The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการเรียนรู้ บทที่ ๖

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by amnat254000, 2022-05-20 02:25:14

หน่วยที่6

แผนการเรียนรู้ บทที่ ๖

แผนการจดั การเรียนรู้ 168
รหสั วิชา 20100-1002 วชิ าวัสดชุ า่ งอตุ สาหกรรม ท2ป0น2
ชือ่ หนว่ ย..บทที่ 6 วสั ดุก่อสรา้ ง พส.8
หนว่ ยที่ 6
เรอ่ื ง วัสดุก่อสรา้ ง เวลารวม 2 ชม.
สปั ดาห์ 13/18

จานวน 2 ชม.

1. สาระสาคญั
จากทไี่ ด้กลา่ วมาแล้ววา่ เราสามารถนาวัสดุต่างๆ ทอี่ ย่รู อบๆตัวเรามาใช้งาน ซึ่งบางชนิดเป็นวัสดุได้มาจาก

วัสดธุ รรมชาติ บางชนิดได้มาจากวัสดุสังเคราะห์ เราควรได้ศึกษาถงึ คณุ สมบตั ติ ่างๆ ของวัสดุนน้ั ๆ เพอ่ื ได้นามาใช้งาน
ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพตอ่ ไป

2. สมรรถนะประจาหนว่ ย
1. จาแนกชนดิ ของวสั ดกุ ่อสรา้ งทว่ั ไปได้
2. บอกวัสดุกอ่ สร้างมงุ หลงั คาได้
3 บอกวสั ดกุ ่อสรา้ งปพู น้ื

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจขบวนการเรยี นการสอนวสั ดเุ ช้ือเพลงิ วัสดุก่อสรา้ งได้อยา่ งถกู ตอ้ ง

4. สาระการเรยี นรู้
1. ชนิดของวัสดุกอ่ สรา้ ง
ชนิดของวัสดุกอ่ สร้าง

วัสดกุ ่อสร้างที่ใชใ้ นงานอตุ สาหกรรมถือว่าเปน็ ปจั จยั ทสี่ าคญั ของมนษุ ยท์ ตี่ อ้ งการอยมู่ าก ได้แก่ ไม้
สังกะสี กระเบอื้ งตา่ งๆ

1. วัสดุกอ่ สรา้ งท่วั ไป ไดแ้ ก่ ไม้ ไมอ้ ดั ทราย กรวด คอนกรีด ปูนก่อ และปูนฉาบปูนขาว

2. วสั ดุกอ่ สรา้ งมงุ หลังคา ไดแ้ ก่ สงั กะสี กระเบ้อื งมุงหลงั ค่าตา่ งๆ
3. วสั ดุก่อสรา้ งปูพน้ื ไดแ้ ก่ หนิ ขัด ปาเก้ กระเบ้อื งปพู นื้ ต่างๆ หนิ อ่อน
2. ชนิดของไม้

จาแนกของไม้
1. ไมเ้ น้อื แข็ง คอื ไมท้ ม่ี คี ่าความแข็งในการตดั ไดส้ งู กว่า 1,000 กโิ ลกรัม ตอ่ ตารางเซนตเิ มตร มีความ

ทนทานตามธรรมชาตเิ กิน 6 ปี มีอยู่ประมาณ 10 ชนิด ไดแ้ ก่ ไมเ้ ต็ง ไม้รัง ไม้แดง ไม้ตะเคียงทอง

ไมต่ ะแบก ไม้สกั ไม้เคีย่ ม ไมม้ ะคา่ ไมป้ ระดู่
2. ไมเ้ น้ือแข็งปานกลาง สามารถทนแรงตัดได้ 600-1,000 กิโลกรัม ต่อตารางเซนติเมตร มีความ

ทนทานตามธรรมชาติ 2-6 ปี มอี ยู่ประมาณ 6 ชนดิ ได้แก่ ไมย้ าง ไม้กระบาก ไม้ชมุ แพรก

ไม้นนิ ทรี ไมม้ ะมว่ งปุา ไมก้ ระทอ้ น

169

3. ลักษณะและประเภทของปูนซิเมนต์
ปูนซเิ มนตผ์ ลิตได้ครงั้ แรกทเี่ มืองปอรแ์ ลนด์ ประเทศอังกฤษ โดยการนาดนิ เหนยี วมาผสมหินปูน นาไป
เผาใหร้ อ้ นจัดเตมิ ยบิ ซม่ั แลว้ บดใหเ้ ป็นผงละเอียด โดยเม่ือผสมทรายหอน และนา้ ในปรมิ าณ ทเี่ หมาะสมจะจบั ตัวกัน
เปน็ ของแขง็ เช่น คอนกรดี ปนู ฉาบ ปูนก่อ

5.การออกแบบการจัดการเรยี นรู้
การจดั การเรียนรู้โดยกระบวนการกลมุ่ (Group Process)

6. กิจกรรมการเรียนรู้
6.1 ขั้นนา

เป็นการสรา้ งบรรยากาศและสมาธขิ องผู้เรยี นใหม้ คี วามพร้อมในการเรยี นการสอน การจัดสถานท่ี การแบง่ นักเรยี น
ออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ย แนะนาวธิ ดี าเนนิ การสอน กตกิ าหรือกฎเกณฑ์การทางาน ระยะเวลาการทางาน

6.2 ขั้นสอน
เปน็ ขัน้ ท่คี รลู งมอื สอนโดยให้นกั เรยี นลงมือปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็ กลมุ่ ๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ ประสบการณต์ รง โดยที่กจิ กรรมต่าง
ๆ จะต้องคัดเลือกใหเ้ หมาะสมกับเนอ้ื เรือ่ งในบทเรียน เชน่ กจิ กรรม เกมและเพลง บทบาทสมมติ สถานการณจ์ าลอง
การอภปิ รายกลมุ่ เป็นต้น

6.3 ขนั้ สรุป
นักเรยี นสรปุ รวบรวมความคดิ ใหเ้ ปน็ หมวดหมู่ โดยครกู ระตนุ้ ใหแ้ นวทางและหาขอ้ สรปุ จากนนั้ นาขอ้ สรปุ ทค่ี น้ พบ
จากเน้อื หาวชิ าที่เรียนไปประยกุ ตใ์ ช้ใหเ้ ขา้ กบั ตนเองและนาหลักการทไ่ี ดไ้ ปใช้เพ่ือการปรับปรุงตนเอง ประยกุ ตใ์ ชใ้ ห้
เขา้ กบั คนอืน่ ประยุกตเ์ พอื่ แกป้ ญั หาและสร้างสรรค์สงิ่ ทเี่ กิดประโยชนต์ อ่ สงั คม ชุมชน และดารงชวี ิตประจาวนั เช่น
การปรับปรงุ บุคลกิ ภาพ เกิดความเหน็ อกเหน็ ใจ เคารพสทิ ธขิ องผู้อน่ื แก้ปญั หา ประดษิ ฐส์ ง่ิ ใหม่ เป็นตน้
8. คณุ ธรรม จริยธรรมประจาหนว่ ย

นกั เรยี นมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ีไดร้ บั ทาใหง้ านสาเรจ็ ลุลว่ ง และมคี วามตรงต่อเสลาการการเขา้ เรียนตาม
เวลาทก่ี าหนด

9. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
พาวเวอรพ์ ้อยท์ เรอื่ ง วัสดุก่อสร้าง
ใบความรู้ เรอื่ ง วัสดกุ ่อสรา้ ง
วดิ โี อ เร่อื ง วัสดุกอ่ สรา้ ง
10. การวดั ผลและประเมินผล
แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน เร่อื ง วสั ดกุ ่อสร้าง
แบบทดสอบก่อนเรยี น เรอื่ ง วัสดกุ อ่ สร้าง
แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง วสั ดุก่อสรา้ ง

170

11. หลักฐานการเรียนรู้
7.1 เอกสารประกอบการสอนฯ บทท1ี่ วสั ดุอตุ สาหกรรม
7.2 แบบฝึกหดั ที่ 1
7.3 เฉลยแบบฝึกหดั ที่ 1
7.4 แบบทดสอบ
7.5 เฉลยแบบทดสอบ

12. เอกสารอา้ งองิ
9.1 หนงั สือเรยี น วสั ดุชา่ งอตุ สาหกรรม สานักพิมพเ์ อมพันธ์ จากดั
9.2 หนงั สือเรยี น วสั ดชุ ่างอตุ สาหกรรม สานกั พิมพจ์ คิ รวัฒน์
9.3 หนงั สอื เรยี น วัสดชุ า่ งอุตสาหกรรม สานกั พิมพแ์ วน่ แก้ว แอด็ ดูเทนเม้นท์ จากัด
9.4 หนงั สอื เรียน วัสดชุ ่างอตุ สาหกรรม สานกั พิมพศ์ นู ยส์ ่งเสรมิ อาชวี ะ

171

พส.11
บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้
รหัสวชิ า...........................ช่อื วชิ า.........................................................................................ระดบั ชนั้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............................................................................................สปั ดาหท์ ่ี..........วันทีส่ อน..............................................
หนว่ ยท.่ี ...........ชื่อหน่วย......................................................................................................................จานวน................ชว่ั โมง
จานวนผู้เรียน..........................คน มาเรยี น........................คน ขาดเรียน.........คน ลาปุวย.........คน ลากจิ ..........คน

1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปญั หาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………

ลงช่ือ.......................................................ครผู สู้ อน
(............................................................)
........../................/............

ความเหน็ ................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชอื่ ...............................................หวั หนา้ แผนกวิชา ลงชื่อ............................................รองผอู้ านวยการฝาุ ยวิชาการ
(............................................................) (นางสาวนิศากร เจริญด)ี
............/................../............
............/................../............

ความเหน็ ผู้อานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงชื่อ...........................................
(นางสาวสมุ นี า แดงใจ)

ผอู้ านวยการวิทยาลัยการอาชพี นครปฐม
............/................../............

172
พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวิชา…20100 – 1002….วชิ า………………วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม………………………………

ชอื่ หน่วย บทท่ี 6 วสั ดุกอ่ สรา้ ง

เร่ือง วัสดุกอ่ สรา้ ง จานวนชัว่ โมงสอน........2........

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ รายการเรียนรู้

- จดุ ประสงคท์ วั่ ไป 1. จาแนกชนิดของวสั ดุกอ่ สรา้ งทัว่ ไปได้
นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจขบวนการเรยี นการสอน 2. บอกวัสดุกอ่ สรา้ งมงุ หลงั คาได้
3 บอกวสั ดุกอ่ สรา้ งปูพื้น
วัสดุกอ่ สร้าง
- จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1 ชนิดวัสดกุ ่อสรา้ งทัว่ ไป
2. วัสดุก่อสรา้ งทวั่ ไป
3 วสั ดกุ อ่ สร้างมงุ หลงั คา
4 วัสดกุ ่อสรา้ งปพู ้นื

เน้อื หาสาระ
ปัจจุบนั สงิ่ ก่อสร้างต่าง ๆ ทเี่ กิดข้ึนด้วยฝมี อื มนษุ ยเ์ ราทุกวนั นี้ถูกสรา้ งขน้ึ มาเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของ

มนษุ ยเ์ ปน็ จานวนมากพรอ้ มอานวยความสะดวกสบาย เทคโนโลยีทท่ี นั สมยั ซ่งึ นบั ได้ว่าเปน็ ความจาเป็นพ้ืนฐานท่ี

มนุษย์เราจะขาดไม่ได้นั่นคือ ทอ่ี ยอู่ าศัย เคร่อื งนุง่ หม่ ฯ
11.1 ความหมาย

ส่ิงก่อสร้างตา่ ง ๆไดถ้ กู ออกแบบในลกั ษณะ รูปรา่ ง ขนาด และรปู แบบทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป ทง้ั นีข้ ้นึ อยู่

กับความต้องการของผอู้ ยผู่ ู้อาศยั รูปแบบที่ทนั สมัยอยตู่ ลอดเวลา รปู แบบทสี่ วยงามและราคาทเ่ี หมาะสม
ส่ิงกอ่ สรา้ งเหลา่ นีไ้ ด้ถกู สรา้ งข้นึ โดยวัสดุก่อสร้างหลายชนดิ เช่น เหล็ก ไม้ ฯ ดังน้นั เราจึงจาเป็นจะ้ องมี
การศึกษาถึงวสั ดุก่อสร้างเพอื่ เปน็ พน้ื ฐานในการนาไปใชง้ านและศกึ ษาตอ่ ในระดบั สงู ตอ่ ไป

