The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pannika, 2020-08-18 04:25:03

24 ชั่วโมงในโรมโบราณ

24 ชั่วโมงในโรมโบราณ: ชีวิตในหนึ่งวันของผู้คนที่นั่น
24 Hours in Ancient Rome: A Day in the Life of the People who Lived There
ฟิลิป มาทิสซาค: เขียน
ไอริสา ชั้นสิริ: แปล
ราคา 295 บาท

All rights reserved.
Copyright © Philip Matyszak 2017
Thai translation right © 2020 by Gypsy Publishing Co.,Ltd.
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
มาทิสซาค, ฟิลิป.
24 ชั่วโมงในโรมโบราณ: ชีวิตในหนึ่งวันของผู้คนที่นั่น = 24 hours in ancient Rome: a day in the life of the people
who lived there.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2563.
312 หน้า.
1. โรม (อิตาลี)--ประวัติศาสตร์. 2. โรม (อิตาลี)--อารยธรรม. 3. โรม (อิตาลี)--โบราณสถาน. I. ไอริสา ชั้นสิริ,
ผู้แปล. II. ชื่อเรื่อง.
937
ISBN 978-616-301-713-0
© ข้อความในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์
บรรณาธิการอำานวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน์
บรรณาธิการเล่ม : สวิณี แสงสุทธิชัย
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา
หัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษร : สวภัทร เพ็ชรรัตน์
ฝ่ายพิสูจน์อักษร : วนัชพร เขียวชอุ่ม สุธารัตน์ วรรณถาวร
พิสูจน์อักษร : สุณิสา เจริญนา
นักศึกษาฝึกงาน : ประภัสสร สุโคตร ชนิสรา ทองขำา ศิยานนท์ หัตถะมา
ออกแบบปก/รูปเล่ม : Evolution Art
ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด เลขที่ 37/145 รามคำาแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต่อ 108
www.gypsygroup.net
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดจำาหน่าย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด โทร. 0 2728 0939
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID: @gypzy
สนใจสั่งซื้อหนังสือจำานวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำานักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939


24 ช่วโมงในโรมโบราณ



ชีวิตในหน่งวันของผู้คนท่น่น
















ฟิลิป มาทิสซาค: เขียน
ไอริสา ชั้นสิริ: แปล


คานาสานักพิมพ์







เม่อพูดถึงกรุงโรม ผู้คนจะนึกถึงหนังสือหรือภาพยนตร์ท ่ ี
เกี่ยวข้องกับนักรบ จักรพรรดิผู้ทรงอ�านาจ สิ่งก่อสร้างสวยงามอลังการ

อันบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของกรุงโรมเป็นอย่างดี แต่ใครกันเล่าจะ

รู้ว่า ‘ความเป็นโรม’ ท่แท้จริงแล้วไม่ได้มีอยู่แค่นักรบและจักรพรรด ิ

ผู้ย่งใหญ่ โรมยังมีทาสผู้ถูกเฆ่ยนตี มีคนทาขนมปังท่ชาชอง มีกระท่ง






หญิงคณิกาที่เขวี้ยงกระถางดอกไม้ใส่ขุนนาง

หนังสือ ‘24 ชั่วโมงในโรมโบราณ: ชีวิตในหนึ่งวันของผูคนที่นั่น’




เล่มน้ บอกเล่าความเป็นโรมท่แท้จริงออกมาด้วยถ้อยคาท่สนุกสนาน
กระชับ น่าติดตาม มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ให้ตื่นตะลึง (เช่น
คนโรมันใช้ปัสสาวะซักผ้า) ชีวิตประจาวันของตัวละครในแต่ละบท

สะท้อนถึงสภาพสังคม ประวัติศาสตร์ ภูมิประเทศ ท่ไปท่มาของส่ง



ก่อสร้างอันสะท้อนถึงแนวคิดของจักรพรรดิแต่ละสมัย เพราะฉะน้น

หนังสือเล่มน้จึงไม่ใช่หนังสือท่มีเน้อหาพูดถึงแต่การแผ่ขยายอาณาจักร



โรมันแสนน่าเบื่อ แต่มาอุดช่องโหว่ของประวัติศาสตร์ที่มักจะเขียนโดย


ชนช้นสูง และอาจจะมีการแต่งเติมเพ่อความเกรียงไกรของอาณาจักร





อย่างเรองเลาจากปากชาวบานธรรมดา การฟงจากปากของผคนเหลาน ้ ี



สนุกและมีรสชาติย่งนัก ถึงแม้จะเป็นแค่เร่องคนขับเกวียนข้โมโหหรือ




สาวน้อยโดนชายหนุ่มสะบ้นรัก ก็สามารถเห็นความเป็นโรมได้ชัดเจน



ไม่แพ้กัน และต่อไปน้เราจะใช้เวลา ‘24 ช่วโมงในโรมโบราณ’ กับ ‘ชีวิต
ในหนึ่งวันของผู้คนที่นั่น’


