ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
HISTORY OF SCIENCE
ศุภวิทย์ ถาวรบุตร: เขียน
ราคา 385 บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ศุภวิทย์ ถาวรบุตร.
ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ = History of Science.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป, 2563.
372 หน้า.
1. วิทยาศาสตร์--ประวัติ. I. ชื่อเรื่อง.
509
ISBN 978-616-301-718-5
© ข้อความในหนังสือเล่มนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน
ยกเว้นเพื่อการอ้างอิง การวิจารณ์ และประชาสัมพันธ์
บรรณาธิการอำานวยการ : คธาวุฒิ เกนุ้ย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน์
บรรณาธิการเล่ม : สวิณี แสงสิทธิชัย
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา นันทนา วุฒิ
นักศึกษาฝึกงาน : ประภัสสร สุโคตร ชนิสรา ทองขำา ศิยานนท์ หัตถะมา
หัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษร : สวภัทร เพ็ชรรัตน์
ฝ่ายพิสูจน์อักษร : วนัชพร เขียวชอุ่ม สุธารัตน์ วรรณถาวร
รูปเล่ม : Evolution Art
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผู้อำานวยการฝ่ายการตลาด : นุชนันท์ ทักษิณาบัณฑิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผู้จัดการทั่วไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด เลขที่ 37/145 รามคำาแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต่อ 108
พิมพ์ที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำากัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดจำาหน่าย : บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำากัด โทร. 0 2728 0939
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID: @gypzy
สนใจสั่งซื้อหนังสือจำานวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำานักพิมพ์ลดราคาพิเศษ ติดต่อ โทร. 0 2728 0939
ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร ์
ศุภวิทย์ ถาวรบุตร
�
คานาสานักพิมพ ์
�
�
้
่
่
้
ท�ำไมนิยำยไซไฟทีเรำเคยได้อ่ำนกันนันถึงไม่ได้มีแค่เรืองเทคโนโลยีล�ำๆ
หรือทฤษฎีวิทยำศำสตร์เข้ำใจยำกเท่ำนัน ถ้ำอ่ำนดีๆ จะสังเกตได้ว่ำนิยำยไซไฟ
้
่
่
มีเรืองกำรสร้ำงโลกใหม่ สังคม ศำสนำ และปรัชญำเข้ำมำเกียวข้องเสมอ
ค�ำถำมด้ำนบนเป็นค�ำถำมหลักทีเรำต้องกำรตอบ เรำอยู่ในยุคสมัยที ่
่
ขำดวิทยำศำสตร์ไม่ได้อีกต่อไป มนุษย์อยู่ติดกับเทคโนโลยีจนไม่สำมำรถย้อน
กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกต่อไป นันหมำยควำมว่ำวิทยำศำสตร์อยู่คู่กับยุค
่
้
สมัยตังแต่ยุคหินจนถึงปัจจุบัน หลำยคนอำจคิดว่ำกำรศึกษำวิทยำศำสตร์เป็น
เรืองของอนำคต เรำกลำยเป็นโลกทีนิยำยวิทยำศำสตร์พูดถึงเมือสิบปีก่อน
่
่
่
ทุกคนมุ่งหน้ำศึกษำวิทยำศำสตร์เพืออนำคตทีดีขึน กระนันวิทยำศำสตร์
่
้
้
่
้
ไม่ได้บ่งบอกถึงแค่ศำสตร์ทำงวิทย์ หรือเป็นศำสตร์เพืออนำคตเท่ำนัน
่
กำรศึกษำวิทยำศำสตร์แบบมองย้อนกลับไปในอดีตนันกลับท�ำให้เห็นสภำพสังคม
้
แนวคิด ศรัทธำควำมเชือ ควำมรู้ควำมเข้ำใจ ตลอดจนจินตนำกำร และกรอบ
่
ภูมิปัญญำของยุคสมัย ประเด็นเหล่ำนีช่วยเพิ่มเติมแง่มุมอันน่ำสนใจให้กับ
้
้
่
ประวัติศำสตร์นับแต่อดีตจนถึงกำรวิเครำะห์โลกสมัยใหม่ได้ ซึงเป็นกำรย�ำเตือน
่
และสนับสนุนว่ำวิทยำศำสตร์ไม่ใช่แค่เรืองเทคโนโลยีหรือเทคนิคทำงวิทยำศำสตร์
้
่
เท่ำนัน และสุดท้ำยแล้ว เมือเรำอ่ำนหนังสือเล่มนีจึงตอบข้อสงสัยได้ว่ำ
้
ท�ำไมหนังสือนิยำยไซไฟหรือนิยำยวิทยำศำสตร์จึงไม่ได้มีแค่เรืองเทคโนโลยี
่
แต่กลับมีเรืองควำมเชือ ปรัชญำ ศำสนำ และสังคมเกียวอยู่ด้วยเสมอ
่
่
่
สานักพิมพ์ยิปซี
�
บทคัดย่อ
้
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ในหนังสือเล่มนีเรียบเรียงตำมวิวัฒนำกำร
ของสังคมตะวันตก เนื้อหำหลักกล่ำวถึงกำรแสวงหำควำมจริงในกรอบปรัชญำ
้
ธรรมชำตินับตังแต่อำรยธรรมโบรำณ จุดเด่นและควำมก้ำวหน้ำของปรัชญำ
ธรรมชำติในยุคคลำสสิก กำรหลอมรวมปรัชญำธรรมชำติกับศำสนำในสมัย
่
กลำง จุดเปลียนในช่วงกำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ กำรแตกแขนงของควำมรู้ใน
่
ศตวรรษที 18 และ 19 เทคโนโลยีกับควำมนึกคิดของสังคมทั้งก่อนสมัยใหม่
่
้
และสมัยใหม่ ไล่มำจนถึงควำมท้ำทำยในศตวรรษที 20 ทังหมดบ่งชีว่ำ
้
วิทยำศำสตร์สัมพันธ์กับควำมเป็นไปในอดีต แนวคิดและค�ำอธิบำยเชิงวิทยำ
ศำสตร์ทุกๆ เรืองเกิดขึนในช่วงเวลำใดเวลำหนึง เพรำะขึนกับมุมมอง ค�ำถำม
้
่
้
่
้
่
บริบท ปัจจัย และเงือนไข ทีเป็นอยู่ ณ ขณะนัน เมือมองในเชิงประวัติศำสตร์
่
่
้
ทังปรัชญำธรรมชำติและวิทยำศำสตร์จึงเป็นหลักฐำนบ่งบอกสถำนะของ
ควำมรู้ควำมคิดซึงยึดโยงกับปัจจัยแวดล้อมในสังคมด้วย
่
เรืองเล่ำเกียวกับวิทยำศำสตร์เผชิญกับค�ำถำมเชิงประวัติศำสตร์นิพนธ์
่
่
่
่
เช่นเดียวกับประวัติศำสตร์เรืองอืนๆ อดีตของวิทยำศำสตร์ถูกตีควำม ก�ำหนด
่
ควำมหมำย วิเครำะห์และวิพำกษ์ เกิดเป็นมุมมองทีแตกต่ำงในกำรอธิบำย
ทิศทำงของประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ แต่ไม่ว่ำแนวโน้มทำงประวัติศำสตร์
่
นิพนธ์จะเป็นเช่นใด ควำมเข้ำใจเกียวกับเหตุกำรณ์ส�ำคัญหรือเรืองรำวทีเป็น
่
่
หมุดหมำยในประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ซึงประมวลไว้ในหนังสือเล่มนียังเป็น
่
้
่
้
พืนฐำนทีต้องท�ำควำมเข้ำใจ
ู
ค�าน�าผ้เขียน
้
่
ในการพิมพ์ครังที 2
โอกำสเขียนค�ำน�ำของ ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ ส�ำหรับกำรพิมพ์ครัง
้
ที 2 มำถึงเร็วกว่ำทีผู้เขียนคำดไว้ ผู้เขียนรู้สึกขอบคุณส�ำนักพิมพ์ รวมทังผู้อ่ำน
่
่
้
้
่
ทีเห็นคุณค่ำของหนังสือเล่มนี ยิงไปกว่ำนันเป็นโอกำสทบทวนบำงประเด็นทีอยำก
่
่
้
่
สือสำรผ่ำนหน้ำค�ำน�ำ ซึงแม้จะเขียนใหม่แต่ก็ต้องพยำยำมท�ำหน้ำทีให้ได้เหมือน
่
่
้
กับค�ำน�ำในกำรพิมพ์ครังแรก
่
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์มักถูกตังค�ำถำมว่ำมันคืออะไร? เรียนเกียวกับ
้
อะไร? ค�ำถำมนีไม่ค่อยเกิดกับประวัติศำสตร์อืนๆ โดยเฉพำะประวัติศำสตร์ชำติ
้
่
้
นอกจำกนีเคยมีผู้บอกกล่ำวกับผู้เขียนถึง ขนบ ของกำรเรียนประวัติศำสตร์
ทีมักสอนกันว่ำ หำกจะเรียนให้ได้ดีควรเรียนรู้ภำษำเพิมเติมอีกสักภำษำ เพือจะ
่
่
่
้
้
ใช้ภำษำนันไปค้นคว้ำเอกสำรหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ในภำษำนันๆ
แต่จนถึงบัดนีผู้เขียนก็ยังไม่มีควำมรู้ภำษำทีสำมถึงขันทีใช้กำรได้ อย่ำงไร
่
่
้
้
ก็ตำม มีบำงแง่มุมจำกประสบกำรณ์ของผู้เขียนทีอำจโยงกลับไปตอบค�ำถำมเกียว
่
่
กับประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ข้ำงต้น
่
ผู้เขียนเคยเอ่ยถำมเรืองทฤษฎีบทพีทำโกรัส คนส่วนมำกซึงผ่ำนกำรเรียน
่
มัธยมต้นมำล้วนตอบได้ว่ำมันคือ a + b = c และรู้ว่ำเป็นควำมสัมพันธ์ของ
2
2
2
ด้ำนบนสำมเหลียมมุมฉำก ปลำยทำงของทฤษฎีบทนีส�ำหรับคนส่วนมำกในระบบ
่
้
กำรศึกษำคือ โจทย์เกียวกับควำมสูงของเสำธง ควำมสูงของตึก หรือเรขำคณิต
่
้
อืนๆ ทีใช้ควำมรู้เรืองสำมเหลียมมุมฉำก พ้นจำกนันแล้วก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันอีก
่
่
่
่
้
่
แต่เมือผู้เขียนชีว่ำทฤษฎีบทนี้มำจำกชือของนักคณิตศำสตร์กรีก รู้หรือไม่
่
ว่ำเขำมีอำยุขัยอยู่ในช่วงประมำณ 500 ปีก่อนคริสตกำล แน่นอนทีคนส่วนมำก
่
้
่
่
ไม่รู้ข้อมูลนี ในกำรบรรยำยครังหนึงเมือผู้เขียนบอกอีกว่ำในสมัยของพีทำโกรัส
้
เขำไม่มีตัวเลขฮินดูอำรบิกใช้แบบสมัยเรำ แล้วเขำขบคิดทฤษฎีนีอย่ำงไร? และ
้
่
ทฤษฎีนีเกียวกับรำกทีสอง เขำคิดมันไดอยำงไรในยคทีชำวกรีกไมมีระบบทศนิยม
้
่
้
่
่
่
ุ
่
ใช้? ข้อส�ำคัญทีสุดคือในยุคสมัยของเขำใช้ภำษำกรีกโบรำณ แต่เรำในปัจจุบัน
ก�ำลัง อ่าน ควำมคิดของเขำซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลำหนึ่งทำงประวัติศำสตร์โดยที่เรำ
่
่
ไม่รู้ภำษำกรีกโบรำณเลย แล้วเรำ อ่าน สิงทีเขำคิดได้อย่ำงไร? เรำ เข้าใจ สมกำร
้
่
นันจนน�ำไปใช้ต่อได้อย่ำงไรโดยทีเรำไม่รู้จักภำษำกรีก?
