The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Gypzy Publishing, 2021-06-30 00:18:57

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่
Russia: A Thousand Years of the Great Empire
รศ.ผุสดี จันทวิมล: เขียน
ราคา 580 บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ผุสดี จันทวิมล.
รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่ = Russia: a thousand years of the great empire.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2564.
528 หน้า.
1. รัสเซีย -- ประวัติศาสตร์่. I. ชื่อเรื่อง.
947
ISBN 978-616-301-742-0

© ข้อความในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์
บรรณาธิการอำานวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน์
บรรณาธิการเล่ม : กว่าชื่น บางคมบาง สินีนาถ เศรษฐพิศาล
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา
เลขากองบรรณาธิการ : กันยารัตน์ ทานะเวช
หัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษร : สวภัทร เพ็ชรรัตน์
ฝ่ายพิสูจน์อักษร : วนัชพร เขียวชอุ่ม
พิสูจน์อักษร : รีดเดอร์ปาร์ตี
รูปเล่ม : Evolution Art
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด เลขที่ 37/145 รามคำาแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร 0 2728 0939 ต่อ 108
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
Line ID: @gypzy
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดจำาหน่ายโดย : บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำากัด
108 หมู่ที่ 2 ถ.บางกรวย-จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์
อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130
โทร. 0 2423 9999 โทรสาร 0 2449 9222, 0 2449 9500-6
Homepage: http://www.naiin.com
สนใจสั่งซื้อหนังสือจำานวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำานักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939



รัสเซีย จักรวรรดิพันปีท่ย่งใหญ่
Russia: A Thousand Years of the Great Empire




รศ.ผุสดี จันทวิมล

ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์






รัสเซียในสำยตำคุณ
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุด

ของโลก คือตัวแทนของรัสเซียที่คุณรู้จักในปัจจุบัน ค�ากล่าวติดปากอย่าง










“โหดสส(สตว์)รสเซย” เป็นประโยคทให้ภาพบคลกของชาวรสเซยหลาก
หลายแง่มุม ราสปูตินคือตานานของความล้ลับไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์



โรมานอฟ และนาตาชา โรมานอฟ แม่ม่ายดา คือตัวละครท่ทรงเสน่ห์

คนหนึ่งในจักรวาลมาร์เวล
หากจะกล่าวกันอย่างวิชาการ ในสายตาของนักอ่านไทย รัสเซีย

ปรากฏให้รู้จักในยุคสมัยท่ประเทศไทยอยู่ในช่วงความขัดแย้งทางอุดมการณ์
ความคิด ก่อน พ.ศ. 2475 นักเขียนก้าวหน้า อย่าง “ศรีบูรพา” ได้เปิด
โลกวรรณกรรมไทยด้วยนวนิยายเรื่อง สงครามชีวิต อันได้รับอิทธิพลใน
การเขียนมาจากเรื่อง Poor People ของฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี้ นักเขียน



รัสเซียผู้ย่งใหญ่ และต่อมาในช่วงความเคล่อนไหวของนิสิตนักศึกษา ต้งแต่

ก่อน พ.ศ. 2516 จนกระท่งหลังเหตุการณ์ตุลาคม พ.ศ. 2519 โลกการอ่าน
ก็มีชื่อของนักเขียนรัสเซียอย่าง ลีโอ ตอลสตอย, ฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี้,
นิโคไล โกโกล และอันตัน เชคอฟ ปรากฏอยู่ในฐานะผู้เขียนวรรณกรรม
เพื่อสังคมที่ควรค่าแก่การอ่าน


สาหรับความสัมพันธ์ของไทยกับรัสเซียในระดับประเทศน้น ราช-
สานักสยามมีไมตรีกับราชสานักรัสเซียมาต้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระ



จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ 5 โดยถือการเสด็จประพาสรัสเซียของ

พระองค์ (เมื่อวันที่ 3-11 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 [ค.ศ.1897]) เป็นจุด

เร่มต้นของความสัมพันธ์ทางการทูตของสองราชอาณาจักร แต่หลังช่วง


พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) คือหลังการปฏิวัติเปล่ยนแปลงการปกครองจาก
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบสังคมนิยม สยามไม่ยอมรับการ
ปกครองโดยพรรคบอลเชวิค เมื่อทราบชะตากรรมของพระเจ้าซาร์นิโคลัส

และพระบรมวงศานุวงศ์ สยามจึงยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย
ต่อมาเมื่อประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 ได้
มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซียครั้งใหม่ ใน พ.ศ. 2491



(ค.ศ.1948) และดาเนินมาอย่างต่อเน่อง แม้สหภาพโซเวียตได้สลายตัวลง
ใน พ.ศ. 2534 (ค.ศ.1991) เป็นสหพันธรัฐรัสเซีย ความสัมพันธ์กับไทย
ก็ยังด�าเนินต่อเนื่องมา


แต่รัสเซียท่คุณรู้จักน้น แทบไม่ได้เส้ยวหน่งของความย่งใหญ่แห่ง



รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่ จากชาวรุส อาณาจักรเคียฟ อาณาจักร
มัสโควี เต็มไปด้วยต�านานของการสู้รบ เหล่าผู้ปกครองทั้งซาร์และซารินา




ผู้เปล่ยนแปลง ขัดแย้ง แย่งชิง ท้งพัฒนาอาณาจักรหรือท้งทาลายอาณาจักร


ไปพร้อมกัน เต็มไปด้วยการเปล่ยนแปลงของอานาจ การต่อสู้ช่วงชิงยึด
ครองอาณาจักร ความขัดแย้งทางศาสนา ความเหลื่อมล�้าสุดขั้วของชนชั้น
ท้งผู้ปกครอง ประชาชน ทาส วรรณคดี วรรณกรรม สถาปัตยกรรม ศิลปะ

นักเขียน ศิลปินที่สร้างผลงานยิ่งใหญ่เป็นอมตะ
รัสเซียที่คุณรู้จัก ยังไม่ใช่รัสเซียทั้งหมดที่มี
รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่ เล่มนี้ จะย้อนเล่าถึงเรื่องราวจาก

แรกเริ่ม เพื่อได้มองเห็นเส้นทางประวัติศาสตร์จากอดีตที่น�ามาสู่รัสเซียใน
ปัจจุบัน
รัสเซียที่คุณยังไม่รู้จัก จะท�าให้คุณรู้จักรัสเซียมากยิ่งขึ้น

รู้จักมหาอ�านาจที่แท้จริง!



ส�ำนักพิมพ์ยิปซี

ค�ำน�ำผู้เขียน








ประเทศชาติเหมือนบุคคลท่เกิดมีชีวิตและองคาพยพท่ต้องดาเนินไป

ตามร่องตามรอยในวิถีแห่งกาลและต้องเผชิญภาวการณ์จาเพาะ มีเส่อม




สูญส้นสภาพเดิมแล้วเกิดสภาพใหม่ มีสภาพใหม่เกิดข้นตลอดเส้นทาง ไม่ม ี
คงอยู่อย่างถาวร ไม่มีที่แน่นอน ไม่ตายตัว ด้วยมีปัจจัยที่เป็นเหตุให้ขยับ
เขยื้อนเคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปร ขยายพองออก หดเข้า มากขึ้นหรือยุบน้อย



ถอยลง สูญส้นสภาพดับไป เหตุและปัจจัยมีมากมายหลายประการท่ทาให้การ
คงสภาพนั้นไม่อาจเป็นได้ แม้ความจริงเป็นเช่นนี้แล้วก็ยังมีความต้องการ


สภาพท่เป็นและคงอยู่ได้อย่างใจปรารถนาเสมอ ดังน้นก็ต้องรู้และเข้าใจได้
ว่าหมายถึงจาเป็นต้องปรับเปล่ยนตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์หรือ




เลือกหนทางและใช้วิธีรับมือกับสถานการณ์ท่เป็นเง่อนไขตอบโจทย์ท่อยู่

ตรงหน้าให้ได้เสมอ หากไม่ขยับหรือปรับเปลี่ยนให้ทันแก่การณ์ได้ก็จบ ที่


ว่าน้ไม่ได้หมายเพียงให้ได้สรุปลงท่ความคิดเร่องเจริญข้นหรือเส่อมลงและ





เจริญหรือเส่อมอย่างไร หรือสนับสนุนทฤษฎีวัฏจักรท่เก่าแก่พ้นสมัยแล้ว
นั้นแต่อย่างใด แค่ให้ได้ร�าลึกและตระหนักว่าประวัติศาสตร์เป็นวิชาหนึ่งใน
สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ท่ให้ความรู้เร่องมนุษย์และสังคม





เนอหาเร่องราวประวตศาสตร์ชาติตางๆ บนโลกใบนน้นบอกสภาพธรรมอน







เป็นสากลได้เป็นอย่างดี
ในเส้นทางชีวิต เริ่มต้นก่อนท�าคือคิด หากคิดเห็นผิด ได้ตั้งต้นผิด



เลอกเดนทางผด หมายถงหายนะ มคาพดทว่า “ควำมเจรญก้ำวหน้ำ








หมำยถึงควำมตำยของผู้ท่มำก่อน” คนฉลาดย่อมรู้วิธีและรู้ประสบการณ์


ของผู้ท่มาก่อนเป็นเบ้องต้นท่ช่วยให้ไม่เสียเวลา ความเส่ยงลดน้อยลง






และได้ผลท่แน่นอน ความรู้เร่องการกระทาของชนผู้ท่เกิดก่อนท่เรียกว่า







ประวัติศาสตร์น้น ความสาคัญอยู่ตรงเร่องท่ได้เกิดข้นแล้วย่อมส่งผลต่อ
ปัจจุบันและอนาคต เม่อมนุษย์และสังคมมนุษย์ดาเนินชีวิตอย่างท่ต้องเผชิญ





ปัญหาและอุปสรรคในเส้นทาง ก่อนท่จะประสบความสาเร็จและล้มเหลว





การรู้เร่องท่เกิดข้นในอดีตกาลเป็นประสบการณ์ เช่นกันกับท่ได้รู้เร่องต่างๆ
ของปัจจุบันที่ยังประโยชน์แก่ชีวิต ประวัติศาสตร์เป็นต้นทุนที่ให้โอกาสท�า


สาเร็จได้มากกว่า ยงไปกว่าน้นประวตศาสตร์มความเก่ยวข้องกบศาสตร์











ต่างๆ โดยทมีอย่ในเน้อหา และเน่องจากจาเป็นต้องนาศาสตร์อ่นมาใช้





ประกอบการศึกษาเพ่อให้ได้รู้รอบรชัดและถูกต้องมากย่งขน ความก้าวหน้า

ู้



ของศาสตร์ต่างๆ จึงเป็นเคร่องมือใช้พิจารณาท่ก่อให้เกิดทัศนะท่กว้างขวาง


ยิ่งขึ้นไปอีกได้



เม่อมนุษย์จะกระทาการใดก็ตามย่อมมีเหตุผลักดันให้กระทาท้งท ี ่


เป็นสาเหตุพ้นฐานและสาเหตุปัจจุบัน ความต้องการพ้นฐานของชีวิตคืออย ู่

รอดปลอดภัย เป็นสุขและมั่นคงตลอดไป ในเหตุปัจจุบันมีค�าอ้างเรื่องบท
แห่งอุบัติการณ์ท่ไม่อาจคาดล่วงหน้า เกิดอย่างฉับพลันกะทันหันไม่คาดฝัน

