ข้อมูลอาเซยี น
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ (องั กฤษ: Association of South East Asian
Nations) หรอื อาเซยี น (ASEAN) เปน็ องค์การทางภูมิรฐั ศาสตร์และเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ มี
ประเทศสมาชิกทง้ั หมด 10 ประเทศ ไดแ้ ก่ กัมพูชา ไทย บรไู น พม่า ฟิลิปปนิ ส์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม
สิงคโปร์ และอนิ โดนีเซยี อาเซยี นมีพนื้ ทร่ี าว 4,479,210 ตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากรราว 625 ล้านคนในปี
พ.ศ. 2553 จีดพี ขี องประเทศสมาชกิ รวมกันคิดเป็นมลู คา่ ราว 1.8 ลา้ นลา้ นดอลลารส์ หรฐั คดิ เป็นลาดับท่ี 9
ของโลกเรยี งตามจีดพี ี อาเซยี นมีภาษาองั กฤษเป็นภาษาทางการ
อาเซยี นมจี ดุ เรม่ิ ตน้ จากสมาคมอาสา ซึ่งก่อตงั้ ขึ้นเมอื่ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดยไทย มาเลเซีย
และฟิลปิ ปินส์ ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2510 ไดม้ กี ารลงนามใน ปฏญิ ญากรงุ เทพฯ อาเซยี นไดถ้ ือกาเนิดขึ้นโดยมรี ัฐ
สมาชกิ เริม่ ตน้ 5 ประเทศ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อความรว่ มมอื ในการเพมิ่ อัตราการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ การ
พัฒนาสงั คม วฒั นธรรมในกลมุ่ ประเทศสมาชิก และการธารงรกั ษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค และ
เปดิ โอกาสให้คลายข้อพพิ าทระหว่างประเทศสมาชิกอยา่ งสนั ต[ิ 13] หลงั จาก พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา อาเซียนมี
รฐั สมาชกิ เพมิ่ ข้นึ จนมี 10 ประเทศในปจั จบุ นั กฎบตั รอาเซยี นได้มกี ารลงนามเมือ่ เดอื นธันวาคม พ.ศ. 2551 ซึง่
ทาให้อาเซียนมสี ถานะคล้ายกบั สหภาพยโุ รปมากยง่ิ ข้ึน
เขตการคา้ เสรอี าเซียนได้เรมิ่ ประกาศใชต้ ง้ั แตต่ ้นปี พ.ศ. 2553 และกาลังกา้ วส่คู วามเปน็ ประชาคม
อาเซยี น ซึ่งจะประกอบด้วยสามดา้ น คือ ประชาคมอาเซียนด้านการเมอื งและความม่นั คง ประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซยี น และประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซยี น ในปี พ.ศ. 2558
ประวตั คิ วามเป็นมาประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น (AEC)
AEC เปน็ การพฒั นามาจากการเป็น สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ (The
Association of South East Asian Nations : ASEAN) ก่อต้งั ข้ึนตามปฏิญญากรงุ เทพฯ (Bangkok
Declaration) เมอื่ 8 สิงหาคม 2510 โดยมีประเทศผูก้ ่อตงั้ แรกเร่มิ 5 ประเทศ คือ อนิ โดนีเซีย มาเลเซยี
ฟลิ ิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ตอ่ มาในปี 2527 บรูไน ก็ไดเ้ ขา้ เปน็ สมาชิก ตามด้วย 2538 เวยี ดนาม ก็เขา้ รว่ ม
เปน็ สมาชกิ ต่อมา 2540 ลาวและพมา่ เขา้ รว่ ม และปี 2542 กัมพชู า ก็ได้เข้าร่วมเปน็ สมาชกิ ลาดบั ที่ 10 ทาให้
ปัจจบุ นั อาเซยี นเป็นกลุม่ เศรษฐกจิ ภมู ิภาคขนาดใหญ่ มปี ระชากร รวมกันเกือบ 500 ลา้ นคน
จากนน้ั ในการประชุมสุดยอดอาเซียนคร้ังที่ 9 ทอ่ี ินโดนีเซยี เมื่อ 7 ต.ค. 2546 ผู้นาประเทศสมาชกิ
อาเซียนได้ตกลงกันทจ่ี ะจัดต้งั ประชาคมอาเซยี น (ASEAN Community) ซงึ่ ประกอบดว้ ย 3 เสาหลกั คือ
1.ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น (Asean Economic Community : AEC)
2.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Socio-Cultural Pillar)
3.ประชาคมความมน่ั คงอาเซยี น (Political and Security Pillar)
ต่อมา ในระหวา่ งการประชุมผนู้ าอาเซยี นคร้งั ท่ี 10 เมอ่ื วนั ที่ 29 พฤศจิกายน 2547 ทเ่ี วียงจนั ทนผ์ นู้ าอาเซียน
ได้รบั รองและลงนามเอกสารสาคญั ท่จี ะวางกรอบความร่วมมอื เพือ่ บรรลกุ ารจดั ต้งั ประชาคมอาเซยี นตอ่ ไป
ได้แก่
1. แผนปฏิบัติการของประชาคมความมั่นคงอาเซียน
2. กรอบความตกลงวา่ ด้วยสนิ ค้าสาคญั ซึ่งจะชว่ ยเรง่ รดั ความรว่ มมือดา้ นสินค้าและบรกิ าร 11
สาขา
3. แผนปฏิบตั กิ ารประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซยี น
ในระหวา่ งการประชุมผูน้ าอาเซียน ครั้งที่ 10 ผนู้ าอาเซียนยงั ได้รบั รองแผนปฏบิ ตั กิ ารเวียงจนั ทน์
(Vientiane Action Programme - VAP) เป็นแผนดาเนนิ ความร่วมมอื ในช่วงปี พ.ศ. 2547-2553 โดยได้
กาหนดแนวคิดหลกั หรอื Theme ของแผนปฏบิ ตั กิ ารฯ ไวว้ า่ “Towards shared prosperity destiny in
Community” VAP จึงเท่ากบั เปน็ การจดั ลาดบั ความสาคญั ของแผนงานและโครงการของประชาคมอาเซียนที่
จะเรง่ ปฏบิ ตั เิ พอ่ื ให้เป็นไปตาม Theme ดงั กล่าว
ท่ปี ระชุมผนู้ าอาเซยี น คร้ังท่ี 10 เหน็ ชอบให้จัดต้ัง กองทนุ เพ่อื การพฒั นาอาเซียน (ASEAN Development
Fund) โดยแปลงจากกองทนุ อาเซียนเดมิ เพอื่ นามาเป็นแหล่งเงนิ ทุนเพอื่ ดาเนนิ กิจกรรมและโครงการต่างๆ
ของแผนปฏบิ ตั กิ ารเวยี งจันทน์ (VAP) อนั จะเป็นการส่งเสรมิ การรวมตัวเปน็ ประชาคมอาเซียน และเป็นกองทุน
ทสี่ ามารถระดมความสนับสนุนทง้ั จากตา่ งประเทศคูเ่ จรจาและแหล่งทุนอ่นื ๆ ซงึ่ ขณะน้ี ประเทศสมาชิก
อาเซียนกาลงั อย่ใู นระหวา่ งดาเนินการ คาดว่าจะสามารถจดั ต้ังกองทนุ ดงั กล่าวไดภ้ ายในปนี ี้ โดยจะมีการลง
นามความตกลงจัดตง้ั กองทนุ ดงั กล่าวในการประชมุ รฐั มนตรตี า่ งประเทศอาเซยี น ครง้ั ท่ี 38 ในเดือนกรกฎาคม
2548
