The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Gypzy Publishing, 2023-01-19 23:09:22

การสังหารหมู่หนานจิง A History of the Nanjing Massacre

èĀÐùĀÜ×òéèúèśāÐòÿãāø
ëĈśČùöÖúāÓöāðòĈśČôÿïĈðăêŠÜÜāðāéòòâāÐāòèĀÐüŚāè


การสังหารหมู่หนานจิง
A HISTORY OF THE NANJING MASSACRE
จางเซี่ยนเหวิน จางเหลียนหง หวังเว่ยซิง: เรียบเรียง
ชาญ ธนประกอบ: แปล
ราคา 498 บาท

南京大屠杀史 or A History of the Nanjing Massacre
Copyright © 2015 by ZHANG Xianwen, ZHANG Lianhong, & WANG Weixing
Originally published by Nanjing University Press Co., Ltd.
Thai translation right © 2023 By Gypsy Group Co., Ltd.
ALL RIGHTS RESERVED.



© ข้อความและรูปภาพในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์

ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
จางเซี่ยนเหวิน.
การสังหารหมู่หนานจิง = A history of the Nanjing massacre.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2566.
424 หน้า.
1. จีน--ประวัติศาสตร์. I. จางเหลียนหง, ผู้แต่งร่วม. II. หวังเว่ยซิง, ผู้แต่งร่วม. III. ชาญ ธนประกอบ, ผู้แปล. IV. ชื่อเรื่อง.
951
ISBN 978-616-301-770-3
บรรณาธิการอำานวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศ : ศิริธาดา กองภา
ที่ปรึกษาภาษาญี่ปุ่น : บัณฑิต ประดิษฐานุวงษ์
บรรณาธิการเล่ม : กนกพร นุ่มทอง
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา วันวิสา เขตรดง
ณัฎฐิ์ภัทร์ ศิรพึ่งเงิน อันโตนิโอ โฉมชา
เลขากองบรรณาธิการ : กันยารัตน์ ทานะเวช
พิสูจน์อักษร : ยุพดี ตันติทวีโชค
รูปเล่ม : วรินทร์ เกตุรัตน์
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดพิมพ์และจัดจำาหน่ายโดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ปจำากัด เลขที่ 37/145 รามคำาแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร 0 2728 0939 ต่อ 108
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
Line ID: @gypzy

สนใจสั่งซื้อหนังสือจำานวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำานักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939


การสังหารหมู่หนานจิง


A History of tHe NANjiNg MAssAcre





จางเซ่ยนเหวิน จางเหลียนหง หวังเว่ยซิง เรียบเรียง
ชาญ ธนประกอบ แปล


สารบัญ



บทน�ำ .....................................................................................................19
บทที่ 1 สงครำมปกป้องหนำนจิง .............................................................67

ตอนที่ 1 การบุกโจมตีหนานจิงของกองทัพญี่ปุ่น..........................67
กับการรับมือของรัฐบาลจีนคณะชาติ
1. การรุกตะวันตกหลังกองทัพญี่ปุ่นยึดครองเซี่ยงไฮ้ .....67
2. กองทัพญี่ปุ่นโจมตีหนานจิงทางอากาศ ......................72

กับสงครามต่อต้านอากาศยานรักษาเมือง
3. มาตรการของรัฐบาลจีนคณะชาติ ..............................76
ในการปกป้องหนานจิง

ตอนที่ 2 การรบติดพันสมรภูมิรอบนอกและสมรภูมิใกล้เคียง ......81
1. การแย่งชิงสมรภูมิรอบนอก .....................................81
2. การปรับสมรภูมิของกองทัพปกป้อง ..........................87

กับการเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ของญี่ปุ่น
3. สงครามรอบเมือง ....................................................90
ตอนที่ 3 กองทัพญี่ปุ่นบุกยึดหนานจิง ....................................... 100

1. กองทัพญี่ปุ่นยึดหนานจิง ....................................... 100
2. พฤติกรรมโหดตามรายทาง .................................... 111
3. การจู่โจมเรือของอังกฤษและสหรัฐอเมริกา .............. 115



บทที่ 2 กำรสังหำรหมู่ของกองทัพญี่ปุ่นที่สะเทือนขวัญทั้งในจีน ............. 119
และต่ำงประเทศ
ตอนที่ 1 การ “จัดการ” กับเชลย กับ “การรบกวาดล้าง” ........... 119

1. การ “จัดการ” กับเชลยในสงครามตีเมือง ............... 119
2. ค�าสั่ง “กวาดล้าง” กับ “การรบกวาดล้าง” ............... 126
ตอนที่ 2 การสังหารหมู่ ............................................................ 132

1. การสังหารหมู่ริมแม่น�้าฉางเจียง .............................. 132


2. การค้นเขตปลอดภัยกับการสังหารหมู่ใน ................. 140
และนอกเมือง
ตอนที่ 3 การสังหารหมู่ประปราย .............................................. 160
1. การสังหารหมู่ประปรายในเขตเมือง ........................ 160

2. การสังหารหมู่ประปรายในเขตปลอดภัย.................. 166
3. การสังหารประปรายบริเวณชานเมือง ...................... 172



บทที่ 3 พฤติกรรมโหดขนำนใหญ่ของกองทัพญี่ปุ่น .............................. 177
ตอนที่ 1 การข่มขืนสตรีหนานจิงของทหารญี่ปุ่น ........................ 177
1. พฤติกรรมโหดการข่มขืนของทหารญี่ปุ่น ................. 177

2. พฤติกรรมโหดของกองทัพญี่ปุ่น ............................ 182
ในสายตาชาวตะวันตก
ตอนที่ 2 การกระท�าจิตวิปริตในพฤติกรรมโหดกองทัพญี่ปุ่น ...... 191

1. รุมข่มขืน .............................................................. 191
2. เกมโหดทางเพศกับการบังคับให้ผิดจริยธรรม ......... 196
3. ข่มขืนแล้วฆ่า ........................................................ 200
ตอนที่ 3 โรงปลอบขวัญกองทัพญี่ปุ่นกับ “ผู้หญิงปลอบขวัญ” .... 205

1. การจัดตั้งโรงปลอบขวัญในหนานจิง ....................... 205
2. รูปแบบของโรงผู้หญิงปลอบขวัญในหนานจิง .......... 208

3. การบริหารโรงปลอบขวัญหนานจิง .......................... 218
4. ความทุกข์ยากของ “ผู้หญิงปลอบขวัญ” .................. 223
ในโรงปลอบขวัญหนานจิง



บทที่ 4 กำรปล้นสะดมวำงเพลิงและกำรท�ำลำยของกองทัพญี่ปุ่น ........... 231
ตอนที่ 1 การปล้นสะดม ........................................................... 231
1. การปล้นสะดมทรัพย์สินราชการและส่วนตัว ............ 231

2. การปล้นทรัพย์สินต่างชาติ ..................................... 241
3. การปล้นชิงหนังสือและสิ่งพิมพ์ .............................. 251


ตอนที่ 2 วางเพลิง .................................................................... 258
1. การวางเพลิงขนานใหญ่ ......................................... 258
2. การวางเพลิงประปราย ........................................... 263
3. การวางเพลิงอย่างมีแบบแผน ................................. 266




บทท่ 5 กำรช่วยเหลือของคณะกรรมกำรนำนำชำติเขตปลอดภัยหนำนจิง ... 273
ตอนที่ 1 การจัดตั้งเขตปลอดภัยนานาชาติ ................................. 273

1. การริเริ่มตั้งเขตปลอดภัยโดยชาวตะวันตก .............. 273
2. ท่าทีของจีนกับญี่ปุ่นต่อเขตปลอดภัยหนานจิง ......... 280
3. การจัดตั้งเขตปลอดภัยนานาชาติหนานจิง ............... 285

ตอนที่ 2 การคุ้มครองและการสงเคราะห์ผู้อพยพ ...................... 289
ของคณะกรรมการนานาชาติเขตปลอดภัย
1. โครงสร้างเขตปลอดภัยและหน่วยงานก�ากับดูแล ..... 289

2. จุดที่ตั้งของค่ายผู้อพยพกับการรับผู้อพยพ ............. 294
3. การสงเคราะห์ผู้อพยพ ........................................... 298
4. การคุ้มครองและการช่วยเหลือผู้อพยพ ................... 303
ตอนที่ 3 การสลายตัวของเขตปลอดภัย .................................... 309

1. ความเคียดแค้นและการกีดกันของกองทัพญี่ปุ่น ..... 309
ต่อคณะกรรมการนานาชาติ

2. การสลายตัวของคณะกรรมการนานาชาติ ................ 319
กับการปิดเขตผู้อพยพ


บทที่ 6 ปฏิกิริยำของสังคมนำนำประเทศต่อพฤติกรรมโหด ................... 329

ของกองทัพญี่ปุ่น
ตอนที่ 1 ปฏิกิริยาของสหรัฐอเมริกาต่อการสังหารหมู่หนานจิง .... 329
1. ปฏิกิริยาสื่อมวลชน ............................................... 329

2. ปฏิกิริยาของทางการ .............................................. 332

ตอนท่ 2 ปฏิกิริยาฝ่ายประเทศเยอรมนีต่อการสังหารหมู่หนานจิง ... 339


1. ปฏิกิริยาของบุคคลในรัฐบาล ................................. 339
2. การเปลี่ยนแปลงท่าทีของรัฐบาล ............................. 344
ตอนที่ 3 ปฏิกิริยาฝ่ายอังกฤษ .................................................. 348
1. การรายงานของสื่อมวลชน ..................................... 348

2. ปฏิกิริยาของรัฐบาล ............................................... 355


บทที่ 7 กำรพิพำกษำหลังสงครำม .......................................................... 359

ตอนที่ 1 การพิพากษาหนานจิง ................................................. 359
1. แนวทางและกระบวนการพิจารณาพิพากษา ............. 359
อาชญากรสงครามญี่ปุ่นของรัฐบาลจีนคณะชาติ

2. การต้งข้อหาอาชญากรสงครามการสังหารหมู่หนานจิง ..364

3. การพิจารณาความและการพิพากษาของศาล ........... 369
ตอนที่ 2 การพิพากษาโตเกียว .................................................. 384

1. การจัดตั้งศาลทหารระหว่างประเทศตะวันออกไกล .. 384
2. การส�ารวจเก็บหลักฐานของฝ่ายอัยการ ................... 389
3. การพิจารณาของศาลในคดีการสังหารหมู่หนานจิง ... 400
4. โทษทัณฑ์ของอิวาเนะ มัตสึอิ ................................. 404

5. การพิพากษาของศาล ............................................. 415


ค�าน�าส�านักพิมพ์

















เหตกำรณ์สงหำรหม่หนำนจงทเกดข้นในช่วงสงครำมโลกครงท 2 เป็น








เหตุการณ์สะเทือนใจคนท้งโลก สร้างบาดแผลและความขมข่นให้ชาวจีนท้ง
แผ่นดินมาจนถึงทุกวันนี้ วันที่ 13 ธันวาคม ของทุกปี ทั่วเมืองหนานจิงจะมี