การตีความเหตุการณ์ว่าเป็นเช่นน้ย่อมเกิดข้นได้ เป็นอย่างเชนการเป่า



ลูกโป่ง หากมีลมเกินพอดี ลูกโป่งย่อมแตก นักประวัติศาสตร์โซเวียตมัก
เน้นย�้าเรื่องการปฏิวัติ ค.ศ. 1917 ว่าเกิดขึ้นเอง เป็นอุบัติการณ์ไม่คาดคิด
ล่วงหน้า ที่เกิดมีมวลชนมาออกันอยู่เต็มถนน ลุกฮือขึ้นก่อการ จนกระทั่ง



อานาจปกครองของราชวงศ์โรมานอฟส้นสุดลง แต่เราย่อมรู้ดีว่าปัจจัยท่ก่อ
เหตุปฏิวัติให้เกิดขึ้นได้มีหลายประการ และรู้ว่าหากเป่าลมเข้าลูกโป่งมาก
เกิน ลูกโป่งจะแตก ลูกโป่งที่เหนียวพอจึงจักรับปริมาณลมได้ มีผู้ไม่เชื่อ
เรื่องบทแห่งอุบัติการณ์ จนถึงว่าไม่มีเหตุใดเกิดขึ้นโดยไม่อยู่ในแผน หรือ


ว่ามันได้ถูกกาหนดข้นน่นเอง ในการศึกษาประวัติศาสตร์ เม่อได้รู้ว่าเคย


เกิดอะไรข้นตามลาดับกาลและรู้เหตุรู้ผลของเหตุการณ์ รู้เร่องของความน่า



จะเป็น โดยหากตัวการผู้กระท�าบทบาทตัดสินใจเลือกท�าการเป็นอย่างอื่น


เล่า จะเกิดอะไรหรือเป็นอย่างไรได้ มีกลุ่มผู้อ่านประวัติศาสตร์ท่คิดตรอง
และเชื่อในอันที่สุดว่ามีผู้ดลบันดาล ก�าหนดทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดมีขึ้น จน
มีผู้วางทฤษฎีตอบข้อสงสัยที่ว่าใครหรืออะไรผลักดันให้ทุกอย่างเป็นดังนั้น



และใครคุมเกม มีความจริงท่ปรากฏชัดอยู่ในเร่องพฤติกรรมของมนุษย์



คือมนุษย์น้นต้องการควบคุมเพ่อสัมฤทธ์ผลตามท่ใจตนปรารถนา น่นคือ


ต้องมีอ�านาจกระท�าการให้ส�าเร็จ และมีอาวุธส�าคัญที่ใช้ได้ในกระบวนการ



















ทกขนตอนคอความร อยางทเรียกวาศาสตราวธ ดงนจงมนกประวตศาสตร ์



ในยุคสมัยหน่งท่คิดเช่อว่าความรู้ความเข้าใจท่ได้จากประวัติศาสตร์ม ี

ประสิทธิภาพถึงข้นท่ช่วยให้สามารถไขความลับของจักรวาลได้เลยทีเดียว


หรือรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อรู้อดีต รู้ปัจจุบัน ก็ย่อมรู้อนาคต ได้จาก



การรู้เห็นตัวการท่ควบคุมเหตุการณ์ท้งหมดของโลกใบน้ ประวัติศาสตร์คือ
แผนหรือเกม แผนคือมีจุดหมาย เกมคือมีแพ้ชนะ

การสืบค้นสาเหตุของเร่องหรือการกระทาในเส้นทางของเหตุและผล

เป็นเรื่องสนุกชวนติดตาม มากกว่าเพียงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เพียงเท่านั้น ที่
ต้องรู้สาเหตุเพราะมนุษย์เป็นสัตว์ท่คิดตามหลักเหตุผลและมีความต้องการ

รู้ค�าอธิบาย ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ไหน อย่างไร ท�าไม ต่อไปจะเป็นอย่างไร ถ้า



เร่องท่เกิดข้นมีความสาคัญท่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของชนหมู่มากและโดย


เฉพาะต่อตัวเราเองแล้วไซร้ ค�าถาม “ท�าไม” ยิ่งจ�าเป็น ค�าตอบที่ได้จะเป็น
เครื่องมือที่ใช้ส�าหรับเดินก้าวต่อไป
รัสเซียเป็นประเทศท่มีการพัฒนามาตลอดช่วงเวลาท่ยาวนานนับแต่





แรกต้งอาณาจักรเคียฟในราวคริสต์ศตวรรษท่ 10 จนถึงสมัยจกรวรรด ิ



แห่งราชวงศ์โรมานอฟท่ล่มสลายลงในคริสต์ศตวรรษท่ 20 นับพันปีท


ศูนย์อานาจปกครองต้องขยับโยกย้ายและมีศูนย์อานาจอยู่หลายแห่งกว่า


จะไดครองพื้นที่สองทวีป ท�าใหมีค�าถามเกิดขึ้นมากมายกับผูที่ศึกษาสังคม










และวฒนธรรมรสเซยท่มความซบซ้อน เน่องจากรัสเซียมีผ้คนมากมาย




หลากหลายกลุ่มท้งชาติพันธุ์และชนช้นท่มีความสัมพันธ์กันมาโดยตลอด
ผู้ปกครองนับตั้งแต่กษัตริย์ลงมาถึงบิดากับผู้อยู่ใต้ปกครอง เจ้าของทรัพย์















ทดนกบชาวนา ทาสทดน ทาส นกรบ นกบวช ชางฝมอ กลมคนหรอบคคล

กระทาบทบาทโดยมีสาเหตุและมีปัจจัยพ้นฐานอยู่ท่ความจาเป็นตามเจตจานง























และตาแหนงทยน บงคบผลกดนทาใหตองดนรนตอสใหไดสงทตนปรารถนา







ปรากฏให้เหนอยในพฤตกรรมท่พยายามให้ได้ชัยชนะ ได้ถออานาจควบคม




ู่
กับให้ได้เป็นอิสระ พ้นจากอานาจควบคุมของผู้อ่น หรือว่าท่จริงก็คือ



ให้ได้เป็นผู้ถืออ�านาจนั้นเอง การต่อสู้เดิมพันกันด้วยชีวิต เป็นหรือตาย ใน

เส้นทางท่ดาเนินไปน้ น้อยนักท่คนเราจักขยับกระทาการอย่างหน่งอย่างใด







โดยไม่เห็นจาเป็น ความจาเป็นจึงเป็นแรงบีบคั้นบังคับผลักดันกระตุ้นเร้า

หรือบันดาลใจ โดยได้รับอย่างเป็นผลจากประสบการณ์ท่มีมาอย่างต่อเน่อง

เห็นได้จากท่มนุษยชาติกระโดดข้ามจากยุคล่าฆ่าและเก็บกินมาเป็นยุค

ท�าไร่ไถนาเลี้ยงสัตว์ การสู้รบ ท�าสงคราม หรือจากการลุกขึ้นจากที่นอน

ออกไปทามาหากน ออกจากหม่บ้าน โยกย้ายถนทอาศย หรอจากการ








ประกอบอาชีพจนสิ้นอายุขัย

ตงแต่แรกตงอาณาจักรจนถึงปัจจบัน รสเซียมีเมืองหลวงต้งอยู่ใน






ทวีปยุโรปและรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากแดนตะวันตกที่เหนือกว่า จาก

สภาพท่ต้งของประเทศนับต้งแต่ต้นท่ชาวรัสเซียเป็นชาวป่าท่ต้องสู้กับชาว




ทุ่งสเตปป์ รัสเซียเป็นยูเรเชีย มีพื้นที่ขยายครอบคลุมที่ราบภาคตะวันออก
ของยุโรปและเอเชียทางเหนือ แต่จนถึงคริสต์ศตวรรษท่ 19 ไซบีเรีย

มีบทบาทในด้านการพัฒนาวัฒนธรรมของรัสเซียไม่มาก รัสเซียรับอิทธิพล
ทางวัฒนธรรมจากสแกนดิเนเวีย บิแซนทีน เอเชีย ยุโรปตะวันตก และต่อมา
คืออเมริกาเหนือ อย่างไรก็ดี อิทธิพลจากภายนอกไม่อาจผลักดันรัสเซียให้



เหออกนอกทางท่เป็นตัวตนของตนได้ อีกท้งไม่สามารถกาหนดทิศทางการ

พัฒนาพ้นฐานภายในของรัสเซียได้ รัสเซียไม่ใช่ท้งยุโรปและเอเชีย ถึงจะรับ




ค่านิยมและสถาบันสาคัญจากสองทวีปมาก็ตาม รัสเซียเหมือนจีนท่คงความ
ส�าคัญอยู่บนโลกนี้ด้วยตนเอง ทั้งที่ได้ดูดซับและบูรณาการปัจจัยภายนอก


มาผสมผสานเข้าด้วยกัน จึงเป็นด่งสะพานเช่อมโลกตะวันตกกับตะวันออก
ให้ถึงกัน รัสเซียมีประวัติศาสตร์ท่ยาวนานและซับซ้อนดังกล่าวแล้ว แต่ผู้คน



ท่วไปมักสนใจเร่องของชาวเกรตรัสเซียท่มีศูนย์อานาจอยู่ท่มอสโกมากกว่า








ท่อ่น ซ่งอาจเน่องจากผู้ควบคุมศูนย์อานาจท่มอสโกมีวีรกรรมและบทบาทเด่น



เหนือชาวสลาฟตะวันออกกลุ่มอ่นๆ รวมท้งชนท่ไม่ใช่สลาฟในจักรวรรด


แต่ประชาชาติท่ไม่ใช่เกรตรัสเซียก็ได้ร่วมพัฒนารัสเซียมาด้วยตลอด ในการ

ศึกษาศูนย์อานาจใหญ่ของรัสเซียทาให้เห็นว่าชาติเหล่าน้ได้รับผลกระทบ




และมีปฏิสัมพันธ์กับศูนย์กลางแห่งอานาจท่มอสโกอย่างไร เคียฟรัสเซียเอง



ก็มความเช่อมโยงกับมัสโควีและจักรวรรดมาโดยตลอด และเป็นองค์ประกอบ



ท่สาคัญในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย อย่างไรก็ดี เหตุปัจจัยทางประวัติศาสตร์
และวัฒนธรรมก็ได้ส่งผลอย่างย่งให้ชาวเกรตรัสเซียมีความแตกต่างจากชาว

ยูเครนและเบโลรัสเซีย พวกนิยมลัทธิมาร์กซ์-เลนินเช่อว่ามนุษยชาติมีการ


พัฒนาตามข้นตอนทางเศรษฐกิจ-สังคม ท่จัดเป็นยุคได้ดังน้ ประชาคมนิยม


บรรพกาล ยุคทาส ยุคขุนศึก-ศักดินาสวามิภักดิ์ และยุคทุนนิยม ที่สุดคือ

ประชาคมนิยมคอมมิวนิสต์ แต่ละข้นมีสถานะท่แตกต่างกันและรูปแบบการ

ผลิตที่ก้าวหน้าขึ้นเป็นล�าดับ มีความขัดแย้งทางชนชั้นในทุกยุคก่อนจะถึง
ยุคคอมมิวนิสต์ ในการศึกษาประวัติศาสตร์รัสเซียโดยทั่วไป การจัดล�าดับ


