นักสัญจรบนหน้ากระดาษ
ผู้แสวงหาความรู้และภูมิปัญญามาบรรณาการนักอ่าน
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ จากเทพเจ้าถึงซามูไร
กรกิจ ดิษฐาน: เขียน
ราคา 450 บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�านักหอสมุดแห่งชาติ
Nation Library of Thailand Cataloging in Publication Data
กรกิจ ดิษฐาน.
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ จากเทพเจ้าถึงซามูไร.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2564.
320 หน้า.
1. ประวัติศาสตร์. I. ชื่อเรื่อง.
952
ISBN 978-616-301-729-1
©ข้อความในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์
บรรณาธิการอ�านวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน์
ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร : กว่าชื่น บางคมบาง
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา นันทนา วุฒิ
หัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษร : สวภัทร เพ็ชรรัตน์
ฝ่ายพิสูจน์อักษร : วนัชพร เขียวชอุ่ม สุธารัตน์ วรรณถาวร
พิสูจน์อักษร : ปางปฐวี
รูปเล่ม : เปมิกา ตันติทวีโชค
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผู้อ�านวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จ�ากัด เลขที่ 37/145 รามค�าแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต่อ 108
www.gypsygroup.net
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จ�ากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดจ�าหน่าย : บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จ�ากัด
108 หมู่ที่ 2 ถ.บางกรวย-จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130
โทรศัพท์ 0-2423-9999 โทรสาร 0-2449-9222, 0-2449-9500-6
Homepage: http://www.naiin.com
สนใจสั่งซื้อหนังสือจ�านวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา ส�านักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939
ญี่ปุ่น
ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
กรกิจ ดิษฐาน
ค�าน�าส�านักพิมพ์
เอ่ยถึงญี่ปุ่น เราจะนึกถึงอะไร
ซามูไร นินจา กิโมโน ฟูจิ สึนามิ ซากุระ กามิกาเซ่ มังงะ อนิเมะ
ซาดาโกะ ซูชิ ราเม็ง AKB มูราคามิ
ี
ความหลากหลาย เหมือนและต่าง สร้างสรรค์และทาลาย ท่เราเห็น
�
ภาพญี่ปุ่นในปัจจุบันมิได้ก�าเนิดมาโดยไร้ต้นทาง ทว่ามาจากพื้นฐานความ
ื
ั
ื
ั
ี
เช่อด้งเดิมท่ส่งสมต่อเน่องมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน ฝังแน่นลึกลงในวิถีและ
วิญญาณของความเป็นชนชาติแห่งลูกอาทิตย์อุทัย เป็นวิถีท่เราเรียกกันว่า
ี
วิถีซามูไร
ซามูไร มิได้มีความหมายเพียงความเป็นนักรบ แต่หมายถึงวิถีความ
เชื่อ แนวคิด ความกล้าแกร่ง อดทน มุ่งมั่น ความภักดีในอุดมคติ วิถีแห่ง
ั
่
ซามูไรนหาใช่แคเพราะเกิดนกรบจากสงครามทงในและนอกประเทศเท่านน
้
ั
้
ั
้
ี
แต่มาจากคติดั้งเดิมของการสร้างโลกในแบบญี่ปุ่น มี “คามิ” เป็นเทพเจ้า
ื
ื
สร้างชนชาวญ่ปุ่นข้นมา สืบทอดเช้อสายแห่งเทพเจ้าด้วยเร่องเล่าของเหล่า
ึ
ี
�
ตานานมาสู่เช้อสายแห่งจักรพรรดิ ซ่งมีสถานะแห่งเทพผสานกันกับความ
ื
ึ
เป็นนักรบ ต�านานต่างๆ เหล่านี้มีทั้งสนุกสนาน ตื่นเต้น และมีทั้งความโศก
เศร้าเสียใจ ซึ่งส่วนหนึ่งกลายเป็นวรรณคดีและบทละครที่ส�าคัญของญี่ปุ่น
ื
เรายังไม่ได้เอ่ยถึงศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ท่ถ่ายทอดคติความเช่อเร่อง
ื
ี
�
ี
็
เทพเจ้ามาโดยตรง หรือท่นาเกรดเล็กเกร็ดน้อยมาสร้างสรรค์ใหม่กลายเป็น
เรื่องเล่าแบบใหม่ในสมัยใหม่ที่ผ่านสื่อใหม่
ี
ญ่ปุ่น น่าสนใจตรงน้--ท่ผสานความเช่อด้งเดิมให้ยังคงบอกเล่าได้
ี
ี
ื
ั
ใหม่อยู่เรื่อยๆ แพร่หลายอยู่ในปัจจุบันอย่างกลมกลืน
ี
ี
ดังน้นหากอยากจะเข้าใจญ่ปุ่น ญ่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอานาจ
ั
�
่
ี
้
�
ั
ู
ี
ิ
จากเทพเจ้าถึงซามูไร ของ กรกจ ดษฐาน เล่มน เป็นข้อมลสาคญทจะ
ิ
ท�าให้รู้จักความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้งยิ่ง
แล้วคุณจะรู้ว่าทาไม “คามิ” ยังคงสถิตอยู่ในความเป็นญ่ปุ่นมาจน
�
ี
ทุกวันนี้
ด้วยความปรารถนาดี
ส�านักพิมพ์ยิปซี
ค�าน�าผู้เขียน
ั
่
ุ่
ี
่
ี
ั
ู
ี
้
่
ี
ผเขยนมีหนงสือเกยวกบญปนหลายเล่ม มีบทความเก่ยวกบญ่ปนหลาย
ุ
ี
ั
เรื่อง แต่หนังสือเล่มนี้ไม่เหมือนกับที่เคยเขียนมา
เล่มอ่นๆ ผู้เขียนใส่ใจกับการเล่าเชิงวิชาการจนทาให้ขาดอรรถรส แข็ง
�
ื
กระด้างเกินไป แน่นอนว่าไม่อาจเข้าถึงนักอ่านคนที่ปรารถนาจะเลี่ยงความ
ยุ่งยากทางวิชาการได้
ี
ี
ดังน้นในเล่มน้ ผู้เขียนจึงเรียบเรียงประวัติศาสตร์ญ่ปุ่นในแบบของ
ั
�
ี
ตัวเอง ละเว้นการอ้างอิงท่วุ่นวาย เหลือไว้เพียงบรรณานุกรมสาหรับการ
ั
ติดตามอ่านเพ่มเติม แต่มิใช่การน่งเทียนเขียน หนังสือเล่มน้คือการเล่า
ี
ิ
ประวัติศาสตร์จาก "เรื่องเล่า" ทางประวัติศาสตร์อีกต่อหนึ่ง
บางบทตอนอาจอ้างอิงบันทึกประวัติศาสตร์ แต่หลายบทตอนหยิบยืม
มาจากต�านานและค�าเล่าขานที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้น
หนังสือเล่มน้จึงมีสีสันแบบย่อยประวัติศาสตร์ ไม่อาจคาดหวังว่าจะเป็น
ี
�
ิ
์
่
ี
ิ
์
้
่
ั
ื
งานทเครงเครยดจรงจงเหมอนแบบเรยน ทวา ดาเนนไทมไลนตามเสนเวลา
่
ี
ี
ประวัติศาสตร์และมีศักราชบ้างพอให้เข้าใจ
ท�าไมต้องเป็นประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ?
เพราะประวัติศาสตร์มีหลายมิติ หนังสือเล่มน้ไม่อาจรวบรวมทุกมิติได้
ี
จึงจับแกนหลักเพียงแกนเดียว น่นคือเร่องราวของการเปล่ยนผ่าน การแย่งชิง
ื
ี
ั
และการสถาปนาอ�านาจ
ประวัติศาสตร์วรรณกรรมและศิลปะถูกเอ่ยถึงบ้างพอเป็นพิธี เพราะ
มิใช่หัวใจส�าคัญของอ�านาจ เราจะพูดถึงนโยบายการปกครอง แผนการรบ
กลยุทธ์ นโยบายเศรษฐกิจ ปรัชญา ศึกพระ และต่างๆ นานา ที่ว่าด้วย
รัฐประศาสนศาสตร์
ื
ึ
ี
ผู้เขียนสนใจศาสตร์แห่งการปกครอง และเช่อว่าหน้าท่หน่งของ
ประวัติศาสตร์คือการเป็นกระจกแห่งการปกครอง สะท้อนวิถีแต่โบราณ
เพื่อสอดส่องปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์ยังเป็นอนุสรณ์ของความไม่จีรัง อ�านาจได้มาก็เสื่อมไป
ี
ื
อานาจท่เส่อมไปก็อาจกลับมาได้อีก เทพเจ้าอาจสร้างมนุษย์ แต่เทพเจ้าก ็
�
ื
อาจถูกมนุษย์โค่นล้มได้ นักรบอาจจับดาบมาท้งชีวิตเพ่อแสวงหาอานาจ
�
ั
และความมั่นคง เพียงเพื่อจะวางดาบลงและปกครองโดยสันติและธรรมะ
หัวใจของหนังสือเล่มนี้ คือสิ่งที่กล่าวมานี้
กรกิจ ดิษฐาน
สารบัญ
ค�าน�าส�านักพิมพ์ 4
ค�าน�าผู้เขียน 6
ยุคแห่งเทพเจ้า ยุคหินเก่า 12
ยุคแห่งต�านาน ยุคโจมง 19
จักรพรรดิจิมมู 19
ซุยเซและจักรพรรดิยุคต้น 29
จักรพรรดิซุยเซ 29
จักรพรรดิอันเน 31
จักรพรรดิอิโตกุ 31
จักรพรรดิโคโช 31
จักรพรรดิโคอัน 32
จักรพรรดิซุยจินและวัฒนธรรมยาโยอิ 38
จักรพรรดิโคเร 43
จักรพรรดิโคเงน 43
จักรพรรดิไคกะ 43
จักรพรรดิซุยจิน 44
ราชินีฮิมิโกะ 51
จักรพรรดิซุยนิน 56
องค์หญิงคางุยะ 58
องค์หญิงยามาโตะ 61
ทาเครุปราบคุมะโซ 62
เซมูสร้าง “อารยธรรม 66
จักรพรรดิชูไอ 67
จักรพรรดินีจิงงูพิชิตใต้หล้า 69
โคฟุงและยามาโตะ รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อญี่ปุ่น 73
ราชสกุลจากแผ่นดินใหญ่ 77
นินโตกุมหาราช 80
การปกครองยุคโคฟุง 82
ยุคโบราณ 86
การสิ้นสุดของยุคบุพกาล 87
อะซุกะกับศาสนาใหม่ 89
โชโตกุ ไทชิ มหาราชไร้บัลลังก์ 95
การปฏิรูปไทกะ 102
ยุคแห่งประมวลกฎหมาย 104
ช่องโหว่ของการปฏิรูป 106
พันธมิตรถัง-ชิลลาขับไล่ญี่ปุ่น 110
ยุคนาระ 112
เฮโจเกียว ฉางอันทิศตะวันออก 113
ยุคแห่งพุทธศาสนา 115
ยุคศรัทธาแห่งโชมุ 116
จักรพรรดินีกับอ�านาจสงฆ์ในราชส�านัก 121
เลือดนองราชส�านัก 124