การเปิดสัญญาณเตือนภัยเป็นเคร่องราลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ส่อมวลชนจีน


ู้



จะมีการนาเสนอสารคดีท่เก่ยวข้องให้คนรุ่นใหม่ได้รับร มีการสัมภาษณ์ผู้อย ู่

ในเหตุการณ์ซ่งยังมีชีวิตอยู่ ในขณะเดียวกันชาวจีนก็มีท่าทีต่อต้านกับการท ่ ี
ญี่ปุ่นโต้แย้งเรื่องจ�านวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ อีกทั้งจงใจไม่กล่าวถึงเรื่องนี้
ในหนังสือแบบเรียนประวัติศาสตร์

เร่องราวเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิงได้มีการบอกเล่าถ่ายทอดผ่าน
หนังสือหลายต่อหลายเล่ม เล่มท่ไม่อาจไม่กล่าวถึงได้แก่ The Rape of


Nanking (หล่งเลือดท่นานกิง) ของ Iris Chang ซ่งได้ถ่ายทอดความ


โหดร้ายของเหตุการณ์ไว้อย่างเศร้าโศกหดห กระท่งผู้เขียนเองก็มีสภาพจิตใจ

ู่
ทรุดโทรมลงในช่วงที่เขียนหนังสือดังกล่าว
สาหรับหนังสือ A History of the Nanjing Massacre หรือ

การสังหารหมู่หนานจิง ที่อยู่ในมือท่านผู้อ่านนี้ ถ่ายทอดเหตุการณ์ในวิธีการ






ทต่างออกไป จางเซยนเหวนใช้มมมองของนกประวตศาสตร์ ถ่ายทอด




เหตุการณ์ท่เกิดข้นอย่างละเอียดอย่างนักวิชาการ มีการใช้เอกสารอ้างอิง


จานวนมาก แสดงหลักฐานท่เก่ยวข้องท้งในและนอกประเทศ ให้มุมมอง



รอบด้านตงแต่จุดกาเนิดของสงคราม เหตการณ์สังหารหมู่ พฤติกรรมโหด





และการบริหารจัดการด้านต่างๆ ของทัพญ่ปุ่น บทบาทของคณะกรรมการ

นานาชาติในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้อพยพ ปฏิกิริยาของนานาชาต

ต่อเหตุการณ์ท่เกิดข้นและการพิพากษาอาชญากรสงครามหลังส้นสุดสงคราม






ถือได้ว่าเป็นหนังสือท่รวบรวมเรียบเรียงเหตุการณ์ท่เกิดข้นอย่างรอบด้าน


หลายมิต เป็นหนังสือท่ค่อนข้าง “หนัก” มีความเป็นวิชาการสูง สามารถใช้
อ้างอิงได้


เป็นโชคดีของสานักพิมพ์ยิปซีท่ได้นักแปลรางวัลสุรินทราชาอย่าง
คุณชาญ ธนประกอบ มาเป็นผู้ถ่ายทอดหนังสือเล่มน้สู่สายตาผู้อ่านภาษาไทย


จะเห็นได้ว่า ผู้แปลได้ค้นคว้าเพ่มเติมอีกมาก นอกจากเชิงอรรถเดิมใน
ต้นฉบับแล้ว ผู้แปลยังได้ให้หมายเหตุผู้แปลไว้ตลอดเล่ม เพราะข้อมูลหรือ

เหตุการณ์บางอย่างท่เอ่ยถึงเป็นความรู้เฉพาะด้าน ไม่ใช่ส่งท่ผู้อ่านชาวไทยรู้





กันโดยท่วไป ความละเอียดรอบคอบและคานึงถึงผู้อ่านดังท่กล่าวมาทาให้

หนังสือที่ค่อนข้าง “หนัก” เล่มนี้อ่านง่ายลงมาก หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ข้อมูล
และมุมมองใหม่จากหนังสือเล่มนี้
รศ.ดร.กนกพร นุ่มทอง


ค�าน�าผู้แปล











สงครำมรุกรำนประเทศจีนโดยกองทัพญ่ปุ่นระหว่ำงปี ค.ศ. 1931-1938
สร้างความเสียหายยับเยินแก่ประเทศจีนสุดจะพรรณนา และในปี ค.ศ.


1937 เกิดคดีสุดหฤโหดท่เรียกว่า “การสังหารหมู่หนานจิง” มีทหารท่วาง
อาวุธแล้ว ชาวเมืองผู้ไร้ความผิด ถูกสังหารหมู่ด้วยวิธีการต่างๆ นานา สุด



อเนจอนาถราวสองแสนคน เด็ก คนชรา และสตรีที่ถูกขมขืนแลวฆาทิ้งหลาย

หม่นคน สตรีท่ถูกบังคับจับไปเป็น “ผู้หญิงปลอบขวัญ” หรือทาสกามของกอง















ทพญป่นกว่าสองหมนคน นบเป็นความโหดเหยมทารณทสะเทอนขวญคน
ท้งโลก แต่รายละเอียดและข้อมูลความเป็นจริงกลับกระจัดกระจายปรากฏ

ต่อโลกไม่มากนัก

วงการวิชาการจีนได้เร่มสืบค้นรายละเอียดคดีการสังหารหมู่หนานจิง
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 และด้วยสาเหตุต่างๆ นานาจึงคืบหน้าค่อนข้างช้า จน
กระทั่งในปี ค.ศ. 2000 ศาสตราจารย์จางเซี่ยนเหวิน ผู้อ�านวยการศูนย์การ
ศึกษาประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยหนานจิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วม

มือกับสถาบันอุดมศึกษาช้นนาของจีนและต่างประเทศ ใช้อาจารย์และนักวิจัย

กว่า 100 คน เดินทางไปสืบหาข้อมูลในหลายประเทศและร่วมกันแปล
ข้อมูลจากภาษาต่างๆ กว่า 50 ล้านตัวอักษร ใช้เวลาร่วมสิบปีจึงรวมเล่ม
ตีแผ่เหตุการณ์ต่างๆ ต้งแต่ต้นจนถึงการพิพากษาโตเกียว โดยศาลระหว่าง

ประเทศ การสังหารหมู่หนานจิง เล่มนี้จึงเป็นข้อมูลประวัติศาสตร์คดีนี้ที่ครบ
ถ้วนที่สุด


ความโหดร้ายของสงครามและพฤตกรรมหฤโหดผดมนษย์มนาท ่ ี

ปรากฏในหนังสือเล่มน้ คือตราบาปของมนุษย์ท่ยากจะลบเลือน แม้จะมีผู้




คิดว่าอดีตก็ผ่านไปแล้ว ซ่งคงเป็นคาพูดท่ง่ายสาหรับผู้อยู่นอกเหตุการณ์





แต่สาหรับประเทศและประชาชนผู้ประสบเหตุเองคงจดจาไปอีกนานแสนนาน


การแปลหนังสือเล่มน้ ส่วนท่ยากคือการสืบค้นช่อต่างๆ ได้ไม่ง่าย

นัก ซึ่งในบางจุดค้นหาไม่พบจริงๆ จึงจ�าต้องใช้วิธีถอดเสียงจากภาษาจีนซึ่ง




อาจมีความคลาดเคล่อน ส่วนช่อภาษาญ่ปุ่นได้รับความเอ้อเฟื้อจากคุณบัณฑิต

ประดิษฐานุวงษ์ ผู้เช่ยวชาญภาษาญ่ปุ่นรางวัลสุรินทราชา ช่วยแนะนาจึง



ขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสน้ด้วย และขอขอบพระคุณ รศ.ดร.กนกพร
นุ่มทอง ที่ช่วยขัดเกลาส�านวนและแก้ไขการแปลให้ถูกต้อง ขอขอบพระคุณ



สานักพิมพ์ยิปซีท่ให้ความไว้วางใจในการแปลหนังสือเล่มน้ และขอบคุณ
ครอบครัวท่สนับสนุนการทางานด้วยดีเสมอมา หากหนังสือเล่มน้มีส่งใดท ี ่




ขาดตกบกพร่อง ผู้แปลขอน้อมรับไว้แต่ผู้เดียว และหวังว่าท่านผู้รู้จะช่วยให้
ค�าชี้แนะด้วย เพื่อจะได้แก้ไขในโอกาสถัดไป
ชำญ ธนประกอบ


ค�านิยม











จ�ำเดิมนับแต่อดีต ญ่ปุ่นเป็นชำติท่เคยให้ควำมเคำรพนับถือจีนในฐำนะ






อ่อารยธรรมและวัฒนธรรมอนรุ่งโรจน์ และด้วยความเคารพนับถอเช่นน้น
ญ่ปุ่นจึงรับเอาความรุ่งโรจน์ของจีนมาใช้กับตน จีนใช้ลัทธิขงจ๊อเป็นหลักใน


ทางการเมืองการปกครองอย่างไร ญ่ปุ่นก็ใช้อย่างน้น จีนมีวรรณกรรมช้นเอก



เร่องใด ญ่ปุ่นก็นามาแปลเป็นภาษาของตนอย่างน้น และไม่แปลกท่ญ่ปุ่น






จะส่งกุลบุตรของตนไปศึกษาท่จีน ไม่ต่างกับท่เรามักส่งนักเรียนไปเรียน




เมืองนอกในปัจจุบัน กล่าวอีกนัยหน่ง จีนก็คือ “เมืองนอก” ของญ่ปุ่นใน
เวลานั้น



ถ้าเช่นน้นแล้วอะไรเล่าท่ทาให้ญ่ปุ่นกระทาต่อจีนในปี 1937 อย่าง



โหดเห้ยมผิดมนุษย์มนา จนดูเหมือนกับว่าไม่เคยมีความเคารพนับถือกัน
มาก่อน



คาตอบน้คงต้องย้อนกลับไปถึงยุคท่จีนตกตาในกลางศตวรรษท ่ ี 19




หลังจากท่จีนพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นให้แก่อังกฤษในปี 1842 จนเป็นท่มาของ

สนธิสัญญาหนานจิงท่อังกฤษเรียกเอาประโยชน์จากจีนแต่เพียงฝ่ายเดียว

และเป็นสนธิสัญญาท่สร้างความอัปยศให้แก่จีน จากน้นมาจีนก็เพล่ยงพลา





พลาดท่า หรือแม้กระท่งผิดพลาด จนตกเป็นเบ้ยล่างให้แก่ชาติตะวันตก


อีกหลายครั้ง แต่ละครั้งท�าให้จีนต้องท�าสนธิสัญญาที่เสียเปรียบทุกครั้งไป

ถึงตอนน้นญ่ปุ่นก็เห็นจีนเป็นบทเรียน ว่าหากยังคงด้อร้นไม่ยอมรับ



การเปลี่ยนแปลงดุจเดียวกับจีนแล้ว ตนก็คงตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกับจีน


เหตุดังน้น ญ่ปุ่นจึงหันไปปฏิรูปคร้งใหญ่เม่อกว่าร้อยปีก่อน การ





ปฏิรูปในคร้งน้นจะว่าไปแล้วก็คือการเลียนแบบตะวันตก แล้วญ่ปุ่นก็ทาได้


























สาเรจแลวตงตนเปนจกรวรรดิขนมา ตอนนเองทญปนเรมดหมนถนแคลนจน


และคิดท่จะมาแทนท่จีนท่เคยเป็นจักรวรรดิอันรุ่งโรจน์ ญ่ปุ่นเร่ม “หาเร่อง”







จีนด้วยการคุกคามเกาหลีซ่งเป็นรัฐในอารักขาของจีนในปี 1894 จนนาไปสู่






การทาศึกกับจีน จีนซ่งอ่อนแอมาก่อนหน้าน้อยู่แล้วจึงพ่ายแพ้ให้แก่ญ่ปุ่น




จากน้นก็ทาสนธิสัญญากับญ่ปุ่นในปี 1895 ท่จีนเป็นฝ่ายถูกเรียกประโยชน์
ฝ่ายเดียวดังที่ตะวันตกท�ากับจีนก่อนหน้านี้


หลังจากน้นสืบมา ญ่ปุ่นยังคง “หาเร่อง” จีนอยู่เป็นระยะๆ แต่ละ


เร่องล้วนมีรายละเอียดของเหตุการณ์ บุคคลท่เก่ยวข้อง ความรู้สึกนึกคิดของ





ชาวจีน ญ่ปุ่น และชาติตะวันตกบางชาติท่เข้ามามีส่วนร่วมในบางกรณ





การ “หาเร่อง” ของญ่ปุ่นในแต่ละเร่องมักจบลงตรงท่ญ่ปุ่นสามารถแย่งชิง
ผลประโยชน์จากจีนอยู่ร�่าไป ตราบจนป 1932 การ “หาเรื่อง” จีนของญี่ปุ่น

ก็ทาให้ญ่ปุ่นสามารถยึดครองแมนจูเรียของจีนเอาไว้ได้ เพียงแต่แสร้งสถาปนา





ให้ดินแดนน้เป็นรัฐเอกราชท่มีนามว่า ประเทศแมนจ (ในภาษาจีนกลางคือ


หมานโจวกวอ, 满州国, Manchukuo) โดยอปโลกน์จกรพรรดองค์สุดท้าย




ของราชวงศ์ชิง (1644-1911) คือ ปูย (1906-1967) ให้เป็นจักรพรรด

หุ่นเชิดของตน

การแสร้ง “หาเร่อง” จีนของญ่ปุ่นทาไปเพ่อให้ตนดูดีมีอารยะ ถึงแม้




ผู้คนจะดูออกว่าน่นคือการ “หาเร่อง” อีกแบบหน่งก็ตามท โดยหลังยึดครอง





แมนจูเรียได้แล้วญ่ปุ่นก็ยังคงพยายามท่จะหาประโยชน์จากจีนต่อไป ช่วอยู่

แต่ว่าจะ “หาเร่อง” ด้วยเร่องอะไรเพ่อเอามาเป็นเหตุในการแล่เน้อเถือหนังจีน




ต่อไปเท่านั้น

แน่นอนว่าการคุกคามจีนดังกล่าวของญ่ปุ่นได้ปลุกกระแสชาตินิยม
ให้แก่ชาวจีนอย่างได้ผล และภายใต้แรงกดดันท่ประเดประดังกันเข้ามาเพ่อ


ให้รัฐบาลสาธารณรัฐต่อสู้กับญ่ปุ่น ก็ทาให้รัฐบาลสาธารณรัฐยอมร่วมมือกับ


พรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อสู้กับญี่ปุ่นผู้รุกรานในปี 1936 ในที่สุด
จากจุดน้เองท่ทาให้ญ่ปุ่นตระหนักว่า การปล่อยปละละเลยของ






รัฐบาลสาธารณรัฐท่ไม่ใส่ใจการยึดครองแมนจูเรียของตนเท่าท่ควรน้น บัดน ้ ี


เวลาของความสุขใจได้จบลงแล้ว และถึงเวลาท่ตนจะต้องเลิกเหนียมอายใน



อันท่จะทาสงครามกับจีน แทนท่จะ “หาเร่อง” ด้วยการอ้างเหตุร้อยแปดพันเก้า





เพ่อให้การแล่เน้อเถือหนังจีนของตนดูดีมีอารยะดังท่ผ่านมา ด้วยเหตุดังน้น


เมื่อจีนพร้อมที่จะหันมาต่อสู้กับตนอยางจริงจังแล้ว ญี่ปุ่นจึงไม่ลังเลที่จะเปน
ฝ่ายเปิดศึกกับจีนในปีถัดมา น่นก็คือ สงครามจีน-ญ่ปุ่นปี 1937 อันเป็น


ที่มาของเหตุการณ์สังหารหมู่ที่หนานจิง

จากท่กล่าวมาน้จะเห็นได้ว่าก่อนปี 1937 น้น ความสัมพันธ์จีน-ญ่ปุ่น





ู่
มิได้เป็นไปด้วยดีเลย และเป็นความสัมพันธ์ท่มีปมบางอย่างแฝงอย น่นคือ หาก
ความสัมพันธ์ของจีนกับตะวันตกจะเลวร้ายอย่างไร เราก็ยังเข้าใจได้ว่า ความ
เลวร้ายนั้นส่วนหนึ่งก็ตั้งอยู่บนวัฒนธรรมที่แตกต่างกันคนละขั้ว และหากความ




แตกต่างน้จะนามาซ่งความเกลียดชังกันก็ยังเป็นท่เข้าใจได้ว่า เหตุใดจึงเกลียด

ชังกัน แต่กับญ่ปุ่นแล้วกลับไม่ใช่เช่นน้น เพราะดังได้กล่าวไปแล้วว่าญ่ปุ่นเคย


เคารพนับถือจีนมาก่อน และเคยรับเอาอารยธรรมและวัฒนธรรมจีนไปใช้กับตน




ด้วยความช่นชม คร้นพอจีนอ่อนแอลงและญ่ปุ่นสร้างเน้อสร้างตัวจนเป็น
จักรวรรดิได้สาเร็จ แล้วเหตุใดญ่ปุ่นจึงแสดงต่อจีนในปี 1937 ด้วยความ


โหดร้ายป่าเถื่อนจนไม่เหลือร่องรอยที่เคยชื่นชมจีนแม้แต่น้อย


ญ่ปุ่นบุกโจมตีหนานจิงในเดือนธันวาคม 1937 เม่อเข้ามาแล้วญ่ปุ่นก ็






กระทาการหลายอย่างหลายประการ ทล้วนรวมศนย์อยู่ทคาว่าโหดร้ายป่าเถอน





ญ่ปุ่นเผาทาลายอาคารบ้านเรือนในหนานจิงอย่างมีการวางแผน จับเอาภิกษุให้


มาสวด “อมิตาภพุทธ” แล้วยิงท้ง จับเอาหญิงจีนมาบาเรอกามหรือท่เรียกกัน


ว่า “ผู้หญิงปลอบขวัญ” (Comfort Women) ฆ่าทหารจีนหลายพันนายทั้งที ่
ยอมแพ้แล้ว ข่มขืนแล้วฆ่าหญิงจีนโดยไม่เลือกวัย ปล้นเอาทรัพย์สินเงินทอง


และส่งมีค่าของชาวจีน แข่งกันตัดหัวชาวจีนว่าใครตัดได้มากกว่ากัน กระทาการ


อนาจารต่อศพของชาวจีนท่ตนฆ่าไป ปล้นหรือทาลายเอกสารท่ทรงคุณค่าทาง


ประวัติศาสตร์และทางวิชาการ ฆ่าเด็กทารก บุกเข้าทาลายองค์กรเพ่อมนุษยธรรม

ของชาวต่างชาติและท�าร้ายชาวต่างชาติ ตลอดจนใช้อาวุธเคมีกับชาวจีน ฯลฯ








การกระทาของญปนดงกลาวแสดงใหเหนถงการทาลายลางอยางถงทสด









คือ การปล้นเรียบ เผาเรียบ ฆ่าเรียบ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า สามเรียบ





ความโหดร้ายป่าเถ่อนผิดมนุษย์มนาท่ญ่ปุ่นกระทาต่อจีนท่หนานจิง

ข้างต้น ถือเป็นภาพท่สามารถเห็นได้ และทาให้บุคคลหลายคนท้งชาวจีนและชาว




ต่างชาติได้บันทึกเอาไว้ กลายเป็นหลักฐานความทรงจาอันเลวร้ายท่ชาวจีนไม่
อยากจ�า แต่ก็ลืมไม่ได้

จางเซ่ยนเหวินเป็นศาสตราจารย์ทางประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย


หนานจิง เป็นหน่งในชาวจีนรุ่นปัจจุบันท่แม้เกิดไม่ทันเหตุการณ์การสังหารหมู่




หนานจิง แต่ก็ได้ใช้ประโยชน์จากบันทึกเหล่าน้น และเพ่อเป็นการตราไว้ให้

ปรากฏ ท่านจึงมีผลงานเก่ยวกับการสังหารหมู่หนานจิงในรูปแบบต่างๆ อยู่

ไม่น้อย และหนังสือ การสังหารหมู่หนานจิง เล่มน้ก็เป็นหนงในผลงานเหล่านน





การสังหารหมู่หนานจิง เป็นหนังสือท่เต็มไปด้วยรายละเอียดของ
เหตุการณ์พร้อมแหล่งอ้างอิง จนไม่ว่าใครหากได้อ่านแล้วก็คงต้องเบือนหน้า