ประชาคมความมัน่ คงอาเซียน (ASEAN Security Community-ASC)
มีวตั ถปุ ระสงคท์ จี่ ะทาใหป้ ระเทศในภูมิภาคอย่อู ย่างสนั ตสิ ขุ แก้ไขปญั หาภายในภมู ิภาคโดย
สนั ตวิ ธิ ีและยดึ ม่ันในหลกั ความมั่นคงรอบดา้ น เพ่อื ใหบ้ รรลุเปา้ หมายดงั กลา่ ว ประชาคมความมน่ั คง
อาเซยี น
1. ใช้เอกสารทางการเมอื งและกลไกของอาเซียนทม่ี ีอยูแ่ ลว้ ในการเพมิ่ ศกั ยภาพในการแก้ไข
ปัญหา
ขอ้ พพิ าทภายในภมู ิภาครวมทัง้ การตอ่ ตา้ นการก่อการร้าย การลกั ลอบค้ายาเสพตดิ การคา้ มนุษย์
อาชญากรรมข้ามชาตอิ ่ืนๆ และการขจดั อาวธุ ท่มี ีอานภุ าพทาลายล้างสูง
2. รเิ รมิ่ กลไกใหมๆ่ ในการเสรมิ สร้างความม่ันคง และกาหนดรปู แบบใหมส่ าหรบั ความ
ร่วมมือในด้านนี้
ซ่งึ รวมไปถงึ การกาหนดมาตรฐานการปอ้ งกนั การเกิดข้อพพิ าท การแก้ไขขอ้ พิพาท และการส่งเสริมสนั ตภิ าพ
ภายหลงั จากการเกดิ ขอ้ พพิ าท
3. สง่ เสรมิ ความร่วมมอื ดา้ นความม่นั คงทางทะเล ซ่ึงอาเซยี นยังไมม่ คี วามรว่ มมอื ด้านน้ี ทง้ั น้ี
ความ
ร่วมมือขา้ งตน้ จะไมก่ ระทบตอ่ นโยบายต่างประเทศ และความรว่ มมือทางทหารของประเทศสมาชิกกับประเทศ
นอกภูมภิ าค
ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC)
ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน กาหนดวตั ถุประสงคต์ ามวสิ ัยทศั น์อาเซียน 2020 ทีจ่ ะให้ภมู ภิ าคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้มคี วามมน่ั คง มัง่ คั่ง และสามารถแข่งขันกบั ภูมิภาคอนื่ ๆได้โดย
1. มุง่ ให้เกิดการไหลเวยี นอย่างเสรขี องสนิ คา้ การบริการ การลงทนุ เงินทนุ การพฒั นาทาง
เศรษฐกจิ
และการลดปญั หาความยากจนและความเหลื่อมล้าทางสงั คมภายในปี ค.ศ. 2020
2. มงุ่ ที่จะจดั ตัง้ ให้อาเซยี นเป็นตลาดเดียวและเป็นฐานการผลติ โดยจะรเิ รม่ิ กลไกและ
มาตรการใหม่
ในการปฏบิ ัตติ ามขอ้ ริเร่มิ ทางเศรษฐกจิ ที่มอี ยแู่ ลว้
3. ให้ความช่วยเหลอื แกป่ ระเทศสมาชกิ ใหมข่ องอาเซยี น (กมั พูชา ลาว พมา่ และเวียดนาม
หรอื
CLMV) เพอ่ื ลดช่องว่างของระดบั การพฒั นา และช่วยให้ประเทศเหลา่ นเี้ ขา้ รว่ มในกระบวนการรวมตัวทาง
เศรษฐกจิ ของอาเซยี น
4. ส่งเสรมิ ความรว่ มมือในนโยบายการเงนิ และเศรษฐกจิ มหภาค ตลาดการเงิน และตลาด
เงินทนุ การ
ประกันภยั และภาษอี ากร การพัฒนาโครงสรา้ งพน้ื ฐานและการคมนาคมกรอบความร่วมมือด้านกฎหมาย การ
พัฒนาความรว่ มมอื ดา้ นการเกษตร พลงั งานการทอ่ งเท่ยี ว การพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ โดยการยกระดบั
การศกึ ษาและการพฒั นาฝมี ือ
ในการน้ี ผนู้ าอาเซียนได้เห็นชอบใหเ้ ร่งรัดการรวมกลมุ่ สนิ คา้ และบรกิ ารสาคญั จานวน 11 สาขาใหเ้ ป็น
สาขานาร่อง ได้แก่
1. สนิ ค้าเกษตร
2. สินค้าประมง
3. ผลิตภัณฑไ์ ม้
4. ผลติ ภณั ฑย์ าง
5.สง่ิ ทอ
6. ยานยนต์
7. อิเลก็ ทรอนกิ ส์
8. เทคโนโลยสี ารสนเทศ (e-ASEAN)
9. การบรกิ ารด้านสุขภาพ
10. ทอ่ งเทยี่ ว
11. การขนสง่ ทางอากาศ (การบนิ )
ซง่ึ อาเซียนไดด้ าเนนิ การดงั น้ี
1. กาหนดให้ประเทศสมาชิกรับผิดชอบในการจดั ทา Roadmap ในแต่ละสาขา ได้แก่
- ไทย: ท่องเท่ียวและการขนสง่ ทางอากาศ (การบิน)
- เมยี นมาร์: สินคา้ เกษตรและสนิ คา้ ประมง
- อนิ โดนเี ซีย: ยานยนตแ์ ละผลิตภัณฑไ์ ม้
- มาเลเซยี : ยางและสงิ่ ทอ
- ฟิลปิ ปินส:์ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
- สิงคโปร:์ เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการบรกิ ารดา้ นสุขภาพ
2. จดั ทากรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลมุ่ สินคา้ และบรกิ าร 11 สาขาดังกล่าว คือ Framework
Agreement for the Integration of the Priority Sectors และพธิ สี าร 1 สาหรบั แตล่ ะสาขา คือ ASEAN
Sectoral Integration Protocal อีก 11 ฉบับ เพอ่ื กาหนดรายละเอียดเกีย่ วกบั มาตรการรว่ มทจ่ี ะใชใ้ นการ
รวมกลมุ่ สนิ คา้ และบรกิ ารสาคญั ทกุ สาขา โดยมมี าตรการสาคัญคอื การเปิดเสรกี ารคา้ สนิ คา้ การค้าบรกิ าร
การลงทุน การอานวยความสะดวกด้านการคา้ และการลงทนุ การส่งเสรมิ การคา้ และการลงทนุ และความ
รว่ มมือในด้านอ่นื ๆ
3. กาหนดให้ปี ค.ศ. 2010 เปน็ deadline สาหรบั การรวมตัวของสินค้าและบริการ 11 สาขาดังกลา่ ว โดยให้
มกี ารผ่อนปรนสาหรับประเทศกัมพชู า ลาว พมา่ และเวยี ดนาม (CLMV)
ประชาคมสงั คม-วฒั นธรรมอาเซยี น (ASEAN Socio-Cultural Community-ASCC)
ประชาคมสังคม-วฒั นธรรมอาเซียน มจี ดุ มุ่งหมายทจ่ี ะทาใหภ้ ูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้
อย่รู ว่ มกนั ในสังคมทเ่ี อื้ออาทร ประชากรมสี ภาพความเป็นอยทู่ ่ีดี ไดร้ บั การพฒั นาในทุกด้าน และมี
ความมนั่ คงทางสงั คม (Social Security) โดยเนน้ การส่งเสรมิ ความร่วมมือในด้านตา่ งๆ อาทิ
1. การพฒั นาสังคม โดยการยกระดับความเป็นอยขู่ องผดู้ อ้ ยโอกาสและผู้อาศยั ในถ่ิน
ทรุ กนั ดาร และ
สง่ เสริมการมสี ว่ นร่วมอยา่ งแข็งขันของกลุ่มต่างๆ ในสังคม
2. การพฒั นาการฝกึ อบรม การศึกษาระดบั พน้ื ฐานและสงู กวา่ การพฒั นาทางวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี การสรา้ งงาน และการคมุ้ ครองทางสงั คม
3.การสง่ เสรมิ ความรว่ มมอื ในด้านสาธารณสขุ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง การปอ้ งกันและเปน็
ข้อตกลง
ประเภทหนง่ึ ท่ีควบคุมโรคตดิ ตอ่ เช่น โรคเอดส์และโรคทางเดนิ หายใจเฉยี บพลนั รุนแรง
