The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาษาไทยวรรณคดีและวรรณกรรม ม.4 หน่วย2_อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tasomboon63, 2021-11-09 22:48:47

ภาษาไทยวรรณคดีและวรรณกรรม ม.4 หน่วย2_อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง

ภาษาไทยวรรณคดีและวรรณกรรม ม.4 หน่วย2_อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง

๒หน่วยการเรียนร้ทู ี่
อิเหนา ตอน ศกึ กะหมงั กุหนิง

ตวั ช้วี ัด

• วเิ คราะห์และวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณเ์ บือ้ งตน้
• วิเคราะหล์ กั ษณะเดน่ ของวรรณคดีเชื่อมโยงกบั การเรยี นรู้ทางประวตั ศิ าสตร์และวิถชี วี ติ ของสังคมในอดตี
• วิเคราะห์และประเมนิ คุณค่าดา้ นวรรณศิลปข์ องวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะทเ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
• สงั เคราะหข์ ้อคดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมเพอื่ นาไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตจรงิ
• ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามทีก่ าหนดและบทร้อยกรองทมี่ คี ณุ คา่ ตามความสนใจและนาไปใช้อา้ งอิง

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๒ อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นิง

ความสาคญั บทวิเคราะห์

ความเปน็ มา คุณคา่ ดา้ นเน้ือหา
ผู้แตง่ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
ผลงาน คณุ ค่าดา้ นวฒั นธรรมการแตง่ กาย

ตัวละครและเรอ่ื งราว

ตัวละคร
เร่อื งราว

อิเหนา

ตอน ศกึ กะหมงั กหุ นิง

เธอคดิ ว่าการคลุมถุงชน ผใู้ หญ่ก็ตอ้ งเลอื กสงิ่ ที่ดที ส่ี ดุ
มันดีกับเราแลว้ เหรอ ใหเ้ ราอยู่แล้วสิ

แลว้ ถา้ เราไม่สนล่ะ

ลองคยุ ดกู อ่ นไหม

คดิ อย่างไรกับสถานการณ์น้ี

ความสาคญั ของวรรณคดี

ความเป็นมาของอเิ หนา นางกานัลชาวปัตตานเี ลา่ ให้ เจา้ ฟ้าทงั้ สองพระองค์ตา่ งกท็ รงนพิ นธ์
พระราชธดิ าสองพระองค์ เปน็ บทละคร กลายเปน็ 2 สานวนท่มี ัก
เดิมเป็นนทิ านท่ีได้รับความนยิ ม ในสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศฟงั เรียกกันวา่ อเิ หนาเล็ก กบั อิเหนาใหญ่
จากชาวชวา มชี อื่ เรียกขานว่า
นทิ านปนั หยี แต่งเพอ่ื ยกยอ่ ง

กษัตริยไ์ อรลังคะ

พระบาทสมเด็จ พระบาทสมเด็จ สมัยกรงุ ธนบุรี เจ้าพระยาพระคลงั (หน) สมเด็จพระเจา้ อยู่หัว
พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช นาอิเหนาเลก็ มาแต่งเปน็ อเิ หนาคาฉันท์ บรมโกศโปรดเกล้าฯ
พระราชนพิ นธบ์ ทละคร เพราะตน้ ฉบับบางส่วนหายไปชว่ งเสียกรงุ ฯ ให้นามาเลน่ เป็นละครใน
เรอ่ื งอิเหนาข้นึ ใหม่ท้งั หมด พระราชนพิ นธซ์ อ่ มแซม
เฉพาะตอนทข่ี าดหาย

ประวัติผ้แู ตง่ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลัย

พระมหากษตั รยิ ์รชั กาลที่ ๒ แหง่ ราชวงศจ์ กั รี
(พ.ศ. ๒๓๑๐ - พ.ศ. ๒๓๖๗)

พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช
กับสมเดจ็ พระอมรินทรามาตยบ์ รมราชนิ ี

ทรงพระปรีชาสามารถหลายด้าน ทัง้ การรบ การปกครอง การบริหาร ศิลปนิ กวี และชา่ ง

ทรงสรา้ งสัมพนั ธไมตรีกับประเทศเพ่อื นบา้ นด้วยการแตง่ ราชฑตู ไปเจรญิ สัมพนั ธไมตรี
กบั จนี และผูกมติ รกับตะวันตกทง้ั องั กฤษและโปรตุเกส