ยุคเป็นดังน้ ยุคโบราณก่อนต้งอาณาจักร เคียฟ มัสโควี จักรวรรด สหภาพ

โซเวียต และสหพันธรัฐรัสเซียในเครือรัฐอิสระ ยุคต่างๆ มีความเชื่อมโยง
ติดต่อกันอย่างไม่อาจตัดตอนจากกันให้เด็ดขาดได้
ผู้เขียนมีประสบการณ์การสอนนาน 40 ปี มีสิ่งที่ท�าได้ยากแต่ต้อง
พยายามทา คือสร้างแรงบันดาลใจและปรับโลกทัศน์แก่ผู้เรียน ซึ่งการวัดผล



ทาได้ยากเช่นกัน เน่องจากการสอบมีเฉพาะข้อเขียนท่อาจบ่งบอกได้แต่



เพียงว่าผู้เรียนผ่านประสบการณ์การเรียนรู้เร่องราวมามากน้อยเพียงใด

และความรู้ประวัติการณ์หรือประวัติบุคคลอาจนาไปใช้ให้เป็นประโยชน์
โดยตรงต่อการประกอบอาชีพเลยทีเดียวไม่ได้ แต่ส�าหรับคนทั่วไปไม่ว่าจะ



ประกอบอาชีพใดก็ตามจาต้องมีความเข้าใจชีวิต นับเป็นเร่องท่สาคัญอย่าง


ยิ่ง ประวัติศาสตร์ให้ความรู้จากการเห็นและเข้าใจ “ตัวกระท�าบทบาท” ใน






เร่อง เห็นโครงเร่อง แนวเร่อง และรูปแบบท่ทาให้เข้าใจชีวิตท่เคยเกิดข้นแล้ว

หากมีวันใดท่ให้รู้สึกอับจนส้นหนทาง ผิดหวังเศร้าสร้อยน้อยใจในโชคชะตา


ค่าของชีวิตตกต่าเสียจนไปต่อไม่ได้ สติท่อยู่คู่กับปัญญาแม้จะเหลืออยู่เพียง






น้อยจักช่วยให้ได้ยับย้งช่งใจใคร่ครวญโดยเห็นจริง ท่เป็นทางอ่นให้เดินต่อ
ปราชญ์อินเดียท่านว่า “สตฺย เมว ชยเต” นั่นคือควำมจริงอยู่เหนือทุกส่ง

ประวัติศาสตร์มุ่งหมายความจริง หากรู้จริงย่อมเป็นประโยชน์แก่ชีวิต
เพียงรู้เท่านี้ก็นับว่าคุ้มมากแล้ว








ผ้เขียนขอขอบคณสานกพมพ์ยปซทร้คณค่าของวชาและมองเหน





ประโยชน์ที่จะเกิดจากการพิมพ์เผยแพร่ รัสเซีย จักรวรรดิพันปีท่ย่งใหญ่




เล่มน้ และหวังเป็นอย่างย่งว่าผู้อ่านจะได้รับความเพลิดเพลินในอรรถรส
นอกเหนือจากที่ได้ความรู้เรื่องราวในอดีตของรัสเซีย ทั้งความยิ่งใหญ่ของ
จักรวรรดิ มหัศจรรย์ของเร่องราวการต่อสู้ด้นรนให้พ้นจากทุกข์ยาก ความ


ส�าเร็จและล้มเหลว ที่ส�าคัญคือการหาทางออกของทุกกลุ่มชนชั้นที่เราอาจ
พิจารณาเป็นแบบอย่างให้เกิดแนวคิดที่ใช้ในปัจจุบันได้
รศ.ผุสดี จันทวิมล

สำรบัญ






หน้า
บทน�ำ รัสเซียก่อนสมัยอำณำจักร 19

ที่ตั้ง ภูมิประเทศ 20

ชนชาติที่อาศัยในรัสเซียก่อนสมัยอาณาจักร 23
ชนชาติสลาฟตะวันออก 31





บทท่ 1 สมัยอำณำจักรเคียฟ 35
ผู้ปกครองอาณาจักรเคียฟ (คริสต์ศตวรรษที่ 9–12) 38

การบริหารการปกครอง 51

ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ 57
เศรษฐกิจ 60

สังคม 65
คริสต์ศาสนาและคริสตจักร 68

วัฒนธรรม 73

ศิลปะและสถาปัตยกรรม 76




บทท่ 2 สมัยรำชรัฐรัสเซีย 81
ดินแดนตะวันตกเฉียงใต้ 83

ดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือ 86

มองโกลพิชิตรัสเซีย 92

อาณาจักรตะวันตกเฉียงเหนือ 99
มอสโก 110

การต่อสู้กับรัฐเจ้าชายแห่งทเวอร์ 113
แกรนด์ปรินส์แห่งมอสโกและวลาดิมีร์ 115

การขยายอ�านาจของเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่แห่งมอสโก 120

การสถาปนาเสถียรภาพแห่งราชอาณาจักรมัสโควี 127
สังคม ศาสนา และวัฒนธรรม 135

ความขัดแย้งภายในคริสตจักร 145




บทท่ 3 สมัยอำณำจักรมัสโคว ี 155
ซาร์อิวานที่ 4 156

กิจการภายนอกประเทศ 163
สมัยออพริชนินา 165

ซาร์ฟีโอดอร์ที่ 1 และโบริส โกดูนอฟ 171
ยุคแห่งความยุ่งยากล�าบาก 175

กบฏภายในราชอาณาจักรและการบุกรุกของต่างชาติ 178

การฟื้นฟูชาติ 188
ผลจากเหตุการณ์ในสมัยยุ่งยากล�าบาก 192

ราชวงศ์โรมานอฟสมัยต้น 194
การบริหารราชการ 196

การขยายอาณาเขต 197

เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม 205
ศาสนาและคริสตจักร 212


บทท่ 4 จักรวรรดิรัสเซียสมัยต้น 223
ซาร์ปีเตอร์มหาราช (ค.ศ. 1689-1725) 225

สงครามและการทูต 236
การบริหารราชการ 246

สังคม เศรษฐกิจ และศาสนา 249

สมัยยุ่งยากล�าบากครั้งที่ 2 257
เศรษฐกิจและสังคมภายหลังสมัยซาร์ปีเตอร์มหาราช 264

วัฒนธรรม 267

ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ 269
ซาร์ปีเตอร์ที่ 3 และซารินา แคทรีนที่ 2 (ค.ศ. 1762-1796) 274

การบริหารราชการ 280

การต่างประเทศ 284
เศรษฐกิจ 291

สังคม 294
กบฏปูกาเชฟ 297

การศึกษา 300

วัฒนธรรม 301
ความคิดแบบทรงภูมิธรรมทางปัญญาของรัสเซีย 303

ซาร์ปอลที่ 1 และซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 (ค.ศ. 1796-1825) 307
การปฏิรูประบบบริหารราชการ 314

สมาคมลับและกบฏธันวาคม 321

สงครามและการทูต 325
ซาร์นิโคลาสที่ 1 (ปีปกครอง ค.ศ. 1825-1855) 341

การบริหารราชการ 342
กองทัพ 344

กลุ่มปัญญาชนทางการเมือง 345
การต่างประเทศ 349

สงครามไครเมีย (ค.ศ. 1853-1856) 354

สังคม เศรษฐกิจ 358
วัฒนธรรม 363





บทท่ 5 รัสเซียสมัยใหม่ 373
ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 (ปีปกครอง ค.ศ. 1855-1881) 375

การตรวจสอบและการศึกษา 378

การปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่น 381
การปฏิรูปการศาล 383

การปฏิรูปการทหาร 384
ชนกลุ่มน้อย 387

การเงิน การคลัง และอุตสาหกรรม 389

นโยบายต่างประเทศ 391
การขยายอ�านาจสู่เอเชีย 397

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อต้านระบอบเก่า 401
ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 และซาร์นิโคลาสที่ 2 สมัยต้น 412

คริสตจักร 416

ชนกลุ่มน้อย 418
ซาร์นิโคลาสที่ 2 (ปีปกครอง ค.ศ. 1868-1918) 419

นโยบายต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่ใช้กับชนกลุ่มน้อย 420
นโยบายต่างประเทศหลังการประชุมสมัชชาแห่งเบอร์ลิน 423

รัสเซียในแดนตะวันออกไกล 428
สงครามรัสเซีย–ญี่ปุ่น (ค.ศ. 1904–1905) 432

กลุ่มปฏิวัติทางการเมือง 434

การปฏิวัติ ค.ศ. 1905 437
สภาดูมา 440

นโยบายท�าให้สงบของสโตลิปิน 445

นโยบายต่างประเทศก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 448
รัสเซียกับสงครามโลกครั้งที่ 1 451

การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 454

การคลังและอุตสาหกรรม 456
แรงงานกรรมกร 462

เกษตรกรรม 464
ชาวนา 466

วัฒนธรรม 469

สงครามกับการปฏิวัติ 487
สถานการณ์ภายในประเทศช่วงสงคราม 496

การปฏิวัติเดือนภุมภาพันธ์และรัฐบาลชั่วคราว 501
ความพยายามท�ารัฐประหารของคอร์นิลอฟ 515

การปฏิวัติเดือนตุลาคม 518



บรรณำนุกรม 524





บทน�ำ




รัสเซียก่อนสมัยอำณำจักร

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่


ที่ตั้ง ภูมิประเทศ





รัสเซียเป็นประเทศท่ปรากฏเร่องราวอันเป็นเหตุอัศจรรย์ของโลก

ใบน้หลายประการ ประการหน่งคือท่ต้งของประเทศครอบคลุมพ้นท่สองทวีป





เรียกว่ายูเรเชีย (Eurasia) ขนาดของประเทศสมัยจักรวรรดิและสมัยสหภาพ



โซเวียตใหญ่โตมโหฬาร กินเน้อท่หน่งในหกของพื้นผิวดินหรือราวแปดล้าน
ห้าแสนตารางไมล์ นับความยาวเป็นเส้นตรงจากโปแลนด์ในยุโรปข้าม








เอเชยมาทฝั่งมหาสมทรแปซฟิกได้ 6,000 ไมล์ และตงแต่เปอร์เซยจด
ขั้วโลกเหนือในเขตที่ไม่มีผู้คนอาศัยยาว 3,000 ไมล์ สภาพภูมิอากาศมี

ทุกแบบต้งแต่ร้อนท่สุดถึงเย็นท่สุด มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์หลากหลาย


ประเภท และมีผลผลิตให้บริโภคได้เท่าที่ต้องการ รัฐนี้สามารถพัฒนาหรือ
เลี้ยงตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร



พ้นท่รัสเซียติดต่อเป็นผืนเดียวกัน ส่วนใหญ่เป็นพ้นท่ราบ แผ่ครอบคลุม

ทวีปยุโรปภาคกลางไปจนถึงไซบีเรีย มีเทือกเขาและขุนเขาอยู่ประปรายทาง
ตะวันออก เทือกเขาอูราลทอดขวางแบ่งทวีปท้งสองออกจากกัน จุดท่สูงสุด


สูงราว 6,214 ฟุต ระหว่างเทือกเขาอูราล ทะเลแคสเปียน และทะเลอาราล
(Aral) ทางตะวันตกเฉียงใต้มีช่องเขากว้างราว 800 ไมล์ เปิดทางออกส ู่