เที่ยวโรมโบราณให้สนุกนะครับ

ส�านักพิมพ์ยิปซี



คานาผู้แปล






คงไม่มีใครจะปฏิเสธได้ว่าอาณาจักรโรมันเป็นหน่งในอาณาจักร

















ทยงใหญ่ทสดในโลก เมอครงทร่งเรองจนถงขดสดได้เกดเป็นคากล่าว




ว่า “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” เมืองหลวงและศูนย์กลางแห่งอานาจ
การปกครอง อารยธรรม และการค้าของโรมัน แม้ส่งก่อสร้างจากยุค

นั้นจะสึกกร่อนไปตามกาลเวลา เผชิญภัยพิบัติ และผ่านการบูรณะ แต่


ก็ยังต้งตระหง่านให้คนรุ่นหลังได้ประจักษ์ถึงความย่งใหญ่เกรียงไกรของ
อารยธรรมโรมันได้เป็นอย่างดี
มีหนังสือ บทความ สารคดี และภาพยนตร์มากมายที่พยายาม
บอกเล่าเร่องราวของชาวโรมันและกรุงโรม แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปท ่ ี



จักรพรรดิ นักรบ หรือไม่ก็นักคิดผู้ย่งใหญ่เท่าน้น น้อยคร้งนักท่ชีวิตของ


สามัญชนคนธรรมดาชาวโรมันจะไดรับการบอกเล่า ซึ่งนั่นคือชองวางที่








หนังสือเล่มน้เข้ามาเติมเต็ม ชาวโรมันย่สิบส่คน ต่างท่มา ต่างชนช้น และ
ต่างสถานะ มีโอกาสได้บอกเล่าเร่องราวของตนและท่สาคัญเหนือส่งอ่น





ใดคือเรื่องราวของพวกเขาสะท้อนเรื่องราวของกรุงโรม เมืองที่ไม่ว่าจะ
ดีจะรายอย่างไรก็เปนที่ที่พวกเขาเรียกว่า “บาน” มารดาที่ดูแลลูกนอย












ทกาลงป่วยหนกบอกให้เราร้ว่าการเสยชวตตงแต่วยแบเบาะของเดก





น้อยไม่ใช่เร่องผิดปกติ นางคณิกาท่เร่ขายเรือนร่างสะท้อนให้เราเห็นถึง



สถานะของสตรีในยุคโรมัน วุฒิสมาชิกคนหน่งบอกให้เรารู้ว่าเหนือฟ้า




ยังมีฟ้า เหนือนกการเมองผู้ทรงเกียรติและย่งใหญ่จึงยังมีระบบอุปถัมภ ์
ส่วนคนอื่นที่เหลือก็มีความเป็นอยู่และเส้นทางชีวิตที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ท่สาคัญคือแม้ชาวโรมันเหล่าน้จะเป็นตัวละครท่ผู้เขียนใช้






จินตนาการแต่งแต้มข้นมา แต่ทว่าเร่องราวของพวกเขาอิงมาจากการ
บูรณาการศาสตร์ต่างๆ ท่ใช้ในการศึกษาอารยธรรมโรมันเข้าด้วยกัน ไม่ว่า

จะเป็นประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาษาศาสตร์

และอีกมากมาย น่จึงไม่ใช่หนังสือท่เล่าเร่องกรุงโรมแบบซาๆ ด้วย




การบรรยายข้อเทจจรงพร้อมอ้างองหลกฐานประกอบ แต่เป็นการเล่า




เรื่องราวผ่านผู้คนที่เสมือนหนึ่งว่ามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้นจริงๆ เพราะ
กรุงโรมไม่ใช่สถานที่แต่คือผู้คน
ขอให้สนุกกับหนึ่งวันในกรุงโรมนะคะ
ไอริสา ชั้นศิริ
มกราคม 2563



สารบัญ






เกร่นนา 13
ช่ ัวโมงท่ ีหก ยามราตรี (00.00–01.00)

ยามตรวจการรับเร่องร้องเรียน 17

ช่ ัวโมงท่ ีเจ็ด ยามราตรี (01.00-02.00)

คนขับเกวียนบนถนนท่ติดขัด 28

ช่ ัวโมงท่ ีแปด ยามราตรี (02.00-03.00)

คนทาขนมปังเร่มงาน 39


ช่ ัวโมงท่ ีเก้า ยามราตรี (03.00-04.00)

นางทาสน้อยเตรียมอาหารเช้า 53
ช่ ัวโมงท่ ีสิบ ยามราตรี (04.00-05.00)



มารดาดูแลลูกน้อยท่ล้มป่วย 64
ช่ ัวโมงท่ ีสิบเอ็ด ยามราตรี (05.00-06.00)


คนเดินสารแห่งจักรวรรดิออกเดินทางสู่บริเตน 73
ช่ ัวโมงท่ ีสิบสอง ยามราตรี (06.00-07.00)

นักเรียนเร่มเรียนคาบเช้า 85

ช่ ัวโมงแรก ยามทิวา (07.00-08.00)