4. การจดั การปญั หาด้านสง่ิ แวดลอ้ ม
5. การสง่ เสรมิ การปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งนกั เขียน นกั คดิ และศิลปนิ ในภมู ิภาค
แผนปฏบิ ตั กิ ารของปรชาคมสังคม-วฒั นธรรมอาเซียน เน้นการดาเนนิ การใน 4 ประเดน็ หลกั คือ
1. สรา้ งประชาคมแหง่ สงั คมทเ่ี อื้ออาทรโดยเน้นการแก้ไขปญั หาควายากจน เสรมิ สร้างความเสมอ
ภาคและการพฒั นามนษุ ย์ อาทิ การพฒั นาสตรี เดก็ และเยาวชน การส่งเสรมิ สวสั ดกิ ารสงั คม การพฒั นา
ชนบทและขจดั ความยากจน การพฒั นาการศึกษาและสาธารณสุข และการเสรมิ สรา้ งความม่ันคงของมนษุ ย์
(Human Security) ในด้านต่างๆ ซงึ่ รวมถงึ การปราบปรามอาชญากรรมขา้ มชาติและการปอ้ งกันและจัดการ
ภยั พิบัติ
2. แก้ไขผลกระทบตอ่ สงั คมอันตอ่ เนอ่ื งมาจากการรวมตวั ทางเศรษฐกจิ โดยสรา้ งฐานทรพั ยากรมนุษย์
ที่สามารถแขง่ ขนั ไดด้ แี ละมรี ะบบการป้องกันทางสังคมท่เี พยี งพอ โดยใหค้ วามสาคญั กับการพฒั นาและส่งเสริม
แรงงานและเสรมิ สร้างความรว่ มมอื ในด้านอ่ืนๆท่เี กีย่ วขอ้ ง เชน่ สวัสดกิ ารสงั คมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
และสาธารณสุข (ปัญหาทมี่ ากบั โลกาภวิ ัตน์ เชน่ โรคระบาด โรคอบุ ัตใิ หม่และอบุ ตั ซิ ้า)
3. ส่งเสรมิ ความยงั่ ยนื ของสิง่ แวดลอ้ มและการจดั การดูแลสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งถูกตอ้ ง โดยมกี ลไกท่ี
พฒั นา
อยา่ งสมบูรณส์ าหรับจัดการและดูแลสงิ่ แวดล้อมอย่างเหมาะสม ตลอดจนการป้องการและขจัดภัยพบิ ตั ิด้าน
สิง่ แวดล้อม
4. เสรมิ สรา้ งรากฐานทจ่ี ะนาไปสปู่ ระชมคมอาเซยี นในปี ค.ศ. 2020 ซ่ึงจะเปน็ ภมู ภิ าคทป่ี ระชาคม
ตระหนกั ถงึ อตั ลกั ษณ์ (Identity) รว่ มกันของภูมอภาคทา่ มกลางความหลากหลายทางด้านประวตั ิศาสตรแ์ ละ
วัฒนธรรม ดว้ ยการสง่ เสรมิ ความเขา้ ใจระหว่างประชาชนในระดับและวงการต่างๆ การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์
และวัฒนธรรมของกันและกนั และการรบั ร้ขู อ้ มูลข่าวสารของกนั และกัน (การส่งเสรมิ ดา้ นวัฒนธรรมและ
สารสนเทศ)
สานักงานใหญ่-เลขาธกิ ารอาเซียน
สานกั งานใหญข่ องอาเซียนตง้ั อยู่ทก่ี รงุ จาการ์ตา ประเทศอนิ โดนเี ซีย ดร. สรุ ินทร์ พศิ สุวรรณ รองหัวหนา้ พรรค
ประชาธิปตั ย์ และสมาชิกสภานิติบญั ญัติแห่งชาติ ในโคควตาพรรคประชาธิปัตย์ เกิดวันท่ี 28 ตลุ าคม พ.ศ.
2492 เป็นนกั การเมืองชาวไทยมสุ ลมิ เคยดารงตาแหนง่ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาล
นายชวน หลีกภัย
อดตี ดร. สรุ นิ ทร์ดารงตาแหนง่ “เลขาธกิ ารอาเซียน” ซง่ึ มวี าระ 5 ปี เรม่ิ ตั้งแต่ พ.ศ. 2551-2555 โดย
จะนง่ั ทางานทีก่ รงุ จาการต์ า ประเทศอินโดนเี ซีย นับเป็นคนไทยคนทีส่ องท่ไี ดด้ ารงตาแหนง่ น้ี โดยคนไทยคน
แรกคือ แผน วรรณเมธี ได้ข้นึ ดารงตาแหนง่ ระหวา่ งปี พ.ศ. 2532-2536
ปจั จุบนั นายเล เลือง มินห์ เกดิ เมอ่ื วันที่ 1 กนั ยายน ปี ค.ศ. 1952 ถอื เป็นชาวเวียดนามคนแรกทไี่ ดร้ บั
ตาแหนง่ เลขาธิการอาเซยี นนายมินห์เคยดารงตาแหนง่ ผชู้ ว่ ยรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงการตา่ งประเทศ
เวยี ดนาม และไดร้ ับเสนอชอื่ จากรฐั บาลข้ึนดารงตาแหนง่ เลขาธกิ ารอาเซยี นระหวา่ งปี พ.ศ. 2556-2560
ก่อนได้รบั แต่งตั้งในตาแหน่งเลขาธกิ ารอาเซียน นายมินห์ได้รบั ราชการในกระทรวงการต่างประเทศ
เวยี ดนามมาเป็นระยะเวลายาวนานต้งั แตป่ ี 1975 และไดเ้ ตบิ โตในเส้นทางราชการในตาแหนง่ รองอธบิ ดกี รม
องคก์ ารระหว่างประเทศในปี 1993 จากน้ัน นายมนิ หไ์ ดด้ ารงตาแหนง่ เอกอคั รราชทูตผ้แู ทนถาวรประจา
องคก์ ารสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา และเมือ่ ครบวาระได้รบั แต่งต้งั เป็นผูช้ ว่ ยรฐั มนตรปี ระจากระทรวงการ
ตา่ งประเทศ
ระหวา่ งเดอื นธันวาคม ปี 1999 ถงึ ธนั วาคม 2002 นายมนิ ห์ดารงตาแหน่งรองอธบิ ดี และจากน้ัน
รักษาการณต์ าแหนง่ อธิบดีกรมองค์การระหวา่ งประเทศ กระทรวงการตา่ งประเทศจากนน้ั รกั ษาการณต์ าแหนง่
อธิบดแี ละอธบิ ดกี รมความร่วมมอื เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศกระทรวงการตา่ งประเทศระหวา่ งปี 2002-2004
เลขาธิการอาเซียนคนปจั จบุ นั ไดศ้ ึกษาด้านการทตู จาก the University of Foreign Affairs (ปจั จบุ ัน
เปล่ียนช่อื เปน็ สถาบัน the Diplomatic Academy of Viet Nam) ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยม
เวยี ดนาม และสาเรจ็ การศกึ ษาจากสถาบันดังกลา่ วในปี 1974 จากน้ัน ได้ศกึ ษาต่อดา้ นภาษาศาสตรแ์ ละ
วรรณคดีองั กฤษ ณ Jawaharlal Nehru University กรุงนวิ เดลี ประเทศอินเดยี
คาขวัญของอาเซียน
คาขวญั ของอาเซยี น คือ “ One Vision, One Identity, One Community.” หนง่ึ วสิ ัยทศั น์
หนง่ึ อัตลกั ษณ์ หนึ่งประชาคม
เดิมกาหนดเปา้ หมายทจ่ี ะตง้ั ขน้ึ ในปี 2563 แตต่ อ่ มาได้ตกลงกนั เลอื่ นกาหนดให้เรว็ ขึน้ เปน็ ปี
2558 และกา้ วสาคัญต่อมาคอื การจดั ทาปฏิญญาอาเซียน (ASEAN Charter) ซง่ึ มผี ลใช้บงั คบั แล้ว
ตงั้ แตเ่ ดือนธันวาคม ปี 2552 นับเปน็ การยกระดบั ความรว่ มมือของอาเซียนเข้าสู่มติ ใิ หมใ่ นการสร้าง
ประชาคม โดยมีพน้ื ฐานท่ีแขง็ แกรง่ ทางกฎหมายและมีองคก์ รรองรบั การดาเนินการเขา้ ส่เู ปา้ หมาย
ดงั กล่าวภายในปี 2558
ความหมายของสญั ลักษณอ์ าเซียน
สญั ลักษณอ์ าเซยี น
ตน้ ขา้ วสเี หลือง 10 ต้นมดั รวมกันไว้ หมายถงึ ประเทศสมาชกิ รวมกนั เพอื่ มติ รภาพและความเปน็ น้า