ทุ่งสเตปป์ ชาวเอเชียบุกเข้ายุโรปทางช่องน้เป็นระลอกจนถึงคริสต์ศตวรรษท่ 13


เทือกเขาท่เป็นพรมแดนธรรมชาติคือ เทือกเขาคาร์เปเทียน (Carpathians)
อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ เทือกเขาคอเคซัสทางใต้ ยอดปามีร์ เขาเทียนชาน
และอัลไตอยู่ติดกับอัฟกานิสถาน อินเดีย และจีน รัสเซียเขตยุโรปเป็นท ่ ี
ราบลุ่ม ทางตะวันตกเฉียงเหนือมีท่ราบสูงต้นน้าสาคัญหลายสายคือเทือกเขา



วัลได (Valdai Hills) สูงกว่าระดับน�้าทะเลมากท่สุดราว 1,000 ฟุต ส่วนใหญ่



สายน้าไหลผ่านท่ราบลุ่มจากเหนือลงใต้อย่างช้าๆ มีท่ไหลข้นเหนือลงทะเล


บอลติกและมหาสมุทรอาร์กติกคือ ดวีนาเหนือและเพคอรา (the Pechora)
20

บทน�ำ - รัสเซียก่อนสมัยอาณาจักร





สายอ่นๆ ท่สาคัญคือ ดนีสเตอร์ (the Dniester) บัก (the Bug) และสายใหญ่
อย่างดนีเปอร์และดอนไหลลงทะเลดา โวลก้าน้นไหลลงทะเลแคสเปียน ใน


ไซบีเรียมีแม่น้าออบ (the Ob) และเอนิเซ (the Yenisei) เป็นสายใหญ่ และ

ท่ไหลแรงคือ ลีนา (the Lena) อินดิเกอร์กา (the Indigirka) และโคลิมา (the


Kolyma) ไหลลงอาร์กติก เว้นอามูร์ (the Amur) ท่ไหลไปทางตะวันออก เป็น
พรมแดนธรรมชาติก้นจีนกับรัสเซีย แล้วไหลลงช่องแคบตาร์ตารี ทางใต้ของ

ไซบีเรียมีอมู ดาเรีย (the Amu Darya) และซีร์ ดาเรีย (the Syr Darya) ไหล


ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือลงอาราล ซ่งเดิมใช้เป็นทางสู่แคสเปียน แม่น้าและ



แควสาขาเหล่าน้รวมท้งแม่น้าสายอ่นๆ และทะเลสาบเป็นเส้นทางคมนาคม

ทางน�้า เช่อมต่อถึงกันอย่างดีเลิศ เทือกเขาวัลไดท่เต้ยแต่ก็เป็นสันปันน�้าสาคัญ




ทางตะวันตกเฉียงเหนือเขตยุโรปและเป็นต้นน้าสายดนีเปอร์ โวลก้า ดวีนา


ตะวันตกและโลแวท (the Lovat) อย่างไรก็ดี แม้ว่ารัสเซียจะมีแม่น้าและ

ทะเลสาบมาก แต่กลับไม่มีทางออกทะเล ชายฝั่งท่ยาวท่สุดคือฝั่งมหาสมุทร


อาร์กติกมีแต่น�้าแข็ง ทะเลท่อยู่ใกล้รวมท้งบอลติกและทะเลดาจะไปถึงได้ก ็



โดยผ่านช่องแคบท่ห่างจากพรมแดน ต่อไปถึงแคสเปียนและอาราลได้ ทะเล
อาราลอยู่ในเขตรัสเซีย เช่นเดียวกับลาโดกา (Lake Ladoga) และโอนีกา
(Onega) ในยุโรป บอลคาช (Balkhash) ในเอเชียกลาง และไบคาล (ฺBaikal)


ในไซบีเรียท่ท้งลึกและกว้างใหญ่ ชายฝั่งตะวันออกของรัสเซียมีอากาศหนาวเย็น

และไม่เอ้อต่อชีวิตให้อยู่อาศัยได้ เว้นทางใต้ท่ติดกับจีน

สภำพภูมิประเทศ มีผลต่อความเจริญเติบโตของรัสเซียให้สามารถ



ขยายอานาจแผ่ออกไปได้อย่างกว้างขวาง เช่นทมอสโกแผ่อานาจไปยัง

ยุโรปตะวันออก หรือข้ามอูราลไปจนถึงแปซิฟิก แม้แต่อลาสก้าและ
แคลิฟอร์เนีย รัสเซียมีเคร่องป้องกันการโจมตีจากภายนอก โดยเฉพาะระยะ



ทางท่ไกลกว่าจะถึงเมืองหลวงทาให้ผู้บุกรุกประสบความพ่ายแพ้ได้ ต้งแต่

สมัยเปอร์เซีย ซีเธียน จนถึงนโปเลียนและฮิตเลอร์ แดนที่ยึดครองได้มาก
21

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่






































เขตพืชพันธุ์ตามสภาพภูมิอากาศ


ท�าให้มีปัญหาเรื่องการบริหารการปกครอง ขนาดที่ใหญ่โตมากจนรวมทุก


ภาคส่วนเข้าด้วยกันอย่างดียาก หรือจะร่วมกระทาการให้ประสานอย่างเป็น


อันหน่งอันเดียวกันก็เป็นงานท่ผู้ปกครองต้องเหน่อยยาก ท้งยังไม่มีทางออก







ทะเล ทาให้ต้องแสวงหาลู่ทางออกสู่น่านนาเก่ยวข้องกับเขตบอลติก ทะเลดา
และช่องแคบตุรกีมาตลอด
สภาพภูมิอากาศก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก ไล่ต้งแต่ไซบีเรีย


เขตทุนตราท่เป็นหนองนา ทุ่งหญ้าสเตปป์ เขตเทือกเขาอัลไตในเอเชีย


จนถึงทะเลทรายในเอเชียตอนกลาง
22

บทน�ำ - รัสเซียก่อนสมัยอาณาจักร


ชนชำติที่อำศัยในแดนรัสเซียก่อนสมัยอำณำจักร






ก่อนหน้าท่ชาวรัสเซียจะต้งม่นอยู่อาศยและต้งอาณาจักรแห่งแรกข้น




บนท่ราบยูเรเชียอันกว้างใหญ่ไพศาลทางตอนเหนือของทะเลดา หลายพันปี


ก่อนคริสตกาล ท่ราบแห่งน้เป็นแหล่งรวมกระแสวัฒนธรรมจากเอเชีย

ตะวันตก ทะเลด�า และเทือกเขาคอเคซัส ส�าหรับชาวสลาฟ (Slavs) หรือ



เช้อสายสลาฟท่เป็นรัสเซียไม่มีหลักฐานว่าเดิมได้เคยอาศัยอยู่ท่ใดมาก่อน


และเร่องท่มาก็ไม่ชัดเจน แต่ท่แน่ชัดคือชนชาวสลาฟไม่ได้อยู่บนท่ราบแห่งน ี ้




จนเม่อคริสตกาลเร่มต้นแล้วหลายร้อยปี จากหลักฐานทางโบราณคด ี
ู่
บ่งบอกว่าในยุคหินใหม่ราว 4,000 ปีก่อนคริสตกาล มีมนุษย์อาศัยอยในแถบ



ลมนาดนเปอร บก และดนสเตอร ทาเกษตรกรรมและมการตอสกนระหวาง

















พวกทาไร่ไถนากับพวกเล้ยงสัตว์ทุ่งท่บุกเข้ามา มีการนบถือศาสนา รู้จัก
ทอผ้า ปั้นหม้อรูปเกลียวและเวียน ทาให้รู้ได้ว่ามีความเช่อมโยงกับเขตยุโรป



กลางตอนใต้และเอเชียน้อย มีการใช้โลหะท่พัฒนาในหุบเขาคิวบัน


เหนือแนวคอเคซัส มีลักษณะใกล้เคียงกับท่อียิปต์และเมโสโปเตเมีย วัสดุทา


จากทองแดง ทอง และเงิน แสดงให้เห็นว่ามีความชานาญและรสนิยมท่เป็น

ของยุคสาริด แต่ไม่พบวัสดุและร่องรอย จนเม่อเข้ายุคเหล็กในช่วง 1,000 ปี

ก่อนคริสตกาล มีคล่นผู้อพยพจากเอเชียและตะวันออกกลางเข้ามาเป็น

ระลอก



หลกฐานทางประวตศาสตร์ชนแรกระบว่าชนชาตซมเมอเรยน






(Cimmerians) เชื้อสายชาวเทรซ (Thrace) ที่พูดภาษาอินโดยุโรป เข้ามา

พิชิตและต้งถ่นฐานอยู่ทางฝั่งเหนือของทะเลดา ปกครองชนพ้นเมืองท่อยู่






กระจัดกระจายบนท่ราบและมีอานาจแผ่ไปจดคอเคซัส ซิมเมอเรียนชานาญ

การใช้เหล็ก ซึ่งอาจเป็นข้อได้เปรียบเหนือชนพื้นเมือง ท�าให้มีการใช้เหล็ก
อย่างกว้างขวาง เมื่อถึงราว 700 ปีก่อนคริสตกาล
23

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่


ซีเธียน (Scythians) พูดภาษาอิหร่านจากเอเชียกลางได้เข้าแทนที่
ซิมเมอเรียนตั้งแต่ราว 700 ปีก่อนคริสตกาลถึงราว 300 ปีก่อนคริสตกาล
ซีเธียนมีความเจริญมากกว่า ได้เข้าครองเขตแม่น�้าดานูบตอนใต้ ข้าม

คอเคซัสเข้าเขตเอเชียน้อย จากแม่น�้าดานูบถึงแม่น�้าดอน และจากตอน
เหนือของทะเลด�าขึ้นเหนือ ใช้เวลาเดินทาง 20 วัน ไม่แน่ชัดว่าซีเธียนเป็น

อิหร่านหรือมองโกล แต่ท่แน่ๆ มีมองโกลรวมกลุ่มอยู่ด้วย นักวิชาการชาว

รัสเซียเห็นว่าเป็นชาวสลาฟหรือเช้อสายสลาฟ จอร์จ เวอร์นาดสก้ (George



Vernadskii) เห็นว่าเป็นกลุ่มชนชาติเช้อสายผสมสองชาติท่มีจานวนมากคือ







ซเธยนกบซิมเมอเรียนท่กลายเป็นชนชาติท่อยู่ใต้การปกครอง เฮรอโดตส
(Herodotus นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก) เล่าเรื่องซีเธียไว้เมื่อ 500 ปีก่อน
คริสตกาลเมื่อได้มาอยู่เก็บข้อมูลที่โอลเบีย (Olbia) ซึ่งเฮรอโดตัสเรียกว่า
ซีเธีย (Scythia) หมายถึงแดนของผู้อาศัยและชาติพันธุ์ของพวกที่อยู่ในที่
ราบยูเรเชีย จึงท�าให้สับสนเมื่อเอ่ยถึงซีเธียและเชื้อชาติพันธุ์ของพวกเขา มี
เหตุผลว่า ซีเธียนเป็นอิหร่านเนื่องจากชนชั้นปกครองพูดอิหร่าน มีข้ออ้าง

