ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก
DARWIN THE MAN, HIS GREAT VOYAGE, AND HIS THEORY OF EVOLUTION
จอห์น แวน ไวฮ์: เขียน
ธิดา จงนิรามัยสถิต: แปล
ราคา 260 บาท
ALL RIGHTS RESERVED.
Text © John van Wyhe 2008
Copyright © Andre Deutsch Limited 2018
Thai translation right © 2020 by Gypsy Publishing Co.,Ltd.
© ข้อความในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ไวฮ์, จอห์น แวน.
ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก = Darwin the man, his great voyage, and his theory of evolution.-- กรุงเทพฯ :
ยิปซี กรุ๊ป, 2563.
164 หน้า.--(บุคคลสำาคัญ)
1. ดาร์วิน, ชาร์ลส์, ค.ศ. 1809-1882. I. ธิดา จงนิรามัยสถิต, ผู้แปล. II. ชื่อเรื่อง.
925.768
ISBN 978-616-301-724-6
บรรณาธิการอำานวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน์
บรรณาธิการเล่ม : ณิชาภา ชีวะสุจินต์
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา นันทนา วุฒิ
หัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษร : สวภัทร เพ็ชรรัตน์
ฝ่ายพิสูจน์อักษร : วนัชพร เขียวชอุ่ม สุธารัตน์ วรรณถาวร
พิสูจน์อักษร : กันยารัตน์ ทานะเวช
รูปเล่ม : Evolution Art
ออกแบบปก : Wrong Design
ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด เลขที่ 37/145 รามคำาแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต่อ 108
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดจำาหน่าย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด โทร. 0 2728 0939
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID: @gypzy
สนใจสั่งซื้อหนังสือจำานวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำานักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939
ดาร์วิน
่
ู
ผ้เปลียนโลก
จอห์น แวน ไวฮ์: เขียน
ธิดา จงนิรามัยสถิต: แปล
ค�าน�าส�านักพิมพ์
ื
ื
เม่อเอ่ยช่อ ชาร์ลส์ ดาร์วน แทบทกคนร้จกเขาดีในฐานะผ้เสนอทฤษฎ ี
ู
ุ
ู
ิ
ั
ี
วิวัฒนาการ อันเป็นรากฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการสมัยใหม่ แต่อาจมีไม่ก่คนท่รู้เร่อง
ื
ี
ราวชีวิตของเขาช่วงก่อนผลงานซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของเขาจะปรากฏ
ในหนังสือเรื่อง ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก เล่มนี้ น�าเสนอเรื่องราวชีวิตของดาร์วิน
ี
ึ
ชายผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหน่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากท่สุดในประวัติศาสตร์
ของมนุษยชาติ ต้งแต่ช่วงท่ยังเป็นเพียงนักธรรมชาติวิทยามือสมัครเล่น จนได้รับ
ี
ั
ื
�
ื
โอกาสให้เดินทางไปกับเรือหลวงบีเกิลเพ่อสารวจพ้นท่ตามแนวชายฝั่งทะเลและหมู่
ี
เกาะต่างๆ ของทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกา ซึ่งเป็นการเดินทางที่เปรียบเสมือนจุด
เริ่มต้นของการพัฒนาไปสู่ทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา นอกจากนี้ยังน�าเสนอเรื่องราว
ส�าคัญๆ ตลอดช่วงชีวิตของดาร์วินจวบจนวาระสุดท้ายของเขา
ื
นอกจากเร่องราวอันน่าท่งเก่ยวกับตัวดาร์วินแล้ว ความน่าประทับใจของ
ี
ึ
หนังสือเล่มนี้ยังอยู่ที่ภาพประกอบอันได้แก่ ภาพถ่าย สเกตช์ แผนที่ ส�าเนาเอกสาร
จดหมาย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ ฯลฯ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพราวกับได้ร่วม
เดินทางไปพร้อมกับดาร์วิน
ส�านักพิมพ์ยิปซี
ู
ค�าน�าผ้แปล
ื
ใครๆ ก็เคยได้ยินช่อของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน กับทฤษฎีวิวัฒนาการและการ
ั
ึ
ี
คัดเลือกโดยธรรมชาติ ผู้แปลก็เช่นกัน แต่ก็ไม่เคยล่วงรู้อะไรท่ลึกซ้งไปมากกว่าน้น
กระท่งเม่อได้อ่าน ดาร์วิน ผู้เปล่ยนโลก เล่มน้ ดิฉันจึงเข้าใจว่า เหตุใดชาร์ลส์ ดาร์วิน
ื
ี
ั
ี
จึงได้รับความนิยมนับถือในแวดวงวิชาการเป็นอย่างสูง
ดาร์วินเกิดในครอบครัวนายแพทย์ชาวอังกฤษผู้มีฐานะดี เขาได้รับการศึกษา
ิ
อย่างดีและไม่ต้องด้นรนอะไรมากนัก เป็นคนจิตใจดี อ่อนน้อมถ่อมตนและเปิดกว้าง
ทางความคิด จึงเป็นมิตรกับทาสผิวดา ชาวประมง และผู้คนหลากหลาย เขาออกเดิน
�
ทางไปกับเรือหลวงบีเกิลเม่ออายุ 22 ปี โดยการสนับสนุนจากอาจารย์ท่เคมบริดจ์ การ
ื
ี
เดินทางนาน 5 ปีซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของเขาและโลกนี้ไปตลอดกาล ประสบการณ์จาก
ั
ั
ี
การเดินทางคร้งน้บ่มเพาะให้เขาสร้างผลงานช้นเลิศแก่วงวิชาการในเวลาต่อมาอีก
หลายฉบับ ดาร์วินเป็นคนท�างานช้าและละเมียดละไม เขาท�าการทดลองและบันทึก
็
ี
ุ
่
ั
ค่าอย่างละเอยดเป็นปีๆ ก่อนจะสรปผล แม้จะมอาการเจบป่วยทคอยขดขวางการ
ี
ี
ท�างานอยู่เสมอ แต่กระนั้นเขาก็ผลิตผลงานชิ้นเอกออกมาได้จ�านวนมาก
ความโดดเด่นของ ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก เล่มนี้ คือภาพประกอบจ�านวนมาก
�
ี
ท่นามาจากต้นฉบับงานเขียนและภาพวาดประกอบหนังสือ รวมถึงบันทึกส่วนตัว
ของดาร์วิน ท�าให้เรามองเห็นลักษณะการท�างานในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 หรือ
ประมาณสองร้อยปีก่อนได้อย่างชัดเจน เราสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมท่หล่อ
ี
�
หลอมและห้อมล้อมดาร์วิน เห็นภาพเขาขณะออกสารวจ เก็บช้นส่วนตัวอย่าง ทาการ
�
ิ
ี
ทดลอง เดินครุ่นคิด และน่งลงเขียนทฤษฎีท่เขาสรุปออกมาได้ ดาร์วินแทบจะปรากฏ
ั
ตัวตนขึ้นต่อหน้าเรา ท�าให้เราสัมผัสกับความคิดจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง
มาย้อนเวลากลับไปสู่ 200 ปีที่แล้วกัน ณ บัดนี้ได้เลยค่ะ
ธิดา จงนิรามัยสถิต
1 กันยายน 2563
สารบัญ
10 บทน�ำ 89 รายงานการวิจัย
13 ห้วงเหวแห่งกำลเวลำ 95 สัตววิทยำของเรือบีเกิล
ู
ุ
17 ธรรมชำติอันอดมสมบรณ์ 99 ธรณีวิทยำของเรือบีเกิล
21 ชำร์ลส์ ดำร์วิน: ก�ำเนิดนักธรรมชำติ 105 อย่บ้ำนกับครอบครัวดำร์วิน
ู
วิทยำ 111 เพรียง
25 มหำวิทยำลัยเอดินเบิร์ก 115 น�ำปริศนำมำรวมกัน
ี
ี
33 มหำวิทยำลัยเคมบริดจ์ 123 ก�าเนิดสปชส์
41 กำรผจญภัยของเรือบีเกิล 131 ผลตอบรับทฤษฎีวิวัฒนำกำรของ
่
ั
47 ทวีปอเมริกำใต้ฝงตะวันออก ดำร์วิน
53 ดอน คำร์ลอส “พ่อหนุ่มเกำโช” 137 กล้วยไม้
ิ
57 กำรค้นพบฟอสซล 141 ความผันแปร
61 เตียร์รำเดลฟวยโก และควำมตกตะลึง 145 พลังแห่งพืช
ของคนปำ 149 การแสดงอารมณ์ฯ
่
67 อเมริกำใต้ฟำกตะวันตก 155 ปรำชญ์แห่งดำวน์และกำรศึกษำ
่
่
73 กำลำปำกอส: เรืองรำวทีแท้จริง ไส้เดือน
77 ข้ำมแปซฟก และไปรอบโลก 159 มรณกรรมของดำร์วิน และเกียรติคุณ
ิ
ิ
ู
83 แต่งงำนหรือไม่แต่ง 164 แหล่งข้อมล
บทน�า
ี
ี
ชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้เปล่ยนความเข้าใจท่มีต่อชีวิตบนโลกของเราไปตลอดกาล
