The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pannika, 2020-10-01 05:35:55

ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก DARWIN THE MAN

ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก

DARWIN THE MAN, HIS GREAT VOYAGE, AND HIS THEORY OF EVOLUTION
จอห์น แวน ไวฮ์: เขียน
ธิดา จงนิรามัยสถิต: แปล
ราคา 260 บาท
ALL RIGHTS RESERVED.
Text © John van Wyhe 2008
Copyright © Andre Deutsch Limited 2018
Thai translation right © 2020 by Gypsy Publishing Co.,Ltd.
© ข้อความในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ไวฮ์, จอห์น แวน.
ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก = Darwin the man, his great voyage, and his theory of evolution.-- กรุงเทพฯ :
ยิปซี กรุ๊ป, 2563.
164 หน้า.--(บุคคลสำาคัญ)
1. ดาร์วิน, ชาร์ลส์, ค.ศ. 1809-1882. I. ธิดา จงนิรามัยสถิต, ผู้แปล. II. ชื่อเรื่อง.
925.768
ISBN 978-616-301-724-6

บรรณาธิการอำานวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน์
บรรณาธิการเล่ม : ณิชาภา ชีวะสุจินต์
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา นันทนา วุฒิ
หัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษร : สวภัทร เพ็ชรรัตน์
ฝ่ายพิสูจน์อักษร : วนัชพร เขียวชอุ่ม สุธารัตน์ วรรณถาวร
พิสูจน์อักษร : กันยารัตน์ ทานะเวช
รูปเล่ม : Evolution Art
ออกแบบปก : Wrong Design
ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด เลขที่ 37/145 รามคำาแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต่อ 108
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดจำาหน่าย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด โทร. 0 2728 0939
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID: @gypzy

สนใจสั่งซื้อหนังสือจำานวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำานักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939

ดาร์วิน





ผ้เปลียนโลก






























จอห์น แวน ไวฮ์: เขียน

ธิดา จงนิรามัยสถิต: แปล

ค�าน�าส�านักพิมพ์



เม่อเอ่ยช่อ ชาร์ลส์ ดาร์วน แทบทกคนร้จกเขาดีในฐานะผ้เสนอทฤษฎ ี






วิวัฒนาการ อันเป็นรากฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการสมัยใหม่ แต่อาจมีไม่ก่คนท่รู้เร่อง


ราวชีวิตของเขาช่วงก่อนผลงานซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของเขาจะปรากฏ
ในหนังสือเรื่อง ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก เล่มนี้ น�าเสนอเรื่องราวชีวิตของดาร์วิน


ชายผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหน่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากท่สุดในประวัติศาสตร์
ของมนุษยชาติ ต้งแต่ช่วงท่ยังเป็นเพียงนักธรรมชาติวิทยามือสมัครเล่น จนได้รับ





โอกาสให้เดินทางไปกับเรือหลวงบีเกิลเพ่อสารวจพ้นท่ตามแนวชายฝั่งทะเลและหมู่

เกาะต่างๆ ของทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกา ซึ่งเป็นการเดินทางที่เปรียบเสมือนจุด
เริ่มต้นของการพัฒนาไปสู่ทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา นอกจากนี้ยังน�าเสนอเรื่องราว
ส�าคัญๆ ตลอดช่วงชีวิตของดาร์วินจวบจนวาระสุดท้ายของเขา

นอกจากเร่องราวอันน่าท่งเก่ยวกับตัวดาร์วินแล้ว ความน่าประทับใจของ


หนังสือเล่มนี้ยังอยู่ที่ภาพประกอบอันได้แก่ ภาพถ่าย สเกตช์ แผนที่ ส�าเนาเอกสาร
จดหมาย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ ฯลฯ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพราวกับได้ร่วม
เดินทางไปพร้อมกับดาร์วิน




ส�านักพิมพ์ยิปซี


ค�าน�าผ้แปล


ใครๆ ก็เคยได้ยินช่อของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน กับทฤษฎีวิวัฒนาการและการ



คัดเลือกโดยธรรมชาติ ผู้แปลก็เช่นกัน แต่ก็ไม่เคยล่วงรู้อะไรท่ลึกซ้งไปมากกว่าน้น
กระท่งเม่อได้อ่าน ดาร์วิน ผู้เปล่ยนโลก เล่มน้ ดิฉันจึงเข้าใจว่า เหตุใดชาร์ลส์ ดาร์วิน




จึงได้รับความนิยมนับถือในแวดวงวิชาการเป็นอย่างสูง
ดาร์วินเกิดในครอบครัวนายแพทย์ชาวอังกฤษผู้มีฐานะดี เขาได้รับการศึกษา

อย่างดีและไม่ต้องด้นรนอะไรมากนัก เป็นคนจิตใจดี อ่อนน้อมถ่อมตนและเปิดกว้าง
ทางความคิด จึงเป็นมิตรกับทาสผิวดา ชาวประมง และผู้คนหลากหลาย เขาออกเดิน

ทางไปกับเรือหลวงบีเกิลเม่ออายุ 22 ปี โดยการสนับสนุนจากอาจารย์ท่เคมบริดจ์ การ


เดินทางนาน 5 ปีซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของเขาและโลกนี้ไปตลอดกาล ประสบการณ์จาก



การเดินทางคร้งน้บ่มเพาะให้เขาสร้างผลงานช้นเลิศแก่วงวิชาการในเวลาต่อมาอีก
หลายฉบับ ดาร์วินเป็นคนท�างานช้าและละเมียดละไม เขาท�าการทดลองและบันทึก





ค่าอย่างละเอยดเป็นปีๆ ก่อนจะสรปผล แม้จะมอาการเจบป่วยทคอยขดขวางการ


ท�างานอยู่เสมอ แต่กระนั้นเขาก็ผลิตผลงานชิ้นเอกออกมาได้จ�านวนมาก
ความโดดเด่นของ ดาร์วิน ผู้เปลี่ยนโลก เล่มนี้ คือภาพประกอบจ�านวนมาก


ท่นามาจากต้นฉบับงานเขียนและภาพวาดประกอบหนังสือ รวมถึงบันทึกส่วนตัว
ของดาร์วิน ท�าให้เรามองเห็นลักษณะการท�างานในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 หรือ
ประมาณสองร้อยปีก่อนได้อย่างชัดเจน เราสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมท่หล่อ


หลอมและห้อมล้อมดาร์วิน เห็นภาพเขาขณะออกสารวจ เก็บช้นส่วนตัวอย่าง ทาการ



ทดลอง เดินครุ่นคิด และน่งลงเขียนทฤษฎีท่เขาสรุปออกมาได้ ดาร์วินแทบจะปรากฏ

ตัวตนขึ้นต่อหน้าเรา ท�าให้เราสัมผัสกับความคิดจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง
มาย้อนเวลากลับไปสู่ 200 ปีที่แล้วกัน ณ บัดนี้ได้เลยค่ะ


ธิดา จงนิรามัยสถิต
1 กันยายน 2563

สารบัญ

10 บทน�ำ 89 รายงานการวิจัย

13 ห้วงเหวแห่งกำลเวลำ 95 สัตววิทยำของเรือบีเกิล



17 ธรรมชำติอันอดมสมบรณ์ 99 ธรณีวิทยำของเรือบีเกิล
21 ชำร์ลส์ ดำร์วิน: ก�ำเนิดนักธรรมชำติ 105 อย่บ้ำนกับครอบครัวดำร์วิน

วิทยำ 111 เพรียง


25 มหำวิทยำลัยเอดินเบิร์ก 115 น�ำปริศนำมำรวมกัน



33 มหำวิทยำลัยเคมบริดจ์ 123 ก�าเนิดสปชส์
41 กำรผจญภัยของเรือบีเกิล 131 ผลตอบรับทฤษฎีวิวัฒนำกำรของ



47 ทวีปอเมริกำใต้ฝงตะวันออก ดำร์วิน
53 ดอน คำร์ลอส “พ่อหนุ่มเกำโช” 137 กล้วยไม้


57 กำรค้นพบฟอสซล 141 ความผันแปร
61 เตียร์รำเดลฟวยโก และควำมตกตะลึง 145 พลังแห่งพืช


ของคนปำ 149 การแสดงอารมณ์ฯ

67 อเมริกำใต้ฟำกตะวันตก 155 ปรำชญ์แห่งดำวน์และกำรศึกษำ


73 กำลำปำกอส: เรืองรำวทีแท้จริง ไส้เดือน
77 ข้ำมแปซฟก และไปรอบโลก 159 มรณกรรมของดำร์วิน และเกียรติคุณ



83 แต่งงำนหรือไม่แต่ง 164 แหล่งข้อมล

บทน�า







ชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้เปล่ยนความเข้าใจท่มีต่อชีวิตบนโลกของเราไปตลอดกาล


เขาเป็นท่จดจามากท่สุดจากทฤษฎีวิวัฒนาการโดยการคัดเลือกตามธรรมชาต ิ



ซ่งเป็นสมมติฐานอันย่งใหญ่ท่กลายมาเป็นรากฐานเพียงหน่งเดียวของการ



ศึกษาชีววิทยาศาสตร์ท้งปวง
าร์วินเป็นคนแรกท่ใช้เหตุผลทางธรรมชาต แวดล้อมใหม่ของยุคใหม่ นอกจากน้ยังรู้กันดีว่า





ดอย่างแท้จริงมาอธิบายว่า สิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ บันทึกฟอสซิลดาเนินไปอย่างต่อเน่อง ในหินท่เก่าแก่











มาจากไหน และพวกมันปรบตวให้เข้ากบสภาพ ทสดมเปลอกหอย จากนนกเป็นปลา สตว์ครงบก












แวดล้อมเฉพาะถ่นอย่างเหมาะสมได้อย่างไร เร่อง คร่งนา สัตว์เล้อยคลาน และสุดท้ายเป็นสัตว์เล้ยงลูก
ราวแท้จริงของการค้นพบทฤษฎีวิวัฒนาการโดยการ ด้วยนม ยังมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์อีกหน่งส่วน






คัดเลือกโดยธรรมชาติค่อนข้างแตกต่างจากเร่องท สาคัญเพ่มเติมคือ มีสปีชีส์บนโลกอีกมากมายเกินกว่า



คนส่วนใหญ่รู้จักคุ้นเคยกัน ดาร์วินมิได้ท้าทายโลก ท่เราเคยรู้ บางคร้งก็พบซากฟอสซิลท่เติมช่องว่าง
ท่เต็มไปด้วยผู้ยึดถือแนวคิดรังสรรค์นิยมแบบโลก ระหว่างกลุ่มส่งมีชีวิตได้พอดิบพอดี มีการค้นพบว่า



มีอายุน้อย แม้จนถึงปัจจุบัน หลักฐานของวิวัฒนาการ ส่งมีชีวิตท้งคลาสมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างมาก