วสั ดกุ อ่ สรา้ ง งานช่างทสี่ าคัญสาคญั อีกประการหน่ึงกค็ ืองานกอ่ สร้าง วสั ดุท่ีใชใ้ นงานก่อสร้างไดถ้ ูกผลติ
ขึ้นมาเป็นจานวนมากเพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการของมนษุ ย์ ดังนน้ั จงึ มคี วามจาเป็นทจี ะตอ้ งศึกษาถงึ วสั ดุ
ก่อสร้างเหล่านี้

11.2 ชนิดวสั ดุก่อสรา้ ง
เน่อื งจากวัสดกุ อ่ สรา้ งมเี ป็นจานวนมาก จึงแบง่ ประเภทออกเป็น 3 ประเภท คอื
1. วสั ดกุ ่อสรา้ งทวั่ ไป ไดแ้ ก่ ไม,้ หิน, ทราย, กรวด, อฐิ , คอนกรีต, ปูนซเี มนต์

2. วัสดมุ ุงหลงั คา ได้แก่ สงั กะสี, กระเบอื้ งมงุ หลงั คา
3. วสั ดปุ พู ้ืน ไดแ้ ก่ ปาเก้, กระเบื้องปูพ้ืน
11.2.1 ปนู ซีเมนต์ ( Cement )

ปนู ซเี มนต์ผลติ ได้ครง้ั แรกทเี่ มอื งปอรต์ แลน ประเทศองั กฤษ โดยการนาดนิ เหนียวมาผสม
หินปนู กนั แลว้ นาไปเผาใหร้ อ้ นจัดเตมิ ยปิ ซมั่ แล้วบดให้เปน็ ผงละเอยี ด โดยเมื่อผสมทราย หนิ และนา้
ในปริมาณ ท่ีเหมาะสมจะจบั ตัวกันเป็นของแข็ง เช่น คอนกรตี ปนู ฉาบ ปนู ก่อ

173

ปนู ซีเมนต์ แบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ คอื
1. ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลน ( Portland Cement )
2. ปนู ซเี มนตธ์ รรมชาติ ( Natural Cement )
3. ปนู ซเี มนตป์ สั โซลาน ( Puzzolan Cement )
4. ปูนซเี มนตอ์ ลมู นิ สั ( Aluminous Cement )
5. ปูนซเี มนตซ์ ลิ กิ า ( Silica Cement )

กรรมวิธกี ารผลิต
วัตถดุ ิบในการผลิตซีเมนตจ์ ะใชป้ นู ขาวเปน็ วัตถดุ บิ หลกั ของซีเมนต์ จากดนิ เหนียวจะเกดิ เปน็ ซลิ ิคอนได

ออกไซด์ อลมู เิ นยี มออกไซด์และเหลก็ ออกไซด์ ( Fe2O3 ) ซ่งึ เรียกวา่ ไฮดรอลิกแฟก

ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนต์ ( Portland Cement )
เป็นปูนซีเมนต์ทม่ี ลี กั ษณะพเิ ศษ คอื แข็งตวั ในนา้ ได้ ปูนซเี มนต์ชนิดนี้ทาจากการเผาส่วนผสมซงึ่ ส่วน
ใหญ่เปน็ ปนู ขาว, ดินเหนยี ว ซ่งึ มีซลิ กิ า, อลมู นิ า, และเหลก็ ออกไซด์อยู่ จนกลายเป็นปูนเม็ด จากน้ันนาไปบด
ให้ละเอยี ดพรอ้ มทงั้ เตมิ ยิบซมั่ ( Gypsum ) เพ่อื ทาให้เปน็ ปนู ซีเมนตท์ ผี่ ลิตแข็งตวั ช้าลง เพราะถ้าหากไมเ่ ตมิ ยบิ
ซัม่ ปนู ซเี มนตท์ ผ่ี ลิตไดจ้ ะแขง็ ตัวเรว็ มากจนไมส่ ามารถนาไปใช้งานได้

ปูนซเี มนต์ธรรมชาติ ( Natural Cement )
เป็นปนู ซเี มนต์ที่รบั กาลังไดต้ ่ากว่าซีเมนตป์ อรต์ แลน ทัง้ นเี้ พราะส่วนผสมเปน็ หนิ ที่ได้จากธรรมชาตทิ าให้
สว่ นผสมทม่ี ีอยใู่ นหินไม่แนน่ อน

ปูนซีเมนต์ปัสโซลาน ( Puzzolan Cement )
เป็นปูนซีเมนตท์ เ่ี กิดจากส่วนผสมของปูนขาวและกากจากเตาเผาเหล็กหรอื Puzzolan ซึ่งเกดิ ตาม
ธรรมชาติ รวมกับพวกหินทเ่ี กิดจากภเู ขาไฟมาผสมแล้วบดใหล้ ะเอียด ในสมยั โบราณ ชาวโรมันได้ใช้ปูนซเี มนต์
ชนิดนใี้ นการกอ่ สรา้ ง ปนู ซเี มนต์ชนิดน้มี คี ุณภาพดอ้ ยกวา่ ปนู ซเี มนตป์ อร์ตแลนด์

ปูนซเี มนต์อลูมินัส ( Aluminous Cement )
เปน็ ปนู ซเี มนต์ทเ่ี ม่ือผสมกบั นา้ แล้วจะเกิดความรอ้ นมาก แต่จะแขง็ ตัวไดเ้ รว็ ซ่ึงผลิตได้โดยเอาแรบ่ อ้ ก
ไซต์ ( Bauxite ) ผสมกบั ปนู ขาว แลว้ นาไปเผาจากนนั้ นามาบดใหล้ ะเอยี ดจะไดผ้ งปูนซเี มนต์ คอนกรีตทเี่ กิดจาก
ปนซเี มนต์อลมู นิ ัสเม่ือปลอ่ ยไว้ 24 ช่ัวโมงจะสามารถรบั กาลงั ได้เทา่ กับคอนกรตี ซง่ึ เกดิ จากปูนซีเมนต์ปอรต์ แลน
ทงิ้ ไว้ 3 เดอื น

ปูนซีเมนตซ์ ิลกิ า ( Silica Cement )
เป็นปูนซเี มนต์ซ่งึ เกิดจากการผสมทรายละเอียดเขา้ ไปประมาณ 25 % เพอื่ ใหร้ าคาถกู ลงในการใชใ้ น
งานทไ่ี มต่ ้องรบั แรงมากนกั เชน่ ปลอ่ งถังส้วม, ทอ่ ระบายน้า ฯลฯ

กรรมวธิ กี ารผลิต
วตั ถุดิบในการผลิตซเี มนตจ์ ะใช้ปนู ขาวเปน็ วัตถุดบิ หลกั ของซีเมนต์ จากดนิ เหนียวจะเกิดเป็นซลิ ิคอนได
ออกไซด์อะลูมเิ นียมออกไซด์แลเหล็กออกไซด์ ( Fe2O3 ) ซง่ึ เรียกว่า ไฮดรกลกิ แฟกเตอร์ แบ่งกรรมวธิ กี ารผลติ

174

ออกเป็น2 แบบ คือ

1. กระบวนการแหง้ ( Dry Process )
2. กระบวนการเปียก ( Wet Process )

รปู ท่ี 11.1 ไดอะแกรมแสดงกรรมวธิ กี ารผลิตปนู ซีเมนต์

175

รูปท่ี 11.2 แสดงกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์
การเตรยี มการ
เมื่อปูนขาว หนิ ปูนและดนิ เหนยี วไม่อยใู่ นสัดสว่ นท่ถี กู ต้อง ก็จะนามาเตรยี มการ ส่วนมากจะเตมิ ดิน
เหนยี วเพม่ิ เขา้ ด้วยกนั กลายเป็นผงดบิ ละเอยี ด (ผ่านการบด ) ในระหว่างทผี่ า่ นกรรมวธิ นี ้ี ผงดิบจะเปุาดว้ ยแก๊ส
ใหแ้ ห้ง คา่ ความแปรปรวนของผงวตั ถุดบิ ทผี่ สมกันกจ็ ะถูกเจือเพมิ่ เตมิ ในไซโล ( Sil ) ท่ีคัน่ อยู่
การบด
ปนู เมด็ จะเข้าเคร่ืองบดใหล้ ะเอยี ดโดยการผสมยบิ ซม่ั หรอื ยบิ ซม่ั เทียมถงึ 5 % ลงไปทาให้การเริม่ จับตัว
ชา้ ลง ซีเมนตท์ บี่ ดละเอยี ดจะผ่านการแยกดว้ ยอากาศ แลว้ ถูกนาไปเปุาในไซโลอีก ทาใหซ้ เี มนตร์ ่อนตวั จากนน้ั
ถูกบรรจใุ นกระสอบ 50 กก. นาไปจาหน่ายตอ่ ไป
การเกบ็ รกั ษาซีเมนต์ ต้องเกบ็ ในที่แหง้ และสามารถปูองกนั ความชนื้ ได้ ถ้าซอ้ นกันมาก ๆ สลบั กนั โดย
เรยี งทับใหแ้ นน่ เพอ่ื ปูองกนั ไม่ใหล้ มพัดผา่ นได้
ผลิตภณั ฑ์ปูนซีเมนต์
ปนู ซีเมนต์ผลิตขึ้นในประเทศมีหลายบรษิ ัทจงึ ขอนาตวั อยา่ งผลิตภัณฑป์ ูนซีเมนต์มาเสนอเพือ่ เปน็ ทางด้าน
การศกึ ษา
บรษิ ัทชลประทานซเี มนต์ จากัด เปน็ ผผู้ ลิตปนู ซเี มนต์ชนิดต่าง ๆ ดังน้ี
- ตราพญานาค สเี ขียว ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลน ประเภท 1
- ตรางูเห่า ปูนซเี มนต์ประเภทประหยดั

-

176

รปู 11.3 สัญลกั ษณบ์ ริษัทผลิตปูนซเี มนต์

บริษทั ปูนซเี มนต์นครหลวง จากัด เปน็ ผผู้ ลิตปนู ซีเมนต์ชนิดตา่ ง ๆ ดังน้ี
- ตราเพชร ปนู ซเี มนตป์ อรต์ แลน ประเภท 1
- ตราสมเพชร ปนู ซเี มนตป์ อรต์ แลน ประเภท 3
- ตรานกอินทรยี ป์ นู ซเี มนตป์ อรต์ แลน ประเภทประหยดั 3

รูป 11.4 สัญญลกั ษณ์บรษิ ัทผลติ ปูนซีเมนต์

บริษัทปูนซเี มนต์ไทย จากดั เป็นผูผ้ ลิตปูนซเี มนตช์ นิดต่าง ๆ ดงั น้ี
- ปูนซีเมนตต์ ราเสือ
- ปนู ซีเมนตต์ ราชา้ ง
- ปนู ซีเมนต์เอราวัณ
- ปนู ซเี มนตต์ ราช้างพ้นื สฟี ูา
- ปูนซีเมนตต์ ราชา้ งเผอื ก

-

รูป 11.5 สญั ญลกั ษณ์บริษทั ผลิตปูนซเี มนต์

11.2.2 คอนกรีต ( Concrete )
คอนกรตี เปน็ วสั ดผุ สมของซเี มนต์ ทราย หนิ และนา้ มาผสมคลกุ เคลา้ เข้ากนั ในอัตราสว่ นท่ี

พอเหมาะ เพ่อื ให้ไดเ้ น้อื คอนกรีตที่สมา่ เสมอ กอ่ นทจี่ ะผสมตอ้ งตรวจดวู ัสดผุ สมใหส้ ะอาด และต้อง
ระวงั ในส่วนผสมปริมาณวสั ดใุ ห้ถกู ตอ้ ง

ส่วนผสมของคอนกรีต
1. โดยช่งั น้าหนัก ให้ผลทถี่ กู ตอ้ ง

177

2. โดยใช้ปริมาตร ถังตวงต่าง ๆ จะใหผ้ ลได้คลาดเคลอ่ื นไมแ่ นน่ อน
ตามอตั ราสว่ น ดังน้ี
ปนู ซีเมนต์ 1 ทราย 1 หนิ 2 สาหรบั งานที่ตอ้ งการการรับแรงมาก
ปูนซเี มนต์ 1 ทราย 2 หิน 4 สาหรับงานทวั่ ๆ ไป
ปนู ซีเมนต์ 1 ทราย 3 หนิ 5 สาหรบั งานฐานรากอาคาร

การผสมคอนกรีตใหไ้ ด้คอนกรตี ที่ดี
การท่ีจะผสมให้ไดค้ อนกรีตท่ดี ีน้ัน ควรปฏิบัติดังน้ี
1. ปรมิ าณและคุณภาพของวัสดตุ า่ ง ๆ สาหรบั สว่ นผสมครงั้ หน่ึง ๆ ควรจะสมา่ เสมอกัน
2. ผสมใหว้ สั ดทุ ่นี ามาผสมกนั เป็นเนอ้ื สมา่ เสมอทสี่ ุด กระจายส่วนผสมของปนู ซเี มนตใ์ หเ้ ขา้ คลกุ กับ