�
ี
เขาเป็นท่จดจามากท่สุดจากทฤษฎีวิวัฒนาการโดยการคัดเลือกตามธรรมชาต ิ
ี
ึ
ึ
ซ่งเป็นสมมติฐานอันย่งใหญ่ท่กลายมาเป็นรากฐานเพียงหน่งเดียวของการ
ี
ิ
ั
ศึกษาชีววิทยาศาสตร์ท้งปวง
าร์วินเป็นคนแรกท่ใช้เหตุผลทางธรรมชาต แวดล้อมใหม่ของยุคใหม่ นอกจากน้ยังรู้กันดีว่า
ิ
ี
ี
�
ดอย่างแท้จริงมาอธิบายว่า สิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ บันทึกฟอสซิลดาเนินไปอย่างต่อเน่อง ในหินท่เก่าแก่
ี
ื
่
ั
ั
ั
ี
็
ั
้
ั
มาจากไหน และพวกมันปรบตวให้เข้ากบสภาพ ทสดมเปลอกหอย จากนนกเป็นปลา สตว์ครงบก
ึ
่
ี
ุ
ื
�
ิ
ึ
้
ื
ี
ื
แวดล้อมเฉพาะถ่นอย่างเหมาะสมได้อย่างไร เร่อง คร่งนา สัตว์เล้อยคลาน และสุดท้ายเป็นสัตว์เล้ยงลูก
ราวแท้จริงของการค้นพบทฤษฎีวิวัฒนาการโดยการ ด้วยนม ยังมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์อีกหน่งส่วน
ึ
ื
�
ิ
ี
่
คัดเลือกโดยธรรมชาติค่อนข้างแตกต่างจากเร่องท สาคัญเพ่มเติมคือ มีสปีชีส์บนโลกอีกมากมายเกินกว่า
ั
ี
ี
คนส่วนใหญ่รู้จักคุ้นเคยกัน ดาร์วินมิได้ท้าทายโลก ท่เราเคยรู้ บางคร้งก็พบซากฟอสซิลท่เติมช่องว่าง
ท่เต็มไปด้วยผู้ยึดถือแนวคิดรังสรรค์นิยมแบบโลก ระหว่างกลุ่มส่งมีชีวิตได้พอดิบพอดี มีการค้นพบว่า
ี
ิ
ั
มีอายุน้อย แม้จนถึงปัจจุบัน หลักฐานของวิวัฒนาการ ส่งมีชีวิตท้งคลาสมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างมาก
ิ
1
ท่น่าต่นเต้นเร้าใจท่สุดก็คือลักษณะทางธรณีวิทยา กับอีกกลุ่มหน่งผ่านห่วงโซ่ความคล้ายคลึง ท่สาคัญ
ี
ี
ึ
ื
ี
�
ี
อันกว้างขวางและความหลากหลายทางชีวภาพ ย่งกว่าน้นคือ ทุกๆ กลุ่มเป็นกลุ่มย่อยท่อยู่ภายใต้
ิ
ั
ซ่งส่วนมากเหล่านักธรรมชาติวิทยาชาวคริสเตียน กลุ่มที่ใหญ่กว่าได้พอดี ดูเหมือนว่าบรรดาคลาสของ
ึ
ั
ค้นพบมาตงแต่ยคก่อนดาร์วินเสยอก เม่อพจารณา ส่งมีชีวิตท้งหมด จะมีโครงสร้างพื้นฐานจากรูปแบบ
ุ
ิ
ิ
ื
ี
้
ั
ี
จากการค้นพบทั้งหลายของพวกเขาแล้ว ย่อมเข้าใจ เดียวกัน เช่นเดียวกับท่การศึกษาเอ็มบริโอของสปชส ์
ี
ี
ี
ื
เร่องวิวัฒนาการ (และการค้นพบคร้งย่งใหญ่ของ มากมายแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาในช่วงแรกๆ
ิ
ั
ดาร์วิน) ได้ง่าย ก่อนที่ดาร์วินจะล่องเรือหลวงบีเกิล ของพวกมันสอดคล้องกันอย่างน่าทึ่ง จากน้นค่อยๆ
ั
ั
่
น้น นักธรรมชาติวิทยาชาวตะวันตกแทบจะยอมรับ แตกตางกันเมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนั้นยังพบอีกวา ่
่
ั
ี
ื
ั
้
์
ี
ี
ิ
่
กันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่า โลกมีอายุเก่าแก่หลายล้านปี สงมชวตทงหลายมองคประกอบทางเคมทเหมอนกน
ิ
ี
ี
ี
และมียุคสมัยของส่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนท่เกิดข้น มาก ขณะที่กล้องจุลทรรศน์แสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิต
ิ
ึ
และจากไปต่อเน่องกันมา แต่ละยุคมีรูปแบบชีวิต ทุกชนิดล้วนประกอบขึ้นจากเซลล์
ื
ึ
ี
ื
�
ตามแบบของมันเอง เม่อสปีชีส์หน่งสูญหายไปจาก ดาร์วินพบคาอธิบายท่แสนจะเป็นธรรมชาต ิ
ื
�
ื
�
ั
บันทึกฟอสซิล มันจะไม่หวนกลับมาอีก เช่อกันว่า สาหรบจุดกาเนิดของสปีชีส์ หรือกล่าวอีกอย่างคอ
ื
ึ
ี
ั
สปีชีส์ใหม่ๆ เกิดข้นมาเพ่อให้เหมาะสมกับสภาวะ สปีชีส์ท้งหลายมาจากไหน เช่นเดียวกับท่แผ่นดินไหว
�
ทาให้เกิดการยกตัวทีละเล็กละน้อยจนสุดท้ายถึง
�
ึ
กับยกเอาเทือกเขาแอนดีสข้นมาได้ การกระทาเล็กๆ
1 Young Earth Creationist เป็นแนวคิดทางศาสนาทีเชือว่า พระเจ้าทรงสร้าง
่
่
ี
ี
ี
้
เอกภพ โลก และสิงมีชีวิตทังหมด เมือไม่ถึง 10,000 ปีก่อนนีเอง – ผู้แปล น้อยๆ น้แหละท่เป็นต้นเหตุแท้จริงสู่การเปล่ยนแปลง
้
่
่
10
ี
อย่างมโหฬารของชีวิตตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังที่ สายพันธุ์ เช่น ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เล้ยงของเราและ
ี
ี
�
เราเห็นจากบันทึกซากฟอสซิล วิสัยทัศน์อันไม่ม ความจริงท่ว่าลูกหลานไม่จาเป็นต้องสืบทอดลักษณะ
ุ
ั
็
ี
�
ั
ั
่
้
ิ
ู
ผ้ใดเทยมทาให้เขามองเหนคณค่าของทงสงละอน เหมือนกับพ่อแม่เสมอไป ข้นต่อไปคือเราต้องยอมรับ
พันละน้อยและสิ่งที่ยิ่งใหญ่จนแทบเป็นไปไม่ได้ ว่า กระบวนการอันแสนเรียบง่ายและเกิดข้นอย่าง
ึ
ี
ดาร์วินแสดงให้เห็นว่า ไม่เพียงพวกเราจะสืบ ฉับพลันท่เราสังเกตได้น้ ถ้ามีการทวนย�านานพอก ็
้
ี
�
เชื้อสายมาจากสัตว์ชนิดที่อยู่มาก่อน แต่สิ่งมีชีวิตทั้ง จะสะสมกันไปจนทาให้เกิดความเปล่ยนแปลงอย่าง
ี
�
ี
ปวงท่ยังดารงอยู่และพวกท่เคยมีชีวิตอยู่แต่สูญพันธุ์ ไร้ที่สิ้นสุดได้
ี
ื
ี
ไปแล้ว ล้วนกาเนิดมาจากกระบวนการพ้นฐานใน น่มิใช่หนังสือท่วไปท่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์
�
ี
ั
ื
ึ
การสืบพันธุ์อย่างเดียวกัน โดยมีทายาททั้งที่ประสบ วิทยาศาสตร์ และมันก็มิได้เขียนข้นเพ่อนักประวัติศาสตร์
ื
ี
ความส�าเร็จและที่ล้มเหลว หนังสือน้เป็นการทดลองส่อสารประวัติศาสตร์ของ
ี
ู
น่าเสียดายท่ปัจจุบันมีคนมากมายไม่เข้าใจ วิทยาศาสตร์ ดาร์วิน และวิวัฒนาการให้แก่ผ้อ่านใน
ผลงานของดาร์วิน การอธิบายความซับซ้อนของยีน วงที่กว้างขึ้น
�
�
ั
�
ี
และดีเอ็นเออาจไม่จาเป็นสาหรับการทาความเข้าใจ หนังสือน้มีงานเขียนด้งเดิมและภาพวาด
�
ความจริงพ้นฐานของวิวัฒนาการ แต่การจะเข้าใจ ร่วมสมัยหลายร้อยภาพ ซ่งจะช่วยทาให้ดาร์วิน สถานท่ ี
ื
ึ
เร่องวิวัฒนาการน้นจาเป็นต้องรู้ถึงความแตกต่าง ที่เขาเคยไป และปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เขาศึกษา
ั
ื
�
ิ
เล็กๆ น้อยๆ ตามธรรมชาติระหว่างส่งมีชีวิตแต่ละ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
11
ภาพบน: การสร้างโลก ภาพวาดโดยมาร์ติน ลูเธอร์
จากการแปลความไบเบิลของเขา ค.ศ. 1534
ภาพในหน้าตรงข้าม: ภาพพิมพ์ของเจมส์ อุชเชอร์
ห้วงเหวแห่งกาลเวลา
ื
มนุษยชาติล้วนสงสัยเร่องอายุของโลกเสมอมา ใน ค.ศ.1620 นักบวชและ
ึ
่
่
ั
ิ
ู
ี
ุ
ื
่
บณฑตคนหนงชอ เจมส์ อชเชอร์ (James Ussher) ใช้ความร้ความเชยวชาญ
เก่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลในยุคของเขา ระบุว่าโลกมีอายุประมาณ 6,000 ปี
ี
ื
ึ
ื
เขาเช่อว่าโลกสร้างข้นเม่อ 4,004 ปีก่อนคริสตกาล
ลอดเวลาหลายร้อยปีต่อมา เหล่าบัณฑิต ประมาณช่วงเวลาเดียวกัน นักธรณีวิทยา
ื
ตผู้ค้นคว้าเร่องราวเก่ยวกับโลกพากันสร้าง เจมส์ ฮุตตัน (James Hutton) เช่อว่าโลกเป็น
ื
ี
ึ
ื
ผลงานกองพะเนินด้านการศึกษา การค้นพบ และ เคร่องจักรท่พระเจ้าทรงสร้างข้นเพ่อคาจุนชีวิต
ื
ี
้
�
ื
ื
ั
ี
ข้อโต้แย้งถกเถียงท้งหลาย แม้ว่าคนเหล่าน้ส่วนใหญ่ ฮุตตันเช่อว่าโลกถูกกักอยู่ในวัฏจักรแห่งการเส่อม
จะเป็นคริสเตียนและออร์โธดอกซ์ แต่จากการตรวจ สลายและฟื้นคืนอันไม่รู้จบ พ้นดินถูกกัดเซาะจมลง
ื
ื
ั
ึ
