กวีนิพนธ์ไทย
ดารกะ
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
ทศศ.๖๔๒
รหัสนักศึกษา ๖๔๑๐๗๘๙๒๐๙
ก
คำนำ
หนังสือ "กวีนิพนธ์ไทย" เป็นการรวบรวม
งานบทประพันธ์ตลอดระยะเวลาในการเรียน
วิชากวีนิพนธ์ ชั้นปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๔
ของ นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย ทศศ.๖๔๒
ภายใต้นามปากกา ดารกะ
งานบทประพันธ์ดังกล่าว ได้แต่งขึ้นผ่าน
ประสบการณ์การเรียนรู้ การพบเจอ
เหตุการณ์ที่น่าประทับใจ เรียงร้อย เล่าความ
เป็นเรื่องราวผ่านรูปแบบบทประพันธ์ประเภท
ต่าง ๆ อาทิ กลอนแนะนำตัวเอง กลอนแแปด
และกลอนเปล่า โคลง กาพย์ นิราศ ร่าย ฉันท์
ตันหยง และเพลงสอนน้อง
งานประพันธ์ ดารกะ ได้ผ่านการคัดกรอง
ตรวจสอบจากผู้มีความรู้ความสามารถด้าน
รายวิชากวีนิพนธ์ไทย คือ ผศ.ดร.รุ่งรัตน์
ทองสกุล อาจารย์ประจำวิชา ขอขอบคุณ
อาจารย์ที่คอยให้คำปรึกษา ชี้แนะแนวทางใน
การทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สารบัญ ข
เรื่อง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
กลอนแนะนำตัวเอง ๑
กลอนแปด ๒
กลอนเปล่า ๓
โคลงสี่สุภาพ ๔
กาพย์ยานี ๑๑ ๕
กาพย์ฉบัง ๑๖ ๖
กาพย์สุรางคนางค์ ๗
นิราศเซ็นทรัล ๘-๙
ร่ายยาว ๑๐
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ๑๑
หยงทานตะวัน ๑๒
เพลงสอนน้อง ๑๓
บทครู ๑๔-๑๖
วิเคราะห์สุนทรียศษสตร์ ๑๗-๒๑
๑
กลอนแนะนำตัวเอง
อันตัวฉันนั้นชื่อชุติมณฑน์
มักมีคนมองเห็นว่าเป็นสุข
แต่แท้จริงเรื่องรักนั้นเป็นทุกข์
ขอสนุกกับเรื่องเรียนก่อนดีกว่า
ดารกะ
๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๒
กลอนแปด
รวมพลังร่วมจิตแด่เด็กน้อย
คนทยอยร่วมงานรับขวัญหลาน
เป็นพิธีจัดขึ้นอยู่ในบ้าน
ที่เรียกงานพิธีเปิดปากเด็ก
เสร็จพิธีตั้งวงกันกินข้าว
เล่าเรื่องราวของตนในวัยเล็ก
อยากถ่ายทอดพิธีเปิดปากเด็ก
เอาให้เด็กรุ่นหลังสืบทอดต่อ
ดารกะ
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๓
กลอนเปล่า
หากวันใดใจเธอนั้นอ่อนล้า
ขอให้เธอจงมองกลับไป
แล้วจะพบกำลังใจที่ยิ่งใหญ่
จากคนที่รักเธฮสุดหัวใจ
ดารกะ
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๔
โคลงสี่สุภาพ
เรื่อง หมองมัว
โควิดทำทุกข์ท้น หมองมัว
ฉันจึ่งคอยหวาดกลัว อยู่บ้าน