จากหลักฐานทางโบราณคดี ซ่งบันทึกโดยเฮรอโคตัสว่าสลาฟและส่วนหน่ง

ของซีเธียนได้ช่อว่าเป็นพวกซีเธียนไถนา โดยเปรียบเทียบสรีระของ

ซีเธียนกับสลาฟในยุคต้นว่าคล้ายคลึงกัน ซีเธียนอาศัยอยู่นาน 300 ปี มี


วัฒนธรรมพ้นฐานสามแบบคือท่เป็นของซีเธียนอยู่บริเวณตอนล่างของ
แม่น้าบักและดนีเปอร์ ต่อมาคือทุ่งสเตปป์ซึ่งอยู่ทางตะวันออก สุดท้ายคือ

ที่ทุ่งสเตปป์บริเวณอาซอฟที่อยู่ไกลออกไปอีก บริเวณทั้งหมดเป็นที่ตั้งของ
เผ่าที่รวมกันเป็นสมาพันธ์ ส่วนหนึ่งเป็นเกษตรกรที่ลงหลักปักฐาน (พวก

ไถนา) อีกส่วนเป็นพวกเล้ยงสัตว์ในทุ่ง (nomads) มีกลุ่มผู้ปกครองท่ม ี

อ�านาจเหนือเผ่าทั้งหลาย เฮรอโดตัสเรียกว่าเผ่ากษัตริย์ซีเธียน (the Royal
Scythians) ชนเผ่าทั้งหลายเหล่านี้ใช้ภาษาและขนบประเพณีอย่างเดียวกัน

มีเผ่าท่เพาะปลูกทานาทาไร่อยู่ทางตะวันตก ทางตะวันออกเป็นพวก




24

บทน�ำ - รัสเซียก่อนสมัยอาณาจักร



เล้ยงสัตว์ ไม่ใช่ซีเธียน แต่มีวัฒนธรรมคล้ายกับพวกซีเธียนท่เป็นผู้ปกครอง
















อนทจรงการทผ้คนตงแต่เทอกเขาคอเคซสจนถงแมนาดานบทางตะวนตก






มีวัฒนธรรมอย่างเดียวกันเป็นดังท่เฮรอโดตัสบรรยายไว้เรองกล่มชาตพนธ์ ุ





อาวุธ เคร่องประดับ ม้า และแบบศิลปะประดับท่ใช้รูปสัตว์อันมีช่อเสียงของ
ที่ราบนี้ ซีเธียนอาศัยธรรมชาติเลี้ยงฝูงสัตว์ ล่าสัตว์ เป็นนักรบ เกษตรกร
ที่รู้และเข้าใจรวมถึงนับถือโลกของสัตว์ เพราะสัตว์มีบทบาทส�าคัญในชีวิต
และศิลปะซีเธียน ซีเธียนท�าการค้าติดต่อรับและถ่ายทอดทางวัฒนธรรมกับ



ชนเผ่าอ่นบนท่ราบยูเรเชียอย่างกว้างขวางในช่วงต้นสมัย ซีเธียนทาสงคราม
เช่นกันโดยใช้ก�าลังม้าขนาดเบา มีอาน ธนู ดาบสั้น ใช้ยุทธวิธีระดมก�าลัง
เคลื่อนที่เร็วแล้วจู่โจมตี พวกเปอร์เซียได้บุกเข้าตีแต่เอาชนะไม่ได้ ซีเธียน
อยู่เกวียนที่มีหลังคาคลุมใช้วัวลากและวัดฐานะจากจ�านวนม้าที่มี
กรีก (Ancient Greece, Greek) เข้ามาอยู่บริเวณคาบสมุทรไครเมีย
(Crimea) ในเวลาเดียวกันและกระจายกันอยู่บนฝั่งเหนือของทะเลด�า กรีก


ต้งอาณานิคมการค้าโดยเร่มจากค้าปลาจนกลายเป็นศูนย์การค้า ชุมชน

และเมืองใหญ่ในเวลาไม่นาน เช่น โอลเบียท่ปากน�้าบัก เชอร์ซอนิซุส

(Chersonesus) ท่ไครเมีย (ปัจจุบันคือ เซวาสโตโปล) ทาเนอิส (Tanais) ท ี ่
ปากน้าดอน แพนทิซาเพอุม (Panticapaeum) และพานากอเรีย (Phanagoria)


ท่ช่องแคบเคิร์ช (Kerch) ท่เช่อมทะเลอาซอฟกับทะเลดาและแบ่งไครเมีย




ออกจากคอเคซัสต้งแต่ 644 ปีก่อนคริสตกาล ทาการค้าขายกับซีเธียนและ


ชาติอ่นๆ ท่อยู่เหนือข้นไป กรีกค้าขายหลายประเภทโดยเฉพาะส่งธัญพืชให้




โลกเฮลเลนสตก อาณานิคมกรีกช่วยเช่อมโยงท่ราบยูเรเชียกับเฮลเลนิสติก


ทางเมดเตอรเรเนยนตะวนออก ชมชนช่องแคบเครชเปนศนยกลางอาณาจกร











บอสฟอรัสเม่อราว 100 ปีก่อนคริสตกาล ภายใต้อานาจของมิทริดาทิส


(Mithridates) มหาราชแห่งพอนตุส (ต่อมาพ่ายแพ้โรม และเมื่อโรมล่ม
สลาย อาณาจักรเชอร์ซอนิซุสก็ตั้งเป็นสถานีการค้าของบิแซนทีน)
25

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่


ซำร์มำเทียน (the Sarmatians) ชนเผ่านักรบชาติพันธุ์อิหร่านจาก
เอเชียกลาง บุกรุกเข้ามาเมื่อราว 300 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงราว 150 ปี

ก่อนคริสตกาลได้เข้าครองรัสเซียใต้แทนท่ซีเธียน ซาร์มาเทียนเป็นนักเพาะ
พันธุ์ปศุสัตว์ทุ่ง อยู่อาศัยในเกวียนหลังคาสักหลาด ท่องตามฝูงปศุสัตว์และ
ข่ม้าได้อย่างรวดเร็ว ซาร์มาเทียนรับวัฒนธรรมซีเธียนมาประสานเข้ากับ

วัฒนธรรมของตนและเร่มติดต่อทาการค้ากับอาณานิคมกรีกบนฝั่งเหนือ



ของทะเลดา ซึ่งสตราโบ (Strabo) นักภูมิศาสตร์กรีกอธิบายว่าคือเส้น










ทางการคาสายตะวนออก-ตะวนตก ในเขตทงสเตปป ซารมาเทยนมระเบยบ
สังคมและวัฒนธรรมคล้ายซีเธียน แต่การสู้รบใช้กองทหารม้า พวกเขาเป็น

ชนชาติแรกท่จ่ายเงินเดือนทหาร ซาร์มาเทียนมีโกลน เกราะ หอก และดาบยาว

ผิดกับซีเธียนท่ใช้อาวุธเบา ซาร์มาเทียนได้เข้าสู่ปริมณฑลทางวัฒนธรรม
ของเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกโดยการติดต่อค้าขาย ซาร์มาเทียน
มีหลายกลุ่ม กลุ่มใหญ่กลุ่มสุดท้ายที่เข้าสู่ที่ราบคือ อลัน (the Alans) เป็น

ผู้ปกครองของสมาพันธ์แห่งชนเผ่า พวกอลันเผ่าหน่งช่อ รุคส์-แอส (Rukhs


-As-แอสผมงาม) กับอีกเผ่าชื่อ โรโซลำน (the Roxolani) มีผู้ให้ความ
เห็นว่าชื่อของสองเผ่าย่อยนี้เป็นที่มาของชื่อรุส แต่ไม่มีอะไรยืนยันได้ นับ
เป็นเวลาหลายศตวรรษท่อิหร่านกับกรีกอยู่อาศัยและทางานด้วยกัน ซีเธียน


และซาร์มาเทียนไม่เคยพยายามทาลายอาณานิคมกรีก นอกจากติดต่อ

ค้าขายกันแล้ว ยังมีการสมรสท่ทาให้มีการผสมผสานวัฒนธรรมกรีก-





อิหร่านเร่อยมา จนมีผู้ต้งข้อสังเกตว่าอำณำจักรบอสฟอรัสเบ้องต้นเกิด
จากการรวมวัฒนธรรมจากการเป็นสมาพันธ์แห่งนครรัฐและเผ่าท่รวมกัน


อย่างหลวมๆ และกลายเป็นหน่วยการเมืองท่มีธรรมชาติสองแบบ แบบกรีก
ที่มีหน่วยการเมืองมาจากวิธีเลือกตั้ง (magistrate) และแบบชนพื้นเมืองที่
มีระบอบเทวสิทธิราช




26

บทน�ำ - รัสเซียก่อนสมัยอาณาจักร

























































ดินแดนซาร์มาเทียน 200 ปีก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ. 200






27

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่


ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 พวกกอธ (the Goths) อพยพจากสแกน
ดิเนเวียเขตบอลติกลงใต้มาท่แม่น�้าวิสตุลาตอนล่าง แล้วลงใต้ต่อไปท่ท่ราบ




ยูเรเชีย เข้าพิชิตและกวาดต้อนเผ่าต่างๆ ในลุ่มดนีเปอร์ซ่งมีเผ่าเวเนเด (the
Venedae) สคลาเวนิ (the Sclaveni) และแอนทิส (the Antes) จอร์แดนิส
(Jordanes) นักเขียนชาวกอธยุคคริสตวรรษที่ 6 เล่าไว้ว่ากอธได้รวมเผ่า


เหล่าน้เข้ากับชาวสลาฟ หรืออาจกล่าวว่าลูกหลานชนเผ่าเหล่าน้เป็น
บรรพบุรุษของชนเผ่าสลาฟสมัยต่อมาก็ได้ กอธเป็นชนเผ่าเยอรมันท่อยู่ป่า

มานาน มีสมาพันธ์แห่งเผ่า แต่ไม่มีโครงสร้างของรัฐที่จะท�าให้รวมตัวกัน

ได้ จึงไม่สามารถรวมชนในทุ่งราบยูเรเชียให้เป็นหน่งเดียวกันได้ กลางคริสต์

ศตวรรษที่ 4 เผ่ากอธแตกแยกออกเป็นสองสมาพันธ์ที่ทรงอ�านาจคือ ออส
โตรกอธ (กอธตะวันออก) และวิสิกอธ (กอธตะวันตก) กอธตะวันออกได้

ก่อตั้งรัฐใหญ่เฮอร์แมนริก (Hermanric) ขึ้น กินอาณาเขตตั้งแต่ทะเลด�าไป



ถึงบอลติก กอธในเขตท่ราบน้เป็นทหารบกและทหารเรือท่สามารถและม ี
ฝีมือ แต่โดยทั่วไปไม่มีวัฒนธรรมสูงเท่าซีเธียนและซาร์มาเทียน และเลือก

หยิบของซาร์มาเทียนมาใช้ต้งแต่ ค.ศ. 200-370 กอธทาให้ท่ราบแห่งน ้ ี


เจริญสืบเนื่องต่อกันได้ตั้งแต่ราว 500 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง ค.ศ. 500
หลัง ค.ศ. 350 ชนเผ่ำฮัน (the Huns) พูดภาษาเติร์ก มีกองก�าลัง

มองโกลและอุร์กขนาดใหญ่อยู่ด้วยเป็นท่น่าสะพรึงกลัว ได้บุกเข้ามาจาก



เอเชียกลาง ฮันถูกจีนสกัดก้นไว้ด้วยกาแพงเมืองจีน แต่ด้วยเหตุท่เป็นชาต ิ

ท่ทรงอานาจก้าวร้าวคุกคามและขยายอานาจได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามุ่ง