สอบพ้นผิวของโลกอย่างต่อเน่อง พวกเขาเริ่มตระหนัก ไปในมหาสมุทรและเกิดเป็นช้นพ้นท่ข้างใต้ ซ่งต่อ
ื
ื
ี
ื
ว่าโลกน้เก่าแก่โบราณอย่างยิ่ง โบราณในระดับล้านๆ ปี มาก็ยกตัวขึ้นด้วย “เคร่องจักรความร้อน” ภายใน
ี
ี
ี
เลยทีเดียว น่เป็นการเปล่ยนแปลงมุมมอง โลกเพ่อสร้างแผ่นดินแห่งใหม่ ฮุตตันไม่ใช่
ื
�
ี
ิ
ี
เก่ยวกับอดีตท่สาคัญย่ง ทว่าเหล่า นักทฤษฎีที่นั่งอยู่แต่ในห้อง เขาออก
บัณฑตแห่งศตวรรษท่ 17 และ เดนทางอย่างไม่ร้เหนดเหนอยไป
ิ
็
ิ
่
ี
ู
ื
18 หาได้ต้งใจจะทาสงคราม ท่วภาคใต้ของสก๊อตแลนด์ ศึกษา
ั
ั
�
ต่อต้านไบเบิล พวกเขาเพียง ว่าพ้นผิวปัจจุบันของโลกก่อตัว
ื
ไล่ล่าความสนใจของตนใน มาอย่างไร เขาค้นพบสัณฐาน
ึ
ี
�
ศาสตร์อันเฉพาะเจาะจง และ ของหินจานวนหน่งทเรยกว่า
ี
่
ื
ั
บางคร้งยังอุทิศความพยายาม “ช้นหินไม่ต่อเน่อง” ซ่งบ่งบอก
ึ
ั
ื
ี
ื
มหาศาลเพ่อรอมชอมการค้นพบ ว่าพ้นผิวของโลกมีการเปล่ยน
ของตนกับความเชอทางศาสนา แปลงตลอดเวลาหลายต่อหลาย
ื
่
ั
คริสต์อีกด้วย ยุค ตัวอย่างเช่น เขาพบส่วนของช้นหิน
ี
ในศตวรรษท่ 18 นักธรรมชาต ิ หน่งท่บิดตัวจนเกือบจะเป็นแนวด่ง จาก
ี
ึ
ิ
ั
วิทยาชาวฝร่งเศสช่อ จอร์จ บุฟฟง (Georges Buffon) นั้นก็ถูกเฉือนออก และมีชั้นหินแนวนอนอีกชั้นหนึ่ง
ื
ื
�
พยายามทาการทดลองเพ่อประมาณการอายุของโลก ทับอยู่ด้านบน ฮุตตันอธิบายว่าก้อนหินเหล่านั้นเผย
เขาเตรียมลูกเหล็กกลมขนาดต่างๆ กันเอาไปให้ความ ถึง “ความต่อเนื่องของโลก” ที่มาแล้วก็ไป ส�าหรับ
ิ
ั
ร้อนจนเกือบจะถึงจุดหลอมเหลว จากน้นปล่อยให้ อายุของมัน ฮุตตันเพียงตอบแบบเล่นล้นว่า “เรา
็
ี
็
ั
ิ
้
็
�
่
เยนตวลงในถา ยงลกเหลกมขนาดใหญ่เท่าใดกจะ ไม่พบร่องรอยของจุดเริ่มต้น หรือจุดสิ้นสุด”
ู
ึ
ี
ย่งใช้เวลาเย็นตัวนานข้น บุฟฟงคานวณออกมาว่าถ้า งานของฮตตนจดประกายใหแกนกธรณวทยา
ิ
ิ
ุ
่
้
�
ุ
ั
ั
ึ
ื
ู
ลกเหลกกลมมีขนาดเท่ากับโลก จะต้องใช้เวลาราว คนหน่งในบรรดานักธรณีวิทยาผู้มีช่อเสียงโด่งดัง
็
75,000 ปีในการเย็นตัวลงจากสภาวะหลอมเหลว ท่สุดในช่วงต้นศตวรรษท่ 19 คือ ชาร์ลส์ ไลแอลล์
ี
ี
13
อุทกภัย (The Deluge) ภาพพิมพ์แบบเมโซทินท์ โดยจอห์น มาร์ติน (ค.ศ. 1828) แสดงเหตุการณ์น�้าท่วมของโนอาห์
เส้นทางอันมั่นคงของพิภพ
ี
“เรารู้สึกถึงความจาเป็นอย่างย่งท่ต้อง ในแนวด่ง แต่ยังคงนอนอยู่ในแนวราบท่ก้นบ้ง ึ
ิ
�
ี
ิ
ย้อนกลับไปในสมัยท่หินชีสต์ท่เรายืนอยู่น้ยังอยู่ ของท้องทะเล และยังไม่ถูกรบกวนจากแรงระเบิด
ี
ี
ี
ี
ั
ท่ก้นทะเล และเม่อหินทรายเบ้องหน้าเราเพ่ง อนทรงพลังมหาศาลท่แยกหนทางอันม่นคงของ
ั
ื
ื
ิ
ี
ิ
ิ
จะเร่มก่อตัวทับถมกันในรูปของทรายและโคลน พภพออกจากกัน ... ความคิดย่งวิงเวียนมากข้น
ึ
ิ
ี
ิ
ิ
จากนาในระยะท่เพ่งเร่มก่อตัวเป็นมหาสมุทร เม่อมองย้อนกลับไปในห้วงเหวของกาลเวลา” รวม
้
ื
�
ั
น้นแสดงให้เห็นถึงยุคสมัยท่ห่างไกลเหลือเกิน ผลงานของจอห์น เพลย์แฟร์ (The works of John
ี
ั
ี
ี
ยุคท่แม้แต่หินท่เก่าแก่โบราณท่สุดยังมิทันต้งข้น Playfair), คอนสเตเบิล, ค.ศ. 1822, หน้า 80
ี
ึ
ื
(Charles Lyell) ในยุคนี้ พระคัมภีร์ไบเบิลกับเร่องราวอัศจรรย์
ี
ไม่เป็นท่ยอมรับในการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
อีกต่อไป มีการค้นพบคาอธิบายทางธรรมชาติมากมายคร้งแล้ว
ั
�
ี
ั
คร้งเล่าท่อธิบายคุณลักษณะโครงสร้างของโลกได้ ไลแอลล์
ตรวจสอบภูเขาไฟเอตนาในอิตาลี และอธิบายว่ามันค่อยๆ งอก
ผ่านช่วงเวลาอันแสนยาวนาน ไลแอลล์มองว่าเหตุการณ์ทาง
ี
ธรณีวิทยาท่เกิดข้นฉับพลันทันทีอาจเป็นผลมาจากเหตุการณ์
ึ
ปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นเป็นล�าดับต่อเนื่องยาวนาน
มุมมองทางทฤษฏีดังกล่าวของเขาได้รับการจดจา
�
ว่าเป็น “แนวคิดเอกรูปนิยม (uniformitarianism)” และถือ
�
กันว่าเป็นหัวใจสาคัญในทฤษฎีของไลแอลล์ แม้ว่านักวิชาการ
ร่วมสมัยกับไลแอลล์จะไม่มีปัญหากับการใช้เหตุผลธรรมดา นักปรัชญาชาวสกอต เจมส์ ฮุตตัน ภาพพิมพ์โดย
�
ี
เพ่ออธิบายอดีตท่ผ่านไป แต่พวกเขาคัดค้านคายืนกรานของ จอห์น เคย์ ค.ศ. 1787
ื
14
ี
ไลแอลล์ท่ว่า ปัจจัยของการเกิดเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ในระดับ
ี
�
เดียวกันกับท่พวกเขาคอยเฝ้าสังเกตอยู่น้นเป็นส่งท่ดารงอยู่มาตลอด
ี
ิ
ั
น่นหมายความว่า การเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และการ
ั
สึกกร่อน ต้องเคยเกิดขึ้นในระดับเดียวกันนี้อยู่เสมอ
ั
นักธรรมชาติวิทยาชาวฝร่งเศส ฌอง
ิ
แบบติสต์ เดอ ลามาร์ก ผู้เสนอว่า ส่งม ี
ชีวิตไม่ได้สูญพันธุ์ แต่เปลี่ยนแปลงไปอยู่
ในรูปแบบอื่นที่ก้าวหน้ากว่า รอยชั้นทางธรณีวิทยาที่ไม่ต่อเนื่องกันบนแม่น�้าเจด แผ่นพิมพ์ที่ 3 จากทฤษฎีว่า
ด้วยโลก (Theory of the Earth) ของฮุตตัน เล่ม 1 (ค.ศ. 1795) ฐานตะกอนที่
บิดหมุนถูกทับถมโดยชั้นพื้นดินแนวราบที่เกิดภายหลัง
การสร้างสรรค์สปีชีส์ใหม่
�
ี
็
ั
่
ี
ิ
ึ
ื
ไลแอลล์ยงยกประเดนคาถามเกยวกับการปรากฏข้นหรอหายตัวไปของสปีชส์ในซากฟอสซล
ซ่งเกิดซาไปซามาหลายหนในบันทึกทางธรณีวิทยา นอกจากน้เขายังพยายามอธิบายว่า กระบวนการ
้
�
�
ี
ึ
้
ั
ี
ตามธรรมชาติท่เกิดข้นทีละเล็กละน้อยคือตัวการสาคัญเพราะสปีชีส์น้นอยู่คงท่ในขณะท่โลกค่อยๆ
ึ
ี
�
ี
ี
ื
ี
เปล่ยนแปลงไป สุดท้ายสปีชีส์จึงต้องสูญพันธุ์เม่อสภาพแวดล้อมเปล่ยนแปลงมากจนเกินไป แล้วสปีชีส์
ึ
ใหม่ๆ ภายหลังเกิดมาจากไหนกันเล่า เขายอมรับว่าการเกิดสปีชีส์ใหม่อาจเกิดข้นทีละน้อยเช่นเดียว
กับการสูญพันธุ์ และตั้งสมมติฐานว่า สปีชีส์ใหม่ๆ เป็นผลมาจาก
“การสร้างสรรค์พิเศษ” แบบใดแบบหน่งท่สอดคล้องกันกับสภาพ
ึ
ี
้
ื
่
ี
ั
ิ
ี
แวดล้อมใหม่ๆ ขณะทหลกพนฐานทางธรณวทยา (Principles
of Geology) ของไลแอลล์ (ค.ศ. 1830-33) เริ่มเผยแพร่ออกมา
ั
ี
ึ
น้น นักธรณีวิทยาหนุ่มชาวอังกฤษคนหน่งท่กาลังทาวิจัยอยู่ใน
�
�
อเมริกาใต้ก็นาแนวคิดบางอย่างของไลแอลล์เก่ยวกับการเกิดข้น
�
ี
ึ
ทีละน้อย (gradualism) ไปหาวิธีทดสอบได้ เขายังรู้สึกไม่พอใจ
นักที่ไลแอลล์พยายามหลบเลี่ยงค�าถามที่ว่า สปีชีส์ใหม่ๆ มาจาก
ไหน ชื่อของหนุ่มคนนั้นคือ ชาร์ลส์ ดาร์วิน
ชาร์ลส์ ไลแอลล์, ถ่ายภาพโดยเออร์เนสต์ เอ็ดวาร์ดส์ ประมาณ ค.ศ.1865
15
ภาพบน: ภาพหน้าปก Systema naturae ของลินเนียส (ค.ศ. 1758)
ิ
ภาพในหน้าตรงข้าม: นักพฤกษศาสตร์และนักอนุกรมวิธานชาวสวีเดนผู้ย่งใหญ่ คาโรลัส ลินเนียส
(Carolus Linneaus) ภาพโดยแม็กนัส ฮอลล์แมน ในช่วงทศวรรษ 1780
ู
ุ
ธรรมชาติอันอดมสมบรณ์
ิ
่
นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษผู้ยงใหญ่ จอห์น เรย์ (John Ray) ได้ตีพิมพ์
ี
ื
ิ
�
รายช่อสปีชีส์ต่างๆ จานวนหลายร้อยสปีชีส์ในช่วงปลายศตวรรษท่ 17 เม่อส้น
ื
ี
ิ
ึ
�
ศตวรรษท่ 18 มีจานวนสปีชีส์ท่รู้จักเพ่มมากข้นหลายแสนสปีชีส์
ี
ื
ั
ึ