เป็นโรคที่พันพัว กับร่าง กายนา
ทำป่วยจึงอยากต้าน ไม่ให้เข้ามา
ชีพกัน
ทุกเวลาปกป้อง บ่งชี้
จงใส่แมสก์ทุกวัน ภูมิเพิ่ม ขึ้นเฮย
วัคซีนฉีดเร็วพลัน อย่าได้ไปรวม
และเลี่ยงกลุ่มคนนี้
ดารกะ
๐๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๕
กาพย์ยานี ๑๑
เงือกน้อยโบยบิน
นกเงือกดูสวยงาม โบยบินตามผืนนภา
ครั้นจึงร่อนลงมา สอดส่ายหาต้นไม้มอง
รูปร่างสวยแปลกตา อยู่พร้อมหน้ากันทั้งผอง
จับคู่ที่หมายปอง ขับเสียงร้องกังวานดี
สร้างสมเป็นรังรอง ดั่งเรือนครองให้สุขี
ครอบครัวนกเปรมปรีดิ์ ในพงพีลำเนาไพร
ดารกะ
๐๖ มกราคม ๒๕๖๕
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๖
กาพย์ฉบัง ๑๖
ชีวิตวิถีใหม่
โควิดเข้ามารุกราน ผู้คนเตรียมการ
ระมัดระวังกันไป เด็กหรือผู้ใหญ๋
เจลล้างมือมี
ไม่ว่าจะอยู่วัยใด
ล้วนปกป้องตนเองดี
ใส่หน้ากากทันท่วงที
วินัยรอดพ้นปลอดภัย
ดารกะ
๐๖ มกราคม ๒๕๖๕
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๗
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
มังสวิรัติ
งานเทศกาล มีมาช้านาน กินเจเรียกกัน
งดเว้นเนื้อสัตว์ วิรัติครบวัน ช่วยเหลืออนันต์ สรรพชีวี
พิธีหามเกี้ยว ตามทางคดเคี้ยว งดงามเด่นดี
ระรื่นครึกครื้น แช่มชื่นราศี หนึ่งครั้งหนึ่งปี สืบทอดต่อไป
ดารกะ
๐๖ มกราคม ๒๕๖๕
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๘
นิราศเซ็นทรัล
ทั้งงานเดี่ยวงานกลุ่มแทบลงโลง เริ่มต้นปีการบ้านเป็นโขยง
นัดเพื่อนเพื่อนทำงานกลุ่มกันดีกว่า อยู่คนเดียวเหวงโหวงทำไม่ทัน
คนละไม้คนละมือช่วยช่วยกัน นัดเพื่อนมาที่ม.พร้อมกับฉัน
เพื่อนเพื่อนถามว่านัดกันที่ไหน คิดแล้วพลันโทรถามไม่ละเลย
ตรงเวลาแน่แน่ไม่มีเลย มหาลัยเก้าโมงนะเพื่อนเอ๋ย
รีบอาบน้ำอาบท่ามาไวว่อง สรุปเอยตื่นสิบครึ่งน่าทึ่งจริง
เรามาสายต้องยอมรับความจริง คอยจดจ้องดูเวลาระหว่างวิ่ง
พอไปถึงโรงอาหารก็พบว่า แล้วทุกสิ่งจะดีขึ้นในทันใด
ฉันอุตส่าห์รีบวิ่งมาเร็วไว เพื่อนก็ยังไม่มาอยู่ที่ไหน
พอถึงเที่ยงเพื่อนก็มากันครบกลุ่ม นั่งรอไปยาวยาวจนเที่ยงวัน
งานไม่ทำคิดแต่เรื่องไปเที่ยวกัน นั่งประชุมเรื่องงานกันขำขัน
จะไปไหนค่อยคิดขึ้นรถก่อน ในเร็วพลันวิ่งขึ้นรถชุติมณฑน์
กับเรื่องเที่ยวไม่เคยแผ่วเลยสักคน แม้แดดร้อนก็จะไปไม่มีสน