รัชสมัยอันรุ่งโรจน์ของคัมมุ 127
ยุคเฮอัน 130
การรวบอ�านาจที่ผิดพลาด 131
กรณีคุโซโกะ 134
ตระกูลฟุจิวาระผงาด 136
ยุคทองของมิชินางะ 140
ตระกูลไทระผงาด 144
สงครามเกนเป 162
ยุคคะมะคุระ 180
สงครามพี่น้อง 181
รัฐบาลบากุฟุยุคแรก 184
อ�านาจสามชั้น 189
ยุคแห่งศาสนานักรบและคนสามัญ 193
มองโกลรุกราน 197
ความล่มสลาย 202
ยุคมุโรมะจิ 206
การฟื้นฟูเคมมุ 207
ศึกชิงอ�านาจนัมโบคุโจ 212
ก�าเนิดไดเมียว 218
สงครามโอนิน 222
ยุคสงครามนานาแคว้น 230
โอดะ โนบุนางะ 237
พันธมิตรก�าราบโนบุนางะ 246
โอดะ (เกือบ) ครองแผ่นดิน 252
ยุคอะซึจิ โมโมยามะ 260
โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ 261
โทกุงาวะ อิเอยะสึ 279
ยุคเอโดะ 288
การรวบอ�านาจอันทรงอานุภาพ 289
ชนชั้นใหม่วิสัยทัศน์ใหม่ 301
ก�าเนิดใหม่อ�านาจจักรพรรดิ 308
จุดจบของยุคโบราณ 312
บทส่งท้าย 316
บรรณานุกรมและหนังสืออ่านเพิ่มเติม 318
ยุคแห่งเทพเจ้า ยุคหินเก่า
13
ประวัติศาสตร์ญ่ปุ่นเร่มต้นข่นในยุคท่ไร้ประวัติศาสตร์ ไร้กาลเวลา ไร้
ี
ิ
ึ
้
ี
ตัวตน แม้แต่เทพเจ้า หรือคามิ ก็เป็นสิ่งที่ไร้ตัวตน
คามิ (Kami) คือหัวใจของจิตวิญญาณญ่ปุ่น คือเทพเจ้าผู้สร้าง
ี
มนุษยชาติ สร้างแผ่นดินญี่ปุ่น และเป็นที่พึ่งพาทางใจของชาวญี่ปุ่น
แต่มนุษย์ไม่อาจแลเห็นคามิได้
คามิเป็นจิต (心) และวิญญาณ (霊) ที่ช�าแรกกายซึมซาบอยู่ในทุก
อณูของธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่า ล�าธาร แมกไม้ ภูเขา สายลม
เม็ดฝน และแสงอาทิตย์
ชนเผ่าต่างๆ ล้วนมีต�านานการสร้างโลกเป็นของตัวเอง ในต�านานของ
ิ
ี
ิ
ั
ี
ชาวญ่ปุ่น ก่อนท่จะเกิดแผ่นดินและผู้คน แรกเร่มเดิมทีน้นมีส่งท่เรียกว่า
ี
ิ
ท้องทุ่งแห่งฟ้าสูงสล้าง หรือทาคามะงาฮาระ เป็นผืนฟ้าเว้งว้างกว้างใหญ่
อาจเทียบได้กับสภาวะจักรวาลก่อนการถือกาเนิดของสรรพส่ง ต่อมาฟ้า
ิ
�
หรือจักรวาล แยกออกเป็นสวรรค์และผืนพิภพ
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
14
ธาตุที่บริสุทธิ์แยกเป็นฟ้า ธาตุที่หนักและหนาเป็นผืนโลก
ึ
ั
ดินแดนท้งสองเกิดพลังแห่งคามิเป็นตัวตนข้นคือ อาเมโนะมินะคานุ-
ชิ, ทาคามิมุสุบิ และคามิมุสุบิ คามิ หรือเทพทั้งสาม เกิดขึ้นมาเองไม่มีผู้
ให้ก�าเนิด แต่ทั้งสามเป็นผู้ให้ก�าเนิดสรรพสิ่งมากมาย
ื
ิ
สวรรค์เบ้องบนกับโลกเบ้องล่างเช่อมไว้ด้วยสะพานอามะ โนะ อุกิ ฮาช
ื
ื
สะพานแห่งนี้คือเส้นทางที่คามิเดินทางจากสวรรค์มาประทับยังผืนพิภพ
มีผู้วิเคราะห์ว่า ท้องทุ่งแห่งฟ้าสูงสล้าง หรือทาคามะงาฮาระ เป็นอุปมา
ี
ี
ของดินแดนท่ราบสูงกว้างใหญ่ ดินแดนแห่งน้คือถ่นกาเนิดของบรรพชนชาว
�
ิ
ญี่ปุ่น คนเหล่านี้อพยพข้ามทุ่งสูงมายังแผ่นดินแห่งใหม่ ผ่านสะพานอามะ
โนะ อุกิ ฮาชิ ซึ่งอาจหมายถึงแผ่นดินงอกที่เชื่อมระหว่างเกาะญี่ปุ่นกับแผ่น
ดินใหญ่ แผ่นดินงอกนี้อาจเกิดขึ้นในยุคน�้าแข็งช่วงที่น�้าทะเลทั่วโลกลดลง
ต่อมาเมื่อสิ้นยุคน�้าแข็ง ระดับน�้าทะเลสูงขึ้น "สะพานอามะ โนะ อุกิ ฮาชิ"
หรือแผ่นดินผุดก็จมหายไป และตัดขาดแผ่นดินญี่ปุ่นจากแผ่นดินใหญ่ไป
ตลอดกาล
ในตอนแรกสวรรค์กับแผ่นดินยังอยู่ห่างกันไม่มากนัก หลังจากเกิด
เทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามแล้ว ก็เกิดคามิต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ อิซา-
นางิ (ชาย) และอิซานามิ (หญิง) ทั้ง 2 คน เป็นเสมือนตัวแทนของพลัง
หยิน-หยาง หรือพลังอ่อน-แข็ง ร้อน-เย็น ชาย-หญิง ที่เกิดมาพร้อมกับ
การสร้างจักรวาล
�
ต่อมาเทพเจ้าผู้ก่อกาเนิดมาแรกสุดคือ อาเมโนะมินะคานุชิ ได้เรียก
เทพเจ้าชายหญิงคู่นี้มาแล้วปรารภว่า เบื้องล่างยังไร้แผ่นดิน จึงมอบหอกที่
ชื่ออาเมโนะนุโฮโกะให้ แล้วสั่งให้น�าไปเนรมิตแผ่นดิน อิซานางิพร้อมด้วย
อิซานามิจึงเดินทางไปท่สะพานอามะ โนะ อุกิ ฮาชิ อันเป็นสะพานเช่อม
ี
ื
สวรรค์และโลก แล้วใช้หอกจุ่มลงไปบนโลกแล้วกวนน�้าในมหาสมุทร เมื่อ
ยกหอกข้นแล้วเกิดหยดนาเค็มหยาดลงผืนพิภพ กลายเป็นแผ่นดินแห่งแรก
�
ึ
้
คือเกาะโอโนะโกโระชิมะ
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
15
ิ
ื
่
ิ
ิ
ั
ิ
เมอเกดแผ่นดนแล้ว อิซานางกบอิซานามก็ลงมาจากสวรรค์แล้วสร้าง
เวียงวังอาศัย ต่อมาเพ่อท่จะสร้างประเทศและก่อกาเนิดลูกหลานข้น อิซานาง
ี
ื
ิ
ึ
�
ึ
กับอิซานามิจึงปักเสาต้นหน่งกลางเกาะ ตกลงกันว่าจะเดินรอบเสาแล้ว
ี
ั
เดินวนมาบรรจบกัน เม่อพบกันคร้งแรก อิซานามิท่เป็นสตรีกลับพูดทักทาย
ื
ก่อน ทาให้อิซานางิไม่พอใจ กล่าวว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้มีพลังหญิงไม่ควรนา �
�
เพศชาย แต่ทั้งคู่ก็สมสู่กัน แล้วเกิดบุตร 2 คนแรก แต่กลับมีรูปร่างพิกล
พิการ เทพทั้งสองจึงน�าลูกลอยทะเลทิ้งไป
ี
ท้งคู่จึงตัดสินใจเดินวนเสาท่ปักหลักกลางเกาะใหม่อีกคร้ง คราวน้ อิซา-
ั
ี
ั
ั
ั
�
นางิได้พูดทักทายก่อนสมใจ จากน้นท้งสองจึงสมสู่กันเกิดลูกหลานจานวน
หนึ่ง ซึ่งสมบูรณ์แข็งแรง เป็นลูกทั้งหมด 8 คน พร้อมกับก่อก�าเนิดเกาะ
ใหญ่ทั้งแปด อันเป็นเกาะส�าคัญของประเทศญี่ปุ่น คือ อาวาจิ, ชิโกกุ, โอกิ,
คิวชู, อิกิ, ซึชิมะ, ซาโด, และยามาโตะ
เม่อเกิดเกาะท้งแปดแล้ว อิซานางิกับอิซานามิจึงปรึกษากันว่ามีแผ่นดิน
ื
ั
แล้ว ก็ควรที่จะมีผู้อาศัย จึงให้ก�าเนิดคามิที่จะปกครองดินแดนเหล่านี้คือ
เทพีแห่งดวงอาทิตย์ (อามาเตระสุ) เทพแห่งดวงจันทร์ (สึกิโยมิ) และ
ั
เทพแห่งทะเล (ซูซาโนโอ) ในบรรดาเทพท้งสามน้ อามาเตระสุมีความ
ี
ส�าคัญที่สุด ได้รับค�าชมเชยจากบิดาและมารดาว่า ในบรรดาคามิมากมาย
ที่ให้ก�าเนิดมา อามาเตระสุมีความงดงามและเปี่ยมด้วยบารมีที่สุด
ิ
หลังจากให้กาเนิดคามิมากมายโดยไม่มีปัญหา อิซานามิมาส้นใจเอา
�
ิ
�
�
ตอนให้กาเนิดคะงุซึจิ เทพแห่งไฟ หลังจากส้นใจไปแล้ว มีตานานสอง
ิ
�
ื
ั
เร่องเล่าต่างกัน เร่องชีวิตหลงความตายของอิซานาม ในตารานิฮงโชงิเล่า
ื
ว่าดวงวิญญาณของอิซานามิสถิตอยู่ที่เกาะอาวาจิ แต่ในต�าราโคจิกิ เล่าว่า
ิ
ิ
ิ
ื
วญญาณของอซานามล่องลอยไปยงโยม หรอปรภพ อซานางเศร้าโศกยง
ิ
ิ
่
ิ
ิ
ั
ั
นักกับการสูญเสียคู่ครอง จึงด้นด้นติดตามหานาง จนกระท่งทราบว่านาง
ั
สิงสู่อยู่ในปรภพแล้ว
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
16
ั
้
ื
่
ั
็
ั
็
เมอแรกพบ ทงสองฝ่ายยงไม่อาจแลเหนกน เพราะโลกปรภพเตม
ไปด้วยความมืดมิด อิซานางิขอร้องให้อิซานามิกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่นาง
ปฏิเสธบอกว่าได้กินอาหารของแดนปรภพแล้ว ไม่สามารถกลับคืนสู่โลก
ี
�
ของผู้มีชีวิตได้ แต่จะพยายามหาทางขอกลับไป ระหว่างท่กาลังคิดหาทาง
ั
จะหวนกลับมา อิซานามิผลอยหลับไป ในตอนน้นอิซานางิเห็นว่าโลกปรภพ
ั
มืดมิดจนเกินไป จึงหยิบหวีข้นมาเกล้ามวยผม แล้วจุดไฟเป็นคบเพลิง คร้น
ึ
เมื่อเกิดแสงสว่างก็พบความจริงว่า อิซานามิที่เคยสวยสดงดงามกลับกลาย
เป็นร่างผีเน่าเฟะ เต็มไปด้วยหนอนชอนไชเรือนร่าง
อิซานางิตกใจกลัวจนร้องเสียงดังออกมา แล้วรีบวิ่งหนี ท�าให้อิซานามิ
ึ
ื
ื
ต่นข้นพบว่าคนรักของตัวเองรังเกียจถึงขนาดผละหนี นางรู้สึกน้อยเน้อ
่
ตาใจและโกรธแค้น จึงไล่ตามไปติดๆ แต่อิซานางิออกมาถึงปากถาทาง
�
�
้
ึ
เข้าปรโลกได้ก่อน จงผลกก้อนหนปิดทางเข้าภพของคนตาย ขงอซานาม ิ
ั
ิ
ั
ิ
ในนั้นตลอดกาล อิซานามิคั่งแค้นยิ่งนักที่ไม่อาจออกไปได้ จึงสาปว่า หาก
เขาละท้งนาง นางจะฆ่ามนุษย์วันละ 1,000 คน แต่อิซานางิตอบโต้ว่า
ิ
หากนางจะฆ่า 1,000 คน เขาก็จะให้ก�าเนิดมนุษย์มาอีก 1,500 คน
เหตุการณ์คร้งน้จึงเป็นการแยกโลกของคนตายและคนเป็นจากกันไป
ั
ี
ตลอดกาล หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์อันน่าหวาดเสียวมาได้ อิซานางิทาพิธ ี
�
ชาระมลทินด้วยการลงอาบนา ระหว่างท่อาบนาอยู่น้น เขาให้กาเนิดอามาเต-
้
�
ี
�
้
�
ั
�
�
ระสุออกมาจากตาข้างซ้าย ให้กาเนิดสึกิโยมิจากตาด้านขวา และเกิดซูซาโนโอ
ื
ึ
ี
ี
จากจมูก น่คือตานานท่ปรากฏในตาราโคจิกิ ซ่งเต็มไปด้วยเร่องเล่าขาน
�
�
ปานเทพนิยายมากกว่าต�าราประวัติศาสตร์เล่มอื่น
แต่ในต�าราประวัติศาสตร์เล่มอื่น อามาเตระสุหรือสุริยเทพี และน้องๆ
ั
เกิดมาจากแม่คืออิซานามิ ในเวลาน้นสวรรค์และโลกยังไม่แยกจากกัน
มากนัก อามาเตระสุซ่งเป็นพ่สาว และสึกิโยมิน้องชายจึงข้นไปอยู่บนสวรรค์
ี
ึ
ึ
ึ
ี
ั
และแบ่งฟ้ากันอยู่คนละคร่ง ท้ง 2 คนแม้จะเป็นพ่น้อง แต่ก็เป็นสามีภรรยา
ครองคู่กัน โดยแสงสว่างของสึกิโยมิ หรือจันทรเทพน้นอ่อนกว่าแสงของ
ั
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
17
สุริยะเทพีผู้เป็นพี่สาวและภรรยา ทั้งสองครองคู่กันมา แบ่งฟ้ากันอยู่อย่าง
ั
ผาสุก จนกระท่งมีเหตุให้แยกทางกัน เพราะสึกิโยมิไปสังหารเทพแห่งอาหาร
ี
�
คืออุเกะโมจิ เหตุเพราะเขารู้สึกขยะแขยงท่อุเกะโมจิสารอกข้าวปลาอาหาร
�
ออกมาจากปาก จมูก และทวารหนัก การสังหารเทพแห่งอาหารทาให้อามา-
เตระสุรังเกียจสามียิ่งนัก จึงแยกทางกันในวันนั้น
ี
ความสัมพันธ์ระหว่างอามาเตระสุกับซูซาโนโอน้องคนสุดท้องท่เป็นเทพ
ั
แห่งทะเลน้นก็ไม่ดีเอาเลย เกิดการวิวาทจนสวรรค์ปั่นป่วน เหตุแห่งการ
วิวาทเกิดขึ้นจากซูซาโนโอไปท้าทายอามาเตระสุให้ประลองฝีมือกัน ทั้งสอง
ิ
จึงใช้ส่งของคู่ใจในการประลอง อามาเตระสุใช้สังวาลยาซากะน ส่วนซูซา-
ิ
โนโอใช้ดาบคุซานางิ จากนั้นแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน แล้วใช้ฤทธิ์สร้างคามิ
ขึ้นมา
ึ
ปรากฏว่าดาบคุซานางิสร้างคามิสตรีข้นมา ส่วนสังวาลยาซากะนิก่อ
�
�
ุ
ุ
ิ
ิ
ู
กาเนดคามิบรษ ทาให้อามาเตระสอ้างว่าเป็นผ้ชนะ เพราะให้กาเนดคาม ิ
�
ุ
หรือเทพเจ้าชายซึ่งถือว่าเหนือกว่า แต่ซูซาโนโอไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ จึง
อาละวาดสร้างความวุ่นวายในสวรรค์ จนสังหารคนสนิทของสุริยเทพีตายไป
ิ
�
้
สร้างความเศร้าโศกแก่อามาเตระสุย่งนัก จนหนีไปขังตัวเองในถา ทาให้โลก
�
ั
มืดมิดเพราะขาดแสงสุริยา ร้อนถึงบรรดาคามิท้งหลายต้องจัดงานสังสรรค์
ื
ี
ื
ส่งเสียงร้องราทาเพลงเพ่อท่จะล่อให้สุริยเทพีออกมาจากถา เม่อออกมาแล้ว
�
�
้
�
ซูซาโนโอจึงถูกขับไล่ให้พ้นจากสวรรค์ฐานสร้างความวุ่นวาย
แต่เลือดย่อมข้นกว่านา เพราะในภายหลังอามาเตระสุและซูซาโนโอ
�
้
กลับคืนดีกัน ซูซาโนโอมอบดาบคุซานางิให้เป็นของก�านัลแก่พี่สาว ในกาล
ต่อมา ดาบคุซานางิ สังวาลยาซากะนิ และคันฉ่องยาตะ เป็นมรดกตกทอด
ื
ุ
่
ุ
ั
ี
ิ
ู
ี
ทสรยเทพมอบให้กบลกหลานของพระนาง เป็นเครองราชกกธภณฑ์ของ
ั
่
จักรพรรดิญี่ปุ่นทุกพระองค์
ิ
ั
้
เหตุทของวเศษเหล่านนตกทอดมายังจักรพรรดิญ่ป่นทกพระองค์ ก ็
่
ี
ุ
ุ
ี
เพราะอามาเตระสุทรงเป็นต้นวงศ์ของจักรพรรดิญ่ปุ่น ดังน้นจึงถือกันว่า
ี
ั
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
18
ื
ี
จักรพรรดิญ่ปุ่นทรงเป็นเทพเจ้าบนพ้นพิภพ เชื้อสายของอามาเตระสุน้น
ั
ิ
ี
เร่มจากวงศ์ของทวยเทพก่อน แล้วจึงกลายเป็นเทพเจ้าท่ปกครองแผ่นดิน
ึ
ของมุนษย์ หรือเทนโน หมายถึงจักรพรรดิแห่งสวรรค์ ซ่งอันท่จริงแล้ว
ี
คือจักรพรรดิบนผืนโลก แต่ทรงอ้างว่าสืบเชื้อสายจากสวรรค์
ย้อนกลับไปตอนท่อามาเตระสุประลองกับซูซาโนโอน้น สังวาลของ
ี
ั
พระองค์เกิดเทพบุรุษขึ้นมา 5 องค์ หนึ่งในนั้นคือ อาเมะโนะโอชิโฮมิมิ
ถือเป็นโอรสแห่งสุริยเทพีไปโดยปริยาย ในกาลต่อมาพระมารดาสั่งให้เทพ
องค์นี้ลงไปตระเตรียมดินแดนบนผืนโลก ในกาลนั้นโอชิโฮมิมิมีโอรสแล้ว
ชื่อว่า นินิงิ จึงสั่งให้นินิงิรับหน้าที่ลงไปตระเตรียมดินแดน
นินิงิ ซึ่งถือเป็นพระนัดดา (หลาน) ของสุริยเทพี จึงเป็นคามิองค์แรก
ื
ี
ท่ลงมาจากสวรรค์เพ่อสร้างแผ่นดินท่เป็นประเทศญ่ปุ่น โดยลงมาพร้อมกับ
ี
ี
ของวิเศษทั้งสามคือ ดาบคุซานางิ สังวาลยาซากะนิ และคันฉ่องยาตะ
นินิงิมีโอรส 3 องค์ หนึ่งในนั้นคือโฮโอริ
โฮโอริ มีโอรสชื่อ อุงายะฟุคิเอะซุ
ู
ื
อุงายะฟุคิเอะซุ มีโอรสช่อจิมม ซ่งถือเป็นจักรพรรดิองค์แรกของญ่ปุ่น
ึ
ี
ี
ในทัศนะของชาวญ่ปุ่นบางคนท่ศรัทธาในแนวทางชินโต พวกเขาเช่อ
ี
ื
ว่าเทพเจ้าแห่งยุคโจมงก่อนยุคสุดท้าย ล้วนแต่เป็นเทพเจ้าจริงๆ ด้วยความ
�
ื
เช่อทางศาสนาแบบน้ ทาให้พวกเขายอมรับว่าพระจักรพรรดิเป็นเช้อสายแห่ง
ี
ื
เทพเจ้า
แต่ความเช่อน้ถูกท้าทายมาโดยตลอดจากการศึกษาแบบสมัยใหม่ โดย
ี
ื
เฉพาะหลังความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยุติความเชื่อ
เร่องจักรพรรดิคือเทพเจ้าไปโดยส้นเชิง เพราะเป็นสาเหตุแห่งการผลักดัน
ิ
ื
ลัทธิสมมติเทพ-ชาตินิยม จนทาให้เกิดลัทธิทหารและการรุกรานดินแดน
�
สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเอเชียบูรพา
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
19
ยุคแห่งต�านาน ยุคโจมง
จักรพรรดิจิมมู
�
ในตารานิฮงโชงิ กล่าวว่า จักรพรรดิองค์น้มีปัญญาเฉลียวฉลาดและ
ี
ความตั้งใจแน่วแน่ ตอนอายุ 15 ได้รับเลือกให้เป็นทายาทแห่งบัลลังก์ เมื่อ
เติบใหญ่ขึ้นวิวาห์กับอะฮิระซึฮิเมะ มีโอรสคือทางิชิมิมิและคิสุมิมิ
ี
ี
ื
เม่ออายุ 45 จิมมูปรารภกับพ่ชายและโอรสถึงความคิดท่จะปราบปราม
ดินแดนฟากตะวันออก ซึ่งหมายถึงเกาะฮนชู ในนิฮงโชงิบันทึกไว้ว่า
“บรรพบุรุษแห่งวงศ์จักรพรรดิของเรา และพระบิดรพระมารดา ทรง
เป็นเฉกเช่นเทพเจ้า เฉกเช่นปราชญ์ ครอบครองความสุข สั่งสมเกียรติภูมิ
่
ั
ี
ุ
ุ
็
ั
ไว้มากมาย หลายปีผ่านไปนบจากวนทบรรพบรษของเราบนสวรรค์เสดจ
มาสู่พิภพ จนถึงปัจจุบันนี้ ผ่านมานานกว่า 1,792,470 ปีแล้ว แต่ภูมิภาคที่
ห่างไกลยังไม่ได้รับพรจากการปกครองของจักรวรรดิ ทุกๆ เมืองพึงได้รับ
อนุญาตให้มีเจ้าผู้ปกครอง และทุกหมู่บ้านพึงมีนายบ้าน แต่ละคนแบ่งดิน
ี
แดนและเข้าร่วมในการรุกรานและความขัดแย้ง เวลาน้ข้าได้ยินจากผู้เฒ่า
แห่งท้องทะเลมาว่า ในภาคตะวันออกมีดินแดนอันงดงามล้อมรอบด้วยภูเขา
้
ิ
ิ
ึ
่
ี
้
ื
ิ
่
ิ
ุ
ิ
ิ
้
ี
สนาเงนทกดาน ยงกวานนยงมผหนงทโบยบนดวยเรอหนวเศษลงมา ขาคด
�
้
่
ั
้
้
ี
่
ู
ั
ว่าดินแดนน้จะเหมาะแก่การสานต่อภารกิจแห่งสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย
ี
เพ่อว่าพลังแห่งสวรรค์จะเต็มเปี่ยมไปท่วจักรวาล และยังเป็นศูนย์กลางของ
ั
ื
โลกอย่างไม่ต้องสงสัย คนที่บินลงไปในดินแดนนั้น ข้าเชื่อว่าคือนิงิฮายะฮิ
ไฉนเราจึงไม่ไปที่นั่น แล้วสถาปนานครหลวงเล่า”
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
20
ึ
ี
นิงิฮายะฮิ โนะ มิโกโตะ คือคามิองค์หน่งท่เดินทางมาจากสรวงสวรรค์
ี
ั
และเก่ยวข้องในทางเครือญาติกับจักรพรรดิจิมมู ดังน้นจึงทรงเห็นเป็นนิมิต
ื
หมายว่าเทพเจ้าเสด็จลงมาเพ่อบอกเป็นนัยให้พระองค์เสด็จไปปราบทิศ
ตะวันออก
มีผู้เชื่อว่า นิงิฮายะฮิน่าจะเป็นบุคคลในต�านานของเกาหลี ผู้เขียนคาด
ว่าน่าจะเป็นกลุ่มบรรพชนญ่ปุ่นท่อพยพมาจากเกาหลีอีกระลอกหน่ง แต่เดิน
ึ
ี
ี
ทางไปขึ้นฝั่งที่เกาะฮนชู อันเป็นดินแดนที่ชาวญี่ปุ่นกลุ่ม "เทพเจ้าเดิม" เช่น
จิมมูยังเดินทางไปไม่ถึง เพราะยังแย่งชิงมาจากคนท้องถิ่นไม่ได้
นิฮงโชงิบันทึกว่า ในฤดูหนาววันที่ 5 เดือน 10 ก่อนคริตศักราช 667
�
เป็นวนท่จักรพรรดิทรงนาบรรดาองค์ชายและกองทัพเรือกรีธาทัพบุกไปยัง
ั
ี
ึ
ตะวันออก เม่อมาถึงท่ประตูฮายะสุฮิ ทรงพบชาวประมงคนหน่งแล่นเรือมา
ี
ื
จักรพรรดิเรียกเขาแล้วถามเขาว่า “เจ้าเป็นใคร”
จิมมู ภาพโดย Ginko Adachi
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
21
ู
ื
ั
ื
ู
ั
ิ
ี
ิ
อกฝ่ายกราบทลว่า “คอข้ารบใช้ของฝ่าบาท คอเทพผ้พทกษ์แผ่นดน
มีนามว่า อุตสึฮิโกะ ข้าพระองค์มาตกปลาในอ่าวแห่งห้วงสมุทร ได้ยินว่า
โอรสเทพแห่งสวรรค์ก�าลังเสด็จมา ข้าพระองค์จึงมาต้อนรับในบัดดล”
จิมมูทรงถามต่อว่า “เจ้าพอจะเป็นผู้น�าทางให้ข้าได้หรือไม่”