ม่อเรือของชาวยุโรปเดินทางรอบโลกเป็นคร้งแรก ล้วนประกอบข้นจากเซลส์ แม้จะมีซากฟอสซิลอย่ ู
ี
เ สปีชีส์ชนิดใหม่ๆ จึงเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ตั้งแต่ ทวไป แต่เป็นเวลานานหลายศตวรรษท่ไม่มีใครรู้
ั
่
ู
โลมา โดโด ไปจนถึงสัตว์จาพวกจิงโจ้แสนประหลาดใน แน่ชดเลยว่า ซากฟอสซลเหล่านน (ในความร้สก
ั
ึ
ั
�
ิ
้
ออสเตรเลีย ผู้ท่ชอบจัดระบบเช่นนักพฤกษศาสตร์ ของเรา) เก่ยวข้องอะไรกับส่งมีชีวิตหรือเปล่า ย่งมี
ิ
ิ
ี
ี
ชาวสวีเดน คาร์ล ลินเนียส จึงสร้างระบบในการจัด ความสนใจเจ้าวัตถุลึกลับน่าพิศวงเหล่าน้ร่วมกัน
ี
ิ
ี
่
ี
ี
�
ี
ิ
ี
ึ
ั
ิ
ั
ึ
ลาดบพวกมนอย่างละเอยด และพบว่าสงมชวต มากข้นก็ย่งรู้ชัดเจนข้นว่า ท่แท้มันคือซากท่เหลือ
ี
ิ
ี
ั
ู
่
ี
ท้งหมดในแต่ละคลาสมีความเก่ยวพันใกล้ชิดกับ อย่ของพืชและสตว์ทเคยมชวตแล้วกลายเป็นหน
ั
ิ
ี
ึ
�
อีกคลาสหน่งผ่านห่วงโซ่ความคล้ายคลึง ท่สาคัญ ไม่ใช่แค่การหยอกเย้าของธรรมชาติท่บังเอิญให้พวก
ี
ี
ย่งไปกว่าน้นคือ ทุกกลุ่มเป็นกลุ่มย่อย มันเติบโตข้นข้างในก้อนหิน ในศตวรรษ
ึ
ิ
ั
ี
ภายในกลุ่มท่ใหญ่กว่าได้อย่างพอ ที่ 17 ปราชญ์ผู้รอบรู้ชาวอังกฤษชื่อ
ดิบพอดี ตัวอย่างเช่น ทุกสปีชีส์ โรเบิร์ต ฮุค (Robert Hooke)
ของหมาป่าอยู่ในคลาสเดียว เป็นหน่งในคนกลุ่มแรกๆ ท ่ ี
ึ
้
ิ
็
กับหมาจ้งจอก หมาไน และ แสดงให้เหนว่าฟอสซลนน
ิ
ั
สุนัขบ้าน เรียกว่า วงศ์เคไนด์ คือสิ่งที่เคยมีชีวิต โดยเปรียบ
(canide) เทียบโครงสร้างของมันกับส่ง
ิ
ั
บางคร้งดูเหมือนซาก มีชีวิตท่คล้ายคลึงกันภายใต้
ี
ฟอสซิลเข้าได้กับช่องว่าง กล้องจุลทรรศน์ท่เพ่งคิดค้น
ี
ิ
ระหว่างกลุ่มของส่งมีชีวิตพอด ี ข้นใหม่ แพทย์ชาวเดนมาร์คช่อ
ึ
ิ
ื
ั
แสดงว่าฟอสซิลเหล่าน้นก็น่าจะอยู่ นิโคลัส สตีโน (Nicolas Steno)
ิ
ั
ี
ในคลาสเดียวกนด้วย ในบรรดาคลาส สาธิตให้เห็นว่า ส่งท่เรียกกันว่าฟอสซิล
ท้งปวงของส่งมีชีวิตดูเหมือนจะมีโครงสร้างแบบ “หินรูปลิ้น” (tongue stone) นั้นดูคล้ายคลึงกับ
ิ
ั
เดียวกันซ่งใช้เป็นฐานของรูปแบบอย่างเดียวกัน ใน ฟันของฉลามมาก เพราะท่จริงแล้วมันก็คือฟันของ
ี
ึ
ทานองเดียวกัน การศึกษาตัวอ่อนของหลายๆ สปีชีส์ ฉลามที่กลายเป็นหินนั่นเอง
�
ั
ื
ก็แสดงให้เห็นความสอดคล้องกันอย่างน่าต่นตะลึง นักกายวิภาคเปรียบเทียบชาวฝร่งเศส
ในพัฒนาการช่วงแรกๆ ซึ่งจะสูญหายไปเรื่อยๆ เมื่อ ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง จอร์จ กูวีเย (Georges Cuvier)
ี
ิ
พวกมันมีอายุมากข้น นอกจากน้ยังพบว่าส่งมีชีวิต วิเคราะห์กระดูกฟอสซิลอย่างละเอียด และพิสูจน์
ึ
ู
ื
ั
ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบทางเคมีเหมือนกัน ขณะ ข้อเท็จจรงเร่องการสญพันธุ์ได้เป็นคร้งแรก การขุดค้น
ิ
ี
ท่กล้องจุลทรรศน์เผยให้เห็นว่าส่งมีชีวิตทกชนด ของเขาท่แอ่งปารีสเปิดเผยว่า ย่งเราย้อนเวลาไปมาก
ี
ิ
ุ
ิ
ิ
17
ิ
ั
ิ
เท่าไร ย่งมีความแตกต่างของส่งมีชีวิตมากเท่าน้น
ื
เขากาหนดหลักการข้นว่า ย่งเราขุดลึกลงไปในพ้น
ิ
ึ
�
โลกมากขึ้น ซากฟอสซิลที่พบก็ยิ่งแตกต่างไปจากรูป
่
ู
ู
แบบในปัจจบนมากขนและรปแบบทสญหายไปใน
ี
ึ
ั
้
ุ
ยุคหนึ่งๆ จะไม่ปรากฏซ�้าในยุคสมัยหลัง
่
ในชวงทศวรรษ 1830 นกธรณวทยาท่ดาเนิน
ั
ี
�
ิ
ี
รอยตามงานของกูวีเย คือ วิลเลียม สมิธ (William
ั
ิ
Smith) และวลเลยม บคแลนด (William Buckland)
ี
์
จากอ็อกซฟอร์ด แทบจะเห็นพ้องกันเป็นเอกฉันท์ว่า
ิ
ึ
ี
�
ั
บนทกทางธรณวทยาแสดงถงการรบช่วงเป็นลาดบ
ั
ึ
ั
ของยุคสมัยแห่งชีวิตในประวัติศาสตร์ของโลก ยุคแรก
ั
สุดคือหอย จากน้นเป็นพวกครัสตาเชียนและปลา
ิ
ื
หินช้นหลังมีสัตว์เล้อยคลานยุคแรกเร่มและไดโนเสาร์
ั
ิ
ท่เพ่งค้นพบไม่นานมาน้ ขณะท่หินซ่งค่อนข้างใหม่กว่า
ี
ึ
ี
ี
ี
จะมีสัตว์เล้ยงลูกด้วยนมยุคแรก แม้จะเป็นชนิดท ่ ี
สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว แม้แต่หินท่อายุน้อยกว่าน้น
ี
ั
ี
ก็ยังมีซากฟอสซิลของสปีชีส์ท่สูญพันธุ์ไปแล้วซ่ง ึ
ั
ี
คล้ายคลึงกับสปีชีส์ท่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และท่ช้น ภาพพิมพ์ของนักกายวิภาคเปรียบเทียบและนักบรรพชีวิน-
ี
ใหม่ล่าสุดล้วนแต่เป็นสปีชีส์ที่ยังคงด�ารงอยู่ อย่างไร วิทยาชาวฝร่งเศสผู้ยิ่งใหญ่ จอร์จ กูวีเย แสดงภาพเขากาลัง
ั
�
ั
ก็ดี ไม่มีใครเคยขุดพบฟอสซิลของมนุษย์ และน่น ตรวจสอบซากฟอสซิลของปลาด้วยแว่นขยาย
�
แสดงอย่างชัดเจนว่า ยุคสมัยของส่งมีชีวิตดึกดาบรรพ์
ิ
�
ื
เหล่านนดารงมาก่อนทมนษย์จะถอกาเนดขน
ึ
ี
้
�
ั
ิ
ุ
่
้
คงที่และไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
จอห์น เรย์ ผู้เปี่ยมศรัทธา ได้รวบรวมรายชื่อ
ี
สปีชีส์ และยืนกรานว่า “จานวนสปีชีส์ท่แท้จริงใน
�
ธรรมชาตินั้นคงที่ มีจ�านวนจ�ากัด เรามีเหตุผลพอจะ
ี
ี
เช่อได้ว่า มันมีจานวนคงท่และไม่มีวันเปล่ยนแปลง
ื
�
นับแต่วันสร้างสรรค์คร้งแรกจวบจนถึงปัจจุบัน ...
ั
ึ
ื
สปีชีส์หน่งไม่มีทางเกิดมาจากหน่อของสปีชีส์อ่น”
ึ
ลินเนียสเคยประกาศคร้งหน่งว่า “ในบรรดาสปีชีส์
ั
ั
ี
ั
ั
ท้งปวงท่พระผู้เป็นเจ้าสร้างมาแต่ด้งเดิมน้น ไม่มีชนิดใด
ถูกท�าลายไปเลย”
นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ จอห์น เรย์
18
สร้างอดีตของโลกขึ้นมาใหม่
นิโคลัส สตีโน อธิบายว่า ฟอสซิลหน่งๆ แต่
ึ
ด้งเดิมต้องแข็งแกร่งกว่าสสารรอบๆ มัน เพราะ
ั
ิ
ื
ั
�
้
ึ
่
ิ
่
ู
ิ
้
ฟอสซลคอตวกาหนดรปรางกอนหน จงทงรองรอย
ั
เอาไว้ได้ ไม่ใช่ในทางตรงกันข้าม ดังน้นสสารท่คร้ง ั
ี
ึ
หน่งเคยอ่อนนุ่มแล้วกลายมาอยู่ล้อมรอบฟันของ
ฉลามต้องตกตะกอนออกมาจากของเหลวเช่น น�้า
ั
ั
น่นหมายความว่า ช้นเคลือบแรกๆ ต้องเป็นแนว
ี
นอน การบิดเพ้ยนไปจากเส้นแนวนอนเป็นตัวบ่งช ้ ี
ั
ว่าช้นเคลือบในภายหลังถูกรบกวน ถ้ามีหินหรือ
ช้นหินหลายๆ ช้น ช้นท่อยู่ข้างใต้ต้องเก่ากว่าช้น
ี
ั
ั
ั
ั
ี
ี
ิ
ท่ทับถมอยู่ข้างบน ส่งน้ทาให้แยกแยะยุคสมัยท ี ่
�
ี
ิ
�
�
แตกต่างกันของหินได้ และท่สาคัญย่งคือ หมาย นิโคลัส สตีโน อธิบายว่าซากฟอสซิลเป็นตัวกาหนดแม่พิมพ์
ความว่าเราสามารถสร้างประวัติศาสตร์ของโลกใน ของสิ่งที่อยู่รอบตัวมัน ไม่ใช่ในทางตรงกันข้าม ด้วยเหตุนี้
อดีตขึ้นมาใหม่ได้ แต่แรกเริ่มมันจึงฝังตัวอยู่ในสสารที่อ่อนนุ่ม ซึ่งก็คือ โคลน
ื
ภาพซ้าย: ภาพตัวหมัดเม่อมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ จาก ไมโครกราเฟีย
(Micrographia) (ค.ศ. 1664) ของโรเบิร์ต ฮุค กล้องจุลทรรศน์ทาให้เรา
�
มองเห็นสิ่งมีชีวิตจ�านวนมหาศาลได้เป็นครั้งแรก
ภาพล่าง: ลิงอุรังอุตังเพศเมีย จาก ประวัติศาสตร์ธรรมชาติของสัตว์
เล้ยงลูกด้วยนม (Histoire Naturelle des Mammiferes) เล่ม 3
ี
ค.ศ. 1819-42 โดย เอเตียน ฌอฟฟัว ซางตีแลร์ และจอร์จ กูวีเย
่
ื
นนทาให้หลายคนเชอว่าเรองเล่าการสร้างโลกในพระธรรม
�
่
ื
่
ั