วรรนภาบอกว่าไปเซ็นทรัล นั่งรถยนต์ขับไปที่ไหนดี
ภูมิศักดิ์ถามเอาไงนัจมีย์ กินข้าวกันแล้วก็ไปดูหนังผี
ชุติมณฑน์ขับรถเร็วยิ่งกว่าแสง ตอบทันทีไปเลยไม่รีรอ
ถึงที่หมายแล้วจึงค่อยชะลอ รถมันแรงโทษทีนะพี่หนอ
จอดรถเสร็จก็ต้องเติมหน้าก่อน คอยจดจ่อหาที่จอดตลอดทาง
เสร็จแล้วจึงแต่งแต้มฝีปากบาง ปัดบลัชออนเขียนคิ้ววาดเติมหาง
เริ่มจากจองตั๋วหนังที่เคาน์เตอร์ ไม่มีจางชายใดเห็นเป็นตะลึง
ก็คงเพราะพวกเราสวยสะพรึง ก็ไปเจอพนักงานทำหน้าอึ้ง
จองรอบหนังเอาไว้บ่ายสามครึ่ง ผิวเต่งตึงมีออร่าจนน่ากลัว
บอกแม่ค้าขอรสชาติแบบนัวนัว แล้วเราจึงพากันไปกินตำซั่ว
และจากนั้นก็ไปกินของหวาน นั่งสุมหัวกินน้ำตกจกส้มตำ
กินชานมไข่มุกร้านประจำ ชวนน่าทานกินกันให้อิ่มหนำ
วรรนภาบอกว่าเอาโกโก้ ภูมิศักดิ์ล้มหัวคะมำหน้าร้านชา
นัจมีย์สั่งแอปเปิลน้ำโซดา ขอแก้วใหญ่จัมโบ้นะพี่จ๋า
บีมมี่บอกขอโกโก้แบบเข้มข้น ชุติมณฑน์บอกว่าขอชานม
แต่หน้าร้านได้แค่เอ่ยปากชม ภูมิศักดิ์บ่นว่ากาแฟมันแก่ขม
ซื้อเสร็จแล้วก็ไปหาที่นั่ง เดี๋ยวได้จมกองเลือดนะเพื่อนเกลอ
นั่งลงแล้วหันซ้ายก็ได้เจอ เพราะแก๊งเรามันปังอยู่เสมอ
พูดถึงพ่อรูปหล่อที่ด้านซ้าย ผู้ชายหล่อเลิศเลอละลายพลัน
ภูมิชี้ชายและเตือนอย่าเพิ่งหัน
๙
นิราศเซ็นทรัล
สิบนาฬิกาบอกทิศโดยรู้กัน เตือนไม่ทันบีมมี่หันชายรู้ตัว
ส่งสายตาบอกว่าเธอน่ารัก อยากรู้จักเพราะเราไม่มีผัว
ส่วนผู้ชายวิ่งหนีด้วยความกลัว เพื่อนไม่ต้องเล่นตัวก็นกชาย
นั่งจิบชาแล้วพากันนั่งเม้า เรื่องของเขาเรารู้ดีเหลือหลาย
เรื่องตัวเองไม่เห็นรู้จะบ้าตาย นั่งสบายกันเพลินลืมเวลา
ดูเวลาอีกทีสามยี่สิบ วิ่งขึ้นลิฟต์ให้เร็วเลยเพื่อนขา
เจอผู้ชายหน้าลิฟต์สะดุดตา โดนเพื่อนด่าเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง
โชคยังดีไปทันที่หนังฉาย เกือบจะสายยังดีมีที่นั่ง
อุ๊ยผู้ชายด้านข้างน่ารักจัง แต่สิ้นหวังเพราะเขาเอาแฟนมา
หลังจากนั้นหนังผีก็เริ่มฉาย เพื่อนฉันร้องวี้ดว้ายคล้ายจะบ้า
เพื่อนสะดุ้งทุกครั้งที่ผีมา จึงหลับตาหนีผีด้วยความกลัว
หนังร่างทรงน่ากลัวกว่าที่คิด ภาพยังติดตราตรึงอยู่ในหัว
ดูจบแล้วใจฉันสั่นระรัว แล้วจากนั้นก็เดินทัวร์ร้านต่อไป
ภูมิศักดิ์บอกอยากไปร้านหนังสือ ร้านที่ชื่อบีทูเอสไปกันไหม?