หน เม่อนึกเห็นภาพท่หนังสือได้บรรยายเอาไว้ว่าญ่ปุ่นกระทาการโหดร้าย


ป่าเถ่อนต่อชาวจีนท่หนานจิงอย่างไรบ้าง ภาพท่นึกเห็นบางภาพอาจถึงกับทาให้


ผู้อ่านต้องหลับตาราวกับได้เห็นภาพจริง แต่ไม่อยากเห็น








ุ่




การนกเห็นภาพทว่าน้ทาให้ตวอย่างท่ยกมาข้างต้น ทว่าญปนทาอะไร



กับจีนท่เมืองหนานจิงบ้างน้นไม่ต่างกับกระพ ในขณะเดียวกันก็อาจโน้มนาให้







ผู้อ่านต้งคาถามว่า การท่ญ่ปุ่นกระทาเช่นน้นได้แสดงว่าญ่ปุ่นต้องมีความ




จงเกลียดจงชังจีนอย่างมาก ถ้าเช่นน้นแล้วญ่ปุ่นจงเกลียดจงชังอะไรหนักหนา

จนสามารถกระทาต่อจีนได้อย่างอ�ามหิตเช่นน้น โดยหลังจากกระทาต่อจีนไป



แล้ว ญ่ปุ่นก็ไม่ได้ท้งร่องรอยทางวัฒนธรรมท่ตนรับเอามาจากจีนแต่อย่างไร








ญ่ปุ่นยังคงรักษาร่องรอยท่ว่าแม้ในทุกวันน และเพราะเหตุน้เองท่ทาให้มอง


เป็นอ่นไปไม่ได้ นอกจากญ่ปุ่นมีปมเข่องจากความสาเร็จเม่อกว่าร้อยปีก่อน




และความส�าเร็จนี้ก็สืบทอดต่อยอดมาจนถึงปัจจุบัน



ด้วยปมดังกล่าวทาให้ญ่ปุ่นไม่ยอมรับความจริงท่ตนก่อไว้ ผิดกับ


ชาวเยอรมันททุกวนน้สานกผิดในสงท่ตนได้ก่อเอาไว้ในนามของนาซ รฐบาล









เยอรมันได้นาแผ่นโลหะจารึกช่อชาวยิวไปผนึกไว้ท่หน้าบ้าน ท่คร้งหน่งชาวยิว






คนน้นเคยเป็นเจ้าของ แต่ถูกนาซีขับไล่ออกไปก่อนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จะเกิด



ตามมา เพ่อเป็นการระลึกถึงชาวยิวผู้น้น หรือกุศโลบายของครูในการสอน
เด็กนักเรียนให้เห็นความโหดร้ายของนาซ เช่น หากนักเรียนจะต้องถูกพราก


จากบ้านอย่างกะทันหันแล้ว นักเรียนจะเลือกส่งใดท่ตนรักและหวงท่สุดจาก




กระเป๋านักเรียนของตน (ซ่งกว่าท่นักเรียนแต่ละคนจะเลือกหยิบออกมาก็ใช้
เวลาตัดสินใจอยู่พักใหญ่) เพื่อเปรียบกับตอนที่ชาวยิวต้องถูกพรากจากบ้าน



ของตนอย่างกะทันหัน และต้องหยิบเอาส่งท่ตนเห็นว่ามีค่าท่สุดถือไปโดย
ไม่ทันได้ต้งตัว กุศโลบายการสอนเช่นน้ทาให้นักเรียนรู้สึกได้ถึงใจเขาใจเรา



เพื่อที่ในวันข้างหน้าตนจะไม่ท�าเช่นนั้นกับใครอีก เป็นต้น




การท่ญ่ปุ่นไม่ยอมรับความจริงน้ทาให้ญ่ปุ่นหลีกเล่ยงจะกล่าวถึง





เหตุการณ์คร้งน้น หรือกล่าวถึงอย่างบิดเบือน ปมเช่นน้ทาให้ชาวญ่ปุ่นจานวน










มากไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ดังกล่าว เร่องน้ทาให้คิดถึงเร่องท่เพ่อนรุ่นน้องคน

หนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อครั้งที่เขาเรียนอยู่ที่ปักกิ่งนั้น พอถึงช่วงปิดภาคเรียน
ส้นๆ เขากับเพ่อนนักเรียนต่างชาติก็นัดกันไปเท่ยวหนานจิง และสถานท่หน่ง ึ







ท่ไปกันก็คือ อนุสรณ์สถานเหย่อการสังหารหมู่โดยญ่ปุ่นผู้รุกราน (The
Memorial Hall of the Victims in Nanjing Massacre by Japanese

Invaders) ในขณะท่ดูอยู่น้นก็ปรากฏว่าเพ่อนนักเรียนญ่ปุ่นคนหน่งท่ไป







ด้วยกันร้องไห้ออกมา เธอบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าญ่ปุ่นเคยทาการอามหิต

เช่นนี้ เพราะโรงเรียนที่เธอเรียนไม่เคยกล่าวถึงเหตุการณ์นี้เลย
ปมท่ว่าทาให้ญ่ปุ่นไม่เคยกล่าวคาขอโทษต่อเหตุการณ์ท่เกิดขึ้นอย่าง







จริงใจ เม่อไม่ขอโทษก็แสดงว่าญ่ปุ่นไม่รู้สึกว่าตนผิด เมื่อไม่รู้สึกว่าตนผิดก ็






หมายความว่าญ่ปุ่นอาจกระทาซาเดิมเม่อไรก็ได้ น่ต่างหากท่ทาให้ปมน้ของ












ญปนไมถกคลคลาย ทงทชาวญปนจานวนมากพรอมทจะเปดใจรบ และกเปน















ไปได้สงมากทหนงสอ การสงหารหม่หนานจง เล่มนชาวญป่นคงไม่มโอกาส















ได้อ่าน ซ่งก็คงจะสมใจฝ่ายขวาญ่ปุ่นท่พยายามลบเหตุการณ์ดังกล่าวออกไป


ตลอดมา ให้ดูเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดข้นมาก่อนหรือไม่มีอยู่จริง ถึงแม้

โดยข้อเท็จจริงจะท�าไม่ได้ก็ตาม


ในทางตรงกนขาม การทหนังสอ การสงหารหมูหนานจง ปรากฏใน









บรรณพิภพไทยย่อมถือเป็นเร่องท่ด อย่างน้อยก็ทาให้สังคมไทยได้รู้จักญ่ปุ่น







ในอกแง่มมหนง เพอทจะได้สานกในอนทจะมให้เหตการณ์เช่นนนเกดกบ






















มนุษย์ร่วมโลกข้นมาอก ถงแม้จะเป็นเร่องท่ยากย่งเม่อดจากความจรงทโลก







เราก�าลังเผชิญอยู่ในทุกวันน ท่มีแต่ความโหดร้ายไม่ต่างกับเหตุการณ์คร้งน้น

ก็ตาม
วรศักดิ์ มหัทธโนบล
อดีตรองศำสตรำจำรย์ประจ�ำคณะรัฐศำสตร์
จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย
มีนบุรี ฤดูฝน สิงหำคม 2022


การสังหารหมู่หนานจิง


A History of tHe NANjiNg MAssAcre


บทน�า











1. กำรสังหำรหม่หนำนจงเป็นกำรกระทำทป่ำเถอนทสุดของกองทัพ






ญี่ปุ่น




หลังสงครามเจ่ยอู่หรือสงครามระหว่างจีน-ญ่ปุ่น คร้งท่ 1 (สงคราม

ระหว่างจักรวรรดิชิงกับจักรวรรดิญ่ปุ่นเพ่อครอบครองคาบสมุทรเกาหล



(วันที่ 1 สิงหาคม 1894-วันที่ 17 เมษายน 1895-ผู้แปล) ลัทธิ

จักรวรรดินิยมญ่ปุ่นพยายามวางแผนร้ายใหม่ในการรุกรานจีนตลอดเวลา เม่อ


ปี 1927 กิอิจิ ทานากะ (Giichi Tanaka) นายกรัฐมนตรีญ่ปุ่นได้เรียก


“ประชุมบูรพา” อันโด่งดังท่กรุงโตเกียว ท่ประชุมได้กาหนดนโยบายใหม่ใน

การยึดครองประเทศจีน รุกรานเอเชียและยึดครองโลก เป็นยุทธศาสตร์การ
ขยายสู่ภายนอกของญ่ปุ่น หลังจากน้นกองกาลังคันโตของญ่ปุ่น (หรือกองทัพ






กวันตงในภาษาจีน เป็นกองกาลังท่ใหญ่ท่สุดของจักรวรรดิญ่ปุ่นช่วงต้น


คริสต์ศตวรรษท่ 20-ผู้แปล) ได้พยายามก่อเหตุไม่หยุดหย่อนในเขตตะวัน-

ออกเฉียงเหนือของจีนเพ่อจะจุดไฟสงคราม คาวันท่ 18 กันยายน 1931






ทหารญ่ปุ่นระเบิดรางรถไฟช่วงหน่งของสายหนานหม่าน (หนานจิง-แมนจูเรีย)



ใกล้ทะเลสาบหล่วเถียว ซ่งอยู่ชานเมืองตอนเหนือของเมืองเส่นหยาง โดย





ใส่ความว่าเป็นฝีมอของกองทพจน และใช้เรองนเป็นข้ออ้างในการยกพลเข้า


บุกค่ายทหารจีนประจ�าตอนเหนือของเสิ่นหยาง เป็นการเปิดฉากสงครามบุก
ประเทศจีนครั้งใหม่

หลังอุบัติการณ์มุกเดน (หรือเรียกว่าอุบัติการณ์ 918 เกิดข้นเม่อ

วันที่ 18 กันยายน 1931ใกล้เมืองมุกเดนหรือเสิ่นหยางในปัจจุบัน ทางตอน
ใต้ของแมนจูเรีย ส่วนหน่งของรางรถไฟซ่งกองทัพญ่ปุ่นยังคงยึดครองอยู่ใน





ขณะน้นเกิดระเบิดข้น กองทัพญ่ปุ่นได้ใช้ข้ออ้างดังกล่าวในการรุกราน


แมนจูเรีย และนาไปสู่การก่อต้งหม่านโจวก๋วหรือประเทศแมนจูในปีถัดมา-


การสังหารหมู่หนานจิง




ผู้แปล) ราวคร่งปี ญ่ปุ่นครอบครองดินแดนตงเป่ยหรือภาคตะวันออก




ุ่





เฉียงเหนือของจีนทงหมดไดอย่างรวดเรว และแลวจึงรวมศูนยพงกาลงรุกราน
เขตหัวเป่ยหรือตอนเหนือของจีน คืนวันที่ 7 กรกฎาคม 1937 กองทัพญี่ปุ่น
ประจาเขตเฟิงไถ เมืองเป่ยผิงได้จัดให้มีการฝึกซ้อมในบริเวณตอนเหนือของ

อ�าเภอหวั่นผิง จากนั้นก็อ้างว่าทหารญี่ปุ่นสูญหายไปหนึ่งนาย แล้วเข้าโจมตี
เมืองหวั่นผิงด้วยปืนใหญ่ และสร้างอุบัติการณ์สะพานมาร์โคโปโลที่สะเทือน





ท้งจีนและนานาชาต สงครามประชาชนจีนต่อต้านญ่ปุ่นซ่งเดิมเกิดข้นเป็นบาง
แห่งจึงระเบิดเป็นสงครามระดับชาติ
หลังกองทัพญ่ปุ่นยึดครองเขตผิงจิน (เป่ยผิงกับเทียนจิน เป่ยผิง