หนงึ่ ใจเดยี วกัน
สนี า้ เงิน หมายถึง สันตภิ าพและความมั่นคง
สแี ดง หมายถงึ ความกล้าหาญและความกา้ วหนา้
สีขาว หมายถึง ความบรสิ ุทธ์ิ
สเี หลือง หมายถงึ ความเจรญิ รงุ่ เรือง
ประเทศสมาชิกอาเซยี น
ปัจจุบันประเทศสมาชกิ อาเซยี น รวม 10 ประเทศได้แก่ ไทย พม่า มาเลเซยี อินโดนีเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ สิงคโปร์
เวยี ดนาม ลาว กัมพูชา บรูไน
ประวตั อิ าเซียน
1.บรูไน ดารสุ ซาลาม (Brunei Darussalam)
เมืองหลวง : บันดาร์ เสรี เบกาวนั
ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเปน็ องั กฤษและจนี
ประชากร : ประกอบดว้ ย มาเลย์ 66%, จีน11%,อ่นื ๆ 23%
นบั ถือศาสนา : อิสลาม 67%, พธุ 13%, คริสต์ 10%
ระบบการปกครอง : ระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์
2.กมั พชู า (Cambodia)
เมืองหลวง : กรงุ พนมเปญ
ภาษา : ภาษาเขมร เปน็ ภาษาราชการ รองลงมาเปน็ องั กฤษ, ฝร่งั เศส, เวียดนามและจนี
ประชากร : ประกอบดว้ ย ชาวเขมร 94%, จนี 4%,อื่นๆ 2%
นบั ถือศาสนา : พทุ ธ(เถรวาท) เป็นหลัก
ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตยเ์ ป็นประมุขภายใตร้ ฐั ธรรมนูญ
3.อนิ โดนีเซยี (Indonesia)
เมืองหลวง : จาการต์ า
ภาษา : ภาษาอินโดนีเซยี เปน็ ภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบดว้ ย ชนพืน้ เมอื งหลายกลุม่ มีภาษามากกวา่ 583 ภาษา ร้อยละ 61 อาศัยอยบู่ นเกาะชวา
นับถือศาสนา : อิสลาม 87%, คริสต์ 10%
ระบบการปกครอง : ประชาธปิ ไตยท่ีมปี ระธานาธิปดีเปน็ ประมขุ และหัวหนา้ ฝา่ ยบริหาร
4.ลาว (Laos)
เมอื งหลวง : นครหลวงเวียงจันทร์
ภาษา : ภาษาลาว เป็นภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบด้วย ชาวลาวลุม่ 68%, ลาวเทิง 22%, ลาวสูง 9% รวมประมาณ 68 ชนเผ่า
นบั ถือศาสนา : 75% นบั ถือพุทธ, นบั ถอื ผี 16%
ระบบการปกครอง : สงั คมนิยมคอมมิวนสิ ต์ (ทางการลาวใชค้ าว่า ระบบประชาธิปไตยประชาชน)
5.มาเลเซยี (Malaysia)
เมืองหลวง : กรงุ กวั ลาลมั เปอร์
ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเปน็ องั กฤษและจนี
ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 40%, จนี 33%, อินเดยี 10%, ชนพ้นื เมืองเกาะบอรเ์ นียว 10%
นับถอื ศาสนา : อิสลาม 60%, พธุ 19%, คริสต์ 11%
ระบบการปกครอง : ประชาธปิ ไตยในระบบรฐั สภา
6.พม่า (Myanmar)
เมืองหลวง : เนปดี อ (Naypyidaw)
ภาษา : ภาษาพม่า เป็นภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบด้วยเผา่ พันธุ์ 135 มี 8 เชื้อชาติหลกั ๆ 8 กลุม่ คือ พม่า 68%, ไทยใหญ่ 8%, กระเหร่ยี ง
7%, ยะไข่ 4% จีน 3% มอญ 2% อนิ เดยี 2%
นบั ถือศาสนา : นบั ถอื พุทธ 90%, คริสต์ 5% อสิ ลาม 3.8%
ระบบการปกครอง : เผดจ็ การทางทหาร ปกครองโดยรฐั บาลทหารภายใต้สภาสันติภาพและการพัฒนาแหง่ รฐั
7.ฟลิ ิปปินส์ (Philippines)
เมอื งหลวง : กรงุ มะนิลา
ภาษา : ภาษาฟลิ ิปโิ น และภาษาอังกฤษ เปน็ ภาษาราชการ รองลงมาเป็น สเปน, จีนฮกเก้ยี น, จีนแตจ้ ๋ิว
ฟิลปิ ปนิ ส์ มภี าษาประจาชาติคือ ภาษาตากาล็อก
ประชากร : ประกอบดว้ ย มาเลย์ 40%, จีน33%, อินเดยี 10%, ชนพ้นื เมอื งเกาะบอรเ์ นยี ว 10%
นับถือศาสนา : คริสตโ์ รมันคาทอลกิ 83% คริสต์นกิ ายโปรเตสแตนต์, อิสลาม 5%
ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบประธานาธิปดเี ป็นประมขุ และหัวหน้าฝา่ ยบริหาร
8.สิงคโปร์ (Singapore)
เมืองหลวง : สงิ คโปร์
ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาคือจีนกลาง สง่ เสริมใหพ้ ูดได้ 2 ภาษาคือ จีนกลาง และใหใ้ ช้
อังกฤษ เพื่อติดต่องานและชีวติ ประจาวนั
ประชากร : ประกอบดว้ ยชาวจนี 76.5%, มาเลย์ 13.8%, อนิ เดีย 8.1%
นบั ถือศาสนา : พทุ ธ 42.5%, อสิ ลาม 14.9%, ครสิ ต์ 14.5%, ฮนิ ดู 4%, ไม่นับถือศาสนา 25%
ระบบการปกครอง : สาธารณรฐั (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดยี ว) โดยมปี ระธานาธิปดีเปน็ ประมขุ และ
นายกรฐั มนตรเี ป็นหัวหนา้ ฝา่ ยบรหิ าร
9.เวียดนาม (Vietnam)
เมืองหลวง : กรุงฮานอย
ภาษา : ภาษาเวยี ดนาม เป็นภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบดว้ ยชาวเวียด 80%, เขมร 10%
นับถือศาสนา : พทุ ธนิกายมหายาน 70%, ครสิ ต์ 15%
ระบบการปกครอง : ระบบสังคมนยิ ม โดยพรรคคอมมิวนิสตเ์ ปน็ พรรคการเมืองเดียว
10.ประเทศไทย (Thailand)
เมืองหลวง : กรงุ เทพมหานคร
ภาษา : ภาษาไทย เปน็ ภาษาราชการ
ประชากร : ประกอบด้วยชาวไทยเป็นสว่ นใหญ่
นบั ถือศาสนา : พุทธนกิ ายเถรวาท 95%, อสิ ลาม 4%
ระบบการปกครอง : ระบบประชาธปิ ไตยแบบรฐั สภา อันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ
อาเซียน +3
กรอบความร่วมมอื อาเซยี น+3 (ASEAN+3) เปน็ กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชกิ
อาเซยี นกบั ประเทศนอกกลมุ่ 3 ประเทศ คือ จนี เกาหลีใต้ และญป่ี ่นุ เพอ่ื ส่งเสรมิ ความรว่ มมอื ในระดบั อนุ
ภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออก และเพอื่ นาไปสู่การจัดตั้งชมุ ชนเอเชียตะวนั ออก (East Asian Community) โดยให้
อาเซยี นและกระบวนการต่างๆ ภายใตก้ รอบความรว่ มมอื อาเซียน+3 เปน็ กลไกสาคญั ในการผลกั ดันให้บรรลุ
เปา้ หมาย เนือ่ งในโอกาสครบรอบ 10 ปขี องการจัดตง้ั กรอบความร่วมมอื อาเซียนบวกสามเม่ือปี 2007 (พ.ศ.