อีกฝ่ายตอบว่า “ข้าพระองค์ทาได้” จักรพรรดิจึงส่งให้มอบปลายเสาไม้
ั
�
ชิฮิให้กับชาวประมงใช้ลากเรือของจักรพรรดิอันเป็นเรือนาร่องกองทัพ ใน
�
ี
กาลต่อมาชาวประมงผู้น้ได้รับการขนานนามว่า ชิบิ เนะ ซึ ฮิโกะ เป็น
บุคคลแรกสุดที่ได้รับบรรดาศักดิ์ “ยามาโตะ โนะ อาตาเฮะ” หรือ ขุนนาง
แห่งยามาโตะ
ี
ิ
คาดว่า ชิบิ เนะ ซึ ฮิโกะคงเป็นคนท้องถ่นบนเกาะฮนชูกลุ่มแรกท่ยอม
สวามิภักดิ์ต่อชาวเกาะทางใต้ที่น�าโดยจิมมู หรืออาจจะเป็นคนจากเกาะทาง
ใต้ที่มาอาศัยในดินแดนนี้ตามล�าพัง แล้วถวายตัวเข้าร่วมการรุกรานตะวัน
ออกด้วย
ต่อมากองทัพของจิมมูเดินทางต่อไปจนมาถึงอุสะในดินแดนซึกุชิ ได้
พบกับผู้น�าท้องถิ่นนามว่าอุสะซึฮิโกะ และสตรีนามว่าอุสัตซึฮิเมะ ซึ่งสร้าง
พระราชวังขึ้นบนเสาเดียวริมฝั่งแม่น�้าอุสะ ได้ท�าการต้อนรับจิมมูและคณะ
ื
ี
และจัดงานเล้ยงรับรอง เพ่อเป็นการสร้างความเก่ยวดองทางสายเลือดกับ
ี
คนท้องถ่น จักรพรรดิจิมมูจึงทรงบัญชาให้อุสัตซึฮิเมะวิวาห์กับขุนนางผู้
ิ
ติดตามพระองค์ คืออามะ โนะ ทาเนะ โนะ มิโกโตะต่อมาคือบรรพชน
ี
ของตระกูลนากาโตมิ เป็นตระกูลท่ทรงอิทธิพลเป็นรองแต่ราชวงศ์เท่าน้น
ั
และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นตระกูลฟุจิวาระ
น่คือจุดเร่มต้นของตระกูลฟุจิวาระท่จะมีบารมีเหนือกว่าโอรสแห่ง
ี
ิ
ี
เทพเจ้าในอนาคตข้างหน้า
ั
จากน้นกองทพของจิมมูมุ่งหน้าสู่แดนต่างๆ อย่างไม่หยดย้ง สู่ดนแดน
ิ
ั
ั
ุ
ซึกุชิ สู่อากิ และไปถึงคิบิในปีที่ 666 ก่อนคริสตกาล ทรงสร้างพระราชฐาน
ชั่วคราว ทรงพักที่นี่ 3 ปี เพื่อรวบรวมก�าลังพล เสบียงอาหาร เพื่อเตรียม
ที่จะสยบดินแดนที่เหลือแบบม้วนเดียวจบ
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
22
663 ปีก่อนคริสตกาล กองทัพของจิมมูยกทัพเรือมุ่งหน้าสู่ตะวันออก
อีกครั้ง ยกพลขึ้นบกผ่านแคว้นต่างๆ จนในเดือน 4 ก็ข้ามภูเขาอิโคมะมา
ถึงแผ่นดินตอนใน ผู้ปกครองแผ่นดินตอนในคือ นางะสุเนะ ฮิโกะ เมื่อ
ี
�
ทราบว่าจิมมูกาลังกรีธาทัพมารุกราน จึงกล่าวว่า “การท่ลูกหลานเทพเจ้า
ี
สวรรค์เดินทางมาถึงท่น่ คงจะปล้นประเทศของข้าเป็นแน่แท้” ดังน้นนางะ-
ั
ี
สุเนะจึงเกณฑ์กาลังคนท้งหมดภายใต้การปกครองของเขาทันที แล้วสกัด
ั
�
กั้นผู้รุกรานที่เนินเขาคุสุกะ
ื
เม่อเร่มการประจัญบาน พระเชษฐาของจักรพรรดิทรงถูกธนูของข้าศึก
ิ
ยิงเข้าที่บั้นเอว ฝ่ายกองทัพจักรพรรดิก็ไม่สามารถโจมตีศัตรูได้ จักรพรรดิ
ทรงรุ่มร้อนพระทัย แต่ทรงด�าริว่า
ี
“ข้าเป็นทายาทของสุริยเทพี เวลาน้ข้านาทัพโดยหันหน้าเข้าสู่ดวงอาทิตย์เพ่อ
ื
�
้
�
ั
่
็
ื
์
ิ
์
ั
โจมตขาศึก (ทาใหแสงอาทตยแยงนยนตาจนรบไมถนด) ถอเปนการกระทา �
ี
้
ี
ท่ขัดต่อวิถีแห่งสวรรค์ ข้าควรท่จะล่าถอยแล้วแสร้งว่ากาลังอ่อนแอ จากน้น
ี
ั
�
ค่อยทาการสังเวยเทพเจ้าแห่งสวรรค์และโลก แล้วหันหลังให้สุริยเทพีผู้ทรง
�
ฤทธี แล้วให้เราท้งหลายจงตามประกายแสงของพระองค์เพ่อบดขยี้ศัตร ู
ั
ื
ให้สิ้น หากเราท�าเช่นนี้ ศัตรูจะต้องพินาศกันเองแน่นอนโดยที่ดาบของเรา
ไม่ต้องเปื้อนเลือด”
ดังนั้นจึงทรงบัญชาให้ถอยทัพ ฝ่ายศัตรูก็ไม่กล้าติดตาม ทรงถอยทัพ
ถึงท่าเรือคุซากะแล้วท�าการบวงสรวงเทพเจ้าด้วยการประลองยุทธ์
ี
หลังจากผละมาจากการศึกกับนางะสุเนะฮิโกะ จิมมูก็ทรงเปล่ยนเส้น
�
ทางการเดินทัพโดยมุ่งหน้าไปทางตะวันตก ถึงแคว้นคิอิ แล้วปราบผู้นาท้อง
ิ
ั
ถ่นตามรายทาง จากน้นเดินทางโดยทางเรือไปถึงคุมาโนะ สังหารผู้ปกครอง
ิ
ท้องถ่นอีกคนหน่ง ทว่าคราน้ทหารในกองทัพจิมมูต่างถูกพิษงูเล่นงานจนล้ม
ี
ึ
ป่วยไม่อาจเดินหน้าได้
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
23
ึ
ั
ระหว่างน้นมีชายผู้หน่งฝันว่า สุริยเทพีอามาเตระสุ ได้มาเข้าฝันและส่ง ั
ว่า พระองค์ได้รับทราบความทุกข์ยากลาบากของลูกหลานจึงทรงประทาน
�
�
ื
ดาบมาให้ และกาชับให้ชายผู้น้นไปบอกลูกหลานของพระองค์ คือจิมมู เม่อ
ั
�
ู
ต่นจากฝันชายคนดังกล่าวพบดาบด่งในนิมิตจริงๆ จึงนาไปถวายแก่จิมม
ั
ื
ชื่อดาบว่า ฟุตซึโนะมิตะมะ ในเวลาเดียวกันนั้นทหารในกองทัพก็ฟื้นจาก
ั
อาการเจ็บป่วยพอดี จึงพากันเดินทัพต่อไป ทว่าหนทางข้างหน้าน้นอับจน
ไม่มีคนเคยผ่าน ไม่มีทางตัดไว้ ไม่รู้ว่าจะมุ่งหน้าไปหนใด ครานี้สุริยเทพี
อามาเตระสุมาเข้าฝันจิมมูด้วยพระองค์เอง ในนิฮงโชงิกล่าวว่า
“บัดน้เราจะส่งยาตะการาสุมาให้เจ้า นาทางให้เจ้าทวแผ่นดน” จากน้นก ็
�
ี
ิ
่
ั
ั
ปรากฏว่ามียาตะการาสุบินลงมาจากความเว้งว้างว่างเปล่า จักรพรรดิตรัส
ิ
ั
ิ
ว่า “การมาของอีกาคร้งนี้เป็นจริงตามความฝันอันย่งใหญ่ของข้า! ช่างวิเศษ
เหลือเกิน! บรรพบุรุษแห่งราชวงศ์ข้า อามาเตระสุ โนะ โอโฮะ คามิทรง
ปรารถนาที่จะช่วยข้าตั้งราชวงศ์ขึ้น”
ื
ี
ี
ยาตะการาสุท่ว่าน้คืออีกาสามขา แต่ช่อของมันแปลว่า อีกาปีกสาม
ี
ี
คืบ ปัจจุบันอีกาสามขายังเป็นสัญลักษณ์ของญ่ปุ่น ญ่ปุ่นถือว่าอีกาเป็น
สัญลักษณ์มงคลเพราะเป็นทูตสวรรค์ และช่วยก่อตั้งประเทศ หากใครเป็น
ี
ึ
แฟนฟุตบอลจะทราบว่าสัญลักษณ์ของทีมญ่ปุ่นคืออีกาสามขา ซ่งก็คือยาตะ-
การาสุนั่นเอง แนวคิดเรื่องอีกาสามขาไม่ได้มีแค่ญี่ปุ่น แต่ปรากฏอยู่ทั่วไป
ื
ี
ู
�
ั
ั
ในเอเชยตะวนออก ในจน กาสามขาเรยกว่า หยางอ หรอตะวนดา เป็น
ี
ี
ิ
ั
ั
ั
ั
ี
สญลกษณ์แห่งตานานดวงอาทตย์ ในเกาหลกาสามขาเป็นสญลกษณ์ของ
�
ดวงอาทิตย์เช่นกัน ส่วนในญ่ปุ่นกาสามขาถูกส่งมานาทางจิมมูโดยสุริยะเทพ ี
�
ี
ต่อมาจิมมูเสด็จมาถึงอุดะในเดือน 8 ปีนั้น และทรงส่งทูตไปเรียกตัว
อุเคชิผู้อาวุโสและอุเคชิผู้น้อง ทั้งสองนี้เป็นหัวหน้าของแคว้นอุดา อุเคชิผู้
อาวุโสไม่ได้มา แต่อุเคชิผู้น้องมาแสดงความเคารพท่ประตูค่าย แล้วกราบทูล
ี
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
24
ี
ว่า “พ่ชายข้าพระองค์ คืออุเคชิผู้อาวุโสแสดงท่าทีต่อต้าน คราได้ยินว่าทายาท
�
�
ี
ี
แห่งเทพสวรรค์กาลังจะเสด็จมาถึง จึงระดมกองทัพท่จะทาการโจมตีในทันท
ื
แต่เม่อเห็นแสนยานุภาพของกองทัพองค์จักรพรรดิจากระยะไกล ก็เกิดกลัว
เกรงและไม่กล้าท่จะต่อต้าน ดังน้นเขาจึงวางกองทหารเตรียมซุ่มโจมตี และ
ี
ั
ั
ได้สร้างพระราชวังแห่งใหม่ โดยในห้องโถงได้เตรียมกลไกไว้ ต้งใจท่จะ
ี
ี
ี
ั
�
เชิญจักรพรรดิไปงานเล้ยงท่น่น และจากน้นก็จะทาการคิดร้ายต่อพระองค์”
ั
จิมมูจึงทรงส่งมิจิโนะโอมิไปตรวจดู แล้วพบว่าอุเคชิผู้อาวุโสคิดมิซื่อ
จริงๆ จึงพิโรธหนัก ชักดาบและธนูออกมาไล่ล่าอุเคชิผู้อาวุโสจนอีกฝ่าย
ิ
ี
ติดกับของตัวเองถูกกลไกท่จะเตรียมไว้สังหารจิมมูบดขย้จนส้นใจ จึงนา �
ี
ิ
ั
ู
ี
ุ
ิ
ิ
ร่างของเขามาตดศรษะลงทัณฑ์ แล้วอเคชผ้น้องจึงเชญจักรพรรดมาถวาย
เลี้ยงพร้อมด้วยไพร่พลของพระองค์
ู
ุ
่
ี
่
ี
อเคชผ้น้องกราบทลว่าทแคว้นยามาโตะมกล่มโจร (หรือคนท้องถน
ุ
ู
ิ
ิ
�
เดิม) นาโดยชิกิ ตอนแรกจักรพรรดิทรงส่งทูตไปแจ้งให้ชิกิสวามิภักด์แต่
ิ
อีกฝ่ายไม่ยินยอม ยาตะการาสุจึงโบยบินไปด้วยตัวเอง ราร้องว่า “โอรส
่
�
แห่งสวรรค์ส่งมาแจ้งเจ้า อย่าชักช้า อย่าชักช้า!” ชิกิอาวุโสโกรธแค้นมาก
พยายามจะสังหารยาตะการาสุ แต่ชิกิผู้น้องหว่นเกรงแสนยานุภาพย่งนัก
ิ
ั
ี
ี
จึงพยายามอ้อนวอนให้ผู้พ่เลิกความคิดท่จะต้านทาน จิมมูทรงทราบว่า ชิก ิ
ผู้น้องและผู้นาชนเผ่าคนอ่นๆ ไม่คิดต่อต้าน จึงทรงส่งทูตไปยืนยันกับพวก
ื
�
เขาว่า หากไม่ต่อต้านก็จะไม่ประสบเภทภัย ในกาลต่อมาจิมมูทรงใช้แผนกล
ศึก สังหารชิกิผู้อาวุโสลงได้ส�าเร็จ โดยวิธีน�าทหารที่อ่อนแอมาล่อให้ชิกิน�า
ทหารที่แข็งแกร่งไล่ล่า แต่ในเวลาเดียวกันทรงน�าทหารแกร่งที่เหลือบุกเข้า
โจมตีฐานที่มั่นของอีกฝ่าย
ต�านานเรื่องอุเคชิและชิกิ แสดงให้เห็นว่าจิมมูมิได้ทรงทะเล่อทะล่าบุก
ู
�
้
ั
ู
่
เขาตศตร แตทรงสงทตไปดลาดเลาเสยกอน และทรงใชการทตนาการทหาร
้
ี
่
ี
่
ู
ู
ต่อเมื่ออีกฝ่ายยืนยันที่จะสู้ก็จะต้องต่อสู้