เป็นชื่อของปักกิ่งในขณะนั้น-ผู้แปล) ก็ได้กระท�าสองสิ่งพร้อมกัน คือ บุกลง


ทางใต้โดยเลียบทางรถไฟจินผู่กับผิงฮ่นเพ่อขยายเขตการรุกราน พร้อมกัน


น้นก็เร่งความพินาศของประเทศจีนด้วยการย่วยุท้าทายท่เซ่ยงไฮ้ตลอดเวลา


ในเดือนสิงหาคมปี 1937 เพ่อหาข้ออ้างการขยายสงคราม โดยวันท่ 13



กองทัพญี่ปุ่นเริ่มเข้าโจมตีย่านเจี่ยเป่ยของเซี่ยงไฮ้ สงครามซงฮู่หรือยุทธการ



ท่เซ่ยงไฮ้จึงระเบิดข้น ยุทธการคร้งน้เป็นยุทธการคร้งใหญ่ท่สุดในเขตเลียบ






ชายฝั่งตะวันออกของจีนนับแต่ญ่ปุ่นเปิดฉากทาสงครามรุกรานจีนเป็นต้นมา


โดยญ่ปุ่นได้จัดต้งและส่งกองทัพบุกเซ่ยงไฮ้และหัวจง (ภาคกลาง) และ


แต่งต้งนายพลอิวาเนะ มัตสึอิ เป็นผู้บัญชาการกองทัพหัวจง บัญชาการรบ






แถบเซ่ยงไฮ้อย่างป็นเอกภาพ กองทัพญ่ปุ่นทาการเสริมกาลังพลตลอดเวลา

โดยส่งกองพลที่ 3, ที่ 11, ที่ 9, ที่ 13, ที่ 16, ที่ 101, ที่ 6, ที่ 18 และที่
114 ตลอดจนระดมกองก�าลังจากที่ต่างๆ ด้วย (โครงสร้างกองทัพและการ


จัดกาลังพลของญ่ปุ่นและจีนในยุคน้นแตกต่างจากปัจจุบัน ด้วยอยู่ในภาวะ

สงคราม ดังตัวอย่างกองทัพญี่ปุ่นแยกเป็น 1 ต้าตุ้ยหรือหมวดใหญ่มีก�าลัง
พลราว 1,100 นาย 1 ลวี่หรือหนึ่งรี้ราว 3,800 นาย บางครั้ง 1 กองพล

มีกาลังพลมากถึง 22,000-25,000 นาย ฝ่ายกองทัพจีนแยกเป็นกองพล
กองพัน รี้ ถวน อิ๋ง (ค่าย) เหลียน ไผ และปันตามล�าดับ กองทัพจีนในเวลา





น้น มีท้งกองกาลังส่วนกลางและส่วนท้องถ่น บางคร้งกองพันส่วนกลางม


กาลังพลถึง 10,000 นาย แต่ส่วนท้องถ่นท่เรียกว่ากองพลกลับมีกาลังพล






เพียง 1,000 นาย ดังน้นเพ่อความสะดวกในการให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายข้น
20


บทน�ำ





จึงขอใช้หน่วยทหารท่คนไทยเราคุ้นเคยเช่น กองพล กองพัน กองร้อย
หมวด หม เป็นต้น-ผู้แปล) ส่วนฝ่ายประเทศจีน คณะกรรมการทหารรัฐบาล
ู่


จีนคณะชาติได้ปรับเปล่ยนการจัดวางกองกาลัง โยกย้ายกองกาลังฝีมือด ี

จากที่ต่างๆ เข้าสู่บริเวณสามเหลี่ยมแม่น�้าฉางเจียง (แยงซีเกียง-ผู้แปล) เป็น






จานวนมาก เพ่อปกป้องเซ่ยงไฮ้ซ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมการค้าท่ใหญ่ท่สุด
ของประเทศจีน

กองทัพจีนรบอาบเลือดด้วยความมุ่งม่น โจมตีกองทัพญ่ปุ่นอย่าง


หนักจนสูญเสียอย่างร้ายแรง ระหว่างสามเดือนท่กองทัพจีนยืนหยัดรักษา
เซี่ยงไฮ้ ท�าให้ความฝันของญี่ปุ่นที่จะ “รบแตกหักอย่างรวดเร็ว พิชิตประเทศ
จีนภายในสามเดือน” กลายเป็นฝันสลาย สร้างขวัญก�าลังใจให้ชาวจีนทั้งชาติ
จนเกิดความฮึกเหิมในการรบต่อต้านญ่ปุ่น ทาให้ชาวจีนมีความม่นใจเปี่ยมล้น



ท่จะได้ชัยในสงครามต่อต้านญ่ปุ่น และช่วยให้จีนสามารถยืดเวลาอันลาค่าใน





การเคล่อนย้ายธุรกิจอุตสาหกรรมบริเวณชายฝั่งและหน่วยงานศิลปวัฒนธรรม
ตลอดจนการศึกษาเข้าสู่พื้นที่ภายในแผ่นดินใหญ่

วันที่ 12 พฤศจิกายน เซ่ยงไฮ้แตก กองทัพญ่ปุ่นตัดสินใจบุก


หนานจิง ซ่งเป็นนครหลวงของจีน เพ่อกดดันจีนคร้งรุนแรงท่สุดในการบังคับ



ให้จีนยอมจ�านนและยุติสงคราม
กองทัพท่หัวจงของญ่ปุ่นแยกทัพมุ่งสู่หนานจิง กลายเป็นสภาพปิด


ล้อมหนานจิงทุกด้าน โดยให้กองพลท 11, ที่ 13, และท 16 เลียบไปตาม




สองฟากทางรถไฟสายจิงฮู่ เข้าบุกเมืองอู๋สี, ฉางโจว, ตานหยาง, เจิ้นเจียง
(1)
และจวี้หยง ให้กองพลที่ 3 และกองพลที่ 9 เป็นทัพหน้าเข้าโจมตีเมืองซูโจว
อู๋สี จินถานมุ่งสู่หนานจิง ให้กองทัพที่ 10 เข้ายึดเมืองเจียซิง, อู๋ซิงผ่านอี๋ซิง,
ลี่หยาง, ลี่สุ่ยตรงสู่หนานจิง และให้กองพลที่ 18 เข้ายึดเมืองก่วงเต๋อ หนิงกั๋ว
(อี๋เฉิง) โจมตีอู๋หู กองก�าลังย่อยคูนิ (กองพันทหารราบที่ 4 สังกัดกองพลที่
5) บุกเขตผูโข่วของเจียงเป่ย ตัดทางถอยของกองทัพจีนท่รักษาหนานจิง ภาย

ใต้การกระหนาโจมตีอย่างรุนแรงของกองทัพญ่ปุ่น เขตต่างๆ ทางตอนใต้ของ



มณฑลเจียงซูและตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลอานฮุยทยอยกันถูกยึดครอง


(1) หมายถึงทางรถไฟจากหนานจิงถึงเซ่ยงไฮ้ จิงคือหนานจิง ฮู่คือเซ่ยงไฮ้ จึงเรียกว่าเส้นทาง
จิงฮู่
21


การสังหารหมู่หนานจิง



วันที่ 6 ธันวาคม กองทัพญ่ปุ่นประชิดชานเมืองหนานจิง ทางด้านประเทศ


จีน รัฐบาลจีนคณะชาติตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปฉงช่ง และอพยพหน่วยงาน


ทหารและหน่วยงานราชการไปยังเมืองอู่ฮ่น ฉางซา เพ่อให้สอดคล้องกับสภาพ






จาเป็นในการทาสงคราม ในเวลาเดียวกัน เจยง ไคเชก (เจียง ไคเชก เกิดเมอ

วันที่ 31 ตุลาคม 1887 ถึงแก่อสัญกรรมวันที่ 5 เมษายน 1975 เป็นผู้น�า

ทางการเมืองและการทหารของจีน ดารงตาแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ

จีนระหว่าง 1928 ถึง 1975 โดยแบ่งเป็นสองช่วง ในช่วงแรก เจียง ไคเช็ก


ดารงตาแหน่งประธานาธิบดีปกครองจีนแผ่นดินใหญ่จนถึงปี 1949 ช่วงที่สอง


หลังอพยพไปไต้หวันและสถาปนาสาธารณรัฐจีนข้นใหม่อีกคร้ง โดยดารง

ต�าแหน่งประธานาธิบดีถึงปี 1975-ผู้แปล) เรียกประชุมการทหารที่หนานจิง
หารือการป้องกันหนานจิงและการจัดการทางการทหาร เขตเมืองหลักของ
หนานจิงอยู่ที่ฝั่งใต้ของแม่น�้าฉางเจียงหรือแม่น�้าแยงซีเกียง หลังพิงฉางเจียง








สภาพภมประเทศบุกงายรบยาก หนานจงเปนนครหลวงของจน ถารฐบาลจน


ไม่จัดวางก�าลังป้องกันรักษาไว้ ย่อมจะถูกประชาชนทั้งประเทศต�าหนิและจะ
มีผลกระทบทางลบในสายตานานาประเทศ แม้จะมีนายทหารระดับสูงบางนาย

(1)












เชน เฉนเฉง ไมตองการยนหยดรกษาหนานจง แต่เจยง ไคเชกยงคงตดสนใจ



จัดต้งกองบัญชาการป้องกันหนานจิง โดยแต่งต้งถังเซิงจ้อเป็นผู้บัญชาการ




หลัวจ๋วอิงและหลิวเซิงเหวยเป็นผู้บัญชาการ มีกาลังพลในสังกัดคือกองพล
ที่ 66 ของเยี่ยจ้าว กองพลที่ 71 ของหวังจิ้งจิ่ว กองทัพที่ 72 ของซุนหยวน-
เหลียง กองพลที่ 74 ของอวี๋จี้สือ กองพลที่ 78 ของซ่งซีเหลียน กองพลที่



83 ของเต้งหลงกวง กองพลผสมท่ 2 ของสวีหยวนเฉวียนและกองกาลังสาธิต
(กองกาลังสาธิตเป็นหน่วยทหารยุคใหม่ของโรงเรียนนายทหารกลางของจีนใน

(1) เฉินเฉิงกล่าวว่า “ท่านประธานคณะกรรมการ (หมายถึงเจียง ไคเช็ก) เรียกตัวข้าพเจ้า
เข้ากรง เพ่อสอบถามนโยบายการป้องกนหนานจง ข้าพเจ้าถามก่อนว่าจะให้ข้าพเจ้ารกษาเมองใช่






หรือไม่ ท่านประธานฯ ตอบว่า ‘ไม่’ เฉินเฉิงมีความเห็นว่า “กองทัพของเราควรออกจากสมรภูมิให้
เร็วที่สุด โดยถอยทัพไปตอนใต้ของมณฑลอานฮุย ใช้หนานจิงเป็นแดนกันชนเพื่อบรรลุเป้าหมาย
การรบระยะยาวของเรา” เฉินเฉิงกล่าวว่า “ถังเซิงจื้อเห็นว่าหนานจิงเป็นเมืองหลวงของประเทศ ไม่
ควรทิ้งไปโดยง่าย และขอกองก�าลังฝีมือดีมารักษาให้มั่น” “กองทัพรักษากรุงของเราจะถูกรุมขนาบ



