาจยุโรป (ฝรั่งเศสครอบครองหนี้ต่าง
ตามระบบทวิราชา (Dual Monarchy) กษัตริย์ แย้งเรื่องพรมแดนกับจีน เปอร์เซีย จักรวรรดิ ประเทศส่วนใหญ่ของจักรวรรดิอยู่ถึงร้อยละ 62)
ออสเตรียก็เป็นกษัตริย์ฮังการีด้วย ท�าให้ ออตโตมานและอังกฤษ ความพยายามปรับปรุงให้ทันสมัยท�าให้ออตโต
จักรวรรดิแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ชาวฮังกาเรียนมี มานหันไปใช้ที่ปรึกษาชาวเยอรมันที่เชี่ยวชาญ
รัฐบาลอิสระของตนเองอยู่ที่กรุงบูดาเปสต์ จักรวรรดิออตโตมาน ด้านเทคนิค และที่ปรึกษาอังกฤษในการปฏิรูป
(Budapest) ปกครองพื้นที่ทางด้านตะวันออก ความเสื่อมของออตโตมานปรากฏอย่างชัดเจน กองทัพเรือ ออตโตมานยังคงรักษาอ�านาจ
ของจักรวรรดิรวมถึงทรานซิลวาเนีย (Transyl- ระหว่างปี 1911 - 1913 อิตาลีได้ชัยชนะใน ควบคุมเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ในตะวันออกกลาง
vania) ซึ่งประกอบด้วยชาวโรมาเนียนจ�านวน รวมถึงประเทศอิรัก พื้นที่ส่วนใหญ่ของซีเรีย
มากที่ต้องการรวมเข้ากับรัฐโรมาเนียเอกเทศ ▼ เครื่องแบบนายทหารกองทัพออตโตมาน ปี 1895 เลบานอน อิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้
ทางพรมแดนตะวันออก จักรวรรดินี้มีกองทัพ ระหว่างสงคราม จักรวรรดิแบ่งออกเป็น 3 แคว้น
และนโยบายต่างประเทศร่วมกัน หรือปาชา (pasha) ได้แก่ เมห์เหม็ด ตาลัด
(Mehmed Talat) อิสมาอิล เอเวอร์ (Ismail
รัสเซีย Enver) และอาห์เหม็ด เจมาล (Ahmed
จักรวรรดิรัสเซียถือว่ากว้างใหญ่ในแง่กายภาพ Djemal)
ประชากรในยุโรปของรัสเซียเพิ่มขึ้นถึง 148.2 ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากความพ่ายแพ้ของ
ล้านคน เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว กล่าว ออตโตมาน คือกรีซและเซอร์เบีย ขณะที่
คือการผลิตเหล็กกล้าเพิ่มขึ้น 1000 เปอร์เซนต์ บัลแกเรียพ่ายแพ้ยับเยินในคาบสมุทรบอลข่าน
ระหว่างปี 1880 - 1914 จากสงครามคาบสมุทรบอลข่านครั้งที่ 2 (the
ในทางการเมือง รัสเซียเป็นประเทศราชาธิป Second Balkan War) เซอร์เบียรวมเอาคอซอ
ไตยที่กษัตริย์มีอ�านาจเด็ดขาด ปกครองโดยซาร์ วอ (Kosovo) และพื้นที่ส่วนใหญ่ของมาเซโด
ที่ตกเป็นเป้าความเกลียดชังของผู้มีแนวคิด เนียเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นอ�านาจที่น่าเกรง
เสรีนิยมในยุโรป เช่นเดียวกับการเพิ่มจ�านวน ขามในภูมิภาค และนับเป็นภัยคุกคามต่อ
มากขึ้นของนักสังคมนิยมและผู้นิยมอนาธิปไตย จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีที่ก�าลังง่อนแง่
10 บทน�ำ
ต้นก�าเนิดของสงคราม
เมื่ออาร์ดยุกฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ (Archduke
Franz Ferdinand) สิ้นพระชนม์บนรถกราฟต์ &
สติฟ (Gräf & Stift) ซึ่งเป็นรถยนต์พระที่นั่ง
ท�าให้สงครามเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่
หลายคนในเวลานั้นเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็น
เพียงความขัดแย้งในระดับท้องถิ่น แต่จาก
ธรรมชาติของการเมืองยุโรปในเวลาที่สงคราม
จะปะทุขึ้นมานั้น เหตุการณ์ดังกล่าวกลับ
ลุกลามจากการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามกลายเป็น
สงครามขนาดใหญ่ของคู่ต่อสู้อย่างที่ไม่เคยมีมา
ก่อน ต้นก�าเนิดของสงครามอาจย้อนกลับไปได้
หลายศตวรรษและถึงแม้สงครามจะเกิดขึ้นเร็ว
กว่าปี 1914 ก็ตาม ทั่วยุโรปในเวลานั้นล้วนเต็ม
ไปด้วยความคิดที่ว่าต้องใช้สงครามเช่นเดียวกับ
การด�าเนินการทางการทูต ปรัสเซียที่มีบทบาทส�าคัญในความปราชัย ▲ การประชุมใหญ่แห่งเบอร์ลิน (1878) มีขึ้นเพื่อยับยั้งการ
ของนโปเลียนนั้น ได้รับดินแดนและอ�านาจ ขยายอาณาเขตของรัสเซียเข้าสู่จักรวรรดิออตโตมาน และ
แรงกดดันทางการเมือง ควบคุมเหนือรัฐที่แพ้สงคราม ความพ่ายแพ้ของ เพื่อสร้างเสริมอ�านาจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ยุโรปในปี 1914 คุ้นเคยต่อเหตุการณ์วิกฤติมา จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีในปี 1866 ท�าให้
แล้ว แต่สงครามใหญ่ๆ ไม่เกิดขึ้นมานับสิบปี ปรัสเซียมั่นคงยิ่งขึ้น และการผนวกดินแดนยิ่ง และกับรัสเซียในปี 1907 เหตุที่ต้องท�าเช่นนี้ใน
หลังจากแรงผลักดันที่เกิดขึ้นจากการปฏิวัติ รุ่งโรจน์มากขึ้นจากความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศส แง่หนึ่งก็เพื่อให้มั่นใจว่าคู่แข่งทางอาณานิคม
ฝรั่งเศสต้องพ่ายแพ้ไป ชาติมหาอ�านาจของ และการยึดครองแคว้นอัลซัค-ลอแรน ใน อย่างฝรั่งเศสจะยังคงเป็นมิตรต่อกันอยู่ เช่น
ยุโรป (อังกฤษ ออสเตรีย รัสเซียและปรัสเซีย) ก็ สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย (Franco-Prussian เดียวกับรัสเซียซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในทวีป
ตกลงที่จะรักษาสันติภาพเอาไว้ ทว่าสัมพันธ- War) เยอรมนีถือตนเป็นชาติมหาอ�านาจ ครอบ เอเชีย ความเป็นปรปักษ์เหล่านี้ยังคงด�าเนินต่อ
ภาพก็ไม่ยั่งยืนและมีแรงกดดันที่ส่งผลต่อความ ครองอาณานิคมต่างๆ และเศรษฐกิจที่เติบโต ไป และความพยายามที่จะท�าลายสัมพันธภาพ
สัมพันธ์ จากการผนวกดินแดนของเยอรมนีและ อย่างรวดเร็ว ก็เป็นสิ่งที่น�าไปสู่การตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ความเสื่อมของจักรวรรดิออตโตมาน สัมพันธภาพกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เครือข่ายประเทศมหาอ�านาจที่เป็นมิตรกัน
ในปี 1879 ท�าให้เกิดกลุ่มใหม่ในยุโรปกลาง กลายเป็นมากกว่าสิ่งรับรองความปลอดภัย
และต่อมาอิตาลีก็เข้าร่วมกลุ่มดังกล่าวใน 3 ปี เท่านั้น ในหลายกรณี เวลานี้ส่วนต่างๆ ไม่เพียง
▼ ภาพพิมพ์ล้อเลียนของฝรั่งเศสแสดงภาพไตรภาคี
ระหว่างเยอรมนี ออสเตรียและอิตาลี ตีพิมพ์ในนิตยสาร ถัดมา เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ไตรพันธมิตร” (Triple แต่พร้อมจะป้องกันตนเอง แต่ยังพร้อมส�าหรับ
Le Petit Journal มิถุนายน 1896 Alliance) นโยบายของออทโท ฟอน บิสมาร์ค การป้องกันประเทศที่ร่วมเป็นพันธมิตรอีกด้วย
(Otto von Bismarck) นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อเกิดเรื่องราวที่เกินกว่าด้านการทูต
ระหว่างปี 1871 - 1890 คือการให้ทุกฝ่ายได้ยิน สถานการณ์นั้นก็ท�าให้ความเป็นศัตรูเพิ่มขึ้น
เสียงของเยอรมนีและสิ่งที่เยอรมนีใส่ใจต้องได้ อย่างรวดเร็ว
รับการยอมรับว่าถูกกฎหมาย ทักษะทางการทูต
ของเขาท�าให้เขาต้องด�าเนินการอย่างมีข้อจ�ากัด ปัญหาในคาบสมุทรบอลข่าน
ทว่าการเติบโตและความทะเยอทะยานของ พื้นที่จักรวรรดิออตโตมานในยุโรปค่อยๆ ลดลง
อ�านาจใหม่นี้ท�าให้ประเทศเพื่อนบ้านรู้สึกไม่ ระหว่างศตวรรษที่ 19 จากการที่โรมาเนีย กรีซ
สบายใจ ฝรั่งเศสและรัสเซียลงนามในสนธิ และเซอร์เบียแยกตัวออกจากการควบคุมของ
สัญญาทางการทหารในปี 1892 และรับรองสนธิ ออตโตมาน ยิ่งกว่านั้นในทศวรรษ 1870
สัญญาดังกล่าวด้วยการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด สถานการณ์ยิ่งอ่อนไหวมากขึ้น เซอร์เบียร์เพิ่ม
มากขึ้นในปี 1894 อังกฤษซึ่งรู้สึกถึงนโยบาย ความเป็นปรปักษ์กับออตโตมาน บัลแกเรียแยก
ของเยอรมนีโดยเฉพาะความทะเยอทะยานใน ตัวเป็นเอกเทศ และออสเตรีย-ฮังการีเข้ายึด
ด้านอาณานิคมและการขยายตัวของกองทัพเรือ ครองบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Herzegovina)
�
ก็เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสเมื่อปี 1904 ประเทศมหาอานาจต่างเข้ามาแทรกแซง
ต้นกาเนิดของสงคราม 11
�
ปกครองของออสเตรียที่เรียกว่ากลุ่มบอสเนีย
หนุ่ม (Young Bosnia) วางแผนการลอบปลง
พระชนม์มาตั้งแต่การเสด็จเยือนของสมเด็จพระ
จักรพรรดิฟรานซ์ โยเซฟ (Emperor Franz
Josef) เมื่อปี 1909 มีการใช้ระเบิดโจมตีเป้า
หมายที่เป็นข้าหลวงฝ่ายทหารในปี 1910 และ
ในเดือนมกราคม 1914 มีแผนการจะปลงพระ
ชนม์อาร์คดยุกฟรานซิส เฟอร์ดินาน ที่กรุงปารีส
ข่าวว่าอาร์คดยุกจะเข้าร่วมการซ้อมรบและ
เสด็จเยือนซาราเยโวในวันที่ 28 มิถุนายน ซึ่ง
เป็นวันชาติเซอร์เบีย ท�าให้กลุ่มผู้วางแผนการ
ท�างานด้วยความตื่นตัว
การท�างานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มแบลค
แฮนด์ (Black Hand organization) ซึ่งเป็น
▲ ภาพถ่ายก่อนหนึ่งชั่วโมงที่อาร์คดยุกฟรานซ์ เฟอร์ ได้ชัดว่าต้องใช้ก�าลังจัดการกับคาบสมุทรบอล องค์กรลับของเซอร์เบีย สมาชิกกลุ่มเซอร์เบีย
ดินานด์ และพระชายาโซฟี จะถูกลอบปลงพระชนม์โดย ข่าน และยอมอ่อนข้อให้กับชาวสลาฟ (Slavs) หนุ่มบางคนที่ได้รับการฝึกฝนในเซอร์เบียมานั้น
กัฟรีโล ปรินซีป ขณะประทับรถยนต์พระที่นั่งไปตามถนน
ในกรุงซาราเยโว ในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี (นโยบายนี้ได้รับ คิดแผนการที่จะเอาชีวิตอาร์คดยุกด้วยวิธีต่างๆ
การสนับสนุนโดยอาร์คดยุกฟรานซิส เฟอร์ดิ กระทั่งท้ายที่สุดเมื่อความพยายามก�าลังจะพบ
�
และกาหนดเขตแดนให้ใหม่ในการประชุมใหญ่ นานด์ ผู้เป็นรัชทายาทของราชบัลลังก์จักรวรรดิ) ทางตัน นักเคลื่อนไหวหนุ่มชาวบอสเนีย กัฟรีโล
แห่งเบอร์ลิน (Congress of Berlin) เมื่อปี 1878 ซึ่งขณะที่รัสเซียถูกเยอรมนีครอบง�าอยู่นั้น ท�าให้ ปรินซีป (Gavrilo Princip) ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อม
แต่สถานการณ์ยังคงตึงเครียดจนกระท่งปี 1908 ออสเตรีย-ฮังการีมีอ�านาจสั่งการได้ รัสเซียต้อง โอกาสที่ดีที่สุดเมื่อรถพระที่นั่งของอาร์คดยุก
ั
เมื่อกลุ่มนักปฏิรูปยึดอ�านาจการปกครองของรัฐ เผชิญหน้ากับการสูญเสียอิทธิพลในภูมิภาคดัง เลี้ยวกลับผ่านเขาเพื่อย้อนคืนสู่ถนนใหญ่
�
บาลออตโตมาน และออสเตรีย-ฮังการีก็ทาให้ กล่าว ส่วนบัลแกเรียก็เข้าข้างฝ่ายออสเตรีย มือสังหารลงมือปลงพระชนม์ดัชเชสโซฟี
ยุโรปต้องตกตะลึงด้วยการช่วงชิงโอกาสผนวก ออตโตมานก็หันไปหาเยอรมนีเพื่อเพิ่มความ (Sophie) มเหสีชาวเช็กของอาร์คดยุก ด้วยการ
ดินแดนบอสเนียในเดือนตุลาคม รัสเซียโกรธเป็น แข็งแกร่งให้กับกองก�าลังที่พ่ายแพ้ มีเพียง ยิงที่พระอุทร ส่วนกระสุนลูกที่ 2 ยิงไปยังอาร์ค
�
ไฟเมื่อเซอร์เบียเรียกระดมพล และคาเตือนของ เซอร์เบียที่ยังคงเข้าข้างฝ่ายรัสเซียแม้ว่าจะ ดยุกถูกเส้นพระโลหิตใหญ่ที่บริเวณพระศอ
ึ
เยอรมนีบีบให้รัสเซียซ่งอ่อนแอจากความวุ่นวาย ไม่มีสนธิสัญญาอย่างเป็นทางการระหว่าง อาร์คดยุกฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ไม่รู้สึกพระองค์
เมื่อปี 1905 ต้องยอมรับสถานการณ์ จักรวรรด ิ มหาอ�านาจทั้งสองก็ตาม ขณะน�าส่งโรงพยาบาล และสิ้นพระชนม์จาก
ิ
ออตโตมานย่งอ่อนแอลงกว่าเดิมจากสงคราม การเสียพระโลหิตไม่นานหลังจากนั้น
กับอิตาลีในปี 1911 และพ่ายแพ้ในสงครามบอล ประกายไฟและถังดินปืน
ข่านครั้งแรก (the First Balkan War) ชัยชนะ ท่ามกลางความตึงเครียดและการเมืองอันซับ
คร้งน้ทาให้เซอร์เบียขยายตัวมากข้น และช่วยก ู้ ซ้อนในเดือนมิถุนายน 1914 อาร์คดยุกฟรานซิส ▼ กัฟรีโล ปรินซีป คนร้ายผู้ลอบปลงพระชนม์อาร์คดยุก
�
ี
ั
ึ
หน้าจากความอับอายเมื่อปี 1908 ได้ เฟอร์ดินานด์ เสด็จเยือนนครซาราเยโว ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์และพระชายา ถูกจับได้หลังลงก่อเหตุ
ออสเตรีย-ฮังการีรับมือกับชะตากรรมที่พลิก (Sarajevo) ศูนย์กลางการบริหารของบอสเนีย ในภาพเขาถูกน�าตัวเข้าไปในกองบัญชาการต�ารวจในกรุง
ผัน ด้วยการเรียกระดมพลตามพรมแดนเซอร์ และเฮอร์เซโกวีนา กลุ่มหัวรุนแรงที่ต่อต้านการ ซาราเยโว
เบียในปี 1912 เพื่อ “ปกป้อง” บอสเนีย และเพิ่ม
ความตึงเครียดมากขึ้นด้วยการประกาศเข้าปก
ครองรัฐดังกล่าวในเดือนพฤษภาคม 1913 ขณะ
ที่รัสเซียตอบโต้ด้วยการเรียกระดมพลบางส่วน
ในโปแลนด์ แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็คลี่คลาย
ลงเมื่อเพิ่มกระบวนการทางการทูตจนออสเตรีย-
ฮังการีใจเย็นลงด้วยการจัดตั้งแอลเบเนียเป็นรัฐ
เอกเทศ เพื่อสกัดกั้นการขยายตัวของเซอร์เบียสู่
ทะเลอะเดรียติก ส่วนเยอรมนีก็สนับสนุนด้วย
การปฏิเสธถอนกองทหารเซิร์บ (Serb) จาก
พรมแดนแอลเบเนีย
ส�าหรับผู้มีอ�านาจในเวียนนาและผู้ให้การ
สนับสนุนในเบอร์ลิน สถานการณ์ดังกล่าวเห็น
12 บทน�ำ
ปฏิกิริยาของโลก
หลายฝ่ายในรัฐบาลออสเตรีย-ฮังการี เห็นว่าการ โดยไม่ใส่ใจใดๆ รัสเซียแสวงหาการแทรกแซง
ลอบปลงพระชนม์ดังกล่าวเป็นโอกาสที่จะจัดการ ทางการทูตของประเทศมหาอ�านาจและแนะน�า
ขั้นเด็ดขาดกับเซอร์เบียซึ่งเป็นรัฐที่เชื่อว่าอาจ เซอร์เบียให้ “ไม่ขัดขืน”
ท�าลายจักรวรรดิผสมผสานด้วยนานาเชื้อชาติแต่
เปราะบางของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ก (Hapsburg) ปฏิกิริยาของรัสเซีย
ในวันหนึ่งข้างหน้าก็เป็นได้ ความขัดแย้งระดับ การเรียกระดมก�าลังทหารเข้าประจ�าการในวันที่
ท้องถิ่นนี้อาจดึงรัสเซียที่ได้รับผลกระทบจากการ 26 กรกฎาคม เป็นการตอบโต้ครั้งแรกของรัสเซีย
ลดอิทธิพลในคาบสมุทรบอลข่านเข้ามาเกี่ยวข้อง การระดมพลบางส่วนเป็นสิ่งที่ชาวรัสเซียไม่คาด
แม้จะมองว่าเป็นความเสี่ยงแต่ก็คาดกันว่าการ คิดมาก่อนแต่ก็ถูกมองว่าเป็นค�าเตือนที่เหมาะสม
สนับสนุนจากเยอรมนีจะทดแทนได้ ดังนั้นการ แก่ออสเตรีย จึงเป็นการตัดสินใจถัดมาแม้จะมี
ตัดสินใจขั้นแรกคือต้องลงโทษเซอร์เบียส�าหรับ เพียงการส่งกองทหาร 13 หน่วยไปยังแนวหน้า
การกระท�าของชาวบอสเนียผู้ทรยศบางราย (ขณะที่มีแผนการจะเรียกระดมก�าลังทหาร 16
สิ่งที่เวียนนาต้องกระท�าเป็นอันดับแรกคือการ หน่วยเพื่อท�าสงครามกับออสเตรีย) ซึ่งมีเฉพาะที่
ยืนยันการสนับสนุนของเยอรมนี และได้รับโดย เมืองเคียฟ (Kiev) โอเดสซา (Odessa) คาซาน
ปราศจากเงื่อนไขจากกรุงเบอร์ลินเมื่อวันที่ 6 ▲ พระเจ้าปีเตอร์แห่งเซอร์เบีย ทรงเผชิญกับสถานการณ์ที่ (Kazan) และมอสโกเท่านั้น (แต่ไม่มีวอร์ซอ ซึ่งมี
กรกฎาคม ต่อมามีการยื่นค�าขาดที่ไม่อาจยอมรับ ไม่อาจยอมรับได้ในเดือนสิงหาคม 1914 พรมแดนติดกับออสเตรีย) รัสเซียส่งโทรเลข
ได้ต่อเซอร์เบียในวันที่ 25 กรกฎาคม ชาวเซิร์บล�้า หมายเลข 1539 ลงวันที่ 28 กรกฎาคม ประกาศ
หน้าไปจนเกือบจะยอมรับเงื่อนไขต่างๆ มีเพียง เริ่มขึ้นในวันรุ่งขึ้น การเรียกระดมพลบางส่วน
การปฏิเสธที่จะให้เจ้าหน้าที่ออสเตรียเข้าร่วมใน เยอรมนีเตือนการกระท�าดังกล่าวว่าการระดม
การไต่สวนคดีลอบปลงพระชนม์อย่างเป็นทางการ วิกฤติการณ์ของเยอรมนี ก�าลังทหารอย่างต่อเนื่องที่อาจน�าไปสู่สงคราม
ค�าตอบของเซอร์เบียที่ส่งถึงมือทูตออสเตรียในวัน ในเยอรมนี รัฐบาลแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ต้องการ ซาร์ผู้กังวลพระทัยมีรับสั่งในพระราชโทรเลขถึง
เดียวกันท�าให้เขาประกาศว่าไม่อาจยอมรับได้และ ฉวยโอกาสและประกาศสงครามกับรัสเซียที่เพิ่ง ไกเซอร์ลงวันที่ 31 กรกฎาคม ว่าถึงแม้จะระดมพล
พร้อมจะออกกรุงเบลเกรด (Belgrad) ชาวเซิร์บ ฟื้นตัว กับกลุ่มที่ยับยั้งผลที่อาจเกิดขึ้น การ เต็มที่ก็ไม่จ�าเป็นต้องเกิดสงคราม แต่บรรดานาย
อพยพออกจากเมืองหลวง มีการเรียกระดม ประกาศสงครามของออสเตรีย-ฮังการีต่อเซอร์เบีย พลในเมืองหลวงรู้ว่านี่คือการแสดงความขุ่นเคือง
ก�าลังทหารและเตรียมพร้อมรับมือสงครามซึ่งจะ ถูกลดความส�าคัญลงด้วยปฏิกิริยาของรัสเซีย ใน เป็นการโจมตีเพื่อสร้างความได้เปรียบเป็นอันดับ
เวลานั้นเห็นได้ชัดว่ารัสเซียอยู่ฝ่ายชาวเซิร์บ ทูต แรกเพื่อข่มขวัญนักการเมือง ต่อมาเมื่อออสเตรีย
รัสเซียในเวียนนาประกาศอย่างเป็นมิตรแต่หนัก กระหน�่าโจมตีกรุงเบลเกรด นายพลรัสเซียทูลซาร์
▼ อาสาสมัครชาวเซอร์เบียรวมตัวกันเพื่อป้องกันการ
รุกรานของออสเตรีย-ฮังการี ในภาพซึ่งถ่ายไว้ราวปี 1914 แน่นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ว่ารัสเซียจะไม่ยอมให้ ให้เรียกระดมพลเต็มรูปแบบ พระองค์ทรงหวั่น
เป็นกลุ่มอาสาสมัครที่เดินทางมายังทบวงสงคราม เพื่อ มีการดูหมิ่นเกียรติศักดิ์ของเซอร์เบีย แต่การยื่น เกรง แต่ต่อมาการประกาศก็แพร่ไปทั่วรัสเซียใน
สมัครเป็นทหารเกณฑ์ ค�าขาดของออสเตรียก็ยืนยันชัดเจนที่จะเดินหน้า วันที่ 31 กรกฎาคม เยอรมนีประกาศสงครามกับ
รัสเซียในวันรุ่งขึ้น
เยอรมนีรู้ว่าจะเกิดศึกสองด้าน แผนการ
ทั้งหมดวางไว้บนพื้นฐานว่าหากเกิดสงคราม
ระหว่างรัสเซียและเยอรมนี จะต้องดึงฝรั่งเศสเข้า
ร่วมด้วย ที่จริงฝรั่งเศสเป็นศัตรูที่น่ากลัวยิ่งกว่า
เพราะฝรั่งเศสอยู่ข้างฝ่ายรัสเซีย และโยเซฟ จอฟร์
(Joseph Joffre) ผู้บัญชาการทหารของฝรั่งเศสก็
เคยเตือนรัสเซียว่าพันธมิตรต้องเรียกระดมพลเต็ม
รูปแบบและยกก�าลังบุกเข้าสู่ปรัสเซียตะวันออก
การที่รัสเซียหวังว่าความเป็นพันธมิตรกันระหว่าง
ฝรั่งเศสกับรัสเซียอาจขู่ให้เยอรมันกลัวได้ซึ่งเป็น
ความคิดที่ผิด เยอรมนีต้องการเอาชนะฝรั่งเศสให้
ได้เสียก่อนที่จะหันมาทางตะวันออก การเร่งระดม
พลของรัสเซียกระตุ้นให้เยอรมันตอบโต้ทันควัน
ปฏิกิริยาของโลก 13
ี
▲ กองทหารคอสแซคเตรียมข่ม้าไปทางตะวันตก ในปี 1914 ในขั้นต้น อังกฤษยังหวังจะใช้การทูตแก้ไข ผลักดันให้เกิดการโน้มน้าวประเทศที่มิได้เป็น
สถานการณ์ดังกล่าว แต่ไม่สามารถหยุดยั้ง พันธมิตรให้เข้าสู่สงครามก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
กล่าวคือเบอร์ลินสั่งให้ฝรั่งเศสรักษาความเป็น เยอรมันหรือผ่อนปรนการกระท�าของออสเตรีย- เช่นกัน จักรวรรดิออตโตมานที่เจ็บปวดจากความ
กลางไว้ แต่ไม่มีการรับรองตอบกลับมา ขณะที่ ฮังการีได้ อังกฤษซึ่งผูกพันกับฝรั่งเศสและรัสเซีย พ่ายแพ้ในปี 1913 และรู้สึกส�านึกต่อความช่วย
การเรียกระดมพลของฝรั่งเศสเริ่มขึ้นในวันที่ 1 มีความกังวลว่าชัยชนะของเยอรมันต่อประเทศทั้ง เหลือทางการทหารและการให้กู้เงินของเยอรมนี