บี่มมี่ถามว่าจะซื้ออะไร หรือแค่ไปเดินดูชมผู้ชาย
ภูมิศักดิ์ร้องโดนเพื่อนนั้นกล่าวหา เธอจะมาบอกแบบนี้นั้นไม่ได้
ฉันจะไปดูหนังสือซื้อนิยาย ดูผู้ชายไม่เค้ยไม่เคยมี
ได้หนังสือเล่มหนึ่งจึงจะหลบ ภูมิศักดิ์พบชายหนุ่มหล่อขาวตี๋
ชุติมณฑน์ก็สะกิดนัจมีย์ จนบีมมี่ต้องห้ามปรามเพื่อนทุกคน
พอจะกลับวรรณนภาก็บอกว่า หกโมงกว่าเวลาดีช่างน่าสน
หมูกระทะดีไหมทุกทุกคน ชุติมณฑน์หักรถไปไม่รีรอ
หมูกระทะร้านย่างเนยดีไหมเล่า แค่นึกเอาก็แทบน้ำลายสอ
พอไปถึงตัวฉันนั้นแทบท้อ ต้องยืนรอต่อคิวกันขาชา
พอถึงโต๊ะก็รีบไปหยิบหมู มื้อสุดหรูปิ้ งย่างดังซู่ซ่า
พูดเม้าท์มอยเรื่องราวที่ผ่านมา สุดหรรษาราตรีที่มีเรา
ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน ออกจากร้านเจอกันเย็นวันเสาร์
อาทิตย์นี้จ่ายเงินจนตัวเบา ตายแล้วเราลืมทำงานนิราศเอย
"หมูคณะ"
๑๐
ร่ายยาว
ลูกคนนี้ขอเทิดทูนหนอ
ยกยอบิดรและมารดรของฉัน
ผู้แบ่งปันช่วยเหลือในทุกครา
มีความเมตตาให้เราในทุกครั้ง
ความดีทั้งหมดขอยกให้
ท่านทั้งสองได้มีสุขนิรันดร์ นั้นแล
ดารกะ
๐๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๑๑
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
ยกย่องพระคุณแม่ รุจิแท้พระคุณนี้
ผู้ที่ประเสริฐดี จะมิหม่นอะไรไป
ยกย่องบิดาเรา ขณะเอาฤทัยใส่
ช่วยเหลือและห่วงใย ดนุเองก็สุขตาม
ยกย่องพระคุณท่าน จะสราญตลอดยาม
ท่านมอบฤดีงาม ก็จะสู่ ณ ตัวเรา
ดารกะ
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๑๒
หยงทานตะวัน
ตันหยง ตันหยง หยงไรละน้อง หยงทานตะวัน
อยากชวนพี่บ่าวมารักกัน กับน้องนั้นวันวาเลนไทน์
แล้วว่าพี่บ่าว ไม่รักน้องสาวถึงแล่นวิ่งหาย
กับน้องนั้นวันวาเลนไทน์ น้องจึงร้องไห้แล่นหลบบ้าน
ดารกะ
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
นางสาวชุติมณฑน์ นุชสมัย
๑๓
เพลงสอนน้อง
เรื่อง มาตราตัวสะกด
ทำนองเพลง Baby Shark
ศิลปิน PINKFONG Songs for Children
9 มาตรา ตรา*(หกครั้ง) ตัวสะกด กด*(หกครั้ง)
ร้องพร้อมกัน กัน*(หกครั้ง) ร้องพร้อมกัน
*1.แม่กน กน*(หกครั้ง)
2.แม่กม กม*(หกครั้ง)
3.แม่กง กง*(หกครั้ง) ไปกันต่อ
**4.แม่เกย เกย*(หกครั้ง)
5.แม่เกอว เกอว*(หกครั้ง)
6.ก.กา กา*(หกครั้ง) และมีอีก
*** 7.แม่กก กก*(หกครั้ง)
8.แม่กด กด*(หกครั้ง)
9.แม่กบ กบ*(หกครั้ง) แล้วร้องใหม่ (ซ้ำ *, **, ***)
๑๔
บทครู
โคลงนิราศนครินทร์
ผู้แต่ง คือ นายนรินทรธิเบศร์ (อิน)
จากเรื่อง นิราศนรินทร์
ปีที่แต่ง รัชกาลที่ ๒ (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัย)
ที่มา https://vajirayana.org/โคลงนิราศนรินทร์/นิราศ
นรินทร์
เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลาdสวรรค์ ฯ
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
ผู้แต่ง คือ ชิต บุรทัต
จากเรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์