1
ท่น่าต่นเต้นเร้าใจท่สุดก็คือลักษณะทางธรณีวิทยา กับอีกกลุ่มหน่งผ่านห่วงโซ่ความคล้ายคลึง ท่สาคัญ







อันกว้างขวางและความหลากหลายทางชีวภาพ ย่งกว่าน้นคือ ทุกๆ กลุ่มเป็นกลุ่มย่อยท่อยู่ภายใต้


ซ่งส่วนมากเหล่านักธรรมชาติวิทยาชาวคริสเตียน กลุ่มที่ใหญ่กว่าได้พอดี ดูเหมือนว่าบรรดาคลาสของ


ค้นพบมาตงแต่ยคก่อนดาร์วินเสยอก เม่อพจารณา ส่งมีชีวิตท้งหมด จะมีโครงสร้างพื้นฐานจากรูปแบบ








จากการค้นพบทั้งหลายของพวกเขาแล้ว ย่อมเข้าใจ เดียวกัน เช่นเดียวกับท่การศึกษาเอ็มบริโอของสปชส ์




เร่องวิวัฒนาการ (และการค้นพบคร้งย่งใหญ่ของ มากมายแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาในช่วงแรกๆ


ดาร์วิน) ได้ง่าย ก่อนที่ดาร์วินจะล่องเรือหลวงบีเกิล ของพวกมันสอดคล้องกันอย่างน่าทึ่ง จากน้นค่อยๆ



น้น นักธรรมชาติวิทยาชาวตะวันตกแทบจะยอมรับ แตกตางกันเมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนั้นยังพบอีกวา ่











กันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่า โลกมีอายุเก่าแก่หลายล้านปี สงมชวตทงหลายมองคประกอบทางเคมทเหมอนกน




และมียุคสมัยของส่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนท่เกิดข้น มาก ขณะที่กล้องจุลทรรศน์แสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิต


และจากไปต่อเน่องกันมา แต่ละยุคมีรูปแบบชีวิต ทุกชนิดล้วนประกอบขึ้นจากเซลล์





ตามแบบของมันเอง เม่อสปีชีส์หน่งสูญหายไปจาก ดาร์วินพบคาอธิบายท่แสนจะเป็นธรรมชาต ิ





บันทึกฟอสซิล มันจะไม่หวนกลับมาอีก เช่อกันว่า สาหรบจุดกาเนิดของสปีชีส์ หรือกล่าวอีกอย่างคอ




สปีชีส์ใหม่ๆ เกิดข้นมาเพ่อให้เหมาะสมกับสภาวะ สปีชีส์ท้งหลายมาจากไหน เช่นเดียวกับท่แผ่นดินไหว

ทาให้เกิดการยกตัวทีละเล็กละน้อยจนสุดท้ายถึง


กับยกเอาเทือกเขาแอนดีสข้นมาได้ การกระทาเล็กๆ
1 Young Earth Creationist เป็นแนวคิดทางศาสนาทีเชือว่า พระเจ้าทรงสร้าง






เอกภพ โลก และสิงมีชีวิตทังหมด เมือไม่ถึง 10,000 ปีก่อนนีเอง – ผู้แปล น้อยๆ น้แหละท่เป็นต้นเหตุแท้จริงสู่การเปล่ยนแปลง



10


อย่างมโหฬารของชีวิตตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังที่ สายพันธุ์ เช่น ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เล้ยงของเราและ



เราเห็นจากบันทึกซากฟอสซิล วิสัยทัศน์อันไม่ม ความจริงท่ว่าลูกหลานไม่จาเป็นต้องสืบทอดลักษณะ











ผ้ใดเทยมทาให้เขามองเหนคณค่าของทงสงละอน เหมือนกับพ่อแม่เสมอไป ข้นต่อไปคือเราต้องยอมรับ
พันละน้อยและสิ่งที่ยิ่งใหญ่จนแทบเป็นไปไม่ได้ ว่า กระบวนการอันแสนเรียบง่ายและเกิดข้นอย่าง


ดาร์วินแสดงให้เห็นว่า ไม่เพียงพวกเราจะสืบ ฉับพลันท่เราสังเกตได้น้ ถ้ามีการทวนย�านานพอก ็



เชื้อสายมาจากสัตว์ชนิดที่อยู่มาก่อน แต่สิ่งมีชีวิตทั้ง จะสะสมกันไปจนทาให้เกิดความเปล่ยนแปลงอย่าง



ปวงท่ยังดารงอยู่และพวกท่เคยมีชีวิตอยู่แต่สูญพันธุ์ ไร้ที่สิ้นสุดได้



ไปแล้ว ล้วนกาเนิดมาจากกระบวนการพ้นฐานใน น่มิใช่หนังสือท่วไปท่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์





การสืบพันธุ์อย่างเดียวกัน โดยมีทายาททั้งที่ประสบ วิทยาศาสตร์ และมันก็มิได้เขียนข้นเพ่อนักประวัติศาสตร์


ความส�าเร็จและที่ล้มเหลว หนังสือน้เป็นการทดลองส่อสารประวัติศาสตร์ของ


น่าเสียดายท่ปัจจุบันมีคนมากมายไม่เข้าใจ วิทยาศาสตร์ ดาร์วิน และวิวัฒนาการให้แก่ผ้อ่านใน
ผลงานของดาร์วิน การอธิบายความซับซ้อนของยีน วงที่กว้างขึ้น





และดีเอ็นเออาจไม่จาเป็นสาหรับการทาความเข้าใจ หนังสือน้มีงานเขียนด้งเดิมและภาพวาด

ความจริงพ้นฐานของวิวัฒนาการ แต่การจะเข้าใจ ร่วมสมัยหลายร้อยภาพ ซ่งจะช่วยทาให้ดาร์วิน สถานท่ ี


เร่องวิวัฒนาการน้นจาเป็นต้องรู้ถึงความแตกต่าง ที่เขาเคยไป และปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เขาศึกษา




เล็กๆ น้อยๆ ตามธรรมชาติระหว่างส่งมีชีวิตแต่ละ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง













11

ภาพบน: การสร้างโลก ภาพวาดโดยมาร์ติน ลูเธอร์
จากการแปลความไบเบิลของเขา ค.ศ. 1534
ภาพในหน้าตรงข้าม: ภาพพิมพ์ของเจมส์ อุชเชอร์

ห้วงเหวแห่งกาลเวลา






มนุษยชาติล้วนสงสัยเร่องอายุของโลกเสมอมา ใน ค.ศ.1620 นักบวชและ










บณฑตคนหนงชอ เจมส์ อชเชอร์ (James Ussher) ใช้ความร้ความเชยวชาญ
เก่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลในยุคของเขา ระบุว่าโลกมีอายุประมาณ 6,000 ปี




เขาเช่อว่าโลกสร้างข้นเม่อ 4,004 ปีก่อนคริสตกาล
ลอดเวลาหลายร้อยปีต่อมา เหล่าบัณฑิต ประมาณช่วงเวลาเดียวกัน นักธรณีวิทยา

ตผู้ค้นคว้าเร่องราวเก่ยวกับโลกพากันสร้าง เจมส์ ฮุตตัน (James Hutton) เช่อว่าโลกเป็น





ผลงานกองพะเนินด้านการศึกษา การค้นพบ และ เคร่องจักรท่พระเจ้าทรงสร้างข้นเพ่อคาจุนชีวิต








ข้อโต้แย้งถกเถียงท้งหลาย แม้ว่าคนเหล่าน้ส่วนใหญ่ ฮุตตันเช่อว่าโลกถูกกักอยู่ในวัฏจักรแห่งการเส่อม
จะเป็นคริสเตียนและออร์โธดอกซ์ แต่จากการตรวจ สลายและฟื้นคืนอันไม่รู้จบ พ้นดินถูกกัดเซาะจมลง




สอบพ้นผิวของโลกอย่างต่อเน่อง พวกเขาเริ่มตระหนัก ไปในมหาสมุทรและเกิดเป็นช้นพ้นท่ข้างใต้ ซ่งต่อ




ว่าโลกน้เก่าแก่โบราณอย่างยิ่ง โบราณในระดับล้านๆ ปี มาก็ยกตัวขึ้นด้วย “เคร่องจักรความร้อน” ภายใน



เลยทีเดียว น่เป็นการเปล่ยนแปลงมุมมอง โลกเพ่อสร้างแผ่นดินแห่งใหม่ ฮุตตันไม่ใช่





เก่ยวกับอดีตท่สาคัญย่ง ทว่าเหล่า นักทฤษฎีที่นั่งอยู่แต่ในห้อง เขาออก
บัณฑตแห่งศตวรรษท่ 17 และ เดนทางอย่างไม่ร้เหนดเหนอยไป







18 หาได้ต้งใจจะทาสงคราม ท่วภาคใต้ของสก๊อตแลนด์ ศึกษา



ต่อต้านไบเบิล พวกเขาเพียง ว่าพ้นผิวปัจจุบันของโลกก่อตัว

ไล่ล่าความสนใจของตนใน มาอย่างไร เขาค้นพบสัณฐาน



ศาสตร์อันเฉพาะเจาะจง และ ของหินจานวนหน่งทเรยกว่า




บางคร้งยังอุทิศความพยายาม “ช้นหินไม่ต่อเน่อง” ซ่งบ่งบอก





มหาศาลเพ่อรอมชอมการค้นพบ ว่าพ้นผิวของโลกมีการเปล่ยน
ของตนกับความเชอทางศาสนา แปลงตลอดเวลาหลายต่อหลาย



คริสต์อีกด้วย ยุค ตัวอย่างเช่น เขาพบส่วนของช้นหิน

ในศตวรรษท่ 18 นักธรรมชาต ิ หน่งท่บิดตัวจนเกือบจะเป็นแนวด่ง จาก




วิทยาชาวฝร่งเศสช่อ จอร์จ บุฟฟง (Georges Buffon) นั้นก็ถูกเฉือนออก และมีชั้นหินแนวนอนอีกชั้นหนึ่ง



พยายามทาการทดลองเพ่อประมาณการอายุของโลก ทับอยู่ด้านบน ฮุตตันอธิบายว่าก้อนหินเหล่านั้นเผย
เขาเตรียมลูกเหล็กกลมขนาดต่างๆ กันเอาไปให้ความ ถึง “ความต่อเนื่องของโลก” ที่มาแล้วก็ไป ส�าหรับ


ร้อนจนเกือบจะถึงจุดหลอมเหลว จากน้นปล่อยให้ อายุของมัน ฮุตตันเพียงตอบแบบเล่นล้นว่า “เรา









เยนตวลงในถา ยงลกเหลกมขนาดใหญ่เท่าใดกจะ ไม่พบร่องรอยของจุดเริ่มต้น หรือจุดสิ้นสุด”



ย่งใช้เวลาเย็นตัวนานข้น บุฟฟงคานวณออกมาว่าถ้า งานของฮตตนจดประกายใหแกนกธรณวทยา












ลกเหลกกลมมีขนาดเท่ากับโลก จะต้องใช้เวลาราว คนหน่งในบรรดานักธรณีวิทยาผู้มีช่อเสียงโด่งดัง