ปฐมกาลน้นกล่าวถึงแต่เพียงการสร้างสรรค์ในยุคสมัยล่าสุด
ั
เท่านั้น คือยุคที่มีพวกเราอยู่
ดังน้น ในเวลาท่ดาร์วนยังเป็นนักเรยนหนุ่มน้อย
ี
ี
ั
ิ
ี
ผู้คนท่มีการศึกษาส่วนใหญ่รู้แล้วว่าโลกมิได้มีอายุเพียง
ึ
ึ
ึ
�
6,000 ปี ความตระหนักรู้ท่สาคัญอีกข้อหน่งซ่งเกิดข้นมา
ี
ิ
้
ี
ี
ื
ดวยกคอ ในโลกนมสปชสอกมากมายเกนกวาทเคยจนตนาการ
้
็
ี
่
่
ี
ิ
ี
์
ี
กันมาแต่ก่อน
19
�
ชาร์ลส์ ดาร์วิน: กาเนิดนักธรรมชาติวิทยา
ี
ื
ี
ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน เกิดเม่อวันท่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1809 เป็นบุตรคนท่ห้า
จากจานวนหกคน เขาเกิดในครอบครัวผู้มีอันจะกินในเมืองชรูว์เบอรี จังหวัด
�
ชร็อปเชอร์ ในช่วงกลางรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จแห่งอังกฤษ เป็นเมืองชนบท
2
ี
อังกฤษดังเช่นท่เจน ออสเตน พรรณนาเอาไว้ และสงครามนโปเลียน ก็ดูเหมือน
3
อยู่ห่างไกลนัก
ื
านของครอบครัวช่อ เดอะเมานต์ เป็น เม่อเขาอายุแปดปี ไม่มีหลักฐานท่ชัดเจนมาสนับสนุน
ื
ี
บ้คฤหาสน์หลังใหญ่แสนสบายท่มีคนรับใช้ ทัศนะที่กล่าวซ�้าบ่อยๆ ว่า การตายของเธอมีผลทาง
ี
หลายคน บิดาของดาร์วินเป็นนายแพทย์และนักการ จิตวิทยาต่อเขาอย่างลึกซ้ง ความทรงจาของเขาให้
ึ
�
เงินร่างท้วม โรเบิร์ต ดาร์วิน ซ่งเป็นบุตรชายท่น่า ความสนใจมากพอกันสาหรับ “โต๊ะทางานท่เป็น
ึ
ี
�
ี
�
ี
นับถือของอิรัสมัส ดาร์วิน นักปรัชญาและกวีผู้ม ระเบียบอย่างน่าแปลกใจ” ของมารดา เขาได้รับการ
ชื่อเสียง (หรือขึ้นชื่อกระฉ่อน) มารดาของดาร์วินคือ ดแลปรนนบติจากเหล่าสาวใช้ ทาให้การตายของ
ั
�
ู
ิ
นางซูซานนา เว็ดจ์วู้ด เป็นบุตรสาวของโจสิยาห์ มารดาไม่ก่อให้เกิดอาการขาดแม่เหมือนดังท่เกิด
ี
ั
ี
ี
เว็ดจ์วู้ด ช่างปั้นหม้อผู้โด่งดัง กับเด็กสมัยใหม่ พ่สาวท้งสามของเขาเป็นคนเล้ยงด ู
ความทรงจาวัยเด็กของดาร์วินเผยถึงลักษณะ ดาร์วินกับแคเธอรีนน้องสาวคนเล็กจนเติบใหญ่
�
ื
ิ
นิสัยพ้นฐานสองประการท่ติดตัวเขาไปตลอดชีวิต คือ ดาร์วินเร่มเรียนหนังสือท่บ้าน โดยแคโรลีน
ี
ี
ี
ความถ่อมตัวอย่างจริงใจและความอยากรู้อยากเห็น ผู้พ่สาวเป็นคนสอน ก่อนไปเข้าโรงเรียนแห่งหน่งใน
ึ
ไม่รู้หน่ายใคร่จะเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ ท�างานอย่างไร แต่ ชรูว์เบอรีที่บริหารโดยนักบวชจากลัทธิเอกภาพนิยม
�
ช่วงปีหลังๆ เขาจาได้แต่เพียงความตายของมารดา (Unitarian Chapel) ซึ่งแม่ของเขาเคยพาลูกๆ ไป
ภาพในหน้าตรงข้าม: บิดาของดาร์วิน
ดร.โรเบิร์ต แวริง ดาร์วิน ผู้ซึ่งดาร์วิน
ราลึกถึงเขาว่า “บุรุษผู้เฉลียวฉลาด
�
ที่สุดที่ผมเคยรู้จัก”
ภาพขวา“เดอะเมานต์” สร้างโดยบิดา
ของดาร์วินเมื่อราวปี ค.ศ. 1800 เป็น
บ้านในวัยเด็กของดาร์วิน
่
่
2 อังกฤษในช่วง ค.ศ. 1714-1830 ซึงอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าจอร์จที 1-4 – ผู้แปล
่
่
่
่
3 สงครามทีต่อเนืองมาจากสงครามปฏิวัติฝรังเศส เริมต้นราว ค.ศ. 1803 และยุติลงประมาณ ค.ศ. 1815 – ผู้แปล
21
ื
เข้าร่วมบ่อยๆ ลัทธิเอกภาพนิยมไม่เช่อถือหลักคิด องค์ประกอบของวัตถุในบ้านหลายๆ อย่าง โดยการ
ั
ี
�
ิ
ี
แบบตรเอกภาพ อย่างไรก็ดีชาร์ลส์ได้รบศลบัพตศ ผสม ต้ม สกัด และทาให้ตกผลึก กิจกรรมเหล่าน ี ้
มาและน่าจะนับถือนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ เร่อง ประกอบกับการเรียนรู้ตาราเคมีอย่างต้งอกต้งใจ
ื
ั
�
ั
้
�
ู
�
ั
ื
์
ิ
ึ
น้มีความสาคัญมากเพราะทาให้เขาม ี ดารวนจงเรยนรหลกการพนฐานของการ
ี
้
ี
คุณสมบัติเพียงพอจะศึกษาต่อใน ทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง
มหาวิทยาลัยอังกฤษในเวลาต่อ เขาร�าลึกถึงในภายหลังว่า:
มา ค.ศ.1818 ดาร์วินเรียนต่อ “(เคมี) คือส่วนท่ยอด
ี
ี
ึ
ท่โรงเรียนของรัฐแห่งหน่งใน เยยมท่สดของการเรยนท ี ่
ี
ี
่
ี
ุ
ชรูว์เบอรีที่อยู่ห่างจาก เดอะ โรงเรียนของผม เพราะมัน
�
เมานต์ไปประมาณ 1 ไมล์ ทาให้ผมเห็นความหมาย
ี
ี
เขาเป็นนักเรียนประจาท่น่จน แท้จริงของวิทยาศาสตร์เชิง
�
กระทั่งถึงปี ค.ศ. 1825 การทดลอง อย่างไรก็ดี การ
ี
ู
ดาร์วินไม่ใช่นักเรียน ทดลองท่บ้านของเราล่วงร้ไป
่
่
ึ
ท่น่าช่นชมนัก เขารู้สึกเสียเวลา ถงทโรงเรียน ซงเป็นส่งทไม่เคย
ี
ึ
่
ื
ี
ี
ิ
ึ
ั
ิ
ทโรงเรยนไปกบการเรียนภาษากรก เกดขนมาก่อน ผมจงได้ฉายาว่า
ึ
่
ี
ี
ี
้
่
และละตินด้งเดิม เขาศึกษาเคมีเองท่ “ห้อง ‘ก๊าซ’ คร้งหนงผมยงโดนผ้อานวยการ
ั
ั
ั
�
ู
ี
ึ
ึ
ทดลอง” ในบ้าน ซ่งต้งอยู่ในโรงเก็บของในสวน ดร.บัตเลอร์ ดุเอา เพราะมัวแต่ใช้เวลาให้หมดไปกับ
ั
ี
กับอิรัสมัสผู้เป็นพ่ชาย พวกเขาช่วยกันตรวจสอบ เรื่องไร้สาระเช่นนี้”
ความทรงจ�าวัยเด็ก
ี
ิ
ู
่
ั
่
“เมอมองย้อนกลบไปดนสยของผมเมอ กระตือรือร้นต่อส่งใดก็ตามท่สนใจ และเพลิดเพลิน
ั
ื
ิ
ื
�
ุ
ี
ื
สมัยยงอยู่ในโรงเรยน คณลกษณะเพยงประการ กับการทาความเข้าใจวัตถุหรือเร่องราวท่สลับ
ั
ี
ั
ี
ิ
เดียวในตอนนั้นซึ่งรับประกันอนาคตที่ดี คือการที่ ซับซ้อน ... ผมจาได้ว่า ในช่วงแรกๆ ท่เพ่งเข้า
�
ี
ิ
ี
ื
ผมมีรสนิยมท่ชัดเจนและหลากหลาย มีความจดจ่อ โรงเรียน ผมมักจะต้องว่งให้เร็วมากๆ เพ่อไปให้
ทันเวลา การเป็นนักว่งเร็วทาให้ผมประสบความ
ิ
�
ื
�
สาเร็จอยู่เสมอ แต่เม่อมีข้อสงสัยผมจะอธิษฐาน
ต่อพระเจ้าอย่างจริงจังขอให้พระองค์ทรงช่วย ผม
จ�าได้ดีว่า ผมเชื่อว่าความส�าเร็จของตนมาจากการ
อธิษฐาน ไม่ใช่จากการว่งเร็ว และนึกอัศจรรย์ใจว่า
ิ
ผมได้รับความช่วยเหลือบ่อยเหลือเกิน” ชาร์ลส์
ดาร์วิน, อัตชีวประวัติ, ค.ศ. 1958, หน้า 43
ดาร์วินและแคเธอรีนน้องสาวของเขา (ค.ศ. 1816) ภาพวาด
ี
ึ
พาสเทลโดยโรลินดา ชาร์เพิลส์ ราวหน่งปีก่อนท่มารดาของ
พวกเขาจะเสียชีวิต
22
นักสะสมรุ่นเยาว์
“เมื่อตอนที่ผมไปโรงเรียนนี้ [โรงเรียนกลางวัน] ความชื่นชอบในประวัติศาสตร์ธรรมชาติ โดย
ิ
ึ
เฉพาะอย่างย่งการเก็บสะสมตัวอย่าง ได้พัฒนาข้นเป็นลาดับ ผมพยายามทารายช่อของพืช เก็บ
�
�
ื
่
ุ
ั
ิ
ิ
ึ
ี
สะสมทุกสงทกชนด เปลอกหอย ตราประทบ ตราผนกแสตมป์ เหรยญ และแร่ธาต ความหลงใหล
ุ
ื
ั
ิ
ู
่
ี
ในการเกบสะสมซงนาพาให้ชายคนหนงกลายเป็นนกธรรมชาตวทยาผ้คดอย่างเป็นระบบได้ทวความ
็
ึ
ิ
่
ึ
�
ิ
ี
ึ
ี
รุนแรงข้นในตัวผม (ไม่รู้ว่าเป็นผู้เช่ยวชาญหรือเป็นคนตระหน่) มันฝังอยู่ในตัวผมอย่างชัดเจน ไม่ม ี
ี
ื
ี
ี
พ่น้องคนไหนท่มีความช่นชอบแบบเดียวกันน้เลย ผมจาได้ว่าดีใจมากขนาดไหนตอนท่ตกได้ตัวนิวต์
�
ี
ื
ข้นมาจากบึงหินท่โรงเรียน ผมเร่มมีความช่นชอบอย่างแรงกล้าในการเก็บสะสมมาต้งแต่ยังเด็ก ส่วน
ั
ี
ิ
ึ
ึ
ิ
มากเป็นตราประทับ ตราผนึก ฯลฯ แต่ก็รวมถึงก้อนกรวดและก้อนแร่ด้วย ส่งซ่งเด็กชายบางคนให้
ื
ผมมา กลายเป็นตัวตัดสินความช่นชอบน ้ ี
ื
ผมเช่อว่าช่วงเวลาประมาณนั้นเองท ่ ี
ิ
ผมเร่มสนใจศึกษาด้านพฤกษศาสตร์”
ิ
ั
ชาร์ลส์ ดาร์วน, อตชวประวต, ค.ศ.