ปีที่แต่ง พ.ศ. ๒๔๕๗ (ในสมัยรัชกาลที่ ๖)
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/ฉันท์
บงเนื้อก็เนื้อเต้น พิศะเส้นสรีร์รัว
ทั่วร่างและทั่วตัว ก็ระริกระริวไหว
หิตโอ้เลอะหลั่งไป
แลหลังก็หลั่งโล- ตละล้วนระรอยหวาย
เพ่งผาดอนาถใจ
๑๕
กลอน ๙
ผู้แต่ง คือ พุทธทาสภิกขุ
จากเรื่อง ศีลธรรมกับคน
ปีที่แต่ง –
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/กลอนสุภาพ
ศีลธรรมเลว คนก็ได้ กลายเป็นผี
หาความดี ไม่ประจักษ์ สักเส้นขน
ศีลธรรมดี ผีก็ได้ กลายเป็นคน
ที่เลิศล้น ภูมิใจ ไหว้ตัวเอง
ศีลธรรมต่ำ เปลี่ยนคน จนคล้ายสัตว์
จะกินกัด โกงกัน ขะมักเขม้น
ศีลธรรมสูง คนสดใส ไม่อลเวง
ล้วนยำเกรง กันและกัน ฉันเพื่อนตาย
กาพย์ยานี ๑๑
ผู้แต่ง คือ สุนทรภู่
จากเรื่อง พระไชยสุริยา
ปีที่แต่ง รัชกาลที่ ๓ (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/กาพย์ยานี
ขึ้นกกตกทุกข์ยาก แสนลำบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม้ได้เป็นแรง
พระสุริยงเย็นยอแสง
รอนรอนอ่อนอัสดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
ช่วยดังน้ำครั่งแดง
๑๖
ร่าย
ผู้แต่ง คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์
จากเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย (ตอน ๓ พระมหาอุปราชายก
ทัพเข้าเมืองกาญจนบุรี)
ปีที่แต่ง (ไม่แน่ชัด)
ที่มา https://th.wikisource.org/wiki/ลิลิตตะเลงพ่าย
เมื่อนั้นเจ้าธานินทร์ บุรินทรศักดิ์สีมา ทุกบุราราช
อาณาเขต ประเทศนครสิงห์สรรค์ ศรีสุพรรณทุกภาย
เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดง
ป่าดง แล้วก็ลงลักษณ์ข่าวสาร ส่งอาการเหตุห้าว มา
บังคมทูลท้าว ธิราชผู้ผ่านถวัลย์ แลนา
๑๗
วิเคราะห์สุนทรียศาสตร์
โคลงนิราศนครินทร์
ผู้แต่ง คือ นายนรินทรธิเบศร์ (อิน)
จากเรื่อง นิราศนรินทร์
ปีที่แต่ง รัชกาลที่ ๒ (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัย)
ที่มา https://vajirayana.org/โคลงนิราศนรินทร์/นิราศ
นรินทร์
เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลาdสวรรค์ ฯ
บทประพันธ์นี้มีสุนทรียภาพ คือ เสาวรจนี มีบทชมความ
งามของเจดีย์จำนวนมากที่เรียงรายชิดกัน มองดูช่างงาม
ยิ่งกว่าแสงนพรัตน์
๑๘
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
ผู้แต่ง คือ ชิต บุรทัต
จากเรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์
ปีที่แต่ง พ.ศ. ๒๔๕๗ (ในสมัยรัชกาลที่ ๖)
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/ฉันท์
บงเนื้อก็เนื้อเต้น พิศะเส้นสรีร์รัว
ทั่วร่างและทั่วตัว ก็ระริกระริวไหว
หิตโอ้เลอะหลั่งไป
แลหลังก็หลั่งโล- ตละล้วนระรอยหวาย
เพ่งผาดอนาถใจ
บทประพันธ์นี้มีสุนทรียภาพ คือ การเล่นเสียงสัมผัสสระ
เช่น วรรคที่ ๓ คำว่า ทั่ว - ตัว วรรคที่ ๔ คำว่า ระริก - ระริว
และวรรคที่ ๘ คำว่า ตละ - ระ และการเล่นสัมผัสอักษร