75,000 ปีในการเย็นตัวลงจากสภาวะหลอมเหลว ท่สุดในช่วงต้นศตวรรษท่ 19 คือ ชาร์ลส์ ไลแอลล์


13

อุทกภัย (The Deluge) ภาพพิมพ์แบบเมโซทินท์ โดยจอห์น มาร์ติน (ค.ศ. 1828) แสดงเหตุการณ์น�้าท่วมของโนอาห์

เส้นทางอันมั่นคงของพิภพ


“เรารู้สึกถึงความจาเป็นอย่างย่งท่ต้อง ในแนวด่ง แต่ยังคงนอนอยู่ในแนวราบท่ก้นบ้ง ึ




ย้อนกลับไปในสมัยท่หินชีสต์ท่เรายืนอยู่น้ยังอยู่ ของท้องทะเล และยังไม่ถูกรบกวนจากแรงระเบิด





ท่ก้นทะเล และเม่อหินทรายเบ้องหน้าเราเพ่ง อนทรงพลังมหาศาลท่แยกหนทางอันม่นคงของ







จะเร่มก่อตัวทับถมกันในรูปของทรายและโคลน พภพออกจากกัน ... ความคิดย่งวิงเวียนมากข้น





จากนาในระยะท่เพ่งเร่มก่อตัวเป็นมหาสมุทร เม่อมองย้อนกลับไปในห้วงเหวของกาลเวลา” รวม




น้นแสดงให้เห็นถึงยุคสมัยท่ห่างไกลเหลือเกิน ผลงานของจอห์น เพลย์แฟร์ (The works of John




ยุคท่แม้แต่หินท่เก่าแก่โบราณท่สุดยังมิทันต้งข้น Playfair), คอนสเตเบิล, ค.ศ. 1822, หน้า 80



(Charles Lyell) ในยุคนี้ พระคัมภีร์ไบเบิลกับเร่องราวอัศจรรย์

ไม่เป็นท่ยอมรับในการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
อีกต่อไป มีการค้นพบคาอธิบายทางธรรมชาติมากมายคร้งแล้ว




คร้งเล่าท่อธิบายคุณลักษณะโครงสร้างของโลกได้ ไลแอลล์
ตรวจสอบภูเขาไฟเอตนาในอิตาลี และอธิบายว่ามันค่อยๆ งอก
ผ่านช่วงเวลาอันแสนยาวนาน ไลแอลล์มองว่าเหตุการณ์ทาง

ธรณีวิทยาท่เกิดข้นฉับพลันทันทีอาจเป็นผลมาจากเหตุการณ์

ปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นเป็นล�าดับต่อเนื่องยาวนาน
มุมมองทางทฤษฏีดังกล่าวของเขาได้รับการจดจา

ว่าเป็น “แนวคิดเอกรูปนิยม (uniformitarianism)” และถือ

กันว่าเป็นหัวใจสาคัญในทฤษฎีของไลแอลล์ แม้ว่านักวิชาการ
ร่วมสมัยกับไลแอลล์จะไม่มีปัญหากับการใช้เหตุผลธรรมดา นักปรัชญาชาวสกอต เจมส์ ฮุตตัน ภาพพิมพ์โดย


เพ่ออธิบายอดีตท่ผ่านไป แต่พวกเขาคัดค้านคายืนกรานของ จอห์น เคย์ ค.ศ. 1787

14


ไลแอลล์ท่ว่า ปัจจัยของการเกิดเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ในระดับ


เดียวกันกับท่พวกเขาคอยเฝ้าสังเกตอยู่น้นเป็นส่งท่ดารงอยู่มาตลอด



น่นหมายความว่า การเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และการ

สึกกร่อน ต้องเคยเกิดขึ้นในระดับเดียวกันนี้อยู่เสมอ















นักธรรมชาติวิทยาชาวฝร่งเศส ฌอง

แบบติสต์ เดอ ลามาร์ก ผู้เสนอว่า ส่งม ี
ชีวิตไม่ได้สูญพันธุ์ แต่เปลี่ยนแปลงไปอยู่
ในรูปแบบอื่นที่ก้าวหน้ากว่า รอยชั้นทางธรณีวิทยาที่ไม่ต่อเนื่องกันบนแม่น�้าเจด แผ่นพิมพ์ที่ 3 จากทฤษฎีว่า
ด้วยโลก (Theory of the Earth) ของฮุตตัน เล่ม 1 (ค.ศ. 1795) ฐานตะกอนที่
บิดหมุนถูกทับถมโดยชั้นพื้นดินแนวราบที่เกิดภายหลัง


การสร้างสรรค์สปีชีส์ใหม่










ไลแอลล์ยงยกประเดนคาถามเกยวกับการปรากฏข้นหรอหายตัวไปของสปีชส์ในซากฟอสซล
ซ่งเกิดซาไปซามาหลายหนในบันทึกทางธรณีวิทยา นอกจากน้เขายังพยายามอธิบายว่า กระบวนการ








ตามธรรมชาติท่เกิดข้นทีละเล็กละน้อยคือตัวการสาคัญเพราะสปีชีส์น้นอยู่คงท่ในขณะท่โลกค่อยๆ







เปล่ยนแปลงไป สุดท้ายสปีชีส์จึงต้องสูญพันธุ์เม่อสภาพแวดล้อมเปล่ยนแปลงมากจนเกินไป แล้วสปีชีส์

ใหม่ๆ ภายหลังเกิดมาจากไหนกันเล่า เขายอมรับว่าการเกิดสปีชีส์ใหม่อาจเกิดข้นทีละน้อยเช่นเดียว
กับการสูญพันธุ์ และตั้งสมมติฐานว่า สปีชีส์ใหม่ๆ เป็นผลมาจาก
“การสร้างสรรค์พิเศษ” แบบใดแบบหน่งท่สอดคล้องกันกับสภาพ









แวดล้อมใหม่ๆ ขณะทหลกพนฐานทางธรณวทยา (Principles
of Geology) ของไลแอลล์ (ค.ศ. 1830-33) เริ่มเผยแพร่ออกมา



น้น นักธรณีวิทยาหนุ่มชาวอังกฤษคนหน่งท่กาลังทาวิจัยอยู่ใน


อเมริกาใต้ก็นาแนวคิดบางอย่างของไลแอลล์เก่ยวกับการเกิดข้น



ทีละน้อย (gradualism) ไปหาวิธีทดสอบได้ เขายังรู้สึกไม่พอใจ
นักที่ไลแอลล์พยายามหลบเลี่ยงค�าถามที่ว่า สปีชีส์ใหม่ๆ มาจาก
ไหน ชื่อของหนุ่มคนนั้นคือ ชาร์ลส์ ดาร์วิน
ชาร์ลส์ ไลแอลล์, ถ่ายภาพโดยเออร์เนสต์ เอ็ดวาร์ดส์ ประมาณ ค.ศ.1865
15

ภาพบน: ภาพหน้าปก Systema naturae ของลินเนียส (ค.ศ. 1758)

ภาพในหน้าตรงข้าม: นักพฤกษศาสตร์และนักอนุกรมวิธานชาวสวีเดนผู้ย่งใหญ่ คาโรลัส ลินเนียส
(Carolus Linneaus) ภาพโดยแม็กนัส ฮอลล์แมน ในช่วงทศวรรษ 1780



ธรรมชาติอันอดมสมบรณ์





นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษผู้ยงใหญ่ จอห์น เรย์ (John Ray) ได้ตีพิมพ์




รายช่อสปีชีส์ต่างๆ จานวนหลายร้อยสปีชีส์ในช่วงปลายศตวรรษท่ 17 เม่อส้น





ศตวรรษท่ 18 มีจานวนสปีชีส์ท่รู้จักเพ่มมากข้นหลายแสนสปีชีส์




ม่อเรือของชาวยุโรปเดินทางรอบโลกเป็นคร้งแรก ล้วนประกอบข้นจากเซลส์ แม้จะมีซากฟอสซิลอย่ ู


เ สปีชีส์ชนิดใหม่ๆ จึงเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ตั้งแต่ ทวไป แต่เป็นเวลานานหลายศตวรรษท่ไม่มีใครรู้



โลมา โดโด ไปจนถึงสัตว์จาพวกจิงโจ้แสนประหลาดใน แน่ชดเลยว่า ซากฟอสซลเหล่านน (ในความร้สก






ออสเตรเลีย ผู้ท่ชอบจัดระบบเช่นนักพฤกษศาสตร์ ของเรา) เก่ยวข้องอะไรกับส่งมีชีวิตหรือเปล่า ย่งมี




ชาวสวีเดน คาร์ล ลินเนียส จึงสร้างระบบในการจัด ความสนใจเจ้าวัตถุลึกลับน่าพิศวงเหล่าน้ร่วมกัน















ลาดบพวกมนอย่างละเอยด และพบว่าสงมชวต มากข้นก็ย่งรู้ชัดเจนข้นว่า ท่แท้มันคือซากท่เหลือ







ท้งหมดในแต่ละคลาสมีความเก่ยวพันใกล้ชิดกับ อย่ของพืชและสตว์ทเคยมชวตแล้วกลายเป็นหน





อีกคลาสหน่งผ่านห่วงโซ่ความคล้ายคลึง ท่สาคัญ ไม่ใช่แค่การหยอกเย้าของธรรมชาติท่บังเอิญให้พวก


ย่งไปกว่าน้นคือ ทุกกลุ่มเป็นกลุ่มย่อย มันเติบโตข้นข้างในก้อนหิน ในศตวรรษ




ภายในกลุ่มท่ใหญ่กว่าได้อย่างพอ ที่ 17 ปราชญ์ผู้รอบรู้ชาวอังกฤษชื่อ
ดิบพอดี ตัวอย่างเช่น ทุกสปีชีส์ โรเบิร์ต ฮุค (Robert Hooke)
ของหมาป่าอยู่ในคลาสเดียว เป็นหน่งในคนกลุ่มแรกๆ ท ่ ี




กับหมาจ้งจอก หมาไน และ แสดงให้เหนว่าฟอสซลนน


สุนัขบ้าน เรียกว่า วงศ์เคไนด์ คือสิ่งที่เคยมีชีวิต โดยเปรียบ
(canide) เทียบโครงสร้างของมันกับส่ง


บางคร้งดูเหมือนซาก มีชีวิตท่คล้ายคลึงกันภายใต้

ฟอสซิลเข้าได้กับช่องว่าง กล้องจุลทรรศน์ท่เพ่งคิดค้น


ระหว่างกลุ่มของส่งมีชีวิตพอด ี ข้นใหม่ แพทย์ชาวเดนมาร์คช่อ




แสดงว่าฟอสซิลเหล่าน้นก็น่าจะอยู่ นิโคลัส สตีโน (Nicolas Steno)