ี
ิ
ั
1958, หน้า 22
โรงเรียนชรูว์สเบอรี ซ่งดาร์วินอาศัยอยู่ใน
ึ
ฐานะนักเรียนประจ�า ตั้งแต่ ค.ศ. 1818-1825
ึ
ภาพในหน้าตรงข้าม, บน: ภาพหน่งใน ดาร์วินชื่นชอบกีฬาในชนบท เช่น ขี่จักรยาน ยิงปืน
�
ี
จานวนท่มีเพียงไม่ก่ภาพของซูซานนาห์
ี
�
�
เว็ดจ์วู้ด มารดาของดาร์วิน ราว 2-3 ปี ตกปลา และเดินออกกาลังตามลาพัง เขาไม่สนใจกีฬาเชิง
ก่อนแต่งงาน สังคมอย่างเช่น คริกเก็ต อิรัสมัสไปเรียนต่อด้านการแพทย์ที่
ื
ั
ี
ภาพล่าง: ครอบครัวเว็ดจ์วู้ด วาดโดยจอร์จ เคมบริดจ์เม่อ ค.ศ. 1822 จากน้นก็ไปศึกษาต่อท่มหาวิทยาลัย
สตับส์ มารดาของดาร์วินน่งอยู่บนหลังม้า เอดินเบิร์กใน ค.ศ. 1825 บิดาของดาร์วินคิดว่าเป็นโอกาส
ั
ตรงกลางภาพ น้าของเขา โจสิยาห์ หรือ “โจ” อันดีสาหรับชาร์ลส์ท่จะเร่มศึกษาด้านการแพทย์เสียท ี
ิ
�
ี
ี
คือคนท่อยู่ถัดไปทางขวา คุณตาของดาร์วิน
ี
ึ
ช่างปั้นหม้อผู้โด่งดัง โจสิยาห์ เว็ดจ์วู้ด กับ ใน ค.ศ. 1825 ดาร์วินจึงไปยังเอดินเบิร์ก ท่ซ่งโลกใหม่อันเต็ม
ภรรยาของเขา ซาราห์ นั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เปี่ยมด้วยความเป็นไปได้วางอยู่ต่อหน้าเขา
23
มหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก ด้านถนนเซาท์บริดจ์
ค.ศ. 1829 ดาร์วินศึกษาวิชาแพทย์ที่นี่เป็นเวลา
สองปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1825-1827
มหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก
ี
ในค.ศ. 1825 ขณะดาร์วินอายุเพียง 16 ปี ได้ติดตามอิรัสมัส พ่ชายของเขา
ี
ื
ไปท่มหาวิทยาลัยเอดินเบิร์กเพ่อศึกษาวิชาการแพทย์ ดาร์วินไม่ชอบการเรียน
่
ั
ื
ึ
ี
ั
่
้
ของตนเองเลย และร้สกขยะแขยงทกครงทเหนเลอดหรอการผ่าตด ซงสมัยนน
ู
็
ึ
ุ
้
ั
ื
ยังกระทากันโดยไม่มีการให้ยาสลบ
�
ที่สองที่เขาอยู่เอดินเบิร์ก พี่ชายของดาร์วินก็ ถึงการค้นพบนี้ แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อแกรนต์บอกว่า
ี
ื
ี
ื
ี
ปีเรียนจบออกไป ท�าให้ดาร์วินได้พบเพ่อน น่เป็นพ้นท่ทาวิจัยของเขา จึงไม่เป็นธรรมท่ดาร์วิน
�
ี
นักศึกษามากมายท่สนใจในวิทยาศาสตร์ธรรมชาต เอาผลงานไปเผยแพร่ ดังน้นดาร์วินจึงได้รู้จักท้ง ั
ิ
ั
เหมือนกัน ความต่นเต้นจากการค้นพบส่งใหม่ๆ ในธรรมชาต ิ
ื
ิ
ี
ดาร์วินได้เรียนวิทยาศาสตร์มากข้น โดยอาศัย และความอิจฉาริษยาทางวิทยาศาสตร์ท่มักเกิดตาม
ึ
ั
ั
เวลาส่วนตัวมากกว่าท่ได้เรียนจากการเข้าช้น มาบ่อยๆ ไปพร้อมกัน หลังจากน้นดาร์วินก็ไม่ค่อย
ี
เรียน ท่เอดินเบิร์กน้ดาร์วินได้เข้าร่วมสมาคมทาง อยากใกล้ชิดกับแกรนต์อีก
ี
ี
ั
วิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรก และประทับใจมากกับโลก ดาร์วินรู้จักวิชาธรณีวิทยาเป็นคร้งแรกท ี ่
ั
่
�
ของชนช้นสูงผู้อ่านและถกเถียงกันเก่ยวกับงานวิจัย เอดินเบิร์ก แต่เพราะมุมมองคราครึของผู้เป็นอาจารย์
ี
ื
ั
ทางวิทยาศาสตร์ เขาเร่มอ่านและศกษาหนงสออย่าง ท�าให้ได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ค่อยดีนัก เขาร�าลึกถึงเรื่อง
ึ
ิ
วารสารทางวิทยาศาสตร์ด้วย เขาได้รับแรงบันดาลใจ นี้ภายหลังในบันทึกอัตชีวประวัติของตนเองว่า:
ในการสะสมและสืบสวนส่งมีชีวิตใต้นาในแอ่งนาริม “ระหว่างปีท่สองของผมในเอดินเบิร์ก
ิ
้
�
�
้
ี
ทะเลกับ ดร.โรเบิร์ต แกรนต์ (Robert Grant) ซ่งเป็น ผมเข้าฟังเลกเชอร์ของเจมสันเก่ยวกับธรณีวิทยาและ
ี
ึ
ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น ดาร์วินตรวจสอบและจ�าแนก สัตววิทยา แต่มันช่างน่าเบื่อเหลือทน ผลกระทบ
โดยอาศัย “กล้องจุลทรรศน์สับปะรังเค” “ผมค้นพบ เพียงอย่างเดียวท่เกิดกับผมคือความต้งใจว่าจะ
ี
ั
ส่งเล็กๆ ท่น่าสนใจคร้งหน่ง และในราวต้น ค.ศ. 1826 ไม่มีวันอ่านหนังสือเก่ยวกับธรณีวิทยาหรือศึกษา
ี
ิ
ี
ึ
ั
ี
(ที่จริงคือ ค.ศ. 1827) ได้อ่านบทความสั้นๆ เกี่ยวกับ ด้านวิทยาศาสตร์อีกตราบท่ผมยังมีชีวิตอยู่... ผม...
เร่องน้ต่อหน้าสมาคมพลิเนียน (Plinian Society) ได้ยินอาจารย์เจมสันพูดในการบรรยายภาคสนามท ่ ี
ี
ื
ี
ถึงส่งท่เรียกกันว่า ไข่ของฟลัสตรา ว่ามันสามารถ ผาซาลิสเบอรี บรรยายถึงคันก้นท่มีขอบเป็นรูพรุน
ี
ิ
ั
4
เคล่อนตัวอย่างอิสระโดยอาศัยซิเลีย และอันท่จริง และชั้นหินแข็งแกร่งบนแต่ละด้าน โดยมีหินภูเขาไฟ
ื
ี
5
มันคือตัวอ่อน” ตอนแรกดาร์วินรีบไปรายงานแกรนต์ อยู่รอบๆ ตัวเรา และบอกว่าน่เป็นรอยแยกท่เต็ม
ี
ี
�
ไปด้วยตะกอนจากข้างบน บวกกับคาเหน็บแนมว่า
ี
้
ั
ู
มคนคอยดแลมนไว้โดยฉดมนเขาจากขางใต้ในสภาวะ
ั
ี
้
่
4 Flustra สัตว์ทะเลชนิดหนึงรูปร่างคล้ายสาหร่าย พบในตอนเหนือของ
ั
ี
ื
ึ
มหาสมุทรแอตแลนติก – ผู้แปล หลอมเหลว เม่อผมคิดถงการบรรยายคร้งน้ ผม
�
่
้
5 Cilia โครงสร้างคล้ายขนสันๆ ทียืนออกมาจากเซลล์ของพืชหรือ ไม่แปลกใจเลยว่าทาไมผมไม่เข้าร่วมวงการธรณีวิทยา
่
่
สัตว์เซลล์เดียว ท�าหน้าทีพัดโบกขนส่งโมเลกุลหรือสารทีผ่านเยือหุ้มเซลล์ นี้อีก”
่
่
ด้านบน – ผู้แปล
25
การเรียนในมหาวิทยาลัย
โรเบิร์ต บิดาของดาร์วิน เป็นแพทย์เช่นเดียวกับ
อิรัสมัส ดาร์วิน ปู่ของเขาซึ่งเป็นกวีผู้มีชื่อเสียงด้วย เขาเคย
ี
ี
ศึกษาวิชาแพทย์ท่เอดินเบิร์ก จึงไม่น่าแปลกใจท่ตอนแรก
ื
ดาร์วินมีความมุ่งหมายท่จะเป็นแพทย์ โดยเฉพาะเม่อเขาไม่
ี
ชอบเรียนภาษาละตินและภาษากรีกทาให้ไม่สามารถเรียน
�
บางสาขา เช่น วิชากฎหมาย เป็นต้น ดาร์วินเข้าเรียนใน
มหาวิทยาลัยไป 9 หลักสูตรตลอดเวลา 2 ปีในเอดินเบิร์ก ซ่ง ึ
ครอบคลุมหลายวิชา ดังเช่น กายวิภาคศาสตร์ ศัลยศาสตร์
มาเทเรียเมดิกา (materia medica วิชาเกี่ยวกับอายุรเวท
ื
หรอการบาบดรกษาโรค) วชาฟิสกส์ ตลอดจนเคม และ
ั
ิ
ิ
�
ี
ั
ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
ั
�
ต๋วของชาร์ลส์ ดาร์วิน สาหรับเข้าฟังเลกเชอร์ของมหาวิทยาลัย
เอดินเบิร์ก ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1825 การมีตั๋วตีพิมพ์เช่นนี้
เป็นหลักฐานแสดงว่า คุณต้องจ่ายเงินก่อนจึงเข้าฟังได้
ี
ึ
ทักษะมีประโยชน์อย่างหน่งซ่งดาร์วินได้รับ ผู้น้ว่า “บุรุษผู้เฉลียวฉลาดและน่าคบหาอย่างย่ง”
ึ
ิ
มาคือ ศาสตร์ในการถลกหนังและทาความสะอาด ดาร์วินกับครอบครัวของเขาเป็นพวกต่อต้านการ
�
ี
นกเพื่อเตรียมการทางวิทยาศาสตร์ เขาเรียนรู้ทักษะ ค้าทาสอย่างมาก และสิ่งท่เขาประสบแต่แรกเร่มน ้ ี
ิ
ื
น้จากจอห์น เอ็ดมอนสโตน ทาสท่ได้รับอิสรภาพและ ทาให้เขาเช่อว่า ผู้คนจากชาติพันธุ์อ่นก็เป็นมนุษย์
ี
ื
ี
�
เป็นคนผิวสีคนแรกที่ดาร์วินรู้จัก เขาบรรยายถึงชาย เหมือนกันกับเขา
ท่าเรือลิธ (Leith Harbour) ใน ค.ศ. 1825 ดาร์วินสะสมสิ่งมีชีวิตในทะเลได้จากบึงน�้าริมทะเล และจ้างชาวประมงให้ช่วย
ขนย้ายของสะสมของเขา
26
ค้นหาตัวอย่าง
ในเอดินเบิร์ก ความสนใจตลอดชีวิตของดาร์วินเก่ยวกับ
ี
ั
ั
ุ
ู
ั
สตว์ทะเลไม่มกระดกสนหลงถกจดประกายขน เขามกเข้าร่วมกบ
ู
ี
ึ
ั
้
ั
ผู้ท่ต่อมาเป็นที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของเขา คือ ดร.แกรนต์
ี
ไปเก็บตัวอย่างวิจัยกันท่บึงริมทะเลแห่งหน่งตามแนวฟยอร์ดฟอร์ธ
ึ
ี
ื
�
เขาราลึกถึงเร่องน้ในภายหลังว่า “ผมยังได้เป็นเพ่อนกับชาวประมง
ี
ื
ี
ั
ท่นิวฮาเว่นหลายคน บางคร้งก็ออกไปกับพวกเขาเวลาท่พวกเขาไป
ี
ลากอวนเพ่อจับหอยนางรม ผมจึงได้ตัวอย่างวิจัยกลับมามากมาย”
ื
ิ
�
ี
ั
ต้งแต่อายุน้อยเท่าน้ ดาร์วินก็เร่มออกสารวจด้วยกระบวนวิธ ี
ี
แสวงหาตัวอย่างและข้อมูลแบบใหม่ท่แตกต่างไปจากแบบเดิม
�
เขาเตรียมพร้อมท่จะออกติดตามเส้นทางใดๆ ก็ตามท่น่าจะนาไปส ู่
ี
ี
องค์ความรู้ใหม่ๆ หรือตัวอย่างใหม่ที่ยังไม่เคยค้นพบ
ี
โรเบิร์ต เอ็ดมอนด์ แกรนต์ ผู้เช่ยวชาญด้านสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง และท่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์คนแรกของดาร์วิน