วุฒิสมาชิกไปพบเจ้านายผู้อุปถัมภ์ 96

ช่ ัวโมงท่ ีสอง ยามทิวา (08.00-09.00)



นักบวชหญิงพรหมจารีเวสตาไปตักนา 109

ช่ ัวโมงท่ ีสาม ยามทิวา (09.00-10.00)


นักกฎหมายให้คาปรึกษาคดีความ 121
ช่ ัวโมงท่ ่ ี
ีส ยามทิวา (10.00-11.00)

ดรุณีสะบ้นรัก 134
ช่ ัวโมงท่ ีห้า ยามทิวา (11.00-12.00)


ช่างสลักหินทางานท่สุสานหลวง 144

ช่ ัวโมงท่ ีหก ยามทิวา (12.00-13.00)


เจ้าของโรงเต๊ยมในช่วงม้อกลางวัน 156

ช่ ัวโมงท่ ีเจ็ด ยามทิวา (13.00-14.00)


ช่างทานาฬิกานาเร่มประดิษฐ์ช้นงาน 168




ช่ ัวโมงท่ ีแปด ยามทิวา (14.00-15.00)

คนดูแลโรงอาบนาต้อนรับลูกค้า 180

ช่ ัวโมงท่ ีเก้า ยามทิวา (15.00-16.00)



นายหญิงจัดเตรียมงานเล้ยงม้อคา 193

ช่ ัวโมงท่ ีสิบ ยามทิวา (16.00-17.00)
หญิงซักผ้าเข้างานกะสาย 205

ช่ ัวโมงท่ ีสิบเอ็ด ยามทิวา (17.00-18.00)


พ่อครัวกระวนกระวาย 216
ช่ ัวโมงท่ ีสิบสอง ยามทิวา (18.00-19.00)


นักบวชหญิงเตรียมการสังเวย 227
ช่ ัวโมงท่ ่ ึ
ีหนง ยามราตรี (19.00-20.00)

พ่อค้าเคร่องเทศออกไปงานเล้ยงม้อคา 239




ช่ ัวโมงท่ ีสอง ยามราตรี (20.00-21.00)
นางคณิกาหาลูกค้า 250
ช่ ัวโมงท่ ีสาม ยามราตรี (21.00-22.00)

โหราจารย์พยากรณ์ดวงชะตา 263

ช่ ัวโมงท่ ่ ี
ีส ยามราตรี (22.00-23.00)


นักสู้แกลดิเอเตอร์สาแดงฤทธ์ 276
ช่ ัวโมงท่ ีห้า ยามราตรี (23.00-24.00)


กาฝากกลับจากงานเล้ยง 288
ที่มาของภาพประกอบ 299

Footnotes 301
ดัชนี 302

บรรณานุกรม 310




เกร่นนา








นี่คือช่วงต้นเดือนกันยายน คริสต์ศักราช 137 จักรวรรดิโรมใกล้



จะข้นสู่จุดสูงสุดของอานาจ ตรารูปนกอินทรีของจักรวรรดิถูกนาไปยัง

ดินแดนเมโสโปเตเมียและดาเซีย (และถูกนากลับออกมาจากดินแดน

เมโสโปเตเมียอีกคร้ง) ครอบคลุมต้งแต่ดินแดนลุ่มแม่นาเทมส์ไปจนถึง





แม่นาไทกริส อาณาจักรโรมน้นทรงพลัง แผ่อานาจอันเกรียงไกรจนเป็น


ที่หวาดกลัวและนับถือโดยทั่ว



คนส่วนใหญ่ท่เราจะได้พบในหนังสือเล่มน้ไม่ได้สนใจเร่องการ
แผ่อ�านาจของจักรวรรดิแต่อย่างใด ส�าหรับพวกเขาแล้ว ชีวิตไม่ใช่การ
สรรเสริญความเกรียงไกรของจักรวรรดิ แต่เป็นการหาเงินจ่ายค่าเช่า
บ้าน รับมอกบญาติจอมว่นวายและปัญหาประจาวนต่างๆ ทงทบ้าน









และที่ท�างาน โรมอาจเป็นนครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนพื้นพิภพ แต่เหล่าผู้คน

ท่อาศัยอยู่ท่น่ยังคงต้องรับมือกับปัญหาการจราจร สานสัมพันธ์อันดีกับ


เพื่อนบ้าน และแสวงหาอาหารดีๆ ราคาสมเหตุสมผลจากตลาด





หนงสอเล่มนจะพาเราไปใช้ชวตในกรงโรมช่วงรชสมยของ




จักรพรรดิเฮเดรียนเป็นเวลาหนึ่งวัน ผ่านมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย





ของประชาชนผู้อาศัยอยู่ท่นครแห่งน้จานวนย่สิบส่คน เราจะเร่มต้นจาก




ช่วโมงท่หกของยามกลางคืน ซ่งน่นค่อนข้างจะชวนให้สับสนเพราะชาว




โรมันเร่มต้นวันท่ยาวนานย่สิบส่ช่วโมงกันตอนเท่ยงคืน แต่เร่มนับกลาง




คืนจากเวลาที่อาทิตย์ตกดิน นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของวิธีมองโลก
13