่
่
ลองใช้ตัวอย่ำงในเชิงวิทยำศำสตร์บ้ำง หำกถำมคนทัวไปเกียวกับกำร
หำยใจ แทบทุกคนทีเคยเรียนมำย่อมตอบได้ว่ำ เรำหำยใจเข้ำเพือรับออกซิเจน
่
่
ู
หำยใจออกจะปล่อยคำร์บอนไดออกไซด์ ส�ำหรับคนส่วนมำกสำมำรถรับร้และ
จดจ�ำควำมต่ำงของก๊ำซในลมหำยใจทังสองได้แล้ว โดยไม่ต้องรู้ไปถึงสมกำร
้
่
เคมี C H O +6O 6CO +6H O ซึงอธิบำยผลของปฏิกิริยำทีปล่อย
่
6 12 6 2 2 2
้
คำร์บอนไดออกไซด์และไอน�ำมำพร้อมลมหำยใจออก ผู้เขียนเองแม้จะเคยเรียน
่
เคมีมำบ้ำงแต่เมือพ้นจำกกำรสอบก็ไม่ได้ใช้สมกำรนีอีก
้
แต่ในสมกำรเคมีมีมิติทำงประวัติศำสตร์แฝงอยู่เช่นกัน สมกำรนีเกิดขึน
้
้
ไม่เร็วกว่ำศตวรรษที่ 18 ก่อนหน้ำนั้นยังไม่มี ภาษา ทำงเคมีที่เขียนควำมสัมพันธ์
ด้วยสมกำร หรือกำรก�ำหนดอะตอมและโมเลกุลต่ำงๆ ด้วยสัดส่วนทีแน่นอน กำร
่
่
่
ทีเรำอ่ำนสมกำรเคมีข้ำงต้นออก ในแง่หนึงเรำก�ำลังอ่ำน หลักฐาน ทำงควำมคิด
่
่
่
้
ทีก่อตัวขึนในช่วงศตวรรษที 18–19 นักเคมีชำวฝรังเศสอย่ำงลำวัวซิแอร์เริม
่
อธิบำยกำรเผำไหม้ด้วยกฎบำงประกำร ผู้เรียนเคมีปัจจุบันเข้ำใจสิ่งที่เขำคิดไม่ใช่
เพรำะรู้ภำษำฝรังเศสแต่เพรำะรู้ว่ำตัวอักษรต่ำงๆ ในสมกำรเคมีนันก�ำลังสือถึง
่
่
้
อะไร สรุปแล้ว เรำอ่ำนสำระในสมกำรได้ไม่ใช่เพรำะไวยำกรณ์ของภำษำอังกฤษ
ฝรังเศส หรือละติน แต่อ่ำนออกเพรำะสมกำรแสดงไวยำกรณ์ของกำรคิดในเชิง
่
้
่
วิทยำศำสตร์ทีตกทอดมำถึงสมัยหลัง นอกจำกนียังส�ำรวจย้อนไปในอดีตได้เช่น
่
กันว่ำ ก่อนจะถึงจุดเปลียนในศตวรรษที 18 คนทีสนใจศึกษำเรืองกำรเผำไหม้
่
่
่
หรือธำตุต่ำงๆ วนเวียนกับวิธีคิดแบบใด เหตุใดจึงปิดกันภำษำและไวยำกรณ์แบบ
้
เคมีสมัยใหม่
ทังสองตัวอย่ำงทียกมำบ่งบอกลักษณะของประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์
้
่
และหนังสือเล่มนี นันคือเป็นกำรศึกษำประวัติศำสตร์ควำมคิด ผู้อ่ำนหลำยท่ำน
้
่
่
อำจจะคุ้นเคยกับชือของพีทำโกรัส อริสโตเติล อไควนัส กำลิเลโอ นิวตัน
แมกซ์เวลล์ ดำร์วิน หรือไอน์สไตน์ และรู้ด้วยว่ำผลงำนชินเอกของพวกเขำคือ
้
ู
ู
อะไร (ผ้อ่ำนบำงท่ำนคงแก้สมกำรได้เก่งกว่ำผ้เขียนอย่ำงแน่นอน) แต่เชือว่ำ
่
่
้
น้อยคนทีจะเคยลองจับรำยชื่อเหล่ำนีกับผลงำนของพวกเขำวำงลงในมิติทำง
้
่
้
ประวัติศำสตร์ หรือตังค�ำถำมว่ำท�ำไมยุคสมัยหนึงๆ จึงเกิดควำมคิดแบบนี กำร
เสนอผลงำนทำงควำมคิดออกมำในแต่ละช่วงเผชิญกับอุปสรรคใด
ผู้เขียนหยิบยกทฤษฎีบทพีทำโกรัสและสมกำรกำรเผำไหม้เพือจะชีว่ำองค์
่
้
ควำมร้ทำงวิทยำศำสตร์สัมพันธ์กับอดีตและเต็มไปด้วยเรืองรำวทีมีสีสัน และเป็น
่
ู
่
่
ไปได้ทีจะลองอ่ำนแง่มุมนีของวิทยำศำสตร์ด้วยควำมรู้สึกทีเป็นมิตรผ่ำนหนังสือ
่
้
่
้
้
่
เล่มนี อีกทังผู้เขียนปรับแก้บำงจุดให้เหมำะกับผู้อ่ำนทัวไปมำกยิงขึน
้
้
แม้จะเป็นกำรเขียนค�ำน�ำครังใหม่ ผู้เขียนยังอยำกขอบคุณอำจำรย์ธำวิต
สุขพำนิช และอำจำรย์สมศักดิ เจียมธีรสกุล ดังเช่นเคย ทังสองท่ำนอำจไม่ใช่
้
์
ผลผลิตของ สายวิทย์ ในสังคมไทย แต่หลำยประเด็นในหนังสือนีได้จำกทีผู้เขียน
้
่
เคยเรียนและสนทนำกับพวกท่ำน ท้ำยทีสุดขอขอบคุณส�ำนักพิมพ์ยิปซีทีเปิด
่
่
้
โอกำสให้เผยแพร่ผลงำนชินนีในวงกว้ำง
้
ศุภวิทย์ ถาวรบุตร
กุมภาพันธ์ 2563
สารบัญ
่
เรือง หน้ำ
้
่
บทที 1 พืนฐานแนวคิดในการศึกษาประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ 13
1.1 อำรัมภบท 13
1.2 เส้นแบ่งวิทยำศำสตร์กับเทคโนโลยี 17
1.3 วิทยำศำสตร์ในเส้นทำงประวัติศำสตร์ 21
1.4 ปรัชญำธรรมชำติกับวิทยำศำสตร์ 24
�
บทที 2 สารวจอารยธรรมตะวันตกโบราณ 27
่
2.1 มนุษย์กับธรรมชำติในสังคมบุพกำล 28
2.2 พัฒนำกำรเชิงวิทยำศำสตร์ในยุคส�ำริด 32
ก) อำรยธรรมอียิปต์ 32
ข) อำรยธรรมเมโสโปเตเมีย 34
2.3 ภำพรวมวิทยำศำสตร์ก่อนสมัยกรีก 36
่
บทที 3 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์สมัยคลาสสิก 39
3.1 นักปรำชญ์สมัยไอโอเนีย 40
ก) กลุ่มนักปรำชญ์ไมเลตุส 41
ข) ส�ำนักพีทำโกรัส 45
ค) กลุ่มอะตอมิสต์ 50
3.2 สองปรำชญ์แห่งเอเธนส์ 52
ก) เพลโต 52
ข) อริสโตเติล 59
3.3 สมัยเฮลเลนิสติก 66
ก) อำร์คิมีดีส 70
ข) ดำรำศำสตร์ 74
ค) กำรแพทย์ 84
3.4 ภำพรวมวิทยำศำสตร์สมัยคลำสสิก 89
บทที 4 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์สมัยกลาง 93
่
4.1 บริบททำงภูมิปัญญำเมือย่ำงเข้ำสมัยกลำง 93
่
4.2 เทคโนโลยีในสมัยกลำง 98
4.3 ลัทธิอัสสมำจำรย์ 102
่
4.4 กำรบันทอนเสถียรภำพในปรัชญำธรรมชำติ 112
่
บทที 5 การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ 123
5.1 จำรีตทำงวิทยำศำสตร์ 3 สกุล 123
ก) จำรีตชีวภำพ 124
ข) จำรีตไสยเวท 130
ค) จำรีตจักรกล 133
5.2 ผลงำนตำมแนวทำงกำรทดลอง 135
5.3 ผลงำนตำมแนวทำงคณิตศำสตร์ 150
5.4 ข้ออภิปรำยเกียวกับกำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ 170
่
่
บทที 6 วิทยาศาสตร์กับยุคแห่งเหตุผล 177
6.1 ควำมชอบธรรมของวิทยำศำสตร์ 178
ก) เหตุผล 178
ข) กฎธรรมชำติ 183
6.2 คณิตศำสตร์กับธรรมชำติ 186
6.3 ประชำคมวิทยำศำสตร์ 192
่
่
บทที 7 การแตกตัวขององค์ความรู้หลังศตวรรษที 17 199
7.1 ทิศทำงภำยหลังกำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ 201
7.2 ปริมำณและกำรวัด 209
ก) เงือนไขและควำมจ�ำเป็น 209
่
ข) พัฒนำกำรของระบบกำรวัด 213
7.3 เส้นสมมติ 222
7.4 ออกสู่ภำยนอก : ดำรำศำสตร์ 228
7.5 เข้ำสู่ภำยใน : ธรณีวิทยำ 233
่
บทที 8 การค้นพบอันยิงใหญ่แห่งยุคสมัย 245
่
8.1 กำรปฏิวัติทำงเคมี 247
8.2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ 256
่
ก) จำกไฟฟ้ำสู่คลืนแม่เหล็กไฟฟ้ำ 257
ข) จำกควำมร้อนสู่อุณหพลศำสตร์ 264
8.3 วิทยำศำสตร์ว่ำด้วยชีวิต 271
8.4 ชำร์ลส์ ดำร์วิน กับทฤษฎีวิวัฒนำกำร 280
8.5 ประดิษฐกรรมและเทคโนโลยี 290
บทที 9 วิทยาศาสตร์ในศตวรรษที 20 โดยสังเขป 313
่
่
9.1 สู่พรมแดนควำมรู้ใหม่ 315
9.2 กำรด�ำรงอยู่ของวิทยำศำสตร์ในบริบทสังคม 337
่
บทที 10 บทส่งท้าย 347
บรรณานุกรม 359
ดัชนี 363
1
ื
พ้นฐานแนวคิดในการศึกษา
ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร ์
1.1 อารัมภบท
ในปัจจุบันนีเรำแทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่ำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีเกียวข้อง
้
่
กับวิถีกำรด�ำเนินชีวิตของมนุษยชำติอย่ำงมำกมำยมหำศำล เห็นได้จำกมนุษย์
้
่
่
มีควำมสะดวกสบำยและมีมำตรฐำนกำรด�ำรงชีวิตทีดีขึน มีอำยุขัยเฉลียยำวนำน
่
้
้
่
ขึน มีอัตรำกำรรอดชีวิตสูงขึน สำมำรถเดินทำงไปยังทีหมำยต่ำงๆ ทัวโลกใน
่
เวลำอันสัน รู้จักประดิษฐ์สิงอ�ำนวยควำมสะดวก ยำนพำหนะ อุปกรณ์สือสำร
้
่
้
ตลอดจนเครืองมืออิเล็กทรอนิกส์ทังหลำย เพรำะควำมก้ำวหน้ำเหล่ำนี วิถีกำร
่
้
ด�ำเนินชีวิตของมนุษย์จึงแตกต่ำงกันอย่ำงมำกในแต่ละยุคสมัย อย่ำงเช่น กำร
่
่
่
ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเรืองปกติธรรมดำส�ำหรับโลกในต้นศตวรรษที 21 แต่เมือ
่
่
ย้อนกลับไปเพียงครึงศตวรรษ รำวกลำงศตวรรษที 20 เครือข่ำยโทรศัพท์ยัง
อำศัยสำยโทรศัพท์เป็นหลักอยู่
แค่พิจำรณำควำมเปลียนแปลงทำงเทคโนโลยีในช่วง 50-60 ปี ยังเกิด
่
้
ช่องว่ำงระหว่ำงยุคสมัยทีดูจะทิงช่วงห่ำงกันขนำดนี หำกใช้ข้อพิจำรณำเดิมโดย