ท้งสามด้าน ด้านเหนือเป็นแม่นาใหญ่ไม่มีทางให้ถอย ความสูญเสียอเนจอนาถเป็นท่สุดของสงคราม



ต่อต้านญ่ปุ่นแปดปี” คัดจาก บันทึกความทรงจาของเฉินเฉิง: สงครามต่อต้านญ่ปุ่น (เล่มต้น-ไทเป)

หอประวัติศาสตร์แห่งชาติ 2004 หน้า 60
22


บทน�ำ



สมัยนั้น ก่อตั้งโดยเจียง ไคเช็กเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1931 มียุทโธปกรณ์




ท่ใหม่ท่สุดและหลักสูตรการฝึกดีท่สุด โดยมีเป้าหมายเป็นตัวอย่างของทุก
เหล่าทัพเพื่อยกระดับกองทัพ-ผู้แปล) กับกองพันสารวัตรทหารรวมกว่าหนึ่ง
แสนนายในการป้องกันรักษาหนานจิง ถังเซิงจื้อแสดงความ “ตั้งใจร่วมเป็น
ร่วมตายกับหนานจิง” จึงสั่งถอนเรือทั้งหมดออกจากน่านน�้าระหว่างเซี่ยกวน

ถึงผูโข่ว ห้ามมิให้กองก�าลังใดๆ ข้ามแม่น�้าฉางเจียงไปทางเหนือ
ต้นเดือนธันวาคม กองทัพญี่ปุ่นบุกยึดเขตทังซาน ชานเมืองตะวัน-

ออก เขตหูสู, ฉุนฮว่า, ม่อหลิงกวน, ชานเมืองตอนใต้ เขตป่านเฉียว และ
ต้าเซิ่งกวนชานเมืองตะวันตกเฉียงใต้
ท้งสองฝ่ายรบพ่งกนจนถงคืนวันท ่ ี 12 กองทพญป่นโจมตีทลาย








ประตูจงซาน, อวี่ฮวาไถ, ประตูจงหัว, ประตูกวงหัว, ประตูสุ่ยซี, ประตูทงจี้




และท่เขาจ่อจินซาน วันท่ 13 ธันวาคม หนานจิงแตก กองทัพจีนท่รักษา


หนานจิงส่วนหน่งล่าถอยออกจากประตูไท่ผิงและช่องทางอ่นๆ บ้างก็เคล่อน


สู่ภายนอกไปทางตะเข็บชายแดนระหว่างทางเหนือมณฑลเจียงซู, เจ้อเจียง
และอานฮุย ทหารบาดเจ็บและสูญเสียอย่างหนัก ในจ�านวนนี้ ทหารบางส่วน

ถูกตัดทางถอย จึงจาต้องวางอาวุธและถอดชุดทหาร บ้างก็เข้าสู่เขตปลอดภัย



หลังกองทัพญ่ปุ่นยึดหนานจิงแล้ว เห็นว่าทหารจีนท่ถอดเคร่องแบบแล้ว
เหล่านี้เป็นภัยคุกคามมากที่สุด พวกเขา “ประเมินว่าในเมืองยังมีทหารข้าศึก
ที่คิดต่อต้านแอบแฝงอยู่มากมาย” ดังนั้น “จึงเตรียมการกวาดล้างทั้งในและ
นอกเมืองหนานจิง” พวกเขากล่าวว่า “มีเบาะแสอย่างชัดเจนว่า ข้าศึกที่หนี
(1)
ได้ส่วนใหญ่สวมชุดพลเรือน ผู้ต้องสงสัยท้งหมดถูกจับกุมและกักขังไว้ในท




ท่เหมาะสม” เน่องจากทหารญ่ปุ่นไม่สามารถแยกแยะระหว่างทหารกับ
(2)


พลเรือน จึงตัดสินใจ “ถือว่าชายฉกรรจ์ทุกคนล้วนเป็นทหารแตกทัพหรือ



(1) รายงานรายละเอียดการรบของกองพันทหารราบท่ 38 ฉบับท่ 12 (รัชศกโชวะท่ 12 เดือน


12 วันที่ 14) ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง เล่มท่ 11 จางเซ่ยนเหวิน
บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย หวังเว่ยซิงและเหลยกั๋วซาน หมวด เอกสารฝ่ายกองทัพญี่ปุ่น ส�านัก
พิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2006 หน้า 70
(2) หลักการกวาดล้างในเมืองหนานจิง ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง
เล่มที่ 11 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย หวังเว่ยซิง เหลยกั๋วซาน หมวด เอกสารฝ่าย
กองทัพญี่ปุ่น ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2006 หน้า 110
23


การสังหารหมู่หนานจิง



กองก�าลังนอกเครื่องแบบและจับกุมคุมขังทั้งหมด” จอห์น จี มากี (John
(1)
G. Magee) หมอสอนศาสนาชาวอเมริกันที่ตกค้างในหนานจิงขณะนั้น ได้



ใช้กล้องแอบบันทึกภาพตอนท่ญ่ปุ่นค้นหาทหารจีนและทาร้ายประชาชนจีน
อย่างทารุณตามท้องถนน พลโทเคซาโงะ นากาชิมะ (Kesago Nagashima)
แห่งกองพลที่ 16 กองทัพญี่ปุ่นเขียนไว้ในบันทึกส่วนตัว วันที่ 13 ธันวาคม



ซ่งเป็นวันยึดครองหนานจิงว่า “โดยพ้นฐานแล้วไม่ดาเนินนโยบายเชลยศึก
ตัดสินใจในทิศทางท�าลายทั้งหมดให้สิ้นซาก” “เฉพาะกองก�าลังซาซากิ (Sa-
saki) ก็จัดการไปราวหนึ่งหมื่นห้าพันคน นายทหารหัวหน้ากองคนหนึ่งที่เฝ้า

ประตูไท่ผิงจัดการไปราวหน่งพันสามร้อยคน” นากาชิมะกล่าวตรงๆ ว่า
“เน่องจากตอนแรกไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะใช้มาตรการน้ ฝ่ายเสนาธิการจึงงาน


ยุ่งมาก” นูมาโมริ (Numamori) ซึ่งเป็นเสนาธิการประจ�าเซี่ยงไฮ้ในขณะ
(2)
นั้นเคยเขียนในบันทึกส่วนตัว วันที่ 21 ธันวาคม 1937 ว่า “ขณะหน่วยรบ
ของยามาดะ (Yamada) ใช้ดาบปลายปืนจัดการกับเชลยหลายหม่นคนโดย

ทยอยเป็นกลุ่ม เน่องจากไม่ก่วันมีการส่งคนไปในจุดเดียวกันค่อนข้างมาก



พวกเชลยจึงก่อหวอด สุดท้ายทหารของเราจึงรัวยิงด้วยปืนกล ทาให้ทหาร
ฝ่ายเราหลายคนพลอยถูกยิงตายไปด้วย และมีเชลยฉวยโอกาสหนีรอดไป
ไม่น้อย” (3)

นายทหารระดับสูงของญี่ปุนก็โหดเหี้ยมต่อเชลยศึกเช่นกัน โดยเล่น

สนุกกับชีวิตของเชลยศึก พลโทเคซาโงะ นากาชิมะ เขียนในบันทึกวันที่ 13
ธันวาคมว่า เที่ยงวันนี้ นักดาบทากายามะ (Takayama swordsman) มา

เยี่ยม ขณะนั้นบังเอิญมีเชลยอยู่เจ็ดคน จึงสั่งให้ลองตัดศีรษะดู และให้เขา


(1) เรื่องพึงระวังในการปฏิบัติการกวาดล้าง (รัชศกโชวะที่ 12 เดือน 12 วันที่ 13) ใน ข้อมูล
ประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง เล่มท่ 11 จางเซ่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย



หวังเว่ยซิง, เหลยก๋วซาน หมวด เอกสารฝ่ายกองทัพญ่ปุ่น สานักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2006


หน้า 111
(2) บันทึกประจาวันของ เคซาโงะ นากาชิมะ ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่

หนานจิง เล่มที่ 8 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย หวังเว่ยซิง หมวด บันทึกส่วนตัว
ของนายทหารและพลทหารกองทัพญี่ปุ่น ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2005 หน้า 280
(3) บันทึกส่วนตัวของอีนุมะ มาโมร ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง



เล่มท่ 8 จางเซ่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย หวังเว่ยซิง หมวด บันทึกประจาวันของ

นายทหารและพลทหารกองทัพญี่ปุ่น ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2005 หน้า 212-213
24


บทน�ำ



ใช้ดาบทหารของข้าพเจ้าทดสอบ เขาท�าได้ดีมาก ตัดได้ถึงสองศีรษะ ส่วน
(1)
พลเอกยาซูจิ โอกามูระ (Yasuji Okamura) ซึ่งได้ด�ารงต�าแหน่งผู้บัญชาการ
ทหารสูงสุดของกองทัพญี่ปุ่นรุกรานจีนได้เขียนในบันทึกวันที่ 13 กรกฎาคม
1938 ถึงกรณีทหารญี่ปุ่นเข่นฆ่าเชลยศึกจีนตามอ�าเภอใจ เขาเขียนว่า “หลัง
ถึงสมรภูมิจีนแล้ว ได้รับฟังรายงานจากเสนาธิการ เสนาธิการมิยาซาก ิ

(Miyazaki) ซึ่งเป็นหัวหน้ากองหน้า พันโทฮางิวาระ (Lieutenant Colonel
Hagiwara) หัวหน้าจารชนกองกาลังหัวจง และพันโทโองิวาระ หัวหน้าหน่วยงาน





หงโจวจงทราบว่า กองกาลงแนวหน้าของกองทพอ้างตลอดว่า ยากในการ



เล้ยงดูจึงประหารเชลยเป็นจานวนมากและกลายเป็นนิสัยท่เลวร้ายไปแล้ว




ในยุทธการหนานจิง จานวนคนท่ถูกสังหารหมู่มากถึง 4-5 หม่นคน และการ


การปล้นสะดมชาวเมืองกับการข่มขืนก็เกิดข้นบ่อยคร้ง” หลังยึดครอง
(2)


ประเทศข้าศึกแล้ว มีการฆ่าเชลยท่วางอาวุธแล้วเป็นจานวนมาก เป็นพฤติกรรม
ที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง กองทัพญี่ปุ่นสังหารเชลยศึก
จีนก่อนและหลังการยึดหนานจิง จึงเป็นความจริงท่ปฏิเสธมิได้ ทหารญ่ปุ่น





ยังจ้ดาบสังหารไปท่ชาวเมืองผู้รักสันติจานวนมาก พวกเขาใช้วิธีสังหารหมู่
และแยกเป็นกลุ่มแล้วสังหาร มีการสังหารหมู่ขนาดใหญ่มากมายในเขตเมือง
และชานเมืองหนานจิง ในจานวนน้ท่อนาถท่สุดเป็นการสังหารหมู่แบบ