24 ช่วโมงในโรมโบราณ



แบบชาวโรมันที่แตกต่างไปจากพวกเราในทุกวันนี้
เม่อมองจากมมของนักอ่านสมัยใหม่ หลายคนทถูกพูดถึงใน

















หนงสอเล่มนอาจดเหมอนใช้ชวตซอมซ่อแสนส้นในสงคมท่อยตธรรม
และขาดความเท่าเทียมกันอย่างมาก ความตายจากการติดเช้อและ

ความเจ็บป่วยเกิดข้นอยู่เสมอ การดูแลสุขภาพและพิทักษ์สันติราษฎร์

ยังไม่พัฒนาสักเท่าไหร่ และการสังคมสงเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ปรากฏ



แต่ประชาชนชาวโรมันไม่ได้มองส่งต่างๆ เช่นน้น สาหรับพวกเขา ความ



อยุติธรรมและโรคภัยเป็นอันตรายท่เกิดข้นทุกหนทุกแห่งซ่งเป็นส่งท ่ ี

สมควรจะอดทนและยอมรับ ถึงแม้จะมีข้อบกพร่องและไม่สะดวกสบาย
แต่โรมก็ยังน่าอยู่กว่าเกือบจะทุกหนทุกแห่งบนโลก โรมมีข้อเสียดังเช่น
ที่อื่น แต่ข้อดีที่มีนั้นยากจะหาที่ไหนมาเทียบได้

ใช่ว่าผู้คนในนครแห่งน้จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินเตร็ดเตร่
จ้องมองอนุสรณ์สถาน และอาคารราชการท่ย่งใหญ่ พวกเขาต่างต้อง





ด้นรนใช้ชีวิต และชีวิตของพวกเขาเหล่าน้เองท่เราจะไปสังเกตการณ์
เป็นระยะเวลาสั้นๆ ในวันหนึ่งของปลายฤดูร้อนนี้ ขอเรียนให้ทราบว่า


จดประสงค์ของเราไม่ใช่การถ่ายทอดส่งท่เราค้นพบเก่ยวกบชวิตของ




ชาวกรุงโรมแต่ละคน แต่เป็นสิ่งที่คนเหล่านี้บอกเราได้เกี่ยวกับกรุงโรม
ต่างหาก ชาวกรีกและโรมันเชื่อว่าถึงแม้จะเอาก�าแพง ตึกรามบ้านช่อง
และถนนหนทางออกไป ความเป็นเมืองก็ยังคงอยู่
ผู้คนคือเมือง อาคารและอนุสรณ์สถานท่นักท่องเท่ยวซ่งเป็น






คนในยุคหลังช่นชมมีความสาคัญรองลงมา ส่งเหล่าน้นอยู่ในฐานะเสียง



สะท้อนท่จับต้องได้ของผู้คนท่สร้างและมีชีวิตอยู่ท่ามกลางมัน ด้วย

เหตุผลดังกล่าวหนังสือเล่มน้จึงกล่าวถึงอนุสรณ์สถานเพียงน้อยนิด



เท่าน้น อาคารท่เราพบไม่ใช่ซากปรักหักพังแห้งแล้ง แต่เป็นส่วนหน่ง
14


เกร่นน�ำ



ของสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตชีวา หลากหลายชั้น และสร้างความท้าทาย

ชายและหญิงย่สิบส่คนท่เราได้พบในวันน้ก็เช่นเดียวกัน พวกเขา




หาใช่เพียงผู้อยู่อาศัยในกรุงโรม พวกเขาเหล่าน้และคนอ่นๆ อีกแสนคน



ท่เหมือนกันกับพวกเขาคือกรุงโรม หนังสือเล่มน้ไม่ได้พยายามจะจาลอง

โมงยามจ�านวนสองโหลในหนึ่งวันของชาวโรมัน แต่เป็นการจ�าลองเศษ
เส้ยวชีวิตของนครแห่งน้เอง ซ่งมันสะท้อนอยู่ในย่สิบสี่มุมมองจากนับพัน




นับหมื่นมุมมองของกรุงโรม
แม้ผู้คนในเร่องเล่าเหล่าน้จะไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ทว่าการดารง




ชีวิตของพวกเขาไม่ได้เป็นเช่นน้น จากมุมมองของนักประวัติศาสตร์




โบราณสมัยใหม่ ความโบราโบราณไม่ได้เก่ยวข้องกับ “ผู้ย่งใหญ่”



มากเท่ากับโครงสร้างทางสังคมซ่งส่งเสริมบุคคลเหล่าน้นและการกระทา




ของพวกเขา ดังน้นนักโบราณคด นกสังคมวิทยา นักอ่านจารึก และผ้คน
มากมายจากหลายแขนงวิชา ล้วนมีส่วนท�าให้เรามองเห็นภาพรวมของ