สิงหาคม เยอรมนีก็ประกาศสงครามกับฝรั่งเศส สองจะยืนยันอ�านาจของเยอรมนีในการครอบง�า จึงเข้าเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีในเดือน
ในวันที่ 3 สิงหาคม พร้อมเตรียมการบุก ยุโรป ท�าให้รัฐบาลของเฮอร์เบิร์ต เฮนรี แอสควิธ พฤศจิกายน 1914 อิตาลีที่เป็นพันธมิตรเพียงใน
(Herbert Henry Asquith) เตรียมเข้าสู่สงคราม นามกับฝ่ายมหาอ�านาจกลางนั้น เมื่อแรกเป็น
วิกฤติการณ์ของอังกฤษ ก่อนจะมีการละเมิดพรมแดนเบลเยียม แม้ยังไม่ ประเทศที่เป็นกลางแต่ได้รับการชักชวนจากฝ่าย
เส้นทางการบุกที่เยอรมนีเลือกคือการเคลื่อนทัพ มั่นใจว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะได้รับการ สัมพันธมิตรด้วยค�ามั่นสัญญาเกี่ยวกับดินแดน
ผ่านเบลเยียมซึ่งความเป็นกลางของรัฐได้รับการ สนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งหรือไม่ แต่ ของออสเตรีย-ฮังการี (ซึ่งฝ่ายมหาอ�านาจกลาง
คุ้มครองโดยสนธิสัญญาเมื่อปี 1839 แม้ว่าทั้ง เบลเยียมแก้ปัญหาภายใต้แรงคุกคามด้วยการ เสนอให้เพียงเล็กน้อย) ก็เข้าสู่สงครามในปี 1915
ฝรั่งเศส อังกฤษและเยอรมนีจะตั้งใจละเมิดสิทธิ รวมมติมหาชนเป็นหนึ่งเดียวกับเตรียมความ บัลแกเรียเดินในเส้นทางตรงกันข้ามด้วยการเข้า
ดังกล่าวในเมื่อสงครามเริ่มขึ้น เยอรมนีเป็นชาติ พร้อม ในที่สุดอังกฤษก็ประกาศสงครามกับ ข้างฝ่ายมหาอ�านาจกลางในปี 1915 เพื่อแก้แค้น
แรกที่ลงมือท�าเช่นนั้น และตามการยื่นค�าขาดใน เยอรมนีในวันที่ 4 สิงหาคม เซอร์เบีย
วันที่ 2 สิงหาคม กองทัพเยอรมันก็ข้ามพรมแดน สงครามครั้งนี้จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าเกิดขึ้นจาก
ในเช้าวันที่ 4 สิงหาคม 1914 การเร่งความเร็ว อุบัติเหตุ แต่มีการคาดการณ์ไว้แล้วจากประเทศ
การแข่งกันส่งกองทัพทางรถไฟเริ่มขึ้น และการ ขนาดเล็กไปจนถึงประเทศมหาอ�านาจ ซึ่งแท้จริง
▼ ไปรษณียบัตรรักชาติจากปี 1915 มีข้อความว่า “ร่วมกัน แล้วเป็นรูปแบบที่รุนแรงของการเดิมพันที่จะได้รับ
ต่อต้านคนป่าเถื่อน” เป็นภาพทหารฝรั่งเศสและทหาร ▼ ชาวลอนดอนมอบดอกไม้แก่กองทหารอังกฤษที่เดินทาง การเปิดเผยก็ต่อเมื่อเหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้ว
อังกฤษยืนเคียงข้างกัน ไปในแนวรบด้านตะวันตก ในปี 1916
14 บทน�ำ
มุมมองจากทั่วโลก
การที่ประเทศมหาอ�านาจยุโรปขยายสงครามที่ การเข้าร่วมสงครามของอาณานิคม
เกิดขึ้นในปี 1914 ออกไปนอกพรมแดนทวีปนั้น การขยายขอบเขตของสงครามยังหมายถึง
เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความเคลื่อนไหว อาณานิคมต่างๆ ของชาติยุโรปอาจเข้าร่วมรบ
ระดับนานาชาติและความผูกพันของอาณานิคม ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอ�านาจกลางใช้
ท�าให้ประเทศเหล่านั้นท�าสงครามกับชาติอื่นๆ การโจมตีฝ่ายตรงข้ามเพื่อเปลี่ยนเส้นทางศัตรู
ในแอฟริกา เอเชียและทะเลเปิดได้ จากสมรภูมิอื่นๆ หรือยึดครองดินแดนใหม่ ดัง
นั้น อาณานิคมของเยอรมนีในทวีปแอฟริกาจึง
สงครามนอกยุโรป กลายเป็นแนวหน้า ขณะที่ดินแดนในมหาสมุทร
ตามปกติลักษณะความเคลื่อนไหวเช่นนี้น�าไปสู่ แปซิฟิกในความครอบครองของไกเซอร์ก็ถูก
การที่รัฐเอกราชต่างๆ จะตอบโต้ผู้รุกรานหรือหา บังคับให้ยอมจ�านน
โอกาสสร้างประโยชน์จากสงครามที่ขยายตัวขึ้น ชาติมหาอ�านาจในยุโรปยังใช้ก�าลังพลจาก
อยู่แล้ว สหรัฐฯ ประกาศสงครามกับเยอรมนี อาณานิคมและดินแดนต่างๆ ทหารหลายหน่วย
เพื่อตอบโต้การท�าสงครามไร้ขอบเขตของเรือด�า ตั้งขึ้นจากก�าลังพลแอฟริกาหรือเอเชียที่มาร่วม
น�้า ญี่ปุ่นก้าวร้าวมากกว่าด้วยการเข้าร่วมใน รบในยุโรป ส่วนหน่วยอื่นๆ ถูกส่งไปรบใน
สงครามบนดินแดนเยอรมนีในมหาสมุทร สมรภูมิในแอฟริกาหรือตะวันออกกลาง หรือ
แปซิฟิก ตลอดจนการปิดล้อมและพิชิตเมืองชิง แม้แต่รักษาการณ์ในดินแดนที่เพิ่งพิชิตมาได้
เต่า (Tsingtao) ที่เยอรมนีเช่าอยู่เมื่อปี 1914 ที่ กองทหารจากเซเนกัลเข้าประจ�าการในกองทัพ
จริงญี่ปุ่นน่าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดใน ฝรั่งเศสในแนวรบด้านตะวันตกและใน ▲ บอลลูนสังเกตการณ์เตรียมเคลื่อนขึ้นไปเหนือภูมิภาค
สงคราม จากอัตราการสูญเสียค่อนข้างน้อย คาบสมุทรบอลข่านที่กัลลิโพลี (Gallipoli) และ เมโสโปเตเมีย
ญี่ปุ่นมีที่มั่นอย่างดีในจีน มีตลาดใหม่ๆ และ ในแอฟริกา แม้ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะเคยมีทหาร
จากการปฏิวัติรัสเซียในเวลาต่อมา ญี่ปุ่นปรากฏ แอฟริกันของฝรั่งเศสรบกับทหารปรัสเซียมาแล้ว ▼ ทหารราบอาณานิคมฝรั่งเศส อาจเป็นชาวแอลจีเรีย
อยู่ในไซบีเรียที่อาจยาวนานถึงปี 1923 ในปี 1870 แต่ครั้งนี้มีขอบเขตกว้างขึ้น อีกทั้ง ตรวจสอบยุทโธปกรณ์ที่ยึดมาได้จากกองทหารเยอรมัน
การเกณฑ์ทหารก็ท�าให้เกิดความวุ่นวายใน ระหว่างการรบที่แม่น�้ามาร์นในเดือนกันยายน 1914
ั
มุมมองจากท่วโลก 15
สังคมขึ้นที่แอฟริกาตะวันตก
การจัดหาก�าลังพลมิได้จ�ากัดอยู่ที่อาสา
สมัครเข้าประจ�าในกองทัพเท่านั้น พลเรือนใน
อาณานิคมหลายแห่ง โดยเฉพาะชาวแอฟริกัน
เข้าประจ�าการเป็นพลส่งสาร บ้างก็ถูกเกณฑ์มา
บ้างก็อาสาเข้าร่วมรบ อังกฤษใช้คนงานกว่า 1
ล้านคน ความทุรกันดารและโรคภัยไข้เจ็บท�าให้
ทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บไปหลายราย
การเงิน การค้าและอ�านาจการตัดสินใจ
อาณานิคมและดินแดนในความครอบครองของ
ยุโรปยังให้การสนับสนุนด้านการเงิน เช่น
อินเดียมอบเงินให้อังกฤษ 100 ล้านปอนด์ทันที
ในปี 1918 เป็นต้น และสิ่งของมีตั้งแต่อาหารไป
จนถึงหนังส�าหรับตัดรองเท้าบูท มิใช่ว่าผู้คนใน
แอฟริกาและเอเชียจะไม่ได้รับผลกระทบทาง
เศรษฐกิจจากสงคราม เพราะเศรษฐกิจท้องถิ่น
มักจะผูกพันกับเศรษฐกิจโลกอยู่เสมอ ความ ▲ การรบทางทะเลมีจุดเด่นอยู่ที่การต่อสู้กับเรือด�าน�้า ชาตินิยมที่เริ่มขึ้น กระบวนการเช่นเดียวกันนี้
ยากล�าบากทางเศรษฐกิจที่มาจากการเปิดฉาก เยอรมัน และการรักษาเส้นทางทางทะเลให้เปิดไว้เพื่อการ อาจเห็นได้ในแคนาดาและออสเตรเลียซึ่งการมี
จัดส่งอาหารและเครื่องใช้จ�าเป็นไปยังยุโรป
ท�าสงครามในปี 1914 สัมผัสได้ทันทีในแอฟริกา ส่วนร่วมในสงครามของยุโรปส่งผลในทางต่อ
ตะวันตก ขณะที่อเมริกาใต้ได้รับผลกระทบจาก ต้านการควบคุมจากยุโรป ขณะเดียวกันก็หล่อ
การน�าเข้าที่หยุดชะงักและจ�านวนของแรงงาน อินเดียก็เป็นสาเหตุของการประท้วงหลายต่อ หลอมอัตลักษณ์ความเป็นชาติให้แข็งแกร่งขึ้น
ฝีมือ การขนส่งสินค้าทางทะเลที่ขาดช่วงหมาย หลายครั้งและการปล้นสะดมที่แพร่ไปทั่ว ภาวะ แม้แต่ในแอฟริกาที่สังคมผูกพันอย่างหลวมๆ ก็
ถึงการค้าจริงๆ ถูกลดความส�าคัญลงกว่าความ เช่นนี้บีบบังคับให้รัฐบาลจักรวรรดิต้องอ่อนข้อ มีผลลักษณะเดียวกัน
ต้องการส�าหรับการท�าสงคราม ซึ่งผลก็คือการ ให้หลายอย่าง เช่น การปฏิรูปรัฐธรรมนูญใน ฝรั่งเศสกระตุ้นการจัดหาก�าลังพลจาก
ลดลงของรายได้จากภาษีศุลกากร การ อินเดียเมื่อปี 1919 เป็นต้น ทั้งนี้สงครามส่งผล แอลจีเรียด้วยการให้ความยินยอมทางการเงิน
หมุนเวียนของเงินตราส่งผลต่อราคาสินค้าใน ระดับลึกต่ออินเดียและหล่อเลี้ยงแนวคิด และการเมืองแก่อาณานิคม รวมทั้งให้การ
อินเดียและตะวันออกกลาง ส่วนการขาดแคลน ยกเว้นพิเศษที่ยังคงมีผลเมื่อสิ้นสงคราม การ
ทองค�าและเงินท�าให้อินเดียต้องน�าเข้าเงินจาก ▼ ทหารอินเดียเป็นส่วนหนึ่งของกองก�าลังนอกประเทศของ ถอนก�าลังคนงานและผู้บริหารชาวยุโรปหมาย
ทวีปอเมริกา กระนั้นก็มีเศรษฐกิจบางอย่างที่ได้ อังกฤษในฝรั่งเศสปี 1914 ถึงการมีต�าแหน่งงานว่างส�าหรับประชาชนท้อง
รับผลดีจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวคือ ถิ่น แต่ส�าหรับการผ่อนปรนทางการเมืองนั้นยัง
อุตสาหกรรมสหรัฐฯ เริ่มขยายตัว ขณะที่ญี่ปุ่นก็ ไม่เกิดขึ้นในในแอฟริกา ในดินแดนต่างๆ ของ
มีบทบาทในทางเศรษฐกิจในจีนและอินเดียหรือ ฝรั่งเศสยังจ�ากัดอยู่ส�าหรับอาณานิคมใน
การขายอาวุธให้กับรัสเซีย แอฟริกาเหนือ
ขณะสงครามด�าเนินไป ความยากล�าบาก
ในการค้าขายก็มากขึ้นจากภาระด้านการเงินที่ รัฐเป็นกลาง
พอกพูนของอาณานิคมและเมืองขึ้นต่างๆ นอกจากประเทศคู่สงครามจะมีค�าสั่งต่อดินแดน
ประกอบกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการเลี้ยงดู ที่ตนครอบครองแล้ว สงครามยังส่งผลกระทบ
ทหารหรือคนงาน อินเดียถูกบังคับให้น�าภาษี ต่อประเทศเป็นกลางอีกด้วย เนเธอร์แลนด์
ท้องถิ่นมาใช้ อาหารหลายชนิดขาดแคลน อาทิ ประสบภาวะขาดแคลนอาหารและการอพยพ
เกลือและธัญพืช เป็นเพราะความต้องการส่ง เข้ามาของผู้ลี้ภัย สถานการณ์แพร่ไปทั่วภูมิภาค
ออก การท�าเกษตรกรรมที่ไม่ได้ผลหรือการ สแกนดิเนเวีย ประเทศเป็นกลางต้องประสบกับ
ขาดแคลนช่องทางในการกระจายสินค้าอย่างมี ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือสินค้าของตนเป็น
ประสิทธิภาพ ประชากรที่กระจุกตัวกันอยู่ตาม จ�านวนมาก สงครามที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่
เมืองโดยเฉพาะในอินเดียประสบความทุกข์ยาก ได้และสั่นสะเทือนไปทั้งหมด ผลจากสงครามไม่
จากความขาดแคลนที่เกิดขึ้นและภาวะเงินเฟ้อ เคยปรากฏมาก่อน สงครามยุโรปกระทบไปทั่ว
รุนแรง สภาพความล�าบากทางเศรษฐกิจเช่น โลก นับแต่เขตพื้นที่ของชาวฟลานเดอร์ไปจนถึง
เดียวกันนี้น�าไปสู่การปฏิวัติในรัสเซีย ขณะที่ใน แถบเทือกเขาของอิตาลีหรือที่ราบในโปแลนด์
16 บทน�ำ
ก�าลังพลและการเกณฑ์ทหาร
ตามเขตสงครามขนาดใหญ่ พรมแดนและพื้นที่ ในหน่วยประจ�าถิ่น ส่วนทหารกองหนุนในยาม
ที่มีหลายประเทศเข้าร่วมรบ ก�าลังพลจึงเกือบ สงครามจะถูกเรียกเข้าประจ�าการตามยศ ยิ่ง
จะเป็นสิ่งที่มีความส�าคัญที่สุดที่ต้องพิจารณา กว่านั้นหลายคนถูกเรียกตัวเร็วขึ้น นั่นคือรุ่นที่จะ
ส�าหรับทุกประเทศที่เข้าร่วมสงคราม เข้าประจ�าการปี 1916 จะถูกเรียกเข้าประจ�า
ไม่ว่าในยามสงบหรือยามรบ การเข้าประจ�า กรมกองในปี 1915
การเป็นความจ�าเป็นของผู้ชายชาวยุโรปส่วน เมื่อสงครามขยายตัวมากขึ้นและจ�านวน
ใหญ่ในปี 1914 อังกฤษถือเป็นข้อยกเว้นเพราะ ทหารในการต่อสู้เพิ่มขึ้น รัฐบาลของชาติยุโรป
อาศัยก�าลังจากอาสาสมัครมืออาชีพ แต่แม้ ถูกบังคับให้ต้องลดการผ่อนผันลง ขณะเดียวกัน
กองทัพอังกฤษจะมีคุณภาพแต่ก็ขาดแคลนใน ก็ต้องการแรงงานมากขึ้นในอุตสาหกรรมที่
ด้านปริมาณ (จนท�าให้บิสมาร์กพูดถากถางว่า สนับสนุนการท�าสงคราม ประชากรจึงถูกบีบ
หากบุกเยอรมนีเมื่อใด เขาจะส่งต�ารวจไปไล่จับ บังคับอย่างมากซึ่งมักจะตามมาด้วยผลที่ไม่ดี
ทหารอังกฤษ) และเมื่อมีการสูญเสียเพิ่มขึ้น นัก ตัวอย่างเช่น ออสเตรีย-ฮังการีให้ยอมรับ
อังกฤษก็ถูกบีบให้ต้องเกณฑ์ทหารในที่สุด กรมทหารหมายเลข 104 มีก�าลังพลเป็นโรคติด
เชื้อที่ดวงตารวมอยู่ด้วย ส่วนอังกฤษก็ส่ง
การผ่อนผัน กองพันทหารรอยัลสกอตที่ 2/10 ที่สุขภาพไม่ดี
ผู้คนในกองทัพในปี 1914 ควรเป็นไปตาม ไปยังตอนเหนือของรัสเซียในปี 1918 เพื่อรบกับ
อุดมคติ แต่ในความเป็นจริงมีข้อยกเว้น กลุ่มบอลเชวิก (Bolshevik) ▲ นายทหารกองทัพเยอรมัน 2 นาย ปิดประกาศระดมพล
มากมายจากการที่การเกณฑ์ทหารค่อนข้างจะมี ในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 1914
เป้าหมายอยู่ที่คนบางกลุ่ม การเกณฑ์ทหารในรัสเซีย
ทหารเกณฑ์จะได้รับการแบ่งเป็นรุ่นๆ หรือ ในปี 1912 ระบบของรัสเซียปรับปรุงการเกณฑ์ ทหารกองหนุนฝรั่งเศส
ี
เป็นหมวดหมู่ในแต่ละปี การเข้าประจ�าการยาม ทหารออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งทหารเกณฑ์ในยาม ฝรั่งเศสต่างจากรัสเซียตรงท่เข้าร่วมสงครามด้วย
สงบจะตามมาด้วยข้อผูกพันในการเป็นทหาร สงบอายุ 21 ปีจะเข้าประจ�าการเป็นเวลา 3 ปี การมีข้อผ่อนผันน้อยกว่า และผู้ชายอายุระหว่าง
กองหนุนบางประเภทส�าหรับการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมหน้าที่รับผิดชอบแล้วปลดเป็นกองหนุน 18 - 46 ปี ถึงร้อยละ 80 เข้าประจ�าการใน
ี
และกองก�าลังพลเรือนติดอาวุธประจ�าถิ่น กองทัพเมื่อปี 1915 สิ่งน้ส่งผลกระทบอย่างมาก
(territorial militias) ข้อผูกพันในการเข้าประจ�า ต่อสังคมฝร่งเศส รัฐบาลถูกบังคับให้ต้องหาทาง
ั
▼ แผ่นป้ายสงครามของรัสเซียปลุกเร้าให้พลเรือนซื้อ
พันธบัตรสงคราม ด้วยข้อความว่า “ทั้งหมดเพื่อสงคราม การค่อนข้างหละหลวมจากการผ่อนปรน เช่น เลือกอย่างเช่นการเกณฑ์ทหารอาณานิคมหรือ
ั
ิ
�
ทั้งหมดเพื่อชัยชนะ” การเป็นบุตรชายคนเดียวของครอบครัว การเป็น การนาแรงงานจีนมาเพ่ม ขณะเดียวกันฝร่งเศสก ็
ผู้มีการศึกษา จะได้รับการผ่อนผันให้เข้าประจ�า ยังได้รับผลดีจากการเข้าร่วมของทหารอาสา
การในระยะเวลาสั้น เป็นต้น ขณะที่ชนกลุ่มน้อย สมัครต่างชาติ กล่าวคือมีทหารอิตาเลียน มี
ทางศาสนาและชาติพันธุ์บางกลุ่มก็ได้รับยกเว้น ทหารชาวเปรู ชาวเช็กและชาวโปล
ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร อาณานิคมของฝรั่งเศสจัดส่งผู้คนจ�านวน
การเกณฑ์ทหารในระยะแรกได้กลุ่มคนงาน มากมาเป็นก�าลังพลของกองทัพ มีการน�าการ
ซึ่งจ�าเป็นในโรงงานผลิตอาวุธ เกณฑ์มาแล้วก็ เกณฑ์ทหารไปใช้ในอาณานิคมหลายแห่งเมื่อปี
ต้องปลดออกไปในเวลาต่อมา กองทัพซึ่ง 1912 และขยายไปยังแห่งอื่นๆ ในปี 1914 การ
ขาดแคลนก�าลังพลมีมาตรฐานความเป็นอยู่ต�่า บังคับใช้กฎหมายในแอฟริกาค่อนข้างต�่า ขณะ
ท�าให้ทหารจ�านวนมากล้มป่วย ในปี 1914 การ ที่ผู้มีอ�านาจในท้องถิ่นก็แต่งตัวเลขด้วยการ
สูญเสียก็เพิ่มขึ้นเมื่อรัสเซียผูกพันอนาคตไว้กับ บังคับผู้ป่วยหรือคนหัวดื้อไปเป็นทหาร ทหาร
การเรียกระดมกลุ่มทหารก่อนถึงก�าหนดเกณฑ์ เกณฑ์จ�านวนมากเข้าประจ�าการในกองทัพ
ส่งทหารบาดเจ็บกลับไปยังแนวหน้าและท�าลาย อาณานิคมและได้รับค่าตอบแทนต�่า ไม่สามารถ
ชุมชนในชนบท ซึ่งน�าไปสู่ความแตกแยกและ ก้าวขึ้นเป็นนายทหารได้ ทั้งยังได้รับเบี้ยบ�านาญ
การปฏิวัติในที่สุด สิ่งนี้ดูจะขัดแย้งกับการที่มี น้อยกว่าเมื่อปลดประจ�าการ แต่ก็ได้รับการเลี้ยง
ทหารอาสาสมัครต่างชาติเข้ามาสู่รัสเซีย จัดตั้ง ดูด้วยอาหารคล้ายๆ กัน และผู้มีอ�านาจของ
เป็นกองพลเซิร์บถึง 2 กองพล กองทัพน้อยทหาร ฝรั่งเศสก็พยายามให้หน่วยอาณานิคมในฤดู
อาสาโรมาเนียและกองทหารเช็ก หนาวย้ายไปยังพื้นที่ที่อากาศอบอุ่นกว่า
กาลังพลและการเกณฑ์ทหาร 17
�
สนับสนุนจากทหารอาสาสมัครจ�านวนมากที่เข้า
ร่วมกองทัพในเดือนของสงคราม ซึ่งอาจมี
จ�านวนรวมกันถึง 300,000 นาย ในจ�านวนนี้มี
ทหารบางส่วนที่เดินทางไปไกลในการปฏิบัติ
หน้าที่ เช่น กองทหารม้าดรากูนที่ 26 (26th
Dragoons) มีทหารอาสาสมัคร 2 นาย จาก
เยรูซาเล็มนายหนึ่งและอีกนายหนึ่งมาจาก
อาร์เจนตินา ทั้งนี้ภายในเดือนแรกของสงคราม
เยอรมนีมีทหารพร้อมรบ 2.9 ล้านนาย และในปี
1918 มีประมาณ 7 ล้านนาย อันเป็นผลมาจาก
ความส�าเร็จในการเรียกเข้าประจ�าการภายใต้ข้อ
ผ่อนผันส�าหรับคนอายุน้อยและผู้ขาดคุณสมบัติ
จักรวรรดิต่างๆ
เมื่อสงครามเปิดฉากขึ้น ออสเตรีย-ฮังการีมี
ระบบการจัดหาก�าลังพลค่อนข้างหละหลวม
เศรษฐกิจของจักรวรรดิที่สนับสนุนกองทัพมี
▲ อัศวินนักรบเป็นภาพที่พบได้ทั่วไปในปี 1914 ดังแสดง ▲ เยอรมนีเรียกร้องให้สนับสนุนกองเรือด�าน�้าด้วยข้อความ ขนาดเล็ก และมีประชากรน้อยกว่าร้อยละ 1 เข้า
ในแผ่นป้ายของเยอรมันชิ้นนี้ ว่า “บริจาคเงินเพื่อเรืออู” ประจ�าการในกองทัพเมื่อปี 1914 การท�างานใน
กองทัพไม่ได้รับความนิยมและแม้จะเป็นกองทัพ
นอกจากนี้ยังมีการผ่อนปรนต่างๆ ด้วย เช่นปี จ�านวนถึง 43,000 นาย ยังรักษาการณ์อยู่ใน ของจักรวรรดิ แต่มีความขุ่นเคืองใจอยู่ลึกๆ ใน
1917 ทหารที่มีผลงานดีเป็นพิเศษจะได้รับสิทธิ ลิเบียที่พิชิตได้ไม่นาน กระทั่งเดือนกรกฎาคม บางส่วนอย่างเช่นทหารรักษาดินแดน
การเป็นพลเมืองฝรั่งเศส เป็นต้น อิตาลีมีนายทหาร 31,037 นาย และมีก�าลังพล (Landwehr) จากพื้นที่ของออสเตรียหรือกอง
พร้อมรบ 1,059,042 นาย ทหารฮอนเวด (Honvéd) จากราชอาณาจักร
ทหารอิตาลี ฮังการี ธรรมชาติของจักรวรรดิสะท้อนออกมาใน
ในความเปราะบางซึ่งเพิ่งรวมชาติได้เมื่อปี 1870 ระบบเยอรมนี จ�านวนของนายทหารส่วนใหญ่ที่มีก�าเนิดเป็น
อิตาลีมีประชากรที่แยกเป็นกลุ่มๆ และนักการ เยอรมนีซึ่งทุกฝ่ายมองว่าเป็นรัฐทหาร ต้องต่อสู้ ชาวเยอรมัน (มีนายทหารจีนอยู่ด้วย 2 นาย ใน
เมืองก็เห็นว่าการเกณฑ์ทหารจะท�าให้ประชาชน อย่างหนักกับกฎหมายการเกณฑ์ทหารใน
รู้สึกว่าตนเป็นชาวอิตาเลียนร่วมกัน แต่ในทาง ทศวรรษ 1870 ความแข็งแรงของกองทัพในยาม ▼ ทหารใหม่ในกองทัพออสเตรีย-ฮังการี หมวกที่ประดับ
ตอนเหนือนั้นมีพัฒนาการทางอุตสาหกรรม ดัง สงบมีทหารประจ�าการอยู่ประมาณ 500,000 อย่างฟุ่มเฟือยและมาลัยคอแสดงสถานภาพการเป็นทหาร
นั้นการเกณฑ์จึงมุ่งไปที่แถบชนบททางตอนใต้ นาย แม้กระทั่งเมื่อปี 1914 ซึ่งกลุ่มแนวคิด เกณฑ์ใหม่
อิตาลีเลือกความเป็นกลางในปี 1904 ทว่ามีบาง อนุรักษนิยมไม่เต็มใจที่จะให้ขยายจ�านวนขึ้นอีก
อย่างที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงเข้าร่วมเป็นส่วน เนื่องจากไม่ต้องการให้ชนชั้นนายทหารถูก
หนึ่งของไตรพันธมิตร ปะปน ขณะที่กลุ่มแนวคิดไม่รุนแรงก็รู้สึกว่ายัง
ในแง่การทหาร อิตาลีไม่ได้เตรียมพร้อมเลย ไม่มากพอ การปฏิรูปในปี 1912 ได้ลงมติให้เพิ่ม
และสภาพสังคมที่วุ่นวายซึ่งน�าโดยพรรค จ�านวนทหารในกองทัพเป็น 750,000 นาย แต่มี
สังคมนิยมที่จัดตั้งการต่อต้านสงครามแห่งชาติ เพียงร้อยละ 53 ของจ�านวนดังกล่าวเท่านั้นที่มี
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1915 ชนชั้นปกครองใน คุณสมบัติเหมาะสมส�าหรับเข้าประจ�าการจริงๆ
พื้นที่ดังกล่าวรู้สึกวิตกเมื่อประเทศประกาศ ทหารเกณฑ์เยอรมันเข้าประจ�าการใน
สงครามในเดือนมีนาคม 1915 ก็เป็นการ กองทัพเมื่ออายุ 20 ปี และมีแนวโน้มต้องปฏิบัติ
ประกาศกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเท่านั้น หน้าที่อยู่กระทั่งอายุ 45 ปี ระบบดังกล่าวมี
แม้แต่ความไม่ชัดเจนของเป้าหมายในการท�า ความยืดหยุ่นและค่อนข้างเป็นธรรม กล่าวคือ
สงครามก็แสดงออกมา นั่นคือชาวอิตาเลียนไม่ คนที่มีอายุน้อยมากและผู้สูงอายุจะแยกไว้เป็น
ตอบสนองต่อการเรียกเข้าประจ�าการในสัดส่วน ทหารกองหนุน เมื่อเปรียบเทียบกับระบบของ
สูง บางคนไม่มาตามหมายเรียก บางคนท�างาน รัสเซียแล้วระบบของเยอรมนีมีข้อผ่อนผัน
ในต่างประเทศ ในวันที่ประกาศสงคราม อิตาลีมี มากกว่า และเยอรมนีเองก็มีการเรียกระดมพล
เหล่าทหารอยู่ 14 เหล่า และก�าลังทหารส่วน น้อยกว่ารัสเซีย อีกทั้งยังมีสัดส่วนของประชากร
ใหญ่ก็ประจ�าการอยู่ในยุโรป ขณะที่ทหาร มากกว่าอีกด้วย ทหารเกณฑ์ยังได้รับการ
18 บทน�ำ
ปี 1914) แม้กระทั่งในหน่วยทหารที่ไม่ใช่ชาว ได้ถึง 800,000 นาย ซึ่งถือเป็นจ�านวนเล็กน้อย
เยอรมัน ก็ยังคัดเลือกพลทหารมาจากหมู่คนที่มี เมื่อเทียบกับสมรภูมิกัลลิโพลีเพียงแห่งเดียวที่มี
ความหลากหลายทางเชื้อชาติ การสูญเสีย 300,000 นาย แม้กระทั่งในเดือน
จักรวรรดิออตโตมานเป็นชาติมหาอ�านาจที่ มีนาคม 1918 ออตโตมานมีทหารพร้อมรบอยู่
มีความท้าทายมากที่สุด ประชากร 23 ล้านคน ประมาณ 200,000 นายเท่านั้น สถานการณ์
ไม่ได้เข้าประจ�าการในกองทหารต่างๆ มากเท่า กลับแย่ลงอีกเมื่อมีการหนีทหารเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ประชากรในชาติมหาอ�านาจยุโรป การฉ้อ ทหารประจ�าการในกองทัพออตโตมานจึง
ราษฎร์บังหลวงในท้องถิ่น ความเฉื่อยชาและ ต้องใช้การเกณฑ์ชาวเคิร์ด (Kurds) มาตั้งเป็น
การขาดแคลนทรัพยากรท�าให้การเรียกระดม หน่วยต�ารวจภูธร (ทหารผสมพลเรือน) หรือชอง
ก�าลังกลายเป็นปฏิบัติการที่ซับซ้อนไม่โปร่งใส ดาร์ม ขณะที่บางส่วนก็หลบเลี่ยงการเข้าประจ�า
ยิ่งกว่านั้น กองทัพต้องรับมือกับศึก 4-5 ด้าน การด้วยการให้สินบน กระนั้นก็ยังมีชนกลุ่มน้อย
พร้อมๆ กัน สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งแย่ลงจาก ชาวยิวและชาวคริสต์ที่ปฏิบัติหน้าที่ให้กับผู้
การสูญเสียพื้นที่ที่มั่งคั่งในทวีปยุโรปของ ปกครองชาวออตโตมาน ด้วยการรบเคียงบ่า
จักรวรรดิในปี 1912 - 1913 เคียงไหล่กับทหารส่วนใหญ่ซึ่งเป็นทหารชาวนา
รัฐบาลที่มีแนวคิดปฏิรูปซึ่งก้าวขึ้นสู่อ�านาจ ไม่รู้หนังสือจากพื้นที่ตอนกลางของประเทศทาง
ในปี 1908 ที่รู้จักกันในชื่อเติร์กหนุ่ม (Young ตะวันออกของคาบสมุทรอนาโตเลีย
Turks) แม้จะไม่เคร่งครัดแต่ก็พยายามปฏิรูป
ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ตัวอย่างเช่นในปี 1909 ทหารอาสาสมัครของอังกฤษ
รัฐบาลปลดนายพลอาวุโสจ�านวนมากออก อังกฤษถือเป็นข้อยกเว้นส�าหรับกฎของชาติ ▲ แผ่นป้ายกองทัพอังกฤษดึงดูดใจทหารเกณฑ์ด้วยการ
พร้อมสนับสนุนนายทหารหนุ่มขึ้นมาด�ารง มหาอ�านาจ รัฐมนตรีตระหนักถึงความต้องการ แสดงภาพวิทยาการใหม่ๆ
ต�าแหน่งแทน นอกจากนี้ยังยืนยันว่าการเกณฑ์ การรบระดับโลกสมัยใหม่ ซึ่งจ�าเป็นต้องมีก�าลัง
ทหารภาคบังคับโดยไม่ค�านึงถึงเรื่องศาสนาต้อง พล แต่ที่ผ่านมาก็อาศัยระบบการเกณฑ์ทหาร คือมีอาสาสมัครเข้าร่วม 175,000 นาย เฉพาะ
น�ามาปฏิบัติให้ได้ กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ อาสาสมัคร อังกฤษมีทหารประจ�าการที่มีทหาร ในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน 1914 อาสา
การเกณฑ์ทหารส�าหรับคนส่วนใหญ่ที่เป็นชาว กองหนุนคอยช่วยเหลือจ�านวนไม่มากนัก และ สมัครเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางเช่นเดียว
มุสลิมก็เข้มงวดด้วย ในครั้งแรกประชากรในกรุง กองทหารท้องถิ่นนอกประจ�าการที่ไม่มีข้อผูกมัด กับในกองทัพเยอรมนี พระราชบัญญัติการเข้า
คอนสแตนติโนเปิลมีหน้าที่ต้องเข้าเป็นทหาร ใดๆ ส�าหรับการประจ�าการในต่างแดน คาดกัน ประจ�าการทหารที่ออกมาในเดือนมกราคม
ประจ�าการ แม้จะมีรายงานบางชิ้นระบุว่ามี ว่ากองทหารประจ�าการของอังกฤษจะเพิ่ม 1916 ก�าหนดให้เกณฑ์ชายโสดและพ่อม่ายที่
ประชากรเพียงร้อยละ 75 ของผู้ที่ต้องรับการ จ�านวนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยทหารอาสาสมัคร ไม่มีบุตรในอังกฤษ สกอตแลนด์และเวลส์ อายุ
เกณฑ์ทหารเข้าประจ�าการในกองทัพจริงๆ ระหว่าง 18 - 41 ปี เข้าเป็นทหาร ต่อมาก็ขยาย
ก็ตาม การเรียกระดมพลในยามสงครามท�าให้ ▼ ทหารเกณฑ์มารวมกันอันเป็นผลตอบรับจากการรณรงค์ ไปสู่การเกณฑ์ชายที่แต่งงานแล้วในเดือน
จักรวรรดิออตโตมานจัดส่งทหารเข้าสู่สนามรบ ระดมพลของลอร์ดเดอร์บี ในย่านเซาท์วาร์ก กรุงลอนดอน พฤษภาคม 1916 กระทั่งปี 1918 อังกฤษมี
ทหารพร้อมรบอยู่เพียง 5 ล้านคน โดยที่ครึ่งหนึ่ง
ของจ�านวนดังกล่าวเป็นทหารอาสาสมัคร อีก
ครึ่งหนึ่งเป็นทหารเกณฑ์
กองทัพของเกาะอังกฤษได้รับการเสริมด้วย
ก�าลังพลจากจักรวรรดิโพ้นทะเล ทหารประมาณ
2.8 ล้านนายมาจากจักรวรรดิที่เข้าร่วมรบ ครึ่ง
หนึ่งมาจากอินเดีย ออสเตรเลียส่งก�าลังพล
416,000 นายเข้าร่วมเป็นกองก�าลังจักรวรรดิ
ออสเตรเลีย แต่ปฏิเสธการเกณฑ์ทหาร
นิวซีแลนด์น�าการเกณฑ์ทหารไปใช้ในฤดูร้อนปี
1916 (ยกเว้นชาวเมารี) แต่แอฟริกาใต้เสนอส่ง
ทหารอาสาสมัครเข้าร่วม การเกณฑ์ทหารใน
แคนาดาเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 1917 และ
ต้องเผชิญกับความไม่พอใจเป็นวงกว้าง กระนั้น
ก็ตามทหารแคนาดามากกว่า 365,000 นาย
ประจ�าการอยู่ในฐานะทหารอาสาสมัคร ส่วน
กรมทหารอินเดียก็จัดหาก�าลังพลส่วนใหญ่มาก
กาลังพลและการเกณฑ์ทหาร 19
�
และ 2.8 ล้านคนที่ถูกเกณฑ์มาจริงๆ ขณะที่ยัง
คงมีหน่วยที่เป็นทหารอาสาสมัครล้วนๆ อาทิ
หน่วยนาวิกโยธิน ทั้งนี้ประธานาธิบดีวูดโรว์
วิลสัน (Woodrow Wilson) แห่งสหรัฐฯ ก็ขยาย
รูปแบบการเกณฑ์ทหารให้เป็นประชาธิปไตย
มากยิ่งขึ้น ทหารเกณฑ์ (draft) ส่วนใหญ่เป็น
ชายที่มาจากกลุ่มชาติพันธุ์และคนที่เพิ่งอพยพ
เข้ามาในประเทศ
ขณะเดียวกันก็มีข้อถกเถียงอยู่ว่าคณะ
กรรมการทหารเกณฑ์ควรยอมรับทหารอาสา
สมัครที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันหรือไม่
เพราะชาวอเมริกันผิวขาวควรได้อยู่ที่มาตุภูมิ
แต่ไม่ว่าจะมาจากกรณีนี้หรือไม่ ผู้น�ากองทัพ
เสนอให้เน้นการเกณฑ์คนผิวด�าเข้าสู่กรมทหาร
ช่างโยธาหรือเข้าสู่หน่วยทหารผิวด�าโดยเฉพาะ
เช่น กรมทหารที่ 369 การแบ่งแยกสีผิวถูกน�ามา
ใช้อย่างเข้มงวดท�าให้สหรัฐฯ ให้ฝรั่งเศสยืมกอง
▲ แผ่นป้ายอเมริกันปลุกเร้าทหารเกณฑ์ให้จดจ�าการจม ทหารคนผิวด�า และส่วนใหญ่ได้รับการติดอาวุธ ▲ ลุงแซมเรียกร้องว่า “อย่ารอให้ถูกเกณฑ์” บนแผ่นป้าย
ของเรือลูซิตาเนีย และเลี้ยงดูโดยพันธมิตรของอเมริกา ในทาง เกณฑ์ทหารอเมริกัน
กลับกัน ชาวอเมริกันพื้นเมืองได้รับการปฏิบัติ
จากรัฐปัญจาบและเนปาล อีกทั้งยังรวมกันเป็น เช่นเดียวกับชาวอเมริกัน เพียงแต่ทหารจ�านวน ปี 1918 มีคนร่างกายแข็งแรงและมีความ
หน่วยจากกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันอีกด้วย มากยังไม่ได้เป็นพลเมืองสหรัฐฯ (ซึ่งเป็นเช่นนี้ กระตือรือร้นได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนที่
อยู่จนกระทั่งปี 1924 เมื่อมีการมอบสิทธิความ ร่างกายไม่พร้อมและฝืนใจ สถานการณ์เช่นนี้
รัฐขนาดเล็ก เป็นพลเมืองให้แก่ชาวอเมริกันอินเดียนทุกคน) สะท้อนออกมาทั้งในโรงงานและในสนามรบ ซึ่ง
รัฐขนาดเล็กในยุโรปส่วนใหญ่ใช้รูปแบบ ในอเมริกาและประเทศอื่นๆ ที่เข้าร่วม ทุกแห่งล้วนต้องการก�าลังคนที่ดูเหมือนว่าไปรบ
มาตรฐาน บัลแกเรียที่เรียกระดมพลมากที่สุด สงคราม ความต้องการก�าลังพลเกิดขึ้นตลอด กันหมดแล้วทั้งประเทศ
เมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากรนั้นใช้ระบบรัสเซีย เวลาในกองทัพต่างๆ เมื่อปี 1914 และยิ่งมาก
ผู้ชายทุกคนยกเว้นผู้ถูกระงับสิทธิ์มีหน้าที่ต้อง ขึ้นจนถึงปี 1918 ที่เปิดรับทหารอาสาสมัครทุก
เป็นทหาร ส่วนคนที่ไม่มีคุณสมบัติจะต้องจ่าย เหล่าโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังจากทุกส่วนใน ▼ แคนาดาเป็นเป้าหมายการเกณฑ์ทหารของอังกฤษ แต่ก็
เงินเป็นการยกเว้น ขณะที่คนที่ไม่ใช่ชาวคริสต์ สังคม การเกณฑ์ทหารซึ่งเป็นเครื่องมือของ มีคนจ�านวนมากอาสาไปรบ ดังในภาพเป็นฝูงชนมหาศาล
ต้องจ่ายภาษีเป็นเงิน 500 ฟรังก์ เพื่อไม่ต้อง ประชาธิปไตยและเผด็จการพอๆ กันนั้นท�าให้ใน ด้านนอกศาลาว่าการนครโตรอนโต
เกณฑ์ทหาร การจัดหาก�าลังพลปกติจะท�า
พร้อมกันในเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าในยาม
สงครามการเกณฑ์ทหารจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ตามวันเกิดครบปีที่ 18 ของผู้ชาย การเข้า
ประจ�าการเป็นทหารเหล่าใดเหล่าหนึ่งยังคง
ด�าเนินต่อไปจนกว่าชายผู้นั้นจะอายุได้ 46 ปี
นโยบายของอเมริกา
สหรัฐฯ มีความแตกต่างออกไป กล่าวคือกองทัพ
ในยามสงบมีก�าลังพลเพียง 100,000 นายในต้น
ปี 1917 และน่าสังเกตว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่
ได้เตรียมตัวเข้าสู่สงครามนอกประเทศ ในเดือน
พฤษภาคม 1917 กฎหมายการลงทะเบียน
ทหาร (Selective Service Act) ซึ่งเป็นรูปแบบ
หนึ่งของการเกณฑ์ทหารส�าหรับบุคคลผู้มีอายุ
ระหว่าง 21 - 30 ปี เข้าประจ�าการในกองทัพ มี
ผู้ชายประมาณ 24 ล้านคนเข้ามาลงทะเบียน
20 บทน�ำ
อาวุธและวิทยาการใหม่
แบบ 5 นัด ความได้เปรียบนี้ท�าให้ชาวอังกฤษ
น�ามาพัฒนาปืนลี-เอนฟิลด์แบบสั้น (SMLE) ใน
ปี 1902 ซึ่งปืนชนิดนี้เป็นปืนเล็กยาวใช้ซอง
กระสุนในการป้อนกระสุนเข้าสู่ระบบขัดกลอน
แบบหมุนด้วยมือ กระสุนแต่ละซองมี 10 นัด
แบ่งเป็น 2 แหนบ แต่ละแหนบมี 5 นัด ปืนชนิด
นี้สามารถยิงได้เร็วแต่ต้องใช้ทหารมืออาชีพที่ได้
รับการฝึกมาอย่างดีเท่านั้น ทหารเกณฑ์ส่วน
ใหญ่ยิงได้ประมาณนาทีละ 10 นัด
การเกิดขึ้นของปืนกึ่งอัตโนมัติที่น�้าหนักเบา
กว่าในช่วงท้ายสงคราม ท�าให้แม้แต่กองทหารที่
ได้รับการฝึกแบบรวบรัดก็ยิงในอัตรายิงเร็วต่อ
เนื่องได้ กับการน�าปืนกลเบามาใช้ในปี 1915
การพัฒนาอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 และ ▲ หนึ่งในปืนใหญ่รถไฟของเยอรมนีซึ่งติดตั้ง ขนส่งและยิง ปืนกลและระเบิดมือ
การเกิดขึ้นของวิทยาการใหม่ๆ ท�าให้เกิดผล จากตู้รถไฟที่ได้รับการออกแบบพิเศษ ปืนกลหนักได้รับการพัฒนาขึ้นในทศวรรษ 1850
กระทบอันยาวนานในสมรภูมิ วิทยาการใหม่ที่ และการปรากฏขึ้นของปืนแกตลิง (Gatling
ผลิตขึ้นในปริมาณมากเปลี่ยนโฉมหน้าการท�า gun) เมื่อปี 1862 ท�าให้เกิดรูปแบบใหม่ของการ
สงครามไปตลอดกาล อาวุธทหารราบ สู้รบ แม้ปืนชนิดนี้ต้องใช้มือหมุนข้อเหวี่ยง แต่
ปืนเล็กยาวบรรจุกระสุนทางท้ายปรากฏขึ้นมา เป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันทางวิทยาการ ที่ใน
ปืนใหญ่หนัก ในทศวรรษ 1840 ซึ่งช่วยให้ทหารราบบรรจุ เวลาต่อมาน�าไปสู่การผลิตปืนกลแม็กซิม
การเสียชีวิตราวร้อยละ 67 ในสงครามโลกครั้งที่ กระสุนได้รวดเร็วแม้ขณะอยู่ในท่านอนยิง จากนี้ (Maxim mahcine gun) ในปี 1884 ต่อมาในปี
1 เป็นผลจากปืนใหญ่ สามารถใช้ควบคุม ปืนเล็กยาวแบบใช้ซองกระสุนก็พัฒนาขึ้น และ 1901 ชาวเยอรมันรีบรับอาวุธที่สร้างขึ้นจากปืน
สนามรบ ปรับสภาพพื้นที่และสร้างผลกระทบ ในช่วงเวลาของสงครามโบเออร์ (Boer War) แม็กซิมแล้วพัฒนาต่อในปี 1908 คือปืนมาชีเนน
อันยาวนาน (และน่าสยดสยอง) แก่ทหารราบ กองทัพส่วนใหญ่ก็มีปืนเล็กยาวแบบยิงเร็วที่มี เกเวร์ 08 (Maschinengewehr 08) ชาวอังกฤษ
ทุกนายที่เข้าร่วมรบ ประสิทธิภาพไว้ในครอบครอง ชาวโบเออร์ ซึ่งรับแนวคิดดังกล่าวในภายหลังก็พัฒนาปืน
เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 19 กองทัพต่างๆ ล้วน ใช้ปืนเมาเซอร์ (Mauser) ของเยอรมนี และชาว วิคเกอร์ มาร์ก I (Vickers Mark I) ขึ้นในปี 1912
ปรับปรุงปืนใหญ่ของตน ความเปลี่ยนแปลงครั้ง อังกฤษใช้ปืนลี-เอนฟิลด์ (Lee-Enfield) ปืน ฝรั่งเศสมีปืนฮอตช์คิส (Hotchkiss) ที่ยิงได้นาที
ส�าคัญเกิดขึ้นเมื่อปี 1896 เมื่อฝรั่งเศสผลิตปืน เมาเซอร์สามารถบรรจุด้วยซอง (แหนบ) กระสุน ละ 600 นัด หรือยิงเร็วต่อเนื่องได้นาทีละ 450
ใหญ่สนามขนาด 75 มม. ขึ้นมา ปืนชนิดนี้ใช้ นัด ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบอย่างมากต่อการท�า
ระบบไฮดรอลิกที่คล่องตัวพร้อมระบบดูดซับแรง ▼ กองทหารฝรั่งเศสในปี 1915 สวมหน้ากากกันแก๊สพิษ สงคราม
สะท้อน บรรจุกระสุนรวดเร็วและยิงกระสุนดาว รุ่นแรกๆ สงครามสนามเพลาะ (trench warfare)
กระจายได้ประมาณนาทีละ 20 ลูก เยอรมนี ต้องการอาวุธที่เคยสงวนไว้ส�าหรับการท�า
ผลิตอาวุธน�้าหนักมากเป็นพิเศษอย่างปืนใหญ่ สงครามปิดล้อม อย่างแรกที่สุดคือระเบิดมือ
วิถีโค้งเฮาวิทเซอร์ (Howitzer) ขนาด 420 มม. (grenade) ซึ่งเคยใช้ในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นมา
ที่มีระยะการยิง 6 ไมล์ ซึ่งมีประโยชน์เมื่อการรบ แล้ว และในปี 1913 กองทัพเยอรมันก็รับเอา
เริ่มหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับเครื่องยิงลูกระเบิด ระเบิดลูกกลมหรือระเบิดน้อยหน่า (Kugel-
(Mortar) ขนาด 305 มม. ที่มีประโยชน์ใน handgranate) มาใช้ ขณะที่ระเบิดมือแบบมี
สงครามสนามเพลาะ ด้ามจับ (Stick grenades ) ก็ได้รับการพัฒนา
ความหนาแน่นของการใช้ปืนใหญ่เพิ่มมาก ในปี 1917 ให้เป็นระเบิดพกพาขนาดเล็กกว่าคือ
ขึ้นในช่วงสงคราม การระดมยิงก่อนการบุกเมือง ระเบิดมือรูป “ไข่” พลขว้างลูกระเบิดและเครื่อง
ซอมม์ (Somme) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 1916 ยิงลูกระเบิดสนามเพลาะได้รับการบรรจุเข้าไว้
พบว่าอังกฤษใช้ปืน 1,431 กระบอก ระดมยิง ในประเภทการยิงเข้าไปในสนามเพลาะของฝ่าย
กระสุน 1.7 ล้านนัดในเวลา 7 วัน ตรงข้าม
อาวุธและวิทยาการใหม่ 21
แก๊ส
ต�ารวจฝรั่งเศสมีแก๊สน�้าตาชนิดขว้าง ทว่าชาว
เยอรมันเป็นพวกแรกที่ใช้ “แก๊สที่ท�าให้หายใจไม่
ออกหรือแก๊สที่เป็นอันตราย” ในสงคราม (ฝ่าย
สัมพันธมิตรที่เดือดดาลก็ใช้ตามมาในเวลา
รวดเร็ว) กระสุนที่บรรจุไอพิษ (gas shells) ใช้
ยิงต่อสู้กับทหารรัสเซียในช่วงต้นปี 1915 แต่ได้
ผลเพียงเล็กน้อย ชาวเยอรมันจึงปล่อยแก๊สพิษ
จ�านวน 5,700 กระบอก ใกล้เมืองอีเปอร์
(Ypres) เมื่อวันที่ 22 เมษายน 1915 ซึ่งแม้จะ
ท�าให้เกิดการแตกตื่น แต่ชาวเยอรมันก็ไม่อาจใช้
ความได้เปรียบจากความสันสนวุ่นวายบุกเข้าไป
ในแนวข้าศึกได้ ทว่านับจากนั้นเป็นต้นมา แก๊ส
และสิ่งที่ใช้ป้องกันแก๊สก็กลายเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่
ประจ�าในแทบทุกแนวรบ ทั้งนี้มีสารอยู่ประมาณ
30 ชนิดที่เลือกแล้วว่ามีประสิทธิภาพที่สุด
ตั้งแต่แก๊สน�้าตาไปจนถึงแก๊สที่ท�าให้หายใจไม่
ออก (ฟอสจีน - phosgene และ คลอรีน - chlo- ▲ บอลลูนสังเกตการณ์ของเยอรมันในโปแลนด์ มีความต้องการเหล่าทหารเฉพาะส�าหรับขับขี่
rine) ไปจนถึงแก๊สมัสตาร์ดที่น่าขนลุกซึ่งใช้เมื่อ และซ่อมบ�ารุงยานพาหนะเหล่านี้
ปี 1917 ต่อมาเมื่อสงครามสิ้นสุดลง ยังมีการใช้ เปลี่ยนแปลงส�าคัญในวิธีการเคลื่อนที่ของกอง
แก๊สในการต่อสู้กับบอลเชวิกในรัสเซียและต่อ ทหารและการขนส่ง แต่ยานพาหนะที่แล่นบน การบิน
์
ต้านชนเผ่าที่ก่อการจลาจลในอียิปต์และอิรัก ถนนกลับมีบทบาทส�าคัญมากขึ้นในการส่ง เครื่องยนตเบนซินท�าให้สามารถสร้างเครื่องยนต ์
ก�าลังและการลากจูงปืนใหญ่ เพื่อเสริมอ�านาจ ที่ขับเคลื่อนขึ้นสู่อากาศได้ เคยมีการใช้บอลลูน
การขนส่งทางบก การยิงเมื่อมีการผลิตรถหุ้มเกราะและรถถังใน ในทศวรรษ 1790 เพื่อจุดประสงค์ด้านการ
ในปี 1897 การซื้อรถบรรทุกเดมเลอร์ (Daimler) เวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ส�าหรับ สังเกตการณ์ และมีการน�ามาใช้อย่างมากใน
ของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ท�าให้เกิดการ ก�าลังพล ทั้งในแง่การเป็นพาหนะส�าหรับทหาร บทบาทนี้ระหว่างปี 1914 - 1918 เรือเหาะเริ่ม
เปลี่ยนแปลงส�าคัญอย่างเงียบๆ ในการเคลื่อนที่ และจักรยานยนต์พ่วงข้างล�าเลียง ปรากฏขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1890 โดยที่เรือ
ของทหาร แม้ว่ารถไฟจะท�าให้เกิดการ บัลแกเรียมีกองพาหนะทางทหาร 150 คัน เหาะเซพเพลิน (Zeppelin) ขึ้นบินครั้งแรกเมื่อปี
ในปี 1913 ขณะที่ทั้งจักรวรรดิออตโตมานมียาน 1900
▼ รถแท็กซี่ที่เมืองมาร์น ด้านนอกโรงเรียนทหารอีโคลมิลิ ยนต์น้อยกว่า 300 คัน ส่วนมากในปี 1914 มัก อากาศยานประเภทอื่นๆ ก้าวล�้าเกินยักษ์
แตร์ (Ecole Militaire) ทั้งนี้ในปี 1914 ผู้มีอ�านาจของ เกณฑ์พลเรือนมาเป็นพลขับรถบรรทุก เช่น ใหญ่แห่งเวหานี้อย่างรวดเร็วทั้งในแง่ความเร็ว
ฝรั่งเศสส่งรถรับจ้างราว 600 คัน เพื่อจัดส่งทหารราบกอง
หนุน 6,000 นาย ไปยังแนวหน้าก่อนการรบที่แม่น�้ามาร์น รถยนต์รับจ้างของปารีสน�ากองทหารไปยังเมือง และความคล่องตัว แต่ก็ยังไม่สามารถลอยอยู่
ครั้งแรกจะเริ่มขึ้น มาร์น (Marne) ของเยอรมนี แต่ต่อมาก็ค่อยๆ บนท้องฟ้าได้นาน วันที่ 25 กรกฎาคม 1909
นักบินฝรั่งเศสชื่อว่า หลุยส์ เบลอริโอต์ (Louis
Blériot) ประสบความส�าเร็จในการบินข้าม
ช่องแคบอังกฤษเป็นครั้งแรก ในอีก 2 ปีถัดมา
ชาวอิตาเลียนก็ทิ้งระเบิดเหนือกองทหารออตโต
มานในลิเบีย และการโจมตีทางอากาศก็ปรากฏข้น
ึ
ในสงครามบอลข่าน ชาวเยอรมันเฝ้ามองด้วย
ความสนใจและใช้ทักษะที่พัฒนาขึ้นมาในการ
สร้างเครื่องยนต์เรือเหาะน�าไปสู่การสร้างเครื่อง
บิน (Aeroplane) อังกฤษยังลังเลอยู่แต่ก็มีการ
ก่อตั้งกองพันทหารอากาศขึ้นเมื่อปี 1911
เมื่อสงครามเริ่มขึ้น เครื่องบินขนาดเบาที่ใช้
ในภารกิจลาดตระเวนก็พัฒนาไปสู่เครื่องบิน