บุกรุกมาทางตะวันตกจนถึงที่ราบ เมื่อ ค.ศ. 370 เข้าจู่โจมตีพวกอลันที่
อาศัยอยู่ระหว่างแม่น้าดอนและทะเลอาซอฟ อลนหนีมาทางตะวันตก


ฮันตามติดและปล้นสะดมตามรายทาง จนได้เผชิญหน้ากับกอธ การบุกรุก

ของฮันเป็นเหตุผลักดันให้เกิดคล่นผู้อพยพอย่างมโหฬาร ท้งวิสิกอธ


ออสโตรกอธ และอลันถอยร่นมาทางตะวันตก ท่เหลือถูกผลักดันให้ออก


28

บทน�ำ - รัสเซียก่อนสมัยอาณาจักร


จากที่ราบอย่างไร้เมตตา วิสิกอธมาหยุดที่แคว้นกอลทางใต้และเคลื่อนต่อ

ไปยังสเปน ออสโตรกอธหนีเข้าแคว้นเทรซและไปยึดอิตาลี พร้อมกับทาลาย
จักรวรรดิโรมันตะวันตก อลันมุ่งไปทางตอนกลางของเทือกเขาคอเคซัส ลูก

หลานที่อยู่ต่อมาใช้ชื่อชาติตนว่า ออสเสเทียน (the Ossetians / มารดา
ของโจเซฟ สตาลิน เป็นออสเสเทียน) ฮันถึงจุดสูงสุดแห่งอ�านาจสมัยเมื่อ
อัตติลา (Attila the Han) คุกคามขู่เข็ญจักรวรรดิบิแซนทีน (Byzantine)

ใน ค.ศ. 447 บุกแคว้นกอลของพวกแฟรงค์ใน ค.ศ. 451 [การยุทธ์ที่ทุ่ง
ชาลอง (Chââlon)] และบุกอิตาลีใน ค.ศ. 452 กวาดต้อนก�าลังเยอรมัน








และอหรานไปรบดวย อตตลาละเวนไม่ทาลายโรมโดยเห็นแก่สันตะปาปาเลโอ






ท 1 ชาตยโรปตะวนตกพากนอกส่นขวัญแขวนตกใจกลัวฮันจะบุกต่ออีก แต่








อตตลาไดสนชพลงเสยกอนใน ค.ศ. 453 และจักรวรรดิฮันอันไพศาลล่มลง




อย่างรวดเร็วเพราะไร้ระเบียบ พ่น้องทาสงครามช่วงชิงอานาจด้วยอิจฉา


รษยากัน ผ้ทสบอานาจไม่ฉลาดเฉลียวพอ เกดกลุ่มปฏปักษ์แข่งขนกน








กองทัพใหญ่ต้งอยู่ท่บัลการ์ กับทัพเล็กอยู่ที่อูติกูร์และกุตริกูร์ นัก


ประวัติศาสตร์เชื่อว่าช่วงสมัยนี้ชาวสลาฟ (the Slavs) เริ่มอพยพจากยุโรป
ภาคกลางและภาคตะวันออกไปทางตะวันออก ทางใต และตะวนตก


ใน ค.ศ. 558 ฮันต้องพ่ายแก่ ชนเผ่ำอำวำร์ (the Avars) ชาวเอเชีย


ท่พูดเติร์ก มองโกลและจีนท่เข้าพิชิตท่ราบ อาวาร์ผสมผสานกับฮันและชน

กลุ่มอ่นท่เหลืออยู่ รัฐอาวาร์ทรงพลังอานาจและแผ่ขยายอาณาเขตต้งแต่โวลก้า




ทางตะวันออกจดแม่น้าเอลเบ้ทางตะวันตก ใน ค.ศ. 581 อาวาร์บีบบังคับ

จักรวรรดิบิแซนทีนให้จ่ายบรรณาการสาเร็จ เน่องจากจักรวรรดิเป็นของชนเผ่า


เลี้ยงสัตว์ทุ่งไม่ใคร่มีวัฒนธรรมก้าวหน้านัก จึงครองที่ราบได้ราว 100 ปีก็
เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ในเอกสารบิแซนทีนบ่งบอกว่ามีสลาฟเผ่าสคลาเวนิ

ร่วมกับอาวาร์สู้รบต่อต้านบิแซนทีนด้วย พงศาวดารฉบับอาวาร์ทาสงคราม
กับจักรวรรดิของชาร์เลอมาญด้วยแต่ไม่ชนะ บิแซนทีนเอาชนะและปราบ
29

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่


อาวาร์ลงได้อย่างเด็ดขาดเมื่ออาวาร์เสื่อมอ�านาจลงในคริสต์ศตวรรษที่ 7
คำซำร์ (the Khazars) ชาวเอเชียเชื้อสายเติร์กตั้งมั่นบนฝั่งโวลก้า
ตอนล่าง คอเคซัสทางเหนือ และทุ่งสเตปป์ทางตะวันออกเฉียงใต้ มีก�าลัง





ทหารตลอดแนวฝั่งเหนือของทะเลดาและแคสเปียน มีอานาจเพ่มมากข้น

ในท่ามกลางพวกฮัน อาวาร์ แอนทีส อัลไตเติร์ก และสลาฟ คาซารเปนชน





เผ่าก่งเลี้ยงสัตว์ทุ่ง แต่สามารถติดต่อค้าขายกับบแซนทนและกบจกรวรรด ิ

อาหรับได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคาซาร์สืบอ�านาจต่อจากฮันและอาวาร์ก็ต้องสู้
รบกับอาหรับอย่างสาหัสสากรรจ์และเป็นปราการสกัดก้นอิสลามท่แผ่ขยาย









เขามา คาซารเป็นคนกลางระหว่างกรก อาหรบ และชนพนเมอง ซงอยเหนอ












เขตเศรษฐกิจของคาซาร์ท่ทารายได้ให้อย่างมาก จงพยายามเขาควบคมบงคบ
เผ่าสลาฟในลุ่มดนีเปอร์ให้จ่ายบรรณาการมากข้น แต่ก็ยังมีขันติธรรมด้วย


นับถือสลาฟว่ามีฤทธ์เดชต่อสู้ได้อย่างกล้าหาญ เช่น พวกโพเลียน (the

Poliane) เป็นต้น เมืองหลวงของคาซาร์ชื่อ อิติล (Itil) ตั้งอยู่ปากน้าโวลก้า
ส่วนเมืองอื่นๆ เช่น ซามานดาร์ ซาร์กิจ สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจได้
เพราะอยู่บนเส้นทางการค้าสายสาคัญ มีรายได้จากการเป็นสถานีการค้า

และรับบรรณาการจากชนพื้นที่ราบ ผู้ปกครอง (kagan หรือ khakan) และ


ราชสานกนบถอศาสนายูดาห์ (Judaism) ท้งท่ติดต่อกับบิแซนทีน รวมท้ง





ชวยบิแซนทีนในการรบ แต่ไม่ได้รับวัฒนธรรมกรีกและนิกายกรีกมาปฏิบัติ



ถ้าจะว่าไปแดนท่ราบยูเรเชียน้มีลักษณะสากล มีท้งพวกท่นับถือลัทธ ิ


นอกศาสนา (pagan) มสลม คริสต์ และยิว มีอิสระและระเบียบการปกครอง


ที่เปนของตนเอง มีวิวัฒนาการทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอยู่


ก่อนแล้วก่อนที่ชนสลาฟจะตั้งรัฐขึ้น โดยเฉพาะการคาขายที่ขยายขึ้นเหนือ


ไปถึงเขตบัลการโวลกา สลาฟเองก็ได้ร่วมค้าขายกับคาซาร์ พวกสลาฟเผ่า



ต่างๆ ต้งม่นอาศัยอยู่ในเขตลุ่มน�้าดนีเปอร์ในราวคริสต์ศตวรรษท่ 8 ต่อมา
จึงได้ก่อตั้งรัฐสลาฟขึ้น
30

บทน�ำ - รัสเซียก่อนสมัยอาณาจักร


ชนชำติสลำฟตะวันออก




ดินแดนฝั่งเหนือทะเลดาและทุ่งสเตปป์ทางตอนใต้ของรัสเซียม ี

วัฒนธรรมท่สืบต่อเน่องมาต้งแต่ยุคหินใหม่ จนถึงสมัยจักรวรรดิคาซาร์



ท่เป็นพ้นฐานสาคัญให้สลาฟรัสเซีย ประชากรของรัฐสลาฟท่รู้จักในช่อ






รัสเซียในเวลาต่อมาน้นเป็นชนสลาฟตะวันออก คาว่าสลาฟตะวันออก



หมายถึงภาษาท่พวกเขาใช้พูด เรามักใช้ภาษาเป็นเคร่องจาแนกแยกแยะ
กลุ่มคนโบราณ กลุ่มชนนี้พูดภาษาสลาฟตะวันออกนั่นเอง สลาฟเป็นพวก




สุดท้ายท่เข้ามาสู่ท่ราบยูเรเชีย แต่ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเมอใด

สันนิษฐานว่าราวคริสต์ศตวรรษท่ 6 ชนเผ่าสลาฟและเช้อสายสลาฟอพยพ














ยายออกจากยโรปภาคกลางมาตงกระจายอยกนทลมดนเปอร เวลาผานไป


ภาษาสลาฟตะวันออกได้แตกออกเป็นสามกลุ่มคอ เกรตรัสเซยน เรียกง่ายๆ

ว่ารัสเซียน รัสเซียนขาว หรือเบโลรัสเซียน และรัสเซียนน้อยหรือยูเครน
ส่วนเผ่าที่ลงใต้ไปบอลข่านเรียกสลาฟใต้ ได้แก่ เซิร์บ (Serbs) โครแอท

(Croats) สโลวีน (Slovenes) และบัลการ์ (Bulgars) พวกท่ไปทางตะวันตก
เรียกว่า สลาฟตะวันตก ได้แก่ โปลเช็ค (Czeches) หรือโบฮีเมียสโลวัก
(Slovaks) มอราเวียน (Moravians) คาชับ (Kashubs) และเวนด์ (Wends)
ภาษาสลาฟอยู่ในตระกูลภาษาอินโดยุโรป นอกจากสลาฟยังมีติวตอนิก
โรมานส์ เฮลเลนิก บอลติก เซลติก อิหร่าน อินดิก อาร์มีเนีย และเทรซ–

อิลลิเรียท่เป็นตระกูลย่อย ซิมเมอเรียน ซีเธียน ซาร์มาเทียนเป็นอิหร่าน
กอธเป็นติวตันหรือเยอรมัน กรีกเป็นตัวแทนของเฮลเลนิก

ประวตศาสตร์รสเซยสมัยต้นน้ได้รับอิทธิพลจากชนชาติท่พูดอินโด






ยุโรปอื่น เชน ลิทัวเนีย บอลติกกับพวกที่ไม่ใช่อินโดยุโรป ที่ส�าคัญคือเติร์ก
มีมองโกลและฟินน์–อูร์กด้วย
31

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่



จากการศึกษาเร่องตระกูลภาษาทาให้สันนิษฐานว่าท่อาศัยอยู่เดิม



ของชนสลาฟอยู่ในลุ่มแม่น�้าวิสตุลาและท่ลาดเชิงเขาคาร์เปเทียนด้านเหนือ
พวกสลาฟเริ่มแยกตัวออกมาในคริสต์ศตวรรษท่ 6 และในราวคริสต์