หลังจากปราบเจ้าท้องถ่นจนเกือบหมดแล้ว ในท่สุดพระองค์ก็ทรงมา
ิ
ี
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
25
ถึงดินแดนที่พระองค์เอ่ยถึงในตอนแรก อันเป็นสาเหตุให้ยกทัพมา นั่นคือ
ดินแดนของนิงิฮายะฮิ โนะ มิโกโตะ
�
ึ
มีคนท้องถ่นผู้หน่งส่งผู้นาสาส์นมาแจ้งแก่จิมมูว่า นิงิฮายะฮิน้นเดิม
ั
ิ
เป็นโอรสของเทพเจ้าแห่งสวรรค์ ผู้ลงมาจากสวรรค์เพื่ออาศัยอยู่ที่นี่ โดย
นั่งเรือหินเหาะลงมาจากสวรรค์ ลงมาแล้วแต่งงานกับคนท้องถิ่น สืบลูกสืบ
ั
ิ
หลาน คนท้องถ่นผู้น้นไม่พอใจจิมมู จึงถามกับจิมมูว่าไฉนโอรสของเทพเจ้า
ื
�
สวรรค์จึงมีสององค์ ทาไมจึงมีคนอ่นอีกท่บังอาจใช้ช่อบุตรแห่งสวรรค์เทียม
ื
ี
กัน แล้วปล้นชิงแผ่นดินของผู้อื่น
จิมมูตรัสว่า “ยังมีโอรสเทพแห่งสวรรค์อีกมากมาย ถ้าคนที่เจ้าเอ่ยถึง
และนับถือเป็นเจ้าเหนือหัวเป็นโอรสของเทพแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง ก็จะ
มีวัตถุบางอย่างเป็นการพิสูจน์ ซึ่งเจ้าพึงน�ามาแสดงให้เราได้ประจักษ์” คน
ั
�
ี
ผู้น้นจึงนาสายธนูหนังแห่งสวรรค์มาให้ทอดพระเนตร จิมมูตรัสว่าน่เป็น
ึ
สัญลักษณ์แห่งสวรรค์จริงๆ แต่พระองค์ก็มีเช่นกันและได้ข้นสายธนูกับ
คันศรเอาไว้แล้ว เตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าไม่อาจถอยหลังได้
ี
นิงิฮายะฮิทราบเจตนาของจิมมู แทนท่จะต่อสู้เหมือนคนอ่น กลับนา �
ื
ทัพมาสวามิภักดิ์แล้วถวายแผ่นดินให้ปกครอง จิมมูจึงปฏิบัติต่อเขาด้วยดี
ี
เพราะเป็นเครือญาติแห่งสวรรค์เฉกเช่นกัน นิงิฮายะฮิผู้น้คือบรรพชนของ
ตระกูลโมโนโนะเบะ ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ที่จะปกครองเกาะชิโกกุในกาลต่อมา
หลังจากปราบแคว้นยามาโตะจนส�าเร็จได้เกือบทั้งหมดแล้ว เดือนที่ 3
วันที่ 7 จักรพรรดิทรงมีรับสั่งว่า
ี
“ในช่วง 6 ปีท่เราเดินทางไปทางทิศตะวันออก โดยท่ข้าเช่อม่นในพระผู้
ี
ั
ื
ปกครองสรวงสวรรค์ กลุ่มคนช่วร้ายได้พบกับความตาย แม้แท้จริงแล้ว
ั
ท่ชายแดนและดินแดนท่เหลือยังมีกลุ่มคนท่ช่วร้ายหลงเหลืออยู่ แต่ใน
ี
ั
ี
ี
ภูมิภาคของดินแดนกลางไม่มีลมและฝุ่นละออง (หมายถึงไม่มีส่งใดรบกวน)
ิ
อีกต่อไป เราควรสร้างเมืองหลวงท่กว้างใหญ่ไพศาล และวางผังเมืองให้ใหญ่
ี
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
26
และแข็งแรง ในเพลานี้ สิ่งต่างๆ ยังอยู่ในสภาพที่หยาบและไม่ชัดเจนนัก
�
และจิตใจของผู้คนไม่มากด้วยปัญญา พวกเขาพานักในเพิงหยาบๆ หรือ
�
ิ
อาศัยอยู่ในถา จรรยามารยาทเป็นแค่ธรรมเนียมบางอย่าง ถ้าผู้ย่งใหญ่ตรา
้
ี
ื
ึ
กฎหมายข้น ความยุติธรรมก็จะไม่เส่อมถอย และแม้ว่าบางอย่างท่ได้มาจะ
์
�
ั
ั
ยงประโยชนปวงประชา แต่สงนจะขดขวางการกระทาของปราชญไดอย่างไร
ี
้
้
ิ
่
์
ี
ิ
ั
ย่งไปกว่าน้น จะเป็นการดีท่จะถางป่าและทลายภูผา และสร้างพระราชวัง
ั
�
จากน้นข้าจะดารงสถานะผู้เลอค่าอันศักด์สิทธ์ และให้ความสงบสุขแก่อาณา
ิ
ิ
ประชาราษฎร์ จากนั้นข้าพึงตอบสนองต่อความเมตตาของพลังสวรรค์ที่ได้
ี
ประทานอาณาจักรให้แก่ข้าในโลกหล้าน้ ข้าพึงสืบสายเลือดลูกหลานของ
ั
จักรพรรดิ และยืนหยัดในคุณธรรม จากน้นเมืองหลวงจักแผ่ขยายโอบล้อม
ทิศทั้งหกและสายทั้งแปดโยงใยเป็นดังหลังคาคลุม เช่นนี้จะไม่ดีหรือ เมื่อ
ข้าพิจารณาแล้วเห็นว่าท้องทุ่งคาชิบาระซึ่งทอดตัวทางตะวันตกเฉียงใต้ของ
ภูเขาอุเนบิ ดูราวกับเป็นศูนย์กลางแผ่นดิน ข้าจักจัดระเบียบที่นี่”
ั
ี
ั
ี
ดังน้น เดือนน้จึงทรงบัญชาส่งให้เจ้าหน้าท่ตระเตรียมการสร้าง
พระราชวัง
ฤดูใบไม้ผลิปี 660 ก่อนคริสตกาล เดือนที่ 1 วันที่ 1 (ตรงกับวันที่
11 กุมภาพันธ์) จักรพรรดิทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติ ณ พระราชวังคาชิฮา-
บาระ ปีน้นับเป็นปีแรกในการครองราชย์ของพระองค์ ทรงสถาปนาพระ
ี
ภรรยาหลวงให้เป็นจักรพรรดินี โอรสที่เกิดกับทั้งคู่คือ คามิยะวิมิมิ โนะ
มิโกโตะ และคามินุนะงุฮะ โนะ มิโกโตะ
ฤดูใบไม้ผลิปีที่ 4 แห่งรัชสมัย เดือนที่ 2 วันที่ 23 จักรพรรดิทรง
ี
มีบัญชาว่า “ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษจักรพรรดิของเราท่เปล่งประกาย
จากสวรรค์ คอยส่องสว่างและคอยช่วยเหลือพวกเรา บัดนี้ศัตรูของเราทั้ง
ิ
ี
ื
หลายได้ถูกปราบจนหมดส้นแล้ว ใต้หล้าล้วนสงบสุข เราพึงใช้โอกาสน้เพ่อ
ท�าการบวงสรวงต่อเทพเจ้าแห่งสวรรค์ และส่งเสริมกตัญญุตาธรรม ดังนั้น
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
27
พระองค์จึงตั้งศาลบวงสรวงดวงพระวิญญาณกลางเนินเขาโทมิ เพื่อใช้เป็น
ี
สถานท่นมัสการบรรพบุรุษของจักรพรรดิ หรือบรรดาเทพแห่งสวรรค์ น ี ่
อาจเป็นจุดเริ่มต้นของธรรมเนียมการตั้งศาลเจ้าของศาสนาชินโต
เหตุการณ์ส�าคัญอีกครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นในเดือนที่ 4 วันที่ 1 ฤดูร้อนปี
ที่ 31 แห่งรัชสมัย ทรงประทับพระเกี้ยววนรอบดินแดน จากนั้นจักรพรรดิ
ิ
ึ
้
ื
่
ุ
ึ
ขนไปบนยอดเขาวากคะม โนะ ฮตซมะ เพอทอดพระเนตรดินแดนของ
พระองค์ หลังจากทอดพระเนตรแล้ว ตรัสว่า “โอ้ นี่เราได้ครอบครองดิน
ี
ี
แดนท่งดงามอะไรปานน้! แม้จะเป็นดินแดนท่รุ่มรวยด้วยต้นหม่อนไม้มีใย
ี
(ใช้ท�าเครื่องแต่งกาย) แต่ดูคล้ายแมลงปอก�าลังโค้งกายเลียส่วนหาง” แต่
นั้นมาดินแดนนี้จึงได้ว่า อะคิตสึชิมะ
ื
ี
ี
ดินแดนท่จิมมูปกครองคือแคว้นยามาโตะ อันเป็นช่อเดิมของญ่ปุ่น
ึ
อะคิตสึชิมะแปลว่าเกาะแห่งแมลงปอ เป็นอีกหน่งช่อโบราณของญ่ปุ่นเช่น
ื
ี
กัน อีกต�านานหนึ่งกล่าวว่า มียุงตัวหนึ่งหมายจะดื่มกินโลหิตเทพของจิมมู
แต่แมลงปอเห็นเข้าจึงเข้ามากินยุงเสีย จิมมูทรงยินดีนักเห็นเป็นนิมิตจึงตั้ง
ชื่อประเทศว่า อะคิตสึชิมะ
อย่างไรก็ตาม มีผู้วิเคราะห์ว่าความหมายท่แท้จริงของ อะคิตสึชิมะ
ี
ี
ี
คือ “ดินแดนแห่งการเก็บเก่ยว” ไม่มีส่วนเก่ยวข้องกับอะคิตสึชิมะ ท่แปลว่า
ี
แมลงปอ แมลงชนิดน้มักจะย่นหางของมันสัมผัสกับปากจนกลายเป็นรูป
ื
ี
วงแหวน คาดว่าเป็นเพราะท้องที่จังหวัดยามาโตะ เป็นที่ราบล้อมรอบด้วย
ภูเขา คล้ายกับวงแหวน จึงทาให้จิมมูทรงอุปมาดินแดนของพระองค์ว่า
�
เหมือนแมลงปอก�าลังกินหัวกินหาง
รัชกาลของจิมมูน้นมีระยะเวลาท่ยาวนานมาก ในบันทึกประวัติศาสตร์
ี
ั
�
ไม่ได้ระบุอะไรมากนักหลังจากต้งประเทศแล้ว มีเหตุการณ์สาคัญคือในปีท ี ่
ั
42 แห่งรัชกาลจิมมู ทรงแต่งตั้งเจ้าชายคามิ นุนะงุฮะ โนะ มิโกโตะ เป็น
รัชทายาท หลังจากนั้นเหตุการณ์เงียบหายไปอีก 30 กว่าปี
จนกระทั่งต�ารานิฮงโชงิ บันทึกว่า “ปีที่ 76, ฤดูใบไม้ผลิ, เดือนที่ 3,
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
28
วันที่ 11 จักรพรรดิสวรรคตในพระราชวังคาชิฮะบาระ พระชนมายุในเวลา
นั้นได้ 127 พรรรษา ในปีต่อมา ฤดูใบไม้ร่วงวันที่ 12 ของเดือนที่ 9 เชิญ
พระศพไปฝังในสุสานมิซานางิ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูเขาอุเนบิ”
นี่คือฉากสุดท้ายของจักรพรรดิองค์แรกแห่งญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
29
ซุยเซและจักรพรรดิยุคต้น
�
ี
ื
หลังจากรัชสมัยของจิมมู บันทึกเก่ยวกับจักรพรรดิองค์อ่นๆ มีอยู่จากัด
ี
ั
ื
ี
�
ุ
ึ
ั
จาเข่ย เน้อหาในบันทึกโบราณกล่าวถงจกรพรรดิร่นหลงของสมัยโจมงเพยง
จากัด โดยเน้นเฉพาะพระนามของพระองค์ พระนามของสมาชิกในครอบครัว
�
ปีท่พระราชสมภพและปีท่สวรรคต นอกจากน้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตน
ี
ี
ี
ื
ี
ของจักรพรรดิเหล่าน้ได้ แต่เพ่อให้เห็นสายการสืบทอดราชสันตติวงศ์
ี
ี
ของญ่ปุ่นท่มีมายาวนานไม่เคยขาดสาย ผู้เขียนจะขอเอ่ยถึงพระนามของ
จักรพรรดิในยุคโจมงจนครบถ้วนก่อน แล้วจะนาหลักฐานทางโบราณคด ี
�
ื
็
มาประกอบ เพอให้เหนภาพความเป็นไปของผ้คนในยคทเลอนรางน
ู
่
ี
ี
่
ื
ุ
้
จักรพรรดิซุยเซ
ซุยเซ มีพระนามเดิมว่า คามิ นุนางะฮะมิมิ โนะ มิโกโตะ ทรงเป็นโอรส