ในคลาสเดียวกนด้วย ในบรรดาคลาส สาธิตให้เห็นว่า ส่งท่เรียกกันว่าฟอสซิล
ท้งปวงของส่งมีชีวิตดูเหมือนจะมีโครงสร้างแบบ “หินรูปลิ้น” (tongue stone) นั้นดูคล้ายคลึงกับ


เดียวกันซ่งใช้เป็นฐานของรูปแบบอย่างเดียวกัน ใน ฟันของฉลามมาก เพราะท่จริงแล้วมันก็คือฟันของ


ทานองเดียวกัน การศึกษาตัวอ่อนของหลายๆ สปีชีส์ ฉลามที่กลายเป็นหินนั่นเอง



ก็แสดงให้เห็นความสอดคล้องกันอย่างน่าต่นตะลึง นักกายวิภาคเปรียบเทียบชาวฝร่งเศส
ในพัฒนาการช่วงแรกๆ ซึ่งจะสูญหายไปเรื่อยๆ เมื่อ ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง จอร์จ กูวีเย (Georges Cuvier)


พวกมันมีอายุมากข้น นอกจากน้ยังพบว่าส่งมีชีวิต วิเคราะห์กระดูกฟอสซิลอย่างละเอียด และพิสูจน์




ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบทางเคมีเหมือนกัน ขณะ ข้อเท็จจรงเร่องการสญพันธุ์ได้เป็นคร้งแรก การขุดค้น


ท่กล้องจุลทรรศน์เผยให้เห็นว่าส่งมีชีวิตทกชนด ของเขาท่แอ่งปารีสเปิดเผยว่า ย่งเราย้อนเวลาไปมาก





17




เท่าไร ย่งมีความแตกต่างของส่งมีชีวิตมากเท่าน้น

เขากาหนดหลักการข้นว่า ย่งเราขุดลึกลงไปในพ้น



โลกมากขึ้น ซากฟอสซิลที่พบก็ยิ่งแตกต่างไปจากรูป



แบบในปัจจบนมากขนและรปแบบทสญหายไปใน





ยุคหนึ่งๆ จะไม่ปรากฏซ�้าในยุคสมัยหลัง

ในชวงทศวรรษ 1830 นกธรณวทยาท่ดาเนิน





รอยตามงานของกูวีเย คือ วิลเลียม สมิธ (William


Smith) และวลเลยม บคแลนด (William Buckland)


จากอ็อกซฟอร์ด แทบจะเห็นพ้องกันเป็นเอกฉันท์ว่า





บนทกทางธรณวทยาแสดงถงการรบช่วงเป็นลาดบ



ของยุคสมัยแห่งชีวิตในประวัติศาสตร์ของโลก ยุคแรก

สุดคือหอย จากน้นเป็นพวกครัสตาเชียนและปลา


หินช้นหลังมีสัตว์เล้อยคลานยุคแรกเร่มและไดโนเสาร์


ท่เพ่งค้นพบไม่นานมาน้ ขณะท่หินซ่งค่อนข้างใหม่กว่า





จะมีสัตว์เล้ยงลูกด้วยนมยุคแรก แม้จะเป็นชนิดท ่ ี
สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว แม้แต่หินท่อายุน้อยกว่าน้น



ก็ยังมีซากฟอสซิลของสปีชีส์ท่สูญพันธุ์ไปแล้วซ่ง ึ


คล้ายคลึงกับสปีชีส์ท่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และท่ช้น ภาพพิมพ์ของนักกายวิภาคเปรียบเทียบและนักบรรพชีวิน-

ใหม่ล่าสุดล้วนแต่เป็นสปีชีส์ที่ยังคงด�ารงอยู่ อย่างไร วิทยาชาวฝร่งเศสผู้ยิ่งใหญ่ จอร์จ กูวีเย แสดงภาพเขากาลัง



ก็ดี ไม่มีใครเคยขุดพบฟอสซิลของมนุษย์ และน่น ตรวจสอบซากฟอสซิลของปลาด้วยแว่นขยาย

แสดงอย่างชัดเจนว่า ยุคสมัยของส่งมีชีวิตดึกดาบรรพ์



เหล่านนดารงมาก่อนทมนษย์จะถอกาเนดขน









คงที่และไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
จอห์น เรย์ ผู้เปี่ยมศรัทธา ได้รวบรวมรายชื่อ

สปีชีส์ และยืนกรานว่า “จานวนสปีชีส์ท่แท้จริงใน

ธรรมชาตินั้นคงที่ มีจ�านวนจ�ากัด เรามีเหตุผลพอจะ


เช่อได้ว่า มันมีจานวนคงท่และไม่มีวันเปล่ยนแปลง


นับแต่วันสร้างสรรค์คร้งแรกจวบจนถึงปัจจุบัน ...



สปีชีส์หน่งไม่มีทางเกิดมาจากหน่อของสปีชีส์อ่น”

ลินเนียสเคยประกาศคร้งหน่งว่า “ในบรรดาสปีชีส์





ท้งปวงท่พระผู้เป็นเจ้าสร้างมาแต่ด้งเดิมน้น ไม่มีชนิดใด
ถูกท�าลายไปเลย”
นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ จอห์น เรย์
18

สร้างอดีตของโลกขึ้นมาใหม่


นิโคลัส สตีโน อธิบายว่า ฟอสซิลหน่งๆ แต่

ด้งเดิมต้องแข็งแกร่งกว่าสสารรอบๆ มัน เพราะ













ฟอสซลคอตวกาหนดรปรางกอนหน จงทงรองรอย

เอาไว้ได้ ไม่ใช่ในทางตรงกันข้าม ดังน้นสสารท่คร้ง ั


หน่งเคยอ่อนนุ่มแล้วกลายมาอยู่ล้อมรอบฟันของ
ฉลามต้องตกตะกอนออกมาจากของเหลวเช่น น�้า


น่นหมายความว่า ช้นเคลือบแรกๆ ต้องเป็นแนว

นอน การบิดเพ้ยนไปจากเส้นแนวนอนเป็นตัวบ่งช ้ ี

ว่าช้นเคลือบในภายหลังถูกรบกวน ถ้ามีหินหรือ
ช้นหินหลายๆ ช้น ช้นท่อยู่ข้างใต้ต้องเก่ากว่าช้น








ท่ทับถมอยู่ข้างบน ส่งน้ทาให้แยกแยะยุคสมัยท ี ่





แตกต่างกันของหินได้ และท่สาคัญย่งคือ หมาย นิโคลัส สตีโน อธิบายว่าซากฟอสซิลเป็นตัวกาหนดแม่พิมพ์
ความว่าเราสามารถสร้างประวัติศาสตร์ของโลกใน ของสิ่งที่อยู่รอบตัวมัน ไม่ใช่ในทางตรงกันข้าม ด้วยเหตุนี้
อดีตขึ้นมาใหม่ได้ แต่แรกเริ่มมันจึงฝังตัวอยู่ในสสารที่อ่อนนุ่ม ซึ่งก็คือ โคลน

ภาพซ้าย: ภาพตัวหมัดเม่อมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ จาก ไมโครกราเฟีย
(Micrographia) (ค.ศ. 1664) ของโรเบิร์ต ฮุค กล้องจุลทรรศน์ทาให้เรา

มองเห็นสิ่งมีชีวิตจ�านวนมหาศาลได้เป็นครั้งแรก
ภาพล่าง: ลิงอุรังอุตังเพศเมีย จาก ประวัติศาสตร์ธรรมชาติของสัตว์
เล้ยงลูกด้วยนม (Histoire Naturelle des Mammiferes) เล่ม 3

ค.ศ. 1819-42 โดย เอเตียน ฌอฟฟัว ซางตีแลร์ และจอร์จ กูวีเย


นนทาให้หลายคนเชอว่าเรองเล่าการสร้างโลกในพระธรรม





ปฐมกาลน้นกล่าวถึงแต่เพียงการสร้างสรรค์ในยุคสมัยล่าสุด

เท่านั้น คือยุคที่มีพวกเราอยู่
ดังน้น ในเวลาท่ดาร์วนยังเป็นนักเรยนหนุ่มน้อย





ผู้คนท่มีการศึกษาส่วนใหญ่รู้แล้วว่าโลกมิได้มีอายุเพียง




6,000 ปี ความตระหนักรู้ท่สาคัญอีกข้อหน่งซ่งเกิดข้นมา






ดวยกคอ ในโลกนมสปชสอกมากมายเกนกวาทเคยจนตนาการ










กันมาแต่ก่อน
19




ชาร์ลส์ ดาร์วิน: กาเนิดนักธรรมชาติวิทยา







ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน เกิดเม่อวันท่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1809 เป็นบุตรคนท่ห้า
จากจานวนหกคน เขาเกิดในครอบครัวผู้มีอันจะกินในเมืองชรูว์เบอรี จังหวัด

ชร็อปเชอร์ ในช่วงกลางรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จแห่งอังกฤษ เป็นเมืองชนบท
2

อังกฤษดังเช่นท่เจน ออสเตน พรรณนาเอาไว้ และสงครามนโปเลียน ก็ดูเหมือน
3
อยู่ห่างไกลนัก


านของครอบครัวช่อ เดอะเมานต์ เป็น เม่อเขาอายุแปดปี ไม่มีหลักฐานท่ชัดเจนมาสนับสนุน


บ้คฤหาสน์หลังใหญ่แสนสบายท่มีคนรับใช้ ทัศนะที่กล่าวซ�้าบ่อยๆ ว่า การตายของเธอมีผลทาง


หลายคน บิดาของดาร์วินเป็นนายแพทย์และนักการ จิตวิทยาต่อเขาอย่างลึกซ้ง ความทรงจาของเขาให้


เงินร่างท้วม โรเบิร์ต ดาร์วิน ซ่งเป็นบุตรชายท่น่า ความสนใจมากพอกันสาหรับ “โต๊ะทางานท่เป็น






นับถือของอิรัสมัส ดาร์วิน นักปรัชญาและกวีผู้ม ระเบียบอย่างน่าแปลกใจ” ของมารดา เขาได้รับการ
ชื่อเสียง (หรือขึ้นชื่อกระฉ่อน) มารดาของดาร์วินคือ ดแลปรนนบติจากเหล่าสาวใช้ ทาให้การตายของ




นางซูซานนา เว็ดจ์วู้ด เป็นบุตรสาวของโจสิยาห์ มารดาไม่ก่อให้เกิดอาการขาดแม่เหมือนดังท่เกิด




เว็ดจ์วู้ด ช่างปั้นหม้อผู้โด่งดัง กับเด็กสมัยใหม่ พ่สาวท้งสามของเขาเป็นคนเล้ยงด ู
ความทรงจาวัยเด็กของดาร์วินเผยถึงลักษณะ ดาร์วินกับแคเธอรีนน้องสาวคนเล็กจนเติบใหญ่



นิสัยพ้นฐานสองประการท่ติดตัวเขาไปตลอดชีวิต คือ ดาร์วินเร่มเรียนหนังสือท่บ้าน โดยแคโรลีน