รวมกลุ่มท่เกิดข้นท่ภูเขามู่ฝู่ซาน เยียนจ่อจี ท่าเรือเหมยท่น อว๋เหลยก่ง









สะพานเป่าถ่า และท่าเรือจงซาน ซ่งเป็นลุ่มนาเขตเซ่ยกวน ตลอดจนประต ู








ส่ยซ ประตเจยงตง ประตฮนจงทางตะวนตกของเมอง อวฮวาไถ ศาลเจ้า




ฮวาเสินทางใต้ของเมืองและตามถนนหลายสายในเขตเมือง ปฏิบัติการ





สังหารหมู่เหล่าน้ มีผู้ถูกสังหารจานวนหลายหม่นคน และท่จานวนน้อยก


หลายร้อยคน เป้าหมายการสังหารหมู่ไม่เพียงเจาะจงท่คนหนุ่ม แม้แต่คนชรา








(1) บนทกประจาวนของ เคซาโงะ นากาชมะ ใน ข้อมลประวตศาสตร์การสงหารหม่ ู


หนานจิง เล่มที่ 8 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย หวังเว่ยซิง หมวด บันทึกส่วนตัว
ของนายทหารและพลทหารกองทัพญี่ปุ่น ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2005 หน้า 278
(2) บันทึกความรู้สึกในสมรภูมิของโอคามุระ ยาสึจิ (Okamura Yasuji) ใน ข้อมูล
ประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง เล่มที่ 8 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย หวัง-
เว่ยซิง หมวด บันทึกประจ�าวันของนายทหารและพลทหารกองทัพญี่ปุ่น ส�านักพิมพ์เจียงซูเหริน-
หมิน 2005 หน้า 6
25


การสังหารหมู่หนานจิง



เด็กและสตรีก็ไม่ละเว้น วิธีสังหารหมู่มีทั้งยิงด้วยปืน ฟันตาย แทงตาย ฝัง
ทั้งเป็น เผา กดน�้า และถึงกับถือเอาการฆ่าคนเป็นเรื่องสนุก โหดเหี้ยมเป็น
ที่สุด



หลังจากทหารญ่ปุ่นยึดหนานจิงแล้ว ยังข่มขืนสตรีจีนจานวนมาก

อย่างทารุณโหดร้ายน่าสะพรึงกลัว จานวนของผู้ตกเป็นเหย่อมีมากมาย


มหาศาล วิธีการท่ใช้ทารุณเห้ยมโหดจนยากจะบรรยาย ใน รายงานการ

สอบสวนโทษทัณฑ์ของข้าศึกกองอัยการศาลช้นต้นนครหลวง ระบุว่า “สตร ี

สาวจนถึงสตรีสูงวัยหกสิบเจ็ดสิบปีทั่วไปตกเป็นผู้ถูกท�าร้ายจ�านวนมาก ด้วย
วิธีข่มขืน รุมโทรม ถูกฆ่าเพราะขัดขืน มีการบังคับให้พ่อข่มขืนลูกสาว พี่ชาย
ข่มขืนน้องสาว พ่อสามีข่มขืนลูกสะใภ้ ถือเป็นความบันเทิง และยังมีการตัด




เต้านม แทงซ่โครง ตบฟันร่วง ร่างกายส่วนล่างบอบชา สภาพต่างๆ อเนจอนาถ
ยากจะทนทาน” (1)
หลังจากท่พฤติกรรมป่าเถ่อนทางเพศของกองทัพญ่ปุ่นถูกสังคมและ



สื่อต�าหนิอย่างรุนแรง และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ลุกลามอย่างหนักไปทั่ว

กองทัพ ทางการญ่ปุ่นก็ได้เปล่ยนแปลงวิธีการโดยจัดต้งสถานบริการผู้หญิง






ปลอบขวัญ (เป็นสถานบริการทางเพศท่จับสตรีมาทาหน้าท่เป็นหญิงบาเรอ
‘ปลอบขวัญ’ ทหารญ่ปุ่น-ผู้แปล) ข้นมาจานวนมากในหนานจิงและเขต




ยึดครอง บังคับสตรีชาวจีนและชาวเกาหลีให้เป็นเหย่อการข่มขืน จากการ
ส�ารวจของนักวิชาการพบว่า กองทัพญี่ปุ่นได้ทยอยจัดตั้งสถานบริการผู้หญิง
ปลอบขวัญมากกว่าสี่สิบแห่งทั้งในเขตเมืองและชานเมืองของหนานจิง
กองทัพญ่ปุ่นต้องการสยบประเทศจีนท้งทางการเมืองและ












จตวญญาณ จงพยายามท่มเทกาลงทาลายกรงหนานจงซงเป็นเมองหลวง



ของจีนทุกวิถีทาง ระหว่างท่กองทัพญ่ปุ่นโจมตีหนานจิง โดยเฉพาะหลังยึด

ครองหนานจิงแล้ว ได้เผา ท�าลาย และปล้นสะดมไปทั้งบ้านเรือนสองข้างทาง
เช่น ถนนไท่ผิงและเขตฟูจ่อเม่ยวทางใต้ของเมืองต่างก็ถูกเผาทาลาย ทรัพย์สิน




ของประชาชน เช่น เครองเรอน ข้าวของ เสบยงอาหาร และสตว์เลยงถก







(1) รายงานการสอบสวนโทษทัณฑ์ของข้าศึก กองอัยการศาลชั้นต้นนครหลวง (กุมภาพันธ์
1964) ใน ข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง เล่มที่ 21 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบ

เรียงโดย กัวปี้เฉียงและเจียงเหลียงฉิน หมวด สถิติจากการสารวจของคณะกรรมการตรวจสอบ
ความผิดของกองทัพญี่ปุ่น ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2006 หน้า 1723
26


บทน�ำ





ทหารญ่ปุ่นปล้นชิงไปหมด กรุงหนานจิงท่เคยคึกคักรุ่งเรืองกลายเป็นซากปรัก

















หกพงทกแหงหน หนานจงเมองเกาแกทมกลนอายการเรมตนของยคสมยใหม ่

ถูกกองทัพญี่ปุ่นท�าลายจนเสียหายยับเยิน

กรุงหนานจิงท่เผชิญกับความทารุณโหดร้าย ผู้ประสบเหตุและผู้เห็น

เหตุการณ์ท้งชาวจีน ญี่ปุ่น และชาวตะวันตกล้วนเก็บรักษาข้อมูลความจริง



ต้นฉบับท่ทรงคุณค่าไว้เป็นจานวนมาก มีท้งบันทึกประจาวัน จดหมายถึง

ครอบครัวและบันทึกความทรงจาหลังสงครามของนายทหารและพลทหาร



กองทัพญ่ปุ่น ซ่งล้วนบันทึกพฤติกรรมโหดการสังหารหมู่ของกองทัพญ่ปุ่น ใน






จานวนน้ท่สาคัญได้แก่ บันทึกประจาวันของชุนโรก ฮาตะ (Shunroku Hata)

พลเอกประจ�ากองทัพบก ยาซูจิ โอกามูระ พลเอกประจ�ากองทัพบก อิวาเนะ

มัตสึอ พลเอกประจากองทัพบก และพลทหารโนบุโอะ มากิฮาระ (Nobuo

Makihara) กับ ชิโร อาซูมะ (Shiro Azuma) หลังหนานจิงแตก ยังคงมี
หมอสอนศาสนา อาจารย์มหาวิทยาลัย แพทย์ พ่อค้า และผู้ส่อข่าวชาว


อเมริกัน อังกฤษ และเยอรมันกลุ่มหน่งอาศัยอยู่ในหนานจิง พวกเขาเป็น

ประจักษ์พยานแห่งโศกนาฏกรรมคร้งใหญ่ของมนุษยชาติคร้งน้ พวกเขาได้




เก็บข้อมูลสาคัญไว้มากมาย อาทิ บันทึกประจาวัน จดหมาย และเอกสาร

ต่างๆ หนังสือพิมพ์ในประเทศจีนเองและหนังสือพิมพ์ส่อตะวันตกท่มีช่อเสียง


เช่น เดอะนิวยอร์กไทมส์ ชิคาโกเดล่นิวส์ วอชิงตันโพสต์ และเดอะไทมส์



ข้อมูลเหล่าน้ต่างรายงานเปิดโปงพฤติกรรมโหดร้ายของกองทัพญ่ปุ่นใน
หนานจิง อาชิบัลด์ ที สตีล (Archibald T. Steele) ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน
ได้ส่งรายงานข่าวพิเศษถึงฝ่ายข่าวต่างประเทศของหนังสือพิมพ์ ชิคาโกเดล ี ่
นิวส์ วันที่ 15 ธันวาคม 1937 ว่า การสังหารหมู่เหมือนเชือดแพะเชือดแกะ...




วันน้ผ่านประตูเมืองน้ (ประตูอ้เจียง-ผู้เขียนบทนา) พบว่าต้องขับรถบน
ซากศพที่ทับถมกันถึงห้าฟุตจึงจะสามารถผ่านประตูเมืองได้ และมีรถบรรทุก

กับรถปืนใหญ่ของกองทัพญ่ปุ่นหลายร้อยคันแล่นผ่านกองศพน้แล้ว ถนน

หนทางทั้งเมืองเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพชาวเมือง ในรายงานข่าวพิเศษที่
(1)

(1) กองศพสูงห้าฟุต ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง เล่มท่ 6



จางเซ่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย จางเซิง หมวด รายงานส่อต่างประเทศและรายงาน
สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2005 หน้า 92
27


การสังหารหมู่หนานจิง



เขาส่งให้ฝ่ายข่าวต่างประเทศ วันที่ 17 ธันวาคม ระบุว่า “ข้าพเจ้าเห็นถนน


ทุกสายเกลอนด้วยซากศพ ในจานวนน้รวมถึงคนชราซ่งไม่มีความสามารถใน



การท�าร้ายผู้ใดได้ และยังเห็นซากศพที่ถูกสังหารหมู่กองแล้วกองเล่า”




“ท่ประตูทิศเหนือ ข้าพเจ้าเห็นส่งท่น่ากลัวเป็นกองระเกะระกะ น่น


คือส่งท่เคยเป็นช้นส่วนร่างกายของคนสองร้อยคน ท่บัดน้กลายเป็นกอง



(1)
กระดูกและเนื้อที่เผาไหม้เป็นเถ้าถ่านกองหนึ่ง” วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1938


หนงสอพมพ์ ชคาโกเดลนวส์ ตพมพ์รายงานข่าวของสตลผ้สอข่าวพเศษ












รายงานจากหนานจิงถึงฝ่ายข่าวต่างประเทศว่า “ข้าพเจ้าเห็นการสังหารหมู่
กับตาของตนเอง คนกลุ่มหนึ่งจ�านวนหลายร้อยคนที่ก�าลังถูกประหาร แบก
ธงชาติญ่ปุ่นผืนใหญ่เดินมาตามถนนผ่านข้าพเจ้าไป พวกเขาถูกทหารญ่ปุ่น