องค์ที่ 3 ของจิมมู ในนิฮงโชงิพรรณนาเอาไว้ว่า จักรพรรดิองค์นี้มีจรรยา
ื
่
ั
ี
มารยาทและรูปลกษณ์ท่โดดเด่น เม่อตอนทยังทรงพระเยาว์มีความเข้มแข็ง
ี
ื
ื
ี
สมกับเป็นบุรุษ เม่อเติบใหญ่ก็กลายเป็นยอดบุรุษเต็มตัว เช่ยวชาญเร่องการ
ื
ี
�
ั
ทาสงคราม และมีปณิธานท่มุ่งม่นอย่างมาก เม่อพระชนมายุ 48 พรรษา
พระบิดาสวรรคต ในคราแรกนั้นยังมิได้ทรงครองราชย์ในทันที
ในนิฮงโชงิ บันทึกว่า ซุยเซทรงมีพระเชษฐาต่างพระมารดาคนหน่ง ึ
ชื่อ ทางิชิมิมิ โนะ มิโกโตะ คราน้นทางิชิมิมิก็สูงวัยพอสมควร และม ี
ั
้
ั
ประสบการณ์ในการบริหารปกครองประเทศมใช่น้อย ดังนนจึงได้รบมอบ
ั
ิ
หมายให้ดูแลเร่องราวในแว่นแคว้น และซุยเซถือว่าเขาเป็นสหายสนิทผู้หน่ง
ื
ึ
อยางไรกตามเจาชายองคน้มสนดานทตาชาปราศจากความซอตรง เมอซยเซ
่
ุ
่
�
้
ี
่
้
ี
ื
์
่
ั
ื
่
ี
็
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
30
ี
ทรงเข้าพิธีถือพรตไว้อาลัยพระบิดา สบโอกาสท่ทางิชิมิมิจะเผยธาตุแท้ออก
ั
มา น่นคือการสังหารซุยเซและน้องต่างมารดาอีกองค์ แต่ทรงระแคะระคาย
แผนการนี้ก่อน
ั
ิ
ี
ซุยเซและพระเชษฐาหรือพ่ชายอีกพระองค์คือ คามิยะวิมิม ทรงส่ง
ให้ท�าธนูขึ้นมาคันหนึ่ง พร้อมปลายลูกศรจากเขากวาง เมื่อได้อาวุธแล้วทั้ง
สองพระองค์ก็บุกเข้าจู่โจมทางิชิมิมิในต�าหนัก ซุยเซจึงก�าชับกับพระเชษฐา
ั
ี
�
ว่าการลอบสังหารคร้งน้ทากันแค่สองคนผู้อ่นมิได้เก่ยวข้อง พระองค์จะเป็น
ี
ื
ู
ผ้เปิดประตู ส่วนพระเชษฐาเป็นผ้ปล่อยศรสงหาร แต่เมอซุยเซทรงเปิดประต ู
ั
ื
่
ู
แล้ว พระเชษฐากลับทรงประหม่าจนมือและขาสั่นเทาง้างคันศรไม่ได้ ซุยเซ
ี
ี
ึ
จึงคว้าศรจากมือพ่ชาย แล้วทรงยิงทางิชิมิมิเข้าท่หน้าอกดอกหน่ง ท่หลัง
ี
ดอกหนึ่งจนสิ้นใจ
หลังจากสังหารอริร่วมสายเลือดลงได้แล้ว คามิยะวิมิมิผู้เป็นพ่รู้สึกอดส ู
ี
ใจ จึงตรัสกับน้องชายว่า “ข้าเป็นพี่ชายเจ้า แต่ข้าประหม่าและอ่อนแอ ไม่
เหมาะกับภารกิจอันต้องใช้ความสามารถ คราน้ เจ้าได้แสดงความกล้าหาญ
ี
อันสูงส่ง และลงมือประหารศัตรูตัวฉกาจของเรา จะไม่เป็นการสมควรหรือท ่ ี
เจ้าจะรับหน้าท่สาดแสงแห่งสวรรค์ (ตาแหน่งจักรพรรดิ) และสืบทอดภารกิจ
�
ี
ของบรรพบุรุษจักรพรรดิของเรา ข้าจะเป็นผู้ช่วยของเจ้า และจะร่วมสักการะ
เทพเจ้าแห่งสวรรค์และพิภพ”
ด้วยเหตุนี้ คามิ นุนางะฮะมิมิ โนะ มิโกโตะ จึงทรงครองราชย์เป็น
จักรพรรดิซุยเซ ตั้งเมืองหลวงที่คารัตซึกิ ในปีที่ 25 แห่งรัชสมัย หรือก่อน
คริสตกาล 577 ปี ทรงมีพระโอรสองค์รอง พระนามว่า ชิกิ ซึ ฮิโกะ ทามะ
เดมิ โนะ มิโกโตะ ซึ่งต่อมาคือจักรพรรดิอันเน
จักรพรรดิซุยเซสวรรคตในวันที่ 10 เดือน 5 ฤดูร้อน ปีที่ 33 แห่ง
รัชกาล หรือ 549 ปีก่อนคริสตกาล พระชนมายุได้ 84 พรรรษา
ิ
้
ิ
ั
ิ
ั
ั
้
หลงจากนนบนทกเก่ยวกบจักรพรรดองคตางๆ ทงในโคจกและนฮงโชง ิ
ั
ึ
์
่
ิ
ี
ั
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
31
มีอยู่อย่างจ�ากัด เอ่ยถึงเพียงพระนาม การแต่งตั้งจักรพรรดินี รัชทายาท
ี
การย้ายเมืองหลวง วันสวรรคต เพียงเท่าน้โดยไม่มีหลักฐานใดๆ รองรับ ดัง
�
ั
ั
น้น นักวิชาการสมัยใหม่จึงมักต้งคาถามเก่ยวกับตัวตนของบุคคลในบันทึก
ี
ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนจะเอ่ยพระนามและเหตุการณ์
�
ี
ี
สาคัญเท่าท่มีอยู่ในบันทึกโบราณเก่ยวกับจักรพรรดิเหล่าน้เอาไว้ในฐานะ
ี
“บุคคลในประวัติศาสตร์” แห่งยุคโจมงเท่าที่ทราบกัน
จักรพรรดิอันเน
ประสูติ 567 ปีก่อนคริสตกาล พระนามเดิมว่า “ชิกิ ซึ ฮิโกะ ทามะ
เดมิ โนะ มิโกโตะ” ครองราชย์เมื่อ 549 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมาทรงย้าย
เมืองหลวงไปที่คาตะชิโฮะ เมื่อ 547 ปีก่อนคริสตกาล ครั้นถึง 538 ปีก่อน
คริสตกาล ทรงสถาปนาพระโอรสองค์รองคือ เจ้าชายโอโฮะ ยามาโตะ ฮิโกะ
สุกิ โทมะ เป็นรัชทายาท จักรพรรดิอันเนสวรรคตเมื่อ 511 ก่อนคริสตกาล
พระชนมายุได้ 57 พรรรษา
จักรพรรดิอิโตกุ
ประสูติ 553 ปีก่อนคริสตกาล พระนามเดิมว่า “โอโฮะ ยามาโตะ ฮิโกะ
สุกิ โทมะ” ครองราชย์เมื่อ 510 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมาทรงย้ายเมืองหลวง
ั
ไปท่คารุ เม่อ 509 ปีก่อนคริสตกาล คร้นถึง 489 ปีก่อนคริสตกาลทรง
ี
ื
สถาปนาพระโอรสองค์โตคือเจ้าชายมิ มัตสึฮิโกะ คาเอชิมะ โนะ มิโกโตะ
ื
เป็นรัชทายาท จักรพรรดิอิโตกุสวรรคตเม่อ 477 ก่อนคริสตกาล พระ
ชนมายุได้ 76 พรรรษา
จักรพรรดิโคโช
ประสูติ 501 ปีก่อนคริสตกาล พระนามเดิมว่า “มิ มัตสึฮิโกะ คาเอชิมะ
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
32
โนะ มิโกโตะ” ครองราชย์เมื่อ 475 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมาทรงย้ายเมือง
ี
ิ
ิ
ี
ิ
่
ั
ี
่
่
ื
่
ิ
หลวงไปทวาคงะม เมอ 475 ปกอนครสตกาล คร้นถง 408 ปกอนครสตกาล
ึ
ทรงสถาปนาพระโอรสองค์รองคือ เจ้าชายยามาโตะ ทาราชิฮิโกะ คุนิ โอชิ
บิโตะ โนะ มิโกตะ เป็นรัชทายาท จักรพรรดิโคโชสวรรคตเมื่อ 393 ก่อน
คริสตกาล พระชนมายุได้ 108 พรรรษา
จักรพรรดิโคอัน
ประสูติ 427 ปีก่อนคริสตกาล พระนามเดิมว่า “ยามาโตะ ทาราชิฮิโกะ
คุนิ โอชิ บิโตะ โนะ มิโกตะ” ครองราชย์เมื่อ 392 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมา
ทรงย้ายเมืองหลวงไปที่มุโระ เมื่อ 391 ปีก่อนคริสตกาล ครั้นถึง 317 ปี
ก่อนคริสตกาลทรงสถาปนาพระโอรสองค์โตคือ เจ้าชายโอโฮ ยามาโตะ
เนโกะฮิโกะ ฟุโตะ นิ โนะ มิโกโตะเป็นรัชทายาท จักรพรรดิโคอันสวรรคต
เมื่อ 291 ก่อนคริสตกาล พระชนมายุได้ 136 พรรรษา
ั
ิ
ั
ุ
ุ
ื
ิ
ุ
ในการแบ่งยคสมยทางประวตของญป่น ถอว่ายคโจมงได้สนสดลง
่
ุ
ี
้
ในราว 300 ปีก่อนคริสตกาล ดังนั้นเมื่อจักรพรรดิโคอันสวรรคตจึงถือว่า
เป็นการสิ้นสุดยุคโจมงและเข้าสู่ยุคใหม่ นั่นคือยุคยาโยยไปโดยปริยาย
ึ
ั
นับต้งแต่สมัยของซุยเซลงมาถือเป็นปลายยุคโจมง (ซ่งมีระยะเวลา
ยาวนานมากคือ 14,000 – 300 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นยุคท่มนุษย์ยุค
ี
ิ
่
ื
ุ
ี
ิ
บรรพกาลในญ่ป่นเร่มแสดงออกด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะเครองปั้นดนเผา
ี
ท่มีความซับซ้อน ต่างจากยุคหินเก่าท่พบหลักฐานเพียงแค่ร่างมนุษย์
ี
ดึกด�าบรรพ์และเครื่องใช้ท�าจากหิน
คาว่า โจมง (縄文) แปลว่า วัฒนธรรม (文) ลายเชือก (縄)
�
ี
เพราะดีไซน์ลวดลายบนผิวโบราณวัตถุจากยุคน้มักจะใช้เชือกประทับลง
ให้เป็นลายบนภาชนะดินเผา
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
33
โดะงู (Dogū) ตุ๊กตาดินเผาสมัยโจมง อายุราว ภาชนะรูปเปลวเพลิงสมัยโจมง ราว 3,000–2,000
1,000–400 ก่อนคริสตกาล ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ก่อนคริสตกาล ภาพโดยผู้เขียน
ั
ี
เน่องจากยุคโจมงมีระยะเวลาท่ยาวนานมากคือ 14,000 ปี ดังน้น
ื
จึงต้องมีการแบ่งยุคสมัยเป็นช่วงต่างๆ ดังนี้
ช่วงตั้งเค้า 16,500-10,000 ปีก่อน
ช่วงแรกเริ่ม 10,000-7,000 ปีก่อน
ช่วงต้น 7,000-5,450 ปีก่อน
ช่วงกลาง 5,450-4,420 ปีก่อน
ช่วงปลาย 4,420-3,220 ปีก่อน
ช่วงสุดท้าย 3,220-2,350 ปีก่อน
ี
ช่วงสมัยท่ปรากฏพระนามของจักรพรรดิโบราณก็คือช่วงสุดท้ายของ
ยุคโจมง ส่วนช่วงก่อนหน้าจักรพรรดิจิมมู เราอาจยกให้เป็นช่วงสมัยของ
เทพเจ้า ซ่งเลือนรางเกินกว่าจะยึดถือเป็นจริงเป็นจังได้ อย่างน้อยก็ในทัศนะ
ึ
ของนักโบราณคดีดังที่เราได้พูดไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
34
ื
ื
ี
หากเราเช่อตามบันทึกโบราณว่าจักรพรรดิเหล่าน้คือเช้อสายของเทพเจ้า
�
ี
ึ
�
ทุกคาถามก็จบลงแค่น้น ไม่จาเป็นต้องสงสัยอะไรอีก (ซ่งน่เป็นเหตุแห่งลัทธ ิ
ั
ี
ี
ั
บูชาจักรพรรดิและชาตินิยมทหารของญ่ปุ่นในช่วงสงครามโลกคร้งท่ 2) แต่
ถ้าเรายังมีความสงสัยอยู่ ย่อมไม่เชื่อว่าจักรพรรดิคือเทพเจ้า และชาวโจมง
ไม่ใช่ผลผลิตแห่งสวรรค์ แต่พวกเขาคือใครกัน?