สว่ นผสมอ่นื ๆ อย่างทั่วถึง
3. ผสมดว้ ยเวลาทเ่ี หมาะสม ไม่ควรตา่ กวา่ 1 นาที และไมค่ วรเกิน 5 นาที โดยต้องดชู นิดและ

ขนาดของเครื่องผสม
4. กอ่ นผสมต้องตรวจดูเครอ่ื งยนต์ว่าสามารถทางานไดเ้ รยี บร้อย
5. อย่าให้ต้องสญู เสยี วสั ดุ ในระหวา่ งการเทส่วนผสมลงในเครอ่ื งผสม
6. ปริมาณน้าทีจ่ ะใสล่ งไป ควรพิจารณาเพมิ่ หรือลดตามความเหมาะสม
7. ไม่ควรนานา้ ทมี่ ีอณุ หภมู เิ กนิ กว่า 60 องศาเซลเซยี ส มาใชผ้ สมคอนกรีต

การบม่ คอนกรตี
เม่ือผสมคอนกรตี ได้ 30 นาที คอนกรตี เร่ิมแข็งตัว อากาศยงิ่ ร้อนหรอื มลี มพดั ผา่ นคอนกรีตยิง่ เสยี น้า

เร็ว เพราะความชื้นในคอนกรตี ระเหยได้เรว็ ทาให้คอนกรตี กาลงั ตก หดตัวอาจแตกร้าวภายหลงั ตอ้ งทาให้
คอนกรีตสญู เสยี ความชนื้ ช้าทส่ี ุด จะทาให้คอนกรีตรับกาลังได้ด้วยวิธีบ่มคอนกรตี คอื

1. ใช้วสั ดุเปียกชืน้ คลุม ใช้ผ้าใบ กระสอบ ขเี้ ลื่อย ฟาง โดยฉดี นา้ ให้ชุ่มแลว้ ปิดให้อมุ้ น้าไว้
2. การขังน้า โดยนาดินเหนียวกั้นน้าไวโ้ ดยรอบบรเิ วณทบี่ ม่ เชน่ สนามดาดฟูา พื้น หรอื ดว้ ยการพรม
นา้

รปู ที่ 11.6 การบม่ คอนกรีตด้วยการอุม้ น้า รูปที่11.7 การบม่ คอนกรตี ดว้ ยการพรมนา้

คุณสมบตั ิของเหล็กเสรมิ คอนกรีต

1. สามารถรบั แรงดงึ และแรงอดั ไดด้ ี โดยจะต้องรบั แรงดงึ สูงสุดต้งั แต่ 55,000 – 70,000 ปอนดต์ ่อ

ตารางนว้ิ นอกจากนัน้ ถา้ เป็นเหลก็ เสรมิ ชนดิ แข็งเป็นพเิ ศษ ตอ้ งมีความสามารถในการรับแรงดงึ สงู ถึง

80,000 ปอนดต์ อ่ ตารางนิว้ ข้นึ ไป

178
2. ตัวเหล็กเสริมคอนกรตี โดยปกติไมส่ ามารถทนต่อความรอ้ นสงู และอกี ท้งั ยงั ไมท่ นตอ่ ความเค็มอกี ดว้ ย
3. เหล็กเสริมคอนกรีตจะต้องมีความเหนียวและแข็งสามารถดดั เย็นให้งอเปน็ มมุ 180 องศารอบหมดุ
ซึ่งมขี นาดเสน้ ผา่ ศูนย์กลางเปน็ 2 เทา่ ของเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางของเหลก็ น้นั
การทใี่ ช้เหลก็ เสริมคอนกรีตนนั้ กเ็ พราะ เหล็กเป็นวตั ถทุ หี่ าไดไ้ ม่ยาก ราคาไม่แพงเกินไป และทเี่ ด่นก็คือ
เหลก็ สามารถทนตอ่ แรงดงึ ได้มาก มกี ารยดึ หดตวั เท่า ๆ กบั คอนกรีต สามารถจบั เกาะกบั คอนกรีตไดเ้ หนยี วแน่น
นอกจากนน้ั เหลก็ ยงั ทนทานตอ่ การเป็นสนมิ และไม่ผกุ รอ่ นเมือ่ ยใู่ นเนอื้ คอนกรตี
คอนกรีตเสรมิ เหล็ก
( Concrete Products Reinforced With Steel )
คอนกรตี ธรรมดาจะทนความเค้นอดั สูง แต่ทนต่อความเค้นดึงไดไ้ มม่ าก จดุ อ่อนสามารถแก้ไขได้ด้วยการ
เสรมิ เหลก็ เส้นหรือลวดเคเบลิ
1. คอนกรีตเสริมเหลก็ ( reinforced concrete ) ชิ้นสว่ นโครงสร้าง เช่น คาน หากมีการใชภ้ าคัด
ขวางคอนกรีตธรรมดาต้องใชภ้ าคดขวางโต ทาใหไ้ ม่ประหยดั และดไู มเ่ หมาะสม (ดูรปู ท่ี 11.7 ข ) ถา้ มกี ารใช้
เหล็ก ( กลา้ ) เส้นเสริม ( ดรู ูปที่ 11.7 ค ) ในคาน ทาใหค้ านเกดิ การดึงมผี ลให้รบั ความเคน้ อดั ได้สงู และลด
ขนาดภาคตัดขวางลงได้ ปลายของเหล็กเสน้ จะทาใหม้ รี ปู รา่ งยดึ เกาะคอนกรีตไดด้ ี

รปู ท1ี่ 1.7 หลักการคอนกรตี เสรมิ เหลก็
2. คอนกรตี อดั แรง ( prestressed concrete ) แหลง่ ของจดุ อ่อนในการเสรมิ คอนกรตี แสดงใหเ้ หน็
ดงั รปู ที่ 11.8 ( ค ) คือการเกดิ รอยร้าวเล็ก ๆ ท่ขี อบคาน ถึงแมเ้ หล็กกล้าจะมคี วามยืดหยุ่นทมี่ ากกวา่
เหล็กเสน้ ก็ยงั คงถกู ดงึ ยึดภายในจดุ ยืดหยุ่น เมื่อคอนกรีตเรมิ่ เกดิ รอยร้าว รอยรา้ วเล็กจะดูดกลืนความชื้นมีผลให้
เกิดอาการบวม ซงึ่ วิธกี ารแกไ้ ขก็คอื การใชค้ ุณสมบตั ิยดื หย่นุ ของเหลก็ กล้ามาประยุกตใ์ หเ้ กดิ การอดั ตวั เรม่ิ ต้นตอ่
คอนกรีต ท่ีเรยี กกันวา่ “อัดแรง” ( prestress )
เหล็กกล้าเคเบลิ จะถกู ดงึ ภายใต้จุดยืดหย่นุ จากการเทหลอ่ คอนกรีตคานโดยรอบ ( รูปที่ 11.8 ก )

179
เมอื่ คอนกรตี แข็งตัวกใ็ ห้คลายแรงดงึ ออก ( รูปที่ 11.8 ข ) เมือ่ นาไปรบั ภาระดดั บนคาน ลวดเคเบลิ จะ
พยายามหดตัว โดยเกิดแรงอัดในคอนกรตี ถา้ มีการวางตาแหน่งลวดเคเบลิ ในตาแหนง่ ท่ีถูกตอ้ งในภาคตดั ขวาง
คานแล้ว แรงอดั ในคอนกรตี จะสมดลุ แรงดึงได้อย่างแมน่ ยา ( ดรู ปู ท่ี 11.8 ค ) โดยทไ่ี ม่มีรอยรา้ วคอนกรตี ท่ี
เกดิ จากผลของการดึง

วธิ กี ารนี้จะไดผ้ ลดกี ต็ ่อเม่ือคอนกรีตจบั เกาะลวดเคเบล้ิ ไดแ้ น่นดีถงึ แมจ้ ะปล่อยแรงดงึ ลวดเคเบลิ ออกกไ็ มเ่ กิดการส
ลปิ ในคอนกรตี ทั้งนีต้ ้องอาศยั การขน้ึ รปู ผวิ ลวดเคเบลิ ใหม้ ลี กั ษณะไมเ่ รยี บสมา่ เสมอเข้าชว่ ย การยดึ แน่นจะมีมาก
ขึน้ อีกเมือ่ เกิดมีชัน้ ผิวสนมิ ของลวดเคเบลิ แลการหดตัวของคอนกรีตในระหวา่ งแขง็ ตัว

รูปท1่ี 1.8 หลกั การคอนกรตี อัดแรง

วิธีผสมปูนกอ่
1. ผสมปนู ซีเมนต์ ทราย จนเป็นเนอื้ เดียวกนั
แลว้ ผสมน้าคลกุ ใหเ้ ป็นเนอื้ เดยี วกัน
2. ถ้าจะทาปนู ขาวตอ้ งหมักปนู ขาวไว้
24 ชวั่ โมงก่อน

รูปที่11.8 ทักษะการก่ออฐิ
อตั ราสว่ นปูนฉาบ

มคี ุณสมบตั ยิ ึดตวั กบั พน้ื หรอื ผนังทฉ่ี าบเปน็ อยา่ งดี ไม่แตกรา้ วเมอื่ แขง็ ตวั อตั ราส่วนผสมทใ่ี ช้งานคอื
อตั ราสว่ น 1 : 1 : 4 - 6

ทรายละเอยี ด 4- 6 สว่ น
ปูนขาว 1 ส่วน
ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน
หน้าทีป่ ูนขาว
เป็นตวั ชว่ ยให้สว่ นผสมเหลวลืน่ ทางานไดส้ ะดวก และถ่วงการก่อตวั ของสว่ นผสม ถ้าใชม้ ากจะทาให้

180

กาลงั ของสว่ นผสมตา่ และกอ่ ใหเ้ กดิ การแตกร้าวภายหลงั

วธิ ีผสมปูนฉาบและการใชง้ าน
1. ตอ้ งหมกั ปนู ขาวไวอ้ ย่างน้อย 24 ชว่ั โมง
2. ควรทาผิวทฉ่ี าบให้ขรขุ ระ
3. ถ้าผวิ มีคราบน้ามันกค็ วรกาจดั ออกเสยี ก่อน
4. ปนู ฉาบที่ผสมตอ้ งฉาบใหห้ มดภายใน 1 - 2 ชว่ั โมง ข้ึนอยกู่ บั สภาพดินฟูาอากาศขณะทางานด้วย

2

11.2.3 อฐิ ( Bricks )
อิฐ เปน็ วสั ดุกอ่ สรา้ งทมี่ ลี ักษณะเปน็ แทง่ สเี่ หลย่ี ม ใชใ้ นการกอ่ ผนงั กาแพงหรอื ผนงั บ้านพักอาศัยใน

สมัยโบราณ อิฐจะทาด้วยดินเหนยี วผสมแกลบนาไปอดั ใหเ้ ป็นแผน่ จากนั้นนาไปตากให้แห้ง เมอื่ แห้งดแี ล้วจงึ
นาไปเผาเพ่อื ใหใ้ ช้งานไดค้ งทนย่ิงขึ้น แต่ในปัจจบุ นั ได้มกี ารนาเอาซีเมนต์มาทาเป็นอฐิ ทเี่ รยี กกนั ทวั่ ไปวา่
อฐิ บลอ็ ก นอกจากนยี้ งั มกี ารทาอฐิ ดินซเี มนต์ ซง่ึ มีสว่ นผสมของลกู รงั กบั ซีเมนต์ จึงนับได้ว่ามีการพฒั นาการทา
อิฐเป็นลาดับ
อิฐก่อสร้าง

อิฐเป็นวตั ถุท่ีทามาจากดินเหนยี ว ทาขึ้นเพอื่ ใชเ้ ป็นวสั ดุกอ่ สรา้ งมาตั้งแตส่ มัยโบราณประมาณ 2,000
ปีมาแล้ว อยี ิปต์เปน็ ชาติแรกได้นาดินเหนยี วมาทาเปน็ แทง่ สเ่ี หล่ยี มแลว้ ผง่ึ แดดใช้ทาเปน็ อฐิ ตอ่ มาพวกบาบโิ ลเนีย
คดิ ค้นข้ึนใหม่ โดยนาอฐิ มาเผาไฟ เพื่อใหค้ งทนยง่ิ ขึ้น ดินเหนียวท่นี ามาใช้ทาอฐิ นนั้ ต้องมสี ว่ นผสมของทรายและ
แมงกานีส ผสมอย่ใู นดินเหนยี วในอตั ราที่เหมาะสมจงึ จะทาให้อฐิ ไมเ่ ปราะและแตกรา้ วไดง้ า่ ย