ี
บุคลิกที่ชอบทิ่มแทงผู้อื่นและความริษยาทางวิทยาศาสตร์ของแกรนต์ท�าให้เวลาต่อมาดาร์วินพยายามหลีกเลี่ยงเขา
ิ
ิ
ดาร์วินเข้าใจว่าพ่อของเขาจะท้งทรัพย์สมบัต การเป็นหมอสอนศาสนาหมายความว่าเขาสามารถไล่
�
ไว้ให้มากพอท่จะใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ทาให้เขา ตามความหลงใหลส่วนตัวในประวัติศาสตร์ธรรมชาต ิ
ี
ไม่รู้สึกถึงความเร่งรีบใดๆ ในการเล่าเรียนวิชาการ ได้เหมือนกิลเบิร์ต ไวต์ (Gilbert White) นักธรรมชาต ิ
ื
แพทย์อันมีรายละเอียดไม่รู้จบเพ่อจะได้เป็นแพทย์ วิทยาและบาทหลวงผู้โด่งดัง และน่นยังหมายความ
ั
ื
ึ
หลังจากสองปีผ่านไป พ่อของเขาก็รู้สึกชัดข้นว่า ว่าดาร์วินจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษเพ่อทา �
�
ดาร์วินไม่อยากเป็นแพทย์ จึงเสนอให้เขาไปทางาน ปริญญาตรีให้ส�าเร็จ อันเป็นใบเบิกทางสาหรับเข้า
�
เป็นหมอสอนศาสนาแทน แม้จะไม่เคร่งศาสนานัก ร่วมนิกายอันศักดิ์สิทธิ์ของเชิร์ชออฟอิงแลนด์
แต่ดาร์วินก็ไม่เคยข้องใจในความจริงแท้ของไบเบิล
ภาพขวา: นักธรรมชาติวิทยา
และบาทหลวงชาวอังกฤษ กิลเบิร์ต
ไวต์ ผลงานคลาสสิกของเขาเร่อง
ื
ั
ิ
ประวตศาสตร์ธรรมชาติของ
เซลบอร์น (The Natural History
of Selborne) (ค.ศ. 1789) เป็น
ึ
หน่งในแรงบันดาลใจด้านวิทยา-
ศาสตร์ยุคแรกๆ ของดาร์วิน
ภาพขวาไกล: บัตรสมาชิกสมาคม
ึ
พลิเนียนของดาร์วิน ท่ซ่งเขานา �
ี
เสนอบทความวิทยาศาสตร์เป็น
ั
ี
คร้งแรกในหัวข้อเก่ยวกับสัตว์
ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลัง
27
ส่วนหนึ่งจากบันทึกของดาร์วินใน ค.ศ. 1825 เมื่อฟังบรรยายวิชาเคมีโดยโทมัส ชาร์ลส์ โฮป
ณ จุดหนึ่งเขาเขียนว่า “ฉันขาดเรียนไป 2 ครั้งเพราะไม่สบาย”
28
29
30
31
ภาพบน: ทัศนียภาพด้านหลังของเคมบริดจ์ ราวปี ค.ศ.1840
ี
ี
ภาพในหน้าตรงข้าม: ไครสต์คอลเลจ, เคมบริดจ์ ราวช่วงเวลาท่ดาร์วินเป็นนักศึกษาท่น ี ่
�
ื
ภาพพิมพ์น้แสดงให้เห็นทัศนียภาพแบบท่ดาร์วินเห็น เม่อเขาพานักในบ้านพักเหนือร้านยาสูบ
ี
ี
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ื
ดาร์วินเข้าศึกษาท่ไครสต์คอลเลจ เคมบริดจ์ เม่อ 15 ตุลาคม ค.ศ.1827
ี
ื
ี
�
แต่เน่องจากเขาลืมภาษากรีกท่เคยเรียนไปจนเกือบหมด จึงจาเป็นต้องติวเพ่มเติม
ิ
ึ
่
ี
้
ั
ี
ั
ั
่
ทบ้านก่อนจะ “ขนไป” ยงเคมบริดจ์ นนหมายความว่าเขายงไม่ได้เข้าเรยนจน
กระท่งเดือนมกราคม ค.ศ. 1828 และห้องพักท้งหมดในวิทยาลัยก็เต็มหมดแล้ว
ั
ั
ั
ี
งน้นเขาจึงไปเช่าบ้านพักอยู่ท่ช้นบนของร้าน นี่เป็นงานเขียนชิ้นแรกของดาร์วินที่ได้ตีพิมพ์ ดังนั้น
ั
ดัยาสูบบนถนนฝั่งตรงข้าม เจ้าของร้านมีข้อ แม้เขาจะยังเป็นนักศึกษา และแม้จะมีส่วนเกี่ยวข้อง
�
ตกลงกับทางวิทยาลัยทาให้นักศึกษาของไครสต์เช่า เพียงน้อยนดกตาม ดาร์วนก็เร่มพมพ์เผยแพร่ความร้ ู
ิ
ิ
็
ิ
ิ
ี
ห้องพักท่น่นได้ เจ้าของร้านท่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามร้าน เชิงวิทยาศาสตร์แล้ว
ี
ั
ยาสูบส่งคาร้องเรียนไปยังอธิการบดีของวิทยาลัยว่า ความสนใจในวิทยาศาสตร์ของดาร์วินกลาย
�
นักศึกษาของไครสต์เอาแต่เล่นปัดหมวกของผู้ท่เดิน เป็นการอุทิศตัวตลอดท้งชีวิต แม้จะยังหลงใหลช่นชอบ
ี
ื
ั
้
ทางผานไปมาดวยการตวดแสมาจากหนาตางชนท 1 การยิงปืนอยู่ก็ตาม เขากระหายท่จะอ่านเร่องราว
ั
้
้
ี
ี
ื
่
่
ั
้
้
่
เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1828 ดาร์วินย้าย การเดินทางทางวิทยาศาสตร์ของอเล็กซานเดอร์
ี
ึ
เข้าไปอยู่ ในห้องชุดห้องหน่งในวิทยาลัยได้ ดังท่เขา ฟอน ฮุมโบลดท์ (Alexander von Humboldt)
�
ราลึกถึงในภายหลังว่า “อยู่ในตึกเก่า บันไดกลาง
เล้ยวขวาเข้าไปด้านในตึก เดินข้นไปหน่งช้น เข้าประต ู
ึ
ี
ั
ึ
ขวามือ และก็เจอกับห้องชุดขนาดใหญ่” มันเป็นห้อง
ี
ท่ใหญ่โตจริงๆ จากบันทึกของวิทยาลัยท่เพ่งค้นพบ
ิ
ี
ไม่นานน้ก็เผยให้ทราบว่า ห้องชุดของดาร์วินเป็นห้อง
ี
ท่แพงท่สุดในวิทยาลัยเวลาน้น มีราคา 15 ปอนด์
ี
ั
ี
ต่อ 1 ภาคการศึกษา บันทึกยังเผยอีกว่าค่าใช้จ่ายใน
้
ิ
ั
วทยาลยของเขาตลอดเวลาสามปีคดเป็นเงนทงสน
ิ
ิ
้
ั
ิ
ประมาณ 700 ปอนด์
ื
ี
ท่วิทยาลัย ดาร์วินกลายเป็นเพ่อนสนิทกับ
ญาติของเขาคนหนึ่งชื่อ วิลเลียม ดาร์วิน ฟ็อกซ์ ซึ่ง
ั
อาจเป็นคนชักชวนให้ดาร์วินหันไปคล่งไคล้การสะสม
แมลงปีกแข็ง ไม่ช้าดาร์วินก็พบหนทางใหม่ๆ มากมาย
่
ั
ในการเสาะหาตวอย่างทหายากและไม่เหมือนใคร เขา
ี
ี
มีตู้พิเศษท่สร้างไว้เก็บงานสะสมโดยเฉพาะ และส่ง
บันทึกการจับแมลงของเขาไปให้นักกีฏวิทยาผู้โด่งดัง
ึ
เจมส์ สตีเฟนส์ (James Stephens) ซ่งเป็นผู้จัดพิมพ์
ั
บันทึกทางกีฏวิทยาแห่งบริเตนท้งหมดในสมัยน้น
ั
33
ื
ื
ั
และฝันถึงการเดินทางไปยังหมู่เกาะคานารีเพ่อ มากมาย ท้งสองกลายเป็นเพ่อนสนิทกัน กระท่ง ั
ี
ท่องเท่ยวเชิงวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง งานอีก เด็กหนุ่มในวิทยาลัยท่ไม่รู้จักดาร์วินยังเรียกเขาว่า
ี
ิ
ึ
ี
ี
ช้นหน่งท่มีอิทธิพลต่อดาร์วินมากคือ “ชายคนท่เดินกับเฮนสโลว์” ไม่ว่าในเวลา
ผลงานของนักดาราศาสตร์ จอห์น ต่อมาชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร ก็เห็นชัด
เฮอร์สเชล (John Herschel) แล้วว่าดาร์วินยังคงให้ความสนใจ
เร่อง ปาฐกถาเบ้องต้น นน อย่างสูงยงและมส่วนร่วมในงาน
ื
ื
ี
่
ิ
(Preliminary Discourse) วิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่าง
(ค.ศ. 1831) ของเขากลาย แข็งขันเสมอมา
เป็นต้นแบบของกระบวนการ ดาร์วินยังศึกษาวิทยาศาสตร์
่
ื
ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติสาขาอ่นๆ ในเวลาวาง
ี
ท่ถูกต้อง ดาร์วินกลายเป็น ส่วนตัว เพราะมหาวิทยาลัยในเวลา
นักเรียนผู้เอาใจใส่ของจอห์น น้นให้ความช่วยเหลือแนะนาเกยว
�
ี
่
ั
สตีเฟนส์ เฮนสโลว์ (John Stevens กับวิทยาศาสตร์ได้เพียงน้อยนิด จนใน
ื
่
้
Henslow) ศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ ทสดเขาได้เรยนร้เร่องพนฐานในสาขาวชา
ิ
ี
ู
ี
ื
ุ
ี
ซ่งเขาได้เรียนรู้เก่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ต่างๆ ที่หลากหลายมาก
ึ
ิ
ั
ั
ภาพบน: นกธรรมชาติวิทยาและนักเดนทางชาวเยอรมน ภาพในหน้าตรงข้าม, ซ้ายล่าง: นักดาราศาสตร์ จอห์น
อเล็กซานเดอร์ ฟอน ฮุมโบลดท์ หนังสือเกี่ยวกับอเมริกาใต้ เฟรเดอริค วิลเลียม เฮอร์สเชล
ี
ของเขาสร้างความเบิกบานแก่ดาร์วินขณะท่ยังเป็นนักศึกษา ภาพในหน้าตรงข้าม, ขวาล่าง: จอห์น สตีเฟน เฮนสโลว์
�
�
ท่เคมบริดจ์ และทาให้เขาปรารถนาอยากทาตามฮุมโบลด์บ้าง
ี
นักธรณีวิทยา, นักพฤกษศาสตร์ และบาทหลวง เขาเป็นท ี ่
ี
ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์แก่ดาร์วินท่เคมบริดจ์ และยังแนะนา �
ให้ดาร์วินร่วมเดินทางไปกับเรือบีเกิล
การฝึกฝนตามเป้าหมาย
ี
“เม่ออยู่ท่เคมบริดจ์ ผมมักฝึกโยนปืน
ื
ู
ั
้
ขนบ่าทหน้ากระจกเพอดว่าโยนมนตรงหรอยง
ั
ื
ื
่
ี
ึ
่
ื
อีกแผนหน่งท่ดีกว่าคือหาเพ่อนมาโบกเทียนไขท ี ่
ึ
ี
จุดไฟอยู่ จากนั้นลั่นไกให้เข็มแทงชนวนกระแทก
แกป ถ้าเล็งเป้าได้แม่นแรงลมอัดจะเป่าให้เทียน
�
ดับได้ การระเบิดของแกปทาให้เกิดเสียงดัง
มีคนบอกผมว่า ครูผู้ปกครองของวิทยาลัยให้
ข้อสงเกตว่า ‘ช่างวเศษเสยนกระไร คณดาร์วิน
ุ
ั
่
ี
ิ
ี
ดูเหมือนจะใช้เวลาหลายช่วโมงสะบัดแส้ม้า
ั
ห้องของดาร์วินที่ไครสต์คอลเลจ ภาพถ่ายเมื่อค.ศ. 1909 อยู่ในห้อง ผมได้ยินเสียงเพียะบ่อยๆ เวลาเดิน
ผ่านใต้หน้าต่างห้องของเขา’” ชาร์ลส์ ดาร์วิน,
อัตชีวประวัติ, ค.ศ. 1958, หน้า 44
34
ไล่จับแมลงปีกแข็ง
ดาร์วินราลึกถึงการผจญภัยคร้งหน่ง
ั
�
ึ
จากการผจญภัยเก่ยวกบแมลงมากมายหลาย
ี
ั