การใช้ชีวิตและการทางานของสามัญชนในกรุงโรมยุคโบราณ หนังสือ
เล่มนี้อาศัยข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งความรู้ในสาขาวิชาเหล่านี้และแหล่ง



ข้อมูลท่มีคุณค่าท่สุดอย่างเร่องเล่า เร่องตลก คากล่าว และจดหมายของ


ผู้คนที่เคยมีชีวิตอยู่ที่นั่นจริงๆ

ผู้ท่ศึกษาวัฒนธรรมกรีกและโรมันคงจะสังเกตเห็นว่าเน้อหา

ส่วนไหนท่อ้างอิงถึงงานเขียนร่วมสมัยหรือเกือบร่วมสมัยกับยุคโรมัน






ตงแต่จดหมายของพลนผ้มากด้วยความร้ไปจนถงข้อความสปดนบน





กาแพงหอนางคณิกา โดยลิขสิทธ์ของงานเขียนเหล่าน้หมดอายุไป

หลายศตวรรษแล้ว ประชาชนชาวกรุงโรมในหนังสือเล่มน้ได้บอกเล่า

ประสบการณ์ของตนเองเท่าท่สามารถทาได้ และสาหรับชาวโรมันท ่ ี




ไม่มีสิทธิมีเสียงในสังคมของพวกเขา หนังสือเล่มน้ก็ได้พยายามจะเป็น
15


24 ช่วโมงในโรมโบราณ




กระบอกเสียงให้กับคนเหล่าน้น มีการหยิบยกตัวอย่างจากแหล่ง



ข้อมูลจริงโดยตัดตอนมาใส่ไว้ในเร่องอยู่บ่อยคร้ง และหลายๆ คร้ง


ประสบการณ์ของคนมากมายก็ถูกนามาผสมรวมกันเพ่อให้เห็นภาพช่วง
เวลา หนึ่งชั่วโมงในหนึ่งวันของคนหนึ่งคน
องค์รวมของย่สิบส่ช่วโมงน้เป็นมากกว่าผลรวมของส่วนต่างๆ







ท่สุดแล้วหนังสือเล่มน้มีตัวเอกเพียงหน่งเดียวซ่งก็คือกรุงโรม สถานท ี ่


ซ่งคลาคลาไปด้วยผู้คนสัปดนวุ่นวายคล้ายรังมดท่แทบจะไร้การควบคุม



ข้อบกพร่องของเมืองแห่งน้มีมากมายและบางคร้งก็น่าสะพรึงกลัว แต่



เมืองแห่งน้มีพลังงานขับเคล่อนและการมองโลกในแง่บวกอยู่อย่าง

มหาศาล

กรุงโรมมีจิตวิญญาณแห่งผู้ประกอบการและความเช่อท่ไม่




คลอนแคลนว่า ไม่ว่าส่งต่างๆ จะดีร้ายเช่นไร ก็สามารถจะทาให้ดีข้น
ได้เสมอ ที่กรุงโรมคนเป็นทาสดิ้นรนที่จะเป็นไท ทาสที่เป็นไทแสวงหา
ความรุ่งเรือง พ่อค้าผู้ม่งค่งก็แสวงหาการยอมรับจากสังคมท่สูงข้นไป





แม้จะก่นด่าดินแดนของตนอย่างขมข่น แต่ชาวโรมันก็แทบจะไม่ละจาก

นครแห่งน้ไปไหน พวกเขามีพลังและไม่เศร้าซึม พวกเขาเช่อม่นในความ


สูงส่งเหนือชนชาติอ่นๆ ของตนและรู้สึกอย่างเต็มเปี่ยมว่าพวกเขากาลัง



อยู่ ณ จุดศูนย์กลางของจักรวาล พวกเขาควรเก็บเก่ยวประโยชน์จาก



ตรงน้ให้มากท่สุดและต่อสู้อย่างปากกัดตีนถีบเพ่อให้ตนเองและลูกๆ
มีชีวิตที่ดียิ่งกว่าเดิม
กรุงโรมในยุคโบราณน้นเป็นมากกว่าตึกรามบ้านเรือน มันเป็น


มากกว่าสังคมของชุมชนแห่งผู้คนและบุคคลท่แตกต่างหลากหลายซ่ง

เข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี
เหนือสิ่งอื่นใด กรุงโรมในยุคโบราณคือทัศนคติ
16

HORA NOCTIS VI










ชวโมงทหก ยามราตร
(00.00 – 01.00)



ยามตรวจการรับเร่องร้องเรียน













ความเป็นจริงท่ว่าเปโตรเนียส บราวิส มีลูกสาวน้นทาให้เกิด







ความขบขนอย่างสปดนหนักหนาขนในอาคารพกอาศัยหลงน้อยๆ ท ่ ี
เขาเรียกว่าบ้าน
ภรรยาของเปรโตรเนียส บราวส ทางานในแผงขายปลาท ี ่