้
่
้
อำศัยเทคโนโลยีเป็นตัวบ่งชีระดับกำรพัฒนำของสังคมมนุษย์และย้อนกลับไป
่
เปรียบเทียบกับช่วงเวลำทีห่ำงจำกปัจจุบันนับศตวรรษหรือสหัสวรรษ จะยิงเห็น
่
ควำมเปลียนแปลงในประวัติศำสตร์อย่ำงเห็นได้ชัด จำกยุคก่อนประวัติศำสตร์
่
่
่
่
ทีมนุษย์เริมรู้จักประดิษฐ์เครืองมือจำกหิน รู้จักใช้ไฟ และสร้ำงสิงประดิษฐ์ที ่
่
14 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
้
่
ส�ำคัญๆ อย่ำงล้อ หรือภำชนะดินเผำ สิงเหล่ำนันย่อมเทียบไม่ได้กับยุคสมัย
่
่
้
ปัจจุบันทีมนุษย์เรำไปไกลถึงขันสร้ำงโทรศัพท์มือถือทีใช้ระบบอินเทอร์เน็ต
รองรับสังคมในโลกเสมือนจริง และสำมำรถส่งผ่ำนข้อมูลของปัจเจกชนอย่ำง
่
่
รวดเร็วเช่นทีเป็นอยู่ในปัจจุบัน ควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีบำงส่วนเชือมโยง
กับกำรขยำยตัวขององค์ควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์ และดูจะเป็นสำเหตุหนึงให้
่
เกิดควำมโน้มเอียงทีจะก�ำหนดควำมหมำยของวิทยำศำสตร์ว่ำเป็น องค์ความรู้
่
ซึงน�าไปพัฒนาต่อยอดเป็นเทคโนโลยีได้
่
ประเด็นทีกล่ำวมำอำจจะยิงซับซ้อนมำกขึนเมือรวมค�ำว่ำวิทยำศำสตร์
่
่
่
้
เข้ำกับค�ำว่ำประวัติศำสตร์ กลำยเป็น ‘ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์’ (history
่
of science) เพรำะหำกพิจำรณำจำกปัจจัยเรืองเทคโนโลยีตำมทีกล่ำวมำ
่
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์จะหมำยถึงกำรศึกษำกำรประดิษฐ์คิดค้นสิงต่ำงๆ
่
่
ตังแต่สมัยอดีตใช่หรือไม่ เช่น ศึกษำว่ำมนุษย์เริมรู้จักใช้ไฟเมือไร หลักฐำน
่
้
่
่
กำรใช้ล้อเป็นเครืองทุ่นแรงของมนุษย์เริมในสมัยใดและในแถบดินแดนใด ฯลฯ
แต่ก็อำจมีค�ำถำมตำมมำอีกว่ำหำกขอบเขตกำรศึกษำเป็นไปตำมนัน ค�ำว่ำ
้
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์จะไปต่ำงอะไรกับกำรศึกษำ ‘ประวัติศำสตร์
่
เทคโนโลยี’ (history of technology) หรือ ‘ประวัติศำสตร์ของสิงประดิษฐ์’
้
(history of innovations) นอกจำกนีกำรใช้ค�ำว่ำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ควบคู่กันยังมีให้เห็นในอีกหลำยบริบท ชวนให้พำกันคล้อยตำมว่ำวิทยำศำสตร์
้
้
่
กับเทคโนโลยีมีควำมหมำยทีทดแทนกันและกันได้ ทังหมดนีอำจชวนให้ขบคิด
ในเบืองต้นว่ำ หำกศึกษำประวัติศำสตร์หรือพัฒนำกำรของวิทยำศำสตร์ควบคู่
้
ไปกับพัฒนำกำรของเทคโนโลยีนัน ควรจะต้องเชือมโยงกันอย่ำงไรบ้ำง
่
้
่
่
่
เมือพิจำรณำข้อเท็จจริงในอดีต มีอีกหลำยเรืองรำวทีบ่งบอกว่ำควำม
้
ก้ำวหน้ำของสังคมมนุษย์ไม่ได้เกิดจำกกำรประดิษฐ์เสมอไป ตังแต่อดีตกำล
่
่
มนุษย์มีควำมรู้เกียวกับควำมเปลียนแปลงของฤดูกำล มีกำรก�ำหนดปฏิทิน มี
้
่
ควำมรู้เรืองทิศ เรียนรู้ควำมผันแปรของสิงแวดล้อมอย่ำงปรำกฏกำรณ์น�ำขึน
่
้
่
้
่
้
น�ำลงซึงเกียวข้องกับกำรเพำะปลูกในเขตทีรำบลุ่มแม่น�ำ ในแง่หนึง ควำมรู้
่
่
้
่
เหล่ำนีเป็นผลจำกกำรสังเกต สังสม และถ่ำยทอดจำกรุ่นสู่รุ่น ซึงช่วยให้มนุษย์
่
้
ปรับตัวกับสภำพแวดล้อมทำงธรรมชำติได้ดีขึน เป็นควำมรู้ทีมนุษย์ได้น�ำมำใช้
่
History of Science 15
่
่
ประโยชน์ เช่น กำรสังเกตฤดูกำลเพือท�ำกำรเพำะปลูกหรือเก็บเกียว กำรเดิน
เรือ นำฬิกำแดด ฯลฯ ควำมรู้บำงด้ำนช่วยอ�ำนวยควำมสะดวกแต่เป็นควำมรู้
่
่
่
ทีไม่ต้องอำศัยสิงประดิษฐ์ใดๆ เข้ำช่วยเหลือ หรือต่อให้เป็นสิงประดิษฐ์อย่ำง
่
นำฬิกำแดดก็ไม่ได้มีกลไกในเชิงจักรกลอันซับซ้อน เมือมองให้กว้ำงขึน
้
พัฒนำกำรของวิทยำศำสตร์ควรหมำยรวมถึงควำมส�ำเร็จทีมนุษย์ท�ำควำมเข้ำใจ
่
่
่
เรืองรำวรอบตัวอีกจ�ำนวนมำก ไม่ใช่เฉพำะควำมส�ำเร็จทีมีเทคโนโลยีเป็น
ประจักษ์พยำนเท่ำนั้น
ด้วยบรรทัดฐำนในปัจจบัน วิทยำศำสตร์ช่วยไขข้อข้องใจให้มนษย์ใน
ุ
ุ
เรืองเกียวกับโลกธรรมชำติ (natural world) อย่ำงเช่นควำมเข้ำใจเรืองโลก
่
่
่
หมุนรอบตัวเองท�ำให้เกิดกลำงวันและกลำงคืน โลกโคจรรอบดวงอำทิตย์หนึง ่
รอบใช้เวลำหนึงปีหรือ 365 วัน มนุษย์หำยใจเพือรับก๊ำซออกซิเจนและปล่อย
่
่
ก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ พืชเป็นสิงมีชีวิตทีอำศัยกำรสังเครำะห์ด้วยแสงและ
่
่
้
คำยก๊ำซออกซิเจนให้มนุษย์ แต่ควำมรู้เหล่ำนีก็มีมิติทำงประวัติศำสตร์ เพรำะจำก
่
ทียกตัวอย่ำงมำ สังคมมนุษย์เพิงตระหนักถึงข้อเท็จจริงบำงข้อในระยะเวลำไม่
่
นำนนักเมือเทียบกับช่วงยำวนำนหลำยพันปีของอำรยธรรม เนืองจำกกำรศึกษำ
่
่
่
โลกธรรมชำติต้องอำศัยกำรรับรู้ด้วยประสำทสัมผัส และตลอดระยะทีผ่ำนมำ
่
่
้
ประสำทสัมผัสของมนุษย์นันแทบจะไม่เปลียนแปลงเลย หรือหำกเปลียนก็คง
่
มีในระดับทีน้อยมำก ไม่ว่ำมนุษย์สมัยโบรำณหรือมนุษย์ปัจจุบันหำกยืนมอง
แผ่นดินทีทอดยำวออกไปคงมองเห็นเหมือนๆ กันว่ำตนยืนอยู่บนพืนรำบทีแผ่
่
่
้
่
กว้ำงออกไปเป็นผืนดินอันกว้ำงใหญ่ มำกกว่ำจะบอกตนเองว่ำก�ำลังยืนอยู่ทีจุด
หนึงบนเปลือกโลกทีโค้งมน มนษย์ทังสองยคยังมองเห็นวัตถตกส่พืนโลก
ุ
ุ
ู
ุ
่
่
้
้
มำกกว่ำจะคิดไปว่ำวัตถุก�ำลังวิงเข้ำสู่ศูนย์กลำงของโลก จึงเห็นได้ว่ำเส้นแบ่งที ่
่
ู
ุ
้
เกิดขึนเมือมนษย์ก้ำวส่โลกสมัยใหม่คือควำมส�ำเร็จในกำรสร้ำงค�ำอธิบำย
่
่
้
่
ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติทีขัดแย้งกับสำยตำหรือประสำทสัมผัสมำกขึนเรือยๆ
้
้
แต่มนุษย์ก็ยอมรับในค�ำอธิบำยนัน แม้จะเป็นค�ำอธิบำยทีก้ำวข้ำมขีดขันควำม
่
รับรู้ของตัวเองก็ตำม อีกทังมนุษย์เรำยังน�ำไปสอนในระบบโรงเรียนจนเป็นเรื่อง
้
่
่
่
่
ปกติ สรุปง่ำยๆ ว่ำ เมือประสำทสัมผัสไม่ได้เปลียนแปลงไป สิงทีสร้ำงข้อแตกต่ำง
ระหว่ำงยุคสมัยคือวิธีหำค�ำอธิบำยและท�ำควำมเข้ำใจปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติ
16 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
เมือเรืองรำวเหล่ำนีตระหนักรู้ได้ง่ำยขึนในสังคมก็มักส่งผลให้มิติทำง
้
่
่
้
่
้
ประวัติศำสตร์ของมันถูกมองข้ำมไป เช่น เรำอำจไม่สนใจจะตังค�ำถำมเกียวกับ
่
อำรยธรรมโบรำณเป็นพันๆ ปี หรือไม่ทรำบว่ำเรืองโลกโคจรรอบดวงอำทิตย์
่
้
นันจะก�ำหนดเรืองระยะเวลำหนึงปีปฏิทินอย่ำงไร อำศัยเพียงสังเกตกำร
่
่
่
้
เปลียนแปลงของฤดูกำลเท่ำนันหรือไม่ ในทำงประวัติศำสตร์ ไม่ใช่เรืองง่ำยนัก
ทีจะเสนอค�ำอธิบำยใดๆ ซึงค้ำนกับสำยตำและประสำทสัมผัส กว่ำจะสถำปนำ
่
่
ควำมรู้บำงชุดอย่ำงโลกโคจรรอบดวงอำทิตย์ หรือโลหิตในร่ำงกำยมีกำรไหล
เวียนได้นัน ต้องผ่ำนกำรโค่นล้มและหักล้ำงกับกรอบควำมคิดเดิมในอดีตอย่ำง
้
ยำกล�ำบำก
่
้
้
ดังนัน กำรศึกษำกำรเปลียนโลกทัศน์ครังส�ำคัญในประวัติศำสตร์ของ
่
มนุษยชำติถือเป็นอีกประเด็นหนึงทีอยู่ในควำมสนใจของประวัติศำสตร์
่
้
่
ุ
วิทยำศำสตร์ โดยม่งท�ำควำมเข้ำใจว่ำกำรเปลียนแปลงทำงควำมคิดพวกนีมำ
่
้
จำกกำรค้นพบหรือวิธีแสวงหำค�ำตอบทีต่ำงไปจำกแนวคิดดังเดิมอย่ำงไร กำร
่
่
ยอมรับควำมคิดใหม่ๆ มีเงือนไขอะไรเกียวข้องบ้ำง เหล่ำนักคิดซึงมีประสำท
่
สัมผัสเหมือนกับคนทัวไปกลับรังสรรค์ทฤษฎีทีขัดแย้งกับประสำทสัมผัสและ
่
่
กำรรับรู้ของตนขึนมำได้อย่ำงไร และทีส�ำคัญทีสุดคือพัฒนำกำรขององค์ควำมรู้
่
่
้
่
่
ตลอดจนวิธีแสวงหำควำมจริงในประเด็นไหนบ้ำงทีนับเป็นจุดเปลียนในแวดวง
วิทยำศำสตร์
้
่
ค�ำถำมทียกมำเป็นประเด็นนีต้องกำรทีจะกระตุ้นควำมคิดและควำม