ครั้ง “วันหนึ่ง ขณะที่ก�าลังลอกเปลือกไม้เก่าๆ
�
่
ึ
็
ั
็
ี
จานวนหนง ผมเหนแมลงปกแขงหายากสองตว
ั
ผมจับไว้ได้มือละตัว จากน้นผมเห็นแมลง
ี
ตัวท่สามเป็นแมลงชนิดใหม่ ซ่งผมทนไม่ได้ถ้า
ึ
ั
ั
ี
ั
ั
ี
่
ู
จะต้องสญเสยมนไป ดงนนผมเลยโปะตวทอย่ ู
้
ิ
ื
ในมอขวาไว้ในปาก อนจจามันปล่อยของเหลว
บางอย่างที่ฉุนมากและท�าให้ลิ้นผมไหม้ ผมเลย
ั
�
�
จาต้องบ้วนแมลงตัวน้นท้ง ทาให้ผมสูญมันไป
ิ
รวมถึงเจ้าตัวที่สามด้วย”
ภาพพิมพ์แมลงปีกแข็งของบริเตนซึ่งระบายสีด้วยมือ จาก บันทึกทางกีฏวิทยาแห่งบริเตน (British Entomology) ของ
เจมส์ สตีเฟนส์ ผลงานตีพิมพ์แรกของดาร์วินปรากฏอยู่ในหนังสือชุดนี้
ั
ิ
�
ในค.ศ. 1831 เขาสอบผ่านและได้รับวุฒ ราลึกถึงในเวลาต่อมาว่า “เม่อเทียบกันท้งหมดแล้ว
ื
ปริญญาตรี จากน้นเขาต้องไปรับการฝึกฝนทาง เวลาสามปีท่เคมบริดจ์เป็นช่วงท่สนุกสนานร่นรมย์
ื
ั
ี
ี
ศาสนาเพิ่มเติมเพื่อจะได้เป็นนักสอนศาสนา ดาร์วิน ที่สุดในชีวิตอันแสนสุขของผม”
35
ิ
ึ
�
ี
ึ
หน้าหน่งจากใบบันทึกการเก็บเงินของนักศึกษาในไครสต์คอลเลจ ซ่งเพ่งค้นพบไม่นานมาน้ สาหรับค่า
“งานจบไตรมาส ว.ส. (วันสตรี)” ค.ศ. 1830 ดาร์วินจ่ายไป 5 ปอนด์ 16 ชิลลิ่ง 4 เพนซ์ ส�าหรับค่าของช�า
ซึ่งมากกว่าเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ
36
จดหมายอันแสนสนิทสนมจากดาร์วินถึงวิลเลียม ดาร์วิน ฟ็อกซ์ ญาติของเขา
ื
ื
เม่อ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1828 เต็มไปด้วยเร่องซุบซิบนินทาและรายละเอียด
เกี่ยวกับการสะสมแมลงปีกแข็ง
37
38
39
ภาพสีน�้าของเรือบีเกิล โดย โอเวน สแตนลีย์ ค.ศ. 1841
การผจญภัยของเรือบีเกิล
ั
�
ิ
ใน ค.ศ. 1831 ดาร์วินเพ่งจบจากมหาวิทยาลัย กาลังสะพร่งด้วยพรสวรรค์
ทางวิทยาศาสตร์ จอห์น เฮนสโลว์ ท่ปรึกษาในเคมบริดจ์ของเขาน่าจะมองเห็น
ี
ี
�
พรสวรรค์น้ และกระตุ้นให้ดาร์วินเรียนต่อทางด้านธรณีวิทยา ซ่งเขายินดีทา
ึ
ื
ี
ตามด้วยความกระตือรือร้น ตรงข้ามกับคาประกาศของเขาเม่อก่อนหน้าน้ว่า
�
จะไม่มีวันเรียนศาสตร์ดังกล่าวเด็ดขาด
อมาเขาได้เข้าร่วมกับศาสตราจารย์แอดัม สาธุคุณเลโอนาร์ด เจนินส์ แต่เขาไม่สามารถละท้ง
ิ
ี
ต่เซ็ดจ์วิค (Adam Sedgwick) ในการทัศนาจร เขตศาสนาของตนไปได้ พคอกจงไปปรกษาเฮนสโลว์
็
ึ
ึ
�
ึ
เชิงธรณีวิทยาไปยังนอร์ธเวลส์ เขาถูกส่งตัวไปยัง ซ่งแนะนาสนับสนุนดาร์วิน ลูกศิษย์คนโปรดของเขา
คนละเส้นทางกันกับเซ็ดจ์วิค และทุกๆ เย็นก็จะ บิดาของดาร์วินไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ แม้เขาจะเสริม
นาบันทึกการสารวจมาเปรียบเทียบกัน น่ช่วยให้ ว่า “ถ้าลูกหาบุรุษผู้มีสามัญสานึกซึ่งเห็นควรให้ลูกไป
ี
�
�
�
�
ื
ดาร์วินเรียนรู้โดยตรงเก่ยวกับพ้นฐานการสารวจ ละก็ พ่อจะยินยอม” ดาร์วินเขียนจดหมายไปปฏิเสธ
ี
ี
ภาคสนามทางธรณีวิทยา ดาร์วินกลับถึงบ้านวันท ข้อเสนอก่อนท่จะบ่ายหน้าไปยังบ้านของน้าเขา
ี
่
ิ
29 สิงหาคม และพบจดหมายของเฮนสโลว์รอเขา โจสิยาห์ เว็ดจ์วู้ด ท่ 2 เพ่อจะเร่มฤดูกาลยิงปืนล่าสัตว์
ื
ี
ี
ั
ี
ั
อยู่ ในน้นมีข้อเสนอท่จะเปล่ยนแปลงท้งชีวิตของเขา น้ากับบรรดาญาติๆ ของดาร์วินกลับคิดว่าโอกาส
ิ
และเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล ร่วมทางกับบีเกิลน้ช่างเหมาะเจาะกับดาร์วินย่งนัก
ี
ทหารเรือวัย 26 ปี โรเบิร์ต ฟิตซ์รอย (Robert เพราะเขาเป็น “ชายผู้มีความอยากรู้อยากเห็นอัน
FitzRoy) ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการเรือ แสนกว้างขวาง” เว็ดจ์วู้ดตามตัวดาร์วินท่ออกไป
ี
หลวงบีเกิลเพื่อออกส�ารวจครั้งที่สองในน่านน�้าทวีป ล่าสัตว์กลับมา และพากันขับรถไปยังชรูว์สเบอร ี
อเมริกาใต้ เขาได้รับคาส่งให้พานักธรรมชาติวิทยา เพื่อเกลี้ยกล่อมบิดาของดาร์วิน โรเบิร์ต ดาร์วิน จึง
�
ั
ท่สามารถสารวจและศึกษาดินแดนท่เรืออาจจะไป ยินยอมอนุญาต น่นหมายความว่า ไม่เพียงเขาจะยินด ี
ี
ี
�
ั
เยี่ยมเยียน ซึ่งยังไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก ให้ดาร์วินเดินทางไป แต่ยังยินดีจะจ่ายค่าเดินทาง
�
ื
เขาชักชวนให้นักอุทกวิทยาประจากองทัพเรือ ให้ด้วย ดาร์วินเขียนไปหาพีค็อกและโบฟอร์ตเพ่อ
กัปตันฟรานซิส โบฟอร์ต ช่วยหาคนตามท่ต้องการน ตอบรับข้อเสนอ และเดินทางไปเคมบริดจ์เพ่อปรึกษา
ื
ี
้
ี
ี
ฟิตซ์รอยต้องการใครสักคนท่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เฮนสโลว์ก่อนที่จะไปพบกับฟิตซ์รอยที่ลอนดอน
ิ
ั
�
มากเพียงพอ และแทบไม่ต้องบอกว่าเขาคนน้น ฟิตซ์รอยเสนอว่า เขากบดาร์วนควรพานก
ั
ั
จะต้องเป็นสุภาพบุรุษด้วย มีช่องว่างทางสังคมท อาศยอยู่ร่วมกันบนเรือ และดาร์วินสามารถกลับบ้าน
ั
่
ี
ื
ค่อนข้างกว้างระหว่างบรรดากัปตันกับลูกเรือ และ ได้ ทุกเม่อไม่ว่าเวลาใดระหว่างการเดินทาง เพ่อให้
ื
ี
่
ั
ั
สุภาพบุรุษผู้ม่งค่งและเป็นอิสระจะเป็นผู้ร่วมทางท เหมาะสมกับเสรีภาพของแขกท่จ่ายค่าเดินทางเอง
ี
ี
ี
�
น่าต้อนรับสาหรับการเดินทางผจญภัยอันยาวไกล ดาร์วินยังมีอิสระท่จะเก็บรักษาตัวอย่างท่เขาสะสมได้
ั
ื
ี
ี
โบฟอร์ตติดต่อกับเพ่อนของเขา คือ จอร์จ พีค็อก ด้วย ท้งท่จริงแล้วตัวอย่างท่เก็บโดยเจ้าหน้าที่กองทัพ
ี
�
ี
ท่ทรินิต้คอลเลจ เคมบริดจ์ ทีแรกพีค็อกแนะนา เรือตามปกติจะต้องตกเป็นทรัพย์สมบัติของรัฐบาล
41
้
�
�
เรอบีเกิลมีเป้าหมายสารวจน่านนาบางส่วน
ื
ในอเมริกาใต้และหมู่เกาะกาลาปากอส และต้อง
ี
�
ื
บรรทุกเคร่องมือวัดอันเท่ยงตรงจานวนมากไปด้วย
ตลอดทั่วดินแดนอีกฟากโลก ดาร์วินไม่ใช่แขกพิเศษ
เพียงคนเดียวของเรือ ฟิตซ์รอยยังมีศิลปิน 1 คน
กับช่างเครื่องมือ 1 คนเดินทางไปด้วยเพื่อคอยดูแล
ื
�
เคร่องมือวัดกว่า 20 รายการให้ทางานเป็นปกต ิ
ยังมีมิชชันนารีอีกคนและชาวฟวยเกียน อีก 3 คน
6
ึ
ซ่งฟิตซ์รอยพากลับมาจากการเดินทางคร้งก่อน
ั
ั
ิ
ั
เม่อรวมท้งหมดแล้ว มีลูกเรือและผู้โดยสารท้งส้น
ื
74 คนบนเรือขนาดยาว 27 เมตร (90 ฟุต) และกว้าง
7.35 เมตร (24.5 ฟุต) ที่บริเวณกลางล�าเรือ ดาร์วิน
�
จะทางานและนอนพักในห้องเคบินท้ายเรือขนาด
3 คูณ 3.3 เมตร (10x11 ฟุต) ใกล้กับพังงาเรือ นักธรณีวิทยา แอดัม เซ็ดจ์วิค ใน ค.ศ. 1850
มีตารางขนาดใหญ่ต้งอยู่กลางห้องเรียงรายรอบด้วย ความกระตือรือร้นอันเร่าร้อน
ั
ตู้เก็บของและชั้นหนังสือ
“ระหว่างปีสุดท้ายของผมท่เคมบริดจ์
ี
ผมได้อ่าน เรียงความส่วนตัว (Personal
Narrative) ของฮุมโบลดท์อย่างเอาใจใส่และ
ิ
สนใจอย่างลึกซ้ง ท้งงานช้นน้และการศึกษา
ี
ึ
ั
ปรัชญาธรรมชาติสาหรับผู้เร่มต้น (Introduction
ิ
�
to the Study of Natural Philosophy) ของ
เซอร์ เจ. เฮอร์สเชล ปลุกเร้าความกระตือรือร้น
อันเร่าร้อนในตัวผม หมายจะเพ่มเติมแม้เพียง
ิ
ส่วนร่วมอันตาต้อยท่สุดเข้าไปในโครงสร้างอัน
ี
่
�
สูงส่งของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ... จากน้น
ั
เฮนสโลว์ชักชวนให้ผมเร่มศึกษาด้านธรณ ี
ิ
ั
ื
วิทยา ดังน้นเม่อผมกลับจากชร็อปเชอร์ ผมจึง
ี
ื
ี
ตรวจสอบบางพ้นท่และระบายสีแผนท่บางส่วน
ั
รอบๆ ชรูว์สเบอรี ศาสตราจารย์เซ็ดจ์วิคต้งใจ
จะไปเยือนเวลส์เหนือในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
เครื่องวัดแดด (sextant) ของดาร์วิน หรือเครื่องมือวัดระยะ เพอดาเนนการสบสวนทางธรณวทยาอนโด่งดง ั
ี
ิ
ั
่
�
ิ
ื
ื
ึ
เพ่อหาละติจูดและลองจิจูด ซ่งฟิตซ์รอยเคยใช้วัดความสูงของ
ื
ิ
ู
ต้นเบาบ็อบที่เซนต์ยาโก ของเขาท่ามกลางหม่หนเก่าแก่ และเฮนสโลว์
ขอให้เขารับผมร่วมทางไปด้วย” ชาร์ลส์ ดาร์วิน,
่
่
6 Fuegian หมายถึง ชาวชนเผ่าหนึงซึงอาศัยอยู่บนเกาะเตียราเดลฟวยโก อัตชีวประวัติ, ค.ศ. 1958, หน้า 67-69
่
อันเป็นดินแดนทีอยู่ปลายด้านใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ – ผู้แปล
42