วสั ดุทใ่ี ช้ทาอฐิ
ได้แก่ ดนิ เหนียว มีชนิดต่าง ๆ ดงั น้ี
1. ดนิ เหนียวปูน ( Marl ) เป็นดนิ เหนยี วท่ีมีปูนผสมอยูม่ าก โดยลกั ษณะเป็นอินขาวหรือหินปนู ชนิด

น้ีเมื่อทาอฐิ แล้วจะมสี เี หลืองหรอื สีอื่น ๆ
2. ดนิ เหนยี วปนทราย ( Loan ) ทรายผสมอยมู่ าก ทรายนี้ถา้ ผสมไมเ่ กนิ ร้อยละ 25 จะช่วยใหอ้ ฐิ คง

รูปอยู่ได้ ถ้าเกนิ ไปกวา่ นน้ั จะทาให้อิฐเปราะออ่ นแอไมแ่ ข็งแรง
3. ดินเหนยี วแก่ ( Shale ) เปน็ ดนิ เหนียวซึ่งกองอยเู่ ปน็ เวลานาน มีคณุ ภาพคล้ายหนิ ดินชนดิ นม้ี ักทา

ใหอ้ ิฐเป็นสแี ดง
4. ดนิ เหนียวทนไฟ ( Fire Clay ) คือ ดินเหนยี วทม่ี ีคณุ ภาพตา้ นทานความร้อนได้สูง ใช้ทาอิฐทนไฟ

เศษเหล็กมกั ทาใหอ้ ฐิ แข็งมกี าลงั และมสี ีแดง
การทาอฐิ มขี น้ั ดาเนนิ การดังน้ี

1. การเตรียมดนิ นาดินเหนยี วมาบดหรอื นวดจนทาให้ดินอ่อนนามดี ถา้ เปน็ อฐิ ทตี่ อ้ งการให้มีนา้ หนกั
เบา เช่น อฐิ มอญ ก็ใหใ้ ช้แกลบหรอื ขี้เถ้าผสมลงไปในดนิ เหนยี วให้เขา้ กันดจี นดนิ เหนยี วผสมอ่อนนมุ่ ดี สามารถ
ป้นั หรืออัดเปน็ แผ่นแลว้ คงรปู ได้ ตามชนิดของอฐิ น้ัน ๆ

2. การทาเปน็ แผ่นอิฐ มีวธิ ีทา ไดเ้ ป็น 2 วิธี คอื
1. การทาด้วยมือ โดยใช้แบบพิมพ์ตามขนาดเทา่ แผ่นอฐิ ทต่ี อ้ งการใชด้ นิ เหนียวผสมทรายหรอื

แกลบที่เตรยี มไว้อัดลมในแบบพมิ พใ์ ห้แนน่ แลว้ ปาดผวิ หนา้ แผน่ อิฐใหเ้ รียบ และถอดไม้ออกจะได้แผน่ อิฐตาม
ตอ้ งการ จากน้นั นาแผ่นอิฐไปวางในทเ่ี รียบปอู งกันการบดิ งอ เพอื่ ทาการผง่ึ ใหแ้ น่นแลว้ นาเขา้ เตาเผาตอ่ ไป

2. การทาอิฐด้วยเครือ่ งจกั ร จะผลิตไดร้ วดเร็วแล้วยังเป็นขนาดทีไ่ ด้มาตรฐาน ทีเ่ ครอื่ งจกั รมี

181

บอ่ สาหรบั ใส่ดินผสมตอ่ เนอื่ งกบั ทอ่ ใหด้ ินออก เม่ือดินเหนียวผสมถกู บดอดั ออกจากบอ่ แล้วไหลออกไปตามทอ่
ระหว่างท่ดี นิ เหนียวผา่ นออกไปตามท่อกจ็ ะถกู ตัดให้ไดข้ นาดความยาวามกาหนดดว้ ยเสน้ ลวดขนาดเลก็ ( ขนาด
ความโตของท่อภายในมขี นาดความหนา ความกวา้ ง และความยาวตามขนาดของอฐิ ท่ตี อ้ งการ ) เม่ือได้แผน่ อิฐ
แลว้ กน็ าไปวางเรียงไวใ้ นทีเ่ รียบเพ่อื ทาการผงึ ให้แหง้ ต่อไป

3. การผึง่ ใหแ้ ห้ง เมอื่ ได้แผน่ อฐิ ออกจากแบพิมพ์แลว้ กน็ าอิฐไปวางเรยี งไวใ้ นโรงผ่ึง ในขณะที่วางเรียง
แผน่ อฐิ ต้องทาอย่างระมัดระวัง เพราะอฐิ ยังเปียกอยู่อาจทาให้บดิ งอไดง้ า่ ย ต่อจากน้ันกผ็ ง่ึ ทง้ิ ไวใ้ ห้แหง้ แลว้ จงึ
นาไปเข้าผาต่อไป

4. การเผาอฐิ แหง้ พอทจ่ี ะนาไปเผาได้ แล้วนาอฐิ ไปเรยี งเป็นแถวและวางซอ้ นกันเปน็ ชน้ั ๆ สลับกันใน
เตาเผาโดยให้มีชอ่ งวา่ งระหวา่ งแถวไวเ้ พอื่ ให้ความร้อนกระจายไปถงึ อิฐทกุ กอ้ นในเตาเผา ให้เพมิ่ ความรอ้ นทลี ะ
นอ้ ยจนถงึ ความรอ้ นสูงสุด ( ความรอ้ นระหวา่ ง 9822 – 1,204ْ C ) เผาอยนู่ านประมาณ 2 – 3 สปั ดาห์
ลดความรอ้ นใหต้ า่ ลงตามลาดับจนเยน็ จงึ นาอิฐออกจากเตาเผาเอนาไปใชง้ านก่อสรา้ งตอ่ ไป
คณุ ลกั ษณะทดี่ ขี องอิฐ

1. มีผวิ เรียบสมา่ เสมอไมบ่ ดิ งอ แตกร้าวเมอ่ื เผาสุก
2. เคาะฟงั เสียงดูมเี สียงแกรง่ คล้ายดงั โลหะ
3. แผน่ อิฐสกุ และมสี ีสมา่ เสมอเทา่ กนั ทุกแผ่น
4. มีความเหนียวไม่แตกงา่ ย และมีนา้ หนกั เบา
5. มคี วามแข็งแรงทนทานรบั น้าหนักได้มาก
6. มรี ูปรา่ งเรียบร้อยดี ไมแ่ อน่ บดิ หรือมขี อบขรขุ ระมาก
7. เหลีย่ มและมมุ ของแผน่ อิฐตอ้ งได้ฉาก
8. มีขนาดและนา้ หนักเทา่ กันทกุ กอ้ น ( โดยเฉล่ีย )
9. ไมด่ ูดน้าเกิน 10 % ของน้าหนักอิฐเมื่อแชน่ ้าไว้ 24 ช่วั โมง
10. มีเนอ้ื แนน่ เมอ่ื หกั ออก ไมม่ ีรพู รุนและแตกรา้ ว
11. ต้านทานแรงอัดสงู สดุ ไดไ้ มน่ ้อยกว่า 20 กก. / ชม.2
( ข้อกาหนดมาตรฐานของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชาชูปถัมภ์ )
ชนิดของอฐิ
1. อิฐมอญ เปน็ อฐิ ที่นยิ มใช้กนั มาก มรี าคาถูก เหมาะสาหรบั กอ่ กาแพง หรือกอ่ ผนงั ท่ีต้องการฉาบปนู
ทับผวิ อกี ครั้ง ลักษณะเป็นอิฐทมี่ ผี วิ ขรขุ ระไมเ่ รียบรอ้ ยนกั บางชนดิ ทผี่ ิวทาเปน็ รอยเส้นไว้บนแผน่ อฐิ เพอื่ เป็นท่ียดึ
เกาะของปนู กอ่ บางชนิดทาเปน็ รไู วใ้ นแผน่ อิฐตลอดความยาวเพอ่ื ให้มีน้าหนักเบา
2. อิฐบางบวั ทอง ( บ.บ.ท. ) บ.ป.ก. ( บางปะกง ) เป็นอิฐทใ่ี ช้ดินเหนียวบดละเอยี ดเข้าอดั แนน่ ด้วย
เครือ่ งจักร ภายในแผน่ อฐิ มีเนอ้ื แน่น ผิวหนา้ เรยี บและมรี ่องสาหรับให้ปูนกอ่ ยดึ เกาะ บางแหง่ ผผู้ ลติ ไดป้ มั๊
ตวั อกั ษรที่แผน่ อฐิ เพ่ือการโฆษณาของโรงงานทผี่ ลิตดว้ ยอฐิ ชนิดนีเ้ รียกว่า อิฐประดับ สาหรับใชก้ ่อโชวแ์ นวไม่ตอ้ ง
ฉาบปูน มขี นาดใหญ่กวา่ อฐิ มอญ
3. อฐิ เคลือบ ( Grazed Brick ) เป็นอฐิ ทขี่ ณะเผามคี วามรอ้ นสงู แล้วใชส้ ารบางอย่างใสล่ งไปในผา
เช่น เกลือ กจ็ ะทาใหส้ ารนน้ั ไปเคลอื บผวิ ของอฐิ หรอื บางชนิดกน็ าอฐิ มาพน่ ดว้ ยสาร เช่น เกลือ ใหเ้ คลือบผวิ
ก่อนแล้วจงึ นาไปเผา
4. อฐิ เคลือบสี ( Enamelled Brick ) โดยการทาสเี คลือบลงบนแผ่นอิฐแลว้ นาไปเผามคี ุณสมบตั กิ นั น้า
ได้ มีประโยชนใ์ ช้งานตบแตง่ และใชใ้ นส่วนท่ีตอ้ งการทาความสะอาดบอ่ ย ๆ เช็ดลา้ งออกได้ง่ายท้ังยังชว่ ยสะท้อน
แสงสวา่ งภายในอาคาร มสี ขี าวนวล สีดา สีเขยี ว และสอี น่ื ๆ

182

5. อฐิ ทนไฟ ( Fire Blocks ) ทาจากดินเหนยี วทนไฟ มคี ณุ ภาพต้นทานความรอ้ นได้ดี ใช้ก่อเตาไฟ

หรอื กอ่ ผนงั ทตี่ อ้ งการให้ต้านทานความรอ้ นสูง ๆ

6. อิฐแกว้ ( Glass Blocks ) เปน็ อฐิ ทที่ าด้วยแกว้ ภายในชอ่ งวา่ งบรรจอุ ากาศอยู่เพอ่ื ใชป้ ระโยชนใ์ น

กรณีทต่ี ้องการใหแ้ สงสว่างเขา้ มาในอาคาร แตไ่ มต่ ้องการใหม้ ีการถ่ายเทอากาศวัตถทุ ี่ใช้ประสานในการก่อนัน้

ควรเป็นวัสดุพเิ ศษทท่ี าโดยเฉพาะเปน็ ผลิตภณั ฑ์จากต่างประเทศ

สขี องอิฐ

เกดิ ไดจ้ ากชนิดของแร่ธาตทุ ผ่ี สมอยู่ในดนิ เหนียวมีดังน้ีคอื

1. เกดิ จากสว่ นผสมของดนิ ทม่ี ธี าตเุ หล็ก เม่อื เผาแล้วเกิดเปน็ สเี หลือเขม้ สีแดง สสี ม้

2. เกดิ จากสว่ นผสมของดนิ มีธาตุแมงกานสี เม่ือเผาสกุ แล้วเกิดเปน็ สนี า้ เงิน และถ้าเผาดว้ ยความรอ้ น

สงู จะกลายเป็นสดี า

3. ส่วนผมของอิฐที่มแี ปงู และชอลก์ เมอื่ เผาสกุ แล้วเป็นสขี าว

4. ส่วนผมของดินทม่ี ธี าตแุ มงกานสี และธาตุเหลก็ รวมกัน เมือ่ เผาสุกแลว้ ทาใหเ้ กิดสีเหลืองแก่

5. สีอาจเกดิ จากการได้รบั ความรอ้ นตา่ งกนั เชน่ ได้รบั ความรอ้ นสูงสีจะแกก่ ว่า ได้รับความร้อนนอ้ ยสี

จะออ่ น

ตารางท1่ี 1.1 ขนาดของอิฐชนดิ ต่าง ๆ

ชนดิ ของอฐิ หนาเป็นเซนตเิ มตร กวา้ งเปน็ เซนติเมตร ยาวเป็นเซนติเมตร

อฐิ มอญ 5.0 9.0 20.0

อฐิ ประดับ ( บ.บ.ท. ) 7.0 11.0 23.0

อิฐเคลอื บองั กฤษ 7.5 11.0 22.5

อิฐเคลือบอเมรกิ า 5.6 10.3 20.9

อฐิ ทนไฟ 7.5 11.3 22.5

อฐิ แกว้ 8.0 19.0 19.0

หมายเหตุ 1. อฐิ มอญมขี นาดไมม่ าตรฐาน ผู้ใชค้ วรตรวจสอบขนาดจากโรงงานผผู้ ลติ ใหแ้ นน่ อน