่
่
สงสัยเพือเปิดประเด็นว่ำสิงทีควรคิด ควรถำม และควรแสวงหำค�ำตอบจำก
่
่
่
่
เรืองรำวของประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์มีอะไรบ้ำง เมือขบคิดทังจำกแนวค�ำถำม
้
่
่
้
่
่
ทีผ่ำนมำและจำกข้อถกเถียงอืนๆ ทีเกียวข้อง เรำอำจตังเป็นประเด็นหลักได้ 4
่
ประเด็น นันก็คือ
1) วิทยำศำสตร์สัมพันธ์กับเทคโนโลยีอย่ำงไร โดยเฉพำะในมิติทำง
ประวัติศำสตร์ กำรศึกษำประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์จะมองเห็น
บทบำทของเทคโนโลยีแทรกอยู่ตรงไหนบ้ำง
2) ค�ำว่ำวิทยำศำสตร์เป็นผลผลิตในสมัยหลังแล้ว เมือศึกษำผ่ำน
่
้
พัฒนำกำรตังแต่อดีต กิจกรรมและส�ำนึกทำงควำมคิดแบบไหนบ้ำง
History of Science 17
ทีจะรวมไว้ในประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์
่
่
3) จุดเปลียนส�ำคัญในประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์อยู่ทีไหน มีประเด็น
่
่
อะไร และควรอธิบำยควำมเปลียนแปลงพวกนั้นกับผลกระทบที ่
เกิดขึนอย่ำงไร
้
่
4) แนวทำงเล่ำเรืองและตีควำมประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์มีแนวทำง
ไหนบ้ำง ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์มีกำรโต้แย้งหรือหักล้ำงในแง่
้
มุมนีหรือไม่
ประเด็นทีก�ำหนดไว้ถือเป็นค�ำถำมพืนฐำนเพือประกอบกำรศึกษำ
้
่
่
่
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ ทีน่ำจะช่วยให้เข้ำใจถึงสำระส�ำคัญของประวัติ
่
้
ศำสตร์วิทยำศำสตร์ได้ดีขึน โดยภำพรวมแล้ว ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ทีจะ
่
่
น�ำเสนอในหนังสือเล่มนีต้องกำรสร้ำงควำมเข้ำใจเกียวกับทีมำขององค์ควำมรู้
้
่
่
และกำรคิดค้นต่ำงๆ เพือชีให้เห็นกำรปรับเปลียนกรอบวิธีคิด โลกทัศน์ รวม
้
ถึงมุมมองทีมนุษย์เรำมีต่อวิทยำศำสตร์ในบำงช่วงของอดีต ตลอดจนกำรรับมือ
่
่
้
กับปัญหำเฉพำะบำงอย่ำง ทังปัญหำทีเป็นรูปธรรมและนำมธรรม อย่ำงทีจะได้
่
เห็นต่อไปว่ำ กำรปรับตัวของมนุษย์ภำยใต้ก้ำวจังหวะต่ำงๆ ในประวัติศำสตร์
่
้
่
้
ช่วยน�ำพำสังคมไปสู่ภูมิปัญญำทีลึกซึงยิงขึนได้อย่ำงไรบ้ำง รวมไปถึงกำร
ตีควำมและให้ควำมหมำยกับประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ทีจะกล่ำวไว้ในช่วง
่
ท้ำยของหนังสือ
1.2 เส้นแบ่งวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี
แรกเริมควรจะต้องพิจำรณำนิยำมของวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ตำม
่
รำชบัณฑิตยสถำน (2556, น. 1120) ให้นิยำมว่ำ “วิทยำศำสตร์ (น.) ควำมรู้
่
ทีได้โดยกำรสังเกตและค้นคว้ำจำกปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติแล้วจัดเข้ำเป็น
่
ระเบียบ, วิชำทีค้นคว้ำได้หลักฐำนและเหตุผลแล้วจัดเข้ำเป็นระเบียบ” ขณะที ่
“เทคโนโลยี (น.) วิทยำกำรทีน�ำเอำควำมร้ทำงวิทยำศำสตร์มำใช้ให้เกิดประโยชน์
ู
่
ในทำงปฏิบัติ อุตสำหกรรม เป็นต้น (อ.technology)” (รำชบัณฑิตยสถำน,
18 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
2556, น. 580)
หำกเปรียบเทียบค�ำว่ำวิทยำศำสตร์กับนิยำมจำกแหล่งอืนๆ เช่น กำรนิยำม
่
ค�ำว่ำ Science หมำยถึง “The observation, identif ication, description,
experimental investigation, and theoretical explanation of
phenomena.” (Houghton Mifflin Company, 1993, p. 1221) เรำจะเห็น
้
่
ถึงจุดทีสอดคล้องกันว่ำลักษณะของวิทยำศำสตร์ต้องมีพืนฐำนจำกกำรสังเกต
ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติ หลังจำกผ่ำนกำรสังเกตแล้วจึงมีกระบวนกำรสร้ำง
้
่
ควำมรู้ทำงทฤษฎีขึนมำ ซึงอำจจะรวมถึงกำรสังเกตจำกกำรทดลองด้วย
่
้
ส่วนค�ำว่ำเทคโนโลยีนัน แม้จะดูเหมือนว่ำมีจุดเน้นทีกำรประยุกต์ใช้งำน
ควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์ แต่หำกเทียบกับนิยำมจำกแหล่งอืนจะพบควำมน่ำ
่
้
สนใจมำกขึน เพรำะมีกำรนิยำม Technology ว่ำหมำยถึง “The application
of science, esp. to industrial or commercial objectives. / Anthro.
The body of knowledge available to a civilization that is of use
in fashioning implements, practicing manual arts and skills, and
extracting or collecting materials.” (Houghton Mifflin Company,
1993, p. 1393) โดยทัวไปในปัจจุบันมักเข้ำใจว่ำ เทคโนโลยีเป็นกำรประยุกต์
่
ุ
ู
ใช้งำนควำมร้ทำงวิทยำศำสตร์ โดยเฉพำะต้องประยกต์ใช้ให้เห็นผลลัพธ์ในทำง
่
อุตสำหกรรมหรือเชิงพำณิชย์ แต่นิยำมทำงมำนุษยวิทยำน่ำสนใจตรงทีนิยำม
่
ู
่
เทคโนโลยีให้หมำยถึงองค์ควำมร้ทีอำรยธรรมหนึงๆ ได้มำแล้วน�ำไปใช้ให้
เกิดประโยชน์ รวมถึงกำรเพิมพูนทักษะและงำนศิลปะ กำรสกัดหรือรวบรวม
่
วัสดุด้วย
ดังนัน ในบริบทของกำรศึกษำอดีต ค�ำว่ำเทคโนโลยีจึงควรจะใช้โดย
้
กินควำมหมำยให้กว้ำง เพรำะในประวัติศำสตร์อำรยธรรมของมนุษย์ กำรรู้จัก
ใช้ไฟ กำรสร้ำงเครืองมือจำกหิน กำรหลอมเหล็ก กำรท�ำภำชนะดินเผำ กำรสกัด
่
่
สีจำกธรรมชำติเพือเขียนลำยบนภำชนะ กำรย้อมผ้ำ เครืองทอผ้ำ กำรรู้จักใช้
่
สมุนไพรท�ำยำ ฯลฯ ล้วนสะท้อนควำมก้ำวหน้ำเชิงเทคโนโลยีของมนุษย์ตังแต่
้
้
้
อดีต ด้วยนัยนี กำรเล่ำประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ในบำงครังจึงมีกำรเสนอให้
่
มองพัฒนำกำรทีแยกจำกกันระหว่ำง จารีตสายเทคนิค (technical tradition)
History of Science 19
กับจารีตจิตวิญญาณ (spiritual tradition) (Mason, 1962, p. 11)
เนืองจำกประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์สนใจพัฒนำกำรทำงควำมคิดเป็น
่
่
่
ส�ำคัญ โดยเฉพำะเมือมนุษย์พยำยำมหำค�ำตอบเกียวกับธรรมชำติ จึงหลีกเลียง
่
่
้
ไม่ได้ทีหนังสือเล่มนีจะถือว่ำพัฒนำกำรของเทคโนโลยีเป็นเรืองรองลงไป เพรำะ
่
กำรใช้ประโยชน์จำกเทคโนโลยีในหลำยโอกำสมิได้สะท้อนควำมคิดลุ่มลึกใน
่
เชิงวิทยำศำสตร์แต่อย่ำงใด ยกตัวอย่ำงเช่น มนุษย์รู้จักใช้ไฟเพือให้ควำมร้อน
ให้แสงสว่ำง หรือปรุงอำหำร ก่อนที่มนุษย์จะรู้ว่ำไฟคืออะไร ซึงปัจจุบันในทำง
่
เคมีได้แบ่งแยกสสำรออกเป็นสำมสถำนะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊ำซ แต่
้
ไฟไม่เข้ำข่ำยทังสำมกรณีจึงระบุว่ำไฟเป็นสสำรประเภทพลำสมำ (plasma) หรือ
มนุษย์รู้จักปรำกฏกำรณ์ไฟฟ้ำและประยุกต์ใช้ก่อนจะรู้จักอิเล็กตรอน (electron)
ข้อสังเกตจำกตัวอย่ำงข้ำงต้นก็คือ มนุษย์สำมำรถใช้งำนเทคโนโลยีก่อน
่
่
่
ทีจะสถำปนำควำมรู้เชิงทฤษฎีทำงวิทยำศำสตร์ ตัวอย่ำงเพิมเติมทีน�ำมำจำก
ประวัติศำสตร์ล้วนครอบคลุมข้อเท็จจริงดังกล่ำว เช่น มนุษย์ท�ำปฏิทินขึนใช้
้
และนับเดือนปีได้ทังๆ ทียังเชือว่ำโลกเป็นศูนย์กลำงของจักรวำล มนุษย์รู้จัก
้
่
่
หลอมโลหะมำใช้งำน ไม่ว่ำจะเป็นเหล็ก ทองแดง หรือส�ำริด โดยไม่มีทฤษฎี
เกียวกับโลหะเหล่ำนีหรือตำรำงธำตุ มนุษย์ยกย่องทองค�ำเป็นโลหะมีค่ำเพรำะ
่
้
ทองค�ำไม่เป็นสนิม โดยไม่มีทฤษฎีมำรองรับว่ำเพรำะอะไรโมเลกุลของทองค�ำ
จึงท�ำปฏิกิริยำกับออกซิเจนในอำกำศยำกกว่ำโลหะอืนๆ มนุษย์ท�ำภำชนะ
่
่
ดินเผำได้โดยไม่ต้องอำศัยทฤษฎีมำรองรับว่ำกำรเผำดินเผำไปเปลียนแปลง
โครงสร้ำงของดินได้อย่ำงไร ตัวอย่ำงเหล่ำนีล้วนแสดงให้เห็นว่ำ กำรใช้
้
่
ประโยชน์จำกเทคโนโลยีตำมแนวทำงทีต้องกำรไม่จ�ำเป็นต้องมีควำมรู้เชิง