2550)
ผู้นาของประเทศสมาชิกไดล้ งนามในแถลงการณร์ ่วมวา่ ดว้ ยความร่วมมือเอเชียตะวนั ออกฉบบั ที่ 2
(Second Joint Statement on East Asia Cooperation: Building on the Foundations of ASEAN
Plus Three Cooperation) พรอ้ มกบั เห็นชอบใหม้ กี ารจดั ทาแผนดาเนินงานเพอ่ื ส่งเสริมความรว่ มมือระหว่าง
กนั (ASEAN+3 Cooperation Work Plan (2007 – 2017)) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระยะยาว และ
ผลักดันให้เกดิ ชุมชนอาเซยี น (ASEAN Community) ภายในปี 2015 (พ.ศ.2558) โดยมงุ่ เน้นการส่งเสริม
ความร่วมมอื ใน 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นการเมอื งและความมนั่ คง ดา้ นความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ และการเงิน ดา้ น
พลังงาน สง่ิ แวดลอ้ ม การเปล่ียนแปลงของสภาวะอากาศโลก และการพัฒนาอย่างยัง่ ยนื ดา้ นสงั คม วัฒนธรรม
และการพัฒนา และดา้ นการส่งเสริมกรอบการดาเนนิ งานในดา้ นตา่ งๆและกลไกต่างๆ ในการติดตามผล โดย
แผนความรว่ มมือดงั กลา่ วท้งั 5 ดา้ นนี้ ถอื เปน็ การประสานความร่วมมือและกระชบั ความสมั พันธร์ ะหว่างกลมุ่
ประเทศอาเซยี นกบั ประเทศในเอเชยี ตะวนั ออกมากยงิ่ ขนึ้
อาเซียน +3 ประกอบด้วยสมาชิก 13 ชาติ คือ 10 ชาติสมาชิกอาเซียน รวมกบั จนี ญปี่ ุน่ และเกาหลี
ใต้ ซึ่งมปี ระชากรรวมทงั้ ส้นิ กว่า 2,000 ล้านคน หรอื หนึ่งในสามของประชากรโลก แตเ่ มื่อผลติ ภณั ฑม์ วลรวม
ในประเทศ (GDP) เขา้ ด้วยกนั จะทาใหม้ มี ลู คา่ ถึง 9 ลา้ นลา้ นเหรยี ญสหรัฐ หรอื ประมาณรอ้ ยละ 16 ของจีดพี ี
โลก ขณะทย่ี อดเงนิ สารองต่างประเทศรวมกนั จะสูงถงึ 3.6 ลา้ นลา้ นเหรยี ญสหรัฐซงึ่ มากกว่ากงึ่ หนง่ึ ของเงิน
สารองต่างประเทศของโลก โดยตัวเลขทางเศรษฐกจิ เหล่านี้ แสดงใหเ้ หน็ อย่างชดั เจนว่าอาเซียน+3 จะมี
บทบาทเปน็ แรงขบั เคลอื่ นสาคัญทีจ่ ะพัฒนาเศรษฐกจิ ใหม้ คี วามกา้ วหนา้ ตอ่ ไปในอนาคต
จากความรว่ มมอื ดังกล่าวประเทศสมาชกิ อาเซยี น จะไดร้ บั ผลประโยชน์จากความรว่ มมอื ในกรอบของ
เขตการค้าเสรอี าเซียนบวก+3 (FTA Asian +3) มูลคา่ ประมาณ 62,186 ลา้ นดอลลาร์สหรฐั และประเทศไทย
ในฐานะสมาชกิ อาเซยี นจะได้รบั ประโยชน์มากทสี่ ุด คิดเปน็ มลู คา่ ประมาณ 7,943 ล้านดอลลาร์ ขณะที่
อนิ โดนีเซียมีแนวโน้มจะไดป้ ระโยชน์ใกล้เคยี งกัน คือประมาณ 7,884 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั สว่ นเวยี ดนามคาดวา่
จะไดร้ ับประโยชนม์ ลู ค่าประมาณ 5,293 ล้านดอลลาร์สหรฐั
สาหรบั การประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียน + 3 สมัยพิเศษ (Special ASEAN+3 Financial
Ministers Meeting) ที่ จงั หวัดภูเก็ต เมอื่ วนั ที่ 22 กุมภาพนั ธ์ 2552 ที่ผ่านมา ได้มกี ารสนบั สนุนการใช้เวที
หารอื ด้านนโยบายและกิจกรรมความร่วมมอื ต่างๆ ของภูมิภาคอาเซยี น อาทิ ข้อรเิ ริม่ เชยี งใหม่ (Chiang Mai
Initiative: CMI) พร้อมทงั้ เรยี กร้องให้รัฐมนตรีคลงั สนบั สนนุ ใหม้ กี ระบวนการเฝ้าระวงั โดยร่วมมือกับสถาบัน
การเงนิ ในภูมิภาคและสถาบนั การเงนิ ระหวา่ งประเทศ รวมทงั้ ขอ้ รเิ รมิ่ เชียงใหม่ ทร่ี ฐั มนตรีคลงั อาเซยี น+3
จาเป็นจะต้องเรง่ รัดกระบวนการไป สู่ระดบั พหุภาคี เพ่ือเปน็ กันชนรองรับเศรษฐกจิ ออ่ นแอในอนาคต
ทั้งน้ที ปี่ ระชุมมขี ้อสรุปวา่ จะขยายผลความตกลงรเิ ริ่มเชียงใหม่ในการจัดต้งั กองทนุ สารองระหวา่ ง
ประเทศรว่ มกนั ในภูมภิ าคอาเซยี น (Currency Swap) จากเดมิ 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 120,000 ล้าน
เหรยี ญสหรฐั หรอื ประมาณ 4.2 ล้านล้านบาท เบอื้ งตน้ คาดวา่ 3 ประเทศนอกกลุ่มอาเซียน คอื จีน เกาหลีใต้
และญป่ี ุ่น จะลงเงนิ สารองร้อยละ 80 ของวงเงนิ รวม หรือ 9.6 หมน่ื ล้านเหรยี ญสหรัฐ และกลุ่มประเทศ
อาเซียนอกี ร้อยละ 20 หรอื 2.4 หมน่ื ล้านเหรยี ญสหรฐั ซงึ่ กองทนุ ดังกล่าวจะมีรปู แบบคล้ายกองทุนการเงิน
ระหว่างประเทศ (International Monetary Fund :IMF) แตก่ ไ็ ม่ใชค่ ่แู ข่งของ IMF แต่จะเป็นเพียงทางเลือก
หน่งึ ของเอเชียทจี่ ะมีกองทุนระหวา่ งประเทศเปน็ ของตนเอง โดยประเทศจีน เกาหลีใต้ และญป่ี นุ่ ลงเงิน
รวมกันประมาณร้อยละ 80 สว่ นอีกร้อยละ 20 ทีเ่ หลอื กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ จะลงทุนรว่ มกัน
ขณะทไ่ี ทย สงิ คโปร์ มาเลเซีย ฟลิ ปิ ปินส์ และอินโดนเี ซยี จะตอ้ งใส่เงนิ ลงทุนมากกวา่ อีก 5 ประเทศ คอื บรูไน
พมา่ ลาว เวยี ดนาม และกัมพูชา เนือ่ งจากมีขนาดเศรษฐกจิ ที่ใหญ่กว่า โดยคาดวา่ จะสามารถเสนอเรื่องเข้าสู่
การพิจารณารัฐมนตรคี ลังอาเซียน+3 วาระปกติทบี่ าหลี ประเทศอินโดนเี ซยี ในเดอื นพฤษภาคม 2552
อาเซียน +6
จัดตั้งขนึ้ เพอ่ื อะไร
สาหรบั "อา เซียน +6" หรอื FTA ASEAN PLUS 6 ก็คอื การรวมกลุม่ กันของ 16 ประเทศ ท่ี
ประกอบไปดว้ ยกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซยี น 10 ประเทศ ได้แก่ บรไู นดารสุ ซาลาม, พมา่ , กัมพูชา, อนิ โดนีเซยี
, ฟลิ ิปปินส,์ มาเลเซยี , ลาว, สิงคโปร,์ ไทย และเวยี ดนาม รวมกับประเทศที่อยนู่ อกอาเซียนอกี 6 ประเทศ คือ
จนี , ญ่ปี ุ่น, เกาหลีใต,้ ออสเตรเลีย, นิวซแี ลนด์ และอินเดยี ซ่งึ หากนบั จานวนประชากรในกลุม่ นี้แลว้ จะพบว่า