สังเกตการณ์หรือเครื่องบินขับไล่ ส่วนเครื่องบิน
ที่มีน�้าหนักมากกว่าซึ่งมีระยะการปฏิบัติภารกิจ
ทิ้งระเบิดได้นานกว่าก็ปรากฏตามมา
22 บทน�ำ
เครื่องแบบ
สงครามโลกครั้งที่ 1 ยังคงถูกมองว่าเป็นจุด แดงจ้าและสีน�้าเงินไว้ด้วยเสื้อคลุมตัวหนาหรือ
ก�าเนิดของสมัยใหม่เมื่อพิจารณาในแง่เครื่อง เสื้อคลุมเกรทโค้ท (greatcoat) สีเทาหรือสี
แบบ ที่จริงแล้วกองทัพส่วนใหญ่เปลี่ยนไปใช้ น�้าตาล เพื่อป้องกันมิให้เครื่องแบบที่ตัดเย็บจาก
เครื่องแบบที่เราอาจเรียกว่าคล้ายกับเครื่องแบบ ผ้าและย้อมสีธรรมชาติไม่ซีดในเวลารวดเร็ว
ทหารในปัจจุบันแล้วตั้งแต่ก่อนปี 1914 ด้วยซ�้า กองทหารในสงครามกลางเมืองอเมริกา
ส่วนประเทศที่ยังปรับเปลี่ยนช้า (ฝรั่งเศส (American Civil War ปี 1861-1865) มีความ
เบลเยียมและออสเตรีย-ฮังการี) ก็พบวิธีการที่ จ�ากัดมากกว่า ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนในการ
จะตามให้ทันในปลายปี 1914 จัดหาของกองทัพใหญ่ๆ ที่เพิ่มขึ้นเร็วมาก แต่
ทหารในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย (Fran-
ข้อจ�ากัดของสี co-Prussian War, ปี 1870-1871) ก็กลับมา
ย้อนกลับไปในสงคราม 7 ปี (Seven Year War, สวมเครื่องแบบสีสดใสอีกครั้ง ซึ่งท�าให้เกิดสู่การ ▲ เครื่องแบบทั้งหมดของทหารอังกฤษไม่ได้มีสีกากีเพียงสี
ปี 1756-1763) ทหารราบเบาเยอรมันหรือทหาร เสียชีวิตจ�านวนมากในทันที กล่าวคือเดือน เดียว ในภาพแสดงเครื่องแบบในอินเดียในช่วงที่สงครามเริ่ม
เยเกอร์ (jägers) แสดงตนด้วยเครื่องแบบสีเขียว สิงหาคม 1870 ในการรบที่กราเวอโลต์ ต้นขึ้น
เข้มกับยุทธภัณฑ์หนังสีด�า กองทหารยุโรปที่ (Gravelotte) อ�านาจการยิงท�าความเสียหายให้
ปฏิบัติหน้าที่ในภูมิอากาศร้อนยังใช้เครื่องแบบสี แถวปิดระยะของทหารปรัสเซียระหว่างการ เช่นกัน เช่น ชาวบัลแกเรียใช้สีน�้าตาล ส่วน
ขาว สีน�้าตาลอมเหลืองหรือสีน�้าตาล ใน เคลื่อนเข้าสู่เมืองซองต์พรีวาต์ (St Privat) ผล เยอรมันที่มีกองทัพทหารเกณฑ์ขนาดใหญ่เลือก
สนามรบหลายแห่งที่ปกคลุมด้วยควันหนาและ คือทหารปรัสเซียเสียชีวิตไป 20,163 นาย ใช้สีเทาอมเขียว (field grey) ในปี 1910 รัสเซีย
มีกองทหารที่ใช้อาวุธที่ไม่แม่นย�ามาก การพราง กระทั่งเมื่อสิ้นสุดสงคราม เยอรมนีตระหนักว่า น�าสีเขียวอ่อนมาใช้หลังจากแพ้สงครามกับ
ตัวจึงไม่เคยน�ามาใช้งานจริงๆ ทั้งที่มีความ ต้องท�าตัวให้เป็นเป้าที่เล็กที่สุดเท่าที่จะท�าได้ ญี่ปุ่นระหว่างปี 1904-1905 ส่วนฝรั่งเศสทดลอง
ส�าคัญมากเนื่องจากผู้บัญชาการสามารถจดจ�า และสีสันสดใสนั้นเป็นสิ่งที่โดดเด่นซึ่งไม่เป็นที่ ผ้าสีน�้าตาลอมเทาเมื่อปี 1911 แต่ไม่ได้รับการ
และควบคุมกองทหารของตนได้จากระยะไกล ต้องการ อนุมัติอย่างเป็นทางการ กองทัพฝรั่งเศสใช้
จึงน�าไปสู่ยุทธวิธีของแถวและแนวทหารราบที่ สีน�้าเงินและสีแดงเมื่อเข้าร่วมสงครามในฤดูร้อน
แต่งกายด้วยสีสันสดใสวิ่งสลับไปมาในสนามรบ การปรับปรุง ปี 1914 ขณะเดียวกันกลุ่มอนุรักษนิยมก็ออกมา
ยุโรป ทว่าแม้แต่กองทัพนโปเลียนซึ่งมีชื่อเสียง อังกฤษเรียนรู้จากสงครามโบเออร์ (1899-1902) คัดค้านโดยให้ความเห็นว่าลายพรางเป็นการ
ในด้านสีสันอร่ามงามก็ยังคลุมทับเครื่องแบบสี ประกอบกับแรงกดดันจากนายทหารที่ปฏิบัติ แสดงความขลาด ดังนั้นกลยุทธ์ของฝรั่งเศสจึง
หน้าที่ในอินเดีย น�าไปสู่การน�าสีกากี (khaki) เป็นการเคลื่อนที่ไปรอบๆ ให้ข้าศึกเห็นตัวแล้ว
▼ การรบที่ไอแซนด์ลวานา วันที่ 22 มกราคม 1879 ใน มาใช้ทั่วทุกแห่งในปี 1908 ประเทศอื่นๆ ก็หัน ข่มขวัญด้วยดาบปลายปืนโดยใช้สีสันสดใสช่วย
ช่วงสงครามซูลู ทหารอังกฤษยังคงสวมเสื้อคลุมสีแดง มาใช้ชุดหรือเสื้อผ้าที่ช่วยลดการมองเห็นด้วย ในการนี้ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นบทเรียนราคาแพง
การรักษาระเบียบข้อบังคับ
เครื่องแบบที่ทหารสวมในการรบไม่ได้เป็นเครื่อง
แบบบังคับและกลายเป็นไร้กฎเกณฑ์ในเวลาไม่
นาน แต่ละกองทัพระเบียบว่าด้วยการแต่งกาย
และข้อบังคับที่มีรายละเอียดมากว่าด้วยโอกาส
การใช้เครื่องแบบ (เครื่องแบบเต็มยศ เครื่อง
แบบรบ) แต่ก็ไม่ได้ยึดถือเสมอไปในสนามรบ
ตัวอย่างเช่น ระเบียบของอังกฤษก�าหนดให้สวม
รองเท้าหุ้มข้อสีน�้าตาลในเครื่องแบบประจ�าวัน
แต่กลับสวมรองเท้าสีด�าเป็นส่วนใหญ่ การปรับ
เปลี่ยนเหล่านี้เกิดขึ้นดังเห็นได้จากภาพถ่ายร่วม
สมัย หรือรายละเอียดที่บอกเล่าไว้ในบันทึก
ความทรงจ�าและจดหมาย บางครั้งก็ได้รับ
อนุญาตจากนายทหาร บางครั้งก็ไม่
การจัดหาสิ่งอุปกรณ์ท�าให้กองทัพต่างๆ
ื
เคร่องแบบ 23
ทหารซึ่งซื้อหาเครื่องแบบต่างหากนั้นแสดง
ความหลากหลายออกมาทางเสื้อคลุมตัวหลวม
(overcoat) เครื่องแบบกันน�้าหรือแม้แต่เครื่อง
แบบที่ตัดเย็บและใช้สีถูกต้อง
ยุทธภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ หมวกเหล็ก มีการน�า
มาใช้บ้างแต่ไม่แจกจ่ายตรงเวลาหรือทั่วถึงแต่
อย่างใด ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายกรมทหารราบ
ฝรั่งเศสสวนสนามไปยังแนวหน้าในฤดูใบไม้ร่วง
ปี 1915 ปรากฏภาพทหารที่สวมทั้งหมวกเหล็ก
และหมวกมีกะบังหน้า ในชั้นต้นนั้นกองทหาร
อังกฤษจะสวมหมวกเหล็กเฉพาะเมื่ออยู่ใน
สนามเพลาะเท่านั้น โดยจะทิ้งยุทธภัณฑ์นี้ไว้ให้
หน่วยที่มารับช่วงต่อเมื่อมีการผลัดเปลี่ยน
▲ ภาพทหารอังกฤษก�าลังกินอาหารค�่า ถ่ายไว้ราวปี 1917 ขณะที่เครื่องแบบเองก็มีการผลิตด้วย
แสดงการปรับปรุงเครื่องแบบให้เข้าสภาพความเป็นอยู่ที่ มาตรฐานต่างกัน ในปี 1914 ผ้าส่วนใหญ่ย้อม ▲ ภาพกลุ่มนายทหารอังกฤษ รวมทั้งร้อยเอกวอลเตอร์
ย�่าแย่ในหลุมเพลาะ ลอร์เรน โบรดี (ซ้ายสุด) ผู้ได้รับเหรียญกล้าหาญกางเขน
ด้วยสีสังเคราะห์ แต่ก็มีการใช้สีย้อมธรรมชาติ วิคตอเรีย แสดงลักษณะเครื่องแบบของกองทัพที่ใช้ทั่วไป
ในบางครั้งเมื่อมีความต้องการสูงมากหรือ ในเวลานั้น
ต้องเร่งรัดกับหน่วยพลาธิการทุกหน่วย จึงมัก ขาดแคลนสีสังเคราะห์ ทั้งนี้ผ้าที่ผลิตออกมา
เกิดกรณีทหารที่ถูกส่งไปยังแนวหน้ายังต้องใช้ เป็นจ�านวนมากๆ เป็นที่คาดหวังว่าจะใช้สีตาม ติดเครื่องหมายให้น้อยที่สุด หมวกเหล็กที่อาจ
เครื่องแบบและยุทธภัณฑ์ส่วนบุคคลที่ล้าสมัย มาตรฐาน แต่ก็ยากจะส�าเร็จได้เพราะมีโรงงาน เปล่งประกายในแสงอาทิตย์และดึงดูดความ
กองทหารแห่งชาติเยอรมนีบางหน่วยที่ถูกส่งไป ใหญ่น้อยต่างกันจ�านวนมาก ความหลากหลาย สนใจของข้าศึกก็น�ามาทาสีให้ด้านหรือใช้ผ้า
ทางตะวันตกเมื่อปี 1914 สวมเสื้อชั้นนอก ของสีจึงเป็นเรื่องปกติ สีย้อมธรรมชาติมีแนว คลุมไว้ ประสบการณ์ในสนามเพลาะน�าไปสู่การ
(tunic) สีกรมท่า สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งชัดเจน โน้มสีตกหรือกลายเป็นสีขาวได้ง่าย แม้แต่สี ปรับปรุงรองเท้าและการป้องกันน�้า เช่น เสื้อ
มากขึ้นในกรณียุทธภัณฑ์ที่เป็นเครื่องหนัง (ซึ่ง สังเคราะห์ก็ยังซีดจางได้ โดยเฉพาะสีฟ้าสดของ คลุมเกรทโค้ท ผ้าขนสัตว์มีน�้าหนักมากเป็น
มักคงอยู่เป็นเวลานาน) และเข็มขัดประเภท ฝรั่งเศสมักจะซีดเป็นสีเทาอ่อนอย่างรวดเร็ว พิเศษในสภาพอากาศเปียกชื้น ขณะที่สีบนคอ
ต่างๆ ถุงใส่กระสุนและเครื่องหลังที่น�าเข้าสู่ เสื้อหรือปลายแขนก็ลดลงเหลือเพียงแถบสีหรือ
สนามรบ บางคราวก็มีสิ่งของมาเปลี่ยนทดแทน พัฒนาการในสนามรบ ขลิบเป็นเส้นเล็กๆ
บ้าง ซึ่งในกรณีที่มีก็มักจบลงด้วยการที่หน่วย เครื่องแบบพัฒนาขึ้นระหว่างที่เกิดสงคราม ทหารในปี 1918 ต่างจากทหารที่ออกรบใน
ทหารส่วนใหญ่ใช้ยุทธภัณฑ์ผสมกัน เงื่อนไขในแนวหน้าท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ ฤดูร้อนปี 1914 อย่างมาก จากการแต่งกาย
บางกองทัพก็อาศัยสิ่งของที่ยึดมาได้จาก ระดับพื้นฐานของเครื่องแบบ นายทหารรู้ว่า
ข้าศึกเนื่องจากทรัพยากรฝ่ายตนไม่เพียงพอ เป็นการดีที่จะปิดบังยศของตนให้มากที่สุดเท่าที่ ▼ การตีความของศิลปินในการรวมกองก�าลังฝรั่งเศสและ
ทหารบัลแกเรียใช้อุปกรณ์ของเยอรมันที่ยึดมา จะท�าได้เพื่อป้องกันตนเองจากการตกเป็นเป้า อังกฤษเข้าด้วยกัน ในภาพ “สีฟ้าและสีกากี” ทหารฝรั่งเศส
ได้จากทหารออตโตมานในสงครามบอลข่าน ของศัตรู บางคนสวมเครื่องแบบชั้นยศอื่นพร้อม ก�าลังช่วยเคลื่อนย้ายทหารอังกฤษที่ได้รับบาดเจ็บ
และต่อมาเยอรมนีซึ่งเป็นพันธมิตรก็จัดส่ง
ยุทธภัณฑ์ให้โดยตรง ส่วนกองทัพเซอร์เบีย
หลังปี 1916 ฝรั่งเศสจัดหายุทธภัณฑ์ใหม่เกือบ
ทั้งหมด ขณะที่หน่วยสีขาวในสงครามกลาง-
เมืองรัสเซียก็อาจสวมเครื่องแบบอังกฤษหรือ
ฝรั่งเศสให้เราได้เห็น
มีกองทัพอยู่จ�านวนหนึ่งที่ขาดแคลน
ยุทธภัณฑ์จนต้องน�าของพลเรือนมาใช้ โดย
เฉพาะรองเท้าบูทและสั่งให้ทหารเกณฑ์เก็บ
รักษารองเท้าพลเรือนที่พวกเขาสวมเมื่อมาถึง
ค่ายทหารไว้ให้ดี แม้กระทั่งในช่วงสงคราม
ทหารยังต้องสวมเสื้อผ้าที่ส่งมาจากทางบ้าน
กองทหารในสนามเพลาะสวมถุงมือ หมวกไหม
พรมคลุมหน้า (หมวกไอ้โม่ง) และเสื้อแจ๊กเกต
หลวมท�าจากหนังแกะเพื่อท�าให้อบอุ่น นาย
24 บทน�ำ
การทัพ
เมื่อนักการเมืองยุโรปต่างคุกคามอีกฝ่ายหน่ง ึ ภายใต้การนาของนายพลออสการ์ โปติโอเรก
�
เมื่อเดือนกรกฎาคม 1914 ความเป็นปรปักษ์ (Oskar Potiorek) ผู้โดยเสด็จในรถพระท่น่งของ
ั
ี
ระหว่างเซอร์เบียกับออสเตรีย-ฮังการีท่เริ่มจริงจัง อาร์คดยุกฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ ในวัน
ี
ิ
ึ
ึ
ึ
ข้นจะต้องสะสาง การต่อสู้ยังเกิดข้นในทวีป ส้นพระชนม์ การโจมตีตอบโต้เกิดข้นภายในเวลา
แอฟริกาอีกด้วย การปะทะกันคร้งแรกเป็นผลมา 2 สัปดาห์
ั
จากการสื่อสารท่ด้อยคุณภาพระหว่างประเทศท ี ่ ชาวเซิร์บและชาวมอนเตเนโกร (Montene-
ี
ี
เป็นพันธมิตรกัน และการตีความท่ต่างกันของ grin) จัดฉากการล่าถอยอย่างทุลักทุเลเข้าส ู่
คามั่นท่ว่าจะให้การสนับสนุน เปิดช่องให้เกิด บอสเนียแล้วก็โต้กลับ นายพลโปติโอเรก
ี
�
ี
ึ
ั
การสงครามข้น ข้อมูลต่อไปน้เป็นบทสรุปย่อของ พยายามโจมตีอีกคร้งในฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน
การทัพสาคัญๆ ในสงครามโลกคร้งท่ 1 และยึดกรุงเบลเกรดได้ในวันท่ 2 ธันวาคม การ
ั
ี
ี
�
ชิงเอาเมืองหลวงกลับคืนมาของเซอร์เบียจึงเกิด
ึ
ี
สงครามในเซอร์เบีย ค.ศ. 1914 ข้นในวันท่ 15 ธันวาคม และชาวเซิร์บขับไล่
เรือปืนของออสเตรียในแม่นาดานูบร่วมกับทหาร ออสเตรียออกไปจากแผ่นดินเซอร์เบียได้ส�าเร็จ ▲ หญิงชาวเซอร์เบียเดินคู่กับสามีเมื่อเขาต้องจากไปแนว
้
�
ปืนใหญ่ชายฝั่งระดมยิงเมืองหลวงของเซอร์เบีย แม้จะสูญเสียเป็นจ�านวนมากก็ตาม หน้าในฤดูร้อนปี 1914
ื
ี
ในวันท่ 29 กรกฎาคม แต่เน่องจากความงุ่มง่าม
ทาให้การบุกล่าช้ากว่ากาหนด เพราะต้องถอน เยอรมนีและฝร่งเศส ค.ศ. 1914 ออก แต่ฝร่งเศสก็เปิดการบุกแคว้นอัลซัคและลอ
�
ั
�
ั
ั
ทหารจากการเผชิญหน้ากับรัสเซียแล้วจึงส่งกลับ เยอรมันใช้ทางออกท่รุนแรงเช่นกัน น่นคือการ แรน กระน้นก็ไม่ประสบความสาเร็จเม่อยกเข้า
ี
�
ื
ั
�
มายังโปแลนด์ของราชวงศ์ฮาพส์บวร์กเสียก่อน ทาลายกองทัพฝร่งเศสท่ต้งอยู่ตามชายแดน เมืองมัลลูส (Mulhouse) ซึ่งต้องถอนกาลังออก
ั
�
ั
ี
ิ
ี
ต้องรอถึงวันท่ 12 สิงหาคม ออสเตรียจึงเร่มบุก ก่อนท่รัสเซียจะเปิดการโจมตีท่แนวรบด้านตะวัน มาด้วยการสูญเสียอย่างมาก จากการใช้ดาบ
ี
ี
ปลายปืนสู้กับปืนกล
ี
FIRST ความสนใจเปล่ยนไปทางเหนือสู่แคว้น
BELGIUM KLUCK Cologne ฟลานเดอร์ เน่องจากแผนชลีเฟน (Schlieffen
ื
plan) ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์รวมของเยอรมน ี
Brussels BELGIAN SECOND
�
ั
ั
�
ALBERT Rhine
BULOW สาหรับการทาสงครามบนแนวรบท้งสองด้านน้น
ได้รับการคาดการณ์ว่าจะได้ชัยชนะภายในเวลา
Meuse Coblenz
Ardennes Forest เข้ายึดป้อมเมืองลีแยฌ (Liège) และบรัสเซล แต่
ั
�
Charleroi 40 วัน ดังน้นจึงทาให้เยอรมันบุกผ่านเบลเยียม
THIRD
ั
ี
หลายคร้ง รวมถึงท่เมืองมงส์ (Mons) ท่เร่มข้น
Bastogne HAUSEN เสบียงก็หมดลง ต่อมาก็ไปพัวพันกับการรบ ึ
ิ
ี
LUX.
ี
FIFTH FOURTH เมื่อวันท่ 22 สิงหาคม เมื่อกองทัพเยอรมันและ
LANREZAC Sedan ALBRECHT GERMANY กองกาลังนอกประเทศของอังกฤษ (British
�
Luxembourg
ี
Expeditionary Force หรือ BEF) ท่เพ่งมาถึง ก ็
ิ
FOURTH
LANGLE FIFTH เข้าโจมตีจนได้หลั่งเลือดกัน แต่ในวันท่ 25
ี
THIRD CROWN PRINCE
ั
Rheims RUFFEY Metz สิงหาคม ฝร่งเศสก็เริ่มถอนตัว
Verdun Rhine
Aisne แม้ว่าจะถูกเยอรมันกดดัน แต่การถอนตัวก ็
SIXTH
L
RUPPRECHT เป็นไปอย่างมีระเบียบ ถึงแม้รัฐบาลจะย้ายจาก
O
R ปารีสไปยังบอร์โด (Bordeaux) ก็ตาม กองทัพ
FRANCE R SECOND
ั
A CASTELNAU SEVENTH เยอรมันซึ่งไล่กวดกองทัพฝร่งเศสและอังกฤษมา
I HEERINGEN
N ติดๆ ก็รู้สึกได้ถึงชัยชนะแม้จะส่งทหาร 2 กองพล
E E
ื
Meuse C ไปทางตะวันออกเพ่อเผชิญหน้ากับกองทัพ �
Marne
รัสเซียก็ตาม ความประสงค์ท่จะเผด็จศึกทาให้
ี
FIRST
DUBAIL A
DEIMLING S
L
0 60 km แผนที่นี้แสดงพื้นที่รวมพลของกองทหารในแนวรบด้าน
A
0 40 miles ตะวันตกปี 1914
การทัพ 25
จอมพลเฮลมุท คาร์ล แบร์นฮาร์ด ฟอน
มอลท์เคอ (General Helmuth von Moltke) ของ
�
้
เยอรมันยกทัพเข้าสู่กรุงปารีสไปจนถึงแม่นามาร์น
(Marne) ทางตะวันออกของเมือง แต่ก็ไม่อาจยก
�
้
ั
ข้ามแม่นาน้นไปได้ ฝร่งเศสผลักดันให้ต้องถอน
ั
้
ี
�
ไปท่แม่นาแอน (Aisne)
การถอยทัพของเยอรมันมีกองทัพฝ่าย
สัมพันธมิตรไล่กวดมาโดยหวังจะตีโอบด้านข้าง
น้นนาไปสู่การเร่งเคล่อนพลไปยังชายฝั่งทะเล
ื
ั
�
และกองทัพเยอรมันก็เข้ายึดเมืองออสเตนด์
(Ostend) และเมืองเซบรึคเคอ (Zeebrugge)
ของเบลเยียมไว้ได้ การต่อสู้กับกองกาลังนอก
�
�
ประเทศของอังกฤษ นาไปสู่สงครามยืดเย้อและ
ื
ความเสียหาย อย่างเช่นยุทธการท่เมืองอีเปอร์
ี
ทหารเยอรมันเสียชีวิต 80,000 นาย ซึ่งส่วนใหญ่
เป็นอาสาสมัครวัยหนุ่ม หลังความล้มเหลวครั้ง
ิ
น้น กองทัพเยอรมันเร่มขุดหลุมเพลาะ โจมตีใน
ั
สภาพอากาศหนาวเย็นและมีฝนตก กลายเป็น เขตของรัสเซีย ▲ นายพลฟอน ฮินเดนเบิร์ก ของเยอรมนี ยืนตรงกลาง
สงครามสนามเพลาะ แม้การบุกปารีสจะล้ม เยอรมันพยายามเคล่อนไปให้ถึงกรุงวอร์ซอ ด้านหน้าทหารเสนาธิการ ด้านซ้ายมือของเขาคือนายพล
ื
แอริช ลูเดินดอร์ฟ
ี
ึ
เหลวแต่ก็ยังยึดภูมิภาคท่เป็นเขตอุตสาหกรรม แต่ก็เกินแรงจนต้องถอยกลับ ซ่งก็เป็นการผ่อน
ั
ส่วนใหญ่ของฝร่งเศสไว้ได้ และการยึดเมือง คลายความกดดันต่อออสเตรีย-ฮังการี ขณะท ี ่
แอนต์เวิร์ป (Antwerp) ของเบลเยียมได้ ทาให้ รัสเซียจดจ่ออยู่กับการโจมตีกองทัพเยอรมัน เยอรมนีเมื่อวันท่ 23 สิงหาคม ปิดล้อมดินแดน
ี
�
เยอรมนีไม่ต้องรีบร้อนเอาชัยในด้านตะวันตก ส่วนออสเตรีย-ฮังการีก็ฉวยโอกาสบุกโปแลนด์ท ่ ี ส่วนแยกของเยอรมนีท่เมืองชิงเต่า ประเทศจีน
ี
ั
เป็นส่วนของรัสเซีย กองทัพท่ไร้ระเบียบและการ (กระท่งแตกพ่ายในเดือนพฤศจิกายน) และเข้า
ี
�
แนวรบด้านตะวันออก ค.ศ. 1914 สนับสนุนไม่ดีทาให้การบุกไม่เป็นผล และกอง ยึดครองหมู่เกาะมาร์แชล (Marshall islands)
ื
ในทางตะวันออก รัสเซียยังรักษาสัญญาท่ให้ไว้ ทหารก็ต้องรีบปรับตัวเพ่อรับมือการบุกของ ในมหาสมุทรแปซิฟิก นิวซีแลนด์ยึดครองเกาะ
ี
ี
ี
้
�
กับฝร่งเศสและบุกเข้าไปในปรัสเซียตะวันออก รัสเซียท่ล่วงลาเข้าไปในแคว้นกาลิเซีย (Galicia) ซามัว (Samoa) ขณะท่อาณานิคมต่างๆ ในทวีป
ั
เพ่อรบกับกองทัพเยอรมัน นอกจากน้ผ ู้ การสูญเสียของออสเตรีย-ฮังการีถือว่าหนัก แอฟริกาปรากฏว่าดินแดนโตโกแลนด์ (Togo-
ี
ื
บัญชาการทหารสูงสุด แกรนด์ดยุกนิโคลัส มาก ประมาณ 350,000 คน และมีเพียงการรบ land) ยอมแพ้เมื่อปี 1914 แต่ยังคงมีการต่อต้าน
(Grand Duke Nicholas พระปิตุลาของซาร์) ส่ง ของเยอรมันในโปแลนด์เท่าน้นท่ยับย้งความ อยู่ในดินแดนแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้จนถึงปี
ั
ั
ี
�
�
ทหาร 4 กองทัพไปทาสงครามกับทัพจักรวรรด ิ สาเร็จของรัสเซียได้ จอมพลเพาล์ ฟอน ฮินเดน 1915 และในแคเมอรูน จนถึงต้นปี 1916 ส่วนใน
ออสเตรีย-ฮังการีในแคว้นกาลิเซีย ดินแดน เบิร์กเป็นผู้บัญชาการในตะวันออก (ถือว่ารับผิด แอฟริกาตะวันออก นายพลเยอรมันเพาล์ ฟอน
ี
โปแลนด์ท่เป็นส่วนของออสเตรีย-ฮังการี ทาง ชอบกองทหารออสเตรีย-ฮังการีและเยอรมัน) เลทโทว์-วอร์เบก (Paul von Lettow-Vorbeck)
ี
�
ิ
ตอนเหนือน้นความได้เปรียบเป็นของรัสเซียอย ู่ ยอมรับความจริงข้อน้ ขณะท่เมื่อส้นปี 1914 ตัดสินใจทาสงครามกองโจรท่ามกลาง
ี
ั
ี
�
�
ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ความพ่ายแพ้ท่แสนเจ็บ กองทัพต่างๆ กาลังขุดสนามเพลาะในฤดูหนาว ภูมิประเทศท่ลาบาก เขายืนหยัดต่อสู้กับกองทัพ
ี
ปวดของนายพลวอน ปริตต์วิตซ์ (General von อันหนาวเหน็บ ท้งในทางตะวันตกและตะวัน อังกฤษ เบลเยียมและโปรตุเกส กระท่งยอม
ั
ั
Prittwitz) นาไปสู่การเปล่ยนผู้บัญชาการรบเป็น ออก จ�านนเมื่อวันท่ 25 พฤศจิกายน 1918
�
ี
ี
เพาล์ ฟอน ฮินเดนเบิร์ก (Paul von Hinden-
burg) และ แอริช ลูเดินดอร์ฟ (Erich Luden- ดินแดนโพ้นทะเล ค.ศ. 1914 ยุทธภูมิช่องแคบดาร์ดะเนลส์
dorff) จักรวรรดิออตโตมานเข้าสู่สมรภูมิอย่างเชื่องช้า การเข้าสู่สงครามของจักรวรรดิออตโตมานทาให้
�
ิ
กองทัพเยอรมันโชคดีจากการดักข้อความท ่ ี เมื่อส้นเดือนตุลาคม ปิดฉากยุทธภูมิช่องแคบ เกิดความจ�าเป็นทางยุทธศาสตร์ เพ่อจ�ากัด
ื
ิ
�
ไม่ได้เข้ารหัสไว้ได้ รัสเซียเร่มแกว่งจากความ ดาร์ดะเนลส์ (Dardanelles) แต่ก็ต้องเจ็บปวด อานาจของฝ่ายมหาอ�านาจกลางและสนับสนุน
แตกแยกในหมู่ผู้บัญชาการ เยอรมันลวงให้ จากความพ่ายแพ้ยับเยินต่อรัสเซียในเทือกเขา รัสเซีย ยุทธศาสตร์การโจมตีช่องแคบดาร์
กองทัพท่ 2 ของรัสเซียเข้าไปในปรัสเซียแล้วโอบ คอเคซัส อังกฤษข้นบกท่เมโสโปเตเมีย (อิรัก) ดะเนลส์และการระดมท้งระเบิดท่กรุงคอนสแตน