ความถ่อมตัวอย่างจริงใจและความอยากรู้อยากเห็น ผู้พ่สาวเป็นคนสอน ก่อนไปเข้าโรงเรียนแห่งหน่งใน

ไม่รู้หน่ายใคร่จะเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ ท�างานอย่างไร แต่ ชรูว์เบอรีที่บริหารโดยนักบวชจากลัทธิเอกภาพนิยม

ช่วงปีหลังๆ เขาจาได้แต่เพียงความตายของมารดา (Unitarian Chapel) ซึ่งแม่ของเขาเคยพาลูกๆ ไป
ภาพในหน้าตรงข้าม: บิดาของดาร์วิน
ดร.โรเบิร์ต แวริง ดาร์วิน ผู้ซึ่งดาร์วิน
ราลึกถึงเขาว่า “บุรุษผู้เฉลียวฉลาด

ที่สุดที่ผมเคยรู้จัก”
ภาพขวา“เดอะเมานต์” สร้างโดยบิดา
ของดาร์วินเมื่อราวปี ค.ศ. 1800 เป็น
บ้านในวัยเด็กของดาร์วิน



2 อังกฤษในช่วง ค.ศ. 1714-1830 ซึงอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าจอร์จที 1-4 – ผู้แปล




3 สงครามทีต่อเนืองมาจากสงครามปฏิวัติฝรังเศส เริมต้นราว ค.ศ. 1803 และยุติลงประมาณ ค.ศ. 1815 – ผู้แปล
21


เข้าร่วมบ่อยๆ ลัทธิเอกภาพนิยมไม่เช่อถือหลักคิด องค์ประกอบของวัตถุในบ้านหลายๆ อย่าง โดยการ





แบบตรเอกภาพ อย่างไรก็ดีชาร์ลส์ได้รบศลบัพตศ ผสม ต้ม สกัด และทาให้ตกผลึก กิจกรรมเหล่าน ี ้
มาและน่าจะนับถือนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ เร่อง ประกอบกับการเรียนรู้ตาราเคมีอย่างต้งอกต้งใจ













น้มีความสาคัญมากเพราะทาให้เขาม ี ดารวนจงเรยนรหลกการพนฐานของการ



คุณสมบัติเพียงพอจะศึกษาต่อใน ทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง
มหาวิทยาลัยอังกฤษในเวลาต่อ เขาร�าลึกถึงในภายหลังว่า:
มา ค.ศ.1818 ดาร์วินเรียนต่อ “(เคมี) คือส่วนท่ยอด



ท่โรงเรียนของรัฐแห่งหน่งใน เยยมท่สดของการเรยนท ี ่





ชรูว์เบอรีที่อยู่ห่างจาก เดอะ โรงเรียนของผม เพราะมัน

เมานต์ไปประมาณ 1 ไมล์ ทาให้ผมเห็นความหมาย


เขาเป็นนักเรียนประจาท่น่จน แท้จริงของวิทยาศาสตร์เชิง

กระทั่งถึงปี ค.ศ. 1825 การทดลอง อย่างไรก็ดี การ


ดาร์วินไม่ใช่นักเรียน ทดลองท่บ้านของเราล่วงร้ไป



ท่น่าช่นชมนัก เขารู้สึกเสียเวลา ถงทโรงเรียน ซงเป็นส่งทไม่เคย










ทโรงเรยนไปกบการเรียนภาษากรก เกดขนมาก่อน ผมจงได้ฉายาว่า







และละตินด้งเดิม เขาศึกษาเคมีเองท่ “ห้อง ‘ก๊าซ’ คร้งหนงผมยงโดนผ้อานวยการ








ทดลอง” ในบ้าน ซ่งต้งอยู่ในโรงเก็บของในสวน ดร.บัตเลอร์ ดุเอา เพราะมัวแต่ใช้เวลาให้หมดไปกับ


กับอิรัสมัสผู้เป็นพ่ชาย พวกเขาช่วยกันตรวจสอบ เรื่องไร้สาระเช่นนี้”
ความทรงจ�าวัยเด็ก






“เมอมองย้อนกลบไปดนสยของผมเมอ กระตือรือร้นต่อส่งใดก็ตามท่สนใจ และเพลิดเพลิน








สมัยยงอยู่ในโรงเรยน คณลกษณะเพยงประการ กับการทาความเข้าใจวัตถุหรือเร่องราวท่สลับ





เดียวในตอนนั้นซึ่งรับประกันอนาคตที่ดี คือการที่ ซับซ้อน ... ผมจาได้ว่า ในช่วงแรกๆ ท่เพ่งเข้า





ผมมีรสนิยมท่ชัดเจนและหลากหลาย มีความจดจ่อ โรงเรียน ผมมักจะต้องว่งให้เร็วมากๆ เพ่อไปให้
ทันเวลา การเป็นนักว่งเร็วทาให้ผมประสบความ




สาเร็จอยู่เสมอ แต่เม่อมีข้อสงสัยผมจะอธิษฐาน
ต่อพระเจ้าอย่างจริงจังขอให้พระองค์ทรงช่วย ผม
จ�าได้ดีว่า ผมเชื่อว่าความส�าเร็จของตนมาจากการ
อธิษฐาน ไม่ใช่จากการว่งเร็ว และนึกอัศจรรย์ใจว่า

ผมได้รับความช่วยเหลือบ่อยเหลือเกิน” ชาร์ลส์
ดาร์วิน, อัตชีวประวัติ, ค.ศ. 1958, หน้า 43
ดาร์วินและแคเธอรีนน้องสาวของเขา (ค.ศ. 1816) ภาพวาด


พาสเทลโดยโรลินดา ชาร์เพิลส์ ราวหน่งปีก่อนท่มารดาของ
พวกเขาจะเสียชีวิต
22

นักสะสมรุ่นเยาว์


“เมื่อตอนที่ผมไปโรงเรียนนี้ [โรงเรียนกลางวัน] ความชื่นชอบในประวัติศาสตร์ธรรมชาติ โดย


เฉพาะอย่างย่งการเก็บสะสมตัวอย่าง ได้พัฒนาข้นเป็นลาดับ ผมพยายามทารายช่อของพืช เก็บ










สะสมทุกสงทกชนด เปลอกหอย ตราประทบ ตราผนกแสตมป์ เหรยญ และแร่ธาต ความหลงใหล







ในการเกบสะสมซงนาพาให้ชายคนหนงกลายเป็นนกธรรมชาตวทยาผ้คดอย่างเป็นระบบได้ทวความ










รุนแรงข้นในตัวผม (ไม่รู้ว่าเป็นผู้เช่ยวชาญหรือเป็นคนตระหน่) มันฝังอยู่ในตัวผมอย่างชัดเจน ไม่ม ี




พ่น้องคนไหนท่มีความช่นชอบแบบเดียวกันน้เลย ผมจาได้ว่าดีใจมากขนาดไหนตอนท่ตกได้ตัวนิวต์



ข้นมาจากบึงหินท่โรงเรียน ผมเร่มมีความช่นชอบอย่างแรงกล้าในการเก็บสะสมมาต้งแต่ยังเด็ก ส่วน






มากเป็นตราประทับ ตราผนึก ฯลฯ แต่ก็รวมถึงก้อนกรวดและก้อนแร่ด้วย ส่งซ่งเด็กชายบางคนให้

ผมมา กลายเป็นตัวตัดสินความช่นชอบน ้ ี

ผมเช่อว่าช่วงเวลาประมาณนั้นเองท ่ ี

ผมเร่มสนใจศึกษาด้านพฤกษศาสตร์”


ชาร์ลส์ ดาร์วน, อตชวประวต, ค.ศ.



1958, หน้า 22
โรงเรียนชรูว์สเบอรี ซ่งดาร์วินอาศัยอยู่ใน

ฐานะนักเรียนประจ�า ตั้งแต่ ค.ศ. 1818-1825

ภาพในหน้าตรงข้าม, บน: ภาพหน่งใน ดาร์วินชื่นชอบกีฬาในชนบท เช่น ขี่จักรยาน ยิงปืน


จานวนท่มีเพียงไม่ก่ภาพของซูซานนาห์



เว็ดจ์วู้ด มารดาของดาร์วิน ราว 2-3 ปี ตกปลา และเดินออกกาลังตามลาพัง เขาไม่สนใจกีฬาเชิง
ก่อนแต่งงาน สังคมอย่างเช่น คริกเก็ต อิรัสมัสไปเรียนต่อด้านการแพทย์ที่



ภาพล่าง: ครอบครัวเว็ดจ์วู้ด วาดโดยจอร์จ เคมบริดจ์เม่อ ค.ศ. 1822 จากน้นก็ไปศึกษาต่อท่มหาวิทยาลัย
สตับส์ มารดาของดาร์วินน่งอยู่บนหลังม้า เอดินเบิร์กใน ค.ศ. 1825 บิดาของดาร์วินคิดว่าเป็นโอกาส

ตรงกลางภาพ น้าของเขา โจสิยาห์ หรือ “โจ” อันดีสาหรับชาร์ลส์ท่จะเร่มศึกษาด้านการแพทย์เสียท ี




คือคนท่อยู่ถัดไปทางขวา คุณตาของดาร์วิน


ช่างปั้นหม้อผู้โด่งดัง โจสิยาห์ เว็ดจ์วู้ด กับ ใน ค.ศ. 1825 ดาร์วินจึงไปยังเอดินเบิร์ก ท่ซ่งโลกใหม่อันเต็ม
ภรรยาของเขา ซาราห์ นั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เปี่ยมด้วยความเป็นไปได้วางอยู่ต่อหน้าเขา
23

มหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก ด้านถนนเซาท์บริดจ์
ค.ศ. 1829 ดาร์วินศึกษาวิชาแพทย์ที่นี่เป็นเวลา
สองปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1825-1827

มหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก






ในค.ศ. 1825 ขณะดาร์วินอายุเพียง 16 ปี ได้ติดตามอิรัสมัส พ่ชายของเขา


ไปท่มหาวิทยาลัยเอดินเบิร์กเพ่อศึกษาวิชาการแพทย์ ดาร์วินไม่ชอบการเรียน








ของตนเองเลย และร้สกขยะแขยงทกครงทเหนเลอดหรอการผ่าตด ซงสมัยนน







ยังกระทากันโดยไม่มีการให้ยาสลบ

ที่สองที่เขาอยู่เอดินเบิร์ก พี่ชายของดาร์วินก็ ถึงการค้นพบนี้ แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อแกรนต์บอกว่า





ปีเรียนจบออกไป ท�าให้ดาร์วินได้พบเพ่อน น่เป็นพ้นท่ทาวิจัยของเขา จึงไม่เป็นธรรมท่ดาร์วิน


นักศึกษามากมายท่สนใจในวิทยาศาสตร์ธรรมชาต เอาผลงานไปเผยแพร่ ดังน้นดาร์วินจึงได้รู้จักท้ง ั