อาเซยี น +6 มีประชากรรวมกันกว่า 3 พนั ลา้ นคน หรือคดิ เปน็ 50% ของประชากรโลกเลยทีเดียว
หลายคนอาจจะสงสยั วา่ ทาไมอาเซยี นต้องรวมกลมุ่ กบั อีก 6 ประเทศนอกอาเซยี นดว้ ย คาตอบกค็ ือ
การ รวมกล่มุ อาเซยี น +6 นี้ เพ่ือเพิ่มขดี ความสามารถของกล่มุ ในการลงทุน การทาการคา้ ฯลฯ ให้มีศกั ยภาพ
สามารถแขง่ ขันกบั ภูมภิ าคอน่ื ๆ เช่น สหภาพยุโรป นอกจากนย้ี ังเป็นการเตรียมทาขอ้ ตกลงการเปดิ การค้าเสรี
ด้วยการจดั ตงั้ ประชาคมอาเซยี นขน้ึ พรอ้ มกบั ผนวกกาลังของแตล่ ะกล่มุ การค้าเขา้ ด้วยกนั เพือ่ ให้กลมุ่ ประเทศ
อาเซียนสามารถดาเนินเศรษฐกิจได้อยา่ งมั่นคงยิ่งขึ้น
ความเป็นมาของอาเซยี น +6
ที่ มาของแนวคิด "อาเซยี น +6" นี้ เรม่ิ ขนึ้ ครั้งแรกในระหวา่ งการประชุมรฐั มนตรีเศรษฐกิจอาเซยี น-
ญีป่ ุ่น (AEM-METI) และ AEM+3 (จนี ญี่ปนุ่ เกาหล)ี ณ กรงุ กวั ลาลมั เปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมือ่ เดอื น
สงิ หาคม พ.ศ. 2549 โดยญป่ี ุ่นเสนอให้กลมุ่ ผู้เชยี่ วชาญภาควชิ าการ (Track II) ของกลมุ่ ประเทศ East Asia
Summit (EAS ประกอบด้วยอาเซียน จีน ญ่ีป่นุ เกาหลี ออสเตรเลีย นวิ ซีแลนด์ และอนิ เดยี ) ทาการศึกษา
ความเปน็ ไปได้ในการจัดตั้ง Comprehensive Economic Partnership in East Asia (CEPEA) ซึง่ เปน็ FTA
ระหวา่ งประเทศอาเซียน+6 (จนี ญปี่ นุ่ เกาหลี อนิ เดยี ออสเตรเลยี และนวิ ซีแลนด)์
จากนน้ั ในการประชุม East Asia Summit คร้ังที่ 2 เมือ่ วันท่ี 15 มกราคม พ.ศ. 2550 ณ เมืองเชบู
ประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์ ท่ี ประชุมกม็ มี ติเห็นชอบให้ดาเนนิ การศกึ ษาเรอื่ งดังกลา่ ว โดยประเทศญป่ี นุ่ ไดจ้ ัดประชมุ
รว่ มกันระหวา่ งนกั วิชาการซง่ึ เป็นตัวแทนของแต่ ละประเทศครั้งแรกในเดือนมถิ นุ ายน พ.ศ. 2550 เพื่อศกึ ษา
ถงึ ความเปน็ ไปไดใ้ นการจดั ทาความตกลงการคา้ เสรรี ะหวา่ งประเทศอา เซยี น+6 (CEPEA)
ทั้งน้ี กลุ่มนักวิชาการไดป้ ระชมุ ร่วมกนั ทัง้ หมด 6 ครงั้ ระหวา่ งปี พ.ศ. 2550 – พ.ศ. 2551 ก่อนจะ
ไดผ้ ลสรุปว่า หากมกี ารจัดทาความตกลงการค้าเสรรี ะหวา่ งประเทศอาเซยี น+6 (CEPEA) จะทาให้เกดิ ความ
สะดวกในด้านการค้าและการลงทนุ ความร่วมมือทางดา้ นเศรษฐกจิ พลงั งาน สง่ิ แวดลอ้ ม เทคโนโลยี
สารสนเทศ
เมอ่ื ไดข้ อ้ สรุปดงั นี้ กลุ่มผเู้ ช่ยี วชาญจึงมมี ตใิ หศ้ ึกษาความเปน็ ไปไดเ้ กย่ี วกับการจดั ทาความตกลง
การค้าเสรรี ะหว่างประเทศอาเซียน+6 (CEPEA) ในระยะที่ 2 โดยเน้นเรือ่ งความรว่ มมอื (Cooperation), การ
อานวยความสะดวก (Facilitation) และการเปิดเสรี (Liberalization)ท่จี ะช่วยสร้างความสามารถของประเทศ
สมาชิก เพือ่ รองรบั การเปิดเสรีภายใตอ้ าเซียน+6 (CEPEA)
ท้ังน้ี ในการประชมุ เม่อื วนั ที่ 13-16 สิงหาคม พ.ศ. 2552 กลุ่มผ้เู ชยี่ วชาญกไ็ ด้ขอ้ สรปุ วา่ การจดั ทา
ความตกลงการคา้ เสรรี ะหวา่ งประเทศ อาเซยี น+6 (CEPEA) ควรให้ความสาคัญเร่ืองความรว่ มมือเป็นอนั ดบั
แรก พรอ้ มกบั เน้นพฒั นาทรพั ยากร มนุษยใ์ นแตล่ ะประเทศ รวมท้ังการถา่ ยทอดเทคโนโลยี (Transfer of
Technology) และสร้างความเขม้ แขง็ ให้วสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งควรพิจารณา
จดั ตง้ั กองทนุ เอเชียตะวนั ออก เพือ่ ช่วยรองรับโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ทจ่ี ะเกิดขึ้น และสร้าง
พืน้ ฐานสาหรับการพฒั นาตอ่ ไป
ประโยชนข์ องอาเซยี น +6
จากรายงาน การศึกษาของกลมุ่ ผู้เชย่ี วชาญ เม่อื ปี พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2552 พบวา่ การจัดทาความ
ตกลงการคา้ เสรรี ะหวา่ งประเทศอาเซยี น+6 (CEPEA) จะทาให้ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของ
ประเทศเอเชียตะวนั ออกเพม่ิ ขึน้ เฉลีย่ 2.11% หรอื หากวดั เฉพาะประเทศสมาชิกอาเซียนแลว้ คา่ ผลติ ภณั ฑ์
มวลรวมในประเทศ จะเพ่มิ ขนึ้ 3.83% และเม่อื ดูเฉพาะของประเทศไทยแล้วจะพบวา่ ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศจะเพมิ่ ขึน้ ถึง 4.78% เลยทเี ดยี ว ในขณะทีป่ ระเทศ+6 มคี า่ ผลิตภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ เพม่ิ ขนึ้
2.6%
นอกจากนี้ อาเซียน +6 จะช่วยปรับปรงุ และพฒั นาโครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ ใหแ้ กป่ ระเทศสมาชิก ดงั นี้
1.ขยายอุปสงคภ์ ายในภมู ภิ าค (Domestic demand within the region)
2.เพม่ิ ประสทิ ธผิ ลทางเศรษฐกิจในภมู ิภาค โดยเนน้ ความชานาญในการผลติ สินค้าของแตล่ ะประเทศ
(Product specialization)
3.พฒั นาระบบโครงสร้างพน้ื ฐานให้มีการเชอ่ื มโยงกนั ระหว่างประเทศสมาชิก โดยเฉพาะเรอ่ื ง
Logistics ซ่งึ การพฒั นาเหลา่ นจ้ี ะนาไปสู่การลดช่องวา่ งของระดับการพฒั นาในแตล่ ะประเทศ สมาชิก รวมถงึ
การรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ ทแี่ น่นเฟน้ ยง่ิ ข้นึ
ภูมศิ าสตรอ์ าเซยี น
ในปจั จบุ นั สมาคมประชาชาตแิ ห่งเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ประกอบดว้ ยประเทศสมาชกิ จานวน 10
ประเทศ คดิ เปน็ พ้ืนท่ปี ระมาณ 4.5 ลา้ นตารางกิโลเมตร และมปี ระชากรประมาณ 560 ล้านคน (ขอ้ มูลในปี
พ.ศ. 2549) ยอดเขาท่สี ูงสดุ ในภูมภิ าค คือ ยอดเขาข่ากาโบราซใี นประเทศพมา่ ซงึ่ มีความสงู 5,881 เมตร และ