ก่อนที่จะใช้
2. การนาอฐิ ไปใช้ ต้องเลอื กชนดิ ของอฐิ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงานทจี่ ะทา
11.2.4เหล็กกลา้ กอ่ สรา้ งทัว่ ไป ( Structural Steels )

เปน็ เหลก็ กลา้ ทใี่ ช้ในงานกอ่ สร้าง ทาเป็นโครงสร้างของ อาคารต่าง ๆ เปน็ เหล็กกลา้ คารบ์ อนตา่ ถงึ ปาน
กลาง มีคารบ์ อนผสมอยู่ในชว่ งระหวา่ ง 0.12 – 0.6 %

183

การกาหนดคุณภาพเหล็กกลา้ ท่ผี ลติ ในประเทศไทย จะกาหนดดว้ ยคุณสมบตั ิทางกลตามมาตรฐาน
อุตสาหกรรม (มอก. ) แสดงไว้ในตารางน้ี

ผลติ ภัณฑ์ ชั้น แรงเคน้ ตวั แรงเค้นดงึ ความยดื การทดสอบดดั โค้งเย็น
คณุ ภาพ จานวน สูงสุด ไมต่ ่า มมุ ดัด เสน้ ผา่ น
เหลก็ เสน้ กก / มม.2 กว่ารอ้ ย โคง้ ศูนย์กลาง
กลม SR 24 ( ไมน่ อ้ ยกวา่ กก / มม.2 ละ เยน็ ภายในของสว่ น
( ไมน่ อ้ ยกว่า
) โค้ง
)
24 21 180ْ 1.5 เทา่ ของ
39 เสน้ ผา่ น
ศูนย์กลางระบุ

เหลก็ ข้อ SD 30 30 49 17 180ْ 4 เทา่ ของเส้น
อ้อย SD 35 35 ผา่ ศนู ย์
กลางระบุ
SD 40 40
50 20 180ْ 4 เท่าของเสน้
ผา่ นศูนย์กลาง
ระบุ

57 18 180ْ 4 เท่าของเส้น
ผ่านศนู ย์กลาง
ระบุ

11.2.5ไม้ ( Wood )

เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาตทิ ใ่ี ช้ในการก่อสรา้ ง
ลักษณะของไม้

1. เปลือก ( Bark ) ทาหนา้ ท่ลี าเลยี งอาหาร

2. เย่ือเจรญิ ( Cambium ) ทาหน้าทใี่ นการเติบโตของเนอ้ื ไมด้ ้านในและเสรมิ เปลือกไม้ชั้นใน
3. กระพ้ี ( Sapwdood ) ทาหนา้ ทลี่ าเลียงนา้ และอาหารจากรากไปเลยี้ งใบ ตลอดจนเกบ็ แปงู และ

น้าตาล

184

4. แก่น ( Heartwood) เปน็ สว่ นในของตน้ ไมท้ ่ไี มท่ างานแล้ว
5. วงปหี รือวงเจรญิ ( Growth Ring ) นิยมใชว้ งปอี ายขุ องตน้ ไม้
6. เสน้ รัศมี ( Wood Ray ) ทาหน้าที่ลาเลยี งอาหารทป่ี รงุ แลว้ จากใบมาเล้ยี งสว่ นของลาต้น
7. ใจ ( Pith ) เปน็ ใจอยูก่ ลางลาตน้ เมอื่ ตน้ ไมโ้ ตมาก ๆ สว่ นน้อี าจกลายเปน็ โพรงได้
จาแนกของไม้
1. ไมเ้ น้ือแข็ง คือ ไมท้ ่ีมีคา่ ความแข็งในการตัดไดส้ งู กวา่ 1,000 กโิ ลกรมั ตอ่ ตารางเซนตเิ มตร มี

ความทนทานตามธรรมชาตเิ กนิ 6 ปี มีอยู่ประมาณ 10 ชนดิ ไดแ้ ก่ ไม้เตง็ ไมร้ ัง ไม้แดง ไม้
ตะเคยี นทอง ไม้ตะแบก ไม้สกั ไม้เคยี่ ม ไม้มะค่า ไม้ประดู่
2. ไมเ้ น้ือแข็งปานกลาง สามารถทนแรงตัดได้ 600 – 1,000 กโิ ลกรมั ต่อตารางเซนตเิ มตร มี
ความทนทานตามธรรมชาติ 2 – 6 ปี มีอยู่ประมาณ 6 ชนิด ไดแ้ ก่ ไมย้ าง ไม้กระบอก ไม้
ชุมแพรก ไมน้ นิ ทรี มะม่วงปาุ ไม้กระทอ้ น
3. ไม้เนื้อออ่ น ทนตอ่ แรงตดั ได้ไม่เกิน 600 กโิ ลกรัม ต่อ ตารางเซนตเิ มตร มีความทนทานตาม
ธรรมชาตไิ มเ่ กิน 2 ปี ทน่ี ิยมใช้มีประมาณ 4 ชนิด ได้แก่ ไมส้ ยาขาว ไมก้ า้ นเหลือง ไมม้ ะยม
ปาุ ไมม้ ะพร้าว
ไม้อัด ( Plywood )
เปน็ ไมท้ ่ใี ชใ้ นงานกอ่ สรา้ งทม่ี ีอยูต่ ามธรรมชาติ โดยไมอ้ ดั ได้มาจากกรรมวิธกี ารผลติ 3 วธิ ี คอื
1. ไม้อัดทจี่ ากการปอก หรอื ผ่าน ใช้ในการทาบานประตู ฝูาเพดาน แบบหลอ่ คอนกรีต
2. ไม้อัดแผ่นเรยี บ ( Hand Board ) ไมช้ นดิ นี้ดา้ นหน่ึงจะเรยี บ และอีกด้านหนง่ึ จะเปน็ ลาย การใช้
งานใชท้ าผนังกัน้ ห้อง เกบ็ เสียงและเก็บความรอ้ น
3. แผ่นชนิ้ ไม้อดั ( Particle Board ) ได้มาจากการผลิตไมแ้ ปรรปู ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ เศษการเลอ่ื ย ( ขี้
เลอ่ื ย ) เส้นใยจากการเกษตร หรือชานอ้อย เปน็ ต้น แลว้ นามาวัด ตดิ กันโดยใชก้ ารสังเคราะห์
เปน็ ตวั ประสาน ใชใ้ นงานทาฝูา ทาเพดาน ทาตใู้ ส่ของ ทาเฟอร์นเิ จอร์

รูปท1่ี 1.9 ภาคตดั แสดงโครงสรา้ งของไม้ รูปที่11.10 วงการเตบิ โตของไม้

185

รปู ท1ี่ 1.11 แสดงการหดตัวของไม้

รูปท1่ี 1.12 หนา้ ตัดท่อนไมต้ ามขวาง
สว่ นประกอบของไม้

1. ใจกลาง อยู่ศนู ย์กลางหน้าตดั ลาตน้ มลี กั ษณะเป็นรเู ลก็ ๆ ถา้ เป็นต้นไมใ้ หญ่ขนาดของรจู ะโตเป็น
โพรง ใจกลางของไมไ้ ม่แขง็ แรง

2. แกน่ ไม้ อยูใ่ นส่วนกลางหา่ งจากใจกลาง คือ สว่ นทเ่ี ปน็ เนอื้ ไม้ เปน็ ส่วนทีแ่ ขง็ แรงทส่ี ดุ เปน็ สว่ นที่
นาไปใชง้ าน

3. กระพ้ี อย่หู ่างจากหนา้ ตดั ลาตน้ เนือ้ ไมส้ ว่ นน้ีอ่อนไม่ทนตอ่ การใช้งาน แมลงเจาะกินได้ง่าย
4. วงปี เปน็ สว่ นทอ่ี ยรู่ อบ ๆ เปน็ วง ๆ แสดงถงึ การเจรญิ เตบิ โตของตน้ ได้ ถ้าจะนบั อายุของต้นไม้ดูจาก

วงปี 1 วงเท่ากับ 1 ปี
5. ทางลาเลยี งลาตน้ คือ วงปนื อกสดุ ของลาตน้ เป็นส่วนลาเลยี งนา้ และอาหารไปสสู่ ว่ นตา่ ง ๆ ของลา

ต้น
6. เปลอื กไม้ เปน็ สว่ นท่ีมองเหน็ เพราะอยสู่ ่วนนอกของลาต้น
7. รัศมี เป็นเสน้ ตัดผ่านวงปีไปยงั เปลอื กไม้
ไม้ทมี่ ีความสาคญั ทางเศรษฐกิจ

186

1. ไมส้ ัก งา่ ยตอ่ การเลอื่ ยไส สกั ทอง มีลวดลายสวยงามทีส่ ุด สักหนิ สกั ขคี้ วาย ราคาแพง ใชท้ า
เคร่ืองเรอื นหนา้ ตา่ ง ประตู

2. ไมต้ ะเคยี นทอง มคี วามแข็งแรงทนทาน ใชท้ าวงกบ ประตูหน้าตา่ ง
3. ไมย้ าง มีมากในประเทศไทย เลอ่ื ยไสง่าย ราคาถูก ใช้ทาฝาบา้ น
4. ไม้เตง็ มีความแข็งแรง เลอ่ื ยไสตอกตะปยู าก ถูกความรอ้ นจะแตกงา่ ย ใชท้ าคาน เสาเครื่องมือ

กสิกรรม
5. ไม้แดง มีสแี ดงลวดลายสวยงาม เลอ่ื ยไสตอกตะปยู าก ใชท้ าเสาคานบันไดคาน
6. ไมอ้ ินทนิน มีสแี ดงนา้ ตาล ชมพูออ่ น หาซอื้ ยาก ใชง้ านก่อสร้างเหมอื นไมส้ ัก
7. ไมต้ ะแบก มีความมนั วาวในเนือ้ ไม้ เนอ้ื แขง็ ใชใ้ นงานกอ่ สรา้ ง ทาพ้นื บ้านงานกสกิ รรม
8. ไมป้ ระดู่ สแี ดงอมเหลอื ง ใช้ทาเคร่อื งเรอื น โต๊ะ เกา้ อี้
ข้อควรจา
1. ซ้อื ขายไม้ท่ัว ๆ ไป ความยาววดั เป็นเมตร พ้ืนทหี่ น้าตดั วดั เป็นนิ้ว
2. ซือ้ ขายไม้สัก ความยาวเปน็ ฟุต หน้าตัดเปน็ นว้ิ
การเลือกใชแ้ ละการเกบ็ รกั ษาไม้
ความต้องการเลือกไมใ้ ช้งาน
1. ไม้แปรรปู ได้งา่ ยดว้ ยเครอื่ งมอื ธรรมดาได้ เช่น เล่อื ย กบ ส่ิว
2. น้าหนกั เบาแขง็ แรง รับนา้ หนกั ได้
3. อบ อาบนา้ ยา ทาให้เนื้อไม้ทนทาน อายกุ ารใช้งานนาน
4. อาคารบา้ นเรือนทท่ี าดว้ ยไม้ปูองกันความรอ้ นได้ดี เพราะไมเ้ ปน็ ฉนวนความร้อน
5. ไมม้ หี ลายประเภทมีลวดลายสวยงาม เลือกใชไ้ ด้ตามความเหมาะสม
6. ไมน้ อกจากใช้ในการกอ่ สรา้ งแล้วยังใช้งานอืน่ ๆ ได้อกี มาก เช่น โครงประกอบ ยานพาหนะ เรอื

รถบรรทุก
วธิ ีการเลือกใช้ไม้ มีดังน้ี

1. ไมห่ ดตวั ง่าย ต้องใชไ้ ม้แดง ไมป้ ระดู่ ไม้สัก ไมม้ ะคา่
2. พิจารณารายตาหนิ ตาไม้ รอยแตกร้าว ควรหลีกเลย่ี งนอ้ ยท่สี ดุ
3. พจิ ารณาคุณสมบตั เิ นอื้ ไม้ ใหเ้ หมาะสมกบั งาน เชน่ ความสวยงาม เล่อื ยยากหรอื ไม่ แมลงเจาะ