ศตวรรษ 7–9 พวกสลาฟตะวันออกได้มาอยู่ท่ท่ราบยูเรเชียภาคยุโรป ภาษา


สลาฟตะวันออกมีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาสลาฟใต้มากกว่าสาขาอ่น

สลาฟมีช่อเรียกอ่นว่า “เวเนดิ” บ้าง “แอนทีส” บ้าง แอนทิสหมายถึงสลาฟ




ตะวนออก แต่ก็หมายถึงกอธท่อาศัยในท่ราบทางใต้ของรัสเซียได้ด้วย





เช่นกัน สลาฟต้งถ่นฐานในบริเวณลุ่มแม่น้าดอนต้งแต่ราว 500 ปีก่อน

คริสตกาล บ้างว่าสลาฟหมายถึงประชากรท่อาศัยบนท่ราบของรัสเซียกลาง




และใต้ต้งแต่สมัยซีเธีย อย่างท่เฮรอโดตัสเรียกว่าซีเธียนคนไถนา แต่ท่รู้ๆ
คือสลาฟสู้กับกอธและถูกกวาดต้อนไปกับฮันไปทางตะวันตก จนเม่ออาวาร์

เข้าพิชิตแดนและชนเผ่าสลาฟตะวันออกต้องจ่ายบรรณาการให้แก่คาซาร์
ก่อนที่จะตั้งรัฐเคียฟ
พงศาวดารฉบับแรกของเคียฟเม่อต้นคริสต์ศตวรรษท่ 12 เขียน


เรื่องของสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 อ้างถึงเผ่าสลาฟตะวันออกว่า อาศัยอยู่


บนท่ราบต้งแต่ทะเลดา ดานูบ และเทือกเขาคาร์เปเทียน จากยูเครนข้น


เหนือสู่นอฟโกรอดไปทางตะวันออกถึงโวลก้ามชำวฟินน์กระจายอยู่ทาง








เหนอและตะวนออกของรสเซย เผ่าลทวเนยอย่ทางตะวนตก สโลวน




อยู่รอบนอฟโกรอด คริวิชีอยู่ใต้สโลวีน โพโลเชนอยู่บริเวณสโมเลนสก์
เวียติชอยู่แถบมอสโก เซเวเรียนอยู่ทางตะวันออกของดนีเปอร์บริเวณ

เชอร์นิกอฟ รำดิมิชอยู่ทางเหนือของดนีเปอร์ถึงใต้สโมเลนสก์ เดเวลียนอย ู่

เหนือเคียฟทางตะวันตกของดนีเปอร์ อูลิชีอยู่ทางใต้แม่น้าบัก ไปทางตะวันตก


มีทิเวอร์ซิ คอร์วำตอยู่เหนือสุดของดนีสเตอร์ โพเลียนอยู่บริเวณเคียฟบนฝั่ง

ตะวันออกของดนีเปอร์ เดรโกวิชอยู่บริเวณแม่น้านิเมนตอนล่างในเขต


สโมเลนสก์ตะวันตก และดูเลเบียนอยู่ทางตะวันตกของเดเวลียน เผ่าเหล่าน้ม ี
32

บทน�ำ - รัสเซียก่อนสมัยอาณาจักร


พัฒนาการทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างจริงจัง มีอาชีพเกษตรกรรม
รวมทั้งหาปลา ล่าสัตว์ เลี้ยงผึ้ง เพาะพันธุ์ปศุสัตว์ ทอผ้า ปั้นหม้อ เป็น
ช่างศิลปะและช่างฝีมืออย่างช่างไม้ เป็นต้น รู้จักใช้เหล็กมานานหลายร้อยปี

และท�าพาณิชยกรรม เมืองที่ตั้งขึ้นนับได้ 238 เมืองเป็นอย่างน้อย เมือง

อย่างนอฟโกรอด สโมเลนสก์ และเคียฟ ซ่งเป็นของโพเลียนเป็นเมืองสาคัญ


ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ไม่มีหลักฐานระบุเร่องหน่วยการเมืองของสลาฟ
ตะวันออก แต่มีเรื่องผู้ปกครองแอนทีสและบางเผ่าที่เป็นสลาฟมาประกอบ


อย่างท่จอร์แดนิส นักเขียนชาวกอธยุคคริสตวรรษท่ 6 เล่าเร่องเจ้าชายบอช

แห่งแอนทีสสมัยสงครามกอธ หรือนักเขียนอาหรับเลาเรื่องมาดชัก เจาชาย



เผาดูเลเบียนสมัยอาวาร ชนสลาฟตะวันออกเหล่านี้ทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่

ก็มีที่รวมกันได้ในระดับหนึ่ง



































33




บทท่ 1



สมัยอำณำจักรเคียฟ

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่


อาณาจักรเคียฟเป็นรัฐแห่งแรกของรัสเซีย เรื่องการก่อตั้งรัฐแห่งนี้


เป็นประเด็นท่ยังถกเถียงกันไม่เป็นท่ยุติ นักประวัติศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษ


ท่ 18 ให้น้าหนักเป็นความเช่อท่ว่าพวกชาวเหนือ (Norse Men) หรือ


นอร์มัน หรือไวกิ้ง ได้เดินทางจากสแกนดิเนเวียมาจัดตั้งรัฐบาลเพื่อสร้าง
ความสมานฉันท์และความเจริญก้าวหน้าทางวัฒนธรรม ความเห็นน้เรียกว่า

“ทฤษฎีนอร์มัน” มีผู้โต้แย้งว่าชาวนอร์มันไม่น่าจะมีอิทธิพลทางวัฒนธรรม














ตอสงคมรสเซย เนองจากชาวนอรมนอยอาศยในแดนเหนอทหางไกลความ









เจรญอยู่มากเมอเปรียบกบดินแดนในลุ่มนาดนเปอร์ท่เป็นศนย์กลางการ

ค้าขาย มีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรมและเจริญมั่งคั่งขึ้นอย่างรวดเร็วมา


นานแล้วก่อนท่ชาวเหนือจะลงมาปกครอง คาของชาวเหนือมีปรากฏใน


ภาษารัสเซียไม่มากนัก ในภาษารัสเซียเก่ามีคาท่ใช้ในการเดินเรือเป็นคา



กรกเสียมาก ในด้านการค้าขายเป็นคาของพวกทางตะวันออกหรือภาษา
พื้นเมืองสลาฟ (native slavic) สลาฟมีวรรณคดีก่อนสแกนดิเนเวีย โดย

รับอิทธิพลจากบิแซนทีนและบัลแกเรียด้านการปกครอง การยุตธรรม ส่วน
ความเชื่อถือในลัทธิศาสนาก็ไม่มีร่องรอยของชาวนอร์มันเช่นกัน

ทฤษฎีนอร์มันเกิดข้นตามความในเอกสารพงศาวดารฉบับแรก

ค.ศ. 862 (the Primary Chronicle) ท่บอกเล่าเร่องการก่อต้งอาณาจักร





เคยฟไว้ว่า ชาวรุส (Rus) ได้มาตามคาเช้อเชิญของชนเผ่าสลาฟ ได้แก่

เผาสโลเวนี (the Sloveni) คริวิชี (the Krivichi) และชนเผ่าฟินน์ (Finnish

tribes) เผ่าเหล่านี้ทะเลาะเบาะแว้งกัน ชาวสลาฟจึงข้ามน้าข้ามทะเลไปหา

พวกวาแรนเก้ยนรุส (the Varangian Russes) พร้อมกับพวกชัด (the Chuds)



ขอให้ชาวรุสมาช่วยปกครองพวกตน เน่องจากแดนสลาฟใหญ่โตและม่งค่ง

แต่ไร้ระเบียบ พวกรุสได้เลือกชายสามพ่น้องและเหล่าญาติพร้อมด้วย
ชาวรุสอื่นๆ ให้อพยพกันมา ผู้พี่ใหญ่ชื่อ รูริค (Rurik) ตั้งมั่นที่นอฟโกรอด
(Novgorod) ซีนีอุส (Sineus) คนรองหยุดท่เบลูเซโร (Byeloozero) ทรูวอร์

36


บทท่ 1 - สมัยอาณาจักรเคียฟ


(Truvor) คนท่สามอยู่ท่อิสบอร์กส์ (Izborsk) พงศาวดารเล่าว่า ชาว

วาแรนเก้ยนรุสถือว่านอฟโกรอดเป็นแดนรุส ชาวนอฟโกรอดเป็นลูกหลาน





วาแรนเกยน แต่คาว่า รุส หามปรากฏในแดนสแกนดเนเวียนและทาง

ตะวันตกไม่ แต่กลับปรากฏอยู่ในประวัติการก่อสร้างรัฐเคียฟซึ่งเป็นรัฐทาง

ตอนใต้ของรัสเซีย และเป็นรัฐท่มีความเจริญกว่ารัฐทางเหนือ และนอฟโกรอด
อย่างเห็นได้เด่นชัด เอกสารของชาวตะวันออกและของบิแซนทีนปรากฏ

ช่อชาวรุสในเร่องราวก่อน ค.ศ. 862 ซ่งแสดงว่าชาวรุสอาศัยอยู่ในแดน


รัสเซียใต้ หลักฐานพงศาวดารของตะวันตก หลักฐานกรีก และหลักฐาน




อาหรับให้ข้อมูลเก่ยวกับท่มาของชาวเคียฟรัสเซียหลายเรอง ไดแก เรองทต







รัสเซียท่คอนสแตนติโนเปิลในราวคริสต์ศตวรรษท่ 9 และทระบวาคากาน–รส









(Khakan–Rus) ส่งมา ตาแหน่งคากานเป็นตาแหน่งของจกรวรรดคาซาร ์
ผู้ปกครองชาวรุสหลายเมืองมีตาแหน่งคากาน หลักฐานยงระบอกว่าภาษา




สลาฟและภาษารัสเซียเป็นภาษาเดียวกัน เคียฟและบิแซนทิอุมมีความ

สัมพันธ์กัน ดังนี้เปนตน เรื่องที่รูริคและนองชายได้กอตั้งรัฐรัสเซียทางตอน



เหนืออย่างสันติตามท่ระบุไว้ในพงศาวดารฉบับแรกก็มีเน้อหาคล้ายคลึงกับ



เร่องของชาวแองโกล-แซกซอน (Anglo-Saxon) มีเรื่องอ่นๆ อีก โดยเฉพาะ

เรื่องที่ชนชาวสลาฟได้เชื้อเชิญชาววาแรนเกี้ยนมาปกครอง มีหลายตอนที่
ค่อนข้างสับสน เช่น เรื่องโอเล็กยึดอ�านาจในนามของอิกอร์บุตรแห่งรูริค
รายละเอียดหลายข้อไม่ถูกต้อง จึงเช่อได้ว่าผู้เขียนพงศาวดารเขียนตาม

ความประสงค์ของผู้ปกครองในราชวงศ์ พงศาวดารฉบับแรกเป็นประโยชน์
ท่ได้สะท้อนเหตุการณ์จริงให้เห็น แต่ก็เป็นเร่องอันตรายท่จะสรุปลงไป