ทรงทานุบารงุ พระศาสนาโดยรวบรวมนกั ปราชญร์ าชบณั ฑิตแตง่ มหาชาตคิ าหลวง
ทส่ี ูญหายไปจนครบ ๑๓ กัณฑ์

ทรงทานุบารงุ ศิลปะทุกประเภท ท้ังวรรณคดี นาฏศลิ ป์ และศิลปกรรม

ทรงพระราชนพิ นธบ์ ทเพลง คือ เพลงพระสบุ ิน หรอื เพลงบุหลันลอยเล่อื น

ฝพี ระหตั ถ์ในงานช่างแกะสลักบานประตวู หิ ารวดั สุทศั นเทพวราราม พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั

บทพระราชนิพนธ์ • ไชยเชษฐ์
• คาวี
บทพระราชนพิ นธ์ • มณีพชิ ยั
ที่เป็นบทละครเรือ่ งอนื่ ๆ เช่น • ไกรทอง
• สังข์ทอง
• สังขศ์ ิลป์ชัย

สาเหตทุ ี่พระราชนพิ นธเ์ รื่องอเิ หนาใหม่

ฉบับกรงุ เกา่ กับฉบบั รชั กาลท่ี ๑
เนอื้ หาเขา้ กนั ไมส่ นทิ

คงเนอ้ื หาเดิม ปรับให้กระชับ
สอดคลอ้ งกบั ท่ารา

ฉนั ทลกั ษณก์ ลอนบทละคร

ขึ้นตน้ ว่าเม่อื นน้ั ◊◊◊◊◊◊◊◊
◊◊◊◊◊◊◊◊ ◊◊◊◊◊◊◊◊
◊◊◊◊◊◊◊◊ ◊◊◊◊◊◊◊◊
◊◊◊◊◊◊◊◊ ◊◊◊◊◊◊◊◊

ฉนั ทลักษณก์ ลอนบทละคร

บทแรก ⦾ เมื่อนน้ั ระเด่นมนตรีชาญสนาม

พระกรกรายฉายกริชตดิ ตาม ไม่เข็ดขามคร้ามถอยคอยรับ สมั ผสั
ระหว่างบท
หลบหลีกไววอ่ งปอ้ งกนั ผดั ผนั หนั ออกกลอกกลับ

ปะทะแทงแสร้งทาสาทับ ยา่ งกระหยับรุกไลม่ ิได้ยงั้

บทตอ่ ๆ ไป

ฯ ๔ คา ฯ เชดิ

ตัวละคร

เผ่าพงศ์วงศ์อสญั แดหวา ตัวละครอน่ื ๆ ในตอน ศึกกะหมงั กหุ นงิ

บิดา โอรส

ทา้ วกเุ รปัน ท้าวดาหา ท้าวกาหลงั ท้าวสงิ หดั สา่ หรี

ประไหมสุหรี ท้าวกะหมังกุหนิง วหิ ยาสะกา สังคามาระตา
บิดา ธิดา
ประไหมสุหรี ลิกู ประไหมสุหรี ประไหมสุหรี ลกิ ู

อิเหนา วยิ ะดา กะหรดั ตะปาตี บุษบา สยี ะตรา สะการะหนึ่งหรดั บุษบารากา สหุ รานากง ระตูหมนั หยา จินตะหราวาตี ระตจู รกา

อเิ หนา บุษบา

โอรสของท้าวกเุ รปันและประไหม ธิดาของทา้ วดาหา และประไหม
สหุ รีนหิ ลาอระตา แห่งกรุงกุเรปัน สหุ รดี าหราวตี แห่งกรุงดาหา

รปู งามมีเสนห่ ์ เจรจาอ่อนหวาน งามเลศิ กว่านางใดในชวา
นสิ ยั เจ้าชู้ เชีย่ วชาญการใช้กริช มีกิรยิ ามารยาทเรยี บร้อย
และกระบ่ี คารมคมคาย เฉลียวฉลาดทันคน
ใจกว้าง และมเี หตุผล
เป็นคตู่ นุ าหงนั กับบษุ บา
แต่ปฏเิ สธการอภิเษก เพราะหลง เปน็ คตู่ นุ าหงนั กับอิเหนา เพราะ
นางจนิ ตะหราวาตี พระบดิ าหม้ันหมายไวต้ ง้ั แต่เด็ก

ออกรบในศกึ กะหมังกุหนิง เปน็ ลูกที่ดอี ยูใ่ นโอวาท
เพือ่ ปกปอ้ งบษุ บาจากการลักพาตวั ของพระบดิ า พระมารดา