ึ
ิ
ี
ี
ี
ี
ล้อมได้ในวันท่ 28 สิงหาคม กองทัพรัสเซียติดกับ และยึดเมืองบัสรา (Basra) ทางตอนใต้ ติโนเปิลเป็นแผนยุทธศาสตร์ท่เก่าไปแล้ว แต่ก็ยัง
ี
และพ่ายแพ้ในยุทธภูมิทันเนนแบร์ก (Battle of ฝ่ายสัมพันธมิตรพยายามยึดอาณานิคม ได้รับการนามาพิจารณาใหม่ในปี 1914 และเมื่อ
�
ี
Tannenberg) กองทัพท่ 2 ถูกทาลาย ขณะท ่ ี ต่างๆ ของเยอรมนีในดินแดนห่างไกล ซึ่งก็สาเร็จ ต้นปี 1915 ก็มีการเตรียมส่งทหารฝ่าย
�
�
ี
ี
ี
ี
กองทัพท่ 1 แตกพ่ายกลับไปยังโปแลนด์ท่เป็น ต่างๆ กันไป ขณะท่ญ่ปุ่นประกาศสงครามกับ สัมพันธมิตรเข้าสู่ช่องแคบ ทว่าแผนการถูก
26 บทน�ำ
ี
ตอบโต้และบังคับให้เขาต้องถอนทหารออกไป
ชายหาดที่ยกพลขึ้นบก ชายหาดที่ยกพลขึ้นบก Anafarka Istanbul โจมตีอย่างไม่คาดคิดท่คลองสุเอซ แต่ก็ถูก
S เมษายน 1915 เมษายน 1915 Ridge
ี
Suvla อย่างไรก็ตามชัยชนะท่กัลลิโพลีดูจะโดดเด่นกว่า
กองทหารตุรกีแนวชายฝง Bay กองทหารตุรกีแนวชายฝั่ง Chocolate
ั
ี
การยกพลขึ้นบกที่อาวซัฟลา การยกพลขึ้นบกที่อ่าวซัฟลา Hill ความพ่ายแพ้เหล่าน้ รวมท้งยังจูงใจให้บัลแกเรีย
�
จุดที่มาได้ไกลที่สุดในแหลม เข้าร่วมกับฝ่ายมหาอานาจกลางในเดือนตุลาคม
Koja
จุดที่มาไดไกลที่สุดในแหลม เฮลเลสและอ่าวแอนแซก
เฮลเลสและอาวแอนแซก Chemen 1915 อีกด้วย
Ari Burnu Tepe
Anzac Cove Sari Bair กองทัพบัลแกเรียโจมตีชาวเซิร์บจากทาง
Lone
ี
Pine d a n e l l e s ตะวันออก ขณะท่กองทัพเยอรมันและ
Actual landing Z Gaba Tepe ออสเตรีย-ฮังการีโจมตีลงมาจากทางเหนือและ
point for Anzacs r
�
a ทางตะวันตก ทาให้เซอร์เบียต้องถอนตัวออก
G a l l i p o l i Pe n i n s u l a Chanak ออตโตมานข้นมา ในฤดูหนาวปีน้นเองชาวเซิร์บ
Intended landing D จากสงครามในเดือนธันวาคม และเปิดทางให้
point for Anzacs มหาอ�านาจกลางสร้างความสัมพันธ์อันม่นคงกับ
ั
ั
ึ
Pasha Dagh
ี
จ�านวนมากก็อพยพผ่านดินเแดนแอลเบเนียท่มุ่ง
Achi Baba ร้าย ราว 140,000 คนย้ายไปสู่เกาะคอร์ฟ ู
ี
213m (Corfu) ท่ปลอดภัยกว่าในต้นปี 1916
Krithia
ี
Y กองทหารท่ถูกส่งไปยังเมืองซาโลนิกา
�
X Naval assult, Feb–March 1915 TURKEY (Salonika) ส่วนใหญ่ประกอบด้วยกองกาลัง
W ฝรั่งเศสและอังกฤษ ต่อมาก็มีกองทหาร
Lemnos Helles V S 0 6 km อิตาเลียน เซิร์บ รัสเซียและกรีซเข้าร่วมด้วย ตก
Cape
ี
French
Assault Kum Kale 0 4 miles อยู่ในสถานการณ์ยากล�าบากจากการท่กรีซ
ั
�
ประกาศตัวเป็นกลาง ทาให้ทหารเหล่าน้นถูก
โดดเด่ยว
ี
ั
ึ
ยกเลิกหลังจากเกิดความสูญเสียคร้งใหญ่ข้นกับ ▲ ยุทธการสะเทินบกสะเทินน�้าของฝ่ายสัมพันธมิตรที่กัลลิ
กองเรือในทะเล เกิดภาวะชะงักงันครั้งใหญ่ตาม โปลี ได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ความพ่ายแพ้ของรัสเซีย ค.ศ. 1915
และก�าจัดออตโตมานออกจากสงคราม การป้องกันอย่าง
ื
�
ี
มาก่อนท่กองกาลังภาคพ้นดินของฝ่าย กล้าหาญและความสับสนของฝ่ายสัมพันธมิตรท�าให้ รัสเซียเฝ้าจับตาสถานการณ์ สมรภูมิกัลลิโพล ี
ี
สัมพันธมิตรท่รวบรวมกันอย่างเร่งด่วนจะถูกส่ง เอาชนะการโจมตีได้ เป็นความล้มเหลวราคาแพง และเป็นความ
�
�
�
ออกไป ประกอบด้วยกองกาลังอังกฤษกับหน่วย สาเร็จของมหาอานาจกลางในคาบสมุทรบอล
ทหารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (กองทหารแอน กองทัพออตโตมานประสบความส�าเร็จเพียง ข่าน ถือเป็นความพ่ายแพ้คร้งใหญ่ของประเทศท ี ่
ั
แซก-Ansac) บนคาบสมุทรกัลลิโพลี และกอง เล็กน้อยในเทือกเขาคอเคซัส จุดประกายการ ต้องการควบคุมช่องแคบดาร์ดะเนลส์ อย่างไร
ั
ื
กาลังฝรั่งเศสบนชายฝั่งเอเชียไมเนอร์ ต่อมาเม่อ โต้ตอบของประชาชนชาวอาร์เมเนียนต่อ ก็ตามเหตุการณ์ท้งหมดน้กลับถูกลดความ
�
ี
ี
�
วันท่ 25 เมษายน ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ยกพลเข้า จักรวรรดิ และต่อความพยายามในการเปิดการ สาคัญลงด้วยการท่รัสเซียต้องสูญเสียพ้นท่ส่วน
ื
ี
ี
ยึดหัวหาดถึง 6 แห่ง แต่ก็ไม่ได้คืบหน้าไปได้เร็ว โจมตีเข้าสู่อียิปต์ ท่น่น อาเหม็ด จีมาล (Ahmed
ั
ี
ึ
เท่าท่ควร ท้งยังถูกสกัดจากฝ่ายต้งรับของออตโต Djemal) หน่งในสามปาชา (pasha) เปิดการ ▼ กองทหารฝ่ายสัมพันธมิตรเดินทางถึงซาโลนิกาในปี 1916
ั
ี
ั
�
ี
มานท่มีเยอรมนีคอยกากับอยู่เบื้องหลัง นอก
ึ
�
เหนือจากการโจมตีอยู่เกือบหน่งปีแล้ว กองกาลัง
เหล่าน้ประสบกับอันตราย และเอาตัวรอดได้ด้วย
ี
ความล�าบากมากข้นกว่าเม่อคราวยกพลข้นบก
ึ
ึ
ื
�
กองทัพออตโตมานยังประสบความสาเร็จ
ี
จากชัยชนะท่ไม่คาดคิดในเมโสโปเตเมีย เมื่อทา �
�
สงครามกับกองกาลังอังกฤษ-อินเดีย (Anglo-In-
ี
ึ
dian force) ท่ถูกผลักดันให้ข้นไปทางเหนือจาก
�
เมืองบัสรา ภายใต้การนาของนายพล ทาวน์เซน
ด์ (Townshend) เขาไปถึงเมืองคุต (Kut) และ
ื
�
เคล่อนกาลังไปได้อีกเล็กน้อยก่อนจะถอนกลับ
ฝ่ายกองทัพออตโตมานก็พยายามโจมตีหลายต่อ
ั
ื
หลายคร้งเพ่อปลดปล่อย ซึ่งนายพลและทหาร
ั
ของเขาตกอยู่ในวงล้อมภายในเมืองแห่งน้น
การทัพ 27
ใหญ่ในโปแลนด์ในฤดูร้อน ชัยชนะของรัสเซีย
ี
เหนือออสเตรีย-ฮังการีท่มีมาแต่เดิมก็ถูกบดบัง
อย่างรวดเร็วจากความล้มเหลวในการพยายามต ี
ฝ่าเทือกเขาคาร์เพเทียน (Carpathians) จับกุม
ี
�
เชลยสงครามท่เมืองพซีมิซล์ (Przemysl) จานวน
120,000 คน และการโจมตีของเยอรมันท ี ่
ประสบความส�าเร็จสูงสุดท่เมืองทานูฟ
ี
(Tarnow) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของโปแลนด์
เลมเบิร์ก (Lemberg - ปัจจุบันคือเมืองลูฟ
ในยูเครนตะวันตก) ตกเป็นของเยอรมนีในเดือน
มิถุนายน ต่อมาในเดือนสิงหาคม กรุงวอร์ซอก ็
แตกจากการถูกเรือเหาะเซพเพลินระดมท้ง ิ
ระเบิดมาต้งแต่เดือนกรกฎาคม และกองทัพ
ั
�
รัสเซียก็ต้องถอนกาลังกลับอย่างไม่เป็นท่า ส่วน
เมืองคอฟโน (Kovno ปัจจุบันคือเมืองเคานัส
-Kaunas ในลิทัวเนีย) และเมืองเบรสท์-ล ี
ตอฟสก์ (Brest-Litovsk, ปัจจุบันอยู่ในเบลารุส)
ื
ต่างก็แตกพ่าย ตามมาด้วยเมืองวิลนิอุส ไปเม่ออิตาลีเข้าสู่สงครามในวันท่ 23 พฤษภาคม ▲ ทหารปืนใหญ่อังกฤษฝ่าฟันโคลนในพื้นที่รกร้างแถบ
ี
ิ
ื
(Vilnius, ปัจจุบันอยู่ในลิทัวเนีย) ในเดือน 1915 แม้ความเคล่อนไหวดังกล่าวเป็นส่งท่คาด ฟลานเดอร์ ในปี 1916
ี
กันยายน มีเพียงการทุ่มเทอย่างหนักของแกรนด์ ไว้อยู่แล้ว แต่ก็ส่งผลกระทบต่อออสเตรีย-ฮังการี
ี
ั
�
ี
ี
ดยุกนิโคลัส ท่อาศัยช่วงเวลาท่เยอรมันอ่อนแรง ท่ในเวลาน้นต้องรับมือกับศึกถึงสามด้าน แต่ท ่ ี กาลังพล 300,000 นาย และปืน 2,000 กระบอก
และออสเตรีย-ฮังการีสับสน เปิดโอกาสให้รัสเซีย รอดจากหายนะมาได้ก็เพราะกองทัพอิตาลีต้อง เข้าสู่สนามรบ แต่กลับคืบหน้าไปได้เพียงเล็ก
�
มีเวลาสร้างแนวต้งรับความยาว 1,000 ไมล์ จาก ทาสงครามการเมืองภายใน และยังไม่พร้อมท่จะ น้อย อังกฤษเองก็ยังพยายามตีฝ่าเข้าไปในแนว
ี
ั
ั
ี
ทะเลบอลติกถึงทะเลดา ในฤดูใบไม้ร่วงปีน้นเอง เข้าสู่สนามรบ ส่งน้ทาให้เกิดความสับสนว่านาย ต้งรับของเยอรมันท่หมู่บ้านเนอูเว ชาเปลเลอ
ั
ิ
�
ี
�
จักรพรรดิ (ซาร์) ทาตามคาแนะนาท่น่ากังขา พลและผู้บัญชาการทหารสูงสุด ลุยจิ คาดอร์นา (Neuve Chapelle) การโจมตีและการตอบโต้ซ่ง ึ
�
�
ี
�
ั
�
ทรงดารงตาแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ (Luigi Cadorna) อาจทาสงครามกับฝร่งเศส รวมท้งการใช้แก๊สของเยอรมัน เกิดข้นในแถบ
ึ
�
�
ั
ี
�
ทรงส่งแกรนด์ดยุกนิโคลัสออกไปยังแถบเทือก ก่อนหน้าท่นักการเมืองคาดหวังว่าจะยึดครอง ฟลานเดอร์ บริเวณแคว้นอีเปอร์ ทาให้อังกฤษและ
เขาคอเคซัส ดัลมาเทีย (Dalmatia) จะยกเลิกระบบไตรภาค ี แคนาดาสูญเสียทหารไปถึง 65,000 นาย การ
(Triple Alliance) แล้วเริ่มทาสงครามกับราชวงศ์ โจมตีเพ่มข้นในฤดูร้อนปีเดียวกันน้น และต่อ
ึ
�
ิ
ั
ื
ื
ความเคล่อนไหวของอิตาลี ค.ศ. 1915 ฮาพส์บวร์ก ผลก็คือเกิดการปะทะกันหลายต่อ เน่องไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง อังกฤษโจมตีรอบๆ
�
ั
้
ความต้งใจของราชวงศ์ฮาพส์บวร์กต้องไขว้เขว หลายคร้งตามแนวแม่นาอิซอนโซ (Isonzo) ซึ่ง เมืองลูส (Loos) และเมืองอาร์โทอิส (Artois) ซึ่ง
ั
ี
เกิดความเสียหายไม่น้อย ขณะท่การรบในแถบ ส่งผลให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงข้น การท ่ ี
ึ
▼ นักบินเยอรมันทิ้งระเบิดขนาดเล็กด้วยมือจากจากเครื่อง ภูเขาอันทุรกันดารดูจะเป็นคุมเชิงกันมากกว่า เซอร์ดักลาส เฮก (Sir Douglas Haig) เข้ารับ
�
บินขับไล่โกเงินลุฟ - Kogenluft 909 ตาแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอังกฤษ
แนวรบด้านตะวันตก แทนเซอร์จอห์น เฟรนช์ (Sir John French) ใน
ื
ภูมิประเทศในแนวรบด้านตะวันตกเป็นพ้นท ่ ี เดือนธันวาคม เป็นสัญญาณของความพยายาม
ั
รกร้าง เมื่อส้นสุดฤดูหนาวก็ปรากฏหลุมเพลาะ คร้งใหม่ในการโจมตีแนวต้งรับของเยอรมันในปี
ิ
ั
ื
ี
ั
ครอบคลุมพ้นท่ดังกล่าวเต็มไปหมด ท้งสองฝ่าย 1916
ั
ต้งแนวรับในช่วงฤดูหนาว แต่เพราะฝร่งเศสและ
ั
อังกฤษไม่มีการประสานงานท่ดีพอ และเพราะ สมรภูมิแวร์ดังและซอมม์ ค.ศ. 1916
ี
ี
เยอรมนีพะวงอยู่กับการทาสงครามกับรัสเซีย จึง การประชุมท่เมืองชองติญี (Chantilly) ในปลาย
�
ทาให้ใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก กองทัพเบลเยียม ปี 1915 ฝ่ายสัมพันธมิตรเช่อว่าการประสาน
�
ื
ลดการป้องกันชายฝั่งแม่นาอีเซอร์ (Yser) ขณะท ี ่ ความร่วมมือจะทาให้มหาอานาจกลางเกิดความ
้
�
�
�
ี
ี
พ้นท่ของเบลเยียมท่อยู่ในการยึดครองของ เสียหายจนไปถึงจุดแตกหักได้ ทว่ากลับเป็นฝ่าย
ื
ิ
เยอรมนีก็เร่มถูกเฉือนออกไป เยอรมันท่เปิดฉากโจมตีก่อน
ี
ั
ฝร่งเศสท่มุ่งเน้นอยู่กับการชิงเอาดินแดน การท่รัสเซียฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้ครั้ง
ี
ี
ี
อุตสาหกรรมกลับคืนมา เปิดการโจมตีท่ไม่คาด ใหญ่และเยอรมันก็เบนความสนใจไปทางตะวัน
ื
คิดมาก่อนในแคว้นช็องปาญ (Champagne) ส่ง ตกซึ่งแทบไม่น่าเช่อว่าจะเป็นไปได้ เสนาธิการ
28 บทน�ำ
ทหารเอริค ฟัลเคินไฮน์ (Erich Falkenhayn) ท ี ่ ซึ่งเสนอโดยโรแบรท์ นีเวลล์ (Robert Nivelle)
ได้รับการส่งเสริมโดยไกเซอร์ ยึดมั่นกับแนวคิดท ี ่ นายทหารปืนใหญ่ และสานต่อโดยนายพล
ื
ั
จะเฉือนฝร่งเศสให้เลือดออกจนตาย ด้วยการ มองชอง (Mangin, ฉายา “คนขายเน้อ-the
โจมตีจุดยุทธศาสตร์ท่เมืองแวร์ดัง (Verdun) Butcher”) ทหารจ�านวน 4 กองพลเข้าโจมตี โดย
ี
ื
ี
ี
ื
เน่องจากเป็นพ้นท่ท่มีการป้องกันสูงมาก และ มีทหารอีก 4 กองพลคอยสนับสนุน แต่ก็ต้องยุต ิ
เป็นเช่นน้นมาต้งแต่ช่วง “วันแห่งเวาบัน” (the กลางคันเน่องจากสภาพอากาศเลวร้าย
ั
ั
ื
ั
days of Vauban) แต่กองทัพเยอรมันก็ไม่ได้ เยอรมันต้องส่นคลอนจากการโจมตีของ
ี
ั
ั
ื
ใส่ใจต่อป้อมดูโอมงต์ (Fort Douaumont) น่น อังกฤษ-ฝร่งเศสในพ้นท่ไกลออกไปทางตอน
�
ทาให้ต้องพ่ายแพ้เมื่อส้นเดือนกุมภาพันธ์ นับ เหนือ อังกฤษควบคุมการจัดส่งกระสุนปืนใหญ่
ิ
ี
ั
ั
จากน้นมาการต่อสู้ก็ลดระดับลงเป็นการล่าถอย ก่อนจะปล่อยให้ใช้เต็มท่ในการโจมตีคร้งใหญ่ต่อ
ี
ี
ฝ่ายเดียว ผู้บัญชาการทหารฝรั่งเศส ฟิลิปเป เปอ ฐานท่มั่นของเยอรมันบนพ้นท่ท่เป็นดินปนปูน
ื
ี
ี
ั
เทียน (Philippe Pétain) ออกคาส่งเก่ยวกับการ ขาวทางตอนเหนือของเมืองซอมม์ แม้จะมี
�
ี
ื
ป้องกันท่หลักแหลมในการหมุนเวียนทหารกอง ประสิทธิภาพในหลายพ้นท่ แต่ปืนใหญ่กลับไม่
ี
�
ต่างๆ เข้าและออกจากแนวรบ แต่กระน้นก็เกิด ประสบความส�าเร็จในการทาลายแนวต้งรับหรือ
ั
ั
�
�
ความเสียหายข้นมหาศาล กระท่งเดือนมิถุนายน ทาลายขวัญกาลังใจของทหารเยอรมันได้ (ฝ่าย ▲ นายพลฟรองเชต์ เดสเปเรย์ ของฝรั่งเศส (ซ้าย) และ
ึ
ั
ั
ิ
ี
ั
ฝร่งเศสก็เกือบจะพ่ายแพ้ แต่เวลาน้นเยอรมันก ็ เยอรมันใช้หลุมเพลาะหลบภัย) การโจมตีท่เร่ม นายพลเสนาธิการลุยจิ คาดอร์นา (กลาง) และผู้บัญชาการ
ิ
ึ
ี
ไม่อาจรักษาการโจมตีไว้ได้ จนเดือนสิงหาคม ข้นแต่เช้ามืดวันท่ 2 กรกฎาคม และเมื่อส้นสุดวัน ทหารสูงสุดของกองทัพฝรั่งเศสในแนวรบด้านตะวันตก นาย
พล โยเซฟ จอฟร์ (ขวา) ในปี 1916
เมื่อฟัลเกนฮายัน (Falkenhayn) ถูกปลดจาก ก็ปรากฏว่าอังกฤษเสียกาลังพลไป 60,000 นาย
�
ี
�
ตาแหน่งส่งการ และแทนท่โดยฮินเดนเบิร์กและ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกยิงด้วยปืนกล เน่องจากทหารท่ใช้ เดลวิลเลอ (Delville Wood) กระท่งเดือน
ี
ั
ื
ั
�
ื
ี
�
ั
ลูเดินดอร์ฟ เยอรมันก็กลับเข้าสู่แนวต้งรับ ยุทธภัณฑ์หนักในการเคล่อนท่ทาให้ตกเป็นเป้า กันยายน เมื่อมีการนารถถังมาใช้ในสงครามเป็น
ท้งสองฝ่ายต่างก็เกิดความสูญเสีย กล่าวคือ ได้ง่าย กรมทหารต่างๆ ได้รับความเสียหายอย่าง คร้งแรกก็ให้ผลลัพธ์ท่แตกต่างออกไป ในท่สุด
ี
ั
ั
ี
ฝร่งเศสสูญเสียกาลังพลไปเกือบห้าแสนนาย มาก ได้แก่ กรมทหารรอยัลนิวฟาวด์แลนด์ (Roy- เมืองโบมองท์-อาแมล (Beaumont Hamel) ซึ่ง
ั
�
ี
ี
เยอรมนีสูญเสียอย่างน้อย 370,000 นาย มีดิน al Newfoundland Regiment) สูญเสีย 684 เป็นพ้นท่เป้าหมายเมื่อวันท่ 1 กรกฎาคม ก็ถูก
ื
ี
ี
แดนท่ถูกเปล่ยนมือจริงๆ เพียงเล็กน้อย และไม่มี นาย จากท้งหมด 752 นาย กรมทหารแอคคริง พิชิตได้ในเดือนพฤศจิกายน ทว่าในวันท่ 19
ั
ี
�
ฝ่ายใดเข้าใกล้กันจนนาไปสู่การรบข้นแตกหัก ตันพัลส์ (Accrington Pals) ถูกทาลายมากท่สุด เดือนเดียวกันน้นเอง นายพลเฮกก็ตัดสินใจท่จะ
ี
ั
�
ี
ั
โยเซฟ จอฟร์ซึ่งขณะน้นดารงตาแหน่งจอมพล ขณะเดียวกันการท่ฝร่งเศสต้องด้นรนต่อสู้เอา ยุติสงครามซอมม์ท่ามกลางอากาศท่แย่ลงจน
ั
�
�
ี
ี
ิ
ั
ั
ี
ฝร่งเศสส่งท้ายปีด้วยการอนุมัติการโจมตีพิเศษ ชีวิตรอดท่แวร์ดัง กดดันให้นายพลเฮกว่าจะ แทบทนไม่ได้อีกแล้ว
ดาเนินการต่อไปอย่างไร ผลท่ตามมาก็คือการ
�
ี
�
▼ กองทหารฝรั่งเศสทุ่มก้อนหินใหญ่น้อยขับไล่ทหาร ต่อสู้ยังคงดาเนินต่อไปในเดือนกรกฎาคม โดยท ่ ี ชัยชนะของรัสเซีย ค.ศ. 1916
ี
ึ
ี
เยอรมันจากที่มั่นบนเนินเขา ในปี 1916 ทหารแอฟริกาใต้แสดงฝีมือโดดเด่นท่ยุทธภูมิป่า บางทีกองทัพเยอรมันท่แวร์ดังอาจวิตกมากข้น
ด้วยข่าวร้ายจากทางตะวันออก รัสเซียฟื้นข้นมา
ึ
�
แล้วและท่แย่กว่าน้นคือการทาสงครามท่มีแรง
ี
ี
ั
ี
ผลักดันมาจากข้อตกลงซึ่งให้ไว้ท่เมืองชองติญ ี
แม้จะล่าช้าจากปัญหาการส่งกาลังบารุง แต่
�
�
�
ทหารรัสเซีย 4 กองทัพภายใต้การนาของนาย
พลบรัสซิลอฟ (Brusilov) ผู้หลักแหลมก็เร่มการ
ิ
โจมตีพิเศษเมื่อวันท่ 4 มิถุนายน แม้จะถูกเรียก
ี
ว่าเป็นการโจมตีชั้นรอง แต่ก็สามารถบดขย ี ้
ี
กองทัพท่ 4 ของอาร์คดยุกโยเซฟ เฟอร์ดินานด์
ี
และยึดเมืองลุคก์ (Luck) ได้ในวันท่ 7 มิถุนายน
ื
แต่การเคล่อนทัพของนายพลบรัสซิลอฟก็ถูก
หยุดจากการมาถึงของทหารกองหนุนออสเตรีย-
ี
ฮังการี ท่เข้าร่วมกับกรมทหารเยอรมันซึ่งส่ง
�
กาลังเข้าเสริมแนวรบอย่างเร่งด่วน
นายพลบรัสซิลอฟทราบว่าเป็นไปไม่ได้ท่จะ
ี
ื
นากาลังหนุนมากพอมาเสริมเพ่อให้ได้ชัยชนะ
�
�
และในเดือนสิงหาคม ท้งสองฝ่ายก็ลดการเฝ้า
ั
ั
ระวังลง รัสเซียเอาชนะคร้งใหญ่เหนือราชวงศ์
การทัพ 29
ฮาพส์บวร์กด้วยการจับกุมเชลยสงคราม
200,000 คน และพิชิตดินแดนได้จ�านวนมาก แต่
�
ความสาเร็จก็ต้องแลกมาด้วยบทเรียนราคาแพง
�
น่นคือรัสเซียเองก็ต้องสูญเสียกาลังพลไปเกือบ 1
ั
ล้านคนเช่นกัน ต่อมาเมื่อออสเตรีย-ฮังการีลด
บทบาทของตนเป็นผู้ร่วมรบรายย่อย ทาให้
�
เยอรมนีรู้สึกว่าตนเหมือน “พันธนาการอยู่กับ
�
ซากศพ” กระน้นสงครามก็นาโรมาเนียให้เข้าร่วม
ั
กับฝ่ายสัมพันธมิตร
กองทัพโรมาเนียประสบความสาเร็จในการ
�
บุกฮังการีในปลายเดือนสิงหาคม แต่ก็ถูกโจมต ี
�
ี
จากกองทหารท่นาโดยเยอรมันซึ่งรวมเอากอง
ั
�
กาลังออตโตมานเข้าไว้ อีกท้งยังมีการแทรกแซง
ของบัลแกเรียจากทางตอนใต้อีกด้วย แม้จะได้
รับการช่วยเหลือจากรัสเซีย กองทัพโรมาเนียก ็ รุนแรงอย่างมาก และเปิดโอกาสให้อิตาลีเตรียม ▲ ทหารอังกฤษบนหลังม้าและคนน�าทางพื้นเมืองในเมโส
�
ถอนกาลังอย่างรวดเร็วและกรุงบูคาเรสท์ การตอบโต้ ขณะเดียวกันฝ่ายสัมพันธมิตรก ็ โปเตเมีย ในปี 1916
(Bucharest) ก็แตกพ่ายในเดือนธันวาคม ชาว เคล่อนทัพคืบหน้าไปได้ในซาโลนิกา ท่ซ่งนายพล
ื
ึ
ี
ั
ิ
โรมาเนียนรู้สึกส้นหวังต่อสถานการณ์ทางตะวัน ฝร่งเศสมัวริส ซาร์เรียล (Maurice Sarrail) กับการจ�าคุกยาวนานหลังจากต้องหนีหัวซุก
�
ออกของประเทศ นามันและธัญพืชจ�านวนมาก สามารถบัญชาการทัพให้เคลื่อนผ่านกองกาลัง หัวซุน ความอดอยากและการเสียคามั่นเก่ยวกับ
้
�
�
ี
ี
ั
ึ
ตกเป็นของเยอรมัน ช่วยให้เยอรมันบรรเทา ฝ่ายต้งรับของเยอรมัน-บัลแกเรียท่ยืนหยัดต่อส ู้ การผลัดเปลี่ยนหน่วยซึ่งเกิดข้นบ่อยคร้ง ทว่า
ั
้
�
ั
ี
ความขาดแคลนจากการท่ถูกปิดก้นทางนาของ ไปได้ แม้จะมีปากเสียงกันในหมู่ประเทศฝ่าย สงครามในจุดน้ไม่ได้เป็นคุณแก่ออตโตมานไป
ี
ฝ่ายสัมพันธมิตร สัมพันธมิตรอยู่บ้างก็ตาม เสียท้งหมด ฮุสเซียนหัวหน้าเผ่าฮัสเซไมท์
ั
�
การทาสงครามของรัสเซียยังลดแรงกดดัน (Hashemite) ยังคงกดดันจักรวรรดิออตโตมาน
ึ
ในอิตาลี ซึ่งกองทัพออสเตรีย-ฮังการีเคยใช้ความ ตะวันออกกลาง ค.ศ. 1916 ด้วยการยกระดับการจลาจลซ่งได้รับเงิน
�
ความสาเร็จของจักรวรรดิออตโตมานในปี 1915 สนับสนุนจากอังกฤษ ในอาณาจักรฮิญาซ
ั
ถูกบดบังด้วยการหล่งไหลของฝ่ายสัมพันธมิตร (Hejaz) ชาวอาหรับยึดเมืองเมกกะและเจดดา
▼ การโจมตีครั้งส�าคัญที่สุดของรัสเซียในสงคราม วางแผน
ั
โดยนายพลบรัสซิลอฟ กองทัพออสเตรีย-ฮังการีเสียหาย จากกัลลิโพลี ในต้นปี 1916 ตามมาด้วยการ (Jedda) อีกท้งด้วยการสนับสนุนจากกลุ่มท ่ ี
ี
หนักจนเยอรมนีต้องเข้าแทรกแซง ส่งผลให้ศักยภาพการรบ ยอมแพ้ของนายพลทาวน์เซนด์ ท่เมืองคุต ใน ปรึกษาทางการทหารต่างแดน รวมถึง ที.อี.
ของรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างมาก เดือนเมษายน 1916 ซึ่งผู้รอดชีวิตต้องทนทุกข์ ลอว์เรนซ์ (T.E. Lawrence) ทหารอาสาสมัคร
�
และกองกาลังออตโตมานแปรพักตร์ก็ยกพลเข้า
P RIPET สู่ซีเรีย
�
THIRD ความสาเร็จของรัสเซียในเทือกเขาคอเคซัส
LINSINGEN LESH
ิ
ยังเพ่มแรงกดดันให้แก่จักรวรรดิออตโตมาน
MARSHE S เทรบิซอนด์ (Trebizond - แพ้สงครามในทะเลดา �
THIRD Korosten
Kowel เดือนเมษายน) และยังพ่ายแพ้ในคาบสมุทร
ไซนายให้กับอังกฤษ ซึ่งเป็นเพียงจุดเร่มต้น
ิ
FOURTH
Lubin ARCHDUKE EIGHTH ชัยชนะคร้งสาคัญกว่าของอังกฤษในอียิปต์ ท่ทา �
�
ั
ี
KALEDIN
POLAND Lutsk Rowno Jitomor สงครามภายใต้การบังคับบัญชาของนายพล
SOUTHWEST อาคิบัลด์ เมอร์รีย์ (Archibald Murray) ในต้นปี
BRUSILOV 1917
SECOND
Vistula BOHW ERMOLLI ELEVENTH
SAKHAROV
SUD Lemberg Tornopol Proskurov ฝ่ายสัมพันธ์มิตรโจมตี ค.ศ. 1917
BOTHMER
ื
SEVENTH เพ่อเสริมความแข็งแกร่งให้แนวรบด้านตะวันตก
GALICIA SCHERBACHEV
เยอรมันถอยออกมาราว 24 กิโลเมตร (15 ไมล์)
NINTH
ั
ี
ี
Stanislav LETCHITSKY สู่จุดต้งรับท่เตรียมไว้เป็นพิเศษท่เรียกกันว่าแนว
SEVENTH
PFANZER–BALTIN Dniester ฮินเดนเบิร์ก (Hindenburg Line) ในฤดูใบไม้ผลิ
C A R P A T H I A N M
0 120 km
�
ั
ปีน้นเองฝ่ายสัมพันธมิตรก็เคลื่อนกาลังเข้าโจมต ี
O U N T A I N S
ั
เป็นวงกว้าง ทางตอนเหนือของฝร่งเศส อังกฤษ
0 80 miles
30 บทน�ำ
ี
�
ี
�
Zeebrugge HOLLAND ท่ให้คามั่นเก่ยวกับการถอนกาลัง การปรับปรุง
Antwerp สภาพความเป็นอยู่และการยุติการโจมตีแบบไร้
Ostend เป้าหมาย
Bruges
ี
Dunkirk Ghent บัดน้เปแตงรู้ว่าเขาเพียงแค่รอคอย ส่วนฝ่าย
สหรัฐฯ ซึ่งมีความพร้อมท้งทรัพยากรบุคคลและ
ั
Calais Ypres Lys Brussels ยุทโธปกรณ์ได้ประกาศสงครามกับเยอรมนีเมื่อ
ี
เดือนเมษายน ประธานาธิบดีวูดโรว วิลสัน ท่ขุ่น
้
�
�
Boulogne เคืองจากการโจมตีของเรือดานาและเหตุการณ์ท ี ่
BELGIU M
ึ
้
�
Lille เกิดข้นซ�าๆ ในเม็กซิโก ได้นาอเมริกาเข้าร่วมกับ
�
ฝ่ายสัมพันธมิตรและเตรียมส่งกาลังรบนอก
I Namur
ี
Mons ประเทศ ท่แม้จะจ�านวนน้อยแต่ได้รับการฝึกฝน
Vimy
III Ridge Sambre มาอย่างดีพร้อมอุปกรณ์ครบมือมายังยุโรป
Arras ขณะเดียวกัน ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ยังคง
�
V Cambrai ดาเนินนโยบายในการ “ยึดและครอบครอง” ต่อ
Bapaume ไป แม้ว่านีเวลล์จะล้มเหลว แต่ในเดือน
Albert กรกฎาคม เฮกก็เร่มการโจมตีรอบๆ เขตอีเปอร์
ิ
Somme
IV
Péronne ซาเลียน (Ypres salient) ทว่าโคลนและ
Amiens St Quentin
ศักยภาพของเยอรมันทาให้การโจมตีดังกล่าว
�
สูญเสียอย่างมาก แม้ว่าอังกฤษจะคืบหน้าไป
มากจนถึงหมู่บ้านพาสเชนเดล (Passchendale)
Noyon
III Aisne ของเบลเยียม และเข้าใกล้เมืองโรแลร์ (Roulers)
�
ั
FRANCE Chemin des Dames ในเดือนพฤศจิกายน ความสาเร็จคร้งใหญ่เกิด
Oise Soissons Berry au Bac Moronvilliers ข้นท่กองบรี (Cambrai) ซึ่งการโจมตีด้วยรถถัง
ึ
ี
ี
VI V Reims จ�านวนมากได้ผลดี แต่การใช้ชัยชนะครั้งน้กลับ
�
ไม่เกิดประโยชน์และสูญเสียโอกาสทาลายแนว
แนวรบของอังกฤษ 1 มกราคม 1917 Marne
ั
แนบรบของฝรั่งเศส 1 มกราคม 1917 X IV ต้งรับของเยอรมันไป
ดินแดนเยอรมนีที่สูญเสียไป มีนาคม 1917 0 60 km
ื
ดินแดนที่สัมพันธมิตรยึดได พฤษภาคม 1917 ยุทธภูมิอ่นๆ ค.ศ. 1917
0 40 miles
คาบสมุทรบอลข่าน ฝ่ายสัมพันธมิตรในซาโลนิกา
�
ล้มเหลวในการทาลายแนวป้องกันของเยอรมัน/
โจมตีเมืองอาราส (Arras) ในเดือนเมษายน และ ▲ การโจมตีของนีเวลล์ และการสนับสนุนการรบเป็นความ บัลแกเรีย ทาให้ยุทธภูมิดังกล่าวลดระดับลงส ู่
�
แคนาดายึดสันเขาวีมี (Vimy Ridge) พร้อม พยายามอย่างสูงในการฝ่าแนวรบของเยอรมันโดยฝรั่งเศส สงครามสนามเพลาะ ขณะท่อิตาลีได้รับชัยชนะ
ี
ึ
ิ
ทาให้เกิดความเสียหายจ�านวนมาก ถัดไปทางใต้ มากข้นในแอลเบเนีย เพ่มความกดดันให้กับ
�
นีเวลล์ซึ่งเป็นเสนาธิการทหารฝร่งเศสขณะน้น ออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งประจวบกับการท่ฝ่าย
ั
ี
ั
โจมตีเมืองช็องปาญ ด้วยหวังว่าการสูญเสียของ ▼ กองทหารเยอรมันเดินทางตามแนวสันเขาเชอมังเดดาม สัมพันธมิตรละท้งเมืองซาโลนิกา แล้วเคลื่อนท ี ่
ิ
ั
ี
�
ี
เยอรมันท่ยุทธภูมิแวร์ดังจะทาให้อ่อนแอลง จากซัวซงส์ถึงโครนเนอ สู่สนามรบในเมืองแอน ในปี 1917 เข้าสู่มาเซโดเนีย (Macedonia) ท้งน้ฝ่าย
�
ั
กระน้นการโจมตีแบบคืบคลานและอานาจการ
ยิงอย่างมหาศาลซึ่งตรงกับภูมิหลังด้านทหารปืน
�
ใหญ่ของเขา มิได้ทาให้นีเวลล์เคล่อนไปข้างหน้า
ื
ี
ั
ี
ได้มากนักท่ามกลางการต้งรับท่เด็ดเด่ยวของ
เยอรมัน ท้งยังเกิดความสูญเสียข้นจ�านวนมาก
ั
ึ
(ราว 120,000 คน) โดยเฉพาะท่สันเขาเชอมัง
ี
เดดาม (Chemin des Dames) ความสูญเสีย
ี
�
ประกอบกับความตึงเครียดท่แวร์ดัง นาไปสู่การ
�
ั
ฝ่าฝืนคาสั่งในกองทัพฝร่งเศส ในเดือน
พฤษภาคม กองทหารท้งหมดปฏิเสธท่จะเข้าส ู่
ั
ี
แนวรบ จนเดือนมิถุนายน มีถึง 54 กองพล ผู้ท ่ ี
เข้ามารักษาระเบียบกองทัพคือเปแตง (Pétain)
การทัพ 31
ต้องล่าถอยและเกือบจะแตกพ่าย ยอดกาลังพล
�
ละท้งหน้าท่มีสูงมาก และมีเพียงการบังคับใช้
ี
ิ
วินัยทหารอย่างเข้มงวด รวมถึงการสังหารทหาร
ท่ฝืนคาสั่ง เพ่อรักษาระเบียบเอาไว้
ี
ื
�
การปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917
ฝร่งเศสและอิตาลีอาจได้รับผลกระทบจากการท ่ ี
ั
ั
�
ทหารฝ่าฝืนคาส่ง แต่ในรัสเซียกลับเกิดความ
วุ่นวายในสังคมคร้งใหญ่ท่สุด กองทัพเยอรมัน
ี
ั
บุกเข้าภูมิภาคบอลติกเมื่อปี 1917 และรักษา
เสถียรภาพแนวหน้าไว้หลังการโจมตีของนาย
พลบรัสซิลอฟ ความตึงเครียดในสังคมรัสเซียเร่ม
ิ
ึ
▲ หน่วยลาดตระเวนของแลงคาเชอร์เหนือ เดินท่ามกลาง มากข้นจนรู้สึกได้ การประท้วงหยุดงานใน ▲ นายพลอัลเลนบีเดินเท้าผ่านประตูจัฟฟา เข้าสู่นคร
ซากปรักหักพักของเมืองกองบรี เดือนพฤศจิกายน 1917 ศูนย์กลางเมืองเร่มมีบ่อยคร้งและขยายวงกว้าง เยรูซาเล็ม เดือนธันวาคม 1917
ิ
ั
ข้น กองทหารท่ถูกส่งไปรักษาความสงบปฏิเสธท ่ ี
ึ
ี
สัมพันธมิตรควรได้รับผลดีจากการท่กรีซ จะสลายฝูงชน โดยเฉพาะท่กรุงเซนต์ปีเตอร์ ในท่สุดก็ได้เป็นสนธิสัญญาสันติภาพซึ่งจัดให้มี
ี
ี
ี
ประกาศสงครามกับฝ่ายมหาอ�านาจกลางหลัง สเบิร์ก กองทหารเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ประท้วงเลย การลงนามท่เมืองเบรสท์-ลีตอฟสก์
ี
จากภาวะวุ่นวายภายในหลายเดือน แต่ความคืบ ด้วยซ�าดังกรณีของกะลาสีจากฐานทัพเรือครอน ข้อตกลงของเยอรมนีน้นก้าวร้าว กล่าวคือ
้
ั
�
ื
ั
หน้าของสัมพันธมิตรถูกกากับโดยความด้อรั้น สตัดท์ (Kronstadt) มหาอ�านาจกลางต้งใจจะยึดดินแดนจนถึง
ของบัลแกเรีย และผลกระทบจากความสูญเสีย พระเจ้าซาร์สละราชสมบัติด้วยเกรงว่าพระ ยูเครน และยังต้องการกาจัดโรมาเนียออกจาก
�
คร้งใหญ่ท่เกิดข้นระหว่างการโจมตีเวลากลางคืน ราชตระกูลจะตกอยู่ในอันตราย ซึ่งก็ถูกต้อง สงครามด้วย รัสเซียเร่มแยกเป็นส่วนๆ และรัฐ
ั
ี
ึ
ิ
�
ั
รอบทะเลสาบดอยรัน (Doiran) รัฐบาลเฉพาะกาลในเวลาน้นนาโดยอเล็กซาน แถบคาบสมุทรบอลติกประกาศเอกราช เช่น
กองทัพอ่นๆ ก็ประสบความผิดพลาดจนเกิด เดอร์ เคเรนสกี (Alexander Kerensky) ก็ถูกล้ม เดียวกับประชาชาติส่วนใหญ่ในอาณาบริเวณ
ื
�
ความเสียหายด้วยเช่นกัน อิตาลียังคงโจมตีตาม ล้าง แม้จะมีแรงกดดันจากประชาชนและความ ของจักรวรรดิรัสเซีย กองทัพเยอรมันท่นาสันติมา
ี
�
�
�
้
ึ
แนวแม่นาอิซอนโซ แม้จะสูญเสียกาลังพลไปเป็น วุ่นวายมากข้น รัฐบาลก็ยังคงดาเนินสงครามต่อ สู่ยูเครนและขนเอาธัญพืชกลับคืนไปเป็นจานวน
�
จ�านวนมาก แต่ก็กดดันให้ออสเตรีย-ฮังการีขอ ไป เคเรนสกีซึ่งคิดว่าตนเองเป็นเหมือนนโปเลียน มาก กลับล้มเหลวในการแบ่งปันผลประโยชน์กับ
ึ
ความช่วยเหลือจากเยอรมนี ซ่งถือว่ามีความ โบนาปาร์ท ก็ตัดสินใจทาสงครามในฤดูร้อนปีน้น กองทัพออสเตรีย-ฮังการีและกองทัพบัลแกเรีย
ั
�
สาคัญเพราะเยอรมันใช้กลยุทธ์ท่เรียนรู้จาก ซึ่งประสบความพ่ายแพ้ยับเยิน ทหารนับพันออก
ี
�
ื
แนวรบด้านตะวันออก ด้วยการแทรกซึมและ มาบนถนนเพ่อมุ่งหน้ากลับบ้าน พรรคบอลเชวิก ความพ่ายแพ้ของนครเยรูซาเล็ม ค.ศ. 1917
ี
�
�
�
เปลี่ยนตาแหน่งของอิตาลี พร้อมกับทาลาย นาโดยวลาดิมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) ท่รอ การโจมตีของอังกฤษจากอียิปต์เข้าสู่ปาเลสไตน์
กองทัพของผู้บัญชาการคาดอร์นา ในยุทธการ คอยโอกาสอยู่ก็อาศัยความได้เปรียบในขณะท ี ่ แสดงให้เห็นภาพสาคัญและการใช้แก๊สอย่าง
�
คาร์โปเร็ทโท (Battle Of Caporetto) ระหว่างวัน รัฐบาลไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและ กว้างขวาง ดังเช่นการยิงกระสุนคลอรีน 2,500
ี
ท่ 24 ตุลาคม - 19 พฤศจิกายน กองทัพอิตาล ี การท่เยอรมันบุกเข้ามาในลัตเวียและเอสโตเนีย ลูกเข้าสู่เมืองกาซา นายพลอัลเลนบี (Allenby)
ี
ี
�
�
ี
�
ยึดอานาจในวันท่ 7 พฤศจิกายน กองกาลังท ่ ี ท่เข้ามารับตาแหน่งแทนนายพลเมอร์รีย์ ใช้ทหาร
▼ สมาชิกกองทัพแดงของรัสเซียยิงต่อสู้จากรถหุ้มเกราะ เรียกในเวลาต่อมาว่ากองทัพแดง เริ่มเจรจา ม้าในการก่อกวนกองทหารออตโตมาน และการ
ี
ในกรุงมอสโก ในช่วงแรกของการปฏิวัติปี 1917 สันติภาพกับเยอรมนีในวันท่ 26 พฤศจิกายน จน สนับสนุนทางเทคนิคจากเยอรมันตลอดเส้นทาง
ิ
ิ
จนถึงดินแดนศักด์สิทธ์ (the Holy Land) กระท่ง ั
นครเยรูซาเล็มพ่ายแพ้ในเดือนธันวาคม โดยท ่ ี
ี
ก่อนหน้าน้ในช่วงต้นปี กรุงแบกแดดก็เสียให้กับ
กองทหารผสมอังกฤษ-อินเดียท่บุกเข้าโจมตีอีก
ี
คร้งจากเมืองบัสรา
ั
การเสี่ยงของเยอรมนี ค.ศ. 1918
มหาอ�านาจกลางมีแนวโน้มท่จะโยกย้าย
ี
ทรัพยากรท้งหมดมาทางตะวันตก และจะ
ั
ั
เอาชนะฝร่งเศสท่กาลังอ่อนแรง รวมท้งอังกฤษท ่ ี
ี
�
ั
ี
ิ
�
กาลังส้นหวัง ซึ่งอาจเกิดข้นได้ก่อนหน้าท่จะรับร ู้
ึ
ถึงการปรากฏตัวของอเมริกัน
32 บทน�ำ
ฝ่ายสัมพันธมิตรเห็นด้วยกับความร่วมมือ ถูกผลักดันให้ถอยลงใต้สู่กรุงโซเฟีย (Sofia) อีก
ั
ทางการเมืองและการทหาร มีการจัดต้งสภา สองสัปดาห์ต่อมาบัลแกเรียก็ร้องขอการสงบศึก
สงครามสูงสุด (Supreme War Council) โดย ขณะเดียวกันทหารออตโตมานก็ตกอยู่ใน
�
คาดว่าเยอรมันจะโจมตีในฤดูใบไม้ผลิปีดังกล่าว ภาวะลาบากแสนสาหัส อังกฤษประสบความ
�
�
ซึ่งพวกเขาก็ไม่ผิดหวัง มีการนาทหารหลาย สาเร็จในการคุ้มกันเมืองแบกแดดและเมืองโมซูล
ี
กองพลจากแนวรบด้านรัสเซีย (โดยไม่มีการสูญ (Mosul) รวมท้งเมืองท่มีการต่อสู้หนักท่สุดใน
ี
ั
ั
เสีย - มีการละท้งหน้าท่จ�านวนมาก) กองทัพ ขณะน้นคือปาเลสไตน์ การโจมตีของนายพล
ี
ิ
�
�
�
ี
เยอรมันอยู่ในตาแหน่งท่จะโจมตีด้วยกองกาลังท ่ ี อัลเลนบีในฤดูใบไม้ร่วง ทาให้ได้ชัยชนะอย่าง
ี
ึ
ิ
เพ่มข้นจาก 150 กองพลในเดือนพฤศจิกายน เด็ดขาดเหนือทหารออตโตมานท่เมืองเมจิดโด
1917 เป็น 192 กองพลในเดือนมีนาคม กาลัง (Megiddo) พร้อมเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่กรุง
�
ี
พลส่วนใหญ่เหล่าน้มาจากตอนเหนือของ ดาร์มัสกัสในต้นเดือนตุลาคม กองทัพออสเตรีย-
ั
ฝร่งเศส บริเวณเมืองกองบรี (Cambrai) และ ฮังการีมีประสบการณ์ดีกว่าเล็กน้อย ท้งท่เกิด
ั
ี
เมืองแซ็ง-ก็องแต็ง (St Quentin) อีกท้งยังเตรียม ความไม่สงบจากการขาดแคลนและการประท้วง
ั
ิ
การเพ่อความได้เปรียบ โดยใช้กลยุทธ์จู่โจมท่ได้ หยุดงาน ก็ยังเพ่มการจู่โจมในอิตาลี และในฤด ู
ี
ื
ั
ิ
รับการฝึกฝนมาจากประสบการณ์ในแนวรบด้าน ใบไม้ร่วงปีน้นเองทหารอิตาเลียนก็เพ่มความ
ึ
ี
�
ตะวันตก หรือใช้ในการรบกับทหารรัสเซียท่เมือง แข็งแกร่งมากข้นจนสามารถทาสงครามได้
รีกา (Riga) ชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในเดือนตุลาคม ด้วยการ
ิ
้
�
การจู่โจมเร่มข้นในวันท่ 21 มีนาคม ข้ามแม่นาพีอาเว (Piave) และเข้ายึดเมืองวิตตอ
ี
ึ
ประมาณ 10.00 น. ทหารราบเคล่อนท่ไปซึ่งมัก ▲ แผ่นป้ายของฝรั่งเศสกระตุ้นให้พลเรือนสนับสนุนการท�า ริโอ (Vittorio) ในแคว้นเวเนโต (Veneto)
ื
ี
�
จะนาหน้าด้วยทหาร “หน่วยจู่โจม” สงคราม “พวกมันจะผ่านมาไม่ได้ ผมยืนหยัดและเอาชนะที่
เมืองมาร์นได้ถึงสองครั้งแล้ว พี่น้องพลเรือนของผม ‘การรบ
(Stormtroopers) เยอรมันประสบความสาเร็จ เพื่อสันติ’ จอมปลอมจะลอบกัดคุณทีหลัง ขอให้คุณยืนหยัด การสงบศึก ค.ศ. 1918
�
ด้วยการจับกุมทหารอังกฤษได้ 21,000 นาย และเอาชนะเหมือนผม จงแข็งแกร่งและว่องไว - ระวังความ เยอรมนีเป็นรายต่อไป การกดดันอย่างไม่หยุด
และสร้างความเสียหายให้ แต่ทหารเยอรมันก็ไม่ เจ้าเล่ห์ของบอช’ ” หย่อนของฝ่ายสัมพันธมิตรในแนวรบด้านตะวัน
ั
สามารถใช้ชัยชนะดังกล่าวเสริมการโจมตีออกไป ตกและการสูญเสียประเทศท่ร่วมรบท้งหมด
ี
ั
ได้ ฝ่ายสัมพันธมิตรต้งตัวได้ และในเดือน กองทหารต่างๆ ถูกระดมมาเพ่อโจมตีข้น บังคับให้เยอรมนีต้องเข้าสู่โต๊ะเจรจาต่อรอง
ั
ื
ี
เมษายน เยอรมนีก็ต้องเจ็บปวดกับการสูญเสีย แตกหักท่ช็องปาญ แต่กองทหารฝรั่งเศสภายใต้ ความไม่สงบในเยอรมนีโดยเฉพาะในหมู่ลูกเรือ
�
ึ
คร้งใหญ่ การนาของนายพลฟอช (Foch, ซ่งต่อมาเป็น ในเมืองต่างๆ และในทางตะวันออกนาไปสู่การ
�
ั
จอมพล) ต่อต้านการโจมตีอย่างกล้าหาญจน ก่อจลาจลและรัฐประหาร จักรพรรดิไกเซอร์สละ
ั
�
ี
ทาให้ฝ่ายเยอรมันต้องถอยกลับไปในแนวต้งรับ ราชสมบัติแล้วเสด็จล้ภัยไปยังเนเธอร์แลนด์ การ
▼ นายพลจอห์น เพอร์ชิง ผู้บัญชาการทหารอเมริกันใน
�
ี
ยุโรป ก้าวขึ้นจากเรือในฝรั่งเศสพร้อมด้วยทหารอเมริกัน ฝรั่งเศสจึงถือโอกาสรุกด้วยการส่งกองทหาร สงบศึกได้ข้อสรุปท่ทาให้ความเป็นปฏิปักษ์ยุติลง
ี
กลุ่มแรก ฝรั่งเศสและอเมริกันเข้าโจมตีเขตอาร์กอนน์ ในเวลา 11.00 น. ของวันท่ 11 พฤศจิกายน
(Argonne) ในเดือนกันยายน - ตุลาคม ส่วน เยอรมนียอมแพ้ในท่สุด
ี
ทหารอังกฤษและเบลเยียมโจมตีท่เขตอีเปอร์ อย่างไรก็ตาม สงครามยังดาเนินต่อไป ใน
�
ี
ี
ขณะท่เยอรมนีเร่มยอมรับภาวะท่ไม่อาจหลีก เทือกเขาคอเคซัส กองทหารอังกฤษและอินเดีย
ี
ิ
ี
ี
เล่ยงได้ พยายามหาความได้เปรียบท่เกิดจากการล่ม
สลายของรัสเซีย และแสวงหาประเทศร่วมรบ
ื
�
�
ความปราชัยของฝ่ายมหาอานาจกลาง ค.ศ. เพ่อหวังจะทาสงครามกับเยอรมนีต่อไป พวกเขา
1918 เป็นปรปักษ์ของบอลเชวิกและชาวเติร์ก เกิดการ
ี
ี
ฝ่ายสัมพันธมิตรในมาเซโดเนีย ภายใต้การ รบท่เมืองบาคู (Baku) ซึ่งเป็นเมืองท่าท่ใหญ่
้
�
บังคับบัญชาการของนายพลหลุยส์ ฟรองเชต์ ท่สุดของอาเซอร์ไบจาน และแหล่งนามันในฤด ู
ี
เดสเปเรย์ (Louis Franchet d’Espèrey) ของ ใบไม้ร่วง
ฝรั่งเศส เปิดฉากจู่โจมทหารเยอรมันและ อังกฤษยังแทรกแซงเข้าไปในเอเชียกลาง
บัลแกเรียในวันท่ 14 กันยายน โดยมีการระดม ด้วยการส่งกองทหารข้ามพรมแดนรัสเซีย และ
ี
ยิงอย่างหนักและใช้แก๊สจ�านวนมหาศาล ซึ่ง ให้การสนับสนุนอาวุธและการเงินแก่ผู้นาท้องถ่น
�
ิ
ี
ทหารบัลแกเรียมีอุปกรณ์ท่จะรับมือได้ไม่ดีพอ สหภาพทาชเคนต์ (Tashkent Union) ได้รับเงิน
ี
และการโจมตีก็บรรลุผลสาเร็จ กองทหารม้า สองล้านรูเบิลในเดือนสิงหาคม 1918 โดยท่เงิน
�
ี
ฝรั่งเศสได้ชัยชนะท่วมท้นทางตอนเหนือเข้าส ู่ และอาวุธเหล่าน้ถูกส่งไปยังดอนคอสแซค (Don
ี
มาเซโดเนียและเซอร์เบีย ขณะท่กองทัพบัลแกเรีย Cossack) เมื่อมีการส่งสัญญาณต่อต้านกลุ่ม
การทัพ 33
HOLLAND
North Sea Ostend Bruges Antwerp
Dunkirk Ghent
FLANDERS
Calais Lys Brussels
Ypres
Boulogne BELGIUM
Lille
Namur
Mons
Drocourt
Sambre
Arras
Maubeuge
Queant Cambrai
Bapaume
Albert
Somme
Abbeville 0 60 km
Péronne
Amiens 0 40 miles
St Quentin
Mezières
Montdidier Sedan
Noyon
Lassigny
Aisne Meuse
Meuse-
Oise Soissons Vesle Argonne
FRANCE Reims
Verdun
Metz
Seine Marne
Château-
Thierry
Paris St Mihiel
ี
�
บอลเชวิกท่ไม่เต็มใจทาสงครามกับกองทัพ โรมาเนียกับฮังการี โปแลนด์โจมตียูเครน และ ▲ ปฏิบัติการในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงในปี 1918 รวมทั้ง
ั
เยอรมัน ซึ่งยังคงดาเนินไปเช่นน้นหลังการสงบ ตามมาด้วยการทาสงครามท่ไม่ฉลาดนักของ การสงบศึกในเดือนพฤศจิกายน
ี
�
�
ศึกในเยอรมนีแล้วเพ่อเอาชนะภัยคุกคามจาก ชาวโปลท่โจมตีรัสเซียของบอลเชวิกในปี 1919
ี
ื
ี
กองทัพแดง คณะกรรมาธิการรัสเซียของรัฐบาล ก้าวเข้าสู่สงครามโลกท่ส่งผลยืดเย้อยาวนาน
ื
ี
ื
อังกฤษถึงกับสนับสนุนให้กองทัพญ่ปุ่นเคล่อน ▼ ฝูงชนแสดงความยินดีต่อการสงบศึกและสิ้นสุดสงคราม
เข้าสู่ภูมิภาคอูรัล (Ural) และคอสแซค เข้าส ู่ ที่ด้านนอกของพระราชวังบักกิงแฮม
ื
ี
ื
ยูเครนเพ่อหวังว่าการยึดครองพ้นท่ทางตอน
�
เหนือของรัสเซียจะทาให้บอลเชวิกต้องยอมแพ้
เพราะความอดอยาก
ั
แต่ก็มิได้เป็นเช่นน้น สงครามกลางเมือง
รัสเซียขยายวงกว้าง และไม่นานก็มีทหารต่าง
ชาติราว 100,000 นาย จากประเทศต่างๆ ถึง 14
ประเทศเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นทหารอเมริกันใน
ไซบีเรียและเมอร์มานสก์ (Murmansk) ทหาร
กรีซในยูเครน ทหารอังกฤษในเมืองอาร์ชังเกล
(Archangel) บนชายฝั่งทะเลรัสเซีย และแม้แต่
ทหารญ่ปุ่นท่ยังคงอยู่ในไซบีเรียจนถึงปี 1923
ี
ี
ึ
ิ
ในยุโรปตะวันออก รัฐใหม่ๆ ท่เพ่งเกิดข้นก ็
ี
�
ทาสงครามกันเอง ไม่ว่าจะเป็นสงคราม
กลางเมืองในฟินแลนด์ การรบกันระหว่าง
34 บทน�ำ
ผลที่ตามมาและสันติภาพ
การเปลี่ยนแปลงครั้งส�าคัญประการแรกหลังการ
สงบศึกคือการแยกจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
ออกเป็นส่วนๆ โดยที่ฮังการีแยกตัวออกไปและ
เข้าร่วมกับบอลเชวิก ขณะที่เช็กและสโลวักก็
สถาปนารัฐของตนเองโดยแบ่งพื้นที่จากโบฮีเมีย
โมราเวีย สโลวาเกียและรูทีเนีย ชาวสลาฟทาง
ตอนใต้ (หรือยูโกสลาฟ) ก็รวมเข้ากับเซอร์เบีย
สถาปนาเป็นราชอาณาจักรยูโกสลาฟ ขณะ
เดียวกันโรมาเนียก็ยึดครองทรานซิลวาเนีย
อิตาลีก็บาดหมางกับยูโกสลาเวียในประเด็นที่ว่า
ประเทศใดควรได้ครอบครองเมืองท่าไฟอุม
(Fiume) ส่วนโปแลนด์ก็ถูกแบ่งแยก ภายใต้การ
ปกครองของเยอรมนี ออสเตรียและรัสเซีย
สนธิสัญญาแวร์ซาย ชนะสงครามที่ยืนหยัดท�าสงครามที่ยากล�าบาก ▲ ยอร์ช เกลม็องโซ ลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซาย วันที่
เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นแล้วในเวลาที่คณะผู้ และได้รับค�ามั่นไว้จ�านวนมาก ตัวอย่างเช่น 28 มิถุนายน 1919 เป็นเวลา 5 ปี นับจากการลอบปลง
พระชนม์อาร์กดยุกฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์
แทนสันติภาพมาถึงปารีส ผู้น�าชาติที่ได้ชัยชนะ อิตาลีได้รับค�ามั่นว่าหากเข้าร่วมสงครามจะได้
รวมถึงประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน ที่มาถึงปารีส ครอบครองดัลมาเทียและพื้นที่อีกมากของ
ในเดือนมกราคม 1919 เข้าร่วมเพื่อน�าการ จักรวรรดิออตโนมาน ขณะที่เยอรมนีซึ่งถูกรุม วิช-ฮ็อลชไตน์ (Schleswig Holstein) ไปด้วย
ประชุมตามข้อตกลงสันติภาพของฝ่าย เร้าจากความขัดแย้งภายในและการปฏิวัติ ส่วน ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของเยอรมนีในลุ่มแม่น�้า
สัมพันธมิตร วิลสันต้องการจัดตั้งสันนิบาตชาติ แคว้นบาวาเรียที่เพิ่งมีรัฐบาลรัสเซียได้ไม่นานก็ ซาร์และตามแนวแม่น�้าไรน์ถูกยึดครอง และ