มีหลายทฤษฎีเก่ยวกับตัวตนของคนโจมง บ้างบอกว่าเป็นคนพวกเดียว
ี
ุ
ี
่
กบชาวไอน บ้างบอกว่าเป็นคนพนททไม่เกียวข้องคนกบพนใดในโลกเลย
่
้
ื
่
ี
ั
ื
้
ั
บางคนเสนอว่าชาวโจมงอาจมีเชื้อสายคอเคเซียน
ื
ื
เน่องจากบันทึกโบราณเล่าแต่เร่องจักรพรรดิ ไม่ได้พรรณนาลักษณะ
ี
ิ
บ้านเมือง วิถีชีวิต หรือแม้แต่หน้าตาของผู้คน ส่งท่เหลืออยู่คือโครงกระดูก
ึ
ของ “โจมงจิน” (มนุษย์ยุคโจมง) ซ่งจากกระดูกเราสามารถใช้วิทยาศาสตร์
เพื่อประเมินลักษณะของพวกเขาได้
การศึกษาทางสัณฐานวิทยาของฟันแสดงให้เห็นว่าชาวโจมงและชาว
ไอนุเป็นญาติกัน และยังจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หรือกลุ่ม Sundadonty คนโจมงจึงเป็นญาติกับชาวพ้นเมืองไต้หวัน ชาว
ื
ี
ิ
้
ื
ิ
ิ
ฟลิปปนส เวยดนาม คนพ้นเมืองในอนโดนเซีย คนพนเมองเกาะบอร์เนยว
ี
์
ื
ี
ื
ชาวมาเลย์ คนลาว และคนไทย
ก่อนอื่นต้องท�าความเข้าใจก่อนว่าในทางมานุษยวิทยา ผู้คนในเอเชีย
ตะวันออกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Sundadonty ที่อยู่ในเอเชียตะวัน
ี
ออกเฉียงใต้ และ Sinodonty ท่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
กลุ่มหลังคือคนส่วนใหญ่ในจีน มองโกเลีย เกาหลี และญี่ปุ่น
ี
ี
มาถึงตอนน้แล้ว เราจะพบว่าแผ่นดินของประเทศญ่ปุ่นมีคน 2 กลุ่มคือ
Sundadonty ท่อพยพจากทางใต้ และ Sinodonty ท่อพยพมาจากตอน
ี
ี
เหนือ และในยุคโจมงหรือยุคท่ปรากฏในบันทึกโบราณ คนส่วนใหญ่คือพวก
ี
ที่อพยพมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นญาติกลายๆ กับคนไทย
ี
แต่เช่นเดียวกับหลักฐานทางโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ท่ยาก
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
35
ด่วนสรุป เพราะจากการศึกษาลึกเข้าไปอีก พบว่าคนโจมงตอนเหนือมีความ
ใกล้ชิดกับชาวไอนุ และชาวไอนุมีสัณฐานวิทยาของฟันเหมือนกับคนเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ แต่จากการศึกษาสัณฐานกะโหลกของชาวไอนุกลับพบ
ื
ี
ั
้
ี
ู
ื
ว่าเหมือนกบคนเอเชยตะวันตก หรอคนเชอสายคอเคซอยด์ (ยเรเช่ยน)
มากกว่า
ที่ประหลาดก็คือ ชาวโจมงทางตอนเหนือมีลักษณะคล้ายชาวไอนุและ
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนชาวโจมงทางตอนใต้มีลักษณะคล้ายชาวเอเชีย
ึ
�
ตะวันออก หากเราใช้สามัญสานกจนตนาการตามเส้นทางการอพยพของ
ิ
ี
คนญป่นโบราณแล้ว เราจะต้องคิดว่ากล่มเอเชยตะวันออกเฉยงใต้จะต้อง
ุ
่
ี
ุ
ี
ึ
อพยพข้นมาจากตอนใต้ ส่วนกลุ่มเอเชียตะวันออกจะต้องอพยพเข้ามาทาง
ตอนเหนือ แต่ทุกอย่างสลับกันหมด!
ื
กระน้นก็ตาม นักมานุษยวิทยาเตอนว่าชาวโจมงไม่ได้มีแค่กลุ่มสอง
ั
กลุ่ม เราจึงอาจวิเคราะห์ได้ว่า ชาวโจมงกลุ่มที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียง
ั
ใต้และเอเชียตะวันตกเข้ามากลุ่มแรก จากน้นถูกผลักดันจากกลุ่มท่เข้ามา
ี
ทีหลังจากเอเชียตะวันออก จนต้องถอยร่นไปทางตอนเหนือดังท่ปัจจุบัน
ี
เราพบว่าชาวไอนุถูกผลักให้ไปอยู่ที่เกาะฮกไกโด
ก่อนยุคกลางของญ่ปุ่น ชาวไอนุยังครอบครองพ้นท่ตอนเหนือของเกาะ
ี
ี
ื
่
ั
ฮนชู หลังจากนั้นก็ถูกผลักดันโดยคนญี่ปุนปจจุบันไปเรื่อยๆ จนไปสุดทาง
ท่ฮกไกโด ดังน้นเราจะเห็นรูปแบบของการไล่ต้อนทางเช้อชาติท่สะท้อนผ่าน
ื
ี
ั
ี
หลักฐานทางมานุษยวิทยาของชาวโจมง
ี
ในบันทึกโคจิกิกับนิฮงโชงิน้นระบุถึงการสร้างประเทศญ่ปุ่นโดยอิซา-
ั
นางิกับอิซานามิไว้ว่า เกิดแผ่นดินแรกที่เกาะชิโกกุ และต่อมาเกิดเกาะเล็ก
ิ
เกาะน้อยในเขตทะเลเซโตะ จากน้นจิมมูจึงเร่มภารกิจในการรุกแผ่นดิน
ั
�
้
ิ
ั
ี
ใหญ่ คือเกาะฮนชูปราบปรามคนท้องถ่นเดิม น่คือยุคแรกของการหาห่น
กันระหว่างชาวโจมง 2 กลุ่ม
ี
ในปี 2019 นักวิจัยท่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาต ิ
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
36
และสถาบันอื่นๆ อีก 6 แห่งของญี่ปุ่น เปิดตัวโครงการด้านมานุษยวิทยา
ี
�
ื
เพ่อตรวจสอบต้นกาเนิดทางพันธุกรรมของญ่ปุ่น ผลการค้นพบนี้ถูกตีพิมพ์
ื
ในช่อบทความเร่อง “Late Jomon male and female genome
ื
sequences from the Funadomari site in Hokkaido, Japan.”
ในวารสาร Anthropological Science แม้จะยังสรุปไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
�
ี
ี
ึ
ื
แต่จากการวิจัยทาให้เข้าใจมากข้นเร่องท่มาของคนญ่ปุ่น จากข้อมูลทาง
ี
พันธุกรรมของผู้หญิงโจมงจากโครงกระดูกท่พบในแหล่งโบราณคดีท ่ ี
้
ื
ุ
ิ
ื
ุ
ฟนะโดมาร บนเกาะฮกไกโด พบวาบรรพบรษของเธอสบเชอสายมาจากชาว
ุ
่
ยูเรเชียน (ลักษณะเดียวกับคนไอนุ) ระหว่าง 38,000 ถึง 18,000 ปีก่อน
ี
นอกจากน้ คนโจมงยังมีลักษณะทางพันธุกรรมร่วมกันกับผู้คนใน
แถบชายฝั่งทะเลเอเชียตะวันออกตั้งแต่เหนือจรดใต้ พันธุกรรมของผู้หญิง
โจมงที่พบ มีความคล้ายคลึงกับชาวอุลชิ (Ulchi) คนพื้นเมืองของรัสเซีย
ื
ตะวันออกไกล มีพันธุกรรมคล้ายชาวเกาหลี และคล้ายชนพ้นเมืองอาตายัล
(Atayal) และอามิ (Ami) ในไต้หวัน การค้นพบน้สะท้อนว่าคนโจมงมีความ
ี
ใกล้ชิดกับคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลุ่มไต้หวันและคนเอเชียตะวันออก
กลุ่มคาบสมุทรเกาหลีและไซบีเรีย
แล้วทั้ง 2 กลุ่มอพยพมาจากเอเชียแผ่นดินใหญ่ได้อย่างไร?
ิ
ึ
ึ
ั
ุ
ิ
่
ั
ย้อนกลบไปในบทแรกทกล่าวถงยคแห่งเทพเจ้า ในบนทกโคจกและ
ี
นิฮงโชงิกล่าวถึง “สะพานอามะ โนะ อุกิ ฮาชิ” ที่เชื่อมโลกเบื้องบนกับโลก
เบื้องล่างเอาไว้ ต่อมาบรรดาเทพปรารถนาที่จะสร้างประเทศให้ปรากฏ จึง
ึ
ั
ส่งการให้อิซานางิกับอิซานามิไปสร้างแผ่นดินข้น ท้งคู่จึง “ข้ามสะพาน” แล้ว
ั
ใช้หอกทิพย์กวนน�้าจนเกิดเป็นง้วนดินขึ้น
นัยของสะพานน้ นักมานุษยวิทยาและนักวิทยาศาสตร์เช่อว่า คือ
ี
ื
การกล่าวถึงแผ่นดินงอกท่เช่อมเกาะญ่ปุ่นกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ
ื
ี
ี
ั
้
�
คาบสมุทรเกาหลีเอาไว้ในช่วงยุคนาแข็งยุคสุดท้าย ในเวลาน้นญ่ปุ่นไม่ใช่
ี
เกาะ แต่เป็นคาบสมุทรท่เช่อมกับแผ่นดินใหญ่ และมีปลายจรดกับหมู่
ี
ื
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
37
เกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นเส้นทางการอพยพของผู้คนกลุ่ม
Sinodonty จากเกาหลี และ Sundadonty จากไต้หวันผ่านฟิลิปปินส์
้
ิ
ื
�
�
้
ึ
้
�
เม่อยุคนาแข็งจบส้นลง นาแข็งละลาย นาทะเลสูงข้น “สะพานอามะ
โนะ อุกิ ฮาชิ” ที่เชื่อมสวรรค์กับโลกเบื้องล่างจึงหายไป ตัดขาดญี่ปุ่นจาก
แผ่นดินใหญ่ไปตลอดกาล
“สวรรค์” ในบันทึกโบราณ อาจเป็นคาอุปมาถึงดินแดนบรรพบุรุษ
�
เหมือนในต�านานของคนไท/ลาว ที่มีบรรพชนมาจากเมืองแถน และผีแถน
�
หมายถึงพระเจ้า/ผีบรรพบุรุษ สาหรับผู้ท่เช่อในตานานน้ย่อมคิดว่าแถนคือ
ี
�
ี
ื
ี
แดนสวรรค์ แต่นักมานุษยวิทยาวิเคราะห์ว่า แถนคือพ้นท่แถบเมืองเดียน-
ื
เบียนฟู ประเทศเวียดนาม ถิ่นฐานดั้งเดิมของคนไท/ลาวก่อนอพยพลงมา
แยกเป็นแว่นแคว้นไทและลาวในดินแดนที่เราอยู่กันในปัจจุบัน
สวรรค์ของคนไท/ลาว คือเมืองแถน และสวรรค์ของชาวญ่ปุ่น หรือ
ี
ชาวโจมงก็คือเมืองบรรพบุรุษเช่นกัน
�
ื
แต่โลกเบ้องบนหรือสวรรค์ อันเป็นจุดกาเนิดของเทพเจ้า (และ
ั
ั
ี
จกรพรรดญป่น) คือทใดกน ระหว่างเอเชยตะวนออกเฉยงใต้กบเอเชย
ี
ี
่
ุ
ี
ั
ิ
ั
่
ี
ตะวันออกเฉียงเหนือ
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
38
จักรพรรดิซุยจินและวัฒนธรรมยาโยอิ
เมื่อสิ้นสมัยจักรพรรดิโคอัน เป็นช่วงเวลาราว 300 ปีก่อนคริสตกาล
ี
แม้เราจะยืนยันตัวตนของจักรพรรดิในยุคน้ได้ แต่ในทางประวัติศาสตร์
และโบราณคดีได้จัดยุคสมัยให้เป็นยุควัฒนธรรมยาโยอิ จากการขุดค้น
ทางโบราณคดีช่วยไขปริศนาหลายอย่างเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนี้
�
ื
ี
ลักษณะเด่นท่สุดของยุคยาโยอิคือวัฒนธรรมสาริด แต่ช่อยุคมาจาก
ึ
ย่านหน่งในกรุงโตเกียวท่พบเคร่องปั้นดินเผาลักษณะแปลกไปจากยุค
ี
ื
โจมงเล็กน้อย ต่อมาชาวยาโยอิเร่มวิวัฒน์ตัวเองให้เหนือกว่าชาวโจมง
ิ
�
ั
ิ
�
ด้วยเทคโนโลยีสาริด ส่งท่หลงเหลือจากยุคน้นคือคันฉ่องและระฆังสาริด
ี
อาวุธเช่นดาบและเกราะส�าริด และต่อมาพัฒนาเป็นอารยธรรมเหล็ก
�
�
ระฆังสาริดสมัยยาโยอิ สาหรับประกอบ
ี
พิธีกรรม (Dōtaku) พบท่มณฑลซานุก ิ
อายุ 2-1 ศตวรรษก่อนคริสตกาล
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
39
ี