่
ทฤษฎีวิทยำศำสตร์ด้วยซ�ำไป ในหลำยกรณีทีกล่ำวมำ กำรปรับปรุงใช้งำนได้
้
ส�ำเร็จบำงอย่ำงก็ไม่ได้สะท้อนควำมลุ่มลึกในองค์ควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์อยู่ดี
้
่
สิงนีเป็นเหตุผลของค�ำถำมทีว่ำ เพรำะอะไรถึงมีข้อเสนอให้จ�ำแนก จารีต
่
่
ช่างฝีมือ (craft tradition) หรือจารีตสายเทคนิคทีแฝงอยู่ในประวัติศำสตร์
วิทยำศำสตร์ออกมำให้ชัดเจน เพรำะถึงแม้กิจกรรมเชิงช่ำงจะสะท้อนควำม
้
ก้ำวหน้ำของอำรยธรรมมนุษย์ก็จริง แต่ส่วนหนึงในกิจกรรมนีก็ไม่เข้ำถึงนิยำม
่
ควำมเป็นวิทยำศำสตร์ เพรำะไม่ได้สะท้อนถึงควำมสงสัยใคร่รู้ (curiosity) ที ่
20 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
้
จะศึกษำควำมรู้เชิงทฤษฎีลึกซึงลงไป จำรีตช่ำงฝีมือสำมำรถยกระดับฝีมือให้
่
่
่
้
สูงขึนได้เรือยๆ จำกภำชนะดินเผำก็เพิมกำรเขียนลำย เพิมกำรเคลือบภำชนะ
โดยสังสมเทคนิคว่ำต้องใช้สำรอะไรมำผสมเป็นสีเขียนลำยจึงจะติดกับภำชนะ
่
้
ได้ทนทำน ใช้สำรอะไรมำท�ำน�ำยำเคลือบ แม้กระบวนกำรเหล่ำนี้ปฏิเสธไม่ได้
ว่ำช่วยเสริมควำมรู้เชิงทฤษฎีได้ในทำงอ้อม อย่ำงเช่นคนรุ่นหลังๆ อำจจะใช้
่
้
เป็นข้อมูลประกอบเมือวิเครำะห์สำรเหล่ำนันในทำงเคมี แต่กำรมุ่งใช้งำนใน
่
ลักษณะดังกล่ำวบดบังควำมสนใจในทำงทฤษฎี เทียบกับปัจจุบันทีเรำไม่ถือว่ำ
ช่ำงไฟฟ้ำเป็นนักวิทยำศำสตร์ แม้ว่ำช่ำงไฟฟ้ำจะเดินไฟได้เก่งแค่ไหน สำมำรถ
รู้กลไกทังหมดว่ำสวิตช์ท�ำงำนอย่ำงไร สะพำนไฟท�ำงำนอย่ำงไร ฟิวส์ท�ำงำน
้
อย่ำงไร รู้ว่ำทองแดงน�ำไฟฟ้ำได้ดีโดยไม่จ�ำเป็นต้องรู้ว่ำโครงสร้ำงอะตอมของ
ทองแดงเป็นอย่ำงไรและเพรำะอะไรถึงน�ำไฟฟ้ำได้ดี ในภำพรวม ควำมรู้ในฝ่ำย
ปฏิบัติจะทิงช่องว่ำงจำกส่วนทีเป็นทฤษฎี และพืนฐำนกำรท�ำงำนในเชิงช่ำงจะ
้
่
้
่
่
้
ตังค�ำถำมทีแตกต่ำงจำกเป้ำหมำยทีสำยทฤษฎีก�ำหนด
กำรใช้ค�ำว่ำจารีตจิตวิญญาณกับกำรศึกษำโลกธรรมชำติในอดีตไม่ได้
หมำยถึงกำรศึกษำในเรืองภูตผี หำกแต่ลักษณะเฉพำะของกำรศึกษำธรรมชำติ
่
ในอดีตมักจะอำศัยบุคลำธิษฐำน หมำยควำมว่ำมนุษย์เรำมองธรรมชำติว่ำมี
เจตนำของตน ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติจึงด�ำเนินไปในลักษณะใดลักษณะหนึง
่
้
ภำยใต้โลกทัศน์แบบนี กำรศึกษำปรัชญำธรรมชำติในแง่หนึงคือกำรค้นหำและ
่
ท�ำควำมเข้ำใจวิญญาณ (spirit) ทีแฝงอย่ในธรรมชำติและมีส่วนก�ำกับ
ู
่
ปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติ แม้มนุษย์รู้ว่ำตนเองไม่มีอ�ำนำจใดๆ จะควบคุม
่
ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติซึงมีพลังมำกกว่ำ แต่สำมำรถศึกษำควำมเป็นไปหรือ
้
้
ตอบตนเองได้ว่ำเพรำะอะไรธรรมชำติถึงแสดงออกแบบนัน ลักษณะนีปรำกฏ
่
ชัดในสังคมก่อนยุคสมัยใหม่ซึงศึกษำธรรมชำติอย่ำงมีข้อจ�ำกัด และต้องอำศัย
่
้
สิงเหนือธรรมชำติ (supernatural) ที่สร้ำงขึนตำมจินตนำกำรมำช่วยอธิบำย
ธรรมชำติ
ุ
กล่ำวโดยสรุป หนังสือเล่มนีเห็นว่ำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีมีจดร่วม
้
กันคือเป็นกิจกรรมทีเกียวกับกำรสร้ำงสรรค์องค์ควำมร้ของมนษย์ ส่วนสิงที ่
่
่
่
ู
ุ
แตกต่ำงกันคือ วิทยำศำสตร์ใช้ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติเป็นรำกฐำนและสนใจ
History of Science 21
้
สร้ำงค�ำอธิบำยเชิงทฤษฎีต่อปรำกฏกำรณ์นันๆ ควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์จึงมุ่งหมำย
่
ุ
จะสร้ำงกรอบคิดทีสำมำรถอธิบำยโลกและท�ำให้มนษย์นันเข้ำใจธรรมชำติ
้
้
่
รอบตัวมำกขึน ส่วนเทคโนโลยีเป็นกำรสร้ำงผลงำนทีใช้งำนได้เป็นรูปธรรมและ
่
่
มักจะเกียวข้องกับวัตถุหรือผลงำนสร้ำงสรรค์ทีจับต้องได้มำกกว่ำกำรเสนอ
ทฤษฎีในเชิงนำมธรรม ควำมรู้ทำงเทคโนโลยีจึงมักจะได้จำกกำรลงมือปฏิบัติ
่
้
สังสม และถ่ำยทอดผ่ำนกำรใช้งำน เพรำะเหตุนีควำมส�ำเร็จในกำรศึกษำ
้
วิทยำศำสตร์จึงให้น�ำหนักกับกำรอธิบำยปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติเป็นหลัก ขณะ
่
เดียวกันก็ไม่ละเลยเทคโนโลยีและกำรประยุกต์ใช้งำนในกรณีทีส�ำคัญ
1.3 วิทยาศาสตร์ในเส้นทางประวัติศาสตร์
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์พูดถึงกำรแสวงหำควำมรู้เกียวกับธรรมชำติ สังเกต
่
่
ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติแล้วใช้กระบวนกำรคิดอย่ำงเป็นระบบเพือสร้ำงค�ำ
้
้
อธิบำยปรำกฏกำรณ์นันๆ กำรแสวงหำค�ำตอบนีมีพัฒนำกำรเปลียนแปลงไป
่
่
ตำมยุคสมัยทำงประวัติศำสตร์ โดยหลักกำรแล้วต้องทังน�ำเงือนไขและบริบท
้
ทีแตกต่ำงในแต่ละช่วงเวลำมำพิจำรณำร่วมกับแนวคิดทำงวิทยำศำสตร์ด้วย
่
่
เพรำะต้องมองว่ำแนวควำมคิดเป็นผลผลิตของสังคม ไม่ใช่เป็นสิงทีด�ำรงอยู่
่
อย่ำงอิสระจำกบริบททำงประวัติศำสตร์
เพรำะแบบนีเรำควรต้องมองอดีตโดยเข้ำใจทีทำงของจุดยืนแวดล้อม
่
้
่
ต่ำงๆ ก่อน ต้องตระหนักว่ำส�ำนึกทำงควำมคิดทีเกิดขึนในอดีตต่ำงยุคสมัย
้
มีกรอบคิดทำงวิทยำศำสตร์มำเกียวข้องอย่ำงไร ควำมคิดทีใกล้เคียงกับ
่
่
วิทยำศำสตร์ในอดีตบำงช่วงเหมือนหรือต่ำงจำกควำมเข้ำใจชุดปัจจุบันอย่ำงไร
วิธีค้นหำค�ำตอบทำงวิทยำศำสตร์ในบำงยุคสมัยมีจุดยืนอย่ำงไร กิจกรรม
่
ลักษณะใดบ้ำงทีปรำกฏขึนแล้วพอจะน�ำมำเทียบเคียงได้กับวิทยำศำสตร์ตำม
้
ควำมเข้ำใจปัจจบัน พูดง่ำยๆ คือประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ท�ำควำมเข้ำใจ
ุ
มนุษย์จำกพืนฐำนทีว่ำมนุษย์ในอดีตเข้ำใจวิทยำศำสตร์น้อยกว่ำโลกปัจจุบัน
่
้
้
แต่ส�ำนึกในกำรตังค�ำถำมต่อธรรมชำติและกำรแสวงหำค�ำตอบสำมำรถน�ำมำ
22 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
่
เปรียบเทียบเพือสะท้อนพัฒนำกำรและบริบททำงควำมคิดได้
้
กำรพยำยำมอธิบำยโลก อธิบำยธรรมชำติในอดีตนันอำจส�ำเร็จบ้ำงไม่
้
ส�ำเร็จบ้ำง ตัวอย่ำงควำมพยำยำมเหล่ำนีพบเห็นได้ตลอดเนือหำของหนังสือ
้
้
้
้
เล่มนี บำงแนวคิดในอดีตเคยอธิบำยว่ำ เหนือขึนไปบนท้องฟ้ำนันยังมีแผ่นน�ำ ้
อยู่ด้วย ซึงปัจจุบันข้อเสนอดังกล่ำวเป็นเรืองทีผิดอย่ำงสินเชิง แต่ในทำง
่
้
่
่
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์อำจถือว่ำมันบ่งบอกส�ำนึกทำงวิทยำศำสตร์ได้
เพรำะองค์ประกอบของค�ำอธิบำยได้มำจำกกำรสังเกตว่ำในธรรมชำติมีฝนตก
่
่
้
่
ในธรรมชำติน�ำไหลจำกทีสูงสู่ทีต�ำ ดังนัน ข้อสรุปทีสมเหตุสมผลทีสุดคือจะ
่
่
้
้
้
ต้องมีผืนน�ำอยู่เหนือขึนไปแม้มนุษย์จะมองไม่เห็น ไม่เช่นนันแล้วน�ำจำกบน
้
้
่
่
ท้องฟ้ำจะมำจำกทีไหน กำรหำค�ำตอบเกียวกับโลกธรรมชำตินับแต่อดีตแม้จะ
มีควำมผิดพลำดปรำกฏให้เห็นอยู่ตลอด แต่ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ต้องกำร
้
ท�ำควำมเข้ำใจพัฒนำกำรเหล่ำนัน
ในแง่นี้ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์มีฐำนะเป็นกำรศึกษำประวัติศำสตร์
ควำมคิด (history of thoughts) หรือประวัติศำสตร์ภูมิปัญญำ (intellec-
tual history) โดยเน้นศึกษำกรอบควำมคิดในอดีตทีเทียบเคียงได้กับ
่
ุ
่
วิทยำศำสตร์ หรือแนวคิดและกิจกรรมของมนษย์ทีสะท้อนส�ำนึกทำง
่
่
วิทยำศำสตร์ตำมทีเคยปรำกฏในอดีต อำจมีแง่มุมทีเกียวกับเทคโนโลยีหรือ
่
กิจกรรมในฝั่งจำรีตช่ำงฝีมือร่วมด้วยอยู่บ้ำง เพรำะบำงกรณีกิจกรรมในกลุ่ม
หลังช่วยให้วินิจฉัยกำรเติบโตทำงควำมคิดของสังคมมนุษย์ได้รอบด้ำนมำกขึน