วรรคที่ ๑ คำว่า เนื้อ - เนื้อ วรรคที่ ๓ คำว่า ทั่ว - ทั่ว วรรค
ที่ ๔ คำว่า ระริก – ระริว วรรคที่ ๕ คำว่า หลัง - หลั่ง
๑๙
กลอน ๙
ผู้แต่ง คือ พุทธทาสภิกขุ
จากเรื่อง ศีลธรรมกับคน
ปีที่แต่ง –
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/กลอนสุภาพ
ศีลธรรมเลว คนก็ได้ กลายเป็นผี
หาความดี ไม่ประจักษ์ สักเส้นขน
ศีลธรรมดี ผีก็ได้ กลายเป็นคน
ที่เลิศล้น ภูมิใจ ไหว้ตัวเอง
ศีลธรรมต่ำ เปลี่ยนคน จนคล้ายสัตว์
จะกินกัด โกงกัน ขะมักเขม้น
ศีลธรรมสูง คนสดใส ไม่อลเวง
ล้วนยำเกรง กันและกัน ฉันเพื่อนตาย
บทประพันธ์นี้มีสุนทรียภาพ คือ จากบทประพันธ์ข้างต้นมี
การซ้ำคำต้นของทุกบาท คือ ศีลธรรมเลว ศีลธรรมดี ศีล
ธรรมต่ำ ศีลธรรมสูง โดยมีการเปรียบเทียบว่าถ้าทำสิ่ง
ใดก็จะได้สิ่งนั้นกลับมา
๒๐
กาพย์ยานี ๑๑
ผู้แต่ง คือ สุนทรภู่
จากเรื่อง พระไชยสุริยา
ปีที่แต่ง รัชกาลที่ ๓ (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/กาพย์ยานี
ขึ้นกกตกทุกข์ยาก แสนลำบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม้ได้เป็นแรง
พระสุริยงเย็นยอแสง
รอนรอนอ่อนอัสดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
ช่วยดังน้ำครั่งแดง
บทประพันธ์นี้มีสุนทรียภาพ คือ การเล่นเสียงสัมผัสสระ
วรรคที่ ๑ คำว่า กก - ตก วรรคที่
๒ คำว่า บาก - จาก วรรคที่
๓ คำว่า เผือก – เลือก วรรคที่
๔ คำว่า ไม้ - ได้ วรรคที่
๕ คำว่า รอน - อ่อน และวรรคที่
๘ คำว่า เขา - เงา
และการเล่นสัมผัสอักษร
วรรคที่ ๓ คำว่า เผือก - เผา
วรรคที่ ๕ เป็นการซ้ำคำ คำว่า รอน - รอน
และวรรคที่ ๖ คำว่า ยง - เย็น - ยอ
๒๑
ร่าย
ผู้แต่ง คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์
จากเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย (ตอน ๓ พระมหาอุปราชายก
ทัพเข้าเมืองกาญจนบุรี)
ปีที่แต่ง (ไม่แน่ชัด)
ที่มา https://th.wikisource.org/wiki/ลิลิตตะเลงพ่าย
เมื่อนั้นเจ้าธานินทร์ บุรินทรศักดิ์สีมา ทุกบุราราช
อาณาเขต ประเทศนครสิงห์สรรค์ ศรีสุพรรณทุกภาย
เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดง
ป่าดง แล้วก็ลงลักษณ์ข่าวสาร ส่งอาการเหตุห้าว มา
บังคมทูลท้าว ธิราชผู้ผ่านถวัลย์ แลนา
บทประพันธ์นี้มีสุนทรียภาพ คือ การเล่นเสียงสัมผัสสระ
วรรคที่ ๓ คำว่า รา - อา - ณา วรรคที่ ๗ คำว่า ซอก -
ซ่อน วรรคที่ ๙ คำว่า ข่าว - สาร วรรคที่ ๑๐ คำว่า อา -
การ - ห้าว วรรคที่ ๑๑ คำว่า มา - ท้าว และวรรคที่ ๑๒
คำว่า ราช - ผ่าน
และการเล่นสัมผัสอักษร วรรคที่ ๒ คำว่า ศักดิ์ - สี
วรรคที่ ๓ คำว่า รา - ราช วรรคที่ ๔ คำว่า สิงห์ - สรรค์
วรรคที่ ๕ คำว่า ศรี - สุ วรรคที่ ๖ คำว่า เขา - ขยาย -
ครัว - ครอก วรรคที่ ๗ คำว่า ซอก - ซ่อน - ซุก วรรคที่
๘ คำว่า แดง - ดง วรรคที่ ๙ คำว่า แล้ว – ลง - ลักษณ์
วรรคที่ ๑๐ คำว่า เหตุ - ห้าว วรรคที่ ๑๑ คำว่า ทูล - ท้าว
วรรคที่ ๑๒ คำว่า ผู้ - ผ่าน