มอี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั จีน อินเดีย บงั คลาเทศและปาปวั นิวกินี ภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตม้ สี ภาพภมู ิอากาศ
แบบรอ้ นช้นื อณุ หภมู อิ ย่รู ะหวา่ ง 27-36 C พืชพรรณธรรมชาติเปน็ ป่าฝนเขตรอ้ น ซงึ่ มีขนาดใหญเ่ ป็นอนั ดบั ท่ี
สองของโลก ป่าดงดิบ ปา่ เบญจพรรณ ปา่ สน ปา่ หาดทรายชายทะเล ป่าไมป้ ลูก มพี ชื เศรษฐกจิ ทสี่ าคญั คอื
ขา้ ว ข้าวโพด มันสาปะหลงั สบั ปะรด ยางพารา ปาลม์ นา้ มนั และพรกิ ไทย
1. หมู่เกาะพพี ี (ประเทศไทย)
เกาะพีพีดอน
เกาะพพี ดี อน ทม่ี า :
http://www.thaiforestbooking.com/npark/pictures/np/NP35T3P1065.JPG
เกาะพพี ีดอน เปน็ เกาะทสี่ วยงามตดิ อันดบั 5 ของโลกด้วยอา่ วที่สวยงาม คอื อา่ วต้นไทร และอ่าวโละ
ดาลมั ทอี่ ยูใ่ กล้ชิดตดิ กัน คน่ั กลางด้วยผืนดนิ แคบ ๆ เพียบพร้อมดว้ ยทพี่ กั รา้ นค้า และสง่ิ อานวยความสะดวก
สาหรบั นักทอ่ งเทย่ี ว รอบเกาะมีแนวปะการังขนาดเล็ก เหมาะสาหรับการอาบแดดเลน่ นา้ ทะเล ทางตอนเหนอื
ของเกาะพีพดี อนยงั มเี กาะไมไ้ ผ่และเกาะยงุ เกาะเลก็ ๆ ซึ่งงดงามด้วยหาดทรายขาวละเอียด แนวปะการังนา้
ตนื้ และสัตว์นา้ นานาชนดิ เหมาะกบั การดาน้าตืน้
เกาะพพี เี ล ทม่ี า : http://travel.kapook.com/view5569.html
เกาะพีพเี ล อยทู่ างใตข้ องเกาะพีพดี อน มีอ่าวท่สี วยงามและมชี อ่ื เสียงระดบั โลกจากภาพยนตรเ์ รอื่ ง
The Beach คืออา่ วมาหยาท่มี หี าดทรายขาวลอ้ มรอบด้วยผาหินสงู ชัน เหมาะกับการเล่นนา้ ดานา้ ไม่ไกลจาก
อา่ วยงั มถี ้าไวกิง ซ่งึ มีภาพเขียนยุคกอ่ นประวัตศิ าสตรแ์ ละเปน็ แหล่งเกบ็ รงั นกนางแอ่น บรเิ วณเกาะบิดะนอก
และเกาะบิดะในซงึ่ เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ใกลก้ ัน ยงั มผี าหนิ ใตน้ า้ สูงชนั ถา้ ใต้ทะเล ปะการงั อ่อน รวมทั้งสัตว์น้า
ประเภทกุ้งขนาดเล็ก เหมาะกบั การดาน้าลกึ
2. ตกึ แฝดเปโตรนาส petronas twin tower (ประเทศมาเลเซีย)
ตึกเปโตรนาส ทม่ี า : sawasdeemalaysia.com/ตึกแฝดเปโตรนาส-petronas-twin-tower/
ตึกเปโตรนาส
ทมี่ า : sawasdeemalaysia.com/ตกึ แฝดเปโตรนาส-petronas-twin-tower/
ตกึ แฝดทีส่ งู ทสี่ ดุ ในโลก ทสี่ งู ตระหงา่ นถึง 452 เมตร มดี ว้ ยกัน 88 ชัน้ ใชง้ บประมาณการกอ่ สร้าง
20,000 ล้านบาท ซง่ึ เจา้ ของตึกนเี้ ป็นเจ้าของน้ามันยห่ี อ้ เดียวตกึ นั่นเอง สว่ นการออกแบบตกึ ไดร้ ับแรงบนั ดาล
ใจจากเสาหินทงั้ 5 ของอสิ ลาม ผสมผสานกบั โครงเหสก็ ทท่ี อ่ หมุ้ ในแต่ละจดุ ทาใหเ้ ปน็ สถาปตั ยกรรมทส่ี วยงาม
แปลกตามากเลยทเี ดยี ว
ภายในตกึ นจี้ ะเป็นแหลง่ ความรู้ ศลิ ปะ วฒั นธรรม ดนตรี บนั เทงิ และแหล่งซอ็ บปง้ิ ขนาดใหญ่นนั่ คือ
หา้ งสรรพสนิ คา้ ซเู ลีย หา้ งสรรพสนิ ค้าทมี่ ีสนิ คา้ แบรนด์เนมนานาชาติทใ่ี หญท่ ส่ี ุดแห่งหน่งึ
สิ่งทน่ี ่าสนใจอยทู่ ่ชี นั้ 4 ของ KLCC นี้ เรยี กว่า เปโตรซายนส์ (Petrosains) เป็นศูนย์วทิ ยาศาสตรท์ ่ี
ทนั สมัยมากทส่ี ดุ แหง่ หนึ่ง ที่ศูนยแ์ หง่ นเี้ ปดิ ทกุ วันตงั้ แต่เวลา 14.30 – 19.00 น. และปิดทกุ วนั จันทร์
3. ยนู เิ วอร์แซล สตูดโิ อ (ประเทศสงิ ค์โปร์)
ยนู เิ วอรแ์ ซล ที่มา : http://www.skyscanner.co.th/sites/co.th/files/singapore_universal-
studio_2.jpg
ยูนเิ วอร์แซล สตดู ิโอ สงิ คโปร์ สวนสนกุ แห่งใหม่ในเครือบริษทั ยูนิเวอร์แซล พารค์ แอนด์ รสี อรท์ ทไี่ ด้
เปิดสวนสนุกในรฐั ฟลอริดาและแคลฟิ อรเ์ นยี ของสหรฐั รวมถงึ ญปี่ นุ่ ยนู ิเวอรแ์ ซล สตูดโิ อ สงิ คโปร์ เปน็ สวน
สนุกในเครือยูนิเวอร์แซลแหง่ แรกทเี่ ปดิ ในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ และกาลงั จะเปิดทีด่ ูไบ สหรัฐอาหรบั เอ
มเิ รตส์
ในสวนสนกุ ยูนเิ วอร์แซล สตูดโิ อ สิงคโปร์ มเี คร่ืองเลน่ ทงั้ หมด 24 ชนิด โดยเปน็ เครื่องเลน่ ทอ่ี อกแบบ
ใหมจ่ านวน 18 ชนดิ พืน้ ท่ีสวนสนกุ ประกอบดว้ ยธมี ปารค์ ทร่ี วมตวั ละคร และสถานท่ีในภาพยนตรแ์ อนเิ มชั่น
ช่ือดังของบรษิ ัทดรมี เวริ ์คส์ แอนิเมช่ัน คือมาดากสั การ์ (Madagascar) และเชรค็ (Shrek)
4. ปอ้ มซานติเอโก Fort Santiago (ประเทศฟลิ ปิ ปินส)์
ปอ้ มซานตเิ อโก ทมี่ า : http://www.tourinloveallway.com/images/Philippines_View2.png
ป้อมซานตเิ อโกเปน็ ดา่ นแรกทป่ี อ้ งกันการโจมตจี ากขา้ ศึก ทเี่ ขา้ มาทางปากแม่นา้ ปาซิก จากอา่ ว
มะนิลา ป้อมแหง่ น้ถี ูกทาลายจากการโจมตขี องกองทัพสหรฐั ต่อมาได้บูรณะซอ่ มแซมเพ่ือให้เป็น “ปูชนียสถาน
แห่งเสรีภาพ” (Shrine of Freedom) บริเวณรอบปอ้ มมีสวนหยอ่ ม รายลอ้ มโดยมีรถมา้ ใหบ้ ริการพาชมรอบ
บรเิ วณ บริเวณดงั กลา่ ว ยงั มีสถานทคี่ มุ ขังนกั โทษ ทอ่ี ยบู่ ริเวณรมิ แม่นา้ ปากแม่น้าปาซกิ และสว่ นหน่งึ ของปอ้ ม
น้ี ถกู ทาเปน็ สนามกอล์ฟอยา่ งสวยงาม
5. มสั ยิดทองคา Jame Ar’ Hassanil Bolkiah Mosque (ประเทศบรไู น)
มสั ยิดทองคา ที่มา :
http://www.skadiatravel.com/upload/images/Image/Home/Picture/1.jpg
มสั ยดิ ทองคา Jame Ar’ Hassanil Bolkiah Mosque มสั ยดิ ท่ีสง่างาม และศกั ดส์ิ ิทธข์ิ องชาวบรูไน ท่ี
ใช้งบประมาณในการสร้างมหาศาล โดยมีการนาเขา้ วัสดกุ ารก่อสร้างและตกแตง่ จากทั่วทกุ มมุ โลกใชเ้ วลา