ฟอรัมพิสคาเรียมของกรุงโรม ส่วนหน่งในงานของนางคือการดูแลการ
ขนถ่ายปลาสด ปลาเหล่าน้ถูกขนมายังโรมในตอนกลางคืนโดยใส่ไว้ใน

ถังน�้า พวกมันถูกส่งมาทางเรือแบบเป็นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาปลาเน่า
ในระหว่างการขนส่งจากที่ที่พวกมันถูกจับมาได้ เมื่อถูกน�าออกมาจาก
ถัง ในช่วงเวลาทาการของตลาด ปลาก็จะว่ายวนอยู่ในอ่างก้นต้นท่ฝัง




อย่บนเคาน์เตอร์หนของร้าน น่คอวธการเกบรกษาปลาให้สดมากของ







17


24 ช่วโมงในโรมโบราณ



ชาวโรมัน ในความเป็นจริงไม่ใช่เร่องแปลกเลยท่ปลาจะถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ


อาหารภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ซื้อมาจากคนขายปลา

การนาปลาออกมาจากถังแล้วใส่ลงในอ่างหินบนเคาน์เตอร์จะ


ต้องเสร็จก่อนเวลาท่คนซ้อจะมาถึงตลาดปลาในตอนท่อาทิตย์ข้น น ี ่



จึงหมายความว่าภรรยาของบราวิสจะต้องออกจากบ้านก่อนหน้าน้น

หน่งช่วโมง ก่อนออกไปทางานนางจะเตรียมอาหารเช้าและวางไว้บน




เคาน์เตอร์ในครัวสาหรับสามีตอนกลับจากทางาน แต่เม่อดูจากเวลาท ่ ี

กลับมาถึง เขาอาจเรียกนั่นว่าอาหารค�่าเลยก็ได้


บราวิสมักถึงบ้านหน่งช่วโมงหลังจากท่ภรรยาออกไปทางาน เม่อ




มาถึงแล้วก็จะกินอาหาร รีบอาบนาและเข้านอน เปโตรเนียส บราวิส

เป็นสมาชิกเวอร์จิล (Virgil) ยามตรวจตรากะกลางคืนของกรุงโรม ดัง


น้นกว่าจะถึงเวลากลับบ้านเขาก็เดินยามตรวจตรามากว่าเก้าช่วโมงแล้ว
ต้องขอบคุณเวลาทางานท่ทับซ้อนกันท่ทาใหบางคร้งเปรโตรเนยสไม่ได้











เจอภรรยาเลยท้งอาทิตย์ น่นจึงเป็นท่มาของการล้อเลียนเร่องลูกสาว
ของเขา เพราะเพื่อนบ้านพากันสงสัยว่าพวกเขามีลูกกันได้อย่างไร

ในตอนท่บราวิสยังเหลือเวลาอีกหลายช่วโมงกว่าจะหมดกะ เขา



และพรรคพวกมีหน้าท่สองอย่าง น่นคือแม้เวอร์จิลได้รับมอบหมายให้
รักษากฎหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของท้องถนนในยาม





คาคืน แต่หน้าท่น้นเป็นแค่ส่วนหน่งของงานหลักของพวกเขา ซ่งก็คือ

การป้องกันอัคคีภัย อย่างไรความเสียหายท่เกิดจากคนเมาหัวรุนแรง



หรือกระท่งโจรปล้นฆ่าก็ยังน้อยนิดเม่อเทียบกับความวุ่นวายโกลาหลท ่ ี
เกดขนจากเปลวเพลงแมกระทงทมความรนแรงในระดบปานกลาง กรง













โรมแบ่งเขตส�าหรับการป้องกันอัคคีภัยออกเป็นเจ็ดเขต และบราวิสกับ


พรรคพวกรู้ดีว่าไฟไหม้คร้งเลวร้ายท่สุดในประวัติศาสตร์ของกรุงโรมเร่ม

18


ยามตรวจการรับเร่องร้องเรียน



ต้นขึ้นในเขตเรจิโอสองซึ่งเกิดขึ้นในเขตในความดูแลของพวกเขานี่เอง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคริสต์ศักราชที่ 64 และไฟที่ถูกจุดขึ้นบน


ถนนเส้นคดเค้ยวเหล่าน้ใกล้กับสนามแข่งรถม้าเซอร์คัสแมกซิมัส กลาย




เป็นเพลิงไหม้รุนแรงท่ใช้เวลาถึงหกวันจึงจะควบคุมได้ ซ่งเม่อถึงตอนน้น

หนึ่งในสี่ส่วนของกรุงโรมก็วอดวายไม่เหลือซากแล้ว


มหาอัคคีภัย


ในคืนฤดูร้อนท่มีอากาศร้อนและสายลมพัดโชยของวันท่ 19


มิถุนายน ค.ศ. 64 เกิดไฟไหม้ข้นในอาคารร้านรวงท่อยู่ติดถนนริมกาแพง

ของสนามแข่งรถม้าเซอร์คัสแมกซิมัส ตามที่ทาซิตัส นักประวัติศาสตร์




ได้บรรยายไว้ในเวลาต่อมา “ไม่มีบ้านเรือนท่มกาแพงก้น วหารท่ล้อม



รอบด้วยร้วหิน หรือปราการใดๆ จะขัดขวางเพลิงไหม้คร้งน้ไม่ให้ทว ี


ความรุนแรงได้”