ทีเดียวว่าชาวนอร์มันมีอิทธิพลต่อความเจริญทางวัฒนธรรมของยุโรป

ตะวันออก ดังน้จึงบอกได้แต่เพียงว่าอาณาจักรเคียฟได้ก่อต้งข้นในลุ่มน�้า


ดนีเปอร์ในราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 เท่านั้น
37

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่


ผู้ปกครองอำณำจักรเคียฟ
(คริสต์ศตวรรษที่ 9–12)



ในคริสต์ศตวรรษที่ 9 กลุ่มชาววาแรนเกี้ยนซึ่งเป็นนักรบไวกิ้งจาก


สแกนดิเนเวียได้เข้ายึดครองดินแดน โดยมีผู้นาคือรูริค ผู้ก่อต้งราชวงศ ์

วาแรนเก้ยนเป็นผู้บุกเบิก ในสมัยต่อมาจึงต้งรัฐข้นโดยมีเจ้าชายเป็น




ผู้ปกครอง สหพันธรัฐรัสเซียประกอบด้วยหลายรัฐ มีศูนย์กลางท่เมืองเคียฟ

(Kiev) และนอฟโกรอด (Novgorod) อาณาจักรเคียฟเร่มต้นสมัยโดยม ี
เจ้าชายราชวงศ์เดียวปกครองตลอด รับวัฒนธรรมจากจักรวรรดิบิแซนทีน

และรบนับถือคริสต์ศาสนานิกายกรีกออร์ทอดอกซ์ (Greek Orthodox)



อาณาจกรเคยฟเป็นศูนย์อานาจท่รวมชาวสลาฟตะวันออกเข้าด้วยกันในช่วง

สามรอยปตอมา และมีบทบาทสาคัญในประวัติศาสตร์อารยธรรมยุคกลาง




ของทวีปยุโรป
ในพงศาวดารฉบับแรกมีความระบุว่าผู้ปกครองเคียฟองค์แรกคือ
โอเล็ก (Oleg) โอเล็กเป็นญาติเรียงพ่เรียงน้องกับอิกอร์ (Igor) “ผู้บุตรแห่ง


รูริค” ได้ครองเคียฟในนามของอิกอร์ใน ค.ศ. 882 และส้นพระชนม์ใน
ค.ศ. 913 ซึ่งเป็นปีเริ่มสมัยที่เจ้าชายแห่งเคียฟน�าชนเผ่าสลาฟตะวันออก
ท้งหลายทาประโยชน์อย่างเต็มท่ โดยอาศัยสถานะเมืองเคียฟท่ต้งบนทาเล










เส้นทางสายวาแรนเกยนจดแดนกรก ซงเป็นเส้นทางจากสแกนดเนเวย



ทะเลบอลติกถึงทะเลดาและคอนสแตนติโนเปิล จากทะเลสาบแคสเปียนถึง

เทือกเขาคาร์เปเทียน แดนต่อแดนชาวป่ากับชาวทุ่งหญ้าสเตปป์ เหล่า
เจ้าชายทรงสร้างอาณาจักรเคียฟให้เป็นรัฐส�าคัญในทวีปยุโรป

โอเล็ก (ปีปกครอง ค.ศ. 882?–913) ทรงเป็นผู้เช่อมโยงเคียฟกับ

นอฟโกรอด พระองค์เสด็จจากนอฟโกรอดมาตามแม่น้าดนีเปอร์เข้ายึด

ครองและใช้เคียฟเป็นฐานท่ม่นขยายอานาจจากแดนโปเลียน (Poliane)


38

บทท่ 1 - สมัยอาณาจักรเคียฟ



โดยทาสงครามเอาชนะชนเผ่าต่างๆ ให้ยอมเป็นพวกและส่งบรรณาการให้


หลงจากคุมเส้นทางสายดนีเปอร์และดินแดนจากเหนือจดใต้ ต้งแต่ทะเล
บอลติกถึงทะเลด�าได้แล้ว โอเล็กทรงยกทัพเรือ 2,000 ล�า พร้อมทัพบก

ขามแดนบัลแกเรียเข้าโจมตีกรุงคอนสแตนติโนเปิลใน ค.ศ. 907 ต่อมาใน
ค.ศ. 911 บิแซนทิอุมจาต้องยอมตกลงสัญญาทางการค้าท่ให้ประโยชน์


1
อย่างสูงสุดแก่โอเล็ก
อิกอร์ (ปีปกครอง ค.ศ. 913?–945) บุตรแห่งรูริค ทรงปกครอง



เคียฟสืบต่อจากโอเล็ก ทรงทาสงครามตลอดรัชสมัยเพอควบคุมชนเผ่า

สลาฟตะวนออกและเกบบรรณาการโดยเฉพาะจากเผ่าเดเวลียน (Devliane)

บรรณาการทชนสลาฟเผ่าต่างๆ มอบให้คือขนสัตว์ (furs) หรือไม่ก็เงิน เม่อ



ถึงช่วง ค.ศ. 941–944 อิกอร์ทรงมีกองทัพขนาดใหญ่โตขึ้น โดยได้กอง
กาลังชาวพีเชนเนก (the Pechenegs) และทหารรับจ้างชาววาแรนเก้ยนมา


สมทบ จึงเข้าโจมตีบิแซนทิอุม และใน ค.ศ. 945 ได้ตกลงสัญญาทางการ
ค้าฉบับใหม่ที่น่าพอใจมากขึ้น (แต่กลับให้ประโยชน์น้อยกว่าสัญญาฉบับ
ค.ศ. 911) อิกอร์ทรงท�าสงครามกับแคว้นต่างๆ ในเขตทรานส์แคสเปียน
ของเปอร์เซียใน ค.ศ. 943 และประสบความส�าเร็จ อิบน์ มิสกาวายฮ์ (Ibn

Miskawaih) นักพงศาวดารชาวอาหรับเล่าถึงนักรบรัสเซียไว้อย่างชื่นชมว่า
รูปร่างใหญ่โต ทรงพลังและกล้าหาญอย่างยิ่ง พวกเขาไม่รู้จักยอมแพ้ ไม่
หันหลังจนกว่าจะได้ฆ่าหรือถูกฆ่า พวกเดเวลียนปลงพระชนม์อิกอร์เม่อ





1 สัญญาฉบับ ค.ศ. 911 ตกลงเร่องค่าปฏิกรรมจานวนมากและพ่อค้ารัสเซียได้รับสิทธิทางการค้าขาย นอก


เหนือจากน้นเป็นข้อตกลงปกติและออกจะเสมอภาค อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าน้ใน ค.ศ. 860 ชาวรัสเซีย

ได้โจมตีคอนสแตนติโนเปิลตามเร่องของไวก้งท่ออกสารวจและเข้าพิชิตยุโรปท้งตะวันตกและตะวันออก







ในตอนแรกเจ้าชายวาแรนเก้ยนอย่างโอเล็กทาการสู้รบขยายอานาจ แต่ต่อมาเม่อชาวสลาฟผสมกลมกลืน


กับไวก้งแล้ว มีเจ้าชายและนักรบท่เป็นของตน การขยายอานาจจึงมุ่งไปท่คอนสแตนติโนเปิลและ




ทรานส์คอเคซัสเพ่อหาประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักมากกว่าเพ่อพิชิตแดน การโจมตีคอนสแตนติโนเปิล

ซ�้าแล้วซ�้าอีกก็เพื่อบีบให้เปิดตลาดให้กับสินค้าและพ่อค้ารัสเซีย ทมุโทรากัน (Tmutorakan) ซึ่งเป็นรัฐเล็ก




ในเขตทะเลอาซอฟ จงได้รบบทเป็นคนกลางในการตดต่อระหว่างเคยฟกบบแซนทอม แต่การตดต่อ







ไม่ใคร่ได้ผล เพราะรัสเซียพบปัญหาท่เกิดจากรัฐคาซาร์และบัลการ์โวลก้า การสู้รบกับรัฐท้งสองไม่ประสบ


ผลสาเร็จนัก ทาให้เจ้าชายแห่งเคียฟทรงเลิกฝันท่จะสร้างจักรวรรดิอันไพศาล

39

รัสเซีย จักรวรรดิพันปีที่ยิ่งใหญ่


พระองค์เสด็จไปเรียกเก็บบรรณาการเพิ่มจากพวกเขา


นอกจากจักรวรรดบแซนทีนซ่งรสเซยไดรบประโยชนอยางมากจาก








การทาสัญญาพันธไมตรีและการค้าด้วยแล้ว ยังมีจักรวรรดิคาซาร์ (the
Khazars) ที่เจริญมั่นคงและมีอารยธรรมที่เหนือกว่าชาติป่าเถื่อนที่คุกคาม
แดนรัสเซีย ได้แก่ พวกแมกยาร์ (the Magyars) ชนเผ่าเร่ร่อนที่พูดภาษา
ฟินน์-อุร์ก ชาวแมกยาร์อยู่กับจักรวรรดิคาซาร์จนถึงคริสต์ศตวรรษท่ 9

จึงย้ายออกจากเขตทุ่งหญ้าสเตปป์ของรัสเซียเข้าไปยังท่ราบแพนโนเนีย

(Pannonian Plain) และตั้งแคว้นฮังการีขึ้น แต่แล้วกลับถูกพวกพีเชนเนก

หรอแพทซแนก (the Patzinaks) ชนเผาเตรกเรรอนทปาเถอนและดรายกวา














จากตะวันออกผลักดันให้ออกจากรัสเซียใต้ พีเชนเนกจู่โจมตีเคียฟด้วย
เช่นกันหลังจากจักรวรรดิคาซาร์เสื่อมลงหลังคริสต์ศตวรรษที่ 10
โอลก้ำ (Olga) มเหสีของอิกอร์ทรงครองบังลังก์เคียฟตั้งแต่ ค.ศ.


945-962 นางเป็นสตรีคนแรกท่ปกครองรัสเซีย ทรงเร่มต้นสมัยด้วย
การเผาทูตเดเวลียนท้งเป็นในโรงอาบน�้า ชาระโทษแค้นแทนสวามี เผ่า




เดเวลียนเผชิญหน้ากับกองกาลังปราบปรามอย่างหนักเพ่อเคียฟจะได้ม ี
อ�านาจอย่างมั่นคงในท่ามกลางชนเผ่าสลาฟตะวันออกทั้งหลาย และไม่ให้
เกิดเหตุปลงพระชนม์เจ้าชายแห่งเคียฟอีก
เจ้าหญิงโอลก้าทรงแบ่งราชอาณาจักรออกเป็นมณฑล แต่ละมณฑล
มีพนักงานเสียภาษีประจ�า พงศาวดารฉบับแรกเขียนยกย่องโอลก้าว่าเป็น

สตรีท่ฉลาดเฉลียวท่สุด และเสริมว่าอาจเป็นเพราะทรงยอมรับนับถือคริสต์


ศาสนา (ราว ค.ศ. 944–945) แต่ชาวรัสเซียท่วไปไม่ได้นับถือตาม
พงศาวดารระบุว่าโอลก้าเสด็จไปคอนสแตนติโนเปิลใน ค.ศ. 957 ในสมัย
จักรวรรดิคอนสแตนติน พอร์ไพโรเจนิตุส (Constantine Porphyrogenitus)
สเวียโตสลำฟ (Sviatoslav ปีปกครอง ค.ศ. 962-972) โอรสแห่ง

โอลก้า พระนามเป็นภาษาสลาฟ แต่ทรงเป็นไวก้งขนานแท้ คือทรงเป็น
40


Click to View FlipBook Version