งา่ ยหรอื ไม่ ตอกตะปงู ่ายหรอื ยาก
4. ราคา
สาเหตทุ าใหไ้ ม้ผุพงั
1. ความชืน้ ในเนื้อไม้
2. การใชไ้ ม้แปรรูปขณะทไี่ ม้ยงั เปยี กอยู่ อาจทาให้เกิดเชอื้ รา หรอื เม่อื ไมแ้ ห้งจะหดตัวลง
3. มปี ลวก แมลง กินและทาลายเน้ือไม้
การปอ้ งกนั ไม่ใหไ้ ม้ผุพังเรว็
1. ทาใหเ้ นื้อไมแ้ ห้ง ตากไมใ้ หแ้ หง้ 1 – 2 ปี ไม้จะทนทาน ลงทุนนอ้ ย
2. อมไม้ด้วยไอนา้ อากาศร้อน 3 – 5 วัน
3. อาจใชน้ ้ายาปอู งกันปลวก เช้ือรา เป็นวธิ ีรักษาเนื้อไม้ไดด้ ดี ทส่ี ุด
การหาปรมิ าตรไม้
วิธคี านวณโดยการใช้สูตร

187

รปู ท1ี่ 1.13 สตู รหาปริมาตรไมเ้ มื่อกาหนดความยาวเป็นเมตร

ตวั อยา่ ง 1 ไมท้ ่อนหนง่ึ กว้าง 2 น้ิว หนา 1 น้ิว ยาว 4 เมตร จานวน 100 ท่อน จงหาปรมิ าตร
ของไม้
ปรมิ าตรของไมก้ ว้าง x หนา x ยาว x 0.0227 x 100
วธิ ที า

แทนค่า = 2” x 1” 4 ม. X 100 x 0.0227

= 18.16 ลูกบาศก์ฟตุ ตอบ

รปู ที่ 11.14 สตู รหาปริมาตรไมเ้ มอื่ กาหนดความยาวเปน็ ฟตุ
ตวั อย่าง 2 ไมท้ อ่ นหนง่ึ กว้าง 2 น้วิ ยาว 5 ฟุต หนา 1 ฟตุ จานวน 50 ทอ่ น จงคานวณหา

ปรมิ าตรไมท้ ่อนนี้
วธิ ที า สตู รการหาปรมิ าตรของไม้ ( ฟุต 3 ) = กวา้ ง x ยาว x หนา x จานวนทอ่ นไม้

144

แทน = 2x 55x 1 x 50
144

= 3.47 ลูกบาศกฟ์ ตุ ตอบ
10.2.6หินทใ่ี ช้ทาคอนกรีต

ทใี่ ชก้ นั มากคอื หนิ ปูนและกรวดมรี าคาถกู หนิ ทใ่ี ช้ทาคอนกรตี จะตอ้ งมคี ุณสมบัตคิ อื มผี วิ หยาบ
ขรขุ ระมเี หลยี่ ม มคี วามสะอาด แขง็ แกรง่ ดีพอ และควรมขี นาดตา่ งกัน เพื่อจะไดป้ ระสานกนั ไดแ้ น่น

ขนาดของหนิ ทยี่ อ่ ยแล้วใชใ้ นการกอ่ สรา้ งมดี ังนี้
1. หนิ สี่ขนาด 8 -16 นิว้

188

2. หินสามขนาด 3 - 4 น้วิ
3. หินสองขนาด 1 - 2 น้ิว
4. หนิ หนง่ึ ขนาด 1 นวิ้
5. หนิ ฝุนมขี นาดประมาณ 1/2 นิ้ว
การซ้อื ขายนยิ มตวงเป็นลกู บาศกเ์ มตร
1. คอนกรตี ชนดิ อัตราส่วนผสม 1 : 2 : 4 หมายถงึ ปูนซเี มนต์ 1 สว่ น ทรายหยาบ 2 ส่วน

หนิ 4 ส่วน เปน็ ชนดิ คอนกรีตทีป่ อู งกนั นา้ ซมึ เชน่ หอ้ งใต้ดิน พืน้ ก้นบอ่ เขือ่ นก้ันนา้
2. คอนกรตี ชนดิ อตั ราส่วนผสม 1 : 2 : 3 เปน็ คอนกรตี ทใ่ี ช้ทาทางเทา้ พน้ื หอ้ ง ขั้นบันได ตอ

หมอ้ ผวิ ถนนคอนกรีต
อัตราส่วนผสมปูนทราย ปูนก่อ ปูนฉาบ
1. ปูนทราย อตั ราส่วนผสม 1 : 3 : 5 คอื ปนู ซีเมนต์ 1 ส่วน ทรายหยาบ 3 – 5 สว่ น
2. ปนู ก่อ อัตราสว่ นผสม 1 : 1 : 4 - 5 คอื ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน ปนู ขาว 1 ส่วน ทรายหยาบ

4 ส่วน
3. ปนู ฉาบ อัตราสว่ นผสม 1 : 1 : 4 - 6 คอื ปนู ซเี มนต์ 1 สว่ น ปูนขาว 1 สว่ น ทราย

ละเอยี ด 4 - 6 ส่วน
หินท่จี ะนามาใชเ้ ป็นวัสดุผสมคอนกรีต จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1. มคี วามแขง็ แกรง่
2. มีผิวขรุขระ มแี ง่เหลีย่ มคม เพอ่ื ใหท้ รายหรอื ซเี มนต์ยดึ เกาะได้อยา่ งมน่ั คง
3. ทนตอ่ ความร้อน
4. มีขนาดพอเหมาะกบั งานที่ใช้
5. สะอาด ปราศจากสงิ่ สกปรกเจอื ปน
11.2.7 ทรายและกรวด
ทรายและกรวด เป็นวสั ดกุ อ่ สร้างทใี่ ช้เป็นส่วนผสมของคอนกรตี ทรายเปน็ ส่วนเลก็ ๆ ท่ีแตกแยกออกมา
จากหินและเกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ ขนาดของทรายจะโตไมเ่ กนิ 2 มม. ถ้าขนาดโตกว่าน้ันเรียกว่า กรวด
โดยท่วั ไปแบ่งทรายออกเป็น 4 ชนดิ คือ
1. ทรายบก พบบนบกห่างจากทะเลและไมม่ ีความเคม็ ติดอยู่
2. ทรายแมน่ า้ , ลาธาร พบตามแม่น้า, ลาธาร
3. ทรายทะเล พบตามชายทะเล หรอื บนบกห่างทะเล แตม่ คี วามเค็มอยู่
4. ทรายทเ่ี กิดจากการยอ่ ยเปน็ ก้อนเล็ก ๆ
ทรายทงั้ 4 ชนดิ จะใชท้ าคอนกรีตในลักษณะและคุณสมบตั ิต่าง ๆ กนั สาหรบั ทรายทใี่ ช้ในการผสม
คอนกรตี ไมค่ วรนาทรายจากทะเลมาใช้ เพราะเกลือแรท่ ีต่ ดิ อยกู่ ับทรายจะดูดความชื้น ทาใหค้ อนกรตี หรอื ผนงั
ปูนฉาบมีความชนื้ อยู่เสมอ นอกจากน้นั ในงานคอนกรีตเสริมเหลก็ ถา้ นาทรายประเภทนีไ้ ปใช้จะทาใหเ้ หล็กเปน็
สนิมไดง้ ่าย
การทีต่ ้องใช้ทรายเปน็ ส่วนผสมของคอนกรีต, ปนู ก่อ, หรือปูนฉาบ เนอ่ื งมาจาก
1. ทราย สามารถแทรกตัวเขา้ ไปอุดชอ่ งวา่ งของหินในคอนกรตี ได้ดที าให้คอนกรตี แน่น ไม่เปน็ โพรง
2. ช่วยเพิม่ ปรมิ าณของคอนกรตี และปูนก่อ
3. ทรายเปน็ ตัวตา้ นทานการยืดหด อันเกิดจากคอนกรตี ขยายตัว เมือ่ อณุ หภูมเิ ปล่ียนแปลงไดเ้ ป็นอยา่ ง

ดี
4. เหลย่ี มคมของทราย ทาใหส้ ว่ นผสมของคอนกรตี ยึดตัวกันแน่นไดด้ ี

189
ชนดิ ของทรายที่นยิ มใชใ้ นงานก่อสรา้ ง

1. ทรายหยาบ เปน็ ทรายเมด็ ใหญ่ มเี หลี่ยม แง่ มุมแข็งแรง ใช้เปน็ สว่ นผสมของคอนกรตี ทต่ี า้ นกาลงั
มาก เช่น ฐานราก, โครงสร้างอาคาร ฯลฯ

2. ทรายกลาง เป็นทรายทม่ี ีขนาดปานกลาง ใชส้ าหรบั ปูนก่อ เชน่ ก่อกาแพงอฐิ ฯลฯ
3. ทรายละเอยี ด เปน็ ทรายทมี่ ีขนาดละเอียดมาก ใช้สาหรับผสมปนู ฉาบ ทาบงั ประกอบลวดลาย

ฯลฯ
ทรายท่ีใชผ้ สมคอนกรตี ควรมีคุณสมบตั ดิ ังน้ี

1. ไม่มดี นิ , ถ่าน หรอื ฝนุ ผสมอยู่เกินกวา่ 1 % โดยนา้ หนกั
2. ไม่มีอนนิ ทรียส์ าร ได้แก่ ตะไครน่ ้า, ใบไม้หนา ฯลฯ ปะปนอยูม่ าก
3. เปน็ ทรายน้าจดื หรอื ทรายบก
4. มีรูปร่างเปน็ เหลี่ยม เพ่อื ชว่ ยในการเกาะตัวของคอนกรีต

รูปที่ 11.15 เรือดดู ทราย
11.2.8 วัสดุมุงหลังคา

วัสดุทใี่ ชม้ งุ หลังคามหี ลายชนิดและมีขนาดตา่ ง ๆ กัน ทง้ั ทผ่ี ลิตจากในประเทศและต่างประเทศ ซง่ึ วัสดุ
เหล่านว้ี ธิ ีการมงุ ตา่ ง ๆ กันเพือ่ ให้ไดป้ ระโยชนใ์ นการปอู งกนั การรั่วไหลของนา้ ฝน ปูองกนั แดดและความชื้นได้ดี

วัสดแุ บง่ ตามประเภทวัสดุไดด้ งั น้ี
1. วสั ดุมงุ ทที่ าจากพชื ธรรมชาติ เช่น จาก, แฝก, หญ้าคา ฯลฯ
2. วัสดมุ งุ ทท่ี าจากดินเผา เชน่ กระเบอื้ งดนิ เผาตา่ ง ๆ มีทง้ั ชนิดเคลอื บผิวมันและไมเ่ คลอื บผวิ
3. วสั ดมุ งุ ทท่ี าจากปูนซเี มนตผ์ สมทราย เช่น กระเบือ้ งซีเมนตต์ ่าง ๆ
4. วัสดุมุงทท่ี าจากปนู ซเี มนตผ์ สมใยหนิ ( Asbestos ) ได้แก่ กระเบ้ืองทีท่ าเปน็ แผ่นใหญ่ ๆ มหี ลายสี
5. วัสดมุ งุ ทท่ี าจากพลาสติก เช่น Filon Plastic Panel, Perspex, S – Lon
6. วสั ดมุ งุ ทที่ าจากโลหะ เชน่ สงั กะสลี กู ฟกู ฯลฯ

190

1. วสั ดุมุงที่ทาจากพชื ธรรมชาติ
จาก ทามาจากใบจากโดยเอาใบจากมาเยบ็ ติดกนั เปน็ แผ่นใหญ่ โดยใชไ้ มร้ วกเป็นโครงความกว้างของตบั

จากประมาณครงึ่ หนงึ่ ของความยาวของใบจาก การมงุ หลงั คาดว้ ยจาก จะตอ้ งวางเรียงทบั กันเพอ่ื ปอู งกันมใิ หร้ ัว่
และมมุ ของหลังคาตอ้ งชนั พอควร โดยจะเอยี งมากกว่า 45 องศา กับแนวนอน หลงั คาที่มุงดว้ ยจาก จะ
ปูองกนั ความรอ้ นได้ดี แตต่ ดิ ไฟง่ายและไมท่ นทานตอ้ งซอ่ มแซมอยเู่ สมอ นอกจากน้ยี ังมีวสั ดมุ งุ ธรรมชาตอิ ย่างอ่นื
ทีใ่ ช้มงุ หลังคาไดอ้ กี เช่น หญา้ คา, ใบตองตงึ ฯลฯ

2. วัสดทุ ่ที าจากดนิ เผา
ส่วนมากจะทาเปน็ กระเบือ้ งแผ่นเลก็ ๆ มีทงั้ ชนดิ ทเ่ี คลือบสใี หเ้ ปน็ มัน และบางชนิดก็ไมเ่ คลอื บสเี คลือบท่ี