ทา้ วกะหมังกหุ นงิ วิหยาสะกา

ผ้คู รองเมืองกะหมังกหุ นิง โอรสของท้าวกะหมงั กุหนิง ซึง่ เกดิ
มโี อรสช่อื วิหยาสะกา จากประไหมสุหรี

รักลกู มาก เมอ่ื ทราบวา่ วิหยาสะกา เป็นหนุ่มรูปงาม ผิวพรรณผดุ ผ่อง
หลงบุษบา กแ็ ต่งทตู ไปสู่ขอให้ มีฝีมือในการใชท้ วน

มุ่งมน่ั เดด็ เดีย่ ว เม่อื ถกู ท้าวดาหา มีจิตใจอ่อนไหว เพยี งแคเ่ ห็นรปู วาด
ปฏเิ สธ ไม่ยกบษุ บาให้ ก็ยกทัพไป ของบุษบา ก็ทาให้วิหยาสะกาคล่ังไคล้
ตีกรุงดาหาเพื่อแย่งมา ใครทัดทาน ใหลหลงจนกนิ ไม่ได้นอนไม่หลับ
ก็ไม่ยอม

สงั คามาระตา จนิ ตะหราวาตี ระตหู มนั หยา

น้องชายของมาหยารศั มี ธิดาของระตูหมนั หยา โอรสทา้ วมังกัน
รูปโฉมงดงาม ภายหลังได้ครอง
เป็นหนุ่มรปู งาม เปน็ ภรรยาของอิเหนา เมืองหมันหยา
มีความเฉลยี วฉลาด รอบคอบ แม้จะมคี วามเจ้าแง่แสนงอน เปน็ บดิ าของจนิ ตะหรา
แกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ เก่ง แตก่ ็เปน็ คนมีเหตุผล มจี ติ ใจออ่ นแอ
กล้าหาญ และซอ่ื สัตย์ ไม่มคี วามเปน็ นกั สู้

ชานาญในการใช้ทวนเป็นอาวุธ

เปน็ คคู่ ิดคปู่ รกึ ษาของอเิ หนา
รวมถึงศึกกะหมงั กหุ นิง

ทา้ วดาหา ทา้ วกุเรปนั ระตูจรกา

กษัตริยผ์ ู้ครองกรงุ ดาหา เปน็ กษตั ริยค์ รอง เป็นเจา้ เมืองจรกา
มีประไหมสุหรีช่อื ดาหราวตี เมืองกเุ รปนั
มโี อรสและธิดาคอื บษุ บา มโี อรสและธิดากับ รูปร่างหนา้ ตาขรี้ ิ้วข้เี หร่
กับสยี ะตรา ประไหมสหุ รี คอื อเิ หนา ผมหยกิ ผวิ คล้าขรขุ ระ
และวยิ ะดา
รกั ษาสจั จะ และรอบคอบ อยากมชี ายาสวย
ปฏิเสธทา้ วกะหมังกหุ นิงที่มา เป็นผ้สู ่งสาร จึงให้ชา่ งเขียนแอบไป
สขู่ อบษุ บาให้วิหยาสะกา ให้อเิ หนายกทพั วาดภาพสาวงาม
เพราะยกบษุ บาให้ ไปชว่ ยในศึก ตามท่ตี า่ งๆ และ
จรกาแลว้ จนเกิดเปน็ ศกึ กะหมงั กหุ นงิ เป็นผ้สู ู่ขอบษุ บามา
กะหมังกุหนงิ แตก่ ็ส่งสาร เปน็ พระชายา
ขอความช่วยเหลือจากพีช่ าย

ศึกกะหมงั กหุ นงิ

จอมทพั จอมทพั

เมอื งกะหมังกหุ นงิ ทา้ วกะหมังกหุ นิง อเิ หนา เมอื งดาหา
ทพั หน้า ทพั หน้า เมืองหมันหยา

เมืองปาหยัง วิหยาสะกา สงั คามาระตา เมอื งกุเรปนั
เมืองปะหมนั ทัพหลงั ทัพหลัง

และหวั เมืองอ่ืนๆ ระตปู าหยงั กะหรัดตะปาตี เมืองกาหลัง
ระตูประหมัน สหุ รานากง เมอื งสงิ หห์ ัดสา่ หรี

ระเดน่ ดาหยน

อเิ หนา ตอน ศึกกะหมังกุหนงิ

คณุ ค่าดา้ นเนื้อหา

...จงสร่างส้ินกนิ แหนงแคลงใจ ที่ในบษุ บามารศรี
พส่ี ลดั ตดั ใจไม่ไยดี มิไดม้ ปี รารถนาอาลยั
จรกาจึงได้มาว่าขาน กาหนดนดั ทางานการใหญ่
พอกะหมงั กหุ นงิ รไู้ ป กซ็ ้าใหม้ ากล่าวกัลยา
ครน้ั ขอนางมิได้ดังใจจง จึงเกดิ การรณรงค์ในดาหา
เพราะแหนหวงช่วงชิงวนิดา ใชว่ า่ นางเปล่าอยเู่ มอ่ื ไร...