ในยุคโจมงผู้คนเล้ยงชีพด้วยการล่าและเก็บของป่า แต่เม่อเข้าสู่ยุค
ื
ยาโยอิก็เร่มลงหลักปักฐาน สร้างระบบเกษตรกรรม ระบบชลประทาน และ
ิ
ี
ั
้
ั
มีชนชนทางสงคมท่แบ่งแยกกันโดยลักษณะของการสักลวดลายบนร่างกาย
คล้ายกับวัฒนธรรมของคนกลุ่มออสโตรเอเชียติกทางตอนใต้ของจีนและ
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นิยมสักร่างกาย
ิ
ี
ุ
ื
ั
ชาวยาโยอไม่เหมอนกบชาวโจมง จากการขดค้นทางโบราณคดพบว่า
โบราณสถานยุคยาโยอิแถบชายฝั่งตะวันตกทางตอนใต้ มีความคล้ายคลึง
ี
กับแหล่งโบราณคดีแถบมณฑลเจียงซูของจีน นอกจากน้ยังพบลักษณะ
�
ี
ี
ี
�
การทาเกษตรท่คล้ายกับท่เกาหลี ทาให้สันนิษฐานว่าในยุคน้มีการอพยพ
ี
อีกระลอกของชาวเอเชียตะวันออกมายังหมู่เกาะญ่ปุ่น ประมาณการณ์กัน
ิ
ว่ามีประชากรเพ่มข้นถึง 4 ล้านคน ซ่งน่าจะเป็นผลมาจากการอพยพจาก
ึ
ึ
คาบสมุทรเกาหลีและการเพ่มข้นของประชากรจากการปฏิวัติทางการเกษตร
ึ
ิ
่
มาถึงตอนนี้เราจะตองย�้าอีกครั้งวาในยุคตนของประวัติศาสตรญี่ปุนมี
่
้
์
้
การอพยพมาตั้งถิ่นฐานหลายระลอก และท�าให้มนุษย์ในยุคสมัยต่างๆ มี
ลักษณะแตกต่างกัน ในยุคโจมง มีลักษณะของผู้อพยพจากเอเชียตะวันตก
และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนยุคยาโยอิเป็นการอพยพจากเอเชียตะวัน
ิ
ี
ี
ี
ึ
ออก ในยุคน้อารยธรรมเร่มคืบคลานจากญ่ปุ่นตอนใต้ข้นมาปักหลักท่เกาะ
ื
ี
ึ
ฮนชูมากข้น (ดังท่เราจะเห็นว่าช่อของยุคยาโยอิได้มาจากแหล่งโบราณคด ี
ชื่อเดียวกันในแถบกรุงโตเกียว)
ด้วยจานวนประชากรท่เพ่มข้นในหลักล้าน ทาให้ชาวยาโยอิมีพลังใน
ิ
ึ
�
ี
�
ื
การผลักดันคนพ้นเมืองเดิมคือชาวโจมงและลูกหลานของชาวโจมง คือพวก
ไอนุให้ถอยร่นขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ คน 2 กลุ่มนี้ยังมีลักษณะทางกายภาพที่
ั
แตกต่างกนอย่างชดเจน ชาวโจมงมร่างเตยกว่า แขนยาว ตาโต รปหน้า
ู
ี
้
ี
ั
ชัดเจนกว่า และมีสันจมูกโด่งกว่า ส่วนชาวยาโยอิสูงกว่าประมาณ 1-2 นิ้ว
เบ้าตาเล็ก จมูกแบน ลักษณะคล้ายกับชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ
ชาวญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
40
ี
นอกจากความเก่ยวพันด้านพันธุกรรมระหว่างชาวยาโยอิกับชาวเอเชีย
ื
ตะวันออกแล้ว นักภาษาศาสตร์ยังเช่อว่าคนยาโยอิเป็นญาติกับคนเกาหลีใน
ด้านภาษา โดยมีการเปรียบเทียบภาษาเกาหลีโบราณในแถบปลายคาบสมุทร
อันเป็นที่ตั้งของอาณาจักรแพ็กเจและชิลลา พบว่ามีค�าศัพท์พื้นฐานตรงกัน
เรียกว่าภาษา Peninsular Japonic หรือภาษาญี่ปุ่นคาบสมุทรเกาหลี
ตามบันทึกของจีน ลักษณะการตั้งถิ่นฐานและแว่นแคว้นของผู้คนยุค
ี
ยาโยอิมีอยู่กระจัดกระจายนับร้อยแห่ง แต่จีนเรียกคนในแผ่นดินญ่ปุ่นรวม
กันว่าชาว “วอ” (倭) ในภาษาญี่ปุ่นก�าหนดให้อ่านค�านี้ว่า “ยามาโตะ”
และ “วะ”
�
ี
ื
ในภาษาญ่ปุ่น “วะ” หมายถึงช่อประเทศเก่า เช่นเดียวกับคาว่ายามาโตะ
ื
ึ
�
ท่หมายถึงช่อเดิมของประเทศ หมายถึงตาบลหน่งในเมืองนาระ อันเป็น
ี
ศูนย์กลางของประเทศในยุคประวัติศาสตร์ ค�าว่ายามาโตะและวะ มีความ
ี
สาคญต่อรากเหง้าความเป็นญป่นเสยยงกว่าคาว่า นฮง/นิปปง/รอเปิ่น/
ั
ี
่
ุ
ิ
่
ื
�
่
ิ
�
ญี่ปุ่น (日本) เสียอีก
่
่
ึ
ั
�
ี
ในภาษาจนคาวา “วอ” แปลวา “แคระแกร็น” และยงหมายถง “ญี่ปุ่น”
�
ี
และยังเป็นคาท่จีนใช้เรียกญ่ปุ่นอย่างดูถูกว่าเป็นคนแคระ เน่องจากก่อนยุค
ื
ี
สมัยใหม่ชาวญ่ปุ่นมีรูปร่างไม่สูงใหญ่ อย่างไรก็ตามความหมายท่แท้จริงของ
ี
ี
�
คาว่า วอ อาจไม่ได้หมายถึงคนแคระต้งแต่แรก และการใช้ในความหมายดูถูก
ั
อาจเกิดข้นหลังจากน้น เพราะประวัติศาสตร์ของคาว่าวอมีมายาวนานมาก
�
ั
ึ
ั
คาว่า วอ ปรากฏคร้งแรกในหลักฐานจีนในตาราซานไห่จิง (山海經)
�
�
ซึ่งเรียบเรียงขึ้นในยุคจ้านกั๋ว-ต้นสมัยฮั่น ตรงกับยุคยาโยอิของญี่ปุ่น ใน
ี
ี
ั
�
ี
ตาราน้เอ่ยถึงแผ่นดินวอไว้ว่า “ดินแดนไก้ก๋วอยู่ทางตอนใต้ของชว่เย่ยน
และอยู่ทางเหนือของวอ วอเป็นของเยียน เฉาเซ่ยนอยู่ทางตะวันออกของ
ี
เลี่ยหยาง”
ตามบันทึกนี้วิเคราะห์ได้ว่า ไก้กั๋ว คือบรรพบุรุษของอาณาจักรจินใน
เกาหลี ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของอาณาจักรซัมฮันในคาบสมุทรเกาหลี ในต�ารา
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ
41
ั
ซานไห่จิงระบุว่า ไก้ก๋วอยู่ทางใต้แคว้นเยียน แต่อยู่เหนือแคว้นวอ ค่อน
ข้างตรงกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ยุคปัจจุบัน โดยแคว้นเยียนอยู่ในแถบ
ิ
ี
เหอเป่ย ปักก่งของประเทศจีน ส่วนคาบสมุทรเกาหลี (เฉาเซ่ยนหรือโชซอน)
อยู่เยื้องลงมาทางใต้เล็กน้อยจากแคว้นเยียน
ี
ั
บันทึกว่าไก้ก๋วอยู่เหนือแคว้นวอ บ่งช้ว่าแหล่งอารยธรรมของแคว้น
ชาววอยังกระจุกตัวอยู่ทางตอนใต้ คือตอนใต้ของเกาะฮนชู เกาะคิวชู และ
ชิโกกุ อันเป็นส่วนที่อยู่ใต้เกาหลี (ส่วนเกาะฮนชูที่อยู่เหนือเกาหลี ยังไม่ถูก
พิชิตโดยชาววอ)
ึ
่
ิ
จากตาราซานไห่จงเราจงทราบทตงของวอว่าเป็นญปุ่น และยงทราบ
�
ี
่
ั
ี
ั
้
ด้วยว่า “วอเป็นของเยียน” น่าจะหมายความว่า ชาววอส่งบรรณาการมาให้
แคว้นเยียน คือเป็นเมืองจิ้มก้องของเยียน
ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น หรือฮั่นซู (漢書) กล่าวถึงแคว้นวอเอา
ไว้ว่า “เลยจากแคว้นเล่อล่างไปทางทะเลมีชาววอ แบ่งออกเป็นกว่าร้อยแว่น
ั
แคว้น” แคว้นเล่อล่าง หมายถึงแคว้นนังนัง เป็นเขตทหารของอาณาจักรฮ่น
ในคาบสมุทรเกาหลีใกล้กับอดีตแคว้นเยียน ปัจจุบันคือเกาหลีเหนือ
จากข้อความในซานไห่จิงและฮ่นชู อนุมานได้ว่าชาววอและชาวฮ่นอาจ
ั
ั
จะตดตอกนผานทางเกาหล แตจะเปนการขามทะเลมาขนทคาบสมทรเกาหล ี
้
ึ
ี
ุ
้
่
่
่
่
ิ
ี
ั
็
หรือมาถึงจีนโดยตรงนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด
นักประวัติศาสตร์ Endymion Wilkinson เสนอว่า คาว่า วอ
�
ั
ี
ี
ในเอกสารจีนฮ่นซูน่าจะหมายถึงชาวญ่ปุ่นในคิวชูหรือไม่ก็ชาวญ่ปุ่นใน
ึ
ี
ิ
ึ
ั
คาบสมุทรเกาหลี ซ่งข้อสันนิษฐานน้มีหลักฐานรองรับอยู่ช้นหน่ง น่นคือ
ตราประทับของราชาแคว้นนา
ตราประทับนี้พบเมื่อปี 1784 ที่เกาะชิกาโนะชิมะ ในจังหวัดฟุกุโอกะ
บนเกาะคิวชู ท�าจากทองค�า หัวจับท�าเป็นรูปงูขนดกาย ด้านล่างสลักอักษร
จีนไว้ว่า (漢委奴國王) หากออกเสียงตรงๆ ก็คือ “ฮั่น เหว่ย หนู กั๋ว
หวาง” แต่มันควรจะออกเสียงว่า “ฮั่น วอ นา กั๋ว หวาง”
จากเทพเจ้าถึงซามูไร
42
ั
ั
ี
ั
ฮ่น หมายถึงอาณาจักรฮ่นได้ประทานตราประทับน้ให้กับราชา (ก๋วหวาง)
ชาววอ แห่งแคว้นนา ทาไมไม่ออกเสียงว่า หนู (ท่แปลว่าทาส) แต่ออกเสียง
ี
�
“นา” Joshua A. Fogel อธิบายว่า นา หมายถึง “นาโนะอากาตะ” (儺県)
ปัจจุบันคือเขตนากะ ในฟุกุโอกะ
ี
ตราประทับน้สอดคล้องกับหลักฐานในบันทึกประวัติศาสตร์สามก๊ก
(三國志) บรรพแคว้นเว่ย (魏書三十) หรือวุ่ยก๊ก อนุบรรพว่าด้วย
คนเถื่อนแว่นแคว้นตะวันออก บทชาววอ เอ่ยถึงแคว้นนา (奴國) เอาไว้
ี
อย่างละเอียด ใจความว่า “ทางตะวันตกเฉียงใต้ร้อยล้คือแคว้นนา
ื
่
มีขนนางเรียกว่า ซอหม่ากู (ชิมาโกะ) ผู้ช่วยเรียกว่า เปยหนูหมหลี (ฮินุโมริ)
ุ
ู่
มีครัวเรือนถึง 20,000”
นอกจากน้ในบันทึกประวัติศาสตร์วุ่ยก๊ก ยังเอ่ยถึงแว่นแคว้นอื่นๆ ใน
ี
ญี่ปุ่นอีกหลายแห่ง พร้อมด้วยจ�านวนประชากร เช่น ฟุมิโกกุ (不彌國)
มีครัวเรือนกว่า 1,000 เทียบกันว่าเป็นเขตอุมิ ในฟุกุโอกะ เป็นต้น
แต่มี 2 แว่นแคว้นที่ต้องเอ่ยชื่อและมีความส�าคัญยิ่งกว่าแคว้นนาเสีย
อีก นั่นคือ เสียหม่าไถ (邪馬壹國) และก่งหนู (狗奴國)
เสียหม่าไถ ถอดเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ยามาไต” ส่วนก่งหนู ถอด
เป็นค�าว่า “คุมะโซ”
ยามาไตมีผู้หญิงปกครอง ส่วนคุมะโซมีผู้ชายเป็นใหญ่ ท้ง 2 แคว้นจะ
ั
มีบทบาทอย่างมากในยุคปลายยาโยอิ คาบเกี่ยวกับยุคสร้างญี่ปุ่นเป็นหนึ่ง
เดียวในยุคที่มีชื่อว่า “โคฟุง” ที่เราจะเอ่ยถึงต่อไปในไม่ช้า
็
่
่
บันทึกเรื่องแวนแคว้นชาววอในสามก๊ก เปนเครื่องยืนยันว่าญี่ปุนตอน
นั้นไม่ได้เป็นเอกภาพแต่มีแคว้นเป็นเอกเทศหลายแห่ง
แม้ว่างานด้านโบราณคดีและบันทึกของจีนจะบอกอะไรหลายอย่างกับ
ี
เรา แต่บันทึกของญ่ปุ่นปรากฏเพียงแค่พระนามและรายละเอียดทางเครือ
ั
ญาติ การย้ายหลักแหล่งเท่าน้น จึงไม่อาจเทียบกับหลักฐานโบราณคด ี
เพ่อยืนยันตัวตนของจักรพรรดิท่มีพระชนมชีพในยุคสมัยน้ได้ อย่างไรก็ตาม
ื
ี
ี
ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์แห่งอ�านาจ