เหมือนกัน ความต่นเต้นจากการค้นพบส่งใหม่ๆ ในธรรมชาต ิ



ดาร์วินได้เรียนวิทยาศาสตร์มากข้น โดยอาศัย และความอิจฉาริษยาทางวิทยาศาสตร์ท่มักเกิดตาม



เวลาส่วนตัวมากกว่าท่ได้เรียนจากการเข้าช้น มาบ่อยๆ ไปพร้อมกัน หลังจากน้นดาร์วินก็ไม่ค่อย

เรียน ท่เอดินเบิร์กน้ดาร์วินได้เข้าร่วมสมาคมทาง อยากใกล้ชิดกับแกรนต์อีก



วิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรก และประทับใจมากกับโลก ดาร์วินรู้จักวิชาธรณีวิทยาเป็นคร้งแรกท ี ่



ของชนช้นสูงผู้อ่านและถกเถียงกันเก่ยวกับงานวิจัย เอดินเบิร์ก แต่เพราะมุมมองคราครึของผู้เป็นอาจารย์



ทางวิทยาศาสตร์ เขาเร่มอ่านและศกษาหนงสออย่าง ท�าให้ได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ค่อยดีนัก เขาร�าลึกถึงเรื่อง


วารสารทางวิทยาศาสตร์ด้วย เขาได้รับแรงบันดาลใจ นี้ภายหลังในบันทึกอัตชีวประวัติของตนเองว่า:
ในการสะสมและสืบสวนส่งมีชีวิตใต้นาในแอ่งนาริม “ระหว่างปีท่สองของผมในเอดินเบิร์ก






ทะเลกับ ดร.โรเบิร์ต แกรนต์ (Robert Grant) ซ่งเป็น ผมเข้าฟังเลกเชอร์ของเจมสันเก่ยวกับธรณีวิทยาและ


ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น ดาร์วินตรวจสอบและจ�าแนก สัตววิทยา แต่มันช่างน่าเบื่อเหลือทน ผลกระทบ
โดยอาศัย “กล้องจุลทรรศน์สับปะรังเค” “ผมค้นพบ เพียงอย่างเดียวท่เกิดกับผมคือความต้งใจว่าจะ


ส่งเล็กๆ ท่น่าสนใจคร้งหน่ง และในราวต้น ค.ศ. 1826 ไม่มีวันอ่านหนังสือเก่ยวกับธรณีวิทยาหรือศึกษา







(ที่จริงคือ ค.ศ. 1827) ได้อ่านบทความสั้นๆ เกี่ยวกับ ด้านวิทยาศาสตร์อีกตราบท่ผมยังมีชีวิตอยู่... ผม...
เร่องน้ต่อหน้าสมาคมพลิเนียน (Plinian Society) ได้ยินอาจารย์เจมสันพูดในการบรรยายภาคสนามท ่ ี



ถึงส่งท่เรียกกันว่า ไข่ของฟลัสตรา ว่ามันสามารถ ผาซาลิสเบอรี บรรยายถึงคันก้นท่มีขอบเป็นรูพรุน



4
เคล่อนตัวอย่างอิสระโดยอาศัยซิเลีย และอันท่จริง และชั้นหินแข็งแกร่งบนแต่ละด้าน โดยมีหินภูเขาไฟ


5
มันคือตัวอ่อน” ตอนแรกดาร์วินรีบไปรายงานแกรนต์ อยู่รอบๆ ตัวเรา และบอกว่าน่เป็นรอยแยกท่เต็ม



ไปด้วยตะกอนจากข้างบน บวกกับคาเหน็บแนมว่า




มคนคอยดแลมนไว้โดยฉดมนเขาจากขางใต้ในสภาวะ




4 Flustra สัตว์ทะเลชนิดหนึงรูปร่างคล้ายสาหร่าย พบในตอนเหนือของ




มหาสมุทรแอตแลนติก – ผู้แปล หลอมเหลว เม่อผมคิดถงการบรรยายคร้งน้ ผม



5 Cilia โครงสร้างคล้ายขนสันๆ ทียืนออกมาจากเซลล์ของพืชหรือ ไม่แปลกใจเลยว่าทาไมผมไม่เข้าร่วมวงการธรณีวิทยา


สัตว์เซลล์เดียว ท�าหน้าทีพัดโบกขนส่งโมเลกุลหรือสารทีผ่านเยือหุ้มเซลล์ นี้อีก”


ด้านบน – ผู้แปล
25

การเรียนในมหาวิทยาลัย


โรเบิร์ต บิดาของดาร์วิน เป็นแพทย์เช่นเดียวกับ
อิรัสมัส ดาร์วิน ปู่ของเขาซึ่งเป็นกวีผู้มีชื่อเสียงด้วย เขาเคย


ศึกษาวิชาแพทย์ท่เอดินเบิร์ก จึงไม่น่าแปลกใจท่ตอนแรก

ดาร์วินมีความมุ่งหมายท่จะเป็นแพทย์ โดยเฉพาะเม่อเขาไม่

ชอบเรียนภาษาละตินและภาษากรีกทาให้ไม่สามารถเรียน

บางสาขา เช่น วิชากฎหมาย เป็นต้น ดาร์วินเข้าเรียนใน
มหาวิทยาลัยไป 9 หลักสูตรตลอดเวลา 2 ปีในเอดินเบิร์ก ซ่ง ึ
ครอบคลุมหลายวิชา ดังเช่น กายวิภาคศาสตร์ ศัลยศาสตร์
มาเทเรียเมดิกา (materia medica วิชาเกี่ยวกับอายุรเวท

หรอการบาบดรกษาโรค) วชาฟิสกส์ ตลอดจนเคม และ






ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ


ต๋วของชาร์ลส์ ดาร์วิน สาหรับเข้าฟังเลกเชอร์ของมหาวิทยาลัย
เอดินเบิร์ก ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1825 การมีตั๋วตีพิมพ์เช่นนี้
เป็นหลักฐานแสดงว่า คุณต้องจ่ายเงินก่อนจึงเข้าฟังได้


ทักษะมีประโยชน์อย่างหน่งซ่งดาร์วินได้รับ ผู้น้ว่า “บุรุษผู้เฉลียวฉลาดและน่าคบหาอย่างย่ง”


มาคือ ศาสตร์ในการถลกหนังและทาความสะอาด ดาร์วินกับครอบครัวของเขาเป็นพวกต่อต้านการ


นกเพื่อเตรียมการทางวิทยาศาสตร์ เขาเรียนรู้ทักษะ ค้าทาสอย่างมาก และสิ่งท่เขาประสบแต่แรกเร่มน ้ ี


น้จากจอห์น เอ็ดมอนสโตน ทาสท่ได้รับอิสรภาพและ ทาให้เขาเช่อว่า ผู้คนจากชาติพันธุ์อ่นก็เป็นมนุษย์




เป็นคนผิวสีคนแรกที่ดาร์วินรู้จัก เขาบรรยายถึงชาย เหมือนกันกับเขา

















ท่าเรือลิธ (Leith Harbour) ใน ค.ศ. 1825 ดาร์วินสะสมสิ่งมีชีวิตในทะเลได้จากบึงน�้าริมทะเล และจ้างชาวประมงให้ช่วย
ขนย้ายของสะสมของเขา


26

ค้นหาตัวอย่าง


ในเอดินเบิร์ก ความสนใจตลอดชีวิตของดาร์วินเก่ยวกับ






สตว์ทะเลไม่มกระดกสนหลงถกจดประกายขน เขามกเข้าร่วมกบ






ผู้ท่ต่อมาเป็นที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของเขา คือ ดร.แกรนต์

ไปเก็บตัวอย่างวิจัยกันท่บึงริมทะเลแห่งหน่งตามแนวฟยอร์ดฟอร์ธ




เขาราลึกถึงเร่องน้ในภายหลังว่า “ผมยังได้เป็นเพ่อนกับชาวประมง




ท่นิวฮาเว่นหลายคน บางคร้งก็ออกไปกับพวกเขาเวลาท่พวกเขาไป

ลากอวนเพ่อจับหอยนางรม ผมจึงได้ตัวอย่างวิจัยกลับมามากมาย”





ต้งแต่อายุน้อยเท่าน้ ดาร์วินก็เร่มออกสารวจด้วยกระบวนวิธ ี

แสวงหาตัวอย่างและข้อมูลแบบใหม่ท่แตกต่างไปจากแบบเดิม

เขาเตรียมพร้อมท่จะออกติดตามเส้นทางใดๆ ก็ตามท่น่าจะนาไปส ู่


องค์ความรู้ใหม่ๆ หรือตัวอย่างใหม่ที่ยังไม่เคยค้นพบ

โรเบิร์ต เอ็ดมอนด์ แกรนต์ ผู้เช่ยวชาญด้านสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง และท่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์คนแรกของดาร์วิน

บุคลิกที่ชอบทิ่มแทงผู้อื่นและความริษยาทางวิทยาศาสตร์ของแกรนต์ท�าให้เวลาต่อมาดาร์วินพยายามหลีกเลี่ยงเขา


ดาร์วินเข้าใจว่าพ่อของเขาจะท้งทรัพย์สมบัต การเป็นหมอสอนศาสนาหมายความว่าเขาสามารถไล่

ไว้ให้มากพอท่จะใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ทาให้เขา ตามความหลงใหลส่วนตัวในประวัติศาสตร์ธรรมชาต ิ

ไม่รู้สึกถึงความเร่งรีบใดๆ ในการเล่าเรียนวิชาการ ได้เหมือนกิลเบิร์ต ไวต์ (Gilbert White) นักธรรมชาต ิ

แพทย์อันมีรายละเอียดไม่รู้จบเพ่อจะได้เป็นแพทย์ วิทยาและบาทหลวงผู้โด่งดัง และน่นยังหมายความ



หลังจากสองปีผ่านไป พ่อของเขาก็รู้สึกชัดข้นว่า ว่าดาร์วินจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษเพ่อทา �

ดาร์วินไม่อยากเป็นแพทย์ จึงเสนอให้เขาไปทางาน ปริญญาตรีให้ส�าเร็จ อันเป็นใบเบิกทางสาหรับเข้า

เป็นหมอสอนศาสนาแทน แม้จะไม่เคร่งศาสนานัก ร่วมนิกายอันศักดิ์สิทธิ์ของเชิร์ชออฟอิงแลนด์
แต่ดาร์วินก็ไม่เคยข้องใจในความจริงแท้ของไบเบิล
ภาพขวา: นักธรรมชาติวิทยา
และบาทหลวงชาวอังกฤษ กิลเบิร์ต
ไวต์ ผลงานคลาสสิกของเขาเร่อง



ประวตศาสตร์ธรรมชาติของ
เซลบอร์น (The Natural History
of Selborne) (ค.ศ. 1789) เป็น