อิเหนา ตอนศกึ กะหมังกุหนงิ : พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั

ลองทายวา่ เหตกุ ารณใ์ นตอนนีเ้ ป็นอย่างไร

ถา่ ยทอดปมขดั แยง้ ของเรอ่ื งได้อย่างลงตัว พจ...รสี่จกลงาสดั จรตงึ า่ ดัไงดใสจ้ม้ินไามกว่ไนิ ่ายแขดหาี นน๑งแ๒คลงใจ ท่ใี นบษุ บามารศรี
มไิ ดม้ ีปรารถนาอาลัย
ใช้การเล่าเรือ่ งใน ๔ ประเดน็ หลักของ พอกะหมังกุหนิงร้ไู ป ๓ กาหนดนดั ทางานการใหญ่
เร่อื งผา่ นตวั ละคร มีจงั หวะเวลาท่ี คร้ันขอนางมไิ ด้ดังใจจง ก็ซา้ ใหม้ ากลา่ วกัลยา
เหมาะสม ทาให้มคี วามลงตัว เพราะแหนหวงชว่ งชงิ วนดิ า ๔ จงึ เกิดการรณรงคใ์ นดาหา
ใช่ว่านางเปลา่ อยเู่ มื่อไร...
๑. เพราะอเิ หนาปฏเิ สธการอภเิ ษกกับบุษบา
๒. ทา้ วดาหายกบษุ บาให้จรกา
๓. เม่อื ท้าวกะหมงั กหุ นงิ ไปขอ จงึ ถูกปฏเิ สธ
๔. เมื่อถูกปฏเิ สธกจ็ ะบกุ ไปชงิ ตวั มา

อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นิง : พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั

คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์

จงึ ชักม่านทองท้ังสท่ี ิศ ดังจะปดิ บังแสงสุริยศ์ รี
ลมหวนอวลกลิน่ สมุ าลี เหมอื นกลิ่นผ้ายาหยีซึ่งเปลี่ยนมา
แว่วเสียงสาเนยี งบหุ รงร้อง วา่ เสียงสามน่มิ นอ้ งเสน่หา
พระแย้มเยย่ี มมา่ นทองทัศนา เห็นแตป่ า่ พุม่ ไม้ใบบงั
เอนองคล์ งองิ พงิ เขนย กรเกยกา่ ยพกั ตรถ์ วลิ หวัง
รสรกั ร้อนรนพ้นกาลัง ชลนัยนไ์ หลหลั่งลงพรัง่ พราย

อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กุหนิง : พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั

อ่านแลว้ รสู้ ึกอยา่ งไร

ใชพ้ รรณนาโวหาร จงึ ชกั ม่านทองทัง้ ส่ีทศิ ดงั จะปดิ บงั แสงสุริยศ์ รี
ลมหวนอวลกลิ่นสุมาลี เหมอื นกลิน่ ผา้ ยาหยีซึง่ เปลี่ยนมา
ใชค้ าเปรียบเทียบอุปมาอุปไมย เพอ่ื ให้ แว่วเสยี งสาเนียงบหุ รงร้อง ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา
รู้สกึ ซาบซง้ึ ตามอารมณ์ของตวั ละคร พระแย้มเย่ียมม่านทองทัศนา เหน็ แต่ป่าพมุ่ ไมใ้ บบัง
โดยใชค้ าเชือ่ มเช่น ...เหมือน... ...วา่ ... เอนองคล์ งอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพกั ตร์ถวลิ หวัง
รสรกั ร้อนรนพน้ กาลัง ชลนัยนไ์ หลหลัง่ ลงพร่ังพราย
เปรยี บกลิ่นหอมของดอกไม้กบั กลนิ่ ผ้า
ทช่ี ายาน่งุ หม่ ใหมๆ่
เปรยี บเสียงนกร้องกบั เสยี งพดู คุย
ของชายาท้ังสาม

อเิ หนา ตอนศึกกะหมังกหุ นิง : พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลัย

คุณค่าด้านวฒั นธรรม

โทน กิดาหยนั ถวายพานเคร่อื งตน้

๏ หา้ องค์ชาระสระสนาน

บรรจงทรงทาพระสคุ นธ์ ปรงุ ปนเกสรสุมาลี

สอดใสส่ นับเพลาภษู าทรง ฉลององคโ์ หมดตาดตา่ งสี

เจียระบาดคาดรดั รจู ี ป้ันเหน่งเพชรพลอยมณหี นนุ ซบั

ทรงมหาสังวาลพชิ ยั ยุทธ์ ชมพูนทุ เฟื่องห้อยพลอยประดับ

ทองกรแกว้ พกุ ามวามวบั ธามรงค์รุง้ ระยับจับตา

ทรงมงกฎุ กุณฑลทัดตรัสเตรจ็ อบุ ะเพชรแพร้วพรายพระเวหา

เหน็บกรชิ ฤทธิไกรแลว้ ไคลคลา เสดจ็ มายังเกยแกว้ มณี

ฯ ๖ คา ฯ เสมอ

อิเหนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นิง : พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั

อา่ นแลว้ คิดว่ามีการแตง่ กายในลักษณะอย่างไร

โทน กิดาหยนั ถวายพานเคร่ืองตน้

๏ ห้าองคช์ าระสระสนาน

วฒั นธรรมการแตง่ กาย บรรจงทรงทาพระสุคนธ์ ปรงุ ปนเกสรสุมาลี

พรรณนาถึงการแตง่ กายไปรบของอเิ หนาและ สอดใส่สนบั เพลาภูษาทรง ฉลององค์โหมดตาดตา่ งสี
อนุชา ซงึ่ ผสมผสานระหว่างชุดราตวั พระ
กบั วัฒนธรรมชวา เจยี ระบาดคาดรัดรจู ี ป้นั เหน่งเพชรพลอยมณีหนนุ ซับ

เครือ่ งต้น เครือ่ งแตง่ กายสาหรับกษตั ริย์ ทรงมหาสงั วาลพชิ ยั ยทุ ธ์ ชมพนู ุทเฟือ่ งหอ้ ยพลอยประดบั
สนบั เพลา กางเกงแบบยาวถึงระดับแข้ง
ปัน้ เหนง่ เข็มขดั ทม่ี หี วั ประดับดว้ ยอัญมณี ทองกรแก้วพุกามวามวบั ธามรงค์รงุ้ ระยบั จับตา
ทองกร กาไลขอ้ มือทม่ี ีลักษณะเปน็ แผง
อบุ ะ พวงดอกไม้ทห่ี ้อยทดั ใบหูขวา ทรงมงกุฎกุณฑลทัดตรัสเตรจ็ อบุ ะเพชรแพรว้ พรายพระเวหา
กรชิ เปน็ เคร่อื งประดับและอาวุธแบบชวา
เหน็บกรชิ ฤทธิไกรแล้วไคลคลา เสดจ็ มายงั เกยแก้วมณี

ฯ ๖ คา ฯ เสมอ

อิเหนา ตอนศึกกะหมังกหุ นิง : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลยั

ตวั ละคร สรุปบทเรยี น ส่ิงที่ได้

อเิ หนา บุษบา เรือ่ ง กลอนบทละคร รักทีแ่ ท้
จนิ ตะหรา จรกา ต้องไม่หวังครอบครอง
อเิ หนา สังคามาระตา ท้าวกุเรปนั อิเหนาปฏิเสธบุษบา
เวลาตดั สินใจ
ตอน ศกึ กะหมงั กหุ นิง ขนึ้ ตน้ ด้วย ตอ้ งคิดใหร้ อบคอบ
เม่ือนั้น บดั นั้น
ท้าวดาหายกบุษบาใหจ้ รกา ชาวชวาคอื ชาวอนิ โดนีเซยี
ส่วนใหญใ่ นปจั จบุ ัน
ท้าวกะหมงั กหุ นงิ ขอบษุ บา กลอน ๘
ใหว้ หิ ยาสะกาแต่ถกู ปฏิเสธ พระราชนิพนธ์โดย
รชั กาลท่ี ๒
ท้าวหมนั หยา ท้าวดาหา ท้าวกะหมงั กุหนิงยกทัพ
ไปตเี มอื งชงิ ตวั

วหิ ยาสะกา ทา้ วกะหมัง สังคามาระตาสงั หาร
กหุ นิง วหิ ยาสะกา อเิ หนาสงั หาร

ทา้ วกะหมงั กหุ นิง


Click to View FlipBook Version