ไม่ก่คนคุมตัวแล้วไล่ไปในท่โล่งแห่งหน่ง ถูกแยกเป็นกลุ่มย่อยแล้วยิงท้งทีละ





กลุ่ม ทหารญ่ปุ่นคนหน่งยืนบนกองซากศพท่สูงข้นทุกที แล้วใช้ปืนยิงซาใส่

ร่างที่ยังขยับอยู่” แฟรงค์ ทิลแมน เดอร์ดิน (Frank Tillman Durdin)

(2)

ผู้ส่อข่าวชาวสหรัฐอเมริกาส่งข่าวโดยทางเมล์อากาศถึง เดอะนิวยอร์กไทมส์
ระบุว่า “ขณะบุกยึดหนานจิง ทหารญ่ปุ่นเข่นฆ่าจับกุมปล้นสะดมตามอาเภอใจ



อย่างโหดเห้ยมป่าเถ่อน ในระดับท่ไม่เคยมีมาก่อนนับต้งแต่สงครามจีนกับ



ญ่ปุ่นเป็นต้นมา ความโหดร้ายทารุณชนิดไม่ย้งมือของทหารญ่ปุ่น คงมีแต่การ



ทาลายล้างของผู้ชนะในยุคมืดสมัยกลางของยุโรป (สมัยกลางหรือยุคกลาง

คือเวลาในประวัติศาสตร์ยุโรปตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงคริสต์ศตวรรษที่
15 เร่มนับต้งแต่การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกถึงจุดเร่มต้นของ



สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา-ผู้แปล) หรือสมัยกลางของเอเชียเท่าน้นท่พอจะ


เทียบเทียมกันได้” (3)

(1) ประชาชนผู้โดดเด่ยวยากไร้ถูกแทงตาย ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่
หนานจิง เล่มที่ 6 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย จางเซิง หมวด รายงานจากผู้สื่อข่าว
ต่างประเทศและรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตเยอรมน สานักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2005 หน้า 96


(2) ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง เล่มที่ 6


จางเซ่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย จางเซิง หมวด รายงานผู้ส่อข่าวต่างประเทศและรายงาน
สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน ปี 2005 หน้าที่ 162
(3) ทหารจีนท่ปลดอาวุธแล้วถูกสังหารหมู่ เดอะนิวยอร์กไทมส์ ฉบับวันที่ 9 มกราคม

1938 ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง เล่มที่ 6 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ
เรียบเรียงโดย จางเซิง หมวด รายงานส่อมวลชนต่างประเทศและรายงานสถานเอกอัครราชทูต

เยอรมนี ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2005 หน้า 133
28


บทน�ำ



พฤติกรรมช่วช้าการข่มขืนสตรีชาวจีนด้วยวิธีการต่างๆ นานา


ส่อมวลชนจีนมีการรายงานข่าวอย่างครึกโครม มิชชันนารีของประเทศต่างๆ



ทางตะวันตกท่อยู่ในหนานจิงประท้วงต่อญ่ปุ่นอย่างต่อเน่อง และเปิดโปง
พฤติกรรมชั่วช้าของทหารญี่ปุ่นที่ข่มขืนสตรีชาวจีน
วันที่ 9 มกราคม 1958 เดอะนิวยอร์กไทมส์ ตีพิมพ์ข่าวที่รายงาน
จากหนานจิงโดยเดอร์ดินว่า “การปล้นสะดมขนานใหญ่ก็เป็นหน่งในการ





กระทาความผิดท่สาคัญของกองทัพญ่ปุ่นท่ยึดครองหนานจิง เม่อกองทัพ



ญ่ปุ่นยึดครองเขตใดเขตหน่งได้แล้ว ทหารก็จะได้รับคาส่งให้ไปกวาดล้าง



ทรัพย์สินตามบ้านในเขตนั้น ที่ปล้นชิงเป็นอันดับแรกคืออาหาร แต่ของมีค่า

อ่นๆ โดยเฉพาะข้าวของท่หยิบฉวยได้ง่ายก็ถูกปล้นชิงตามใจชอบเช่นกัน คน


(1)
ท่อยู่ในบ้านท่ถูกปล้น ถ้าขัดขืนก็ถูกฆ่าตาย” วันที่ 16 มีนาคม 1938

หนังสือพิมพ์ เซาท์ไช่น่ามอนิ่งโพสต์ รายงานว่า “วันที่ 19 ธันวาคม กองทัพ

ญ่ปุ่นเร่มวางเพลิงเผาร้านค้าเป็นการใหญ่ ข้าวของท่ปล้นชิงมาได้ถูกกองไว้บน


รถบรรทุก ร้านค้าที่ว่างเปล่าถูกเผา...ชาวต่างชาติ 22 คนที่ยังอยู่ในหนานจิง




4 คนในจานวนน้นไปท่สถานเอกอัครราชทูตญ่ปุ่นพร้อมกับประท้วงกรณีทหาร


ุ่



ญปนวางเพลงเผา YMCA สถานทตญ่ปุ่นแก้ตวว่าเป็นการกระทาทรู้เท่าไม่ถง





การณ์ของพลทหาร แต่คณะผู้แทนดังกล่าวบอกกับสถานทูตว่า



“ส่งท่พวกเขาเห็นกับตาคือกองกาลังส่งทหารญ่ปุ่นปล้นชิงและวางเพลิง

อย่างมีแบบแผนภายใต้การบัญชาการของนายทหารสัญญาบัตร สภาพเช่นนี้
เป็นไปอย่างต่อเนื่องหนึ่งเดือนเต็ม ร้านค้า 80 เปอร์เซ็นต์ถูกปล้น บ้านเรือน
(2)


ประชาชน 50 เปอร์เซนต์ถกเผาและปล้นชง เขตต่างๆ ของหนานจิง




ขณะน้อยู่ในสภาพรกร้างว่างเปล่า โดยเฉพาะเขตท่พักอาศัยบริเวณประต
จงหัว ฟูจื่อเมี่ยว ถนนจงหัว ถนนไท่ผิง ถนนจงซาน และถนนกั๋วฝู่ถูกเผา


ู่

(1) ทหารจีนท่ปลดอาวุธแล้วถูกสังหารหม เดอะนิวยอร์กไทมส์ ฉบับวันท่ 9 มกราคม 1938
ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์การสังหารหมู่หนานจิง เล่มที่ 6 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบ
เรียงโดย จางเซิง หมวด รายงานสื่อมวลชนต่างประเทศและรายงานสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี
ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน 2005 หน้า 134
(2) พฤติกรรมป่าเถื่อนในหนานจิง ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์สังหารหมู่หนานจิง เล่มที่ 6
จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย จางเซิง หมวด รายงานจาก สื่อมวลชนต่างประเทศและ
รายงานของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน ปี 2005 หน้า 173
29


การสังหารหมู่หนานจิง






ทาลายย่อยยับ” บ้านท่พักอาศัยของชาวต่างชาต สถานทูต และสถานกงสุล
(1)
ของต่างประเทศในหนานจิงก็ไม่อาจรอดพ้นเช่นกัน สิ่งปลูกสร้างจ�านวนมาก


ในเมืองหนานจิง รวมท้งอาคารท่ทาการสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล

สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเยอรมนีล้วนถูกทหารญี่ปุ่นปล้นสะดมหลายครั้ง
หลังจากการปล้นชิงโกลาหลแล้ว ร้านค้าส่วนใหญ่ถูกทหารญ่ปุ่นภายใต้การ

บัญชาการของนายทหารชั้นสัญญาบัตร ใช้รถบรรทุกกวาดข้าวของทั้งหมดไป


อย่างเป็นระบบ หลังจากน้นจุดเพลิงเผาร้านค้าและบ้านเรือนจนส้นซาก แม้แต่
‘อาคารท่ธงชาติสหรัฐอเมริกาโบกสะบัด’ ยังคงถูกปล้น เช่น พนักงานและ

เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมิชชันนารีสหรัฐอเมริกาต่างก็ถูกตรวจ
ค้นและถูกชิงนาฬิกากับเงินไป ในหอพักของพยาบาล หลังทหารญ่ปุ่นเข้า




ตรวจแล้วปรากฏว่าของมีค่าสูญหายจานวนมาก ทหารญ่ปุ่นยงบุกเข้าอาคาร











ททาการพนกงานและเจ้าหน้าททวทยาลยศลปศาสตร์สตรจนหลงของสหรฐฯ




หยิบฉวยอาหารและของมีค่าไป กับการน้ฝ่ายสหรัฐฯ ได้ประท้วงอย่าง

(2)
รุนแรงและทวงถามต่อฝ่ายญ่ปุ่นหลายคร้ง แต่พฤติกรรมป่าเถ่อนโหดร้าย



ของกองทัพญี่ปุ่นมิได้เพลาลงแม้แต่น้อย
ที่ดูเป็นการเสียดสีที่สุดคือ กองบัญชาการกองพลที่ 16 ของกองทัพ





ญ่ปุ่นกบหอพกกองพลของเคซาโงะ นากาชิมะกพลอยถูกทหารญปุ่นปล้น

ด้วย นากาชิมะเขียนในบันทึกวันที่ 19 ธันวาคมว่า “กองก�าลังของญี่ปุ่นไม่



สนใจเลยว่าเป็นเขตครอบครองของกองกาลังหน่วยอ่นหรือไม่ ล้วนทาการ
ปล้นสะดมถ้วนหน้า พวกเขาบุกเข้าบ้านเข้าเรือนประชาชน กวาดทุกอย่างจน

เกล้ยง สรุปแล้วใครหน้าด้านกว่าไร้ยางอายกว่าจะได้เปรียบมากข้นเร่อยๆ


ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือบ้านพักข้าราชการรัฐบาลจีนคณะชาติที่พวกเรายึดไว้ วัน
ที่ 13 ทหารของกองพลที่ 16 มากวาดชิงไปแล้ว เข้าวันที่ 14 หลังฝ่ายบริหาร

(1) เมืองร้าง ใน รวมข้อมูลประวัติศาสตร์สังหารหมู่หนานจิง เล่มท่ 6 จางเซ่ยนเหวิน





บรรณาธการ เรียบเรยงโดย จางเซิง หมวด รายงานจากสอมวลชนต่างประเทศและรายงานของ

สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ส�านักพิมพ์เจียงซูเหรินหมิน ปี 2005 หน้า 169
(2) การสังหารหมู่หนานจิง โดย ปีเตอร์ เนียลสัน (Peter Nielsen) ใน รวมข้อมูล
ประวัติศาสตร์สังหารหมู่หนานจิง เล่มที่ 6 จางเซี่ยนเหวิน บรรณาธิการ เรียบเรียงโดย จางเซิง

หมวด รายงานจากส่อมวลชนต่างประเทศและรายงานของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี สานักพิมพ์

เจียงซูเหรินหมิน ปี 2005 หน้า 181-182
30


Click to View FlipBook Version