หน่งในแรงบันดาลใจด้านวิทยา-
ศาสตร์ยุคแรกๆ ของดาร์วิน
ภาพขวาไกล: บัตรสมาชิกสมาคม

พลิเนียนของดาร์วิน ท่ซ่งเขานา �

เสนอบทความวิทยาศาสตร์เป็น


คร้งแรกในหัวข้อเก่ยวกับสัตว์
ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลัง
27

ส่วนหนึ่งจากบันทึกของดาร์วินใน ค.ศ. 1825 เมื่อฟังบรรยายวิชาเคมีโดยโทมัส ชาร์ลส์ โฮป
ณ จุดหนึ่งเขาเขียนว่า “ฉันขาดเรียนไป 2 ครั้งเพราะไม่สบาย”









































































28

29

30

31

ภาพบน: ทัศนียภาพด้านหลังของเคมบริดจ์ ราวปี ค.ศ.1840



ภาพในหน้าตรงข้าม: ไครสต์คอลเลจ, เคมบริดจ์ ราวช่วงเวลาท่ดาร์วินเป็นนักศึกษาท่น ี ่


ภาพพิมพ์น้แสดงให้เห็นทัศนียภาพแบบท่ดาร์วินเห็น เม่อเขาพานักในบ้านพักเหนือร้านยาสูบ



มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์






ดาร์วินเข้าศึกษาท่ไครสต์คอลเลจ เคมบริดจ์ เม่อ 15 ตุลาคม ค.ศ.1827




แต่เน่องจากเขาลืมภาษากรีกท่เคยเรียนไปจนเกือบหมด จึงจาเป็นต้องติวเพ่มเติม










ทบ้านก่อนจะ “ขนไป” ยงเคมบริดจ์ นนหมายความว่าเขายงไม่ได้เข้าเรยนจน
กระท่งเดือนมกราคม ค.ศ. 1828 และห้องพักท้งหมดในวิทยาลัยก็เต็มหมดแล้ว




งน้นเขาจึงไปเช่าบ้านพักอยู่ท่ช้นบนของร้าน นี่เป็นงานเขียนชิ้นแรกของดาร์วินที่ได้ตีพิมพ์ ดังนั้น

ดัยาสูบบนถนนฝั่งตรงข้าม เจ้าของร้านมีข้อ แม้เขาจะยังเป็นนักศึกษา และแม้จะมีส่วนเกี่ยวข้อง


ตกลงกับทางวิทยาลัยทาให้นักศึกษาของไครสต์เช่า เพียงน้อยนดกตาม ดาร์วนก็เร่มพมพ์เผยแพร่ความร้ ู






ห้องพักท่น่นได้ เจ้าของร้านท่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามร้าน เชิงวิทยาศาสตร์แล้ว


ยาสูบส่งคาร้องเรียนไปยังอธิการบดีของวิทยาลัยว่า ความสนใจในวิทยาศาสตร์ของดาร์วินกลาย

นักศึกษาของไครสต์เอาแต่เล่นปัดหมวกของผู้ท่เดิน เป็นการอุทิศตัวตลอดท้งชีวิต แม้จะยังหลงใหลช่นชอบ




ทางผานไปมาดวยการตวดแสมาจากหนาตางชนท 1 การยิงปืนอยู่ก็ตาม เขากระหายท่จะอ่านเร่องราว












เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1828 ดาร์วินย้าย การเดินทางทางวิทยาศาสตร์ของอเล็กซานเดอร์


เข้าไปอยู่ ในห้องชุดห้องหน่งในวิทยาลัยได้ ดังท่เขา ฟอน ฮุมโบลดท์ (Alexander von Humboldt)

ราลึกถึงในภายหลังว่า “อยู่ในตึกเก่า บันไดกลาง
เล้ยวขวาเข้าไปด้านในตึก เดินข้นไปหน่งช้น เข้าประต ู




ขวามือ และก็เจอกับห้องชุดขนาดใหญ่” มันเป็นห้อง

ท่ใหญ่โตจริงๆ จากบันทึกของวิทยาลัยท่เพ่งค้นพบ


ไม่นานน้ก็เผยให้ทราบว่า ห้องชุดของดาร์วินเป็นห้อง

ท่แพงท่สุดในวิทยาลัยเวลาน้น มีราคา 15 ปอนด์



ต่อ 1 ภาคการศึกษา บันทึกยังเผยอีกว่าค่าใช้จ่ายใน



วทยาลยของเขาตลอดเวลาสามปีคดเป็นเงนทงสน





ประมาณ 700 ปอนด์


ท่วิทยาลัย ดาร์วินกลายเป็นเพ่อนสนิทกับ
ญาติของเขาคนหนึ่งชื่อ วิลเลียม ดาร์วิน ฟ็อกซ์ ซึ่ง

อาจเป็นคนชักชวนให้ดาร์วินหันไปคล่งไคล้การสะสม
แมลงปีกแข็ง ไม่ช้าดาร์วินก็พบหนทางใหม่ๆ มากมาย


ในการเสาะหาตวอย่างทหายากและไม่เหมือนใคร เขา


มีตู้พิเศษท่สร้างไว้เก็บงานสะสมโดยเฉพาะ และส่ง
บันทึกการจับแมลงของเขาไปให้นักกีฏวิทยาผู้โด่งดัง

เจมส์ สตีเฟนส์ (James Stephens) ซ่งเป็นผู้จัดพิมพ์

บันทึกทางกีฏวิทยาแห่งบริเตนท้งหมดในสมัยน้น

33




และฝันถึงการเดินทางไปยังหมู่เกาะคานารีเพ่อ มากมาย ท้งสองกลายเป็นเพ่อนสนิทกัน กระท่ง ั

ท่องเท่ยวเชิงวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง งานอีก เด็กหนุ่มในวิทยาลัยท่ไม่รู้จักดาร์วินยังเรียกเขาว่า





ช้นหน่งท่มีอิทธิพลต่อดาร์วินมากคือ “ชายคนท่เดินกับเฮนสโลว์” ไม่ว่าในเวลา
ผลงานของนักดาราศาสตร์ จอห์น ต่อมาชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร ก็เห็นชัด
เฮอร์สเชล (John Herschel) แล้วว่าดาร์วินยังคงให้ความสนใจ
เร่อง ปาฐกถาเบ้องต้น นน อย่างสูงยงและมส่วนร่วมในงาน





(Preliminary Discourse) วิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่าง
(ค.ศ. 1831) ของเขากลาย แข็งขันเสมอมา
เป็นต้นแบบของกระบวนการ ดาร์วินยังศึกษาวิทยาศาสตร์


ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติสาขาอ่นๆ ในเวลาวาง

ท่ถูกต้อง ดาร์วินกลายเป็น ส่วนตัว เพราะมหาวิทยาลัยในเวลา
นักเรียนผู้เอาใจใส่ของจอห์น น้นให้ความช่วยเหลือแนะนาเกยว




สตีเฟนส์ เฮนสโลว์ (John Stevens กับวิทยาศาสตร์ได้เพียงน้อยนิด จนใน



Henslow) ศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ ทสดเขาได้เรยนร้เร่องพนฐานในสาขาวชา







ซ่งเขาได้เรียนรู้เก่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ต่างๆ ที่หลากหลายมาก




ภาพบน: นกธรรมชาติวิทยาและนักเดนทางชาวเยอรมน ภาพในหน้าตรงข้าม, ซ้ายล่าง: นักดาราศาสตร์ จอห์น
อเล็กซานเดอร์ ฟอน ฮุมโบลดท์ หนังสือเกี่ยวกับอเมริกาใต้ เฟรเดอริค วิลเลียม เฮอร์สเชล

ของเขาสร้างความเบิกบานแก่ดาร์วินขณะท่ยังเป็นนักศึกษา ภาพในหน้าตรงข้าม, ขวาล่าง: จอห์น สตีเฟน เฮนสโลว์


ท่เคมบริดจ์ และทาให้เขาปรารถนาอยากทาตามฮุมโบลด์บ้าง

นักธรณีวิทยา, นักพฤกษศาสตร์ และบาทหลวง เขาเป็นท ี ่

ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์แก่ดาร์วินท่เคมบริดจ์ และยังแนะนา �
ให้ดาร์วินร่วมเดินทางไปกับเรือบีเกิล
การฝึกฝนตามเป้าหมาย

“เม่ออยู่ท่เคมบริดจ์ ผมมักฝึกโยนปืน




ขนบ่าทหน้ากระจกเพอดว่าโยนมนตรงหรอยง








อีกแผนหน่งท่ดีกว่าคือหาเพ่อนมาโบกเทียนไขท ี ่


จุดไฟอยู่ จากนั้นลั่นไกให้เข็มแทงชนวนกระแทก
แกป ถ้าเล็งเป้าได้แม่นแรงลมอัดจะเป่าให้เทียน

ดับได้ การระเบิดของแกปทาให้เกิดเสียงดัง
มีคนบอกผมว่า ครูผู้ปกครองของวิทยาลัยให้
ข้อสงเกตว่า ‘ช่างวเศษเสยนกระไร คณดาร์วิน






ดูเหมือนจะใช้เวลาหลายช่วโมงสะบัดแส้ม้า

ห้องของดาร์วินที่ไครสต์คอลเลจ ภาพถ่ายเมื่อค.ศ. 1909 อยู่ในห้อง ผมได้ยินเสียงเพียะบ่อยๆ เวลาเดิน
ผ่านใต้หน้าต่างห้องของเขา’” ชาร์ลส์ ดาร์วิน,
อัตชีวประวัติ, ค.ศ. 1958, หน้า 44
34

ไล่จับแมลงปีกแข็ง


ดาร์วินราลึกถึงการผจญภัยคร้งหน่ง



จากการผจญภัยเก่ยวกบแมลงมากมายหลาย


ครั้ง “วันหนึ่ง ขณะที่ก�าลังลอกเปลือกไม้เก่าๆ







จานวนหนง ผมเหนแมลงปกแขงหายากสองตว

ผมจับไว้ได้มือละตัว จากน้นผมเห็นแมลง

ตัวท่สามเป็นแมลงชนิดใหม่ ซ่งผมทนไม่ได้ถ้า









จะต้องสญเสยมนไป ดงนนผมเลยโปะตวทอย่ ู



ในมอขวาไว้ในปาก อนจจามันปล่อยของเหลว
บางอย่างที่ฉุนมากและท�าให้ลิ้นผมไหม้ ผมเลย



จาต้องบ้วนแมลงตัวน้นท้ง ทาให้ผมสูญมันไป

รวมถึงเจ้าตัวที่สามด้วย”
ภาพพิมพ์แมลงปีกแข็งของบริเตนซึ่งระบายสีด้วยมือ จาก บันทึกทางกีฏวิทยาแห่งบริเตน (British Entomology) ของ
เจมส์ สตีเฟนส์ ผลงานตีพิมพ์แรกของดาร์วินปรากฏอยู่ในหนังสือชุดนี้



ในค.ศ. 1831 เขาสอบผ่านและได้รับวุฒ ราลึกถึงในเวลาต่อมาว่า “เม่อเทียบกันท้งหมดแล้ว