นยิ มใช้กันมี สีแดง, สีเหลือง, สีเขยี ว งานทพ่ี บสว่ นใหญจ่ ะเป็นหลงั คาโบสถ์, บา้ นเรอื นทรงไทยโบราณ ฯลฯ
3. วัสดทุ ่ที าจากซเี มนต์ผสมทราย
หลงั คาทใี่ ชก้ ระเบือ้ งมุงทท่ี าจากวัสดุชนดิ นี้ ตอ้ งให้หลังคามคี วามเอยี งลาดพอสมควร โดยตอ้ งไมน่ อ้ ยกว่า

30 องศา การมงุ หลงั คาชนิดน้ีใชไ้ ม้ระแนงเป็นตัวรอบรบั กระเบ้ือง ทีพ่ บสว่ นใหญม่ กั จะเป็นบา้ นตามชนบท,
หลงั คากฏุ ,ี หลงั คาโรงฉนั

4. วัสดุมงุ ทที่ าจากซเี มนตผ์ สมใยหิน
วสั ดุมงุ ชนิดนีเ้ ป็นกระเบอ้ื งลอนแผ่นใหญ่ ชนิดลอนลกู ฟกู ซ่งึ มีทง้ั ลอนเลก็ , และลอนใหญ่ การทาโครง

หลงั คาสาหรบั วสั ดมุ งุ หลงั คาชนิดนี้นิยมใช้ไม้ขนาด 11 x 3 นิ้ว ท่ีเรียกวา่ แป เป็นตวั รองรบั กระเบอื้ งจงึ ทา
2

ใหร้ ะยะระหวา่ งจันทัน หา่ งกันไดม้ ากพอสมควร

รปู ที่ 11.16 การยึดกระเบ้อื งโดยใชข้ อรับกระเบื้อง

191

รปู ท่ี 11.17 การยึดกระเบ้อื งโดยใชข้ อรับกระเบื้อง

รูปที่

11.18 อุปกรณท์ ่ีใช้ยึดกระเบอื้ งกบั แป

ชนดิ ของกระเบ้ือง
1. กระเบอ้ื งทผี่ ลิตจากต่างประเทศ
Ardex เป็นกระเบ้ืองลกู ฟูก แผ่นหนงึ่ มี 6 ลอน ขนาดความกว้าง 207 นวิ้ นาว 5

8

ฟตุ ผลิตจากประเทศเบลเยยี่ ม มสี เี ทา, สีชมพู, สเี หลอื งข่นุ , สเี ขียว, และสเี ทาออ่ น
Ondula เป็นกระเบ้ืองชนดิ ลกู ฟูกใหญ่ แผ่นหนงึ่ มี 7 ลอนขนาดความกวา้ ง 53.25
ซม. ความยาวมีหลายขนาด ต้งั แต่ 4 ฟตุ , 5 ฟุต, และ 6 ฟตุ ผลติ จากประเทศอิตาลี
2. กระเบื้องทผ่ี ลิตภายในประเทศ
กระเบอ้ื งลอนคู่ มีสขี าว สีเขียวและสีแดง กระเบือ้ งชนดิ น้นี ิยมใชก้ ันมากทั้งในอาคาร ท่ี
พักอาศัยและอาคารประเภทสาธารณะ โรงงานตา่ ง ๆ ขนาดกวา้ ง 50 ซม. ความยาวมี
หลายขนาด เช่น 90 ซม. 120 ซม., 150 ซม., 180 ซม.
กระเบ้ืองลูกฟูกลอนเล็ก ขนาดกวา้ ง 54 ซม. ยาว 150 ซม. หนา 4 มม. สที ผ่ี ลิต
ออกมามสี ีเทา สีแดง สีเขยี ว และสีแสด แผน่ หนึ่งมี 7 ลอน
กระเบอ้ื งลูกฟกู ลอนใหญ่ มีหลายขนาด คอื ขนาด 102 x 120 ซม. ขนาด 102 x
150 ซม. ขนาด 102 x 180 ซม., ขนาด 102 x 240 ซม. กระเบอื้ งชนดิ นเี้ หมาะ
สาหรับมงุ หลังคาโรงงานตา่ ง ๆ นิยมใช้กันแพรห่ ลาย
5. วสั ดมุ งุ ทีท่ าจากพลาสตกิ
กลา๊ สโซลทิ ( Glasolit ) เปน็ พลาสตกิ โปรง่ แสง จาหน่ายโดยบริษทั ค้าวสั ดกุ อ่ สรา้ ง จากดั มที ง้ั ชนิดลูกฟกู
ลอนใหญ่ ลกู ฟูกลอนเล็ก และชนิดแผน่ เรียบ มีสีต่าง ๆ เชน่ สีเหลอื ง สเี ขียว สฟี าู ทามาจากพลาสติก
ประเภท Polyester Synthetic Resin และเสรมิ กาลงั ใหแ้ ข็งโดยใยแก้วบาง ๆ ใช้ในการมงุ หลงั คาทตี่ อ้ งการ
แสงสวา่ งโดยท่วั ๆ ไป กล๊าสโซลทิ ทนต่อกรด ด่างออ่ น ๆ ไดค้ ณุ สมบัติพเิ ศษก็คอื ทนต่อความร้อนเปน็ พิเศษ
กล๊าสโซลิทลอนคู่ มขี นาด 50 x 120 ซม., 50 x 150 ซม., 50 x 180 ซม.
กลา๊ สโซลิทลูกฟนู ลอนเลก็ มีขนาด 54 x 150 ซม., 54 x 120 ซม.

192

กลา๊ สโซลิทลกู ฟูกลานใหญ่ มีขนาด 100 x 120 ซม., 100 x 150 ซม., 100 x 180
ซม.

กลา๊ สโซลิทแผ่นเรยี บ มขี นาด 120 x 100 ซม.
ฟิลลอน ( Filon ) เป็นพลาสตกิ ลกู ฟกู ผลิตโดยบริษทั Filon Plastic Corp สหรฐั อเมริกา มีสตี า่ ง ๆ
เช่น เหลือง แสด เขียว น้าตาล สหี ยก ฯลฯ

ฟลิ ลอน มขี นาด 26 x 72 น้ิว., 34 x 54 นิ้ว., 34 x 50 นว้ิ ., 34 x 84 น้ิว., 34 x
90 นวิ้ .,
เปอรส์ เปค ( Perspex ) เปูนกระเบื้องลอนค่พู ลาสติกใส ขนาดเท่ากบั กระเบ้ืองลอนคู่ คอื 50 x 120

ซม. ผลติ จาหน่ายโดยบรษิ ทั Imperial Chemical Industries Limited ประเทศอังกฤษ
ฮชิ ิ นามิ ( Hishi Nami ) เปน็ พลาสตกิ ชนิด Rigid Polyvinyl Choride ผลติ จากประเทศญปี่ ุน เป็น

พลาสตกิ ลกู ฟกู มีสีตา่ ง ๆ คือ สีใส, สเี ขยี ว, สขี าวขนุ่ , สีฟูา

เอส –ลอน ( S-Lon ) เป็นพลาสติกลกู ฟกู สาหรับมุงหลงั คาท่ตี อ้ งการแสงสว่าง ทาด้วย Polyvinyl
Chloride มลี วดแบบมงุ้ ลวดฝังอยขู่ า้ งในเพ่ือเสริมกาลัง แผน่ S – Lon ไม่ไหม้ไฟ ผลติ จากประเทศญปึ่ ุน มสี ี
ตา่ ง ๆ เชน่ สีฟูา, สเี หลอื ง, สเี ขียว, สแี ดง

S-lon มีขนาดตา่ ง ๆ เช่น 0.655 x 1.822 ม., 0.91 x 2.43 ม. ฯลฯ

6. วัสดมุ ุงทีท่ าจากโลหะ
สงั กะสลี ูกฟูก ผลติ ในประเทศไทย ขณะน้บี รษิ ทั สงั กะสไี ทยจากดั ผลิตสงั กะสลี กู ฟูกตรา 3 มงกุฎ,

บริษิทผลติ ภัณฑส์ ังกะสี ผลติ สังกะสลี กู ฟกู ตรา 3 ดาวเทยี ม
ขนาดของสังกะสสี ่วนมากผลิตออกมาในขนาดกวา้ ง 2.5 ฟุต ( ทเี่ รยี กว่า ขนาด 2.5 ฟตุ น้ันเป็น

ขนาดกอ่ นท่จี ะทาลอนลูกฟกู เมือ่ ทาลกู ฟกู แลว้ จะเหลอื กว้างจรงิ เพียง 25 1 นิว้ เท่าน้ัน )
2
ขนาดความยาวของสังกะสีมีหลายขนาด เช่น 5 ฟุต, 6 ฟตุ , 10 ฟตุ , 12 ฟตุ เปน็ ต้น

ขนาดของสงั กะสีลกู ฟกู ตรา 3 มงกฎุ

เบอร์ ขนาดกวา้ ง ความยาว

35 2 1/2 ฟุต 5 – 12 ฟุต

33 2 1/2 ฟุต 5 – 12 ฟุต
32 2 1/2 ฟุต 5 – 10 ฟตุ
31 2 1/2 ฟตุ 5 – 10 ฟุต

31 3 ฟตุ 6 – 10 ฟุต
30 3 ฟตุ 6 – 10 ฟุต
28 2 1/2 ฟุต 5 – 10 ฟตุ

35 3 ฟตุ 6 – 10 ฟุต
คาถาม
แบบฝกึ หดั

1. วสั ดุกอ่ สรา้ งหมายถึง
2. วัสดุก่อสร้างแบ่งออกได้...................ประเภท ไดแ้ ก.่ ................

193

3. บอกชื่อปนู ซเี มนตอ์ ย่างนอ้ ย 3 ชนดิ
4. กรรมวธิ ีการผลิตปูนซเี มนตใ์ นกระบวนการแข็งกบั กระบวนการเปยี ก ต่างกันคือ
5. คอนกรีตจะมสี ่วนผสม
6. ปูนก่อต่างจากปูนฉาบอย่างไร
7. ยกตวั อยา่ งคณุ ลกั ษณะท่ีดีของอิฐมา 3 ข้อ
8. ไมแ้ บง่ ออกเปน็ ................ ชนดิ ได้แก่ ....................................
9. ในการซ้ือขายไม้โดยทวั่ ๆ ไป มกี ารวดั ความยาวเป็น ........................... หนา้ ตดั เป็น.....................

ในการซื้อขายไม้สกั ความยาวเปน็ ....................... หนา้ ตดั เปน็ .................
10. สาเหตุทาใหไ้ ม้ผพุ ง คือ
11. หนิ ทจ่ี ะใชใ้ นการทาคอนกรตี จะตอ้ งมีคุณสมบัตคิ ณุ สมบตั ิ
12. ทรายท่ใี ช้ในงานก่อสร้างมี ............................. นดิ ไดแ้ ก่
13. ทรายตา่ งจากกรวด คือ
14. วสั ดมุ ุงหลงั คาทีท่ าจากธรรมชาติ ได้แก่
15. ยกตวั อยา่ งวสั ดุมงุ หลังคาจากพลาสตกิ มา 3 ชนดิ

เฉลยคาถาม

เฉลยแบบฝกึ หดั

1.วสั ดุ หมายถงึ วสั ดุท่ใี ช้ในงานกอ่ สร้างเพื่อตอบสนอง ความต้องการอานวยความสะดวก สนองตอบความ

ตอ้ งการ ซงึ่ นบั ว่าจาเป็นในความตอ้ งการของมนษุ ย์

2.แบ่งได้ 3 ประเภท 1. ก่อสร้างท่วั ไป 2. วัสดมุ งุ หลังคา 3. วัสดุปูพืน้

3. 1. ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลน

2. ปนู ซีเมนต์ธรรมชาติ

3. ปนู ซเี มนตป์ ลั โซลาน

4. ปูนซเี มนตอ์ ลมู นิ สั

5. ปูนซีเมนตซ์ ลิ กิ า

4. ต่างกันคอื วตั ถดุ ิบจะใช้ต่างกนั แบบแข็ง ใช้หนิ ปูน, หนิ เชล, อลมู ินา – ซลิ กิ า มายอ่ ขนาดสว่ นแบบเปยี ก

จะใช้ดนิ เหนียว ดินมารล์ ดินสอพอง ไปกวนในนา้

5. คอนกรตี มสี ่วนผมของปนู ซเี มนต์ ทราย หนิ และนา้ ในอัตราสว่ นพอเหมาะ

6. ปูนกอ่ จะใช้ทรายหยาบเปน็ สว่ นผสม

7. 1. มผี ิวเรยี บสม่าเสมอไมบ่ ิดงอ 2. เคาะเสียงดงั แกร่ง

3. แผ่นอิฐสกุ และมสี สี มา่ เสมอ 4. มคี วามเหนยี วไม่แตกง่ายและน้าหนกั เบา

5. ความแขง็ แรงทนทานรบั นา้ หนกั ไดม้ าก 6. มรี ูปร่างเรียบร้อยดี ไมแ่ อ่นบดิ หรอื มีขอบขรขุ ระมาก

7. เหลย่ี มแลมมุ ได้ฉาก 8. น้าหนักเทา่ กันทกุ กอ้ น

9. ไมด่ ดู นา้ เกิน 10 % 10. มเี นอ้ื แนน่ ไม่พรนุ

11. ตา้ นทานแรงอัดสงู

8. ไมแ้ บง่ ได้ 3 ชนดิ

9. ไม้ทั่ว ๆ ไป ความยาวเป็นเมตร พ้นื ทีห่ น้าตดั วัดเป็นนว้ิ

ไม้สกั ความยาวเปน็ ฟตุ พื้นทห่ี น้าตดั วดั เปน็ น้วิ

194

10. 1. ความช้นื ในเน้ือไม้ 2. เกิดเชือ้ รา 3. ไม้แหง้ หดตวั 4. มปี ลวก แมลง ทาลายเนอื้ ไม้
11. 1. มีความแข็งแกรง่

2. มผี ิวขรุขระมีแง่เหลี่ยมคม
3. ทนตอ่ ความร้อน
4. มีขนาดพอเหมากบั งานทใ่ี ช้
5. สะอาดปราศจากสงิ่ สกปรกเจือปน
12. 3 ชนิด 1. ทรายหยาบ 2. ทรายกลาง 3. ทรายละเอียด
13. ทรายจะมขี นาดโตไมเ่ กนิ 2 ม.ม. กรวดจะมีขนาดโตกวา่ 2 ม.ม. ขน้ึ ใบ
14. ทาจากธรรมชาติ ได้แก่ จาก แฝก, หญ้าคา, ใบตอง
15. กล๊าสโซลนิ ลูกฟกู ลอนใหญ่ ลูกฟกู ลอนเล็ก แบบโปรง่ แสง
เอกสารอา้ งองิ
................................................................................................................................................................... .................
................................................................................................................. ...................................................................