ทาซิตสซงเคยประสบเหตุเพลิงไหมด้วยตัวเองเม่อคร้งยงเป็นหนม

ุ่






รุ่นกระทงได้บรรยายเหตการณ์จากประสบการณ์ของเขาไว้ว่า “ถนน

คลาคล�าไปด้วยผู้คนท่หนีภัย มีเหล่าสตรีท่หวาดกลัวและกรีดร้อง คนพิการ




และคนชรา มีเหล่าบุรุษท่เอาตัวรอดหรือช่วยผู้อ่น บ้างแบกคนเจ็บไว้บน
หลังหรือไม่ก็รอคอยให้คนเหล่าน้นรีบตามมา ขณะมองกลับไป [ไฟ] ก็เผา


ผลาญพวกเขาจากด้านข้างหรือไม่ก็ด้านหน้า บางคร้งพวกเขาก็หลบเข้าไป

ในเขตใกล้เคียงเพียงเพ่อจะพบว่าท่น่นแย่ย่งกว่าท่ท่พวกเขาเพ่งจากมา”








หลายคนเช่อว่ามหาอัคคีภัยคร้งน้ถูกช่วยกระพือให้ย่งโหม



กระหนา และสงสัยกันว่าจักรพรรดิเนโรทรงตัดสินใจชาระล้างเมือง


19

24 ช่วโมงในโรมโบราณ




ด้วยวิธีการที่รุนแรงอย่างอัคคีภัย โดยหลังจากนั้นพระองค์จะทรงสร้าง
กรุงโรมขึ้นใหม่ตามแผนของพระองค์เอง







แผงขายของริมถนนท่ถูกสร้างข้นแบบลวกๆ โรงเก็บของ และ


ช้นบนของอาคารหลายแห่งล้วนทาจากไม้ เป็นไม้ซุงแห้งและปลูกชิด
ติดกันมากจนแทบไม่มีโครงสร้างใดท่ไม่สัมผัสกับโครงสร้างอ่นๆ แค่


ถ่านท่ปะทุออกมาจากเตาไฟท่จุดไว้ไม่เรียบร้อยหรือตะเกียงนามันท ่ ี




ไม่มีคนเฝ้าถูกหนูที่ออกมาหาอาหารชนล้มลง ก็เพียงพอแล้วที่จะท�าให้
24 Hours in Ancient Rome
เกิดก�าแพงไฟในหนึ่งนาทีบนถนนที่บราวิสและพรรคพวกของเขาก�าลัง
เดินตรวจตราอยู่



























เครื่องดับเพลิงโรมันจ�าลอง มีคันโยกส�าหรับใช้บังคับปั๊มแรงดัน
Model of a Roman fire engine. The rocking lever operated a force pump.

Little wonder that the watch have the power to break into any
20
premises where they suspect a fire might get out of control. As well
as statutory powers to fine careless businesses or householders, the
watch are not above handing out some basic physical chastisement
as well. Given the huge danger that a fire presents to the
neighbourhood, the epithet ‘fire-starter’ is among the worst insults
one Roman can throw at another, and there is little sympathy for
anyone at the receiving end of the vigiles’ attentions.
Once a blaze has been detected, the unit has long-established
protocols for attacking the fire. In the short term, they see to the
evacuation of nearby buildings and organize a bucket-chain from
nearby residences. All households have to keep a certain amount of

14

ยามตรวจการรับเร่องร้องเรียน






ไม่น่าประหลาดใจท่ยามตรวจการมีอานาจบุกเข้าไปในอาคาร
ใดๆ ก็ตามท่พวกเขาสงสัยว่าไม่อาจควบคุมไฟท่จุดไว้ได้ พวกเขายังม ี






อานาจตามกฎหมายท่จะปรับเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของบ้านทเลินเล่อ
และยังพร้อมท่จะดาเนินบทลงโทษทางกายอีกด้วย เม่อพิจารณาจาก



อันตรายใหญ่หลวงจากการท่ไฟอาจลามไปยังบริเวณข้างเคียง ฉายา





“คนจุดไฟ” (Fire-starter) จึงเป็นหน่งในคาดูหม่นท่ร้ายกาจท่สุดท่ชาว


โรมันจะนามาใช้ด่าว่ากันได้ และแทบไม่มีใครเห็นใจใครก็ตามท่เป็นเป้า


หมายของเวอร์จิล
เม่อพบว่ามีเพลิงไหม้ หน่วยมีมาตรการในการดับเพลิงท่ใช้กันมา



ยาวนาน ในระยะส้น พวกเขาจะดูแลให้มีการอพยพจากอาคารใกล้เคียง



และจัดการให้มีการส่งต่อถังนามาเป็นทอดๆ จากท่พักอาศัยใกล้เคียง

ทุกบ้านจะต้องกักเก็บนาไว้ปริมาณหน่งพร้อมไว้ใช้สาหรับการน้ และ







บราวสกับคนของเขาสามารถบอกได้ในระดบนาทว่าต้องใช้เวลานาน






เท่าไหร่กว่าท่สายการลาเลียงนาจากนาพุท่อยู่ใกล้ท่สุดจะมาถึงส่วนใด




ส่วนหน่งบนเส้นทางท่พวกเขาเดินตรวจตรา สมาชิกอายุน้อยของกลุ่มท ่ ี
โชคไม่ดีได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “คนถือผ้าห่ม” และต้องคอยถือผ้าห่ม