ปริญญาตรี จากน้นเขาต้องไปรับการฝึกฝนทาง เวลาสามปีท่เคมบริดจ์เป็นช่วงท่สนุกสนานร่นรมย์




ศาสนาเพิ่มเติมเพื่อจะได้เป็นนักสอนศาสนา ดาร์วิน ที่สุดในชีวิตอันแสนสุขของผม”


















35






หน้าหน่งจากใบบันทึกการเก็บเงินของนักศึกษาในไครสต์คอลเลจ ซ่งเพ่งค้นพบไม่นานมาน้ สาหรับค่า
“งานจบไตรมาส ว.ส. (วันสตรี)” ค.ศ. 1830 ดาร์วินจ่ายไป 5 ปอนด์ 16 ชิลลิ่ง 4 เพนซ์ ส�าหรับค่าของช�า
ซึ่งมากกว่าเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ




































































36

จดหมายอันแสนสนิทสนมจากดาร์วินถึงวิลเลียม ดาร์วิน ฟ็อกซ์ ญาติของเขา


เม่อ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1828 เต็มไปด้วยเร่องซุบซิบนินทาและรายละเอียด
เกี่ยวกับการสะสมแมลงปีกแข็ง






































































37

38

39

ภาพสีน�้าของเรือบีเกิล โดย โอเวน สแตนลีย์ ค.ศ. 1841

การผจญภัยของเรือบีเกิล








ใน ค.ศ. 1831 ดาร์วินเพ่งจบจากมหาวิทยาลัย กาลังสะพร่งด้วยพรสวรรค์
ทางวิทยาศาสตร์ จอห์น เฮนสโลว์ ท่ปรึกษาในเคมบริดจ์ของเขาน่าจะมองเห็น



พรสวรรค์น้ และกระตุ้นให้ดาร์วินเรียนต่อทางด้านธรณีวิทยา ซ่งเขายินดีทา



ตามด้วยความกระตือรือร้น ตรงข้ามกับคาประกาศของเขาเม่อก่อนหน้าน้ว่า

จะไม่มีวันเรียนศาสตร์ดังกล่าวเด็ดขาด
อมาเขาได้เข้าร่วมกับศาสตราจารย์แอดัม สาธุคุณเลโอนาร์ด เจนินส์ แต่เขาไม่สามารถละท้ง



ต่เซ็ดจ์วิค (Adam Sedgwick) ในการทัศนาจร เขตศาสนาของตนไปได้ พคอกจงไปปรกษาเฮนสโลว์






เชิงธรณีวิทยาไปยังนอร์ธเวลส์ เขาถูกส่งตัวไปยัง ซ่งแนะนาสนับสนุนดาร์วิน ลูกศิษย์คนโปรดของเขา
คนละเส้นทางกันกับเซ็ดจ์วิค และทุกๆ เย็นก็จะ บิดาของดาร์วินไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ แม้เขาจะเสริม
นาบันทึกการสารวจมาเปรียบเทียบกัน น่ช่วยให้ ว่า “ถ้าลูกหาบุรุษผู้มีสามัญสานึกซึ่งเห็นควรให้ลูกไป






ดาร์วินเรียนรู้โดยตรงเก่ยวกับพ้นฐานการสารวจ ละก็ พ่อจะยินยอม” ดาร์วินเขียนจดหมายไปปฏิเสธ


ภาคสนามทางธรณีวิทยา ดาร์วินกลับถึงบ้านวันท ข้อเสนอก่อนท่จะบ่ายหน้าไปยังบ้านของน้าเขา



29 สิงหาคม และพบจดหมายของเฮนสโลว์รอเขา โจสิยาห์ เว็ดจ์วู้ด ท่ 2 เพ่อจะเร่มฤดูกาลยิงปืนล่าสัตว์






อยู่ ในน้นมีข้อเสนอท่จะเปล่ยนแปลงท้งชีวิตของเขา น้ากับบรรดาญาติๆ ของดาร์วินกลับคิดว่าโอกาส

และเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล ร่วมทางกับบีเกิลน้ช่างเหมาะเจาะกับดาร์วินย่งนัก

ทหารเรือวัย 26 ปี โรเบิร์ต ฟิตซ์รอย (Robert เพราะเขาเป็น “ชายผู้มีความอยากรู้อยากเห็นอัน
FitzRoy) ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการเรือ แสนกว้างขวาง” เว็ดจ์วู้ดตามตัวดาร์วินท่ออกไป

หลวงบีเกิลเพื่อออกส�ารวจครั้งที่สองในน่านน�้าทวีป ล่าสัตว์กลับมา และพากันขับรถไปยังชรูว์สเบอร ี
อเมริกาใต้ เขาได้รับคาส่งให้พานักธรรมชาติวิทยา เพื่อเกลี้ยกล่อมบิดาของดาร์วิน โรเบิร์ต ดาร์วิน จึง


ท่สามารถสารวจและศึกษาดินแดนท่เรืออาจจะไป ยินยอมอนุญาต น่นหมายความว่า ไม่เพียงเขาจะยินด ี




เยี่ยมเยียน ซึ่งยังไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก ให้ดาร์วินเดินทางไป แต่ยังยินดีจะจ่ายค่าเดินทาง


เขาชักชวนให้นักอุทกวิทยาประจากองทัพเรือ ให้ด้วย ดาร์วินเขียนไปหาพีค็อกและโบฟอร์ตเพ่อ
กัปตันฟรานซิส โบฟอร์ต ช่วยหาคนตามท่ต้องการน ตอบรับข้อเสนอ และเดินทางไปเคมบริดจ์เพ่อปรึกษา





ฟิตซ์รอยต้องการใครสักคนท่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เฮนสโลว์ก่อนที่จะไปพบกับฟิตซ์รอยที่ลอนดอน



มากเพียงพอ และแทบไม่ต้องบอกว่าเขาคนน้น ฟิตซ์รอยเสนอว่า เขากบดาร์วนควรพานก


จะต้องเป็นสุภาพบุรุษด้วย มีช่องว่างทางสังคมท อาศยอยู่ร่วมกันบนเรือ และดาร์วินสามารถกลับบ้าน




ค่อนข้างกว้างระหว่างบรรดากัปตันกับลูกเรือ และ ได้ ทุกเม่อไม่ว่าเวลาใดระหว่างการเดินทาง เพ่อให้





สุภาพบุรุษผู้ม่งค่งและเป็นอิสระจะเป็นผู้ร่วมทางท เหมาะสมกับเสรีภาพของแขกท่จ่ายค่าเดินทางเอง




น่าต้อนรับสาหรับการเดินทางผจญภัยอันยาวไกล ดาร์วินยังมีอิสระท่จะเก็บรักษาตัวอย่างท่เขาสะสมได้




โบฟอร์ตติดต่อกับเพ่อนของเขา คือ จอร์จ พีค็อก ด้วย ท้งท่จริงแล้วตัวอย่างท่เก็บโดยเจ้าหน้าที่กองทัพ



ท่ทรินิต้คอลเลจ เคมบริดจ์ ทีแรกพีค็อกแนะนา เรือตามปกติจะต้องตกเป็นทรัพย์สมบัติของรัฐบาล
41




เรอบีเกิลมีเป้าหมายสารวจน่านนาบางส่วน

ในอเมริกาใต้และหมู่เกาะกาลาปากอส และต้อง



บรรทุกเคร่องมือวัดอันเท่ยงตรงจานวนมากไปด้วย
ตลอดทั่วดินแดนอีกฟากโลก ดาร์วินไม่ใช่แขกพิเศษ
เพียงคนเดียวของเรือ ฟิตซ์รอยยังมีศิลปิน 1 คน
กับช่างเครื่องมือ 1 คนเดินทางไปด้วยเพื่อคอยดูแล


เคร่องมือวัดกว่า 20 รายการให้ทางานเป็นปกต ิ
ยังมีมิชชันนารีอีกคนและชาวฟวยเกียน อีก 3 คน
6

ซ่งฟิตซ์รอยพากลับมาจากการเดินทางคร้งก่อน




เม่อรวมท้งหมดแล้ว มีลูกเรือและผู้โดยสารท้งส้น

74 คนบนเรือขนาดยาว 27 เมตร (90 ฟุต) และกว้าง
7.35 เมตร (24.5 ฟุต) ที่บริเวณกลางล�าเรือ ดาร์วิน

จะทางานและนอนพักในห้องเคบินท้ายเรือขนาด
3 คูณ 3.3 เมตร (10x11 ฟุต) ใกล้กับพังงาเรือ นักธรณีวิทยา แอดัม เซ็ดจ์วิค ใน ค.ศ. 1850
มีตารางขนาดใหญ่ต้งอยู่กลางห้องเรียงรายรอบด้วย ความกระตือรือร้นอันเร่าร้อน

ตู้เก็บของและชั้นหนังสือ
“ระหว่างปีสุดท้ายของผมท่เคมบริดจ์

ผมได้อ่าน เรียงความส่วนตัว (Personal
Narrative) ของฮุมโบลดท์อย่างเอาใจใส่และ

สนใจอย่างลึกซ้ง ท้งงานช้นน้และการศึกษา



ปรัชญาธรรมชาติสาหรับผู้เร่มต้น (Introduction


to the Study of Natural Philosophy) ของ
เซอร์ เจ. เฮอร์สเชล ปลุกเร้าความกระตือรือร้น
อันเร่าร้อนในตัวผม หมายจะเพ่มเติมแม้เพียง

ส่วนร่วมอันตาต้อยท่สุดเข้าไปในโครงสร้างอัน



สูงส่งของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ... จากน้น

เฮนสโลว์ชักชวนให้ผมเร่มศึกษาด้านธรณ ี



วิทยา ดังน้นเม่อผมกลับจากชร็อปเชอร์ ผมจึง



ตรวจสอบบางพ้นท่และระบายสีแผนท่บางส่วน

รอบๆ ชรูว์สเบอรี ศาสตราจารย์เซ็ดจ์วิคต้งใจ
จะไปเยือนเวลส์เหนือในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
เครื่องวัดแดด (sextant) ของดาร์วิน หรือเครื่องมือวัดระยะ เพอดาเนนการสบสวนทางธรณวทยาอนโด่งดง ั









เพ่อหาละติจูดและลองจิจูด ซ่งฟิตซ์รอยเคยใช้วัดความสูงของ



ต้นเบาบ็อบที่เซนต์ยาโก ของเขาท่ามกลางหม่หนเก่าแก่ และเฮนสโลว์
ขอให้เขารับผมร่วมทางไปด้วย” ชาร์ลส์ ดาร์วิน,


6 Fuegian หมายถึง ชาวชนเผ่าหนึงซึงอาศัยอยู่บนเกาะเตียราเดลฟวยโก อัตชีวประวัติ, ค.ศ. 1958, หน้า 67-69

อันเป็นดินแดนทีอยู่ปลายด้านใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ – ผู้แปล
42


Click to View FlipBook Version