(League of Nations) เพื่อก�าหนดระเบียบ ส่งคณะผู้แทนเพื่อรับฟังข้อตกลงดังกล่าวด้วย อาณานิคมทั้งหมดของเยอรมนีก็ถูกส่งมอบให้
แบบแผนสากลและหวังว่าหลักการสิบสี่ข้อ (the ทั้งนี้ไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆ แคว้นอัลซัคและ แก่ชาติผู้ชนะสงคราม กองทัพลดก�าลังเหลือ
Fourteen Points) ของเขาจะได้รับความเห็น ลอแรนถูกส่งคืนให้กับฝรั่งเศส ซีลีเซียตอนบน 100,000 นาย และวิทยาการสงครามสมัยใหม่
ชอบในการประชุมครั้งนี้ แต่อุดมคติดังกล่าว (Upper Silesia) และพื้นที่ส่วนใหญ่ตามชายฝั่ง เช่น เรือด�าน�้า เครื่องบิน รถถัง ปืนใหญ่หนัก ถูก
มิได้ด�ารงอยู่ท่ามกลางความต้องการของชาติผู้ ทะเลของปรัสเซียตกเป็นของโปแลนด์ เบลเยียม ห้ามมีในสาธารณรัฐเยอรมันที่ตั้งขึ้นใหม่ ที่แย่
ได้รับดินแดนเป็นแนวแคบๆ รอบเมืองมัลมีดี ยิ่งไปกว่านั้นเยอรมนีต้องจ่ายเงินในฐานะที่
▼ ผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาในโบสถ์ร้างที่ถูกระเบิด (Malmédy) และแม้แต่ชาติเป็นกลางอย่าง ท�าให้เกิดสงคราม เงินชดเชยจ�านวนมหาศาล
เสียหายทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ในปี 1918 เดนมาร์กก็ยังได้รับดินแดนส่วนของรัฐชเลส ถูกจ่ายให้กับฝรั่งเศส อังกฤษและเบลเยียม ซึ่ง
เยอรมนีอาจทั้งแข็งแกร่งเกินกว่าจะจ่ายหรือ
อ่อนแอเกินกว่าหามาจ่ายได้
เยอรมนียังได้รับแจ้งว่าต้องลงนามยอมรับ
ความผิดที่เป็นการยอมรับผิดชอบส�าหรับการ
เริ่มสงคราม ถึงชาวเยอรมันจะต่อต้านแต่ใน
ที่สุดก็มีการลงนามเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1919
ออสเตรียซึ่งบัดนี้ถูกแยกพื้นที่ส่วนใหญ่ออก
ไปแล้วนั้น ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกับ
เยอรมนี แต่ให้จัดตั้งสาธารณรัฐของตนขึ้นมา
พร้อมกองทัพเล็กๆ และหนี้สินจ�านวนมาก ส่วน
ฮังการีเพิ่งจะเจรจาตกลงหลังพ่ายแพ้ให้กับ
กองทัพแดง และฝ่ายสัมพันธมิตรก็เพิ่งสร้าง
สันติภาพอันโหดร้ายให้กับประเทศที่แตกสลาย
ที่เมืองเทรียนอน (Trianon) ในเดือนมิถุนายน
1920 ส่วนสนธิสัญญาสันติภาพฉบับสุดท้ายท�า
ผลท่ตามมาและสันติภาพ 35
ี
ประมาณการความสูญเสียทางทหาร ใช้ธรรมเนียมปฏิบัติเช่นเดียวกัน ส่วนใน
ทศวรรษ 1920 เยอรมนีและบัลแกเรียจัดให้มี
ระดมพล ตาย บาดเจ็บ เทศกาลไว้อาลัยแแห่งชาติในวันวิญญาณใน
เยอรมนี 11,000,000 1,808,500 4,216,058 แดนช�าระ (All Souls Day) ขณะที่ประเทศอื่นๆ
รัสเซีย 12,000,000 1,700,000 4,950,000 ก�าหนดให้เป็นวันที่ระลึกส�าคัญของชาติอย่าง
ฝรั่งเศส 8,410,000 1,385,000 4,266,000 วันแอนแซก (Anzac Day)
ออสเตรีย-ฮังการี 7,800,000 1,200,000 3,620,000 การร�าลึกถึงผู้เสียชีวิตเป็นส่วนส�าคัญของ
อังกฤษ 8,904,467 908,371 2,090,212 การให้ความหมายแก่การเสียชีวิตของบุคคล
อิตาลี 5,615,000 460,000 947,000 เหล่านั้น นับแต่ช่วงแรกๆ เป็นต้นมา หลุมฝังศพ
โรมาเนีย 750,000 335,706 120,000 ทหารที่เสียชีวิตในสงครามได้รับการอนุมัติให้จัด
ออตโตมาน 2,850,000 325,000 400,000 ตั้งเป็นสุสานอย่างเป็นทางการและบันทึกราย
สหรัฐฯ 4,355,000 126,000 234,300 ชื่อผู้เสียชีวิตไว้ในระดับชาติอีกด้วย มีอนุสรณ์
บัลแกเรีย 1,200,000 87,500 152,390 สถานต่างๆ อาทิ อนุสรณ์วีรชน (Cenotaph)
เซอร์เบีย 707,300 45,000 133,148 และสุสานทหารนิรนาม (Tomb of the
เบลเยียม 267,000 13,716 44,686 Unknown Warrior)
โปรตุเกส 100,000 13,000 18,400 แนวคิดเรื่อง “ทหารนิรนาม” มีพัฒนาการที่
กรีซ 230,000 8,365 21,000 ส�าคัญ ฝรั่งเศสฝังร่างของทหารที่ไม่อาจระบุตัว
มอนเตเนโกร 50,000 3,000 10,000 ตนได้ไว้ใต้ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe)
ญี่ปุ่น 800,000 1,300 907 ในเดือนพฤศจิกายน 1919 เช่นเดียวกับร่าง
ทหารอังกฤษที่ถูกฝังไว้ในมหาวิหารเวสต์มิน
สเตอร์ (Westminster Abbey) ณ กรุงลอนดอน
กับออตโตมานในเดือนสิงหาคม 1920 แต่ก็ตาม การร�าลึก ขณะที่เยอรมนีก็มีจัดการแบบเดียวกันที่กรุง
มาด้วยเหตุการณ์ที่กรีซและตุรกีประกาศ วันสงบศึกตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน ถือเป็น เบอร์ลินเมื่อปี 1931 ส่วนที่ออสเตรเลียมีขึ้นในปี
สงครามกันทันทีท�าให้สนธิสัญญาสิ้นสุดในปี วันส�าคัญของชาติเพื่อการร�าลึกถึงของประเทศ 1993
1923 มีเพียงรัสเซียซึ่งผลจากสงคราม ส่วนใหญ่ในยุโรปและสหรัฐฯ ในอังกฤษมีการ
กลางเมืองได้จัดการกันเองโดยเป็นอิสระจาก ประกาศให้หยุดนิ่งเป็นเวลา 2 นาทีในการฉลอง ▼ ดินแดนยุโรปเปลี่ยนโฉมโดยสิ้นเชิงหลังสงครามยุติในปี
สนธิสัญญาสันติภาพใดๆ วาระปีแรกของการสงบศึกในปี 1919 ฝรั่งเศสก็ 1919
แม้สันติภาพจะเกิดขึ้นแล้วหรืออย่างน้อยก็ Stockholm
เป็นการหยิบยื่นให้ ทวีปยุโรปก็เหนื่อยล้าและตก NORWAY ESTONIA
อยู่ภาวะล้มละลาย การแพร่ระบาดของไข้หวัด North S W E D E N LATVIA
สเปน (Spanish flu) การปิดล้อมและท�าลาย Sea DENMARK Baltic Sea Riga Moscow
GREAT
ธัญพืชท�าให้ผู้คนอยู่ในภาวะอดอยาก และ BRITAIN LITHUANIA
ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองท�าให้มีผู้ Hamburg Danzig R USSIA
อพยพจ�านวนมหาศาลออกมาอยู่เต็มท้องถนน London HOLLAND Berlin
Warsaw
BELGIUM GERMANY POLAND Kiev
ความสูญเสีย Paris LUX. Prague
ยอดความสูญเสียที่แท้จริงของสงครามไม่มีทาง Munich CZECHOSLOVAKIA UKRAINE
ทราบได้ คาดกันว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 ล้าน FRANCE SWITZ. Vienna Budapest Odessa
คน แต่จ�านวนผู้เสียชีวิตในช่วงสงครามไม่อาจ AUSTRIA HUNGARY
ระบุได้แน่ชัด ประเทศต่างๆ ที่มีการเก็บข้อมูล R OMANIA
อย่างดีซึ่งยังคงเหลืออยู่ อนุญาตให้มีการ SPAIN I T Y U G O S L AV I A Bucharest Black Sea
Belgrade
ค�านวณที่แม่นย�าและสมเหตุสมผล แต่อีกหลาย Madrid A L BULGARIA
Sofia
ประเทศการคาดการณ์เป็นวิธีเดียวที่ท�าได้โดย Rome Y ALBANIA Constantinople
เฉพาะเมื่อปัจจัยบางประการ อาทิ ไข้หวัดสเปน
มีผลกระทบต่อผู้คนโดยรวม ทั้งนี้ยังมีจักรวรรดิ G R E E C E TURKEY
ออตโตมานและจักรวรรดิรัสเซียที่เปลี่ยน Athens
สงครามโลกไปสู่สงครามกลางเมืองและเกิด 0 M e d i t e r r a n e a n S e a
600 km
ปะทะกันกับมหาอ�านาจที่เข้าแทรกแซง 0 400 miles
36 อังกฤษ
อังกฤษ
ตามธรรมเนียมอังกฤษใช้กองก�าลังผสมระหว่างราชนาวีกับทหารพันธมิตรภาคพื้นทวีปใน
การจัดการข้าศึกในอ่าว ในปี 1914 อังกฤษซึ่งมีทหารบกฝีมือปานกลางและทหารกอง
หนุนที่ผ่านการฝึกแล้วแต่ไม่มีเงินสนับสนุน ก็ต้องเผชิญกับความต้องการในการท�า
สงครามสมัยใหม่เป็นวงกว้าง ความวิตกว่าเกาะอังกฤษจะถูกรุกรานเกิดขึ้นจากสัญญาณ
เตือนของกิจกรรมทางเรือเยอรมันในทะเลเหนือ และมีกองทหารจ�านวนไม่มากที่พร้อม
ปฏิบัติภารกิจโพ้นทะเล เมื่อเกิดสงครามขึ้นในเดือนสิงหาคม 1914 กองก�าลังนอกประเทศ
อังกฤษ (BEF) ที่มีมาแต่เดิมก็ถูกส่งไปยังฝรั่งเศส ประกอบด้วยกองพลทหารราบ 4
กองพล และกองพลน้อยทหารม้า 5 กองพลเท่านั้น จ�านวนที่จ�ากัดบังคับให้ฝ่ายวางแผน
ของกองทัพอังกฤษต้องยอมเปิดทางให้กับกองทหารนับพันจากทั่วจักรวรรดิอังกฤษและ
การเกณฑ์ทหารในเวลาต่อมา สิ่งนี้ท�าให้อังกฤษประกาศสงครามได้หลายด้านจนสงคราม
ยุติลง ด้วยก�าลังพลพร้อมรบ 3.5 ล้านนายในเดือนพฤศจิกายน 1918 ซึ่งมีถึง 1.5 ล้าน
นายประจ�าการในฝรั่งเศส
Gommecourt
BRITISH VII แนวรบ 1 กรกฎาคม
THIRD
ARMY Serre เป าหมายที่ 1
Bapaume เป าหมายที่ 2
Beaumont
VIII Hamel เป าหมายที่ 3
ดินแดนที่ยึดได วันที่ 1 กรกฎาคม
Le Sars แนวตั้งรับของเยอรมัน
ถนน
X Flers
Ancere Poziéres
III Longueval
Albert Fricourt Montauban
XV Maricourt Bouchavesnes
XIII
XX Curlu FRANCE
BRITISH Bray-sur-
FOURTH Somme Péronne
ARMY
Herbecourt
Somme
Dompierre
Somme 0 6 km
FRENCH SIXTH
ARMY 0 4 miles
ั
ี
ี
ั
การรบคร้งท่ 3 ท่เมืองอีเปอร์ ท่รู้จักกันท่วไปว่า สมรภูมิพาสเชนเดล (Passchendale) ซ่งเป็นการโจมตีของฝ่าย
ึ
ี
สัมพันธมิตรในสภาพท่เต็มไปด้วยโคลนของฤดูใบไม้ร่วงในปี 1917
ี
ภาพน้เป็นภาพกองทหารอังกฤษในสนามเพลาะท่แนวรบด้านตะวันตกเวลากลางคืน กาหนดวันแน่ชัดไม่ได้ แต่
ี
ี
�
หมวกเหล็กกล้าแสดงว่าภาพน้ถ่ายไว้ในคร่งหลังของสงคราม
ี
ึ
38 อังกฤษ
กองทัพอังกฤษ
อังกฤษเริ่มสงครามด้วยทหารอาชีพจ�านวนไม่
มากนัก แต่ไม่นานก็ประจักษ์ว่าจ�านวนน่าจะ
เป็นส่วนส�าคัญที่สุดในสงครามที่ขยายตัวอย่าง
รวดเร็วนี้ จึงมีการเพิ่มปริมาณทันทีเพื่อขยายชั้น
ยศในกองทัพอังกฤษ
ทหารประจ�าการ
ทหารประจ�าการอังกฤษปฏิบัติหน้าที่ในประเทศ
มาตลอดศตวรรษที่ 19 มีการมอบหมายหน้าที่
รักษาการณ์ตามป้อมและเมืองต่างๆ ทั่วโลก
เพิ่มจ�านวนขึ้นส�าหรับการท�าสงครามของ
จักรวรรดิและการลงโทษดินแดนกระด้าง
กระเดื่อง และแม้แต่สู้รบในสงครามครั้งใหญ่กับ
รัสเซียในแหลมไครเมีย แต่เมื่อเยอรมนีเริ่ม
ท�าลายสมดุลอ�านาจในยุโรปและเมื่อกองทัพ
ต่างๆ ในยุโรปเริ่มมีทหารเกณฑ์มากขึ้น ฝ่าย
วางแผนของกองทัพอังกฤษจึงเริ่มมองหา
หนทางขยายขนาดกองทัพด้วยนโยบายการ
ี
�
นายพลผู้สาเร็จราชการคิชเชนเนอร์ ท่กองบัญชาการ
ิ
ี
กองทัพท่กรุงพริทอเรีย แอฟริกาใต้ ในวันส้นสุดสงครามโบ
เออร์ วันท่ 19 กรกฎาคม 1902 จอมพลดักลาส เฮก ตรวจพลกองทหารแคนาดา ซึ่ง โรงเรียนของรัฐ มีทหารจ�านวนไม่มากที่มาจาก
ี
ี
�
เป็นองค์ประกอบสาคัญในความพยายามของอังกฤษท่จะ
เอาชนะในแนวรบด้านตะวันตก ครอบครัววิชาชีพ แต่กระนั้นคนในแหล่งที่มา
ตามธรรมเนียมก็ยังหันออกไปท�าการค้าหรือ
ท�างานราชการอื่นๆ หลายคนอยู่ในอาณานิคม
เกณฑ์ทหารแบบใหม่ ปัญหาอย่างหนึ่งคือทหาร
เกณฑ์ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมกับกองทัพ ซึ่งเป็น ทหารกองหนุน
มาเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อกองทัพยังมีขนาดเล็กในช่วง อังกฤษมีหน่วยพลเรือนติดอาวุธ (militia) หรือ
ก่อนสงคราม ทหารกองหนุน และทหารอาสาสมัคร (volun-
แม้ว่าภาพรวมของประชากรอังกฤษจะดี teer) มานานแล้ว ซึ่งรวมกันได้จ�านวนมากใน
กว่าของฝรั่งเศส แต่ก็มีชายหนุ่มจ�านวนมาก ช่วงที่เกิดความหวาดกลัวการรุกรานของนโป
อพยพไปนอกประเทศ ส่วนใหญ่ไปที่แคนาดา เลียน เห็นได้ชัดว่าต้องจัดการกับความหวาด
แต่ก็ยังไปที่ออสเตรเลียด้วย สิ่งนี้ท�าให้ลด กลัวการรุกรานครั้งใหม่และความเป็นไปได้
จ�านวนทหารเกณฑ์ที่คาดหวังลงและยังท�าให้ อย่างที่สุดของการเกิดสงครามวงกว้าง หากกอง
เกิดการว่างงานในประเทศ ซึ่งชดเชยด้วย ก�าลังนอกประเทศถูกส่งไปฝรั่งเศส และมี
แรงงานไร้ฝีมือและคนว่างงาน อันเป็นที่มาของ 62,000 นายถูกส่งไปแอฟริกาใต้เพื่อจัดการพวก
ทหารเกณฑ์อีก 2 แหล่ง ในปี 1908 กองทัพ โบเออร์ จึงเห็นได้ชัดว่าต้องการก�าลังพลอีกมาก
ต้องการทหารเกณฑ์ราวปีละ 35,000 นาย เพื่อ ส�าหรับสงครามในยุโรป ท�าให้มาตุภูมิแทบจะ
รักษาความมั่นคง แต่ก็เกณฑ์มาได้ราว 30,000 ไม่มีการป้องกันและเสี่ยงต่อการถูกโจมตีได้ง่าย
นาย ส่งผลให้ในเดือนพฤษภาคม 1914 กองทัพ กองหนุนพิเศษ (Special Reserve จ�านวน
ขาดแคลนก�าลังพลไปถึง 11,000 นาย ประมาณ 75,000 นาย) ก่อตั้งขึ้นในฤดูร้อนปี
นอกจากนี้ยังขาดแคลนนายทหารในทุกชั้น 1907 และอาจช่วยให้มีก�าลังพลส�าหรับทดแทน
ยศ ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นการสืบทอดกันในตระกูล ทหารเกณฑ์ที่ถูกส่งไปต่างประเทศ แม้ปริมาณ
ทหาร ชนชั้นสูง ผู้มีการศึกษาและคนที่เรียนจบ จะยังไม่เพียงพอแต่ก็ได้รับการเสริมด้วยการจัด
กองทัพอังกฤษ 39
ตั้งหน่วยรักษาดินแดน (Territorial units) ใน เฮราชิโอ คิชเชนเนอร์ (Horatio Kitchener -
เดือนเมษายน 1908 บางหน่วยผนวกเข้ากับ วีรบุรุษชื่อดังจากสงครามในซูดานผู้ก้าวขึ้นมา
หน่วยทหารเกณฑ์ ขณะที่บางหน่วยเป็นกอง เป็นรัฐมนตรีสงครามในวันที่ 5 สิงหาคม 1914)
ก�าลังรักษาดินแดนเอกเทศ กระทั่งเดือน คาดการณ์ว่าการต่อสู้จะยืดเยื้อและยืนยันว่าจะ
มิถุนายน มีนายทหารและทหารในกองทหาร ต้องมีการเพิ่มจ�านวนก�าลังพลในกองทัพทันที
ราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่และทหารช่าง ตามความจ�าเป็นของสงคราม
จ�านวน 144,620 นาย ส่วนใหญ่สืบทอดโดยตรง คิชเชนเนอร์เป็นนายทหารผู้มีประสบการณ์
มาจากหน่วยกองหนุนอาสาสมัครและทหาร ซึ่งความเห็นของเขาที่มีน�้าหนักในการพิจารณา
โยแมนริ (yeomanry) หรือทหารม้าอาสาสมัคร นั้น เห็นว่าความเป็นไปได้ในการใช้กองก�าลัง
เหล่านี้เป็นอาสาสมัครที่ท�าสัญญาปฏิบัติหน้าที่ รักษาดินแดนดูจะไม่สมจริงนักและให้ความ
เป็นเวลา 4 ปี และคนที่อาสาไปปฏิบัติหน้าที่ใน ส�าคัญกับการเพิ่มจ�านวนทหารประจ�าการ
ต่างประเทศเมื่อมีการระดมพลที่เรียกกันว่า มากกว่า วันที่ 7 สิงหาคม ค�าร้อง “เพิ่มก�าลังพล
พันธะทางการทหารของจักรวรรดิ 100,000 นายให้แก่กองทัพทหารประจ�าการของ
นอกจากความกระตือรือร้นในชั้นแรก กอง สมเด็จพระราชา” ก็ถูกส่งออกไป บุคคลที่มีอายุ
ก�าลังรักษาดินแดนก็มีปัญหาคล้ายๆ กันในการ ระหว่าง 19 - 30 ปี ได้รับการเชิญชวนให้เข้าเป็น
หาก�าลังให้เพียงพอ และค่อยถดถอยลงจากเมื่อ ทหารอาสาสมัครเป็นเวลา 3 ปีหรือตลอดช่วง
แรกตั้งในปี 1912 ยิ่งกว่านั้นมีนายทหารเพียง สงคราม ซึ่งก�าลังพลกลุ่มนี้ส่วนใหญ่รวมกันเข้า
1,090 นาย และทหารอีก 17,788 นาย ที่เข้า เป็นกองพันในกรมทหารราบแต่ละกรม เรียกว่า
ปฏิบัติพันธะทางการทหารของจักรวรรดิในเดือน กองพันรบ (Service Battalions) ทั้งนี้กรมทหาร
กันยายน 1913 หลักๆ อย่างเช่น กรมทหารรอยัลเบิร์กเชอร์ ภาพสวยหรูในป้ายเกณฑ์ทหารช่วงแรกน้ต่อมาถูกแทนท ่ ี
ี
ี
ข้อจ�ากัดต่างๆ ที่เกิดจากการบังคับใช้ระบบ (Royal Berkshire Regiment) มีกองพันทหาร ความจริงอันโหดร้ายของสงครามสมัยใหม่ท่ใช้ปืนใหญ่เป็นหลัก
ดังกล่าวเห็นได้เด่นชัดในเดือนสิงหาคม 1914 ประจ�าการ 2 กองพัน (กองพันที่ 1 และกองพัน
ผู้น�าฝ่ายวางแผน รวมถึงเซอร์ดักลาส เฮก (Sir ที่ 2) ส่วนกองพันที่ 3 เป็นส่วนของทหารกอง
Douglas Haig - ทหารอาชีพที่บังคับบัญชากอง หนุน กองพันที่ 4 เป็นกองพันรักษาดินแดน และ ทหารอังกฤษเมื่อเดินทางมาถึงฝร่งเศส ต้งค่ายท่ท่าเรือ
ั
ี
ั
ก�าลังนอกประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่) และ กองพันที่ 5 เป็นกองพันรบ เมืองรูอ็องในปี 1914
40 อังกฤษ
ยอร์กเชอร์ตะวันออก (Yorkshire Regiment)
ซึ่งทหารปืนใหญ่ก็ใช้วิธีจัดตั้งหน่วยแบบนี้เช่น
กัน
ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงปีนั้นเอง กองพัน
ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองพันสหายศึกหรือไม่
ก็ตาม ได้รับการรวมเข้าในสายบังคับบัญชา
และมีการบริหารในโครงสร้างที่ยืมมาจากทหาร
ประจ�าการ ในที่สุดกองทัพใหม่ที่ 1 ก็เกิดขึ้น
ระหว่างวันที่ 4 สิงหาคม - 12 กันยายน มีทหาร
เข้าร่วมกองทัพนี้ถึง 478,893 นาย
การเกณฑ์ทหาร
อาสาสมัครเหล่านี้มิใช่ทรัพยากรบุคคลที่จะหา
ใหม่ได้ตลอดเวลา การบาดเจ็บล้มตายอย่าง
มากตลอดปี 1915 ท�าให้ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่
ข้อจ�ากัดบางประการในการเข้าประจ�าการถูก
กลุ่มผู้ประท้วงเดินขบวนต่อต้านพระราชบัญญัติการ การเรียกระดมพลเพิ่มเติมเพราะต้องการ ยกเลิก เช่น การจัดตั้งกองพันบันตัม (Bantam)
ี
ประจ�าการในกองทัพปี 1916 ท่กรุงลอนดอน กฎหมายดัง
กล่าวเป็นการเกณฑ์ทหารเต็มอัตราเป็นคร้งแรกใน ก�าลังพลมากขึ้น ทหารกองหนุนได้รับการฝึกฝน ส�าหรับชายที่มีความสูงน้อยกว่าก�าหนด เป็นต้น
ั
ประวัติศาสตร์การทหารอังกฤษ ให้มีความแข็งแกร่ง มีการผลัดเปลี่ยนก�าลังพล มีแรงกดดันเกิดขึ้นในการบังคับเข้าเป็นทหาร ซึ่ง
ไปทดแทนทหารที่ตายหรือบาดเจ็บ ผู้มีอ�านาจ วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) ก็เป็นผู้
ยังมอบอ�านาจให้หน่วยงานท้องถิ่นจัดตั้ง หนึ่งที่ผลักดันการเกณฑ์ทหารอย่างเต็มที่ ส�านัก
ทหารอาสาสมัคร กองพันของคนในท้องถิ่นที่มีความเชื่อมโยงใน ทะเบียนแห่งชาติเปิดเผยข้อมูลว่ามีชาย
สงครามกระตุ้นให้เกิดกระแสความรักชาติและ พื้นที่อีกด้วย ทหารเกณฑ์เหล่านี้รวมกันอยู่ในสิ่ง มากกว่าห้าล้านคนที่มีอายุเหมาะสมแต่ไม่ได้
การเพิ่มจ�านวนทหารเกณฑ์ขึ้นฉับพลัน ทหาร ที่เรียกว่า กองพันสหายสงคราม (Pals
ิ
ี
อาสาสมัครจะอยู่ในการบังคับบัญชาของทหาร battalions) ซึ่งเป็นการจัดตั้งกองพันรบของท้อง การเกณฑ์ทหารเป็นส่งท่สร้างความวิตกกังวลตลอด
ช่วงสงคราม ในภาพเป็นการเดินขบวนท่กรุงลอนดอน เมื่อ
ี
ประจ�าการหรือทหารรักษาดินแดน กระบวนการ ถิ่นขึ้นมาเพื่อรวมเข้ากับกรมทหารที่มีอยู่แล้ว ปี 1916 นาโดยสิบตรีดไวเออร์ (Lance Corporal Dwyer)
�
ในชั้นแรกประสบปัญหาหลายอย่างแต่ก็เป็น ตัวอย่างเช่น ฮัลล์ คอมเมอร์เซียล (Hull ทหารอายุน้อยท่สุดในเวลาน้นซึ่งได้รับพระราชทานเคร่อง
ี
ื
ั
ระบบตามมาในไม่ช้า Commercials) จัดตั้งกองพันที่ 10 ในกรมทหาร ราชอิสริยาภรณ์กางเขนวิคตอเรีย
จ�านวนทหารอาสาสมัครสูงในเดือน
สิงหาคม 1914 ระหว่างวันที่ 4 - 8 สิงหาคม มีผู้
สมัครเป็นทหารอาสาสมัคร 8,193 คน ส่วน
ใหญ่หลั่งไหลกันเข้ามาสมัครที่ส�านักงานเกณฑ์
ทหารหลักที่กรุงลอนดอน ความพ่ายแพ้ที่เมือง
มงส์ (Mons) ในปลายเดือนสิงหาคม 1914 ยิ่ง
เพิ่มจ�านวนการเกณฑ์ทหารมากขึ้น ซึ่งมีจุด
สูงสุดอยู่ที่สิ้นเดือนสิงหาคม และสัปดาห์แรก
ของเดือนกันยายน ปัจจัยด้านความรักชาติมี
ความส�าคัญ แต่จ�านวนที่เพิ่มขึ้นยังมาจาก
จ�านวนคนที่ว่างงานอีกด้วย
ขณะเดียวกันหน่วยรักษาดินแดนก็เพิ่ม
จ�านวนขึ้นอย่างฉับพลัน แต่การตอบสนองค่อน
ข้างต�่าจากทหารรักษาดินแดนต่อพันธะทางการ
ทหารของจักรวรรดิที่ก�าหนดให้ทหารแต่ละนาย
ต้องปฏิบัติหน้าที่ในดินแดนโพ้นทะเล หน่วย
ส่วนใหญ่แยกออกเป็นคนที่อาสาไปปฏิบัติ
หน้าที่โพ้นทะเลครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่ง
ต้องการประจ�าอยู่ที่เดิม ซึ่งปรากฏว่ามี 318
กองพันที่ไปประจ�าการในต่างประเทศ
กองทัพอังกฤษ 41
การน�าการเกณฑ์ทหารไปใช้ในเดือนพฤษภาคม
1917 แม้ว่าจะมีการต่อต้านและไม่ได้ทหาร
เกณฑ์มากนักก็ตาม กองทัพอินเดียยังคงอาศัย
การเกณฑ์ทหารจากท้องถิ่น ซึ่งมีกระทั่งคนงาน
ที่ถูกเกณฑ์มาเป็นทหารแม้ตัวจะอยู่แอฟริกา
ก็ตาม
ยังคงมีการขาดแคลนก�าลังคน โดยเฉพาะ
ในหมู่นายทหาร และความต้องการวิทยาศาสตร์
การทหาร เช่น การฝึกฝนทหารช่าง เป็นต้น
กระนั้นกองทหารส่วนใหญ่ของอังกฤษก็ได้รับ
ก�าลังพลและทรัพยากรส�าหรับทหารของตนและ
พันธมิตร เช่น โรมาเนียที่อังกฤษจัดหา
ยุทธภัณฑ์ให้ใหม่ในปี 1918 และตลอดช่วง
�
ี
ั
กองกาลังนอกประเทศของแคนาดาท่ 1 ต้งท่าถ่ายภาพ ทหารด้วย ยกเว้นในไอร์แลนด์ ที่ถูกมองว่าอาจ สงคราม รัสเซียก็ได้รับยุทธภัณฑ์หลายพันตันซึ่ง
ั
ในท่ราบซอลส์บรี (Salisbury) ซึ่งเป็นท่ใช้ต้งค่ายในเดือน
ี
ี
พฤศจิกายน 1914 มีการตอบโต้รุนแรง ไปตกอยู่ในมือของฝ่ายต่อต้านการปฏิวัติในปี
ในเวลาใกล้เคียงกัน ผู้น�ากองทัพอังกฤษ 1918 - 1919 เป็นต้น
เข้าอยู่ในก�าลังพล และในจ�านวนนั้นมีถึง 2.1 เน้นความส�าคัญของการขาดแคลนทหาร กอปร แม้จะมีการต่อต้านระบบบังคับอยู่บ้าง แต่