ชุบนาส้มสายชูสาหรับใช้ดับไฟกองเล็กๆ ก่อนท่มันจะลามไปท่อ่น ถ้า



จ�าเป็นต้องใช้ก�าลังเสริม เครื่องจักรดับไฟโบราณก็จะถูกลากออกมาใช้
งาน เคร่องดับไฟน้ไม่ใช่ส่งประดิษฐ์ใหม่อะไร ชาวอียิปต์ใช้เคร่องจักร




รุ่นก่อนๆ ท่เหล่าเวอร์จิลใช้ดับไฟมาต้งแต่เม่อหลายศตวรรษก่อน นัก



ประดิษฐ์ชาวกรีกซ่งทางานในห้องสมุดใหญ่แห่งกรุงอเล็กซานเดรีย (ซ่ง




มีชื่ออย่างเหมาะสมว่าฮีโร) เป็นคนคิดค้นหลักการท�าปมพลังสูงเพื่อดัน
ั๊
น�้าออกมาทางสายดับเพลิง



เวอร์จิลทุกกลุ่มมีผู้เช่ยวชาญประจาอยู่ แน่นอนว่ามีหมอท่ช่วย
21


24 ช่วโมงในโรมโบราณ








ดูแลคนท่ถูกโจรปล้นจ้ทาร้าย และตัวเวอร์จิลเองท่บางคร้งก็ได้รอย


ฟกชาจากการต่อสู้กับอันธพาลกลุ่มใหญ่ ยังมีคนท่ได้รับบาดเจ็บจาก

เพลิงไหม้หรือกระโดดลงมาจากอาคารที่ไฟลุกไหม้ (ถึงแม้เวอร์จิลจะมี

กลุ่ม “คนถือฟูก” ท่พยายามลดระดับความรุนแรงในการตกลงมาก็ตาม)

ถ้าเคร่องดับเพลิงเอาไม่อยู่ ยามตรวจการก็จะเรียกใช้ปืนใหญ่

ซ่งก็คือปืนใหญ่จริงๆ น่นแหละ การสู้รบทาสงครามและล้อมโจมตีเมือง


อ่นตลอดในหลายศตวรรษท่ผ่านมาทาให้ชาวโรมันเก่งกาจเร่องการพัง





กาแพงเมือง หน้าไม้ยักษ์ ลาป่า และปืนใหญ่อ่นๆ ท่ถูกนามาใช้เพ่อ








การน้ ย่งทวีพลังทาลายล้างมากข้นเม่อนามาใช้กับอาคารท่พักโรมัน




แบบมาตรฐาน (น่นก็คือสร้างข้นอย่างลวกๆ) ดังน้นเม่อมีเพลิงไหม้






ครงใหญ่ หวหน้ายามตรวจการกจะตดสนใจอย่างรวดเร็วว่าควรมแนว





กันไฟตรงจุดไหน จากน้นปืนใหญ่ก็จะถูกยิงออกไปและงานร้อถอนแบบ


รวดเร็วน้ก็จะกลายเป็นแนวกันไฟ อาคารส่ช้นจะทลายกลายเป็นกองอิฐ


กองหินอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษเมื่อผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้เล็งเป้าเอง
เม่ออาคารพังลงมาแล้ว ก็เป็นหน้าท่ของบราวิสและเพ่อนร่วม






งานท่ต้องรีบพุ่งเข้าไปในกองเศษซากท่ไม่ม่นคง พร้อมกับตะขอด้ามยาว

และลากเอาอะไรก็ตามท่ติดไฟได้ออกมา พวกเขาต้องลงมืออย่างรวดเร็ว
เพราะมีเปลวไฟที่ลามเร็วไล่หลังมา งานนี้น่าตื่นเต้นและอันตรายอย่าง


ชัดเจน และเป็นสาเหตุท่ทาให้บราวิสและพรรคพวกตาหนิคนท่จุดไฟ




อย่างเลนเล่ออย่างปากเปียกปากแฉะ (ไม่ต้องบอกกร้ว่าอดตเจ้าของ






อาคารพักอาศัยท่ถูกร้อถอนให้เป็นกาแพงกันไฟไม่ค่อยจะปล้มใจกับ
การก�าหนดพิกัดแนวกันไฟของหัวหน้าหน่วยนัก)
22


Click to View FlipBook Version