้
่
้
ทังวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีไม่ได้เกิดขึนอย่ำงเลือนลอยหำกแต่มีปฏิสัมพันธ์
้
้
่
กับสถำบันทำงสังคม กำรอธิบำยผ่ำนควำมสัมพันธ์นีจะช่วยให้เข้ำใจเกียวกับ
่
้
อดีตครอบคลุมมิติทีกว้ำงขวำงของสังคมมนุษย์มำกขึน
้
่
หัวใจของประวัติศำสตร์คือกำรศึกษำเรืองรำวทีเกิดขึนในอดีต ค้นหำ
่
ควำมจริง และน�ำมำเรียบเรียงใหม่ให้สอดคล้องกับควำมเป็นจริงในอดีตให้
่
่
่
เทียงตรงทีสุดเท่ำทีจะท�ำได้ กระบวนกำรเหล่ำนีสำมำรถตังค�ำถำมได้มำกมำย
้
้
โดยเฉพำะนักประวัติศำสตร์จะต้องพบค�ำถำมในเชิงปรัชญำประวัติศำสตร์
(philosophy of history) ว่ำ กำรศึกษำอดีตโดยปรำศจำกอคติท�ำได้จริงหรือไม่
หรือกำรเขียนงำนทำงประวัติศำสตร์จะบรรยำยให้ตรงกับเหตุกำรณ์ในอดีต
History of Science 23
อย่ำงครบถ้วนได้อย่ำงไร
กรณีของประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ก็ประสบปัญหำที่คล้ำยกัน เรำอำจ
่
ตังค�ำถำมได้เหมือนกันว่ำเรืองเล่ำ (narrative) ของประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์
้
่
่
สำมำรถบอกเล่ำได้กีแนวทำง และแนวทำงไหนทีช่วยให้เข้ำถึงควำมจริงในอดีต
่
่
่
ได้แม่นย�ำทีสุด จะตัดสินได้อย่ำงไรว่ำกำรเล่ำเรื่องแบบใดทีถูกต้องกว่ำแบบอืน
่
่
ผู้เขียนบำงรำยทีเขียนงำนเกียวกับประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์เลือกเล่ำเฉพำะ
่
กำรทดลองทีส�ำคัญและส�ำเร็จ หรือไม่ก็บอกเล่ำผ่ำนกำรค้นคว้ำของนัก
วิทยำศำสตร์หรือนักประดิษฐ์เท่ำนัน เหมือนกับว่ำกิจกรรมทำงวิทยำศำสตร์
้
่
้
่
เกิดขึนโดยไม่มีบริบท วิทยำศำสตร์เป็นเรืองของปัจเจกชน เป็นเรืองในห้อง
่
ทดลองซึงตัดขำดออกจำกสังคมภำยนอก จนก่อให้เกิดค�ำถำมว่ำมันเป็นกำร
บอกเล่ำประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ทีสมบูรณ์จริงหรือ เพรำะเรืองเล่ำลักษณะ
่
่
่
้
นันอำจไม่ช่วยให้เข้ำใจบริบทและสภำพแวดล้อมทำงประวัติศำสตร์ทีส่งผลต่อ
้
่
้
วิทยำศำสตร์ได้เลย มิหน�ำซ�ำวิธีเล่ำเรืองแบบนีอำจส่งผลให้อดีตของวิทยำศำสตร์
มีแนวโน้มจะถูกกลืนด้วยประวัติส่วนบุคคลของเหล่ำนักวิทยำศำสตร์
่
หนังสือเล่มนีตระหนักถึงควำมซับซ้อนของเรืองเล่ำและทรำบดีว่ำ
้
้
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ประสบพบเจอกับปัญหำนีไม่น้อยไปกว่ำกำรศึกษำ
้
่
ประวัติศำสตร์แขนงอืนๆ แต่วัตถุประสงค์หลักของหนังสือเล่มนีคือกำรเล่ำ
พัฒนำกำรของวิทยำศำสตร์ผ่ำนกำรคัดสรรข้อมูลและเรียบเรียงในแนวทำงที ่
ช่วยให้ผู้อ่ำนเห็นภำพรวมควำมเป็นมำของวิทยำศำสตร์นับแต่อดีตและเข้ำใจ
จุดเปลียนทีส�ำคัญ กำรน�ำเสนอเนือหำให้น�ำหนักกับควำมส�ำเร็จในระดับบุคคล
่
่
้
้
่
ในบำงกรณี แต่จะไม่ละเลยบริบทภำยนอกและกำรโยงให้เห็นแง่มุมทีผลงำน
่
่
ควำมคิดทำงวิทยำศำสตร์ไปเชือมโยงกับสังคมในอดีต ถึงแม้จะเป็นหนึงในกำร
บอกเล่ำประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ตำมประวัติศำสตร์กระแสหลัก แต่ควำม
เข้ำใจทีได้จำกหนังสือเล่มนีจะเป็นรำกฐำนให้ผู้อ่ำนน�ำไปศึกษำข้อถกเถียง
่
้
้
(debate) และกำรตีควำมเกียวกับประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ในระดับสูงขึน
่
ไปได้
24 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
1.4 ปรัชญาธรรมชาติกับวิทยาศาสตร์
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์ยอมรับว่ำส�ำนึกทำงควำมคิดแบบวิทยำศำสตร์เคย
่
ู
เกิดขึนในอดีตและเกิดก่อนทีมนุษย์จะร้จักวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์ (scientif ic
้
method) เสียอีก มนุษย์สงสัยว่ำเพรำะอะไรฝนจึงตก น�ำไปสู่กำรตังสมมติฐำน
้
กำรสังเกต และสร้ำงค�ำอธิบำยทำงทฤษฎี อำจเห็นแล้วว่ำกำรเสนอทฤษฎีชุด
่
้
หนึงๆ โดยปรำศจำกวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์น�ำไปสู่ควำมมืดบอดในบำงครัง
่
่
่
แม้แต่นักปรำชญ์ทีมีชือเสียงในอดีตหลำยคนก็สร้ำงค�ำอธิบำยทีฟังดูไม่สมเหต ุ
สมผลมำแล้วนักต่อนัก
แต่เรำไม่สำมำรถตัดสินควำมผิดพลำดเหล่ำนันว่ำเป็นสิงไร้ค่ำ เพรำะ
่
้
่
ทฤษฎีวิทยำศำสตร์ทีผิดพลำดก็มีคุณค่ำทำงประวัติศำสตร์ได้ โดยช่วยสะท้อน
กิจกรรมของมนุษย์ในอดีต กำรพยำยำมก�ำหนดกรอบทฤษฎีเพืออธิบำย
่
ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติบ่งบอกว่ำมนุษย์ในอดีตแต่ละสมัยรู้จักตังค�ำถำมและ
้
้
่
คิดค�ำตอบโดยหำเหตุผลมำรองรับ กิจกรรมซึงต้องตังค�ำถำม สังเกต และหำ
่
้
ค�ำตอบอย่ำงมีเหตุผลนีแทบไม่แตกต่ำงจำกทีวิทยำศำสตร์สมัยใหม่ (modern
้
science) ท�ำ ข้อแตกต่ำงคือโลกสมัยใหม่มีรำกฐำนควำมรู้ที่ลึกซึงเป็นระบบ
่
่
่
และมีเครืองไม้เครืองมือทีล�ำหน้ำกว่ำ
้
วิธีค้นหำและยืนยันควำมถูกต้องของทฤษฎีถูกใช้เป็นเส้นแบ่งระหว่ำง
วิทยำศำสตร์สมัยใหม่กับวิทยำศำสตร์ในอดีต ตำมข้อเท็จจริงทำงประวัติศำสตร์
ก่อนทีค�ำว่ำวิทยำศำสตร์จะใช้อย่ำงแพร่หลำยขึนในศตวรรษที่ 19 กำรศึกษำ
้
่
ทำงวิทยำศำสตร์ถูกรวมไว้ในควำมรู้สำขำทีเรียกว่ำปรัชญาธรรมชาติ (natural
่
philosophy) ดังนัน ในงำนเขียนประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์จะพบค�ำว่ำปรัชญำ
้
ธรรมชำติอยู่เสมอ โดยเฉพำะก่อนกำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ (Scientif ic
revolution)
่
่
เพือให้ชัดเจนยิงขึน อำจจะพิจำรณำนิยำมของค�ำว่ำปรัชญำธรรมชำติ
้
ซึงระบุว่ำ ปรัชญำธรรมชำติ หมำยถึง “The study of nature and the
่
physical universe” (Houghton Miff lin Company, 1993, p. 909) จุด
หนึงทีสังเกตเห็นได้คือ ปรัชญำธรรมชำติสนใจศึกษำธรรมชำติและโลกทำง
่
่
History of Science 25
่
กำยภำพ ใกล้เคียงกับวิทยำศำสตร์ทีมักจะสงสัยในปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติจน
่
น�ำไปสู่กำรเสนอทฤษฎี แต่นิยำมของปรัชญำธรรมชำติไม่ได้เน้นทีกระบวนกำร
้
่
้
สังเกตและทดลองมำกเท่ำกับนิยำมของวิทยำศำสตร์ สิงนีตอกย�ำข้อแตกต่ำง
ระหว่ำงค�ำทังสอง โดยเฉพำะปรัชญำธรรมชำติให้น�ำหนักกับเป้ำหมำย (ศึกษำ
้
้
่
ควำมจริงทำงธรรมชำติ) มำกกว่ำวิธีกำร และถือเป็นทียอมรับกันในสมัยหลัง
ด้วยว่ำวิธีการทางวิทยาศาสตร์คือเส้นแบ่งวิทยำศำสตร์ออกจำกปรัชญำ
ธรรมชำติอย่ำงแท้จริง
่
่
ปรัชญำธรรมชำติยังมีข้อจ�ำกัดอีกประกำรหนึง เนืองจำกปรัชญำ
่
ธรรมชำติมุ่งอธิบำยควำมจริงทีอยู่เบืองหลังปรำกฏกำรณ์ทำงกำยภำพใน
้
ธรรมชำติ แต่ในช่วงก่อนสมัยใหม่ สังคมมนุษย์เกือบทังหมดผูกโยงเบืองหลัง
้
้
่
ของธรรมชำติเข้ำกับศรัทธำและควำมเชือ หรือไม่ก็โยงเข้ำกับศำสนำ หลำยกรณี
จึงพบว่ำกำรอธิบำยควำมจริงทีอยู่เบืองหลังปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติได้น�ำเอำ
้
่
ศำสนำมำใช้ประกอบอยู่เสมอ ส�ำหรับช่วงยุคสมัยอำรยธรรมโบรำณ ค�ำอธิบำย
่
พืนฐำนเกียวกับธรรมชำติถูกเชือมโยงกับเทพเจ้ำเป็นส�ำคัญ ศำสนำสมัยโบรำณ
่
้
่
่
ซึงแสดงออกด้วยรูปแบบเทวนิยมไม่เพียงมีหน้ำทีทำงสังคมในกำรก�ำหนดลัทธิ
ควำมเชือหรือศีลธรรมเท่ำนัน แต่จะพบว่ำศำสนำอำจมีส่วนก�ำหนดกรอบกำร
่
้
อธิบำยเกี่ยวกับธรรมชำติได้ด้วย หรือตัวอย่ำงโลกตะวันตกในยุคกลำงซึง ่
ศำสนำคริสต์ขึ้นมำเป็นศำสนำหลักและสถำปนำรูปแบบค�ำสอนให้เหนือกว่ำ