พส.15

ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)

รหสั วชิ า……20100 - 1002…..………….วิชา……วสั ดุชา่ งอุตสาหกรรม……………………

ชอื่ หน่วย บทท่ี 6 วัสดกุ ่อสร้าง

เร่อื ง วสั ดกุ อ่ สร้าง จานวนชัว่ โมงสอน..........2............

จดุ ประสงค์การมอบงาน
1. จาแนกชนิดของวัสดกุ ่อสรา้ งท่ัวไปได้
2. บอกวัสดุกอ่ สรา้ งมงุ หลังคาได้
3. บอกวสั ดกุ อ่ สรา้ งปพู น้ื

แนวทางการปฏิบตั งิ าน
ศึกษาเนอ้ื หาจากใบงานและหนังสอื อา้ งอิง วัสดชุ ่างอุตสาหกรรม

แหลง่ คน้ คว้า
1.หนงั สือวสั ดชุ า่ งอตุ สาหกรรม
2.ชุดแบบทดสอบ

3.สือ่ รูปภาพและ Power Point

คาถาม/ปัญหา

195

คาสัง่ ใหเ้ ตมิ คาหรอื ข้อความลงในช่องวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง
1. วัสดกุ ่อสรา้ งหมายถงึ
____________________________________________________
2. วัสดุก่อสรา้ งแบง่ ออกได.้ ..................ประเภท ไดแ้ ก.่ ................
____________________________________________________
____________________________________________________
3. บอกช่อื ปนู ซเี มนตอ์ ยา่ งนอ้ ย 3 ชนดิ
____________________________________________________
____________________________________________________
4. กรรมวิธกี ารผลิตปนู ซเี มนตใ์ นกระบวนการแข็งกบั กระบวนการเปยี ก ต่างกนั คือ
____________________________________________________
5. คอนกรตี จะมสี ่วนผสม
____________________________________________________
6. ปูนกอ่ ต่างจากปูนฉาบอยา่ งไร
____________________________________________________
____________________________________________________

7. ยกตัวอยา่ งคณุ ลักษณะท่ดี ีของอฐิ มา 3 ข้อ
____________________________________________________
____________________________________________________
8. ไมแ้ บ่งออกเปน็ ................ ชนิด ได้แก่ ....................................
____________________________________________________
____________________________________________________
9. ในการซอ้ื ขายไมโ้ ดยทวั่ ๆ ไป มีการวดั ความยาวเปน็ ........................... หนา้ ตัดเปน็ .....................

ในการซอ้ื ขายไม้สกั ความยาวเปน็ ....................... หนา้ ตดั เปน็ .................
____________________________________________________
____________________________________________________
10. สาเหตทุ าให้ไมผ้ พุ ง คอื
____________________________________________________
11. หินทจ่ี ะใชใ้ นการทาคอนกรตี จะต้องมคี ณุ สมบัตคิ ณุ สมบตั ิ
____________________________________________________
12. ทรายที่ใชใ้ นงานก่อสร้างมี ............................. นิดได้แก่
____________________________________________________
____________________________________________________
13. ทรายต่างจากกรวด คือ
____________________________________________________
14. วัสดุมุงหลังคาทท่ี าจากธรรมชาติ ได้แก่
____________________________________________________
15. ยกตวั อยา่ งวัสดุมุงหลังคาจากพลาสตกิ มา 3 ชนดิ

196

____________________________________________________
กาหนดเวลาทางาน
1..ใหท้ าแบบฝึกหดั หลงั ครอู ธบิ ายในเน้ือหาเสรจ็ และใหเ้ วลานกั เรียนศึกษาค้นควา้ จากข้อมลู ท่ใี ห้ ประมาณ 1 ชม.
หมายเหตุ ควรมภี าพประกอบแสดงการปฏิบัติงานในแต่ละขนั้

พส.16

ใบกจิ กรรมที่.......6.........

รหัสวิชา 20100-1002 วิชา วสั ดชุ ่างอุตสาหกรรม ท-ป-น…2-0-2…

หน่วยท่ี.. บทท่ี 6 วสั ดกุ อ่ สรา้ ง เวลา..2.ชม.

ช่อื กจิ กรรม.................แบบทดสอบหลงั เรยี น....................เวลา........2......ชม.

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. จาแนกชนดิ ของวัสดุก่อสร้างทั่วไปได้
2. บอกวัสดุกอ่ สร้างมงุ หลงั คาได้
3. บอกวัสดุกอ่ สร้างปพู ืน้

วัสด/ุ อปุ กรณ์
1.หนังสือวัสดชุ ่างอตุ สาหกรรม
2.ชุดแบบทดสอบหลงั เรียน

คาสัง่
1. ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ถูกตอ้ ง

197
2. ..................................................................................................................................................................

การประเมินผล

1ข้ันดีเยี่ยม แบบทดสอบหลังเรยี น แบบฝกึ หัดและใบปฏบิ ตั ิงาน เกณฑผ์ ่านร้อยละ 100 ได้ 5

คะแนน

2ขัน้ ดี แบบทดสอบหลงั เรยี น แบบฝกึ หดั และใบปฏิบตั ิงาน เกณฑผ์ ่านไม่ตา่ กว่ารอ้ ยละ 80 ได้ 4 คะแนน

3ขนั้ ปานกลาง แบบทดสอบหลังเรียน แบบฝกึ หดั และใบปฏบิ ตั งิ าน เกณฑผ์ ่านไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 70 ได้ 3 คะแนน

4ขั้นพอใช้ แบบทดสอบหลงั เรยี น แบบฝกึ หัดและใบปฏบิ ัตงิ าน เกณฑ์ผ่านไมต่ า่ กว่ารอ้ ยละ 60 ได้ 2 คะแนน

5ขน้ั ปรับปรงุ แบบทดสอบหลังเรียน แบบฝกึ หัดและใบปฏบิ ตั งิ าน เกณฑผ์ า่ นไม่ต่ากวา่ รอ้ ยละ 50 ได้ 1

คะแนน

แบบทดสอบหลังเรียน

วิชา วสั ดอุ ุตสาหกรรม 2100-1002
คาส่ัง ให้เลอื กคาตอบท่ถี ูกตอ้ งทส่ี ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว
1. เมอื่ ตอ้ งการใหป้ นู ซเี มนตท์ ผี่ ลิตแข็งตวั ช้าลงจะต้องเพิม่ อะไร

ก. หนิ ปูน
ข. ทราย
ค. ยปิ ซัม่

ง. ถกู ทุกขอ้
2. ปูนซเี มนตซ์ ลิ ิกา เกดิ จากการผสมทรายละเอยี ดเขา้ ไปประมาณกี่เปอรเ์ ซ็นต์

ก. 15 %

ข. 25 %
ค. 35%
ง. 45 %

3. ปนู ซเี มนตจ์ ถูกบรรจเุ พอ่ื จาหน่ายกระสอบละกก่ี โิ ลกรัม
ก. 50 กก.
ข. 25 กก.

ค. 30 กก.
ง. 100 กก.
4. คอนกรีตที่ใชใ้ นการรบั แรงมากจ้ะองใช้อัตราส่วนผสมอย่างไร

ก. 1 : 1 : 2
ข. 1 : 2 : 4

198

ค. 1 : 3 : 5
ง. 1 : 3 : 6
5. เมือ่ ผสมคอนกรตี แล้วความช้ืนจะระเหยตัวเรว็ ทาใหก้ าลงั จะหดตัวแตกจงึ ควรจะนาไปใชง้ าน
ให้หมดภายในเวลาเท่าไร
ก. 50 นาที
ข. 45 นาที
ค. 30 นาที
ง. 60 นาที
6. ในส่วนผสมปนู ฉาบสงิ่ ทจี่ ะช่วยใหส้ ว่ นผสมเหลวลืน่ ถ่วงการกอ่ ตวั ของสว่ นผสม
ต้องผสมอะไรเขา้ ไปดี
ก. ดินเหนียว
ข. ทรายละเอียดมาก ๆ
ค. ปูนซีเมนต์
ง. ปูนขาว
7. ดินทใ่ี ชม้ าทาอิฐ ไดแ้ ก่ดนิ อะไร
ก. ดนิ เหนียว
ข. ดนิ ทราย
ค. ดินปะสวิ
ง. ดนิ ทว่ั ไป
8. อิฐชนิดไหนท่ีนยิ มใช้กนั มาก และราคาถกู
ก. อิฐเคลอื บ
ข. อฐิ มอญ
ค. อิฐแก้ว
ง. อฐิ บางบัวทอง
9. เหลก็ ทใี่ ช้ในงานก่อสรา้ ง ไปทาเปน็ โครงสร้างของอาคารตา่ ง ๆ จะมีส่วนผสมของคารบ์ อน
ในช่วงระหว่างเทา่ ไรถึงเทา่ ไร
ก. 2 – 667 %
ข. 0.56 – 1.5 %
ค. 2 – 4 %
ง. 0.12 – 0.6 %
10. ไม้เน้ือออ่ นคอื ไม้ทท่ี นตอ่ แรงตัดได้ไมเ่ กินกก่ี โิ ลกรมั
ก. 600 กโิ ลกรมั
ข. 500 กโิ ลกรมั
ค. 400 กโิ ลกรมั
ง. 300 กิโลกรมั
11. หนิ ที่ใชใ้ นการผมคอนกรตี เบอรส์ องมีขนาดเท่าไร
ก. 8 – 16 น้ิว
ข. 3 – 4 น้วิ
ค. 1 – 2 น้ิว
ง. 1 นว้ิ ลงไป
12. ทรายทีไ่ ม่นิยมมาใช้เปน็ สว่ นผสมของคอนกรตี คืออะไร
ก. ทรายบก

199

ข. ทรายแมน่ า้
ค. ทรายทะเล
ง. ทรายย่อม
13. กระเบอื้ งทผี่ ลิตภายในประเทศ คือข้อใด
ก. กระเบื้องลอนคู่
ข. กรเบ้อื งลกู ฟกู ลอนเล็ก
ค. กระเบอื้ งลกู ฟกู ลอนใหญ่
ง. ถูกทุกข้อ
14. พลาสตกิ ท่ใี ช้ทาวสั ดมุ งุ หลงั คา มีชือ่ ว่าอะไร
ก. กา๊ ซโซลิท
ข. ฟลิ ลอน
ค. เอส – ลอน
ง. ถูกทุกขอ้
15. สังกะสีลกู ฟูกทผ่ี ลิตในประเทศไทย ส่วนมากจะผลิตให้มีขนาดกว้างเทา่ ไร
ก. 3 ฟุต
ข. 2.5 ฟุต
ค. 5 ฟตุ
ง. 6 ฟตุ

200

เฉลย แบบทดสอบหลังเรยี น

1. ค
2. ข
3. ก
4. ก
5. ค
6. ง
7. ก
8. ข
9. ง
10.ก
11.ค
12.ค
13.ง
14.ง


Click to View FlipBook Version