ล้านคนที่ยังไม่แต่งงาน กับความจ�าเป็นของการโจมตี ทหารรักษาดิน ในภาพรวมถือว่าการต่อต้านน้นไม่สาเร็จในแง่
ั
�
ร่างพระราชบัญญัติราชการทหารได้รับการ แดนซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ก�าลังจะหมดลง ก็รู้สึก การจัดต้งองค์กรหรือวิธีการท่ต้องใส่ใจ มีเพียง
ี
ั
เสนอเมื่อเดือนมกราคม 1916 และผ่านเป็น ว่าจะต้องปฏิบัติหน้าที่ไปตลอดช่วงสงคราม ดัง พรรคแรงงานเอกเทศ (Independent Labour
กฎหมายในเดือนมีนาคม เมื่อแรกนั้นจ�านวนผู้ นั้นอังกฤษจึงเข้าร่วมกับมหาอ�านาจอื่นๆ ใน Party) และภาคีคัดค้านการเกณฑ์ทหาร
ี
ได้รับการยกเว้นมีสูงมากเพราะให้ความส�าคัญ ภาคพื้นทวีป ในฐานะชาติที่มีการเกณฑ์ทหาร (No-Conscription Fellowship) ท่ประกาศต่อ
กับความเห็นสาธารณะ และมีผู้ที่ไม่ตอบรับการ ในเดือนมีนาคม 1916 ต้านการบังคับเกณฑ์ทหารอย่างชัดเจน แรงผลัก
เรียกตัวจ�านวนมาก จากเมื่อแรกที่กฎหมาย สถานการณ์ในจักรวรรดิซับซ้อนยิ่งขึ้น ดันจ�านวนมากจากสันนิบาตการเกณฑ์ทหาร
�
ก�าหนดเรียกตัว 193,891 คน มีคนไม่มาแสดง ออสเตรเลียและแอฟริกาใต้จะส่งอาสาสมัครมา แห่งชาติ (National Service League) ทาให้
ตัวถึง 57,416 คน ต่อมาจึงมีการเสนอร่าง ร่วมรบเป็นจ�านวนค่อนข้างมาก แต่ปฏิเสธการ รัฐบาลและกองทัพต้องนาระบบดังกล่าวมาใช้
�
พ.ร.บ. ฉบับที่ 2 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีผล เกณฑ์ทหาร ขณะที่นิวซีแลนด์น�าการเกณฑ์
บังคับใช้ในวันที่ 25 พฤษภาคม ในกฎหมายซึ่ง ทหารไปใช้ในฤดูร้อนปี 1916 สถานการณ์ใน สุขภาพและพละกาลังของทหารเกณฑ์อังกฤษเป็นส่งท ี ่
ิ
�
ชายที่แต่งงานแล้วก็ถูกเรียกตัวมารับราชการ แคนาดากลับซับซ้อนยิ่งกว่า แต่ในที่สุดก็มี ให้ความสาคัญอย่างมากในปี 1914
�
42 อังกฤษ
นายพลและเสนาธิการ
นายพลอังกฤษสวมเครื่องแบบหลากหลาย แต่ (major generals) และพลจัตวา (brigadier สวมกับรองเท้าบูทหรือสนับแข้ง โดยทั่วไป
นายพลส่วนใหญ่ที่ประจ�าการอยู่แนวหน้าหรือ generals) กางเกงขี่ม้ามีกางเกงซ้อนข้างในแต่กางเกงขา
บริเวณใกล้เคียงในช่วงสงครามจะสวมเครื่อง ยาวทั่วไปก็มีด้วยเช่นกัน
แบบปกติ (service dress) ของนายทหาร เสื้อแจ๊กเกตและกางเกงขี่ม้า
กระนั้นเมื่ออยู่ในสนามรบ นายพลก็ยอมเลี่ยง นายทหารทั้งเหล่าสวมเครื่องแบบที่สั่งตัดเย็บ หมวก
ออกจากการยึดติดกับกฎระเบียบเช่นเดียวกับ เฉพาะบุคคล ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงความหลาก นายพลสวมหมวกทรงหม้อตาล (service Cap)
ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในหลุมเพลาะ นายพล หลายที่เกิดจากการตัดเย็บและระดับสีที่ท�าตาม มีกะบัง สายหนังรัดคาง แถบสีแดงสดและ
ประกอบด้วย จอมพล (field marshals) พลเอก ข้อบังคับไม่ได้ เครื่องหมายแสดงชั้นยศ ตามปกติจะสวมแบบ
(generals) พลโท (lieutenant generals) พลตรี ตามปกติเสื้อแจ๊กเกตน�ามาใช้เมื่อปี 1914 ตั้งตรง แต่โครงหมวกถอดออกได้เพื่อให้หมวกดู
ซึ่งก�าหนดเป็นทางการว่า “ผ้าเสิร์จผสมทอ
ลายสองสีเหลืองทึม” (drab mixture serge)
กระดุมแถวเดียวพร้อมคอปกและคอแบะแคบๆ
แจ๊กเกตชนิดนี้กลัดกระดุมได้ 4 เม็ด มีกระเป๋า
หน้าอก 2 ใบและกระเป๋าที่เอวอีก 2 ใบ ส่วน
ทหารที่ราบสูง (ทหารไฮแลนเดอร์) สวมเสื้อแจ๊ก
เกตต่างออกไป ซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะสวมเสื้อเชิ้ตสี
เหลืองทึม (สีเขียวมะกอก-olive green) ทว่า
ระดับสีของเสื้อเชิ้ตที่พบได้มีตั้งแต่สีเขียวอ่อนไป
จนถึงสีน�้าตาลเข้ม
เสื้อเชิ้ตเหล่านี้ใช้สวมร่วมกับเน็คไทหรือผ้า
ผูกคอ (cravat) สีเหลืองทึมหรือสีเขียว และมัก
จะใช้หมุดปักขวางปกเสื้อ
นายพลส่วนใหญ่จะมีจุดเด่นให้สังเกตได้ที่
แถบสีแดงสดบนปกเสื้อ เรียกกันว่าแผ่นติดปก
เสื้อ (gorget patches) ซึ่งประดับด้วยดิ้นโลหะ
แบบต่างๆ ทั้งนี้ จอมพล พลเอก พลโท พลตรี
และพลจัตวา ล้วนมีใบโอ๊กทองค�าประดับอยู่
ด้วย
ยศยังทราบได้จากอินทรธนูที่บ่าแจ๊กเกต
นายพลเป็นรูปคทาไขว้ พวงมาลัยและมงกุฎ
พลเอกเป็นรูปกระบี่ไขว้กับคทา ภายใต้ดาว
(pip) และมงกุฎ พลโทเหมือนกับพลเอกแต่ไม่มี
รูปดาว ส่วนพลตรีใช้รูปดาวแทนที่มงกุฎ และ
พลจัตวามีเพียงรูปกระบี่ไขว้กับคทา
กางเกงขี่ม้าเป็นที่นิยมในหมู่นายพลต่างๆ
และส่วนใหญ่จะผูกหรือติดกระดุมที่หัวเข่าและ
ี
นายพลกองพลน้อย, ปี 1915 นายทหารผู้น้สวม
ื
เคร่องแบบมาตรฐานตามชั้นยศ พร้อมกางเกงข่ม้าและ
ี
ื
ิ
รองเท้าบูทติดเดือยส้นเท้า เคร่องหมายสัมฤทธ์ท่ประดับ
ี
บนแขนขวาแสดงว่าประจ�าการในกองบัญชาการกองทัพ
ี
พลโท, ปี 1917 ในภาพเป็นการสวมหมวกท่จัดซื้อต่าง
หากพร้อมเคร่องหมายท่เชื่อมไว้ท่หน้าหมวก ในภาพ
ี
ื
ี
ี
สะพายแฟ้มแผนท่ซึ่งมีสายสะพายคล้องบนไหล่ขวา
นายพลและเสนาธิการ 43
การซื้อขายหมวกเหล็กของเหล่านายพลสวมที่ ประจ�ากองพลสวมแถบผ้าสีแดง พร้อมอักษร
ในเวลาต่อมากลับถูกสั่งห้ามจนต้องหันไปสวม CD ส�าหรับทหารม้าหรือลายเส้นรูปปืนส�าหรับ
หมวกที่ถูกต้องตามกฎระเบียบแทน เช่นหมวก ทหารปืนใหญ่ ส่วนนายทหารกองพลน้อยสวม
โบรดี (Brodie helmet) ได้รับสิทธิบัตรในเดือน แถบผ้าสีฟ้า พร้อมอักษร CB ส�าหรับทหารม้า
สิงหาคม 1915 แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะ ในเวลาต่อมามีการติดเครื่องหมายกองพลไว้บน
ไปถึงแนวหน้า นอกจากนี้ในบางครั้งหมวกเหล็ก แถบผ้าดังกล่าวด้วย นายทหารเหล่ารถถังที่
ยังสวมโดยมีผ้าคลุมแล้วเขียนลายเครื่องหมาย ประจ�าอยู่กับเสนาธิการใช้ปลอกแขนสีเขียว
ชั้นยศด้วยลายเส้นสีด�าอีกด้วย แดงและน�้าตาลที่มีตรารูปรถถังสีขาวติดอยู่
ส่วนรถเสนาธิการก็มีธงชายหรือธงสามเหลี่ยมที่
เครื่องประกอบอื่นๆ มีการออกแบบเช่นเดียวกันติดไว้ด้วย
นายพลมักจะสวมเข็มขัดแซมบราวน์ (Sam
ี
Browne belt) โดยจะมีหรือไม่มีสายพาดเฉียง นายทหารเสนาธิการ, ปี 1917 ท่านน้สวมหมวกเหล็ก
ี
เซาะร่องท่ดูเหมือนจะทาให้แข็งแรงมากข้นแต่ไม่ถูกกฎ
ึ
�
บ่าก็ได้ พร้อมถือปืนสั้น กล้องสองตาและกล่อง ระเบียบ เขายังสวมปลอกแขนท่ด้านขวาแสดงว่าประจา �
ี
ใส่แผนที่ ขณะที่ไม้เท้า ไม้ตะพดหรือไม้หวาย การอยู่ในกองบัญชาการกองทัพ
หลากหลายชนิดก็ขึ้นอยู่กับความนิยมของแต่ละ
บุคคลซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่นเดียวกับหนวด
ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจ�าเป็นของนายทหารและนาย
พลในเวลานั้น
ชุดนายทหาร
นายทหารที่ประจ�าอยู่กับเสนาธิการก็ประดับ
แผ่นติดปกเสื้อสีแดงสด ส่วนนายทหารที่ยศชั้น
นายพลประดับลายลูกโซ่ดิ้นทอง ส่วนของพัน
เอกในฝ่ายเสนาธิการประดับลายลูกโซ่ไหมสี
แดง นายทหารธุรการสวมแผ่นติดปกเสื้อสีฟ้า
ประดับลายลูกโซ่สีแดงเข้ม และนายทหารฝ่าย
การข่าวกรองสวมแผ่นติดปกเสื้อสีเขียว ทั้งนี้
ตามปกตินายทหารจะมีสวมหมวกพันด้วยแถบ
ผ้าสีแดงสด
บรรดานายทหารตั้งแต่ผู้ช่วยเลขานุการ
กองทัพไปจนถึงนายทหารคนสนิทและนาย
นายพล, ปี 1917 เคร่องหมายหน้าหมวกของนายพล ทหารจเร ล้วนถูกก�าหนดให้สวมหมวกหนีบที่มี
ื
ท่านน้มีภาพสิงโต แสดงยศไว้บนอินทรธนูและรูปใบโอ๊กติด
ี
ี
อยู่ท่แผ่นติดปกเส้อ ื กะบังแบบประดับลวดลายหรือกะบังแบบเรียบ
ตามชั้นยศ และยังต้องคลุมด้วยวัสดุสีทึมให้พอ
เหมาะกับการแสดงแถบสีแดงเข้ม มี
หลวมขึ้น ส่วนในโอกาสที่เป็นทางการมากขึ้นจะ เครื่องหมายและกะบัง
สวมหมวกที่มีดิ้นทองสองแถวที่กะบังหมวก
จอมพลประดับเครื่องหมายเช่นเดียวกับที่อยู่บน ปลอกแขน
อินทรธนูบนบ่าแต่ละข้างพร้อมรูปสิงโตประกอบ แถบผ้าพันต้นแขนหรือปลอกแขนใช้สวมที่แขน
นายพลชั้นอื่นๆ ก็ประดับเครื่องหมายท�านอง ขวาเพื่อระบุว่านายทหารผู้นั้นสังกัดกองพลหรือ
เดียวกันแต่ใช้รูปกระบี่ไขว้กับคทาแทนรูปคทา กองพลน้อย หรือปฏิบัติภารกิจนายทหาร แม้จะ
ไขว้ คาดหวังเพียงให้สวมใส่เฉพาะที่กองบัญชาการ
เมื่อมีการน�าหมวกเหล็กมาใช้ นายพล ก็ตาม
จ�านวนหนึ่งยังคงประดับเครื่องหมายที่หน้า นายทหารที่ประจ�ากองบัญชาการของนาย
หมวกอยู่ มีตัวอย่างหนึ่งของหมวกอาดรียง พลสวมปลอกแขนสีแดงบนพื้นสีฟ้ามีมงกุฎสีด�า
(Adrian helmet) ของฝรั่งเศสที่มีเครื่องหมายดัง อยู่ด้านบนตามมาด้วยอักษรสีแดงด้านล่าง
กล่าวติดอยู่ที่ใช้สวมในช่วงกลางปี 1915 ซึ่งซื้อ ได้แก่ MS (เสนาธิการกองทัพ) A (ทหาร
ขายกันอย่างลับๆ เช่นเดียวกับอีกกรณีหนึ่งที่มี สารบรรณ) Q (ทหารพลาธิการ) ทั้งนี้ นายทหาร
44 อังกฤษ
ทหารรักษาการณ์
ทหารรักษาการณ์ (Guards) เป็นกองก�าลัง (Household Cavalry) อีก 3 กรม ทหารจาก พฤศจิกายน 1907 และใช้อักษรย่อทองเหลือง
พิเศษในกองทหารประจ�าการของอังกฤษ กรมเหล่านี้ยังจัดตั้งเป็นกองพันทหารราบเรียก แบบต่างๆ ทหารรักษาการณ์เกรนาเดียร์และ
ประกอบด้วยกรมทหารราบ กรมทหารม้าและ ว่า กองพันแห่งมาตุภูมิ (the Household ทหารรักษาการณ์สกอต กองพันที่ 2 ที่มีรูป
เหล่าสนับสนุนจ�านวนหนึ่ง ในปี 1914 มีกรม Battalion) ส่วนกรมทหารรักษาการณ์ปืนกล ดอกทิสเซิลเล็กๆ ติดแผ่นป้ายสี่เหลี่ยมสีแดง
ทหารราบรักษาการณ์ 4 กรม หรือที่เรียกว่า เพิ่มเข้ามาในปี 1918 ที่มีชื่อหน่วยสังกัดสีขาวปักไว้ รูปแบบเช่นนี้
ทหารรักษาการณ์ทั้งสี่ คือทหารรักษาการณ์เกร ปรากฏให้เห็นเป็นที่จดจ�าได้ตลอดช่วงสงคราม
นาเดียร์ (Grenadier) ทหารรักษาการณ์โคลด์ ทหารราบรักษาการณ์ ทหารไอริชใช้อักษรสีขาวบนพื้นเขียว ทหารเวลช์
สตรีม (Coldstream) ทหารรักษาการณ์สกอต กรมทหารราบรักษาการณ์อังกฤษมีความเป็น ใช้สีขาวบนพื้นเหลืองทึม ส่วนทหารรักษาการณ์
และทหารรักษาการณ์ไอริช กรมที่ 5 คือทหาร มายาวนาน และยึดมั่นในธรรมเนียมปฏิบัติอันมี โคลด์สตรีมไม่มีการใช้ป้ายผ้า ขณะที่แถบอักษร
รักษาการณ์เวลช์ที่เพิ่มเข้ามาในปี 1915 เกียรติที่สั่งสมมา เช่นเดียวกับหน่วยทหาร โลหะชุบทองประดับบ่าก็ใช้อยู่บ้างในบาง
นอกจากนี้ยังมีกรมทหารม้าแห่งมาตุภูมิ ลักษณะเดียวกันในภาคพื้นทวีปคือทหารใน โอกาสอย่างป้ายแบบถอดได้ง่ายซึ่งน�ามาใช้เมื่อ
รัสเซียและปรัสเซีย แต่โดยทั่วไปทหารเหล่านี้ใช้ ปี 1916
อาวุธและยุทโธปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่นทหารราบ กางเกงขายาวเป็นผ้าเสิร์จสีเหลืองทึมและ
หน้ากระดาน อย่างไรก็ตามการเป็นทหารรักษา ใช้สวมได้กับทั้งเข็มขัดและสายโยงกางเกง สนับ
การณ์หมายความว่าทหารเหล่านี้ต้องมีลักษณะ แข้งก็สวมกันแพร่หลายรวมถึงนายทหาร แม้ว่า
แตกต่างบางประการ นายทหารอาวุโสจะขี่ม้าและสวมกางเกงขี่ม้า
ทหารราบรักษาการณ์สวมเครื่องแบบปกติสี และรองเท้าบูทก็ตาม เช่นเดียวกับรองเท้าบูท
เหลืองทึมตามแบบที่ได้รับอนุมัติในปี 1902 เสื้อ หุ้มข้อ (หรือ “รองเท้าบูทระเบิด”) ซึ่งมีทั้งหนังสี
ชั้นนอกมีกระดุมแถวเดียว คอพับและมีกระเป๋า ด�าหรือสีน�้าตาล
ขนาดใหญ่แบบกลัดกระดุม 4 ใบ ขณะที่เสื้อก็มี หมวกทรงหม้อตาลที่น�ามาใช้เมื่อปี 1905 ที่
กระดุมโลหะสี 4 เม็ด บ่าเสริมด้วยผ้าพิเศษและ ปรากฏสวมกันทั่วไปนั้นมีโครงเสริมความแข็ง
อินทรธนูเปลือยส�าหรับทหารราบรักษาการณ์ แรง กะบังหมวกสีเหลืองทึมและสายรัดคางท�า
สวม ทั้งนี้นายทหารจะประดับเครื่องหมายชั้น ด้วยหนังติดกับตัวหมวกด้วยกระดุมเม็ดเล็กๆ
ยศบนบ่าของแจ๊กเกตหรือต้องเปลี่ยน ของกรมทหาร 2 เม็ด ปกติสายรัดคางจะปล่อย
เครื่องหมายหากสวมเสื้อชั้นนอกของชั้นยศอื่น ไว้เหนือกะบังมากกว่าสวมใต้คาง ตราหน้า
ทหารรักษาการณ์ติดป้ายผ้าชื่อสังกัดที่หัวไหล่ หมวกมีหลายแบบต่างๆ กันตามกรมทหาร
ซึ่งต่างจากทหารที่ประจ�ากรมทหารราบหน้า แต่ละกรม
กระดานที่ส่วนใหญ่เลิกติดป้ายผ้าในเดือน กระดุมมักจะจ�าลองมาจากเครื่องหมาย
แม้ว่าทหารไอริชจะใช้รูปฮาร์พและมงกุฎ กรม
พลทหาร, ทหารรักษาการณ์เกรนาเดียร์ กองพันท ี ่ ทหารปืนกลที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1918 ก่อนหน้านั้น
ี
ี
4 ปี 1917 ทหารคนน้ประดับแผ่นผ้าติดหัวไหล่ท่พบได้ยาก มีการจัดตั้งกองร้อยปืนกลที่ใช้ดาวทหารรักษา
ในหน่วยรบปกติ ซึ่งในกรณีของทหารรักษาการณ์เกรนา
ื
เดียร์และทหารรักษาการณ์สกอต ใช้อักษรสีขาวบนพ้นส ี การณ์ (Guards star) เป็นตราหน้าหมวก ติด
แดง เครื่องหมายรูปล�ากล้องปืนไขว้ที่ปกเสื้อ และติด
ป้ายผ้าปักอักษร MG พร้อมเลขโรมันระบุกอง
เครื่องหมายหน้าหมวกทหารราบรักษาการณ์
ทหารรักษาการณ์เกรนาเดียร์ ลูกระเบิดมีเปลว
ทหารรักษาการณ์โคลด์สตรีม ดาวจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์
ทหารรักษาการณ์สกอต ดาวจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทิสเทิล
ทหารรักษาการณ์ไอริช ดาวจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญแพทริก (กับใบแชมร็อก)
ทหารรักษาการณ์เวลช์ (1915) ต้นกระเทียมฝรั่ง (leek)
กองพันมาตุภูมิ อักษรย่อในวงรีภายใต้มงกุฎ
กรมทหารปืนกล (1918) อักษรย่อพระนามพระเจ้าจอร์จที่ 5 บนแถบผ้าเหนือปืนกลไขว้
ทหารรักษาการณ์ 45
ทหารรักษาการณ์ปืนกล ส่วนกองพันที่ 4 แยก
เครื่องหมายหน้าหมวกกรมทหารม้า
มาจากกองร้อยปืนกลต่างๆ และยังมีการจัดตั้ง
กรมทหารม้ารักษาพระองค์ที่ 1 อักษรย่อกรมทหารม้ารักษาพระองค์ที่ 1 ภายใต้มงกุฎ กองพันที่ 5 เป็นกองหนุน
กรมทหารม้ารักษาพระองค์ที่ 2 อักษรย่อกรมทหารม้ารักษาพระองค์ที่ 2 ภายใต้มงกุฎ กองพันแห่งมาตุภูมิถูกยุบเลิกไปในเดือน
กรมทหารม้ารักษาการณ์รอยัล อักษรย่อกรมทหารม้าหลวง ภายใต้มงกุฎ กุมภาพันธ์ 1918 ก�าลังพลทั้งหมดแยกย้ายกลับ
กรมทหารม้ามาตุภูมิ (กองร้อยจักรยาน) อักษรย่อในสายรัด ภายใต้มงกุฎ ไปยังสังกัดเดิมของตน ขณะที่อังกฤษก็ยังมีกรม
ทหารม้าส�าหรับการโจมตีแบบหน้า
กระดาน ซึ่งใช้ชื่อเรียก
ร้อยที่แขนเสื้อ หน่วยรักษาการณ์ระบุกองพัน แม้ว่าจะคาดหวังให้นายทหารประดับเครื่อง ที่ชวนสับสนอย่าง
ของตนด้วยเลขโรมันสีแดง (เลขอารบิกใช้ แสดงยศที่ข้อมือเสื้อ แต่ทหารรักษาการณ์ได้รับ ทหารรักษาการณ์
ส�าหรับกองพลเกรนาเดียร์ที่ 2) หรือสีน�้าเงิน การยกเว้น นายทหารประดับดวงตราและรูป ดรากูนที่ถูกจัดไว้ใน
(สกอต) หรือสีเขียว (ไอริช) โดยติดไว้ถัดลงมา มงกุฎไว้บนบ่า เช่น ดวงตรา 3 ดวงหมายถึงยศ ตอนทหารม้าอยู่แล้ว
จากอินทรธนู ร้อยเอก เป็นต้น ทั้งนี้ทหารรักษาการณ์เกรนา
เมื่อน�าหมวกเหล็กโบรดีมาใช้ ก็มักจะสวม เดียร์ ทหารรักษาการณ์โคลด์สตรีม และทหาร
ใส่พร้อมวัสดุคลุม กรมทหารรักษาการณ์สกอต รักษาการณ์เวลช์ในเวลาต่อมานั้นล้วนใช้รูป
ที่ 1 ใช้ผ้าตาหมากรุกแบบสจวร์ต รวมทั้งกรมที่ ดาวจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์ (Order
2 ส่วนหน่วยอื่นๆ ใช้ตรากรมทหารที่เขียนเป็น of the Garter) ทหารรักษาการณ์สกอตใช้รูป
ลายเส้นหรือภาพปะติด หน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่ใน ดาวจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทิสเติล (Order
กองพลใช้เครื่องหมายรูปดวงตาเปิดอันมี of the Thistle) และทหารไอริชใช้รูปดาวจาก
ลักษณะเฉพาะ เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญแพทริก (Order of
St Patrick)
ทหารม้ารักษาการณ์
ตามปกติทหารม้าสวมเครื่องแบบที่ตัดเย็บเช่น
เดียวกับทหารราบรักษาการณ์ แต่สวมกับ
กางเกงขี่ม้า รองเท้าบูทและมีสายกระสุน
สะพาย นอกจากนี้ยังคล้องสายนกหวีดสี
ขาวหรือสีน�้าตาลอ่อน
มีทหารหลายหน่วยที่ประจ�าการอยู่ใน
ฝรั่งเศสกับกรมทหารผสมเมื่อปี 1914 แต่
หน่วยนี้กลับเลือนหายไปหลังปีนั้น กรม
ทหาร 7 กรมของทหารรักษาการณ์ดรากูน
(Dragoon Guards) ถูกจัดเข้าไว้ในส่วน
ของทหารม้า
เดือนพฤษภาคม 1918 กองพันทหารรักษา
พระองค์ที่ 1 และ 2 กับกองพันทหารม้ารักษา
พระองค์ กลายเป็นสามกองพันแรกของกรม
ี
พลทหาร, ทหารรักษาการณ์สกอต กองพันท่ 2 ปี
ี
ิ
1917 รูปดอกทิสเทิลท่เพ่มเข้ามาในป้ายติดหัวไหล่แสดง
ี
สังกัดกองพันท่ 2 เมื่อไม่ได้สวมหมวกเหล็ก หน่วยน้ใช้
ี
ี
หมวกมีกะบังแทนท่จะเป็นหมวกเกลนการ์ร ี
พลทหารม้า, กองพันทหารม้ารักษา
ี
พระองค์ท่ 1 ปี 1914 พลทหารนาย
ี
ื
น้สวมเคร่องแบบค่อนข้างเรียบง่าย
แต่ข่ม้าชั้นยศสูงกว่า กระบ่ของ
ี
ี
ี
เขาเป็นกระบ่ทหารม้าแบบปี
1908 พร้อมด้ามชุบนิเกิลสวยงาม
46 อังกฤษ
แนวรบด้านตะวันตก
กรมทหารขนาดเล็กของอังกฤษขยายตัวอย่าง และกรมทหารปืนเล็กยาว บ้างก็มีความแตก กลัดด้วยกระดุมพร้อมประทับหมายเลขประจ�า
รวดเร็วในปี 1914 และปีต่อๆ มามีการจัดตั้ง ต่างส�าคัญอยู่บ้างในเครื่องแบบเต็มยศ บ้างก็มี ตัวทหารราบผู้นั้นไว้ด้านใน เสื้อใช้กระดุมของ
กรมทหารใหม่ๆ ขึ้นจ�านวนหนึ่ง ขณะที่หน่วย ความหลากหลายที่สังเกตได้ในเครื่องแบบปกติ กรมทหารซึ่งแต่ละกรมมีการออกแบบที่เป็น
เดิมก็ขยายตัวด้วยกองพันทหารอาสาสมัครและ ยิ่งกว่านั้นในกรมทหารไฮแลนด์เองก็ยังมีความ เอกลักษณ์เฉพาะของตน เหล่าปืนเล็กยาวรอยัล
กองพันทหารรักษาดินแดน แตกต่างชัดเจนของเครื่องแบบอีกด้วย ในพระราชา (King’s Royal Rifle Corps)
แต่เดิมทหารราบอังกฤษได้รับการฝึกให้เป็น เมื่อกองทหารประจ�าการจะถูกส่งไปยังต่าง กองพลน้อยปืนเล็กยาว และเหล่าปืนเล็กยาว
หน่วยทหารราบส�าหรับการโจมตีแบบหน้า ประเทศซึ่งแต่แรกมีแนวโน้มป้องกันมาตุภูมิ รอยัลไอริชใช้กระดุมสีด�า ปกเสื้อตามปกติไม่มี
กระดาน (ซึ่งรวมทั้งกรมทหารราบเบาอีกด้วย) เท่านั้น จึงท�าให้กองก�าลังรักษาดินแดนเป็น การประดับใดๆ ในยามปฏิบัติหน้าที่ ทว่าใน
และเครื่องแบบส่วนใหญ่ก็ลงตัวเป็นมาตรฐาน แหล่งก�าลังพลที่ส�าคัญมาก กองพันทหารราบ โอกาสพิเศษจะติดเครื่องหมายที่ปกเสื้อทั้งสอง
ส�าหรับกรมทหารนั้นๆ แล้ว เว้นแต่กรมทหารปืน ต่างๆ มักจะจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนกรมที่ตน ข้าง ซึ่งจ�าลองมาจากเครื่องหมายหน้าหมวก
คาบศิลา กรมทหารไฮแลนด์ กรมทหารสกอต สังกัด ทหารรักษาการณ์และกรมทหารไอริช
ต่างๆ ล้วนไม่มีกองพันทหารรักษาดินแดน ทั้งนี้
กรมทหารราบรักษาดินแดนที่มีอยู่ไม่มาก แยก
มาจากทหารราบหน้ากระดานประจ�าการ แต่ใน
ภาพรวมแล้วกรมหนึ่งๆ ควรมีกองพันทหาร
ประจ�าการ 2 กองพัน กองพันทหารกองหนุน 1
กองพัน และอาจมีกองพันที่ 4 และกองพันที่ 5
ที่ประกอบขึ้นจากทหารรักษาดินแดน
เครื่องแบบมีสีใกล้เคียงกับสีกากีซึ่งเป็นสีที่
ทหารอังกฤษที่ประจ�าการในอินเดียและที่อื่นๆ
ใช้สวมใส่ แต่ก็เพียงได้รับการยอมรับระดับ
สากลในช่วงของสงครามโบเออร์
เสื้อชั้นนอกรุ่นปี 1902
ทหารราบอังกฤษสวมเสื้อชั้นนอกสีกากี (รุ่น
1902) แม้ว่าทหารไฮแลนด์จะสวมแบบที่แปลก
ออกไป และกองทหารที่ประจ�าอยู่ในแอฟริกา
และตะวันออกกลาง (รวมถึงในช่วงอากาศร้อน
เมื่ออยู่ใกล้มาตุภูมิ) สวมเครื่องแบบที่ปรับปรุง
ขึ้น หน่วยทหารส่วนใหญ่ที่ถูกส่งไปยังฝรั่งเศส
เมื่อปี 1914 - 1915 ก็ปฏิบัติตามเกณฑ์
มาตรฐานว่าด้วยการแต่งกายอย่างสมเหตุสมผล
เสื้อคอตั้ง ใช้ตะขอติดคอเสื้อ ไหล่เสริมและ
อินทรธนู ประดับด้วยกระดุมกรมทหารและมี
ป้ายติดหัวไหล่ท�าด้วยโลหะอีกด้วย โดยทั่วไปมี
กระเป๋าหลัก 4 ใบซึ่งปกติจะมีฝากระเป๋าและ
สิบเอก, กรมทหารในสมเด็จพระราชินี (กรมทหาร
ี
หลวงเซอร์รีย์ตะวันตก) กองพันท่ 1 ปี 1914 นายทหาร
ประทวนผู้มากประสบการณ์คนนี้ใช้ผ้าใบกันน�้าห่อปืน
ื
เล็กยาวของเขาเพ่อปกป้องกลไกภายใน
พลทหาร, กรมทหารรอยัลซัสเซกส์ ปี 1914 ป้าย
ี
ติดหัวไหล่ของทหารในกรมน้มีข้อความว่า Royal Sussex
ส่วนเคร่องหมายหน้าหมวกเป็นรูปดาวกับขนนก
ื