ศำสนำแบบเทวนิยมเดิม ปรัชญำธรรมชำติภำยใต้ศำสนำคริสต์ก็มีควำมลุ่มลึก
ขึนด้วย โดยเฉพำะกำรวำงต�ำแหน่งของพระเจ้ำให้สัมพันธ์กับโลกทำงกำยภำพ
้
ซึงรำยละเอียดในข้อนีจะได้ขยำยควำมให้เห็นต่อไป
้
่
่
่
ช่วงหนึ่งของประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์จึงหลีกเลียงไม่ได้ทีจะต้อง
่
ศึกษำแนวคิดทำงปรัชญำธรรมชำติ เพือศึกษำท่ำทีของมนุษย์ในอดีตทีเข้ำใจ
่
ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติภำยใต้อิทธิพลจำกสภำพแวดล้อมทำงประวัติศำสตร์
กล่ำวได้ว่ำสิงทีด�ำเนินมำในอดีตจนถึงช่วงก่อนกำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ยังคง
่
่
ปรำกฏร่องรอยกำรน�ำศรัทธำ ควำมเชือ และกรอบคิดทีอิงกับศำสนำมำร่วม
่
่
อธิบำยปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติ เพรำะในสมัยโบรำณ ศำสนำมีอิทธิพลและช่วย
ุ
่
ชดเชยควำมไม่รู้ของมนษย์ แต่เมือกำรปฏิวัติวิทยำศำสตร์ลดทอนพลังกำร
26 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
่
่
อธิบำยของฝ่ำยศำสนำลง นันเป็นอีกบริบททีจะต้องกล่ำวถึงเช่นกัน สรุปแล้ว
ก็คือ ปรัชญำธรรมชำติเป็นสำขำควำมรู้ในอดีตทีใกล้เคียงกับวิทยำศำสตร์แม้
่
จะไม่สำมำรถเทียบเคียงองค์ประกอบให้เหมือนกันได้ครบทุกด้ำน
2
สารวจอารยธรรมตะวันตกโบราณ
�
้
สังคมมนุษย์ก่อตัวตังแต่ยุคหิน (Stone age) ซึงมีระยะเวลำยำวนำนประมำณ
่
2 ล้ำน 5 แสนปีและสินสุดลงประมำณช่วง 4000 ปีก่อนคริสต์ศักรำช ในยุคหิน
้
นัน มนุษย์ยังเป็นชนเผ่ำเร่ร่อน ด�ำรงชีพด้วยกำรล่ำและเก็บของป่ำ มีกำรแบ่งยุค
้
หินออกเป็นสองช่วงย่อยคือยุคหินเก่ำ (Paleolithic) กับยุคหินใหม่ (Neolithic)
โดยใช้ช่วงเวลำประมำณ 10,000 ปีก่อนคริสต์ศักรำชเป็นเส้นแบ่ง แม้ว่ำมนุษย์
่
่
ในยุคหินจะใช้หินเป็นวัสดุหลักเพือประดิษฐ์สร้ำงเครืองมือเครืองใช้ต่ำงๆ แต่
่
่
่
เมือถึงยุคหินใหม่ กำรเพำะปลูกได้เข้ำมำแทนทีกำรยังชีพด้วยกำรล่ำแบบเร่ร่อน
่
มนุษย์เริมลงหลักปักฐำนสร้ำงทีอยู่อำศัยถำวรควบคู่ไปกับกำรผันตัวเป็นสังคม
่
เกษตรกรรม ควำมเปลียนแปลงนีถือเป็นกำรปฏิวัติครังส�ำคัญครังหนึงแม้ว่ำ
้
่
้
่
้
่
่
เครืองมือทีใช้ยังคงเป็นเครืองมือท�ำจำกหินซึงไม่ต่ำงไปจำกยุคหินเก่ำมำกนัก
่
่
่
่
เมือมนุษย์เริมอำศัยในถินฐำนทีแน่นอน สังคมจึงขยำยตัวมำกขึนและ
้
่
่
มีควำมซับซ้อนขึนจนพัฒนำเป็นอำรยธรรมเมือง (urban civilization) ในช่วง
้
่
เวลำประมำณ 3000 ปีก่อนคริสต์ศักรำช อำรยธรรมเมืองขนำดใหญ่ทีมีควำม
รุ่งเรืองและมักถือเป็นรำกเหง้ำของอำรยธรรมตะวันตกได้ถือก�ำเนิดขึน นันคือ
้
่
อำรยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ในตะวันออกกลำง และอำรยธรรม
้
อียิปต์ (Egypt) ลุ่มแม่น�ำไนล์ในทวีปแอฟริกำ ทั้งนี้ควำมก้ำวหน้ำของแนวคิด
ปรัชญำธรรมชำติรวมถึงจำรีตช่ำงฝีมือในอำรยธรรมทั้งสองมีพัฒนำกำรที่ล�้ำหน้ำ
สังคมบุพกำลอย่ำงเห็นได้ชัด
28 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
2.1 มนุษย์กับธรรมชาติในสังคมบุพกาล
่
อย่ำงทีได้กล่ำวไว้ว่ำในโลกก่อนสมัยใหม่ยังไม่มีกิจกรรมทีสำมำรถนิยำมว่ำเป็น
่
่
วิทยำศำสตร์ได้อย่ำงสมบูรณ์ตำมนิยำมปัจจุบัน เมือมองจำกมำตรฐำนของโลก
สมัยใหม่ กิจกรรมหลำยอย่ำงจึงดูเหมือนกิจกรรมทำงศำสนำ จิตวิญญำณ หรือ
เป็นไสยศำสตร์ กำรประเมินอดีตในเรืองนีอย่ำงเหมำะสมต้องตีควำมว่ำ บำง
้
่
กิจกรรมมีข้อคล้ำยคลึงกับวิทยำศำสตร์ตรงทีพยำยำมเข้ำใจปรำกฏกำรณ์
่
้
ธรรมชำติว่ำมีปัจจัยใดควบคุมหรือก�ำกับอยู่เบืองหลัง หำกท�ำควำมเข้ำใจได้ก็
่
จะคลีคลำยปัญหำทีเกียวข้องกับธรรมชำติได้
่
่
ุ
้
วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีต่ำงมีส่วนผลักดันอำรยธรรมมนษย์ตังแต่
่
เริมต้น กำรสร้ำงสังคมทียังชีพด้วยเกษตรกรรมหมำยถึงกำรขยำยกิจกรรมเชิง
่
วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีไปสู่วิถีชีวิต ในแง่เทคโนโลยี มนุษย์ต้องพัฒนำ
่
เครืองมือกำรล่ำ กำรเกษตร และเทคโนโลยีกำรจัดกำรน�ำ เช่นอำรยธรรมลุ่ม
้
่
่
่
ู
้
แม่น�ำต่ำงๆ ซึงมักเริมต้นจำกกำรเพำะปลกบริเวณดินดอนสำมเหลียมปำกแม่น�ำ ้
่
ทีมีควำมอุดมสมบูรณ์สูง แต่กำรใช้ประโยชน์จำกธรรมชำติในเรืองนีมำพร้อม
่
้
กับกำรสร้ำงระบบชลประทำน กำรระบำยน�ำเมือน�ำขึน จำกเครืองมือทีเคยใช้
้
่
้
่
่
้
ล่ำสัตว์แบบเร่ร่อนต้องเพิมเติมด้วยเครืองมือเกษตรและภำชนะซึงใช้งำนกับ
่
่
่
วิถีชีวิตแบบลงหลักปักฐำน
ส่วนในด้ำนวิทยำศำสตร์คงไม่อำจคำดหวังว่ำจะมีกำรค้นพบทฤษฎีใดๆ
แต่ภำยใต้บริบทกำรสร้ำงสังคมเกษตรกรรม เป็นเรืองแน่นอนทีมนุษย์ต้องใช้
่
่
้
พืนฐำนกำรสังเกตและท�ำควำมเข้ำใจวัฏจักรธรรมชำติ ได้แก่ กำรเริ่มนับเวลำ
่
รอบวัน รอบเดือนของดวงจันทร์ ท�ำควำมเข้ำใจรอบปีผ่ำนกำรเปลียนฤดูกำล
ฤดูแล้ง ฤดูน�ำหลำก กำรสังเกตน�ำขึนน�ำลง กำรสังเกตทิศทำงของลม กำร
้
้
้
้
่
สังเกตกระบวนกำรเติบโตของพืชเพือน�ำมำขยำยพันธุ์ กำรสังเกตธรรมชำติของ
่
่
พืชทีสำมำรถน�ำมำใช้ประโยชน์ด้ำนต่ำงๆ ฯลฯ สิงเหล่ำนีมีส่วนก�ำหนดควำม
้
เป็นไปของวิถีชีวิตสมัยบุพกำล หรืออีกนัยหนึงมนุษย์ต้องสังเกตและท�ำควำม
่
้
เข้ำใจปรำกฏกำรณ์เหล่ำนีเนืองจำกส่งผลต่อกำรด�ำรงชีวิตของตน เพรำะฉะนัน
้
่
่
อย่ำงน้อยสังคมทีก้ำวสู่กำรเกษตรจะตระหนักรู้เรืองฤดูกำล มีกำรจดจ�ำเกียว
่
่
History of Science 29
กับสภำพแวดล้อมตำมธรรมชำติก่อนจะก้ำวสู่ควำมเป็นวิทยำศำสตร์ มนุษย์มี
ปฏิสัมพันธ์กับธรรมชำติผ่ำนกำรสังเกตและรับรู้ ท�ำควำมเข้ำใจวัฏจักร
่
่
ธรรมชำติให้ได้มำกทีสุดและแสวงหำหนทำงทีเป็นประโยชน์ต่อกำรด�ำเนินชีวิต
่
แม้ภำยใต้สังคมเกษตรจะแสดงถึงกำรวินิจฉัยธรรมชำติในแง่มุมทีกล่ำว
้
มำ แต่หำกเทียบกับวิทยำศำสตร์สมัยใหม่ สิงทียำกขึนอีกระดับคือกำรเข้ำใจ
่
่
่
เรืองควำมเป็นสำเหตุ (causation) ของปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติ เช่น มนุษย์
อำจประสบควำมส�ำเร็จในกำรท�ำควำมเข้ำใจระบบเวลำในรอบปีโดยสังเกตอย่ำง
้
ต่อเนืองว่ำ เกิดฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนำว เป็นประจ�ำทังสำมฤดูกำลในรอบ
่
ปีหนึงๆ และใช้วิธีนับจ�ำนวนวันในแต่ละฤดูจนก�ำหนดรอบปีได้ สำมำรถใช้
่
ประโยชน์จำกกำรนับฤดูกำลว่ำเมือใดควรเริมกำรเพำะปลูก น�ำจะมำเมือไร และ
่
่
่
้
วำงแผนให้สอดคล้องกับช่วงเก็บเกียว สิงนีสะท้อนควำมก้ำวหน้ำในปฏิสัมพันธ์
่
้
่
่
กับธรรมชำติอย่ำงปฏิเสธไม่ได้ แต่เมือกล่ำวถึงสำเหตุทีอยู่เบืองหลัง มนุษย์ใน
้
่
อดีตไม่มีศักยภำพมำกพอทีจะอธิบำยเหตุปัจจัยของฤดูกำลดังทีโลกปัจจุบัน
่
่
ทรำบกัน มนุษย์เรำไม่สำมำรถอธิบำยว่ำช่วงฤดูร้อนในแต่ละภูมิภำคของโลก
่
้
่
่
เป็นช่วงทีพืนทีบริเวณนันๆ หันเข้ำใกล้ดวงอำทิตย์ หรือในฤดูหนำวซึงกลำงคืน
้
มำเร็ว มนุษย์อำจปรับตัวท�ำกิจกรรมทีต้องอำศัยแสงสว่ำงให้ใช้เวลำกระชับ
่
้
่
มำกขึน แต่ในโลกก่อนสมัยใหม่จะไม่สำมำรถอธิบำยได้เลยว่ำเหตุทีกลำงคืนมำ
้
เร็วกว่ำฤดูอืนเพรำะช่วงนันแกนโลกเอียงจนหันพืนทีเขตหนำวให้ห่ำงออกจำก
้
่
่
ดวงอำทิตย์
่
่
่
สำเหตุทีสังคมในอดีตไม่สำมำรถบรรลุถึงชุดค�ำอธิบำยทีถูกต้องเกียว
่
กับปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติเป็นเรืองทีเข้ำใจได้ เพรำะด้วยข้อจ�ำกัดทำงกำยภำพ
่
่
มนุษย์ไม่รู้แม้แต่สัณฐำนทีแท้จริงของโลกหรือเข้ำใจเรืองระบบสุริยะ (Solar
่
system) เมือต้องสังเกตและอธิบำยธรรมชำติ ผลทีตำมมำอย่ำงหลีกเลียงไม่ได้
่
่
่
่
คือกำรอธิบำยปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติด้วยสิงเหนือธรรมชำติหรือเทพเจ้ำ เช่น
มนุษย์สังเกตว่ำหำกมีฟ้ำคะนอง ฟ้ำผ่ำ และก้อนเมฆหนำรวมตัวกันมำกๆ จะ
้
้
้
มีฝนตกหลังจำกนัน ปรำกฏกำรณ์นีเกิดซ�ำๆ จนอำจสรุปจำกประสบกำรณ์ว่ำ
่
ฟ้ำคะนองก่อนฝนตก แต่กำรสรุปนีไม่ได้ช่วยอธิบำยในแง่มูลเหตุ เมือต้อง
้
้
อธิบำยกระบวนกำรเบืองหลังซึงเกินกว่ำประสำทสัมผัสของมนุษย์ไปแล้ว พวก
่
30 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
เขำจึงปรำกฏค�ำอธิบำยในอำรยธรรมต่ำงๆ เช่น เทพอัสนีซึ่งควบคุมลมฟ้ำ หรือ
่
้
พระพิรุณซึงเป็นผู้ควบคุมฝน หลังจำกสังคมบุพกำลสร้ำงค�ำอธิบำยเบืองหลัง
้
้
ลักษณะนีขึนมำ พิธีกรรมต่ำงๆ ก็ตำมมำ ยกตัวอย่ำงเช่น เมื่อเพำะปลูกและ
ต้องกำรผลผลิตทีอุดมสมบูรณ์ต้องบูชำเทพเจ้ำทีเกียวข้องอย่ำงพระแม่ธรณี
่
่
่
หรือแม่โพสพ หรือหำกจะขอฝนก็ต้องบูชำพระพิรุณ
่
่
มองอีกมุมหนึง นีเป็นแนวโน้มกำรใช้บุคลำธิษฐำนกับปรำกฏกำรณ์
้
ธรรมชำติ โดยสร้ำงเทพเจ้ำขึนในรูปลักษณ์ของมนุษย์แต่มีฤทธิเดชเหนือ
์
ธรรมชำติ เป็นกำรเปิดทำงให้มนุษย์ใช้กำรเปรียบเปรย (analogy) ควำมนึกคิด
้
ของตนกับธรรมชำติได้ง่ำยขึน เช่นกำรอธิบำยก�ำเนิดของเครือข่ำยครอบครัว
ู
เทพเจ้ำโดยมีกำรสมส่ของเทวบิดำและเทวมำตำในหลำยอำรยธรรม และ
่
เครือข่ำยเทพเจ้ำทีถือก�ำเนิดมำก็มีหน้ำทีควบคุมธรรมชำติในด้ำนต่ำงๆ กรณี
่
้
เทพเจ้ำกรีกจัดอยู่ในข่ำยนีเช่นกัน Lindberg (2007, p. 6) ชีว่ำวิธีกำรนีคือ
้
้
กำรฉำยภำพกระบวนกำรทำงชีวภำพของมนุษย์ให้ทำบลงไปยังปรำกฏกำรณ์
้
ธรรมชำติ ดังนัน ในหลำยกรณีค�ำอธิบำยกำรก�ำเนิดของจักรวำลจึงเหมือน
กระบวนกำรก�ำเนิดชีวิต หรือปรำกฏกำรณ์บนฟำกฟ้ำถูกอธิบำยผ่ำนพลังที ่
้
ต่ำงขัวกันสองฝำยด้ำนดีกับด้ำนร้ำย สะท้อนพืนฐำนควำมเป็นมนุษย์ทีน�ำ
่
่
้
ประสบกำรณ์ใกล้ตัวมำใช้อธิบำยธรรมชำติให้เป็นกระบวนกำรทีตนเองท�ำควำม
่
เข้ำใจได้
่
สังคมบุพกำลยังมีลักษณะเฉพำะอีกข้อหนึงคือเป็นสังคมทีอำศัยจารีต
่
การบอกเล่า (oral tradition) มนุษย์สมัยก่อนประวัติศำสตร์ยังไม่มีกำร
ประดิษฐ์ระบบภำษำเขียน ไม่มีตัวอักษร และยังไม่รู้จักกำรบันทึก กำรถ่ำยทอด
เรืองรำวควำมรู้ต่ำงๆ จำกรุ่นสู่รุ่นจึงต้องผ่ำนกำรบอกเล่ำ กำรบอกเล่ำท�ำงำน
่
่
ร่วมกับกำรสังสมประสบกำรณ์ เช่น กำรถ่ำยทอดเทคนิคกำรเพำะปลก
ู
ถ่ำยทอดเทคนิคกำรท�ำขวำนหิน หรือกำรสอนให้ระวังสัตว์บำงประเภท กำร
่
่
สอนให้ระวังพืชทีมีพิษ ฯลฯ ในขณะเดียวกันควำมรู้ทีเกินกว่ำขีดจ�ำกัดของ
่
่
ประสำทสัมผัสก็ถูกถ่ำยทอดเป็นควำมเชือทำงสังคมด้วย เช่น ต�ำนำนเกียวกับ
่
เทพเจ้ำต่ำงๆ กำรอธิบำยจักรวำลวิทยำ (cosmology) ในแบบทีสัมพันธ์กับ
้
กำรกระท�ำของเทพเจ้ำ จึงกล่ำวได้ว่ำจำรีตกำรบอกเล่ำไม่เอือให้เกิดกำรพัฒนำ
History of Science 31
่
่
ทำงทฤษฎีเพรำะแหล่งข้อมูลมีจ�ำกัดและเลือนไหล เป็นเรืองรำวถ่ำยทอดผ่ำน
้
ค�ำพูดเท่ำนันและยำกแก่กำรตรวจสอบ
แนวโน้มทีส�ำคัญอีกประกำรของจำรีตกำรบอกเล่ำคือ ผู้ทีสะสม
่
่
์
ประสบกำรณ์ได้มำกจะมีสถำนะพิเศษหรือศักดิสิทธิกว่ำสมำชิกทัวไปในสังคม
่
์
่
ผู้อำวุโสของเผ่ำอธิบำยโลกได้มำกกว่ำเพรำะมีประสบกำรณ์พบเห็นเรืองต่ำงๆ
์
์
่
้
มำกกว่ำ ควำมรู้ในระบบนีเริมมีลักษณะควำมศักดิสิทธิมำกกว่ำจะพร้อมให้
่
ตรวจสอบ กรอบกำรอธิบำยธรรมชำติโดยอำศัยเทพเจ้ำ (ซึงถือเป็นศำสนำใน
่
่
่
ยุคก่อนประวัติศำสตร์) เมือด�ำเนินไปนำนเข้ำจึงเกียวพันกับควำมเชือและ
ระเบียบทำงสังคมอย่ำงซับซ้อนยิงขึน หำกมองจำกมุมมองของสังคมปัจจุบัน
่
้
ู
ทิศทำงเช่นนีน�ำกำรอธิบำยธรรมชำติให้เข้ำไปอย่ภำยใต้คติควำมเชือเหนือ
้
่
ธรรมชำติ ซึงดูไม่สอดคล้องกับจิตส�ำนึกแบบวิทยำศำสตร์
่
อย่ำงไรก็ตำม สังคมบุพกำลยังมีกำรสังสมควำมรู้ทีส�ำคัญมำกอีก
่
่
ประกำรหนึงและเป็นทีมำของค�ำว่ำยุคหิน คือกำรพัฒนำเครืองมือจำกหินเพือ
่
่
่
่
รองรับกำรใช้ประโยชน์ต่ำงๆ หลักฐำนทีหลงเหลือจำกยุคหินเก่ำบ่งบอกว่ำสังคม
่
้
มนุษย์มีเทคโนโลยีขันต้นทีรู้จักเปลียนสภำพหินเป็นเครืองมือ เช่น ขวำน มีด
่
่
่
่
่
หอก แล้วใช้เครืองมือเพือกำรล่ำและอ�ำนวยควำมสะดวก ยุคหินเก่ำแสดงจุดเด่น
เรืองทักษะของมนุษย์ทีรู้จักดัดแปลงวัสดุจำกธรรมชำติมำตอบสนองควำม
่
่
่
ต้องกำร รวมถึงทักษะกำรใช้มือเพือเปลี่ยนสภำพวัตถุ ในยุคหินใหม่ หินยังคง
่
่
เป็นวัสดุหลักแต่ขอบเขตของเครืองมือทีประดิษฐ์ขยำยไปสู่เครืองมือทำงด้ำน
่
่
เกษตรกรรม โดยวัสดุซึงน�ำมำใช้ในยุคหินใหม่มีกำรขัดและท�ำรูปร่ำงให้ประณีต
้
ขึน อีกทังมีเครืองประดับทีท�ำจำกหิน ควำมประณีตหมำยถึงกำรยกระดับ
้
่
่
่
เทคโนโลยีทีสังสมในสังคมมนุษย์ด้วยจึงสำมำรถน�ำวัสดุอย่ำงหินมำสร้ำงสรรค์
่
่
ได้อย่ำงต่อเนือง
ทังนียุคหินบ่งบอกว่ำโจทย์ของกำรพัฒนำเกียวข้องกับกำรตอบสนอง
่
้
้
้
เป้ำหมำยใช้งำนเป็นส�ำคัญ เครืองมือพืนฐำนทีท�ำขึนอย่ำงไม่ยุ่งยำกซับซ้อน
่
่
้
บ่งชีถึงกำรลองผิดลองถูกเพือปรับปรุงทำงเทคโนโลยี ควำมรู้ทีเกียวข้องใน
่
้
่
่
่
้
่
้
กระบวนกำรนีสังสมจำกทักษะทีพัฒนำขึนจนเปลียนแปลงวัสดุธรรมชำติได้ตำม
่
่
ควำมต้องกำร ซึงเป็นคนละส่วนกับกำรเปิดเผยควำมจริงทำงธรรมชำติ แต่
32 ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
ควำมรุดหน้ำในด้ำนทักษะมักไม่อยู่ในจำรีตกำรจดบันทึกเช่นกัน
หลังจำกยุคหินใหม่ สังคมมนุษย์เริมรู้จักใช้โลหะและประดิษฐ์
่
สัญลักษณ์จนระบบภำษำเกิดควำมเปลี่ยนแปลง มีภำษำเขียนเพิมขึนมำใน
้
่
อำรยธรรมเมืองยุคส�ำริด (Bronze age) ขณะทีโครงสร้ำงสังคมซับซ้อนขึน
้
่
่
และกิจกรรมของมนุษย์ยิงทวีควำมหลำกหลำย พัฒนำกำรของระบบภำษำเขียน
่
้
่
ทีก้ำวหน้ำขึนมีส่วนอย่ำงมำกต่อกำรยกระดับกิจกรรมทีเกียวข้องทำง
่
วิทยำศำสตร์ จนถือเป็นเส้นแบ่งหนึงทีแยกอำรยธรรมยุคส�ำริดออกจำกสังคม
่
่
ในยุคหิน
�
2.2 พัฒนาการเชิงวิทยาศาสตร์ในยุคสาริด
ก) อารยธรรมอียิปต ์
อำรยธรรมอียิปต์พัฒนำจำกกำรลงหลักปักฐำนบนลุ่มแม่น�ำไนล์จนเป็น
้
อำณำจักรขนำดใหญ่ มีพัฒนำกำรของระบบสังคมและมีควำมส�ำเร็จทำง
่
้
สถำปัตยกรรมทีโดดเด่นยำวนำนจนถึงสมัยปัจจุบัน นอกจำกนีควำมก้ำวหน้ำ
ในบำงเรืองของอำรยธรรมอียิปต์สำมำรถน�ำมำเป็นประเด็นได้เมือพูดถึง
่
่
ประวัติศำสตร์วิทยำศำสตร์
่
อียิปต์เป็นหนึงในอำรยธรรมต้นๆ ทีได้ประดิษฐ์สัญลักษณ์กำรเขียนขึน
่
้
เป็นรูปแบบอักษรทีเรียกว่ำ เฮียโรกลิฟิก (Hieroglyphic) รวมทังสร้ำงระบบ
้
่
้
จ�ำนวน (number system) เพือใช้งำน นวัตกรรมเหล่ำนีสัมพันธ์กับระบบ
่
สังคมทีซับซ้อนขึน ระบบกำรเขียนและระบบจ�ำนวนจ�ำเป็นต้องใช้ในงำนบริหำร
้
่
รำชกำรแผ่นดิน ซึงต้องบันทึกและถ่ำยทอดข้อมูลเป็นลำยลักษณ์อักษร ขณะ
่
เดียวกันจำรีตกำรเขียนสัมพันธ์กับสถำนภำพอันศักดิสิทธิของระบอบกษัตริย์
์
์
อียิปต์ในต�ำแหน่งฟำโรห์ (pharaoh) เช่น กำรร่ำงโองกำร ค�ำสังรำชกำร กำร
่
จำรึกเกียรติยศต่ำงๆ ลงบนสถำปัตยกรรม ฯลฯ ซึงควำมก้ำวหน้ำในกำรบันทึก
่
ส่งผลถึงกำรศึกษำปรัชญำธรรมชำติด้วย
ระบบจ�ำนวนของอียิปต์คล้ำยๆ กับเลขโรมัน คือใช้สัญลักษณ์แทนค่ำ