กอ่ สร้างนานถึง 7 ปี มหี ้องสวดมนต์ 2 ห้องแยกชายและหญงิ บันไดทางขน้ึ แต่ละชั้นจะมี 29 ข้นั ห้องละหมาด
ด้านบนตกแต่งอยา่ งวจิ ติ รดว้ ยพรมสเี หลอื งทองดสู วา่ งไสว จากนัน้ นาท่านชมมสั ยดิ โอมาร์ อาลี ไซฟูดตนิ
มัสยดิ เก่าแกอ่ นั เป็นทเ่ี คารพสกั การะของชาวบรไู นตง้ั อยู่ใจกลางกรุงบนั ดาร์ เสรเี บกาวนั
6. เกาะบาหลี (ประเทศอินโดนเี ซีย)
เกาะบาหลี ท่มี า : http://www.traveladdict.in.th/เกาะบาหล-ี มนตเ์ สนห่ ท์ ี่/
เกาะบาหลี (ประเทศอินโดนีเซยี ) เกาะบาหลี ไดร้ บั การขนานนามวา่ “อัญมณีแหง่ มหาสมทุ รอนิ เดีย”
อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกของเกาะชวา บาหลเี ปน็ เกาะเล็ก ๆ ทมี่ คี วามยาวจากหวั เกาะถงึ ท้ายเกาะประมาณ 150
กิโลเมตร อยตู่ ิดกบั เกาะชวา มีประชากรประมาณ 3 ลา้ นคน บาหลีได้ฉายาว่าเกาะมรกตเพราะมตี น้ ไมเ้ ขยี วขจี
ไปทง้ั เกาะ เนอื่ งจากไดร้ บั การอนรุ กั ษส์ ภาพแวดล้อมไวด้ เี ย่ยี มมีกฏหมายไมใ่ หป้ ลกู สิง่ ก่อสรา้ งที่เป็นสง่ิ
แปลกปลอมจากธรรมชาติ โดยอาคารทีส่ รา้ งจะสูงกว่า 15 เมตรไม่ได้ บาหลเี ปน็ ตวั อย่างของแหลง่ ท่องเที่ยวท่ี
ได้รับการดแู ลรกั ษาเอาไวใ้ หค้ งอยใู่ นสภาพเดิมมากทสี่ ุด ธรรมชาตทิ ่ีบรสิ ุทธิเ์ ปน็ เสนห่ ข์ องบาหลี ทท่ี าให้
นกั ทอ่ งเที่ยวท่ัวโลกอยากไปชมกัน ความหลากหลายและมนตเ์ สนห่ ์ของเกาะบาหลี ถูกขนานนามมากมายวา่
เป็นเกาะแหง่ พระเจ้าบา้ ง เปน็ จดุ รงุ่ อรณุ ของโลกบา้ ง ทงั้ หมดน้ี เกดิ จากความประทบั ใจของผทู้ ีเ่ คยไปเยอื น
7. วดั พระธาตุหินขาว (ประเทศพมา่ )
วัดพระหินขาว ท่มี า : http://www.gmwebsite.com/upload/somsiritours.com/content/วดั
พระหินขาว.jpg
วดั พระหินขาวหรอื ทีม่ ีช่ือเรียกอย่างทางการวา่ “Lawka Chantha AbayaLabamuni Buddha
Image” พระหนิ ขาวนี้สร้างจากหินขาวทม่ี ลี กั ษณะมันวาว สขี าวสะอาดและไมม่ ตี าหนิ สูง 37 ฟตุ กว้าง 24
ฟุต หนัก 600 ตัน เปน็ พระพทุ ธรปู ประทับน่ัง พระหัตถข์ วาบรรจุพระบรมสารรี ิกธาตุทีอ่ ญั เชิญมาจากสิงคโปร์
และศรลี ังกายกขน้ึ หนั ฝา่ พระหัตถ์ออกจากองค์ หมายถงึ การไล่ศตั รแู ละประทานความเจริญรุง่ เรือง
นอกจากน้ียงั มกี ารนาหนิ ท่ีเหลอื มาสลักเปน็ พระพทุ ธบาทซา้ ย-ขวา ประดษิ ฐานอยู่บรเิ วณด้านหลังพระพทุ ธรูป
ดว้ ย จากนั้นชมชา้ งเผือกคู่บ้านคู่เมอื งของประเทศพมา่ ในบรเิ วณใกล้กนั
8. ปราสาทนครวัด (ประเทศกมั พชู า)
ปราสาทนครวดั ทมี่ า :
http://postfree.ohohey.com/files/1000/image_756_1322035615.jpg
ดินแดนกัมพชู า หรืออาณจักรขอมโบราณนนั้ ได้รบั อทิ ธพิ ลทางศาสนาและวฒั นธรรมจากอินเดียเตม็
ตัว โดยเฉพาะความเช่ือตามคตใิ นศาสนาพราหมณห์ รอื ฮินดู ซึง่ เข้ามามีอทิ ธพิ ลก่อนพุทธศาสนาเนน่ิ นานนกั
ศาสนาน้ยี กย่องกษัตรยิ เ์ สมอดงั่ เทพเจา้ เรยี กว่า “ลทั ธเิ ทวราชา” นั่นหมายถงึ ว่า กษัตริย์คอื ตัวแทนของเทพเจ้า
บนโลกมนษุ ย์ และวิธีการยกยอ่ งกก็ ระทาโดยการสรา้ งเทวสถานหรือเทวาลัยถวายให้ พระราชภารกจิ ของ
กษัตรยิ ์ขอมทกุ พระองค์ทจี่ ะต้องสรา้ งปราสาทหนิ เปน็ เทวสถานแดบ่ รรพบรุ ษุ หรอื ถวายแดพ่ ระองค์เอง ฉะน้นั
คาว่า “ปราสาท” ในที่น้ีจงึ มิไดห้ มายถงึ ปราสาทราชวงั อันเป็นทป่ี ระทบั ของพระมหากษัตริย์ แต่ปราสาทคือศา
สนสถานอนั ถือเปน็ ทปี่ ระทบั ของเทพเจา้ บนโลกมนษุ ย์ รูปแบบทางสถาปัตยกรรมกจ็ ะต้องเป็นแบบ “ศาสน
สถานบนฐานทเี่ ปน็ ชนั้ ” และขุดสระหรือคูนา้ ทเ่ี ขมรเรียกวา่ “บาราย” ล้อมรอบมลี วดลายสลักหินเปน็ รปู
พญานาคซ่งึ เป็นสัญลกั ษณ์นา้ และความอดุ มสมบรู ณ์ เปรียบเทยี บไดก้ บั เขาพระสเุ มรุทล่ี อ้ มรอบดว้ ยมหาสมุทร
อนั เปน็ สญั ลกั ษณ์ของระบบสรุ ิยจกั รวาลตามคตฮิ ินดูน่นั หมายวา่ ปราสาทหนิ ทีก่ ษัตรยิ ข์ อมสร้างขนึ้ ก็คือ
ศนู ยก์ ลางของโลกและจกั รวาลอันย่งิ ใหญน่ นั่ เอง
9. พระราชวงั หลวงพระบาง (ประเทศลาว)
พระราชวงั หลวงพระบาง
ท่ีมา :http://www.trekkingthai.com/webboard/backpacker/0371.jpg
พระราชวังหลวงพระบาง หลงั นเ้ี ป็นอาคารเก่า ออกแบบโดยสถาปนกิ ชาวฝรัง่ เศส ลักษณะอาคารเป็น
อาคารชนั้ เดย่ี วยกพ้นื สงู สถาปัตยกรรมแบบฝร่ังเศส แตเ่ ปน็ การผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสและลาว ด้านนอก
อาคารเปน็ ทตี่ ัง้ ของอนุสาวรียเ์ จา้ มหาชีวิตศรสี ว่างวงศ์ พระราชวงั แหง่ นเ้ี ปน็ ทป่ี ระทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่าง
วงศ์ เป็นระยะเวลานนาน จนสิน้ พระชนม์ ตอ่ มาเม่ือมกี ารเปลีย่ นแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2518 พระราชวงั
หลวงพระบาง ได้ถกู ปรบั เปล่ียนใหเ้ ป็นพิพธิ ภณั ฑ์
10. ฮาลองเบย์ (ประเทศเวยี ดนาม)
ฮาลองเบย์ ทมี่ า :
http://www.scholidaytour.com/images/sub_1352694072/thiencungcave-halongbay.jpg
สาหรบั อา่ วฮาลอง หรือ ฮาลองเบย์ น้ันได้ตามนทิ านปรัมปราของชาวเวียดนาม ที่กล่าวถึงมงั กร
โบราณซงึ่ เคยรอ่ นมาลงในอ่าวนี้เมื่อครง้ั ดกึ ดาบรรพ์ และชื่อของฮาลอง ก็แปลไดว้ ่า มังกรร่อนลง จากความ
สวยงามและสมบรู ณ์ของอา่ วฮาลอง ทาใหท้ นี่ ่ปี ระกาศไดเ้ ปน็ มรดกโลกทางธรรมชาติ จากองคก์ รยเู นสโก ในปี
พ.ศ. 2537 ซง่ึ เปน็ เสมอื นประกาศนยี บัตรทใ่ี ครเหน็ ตา่ งเชอื่ ถอื จงึ ทาใหน้ กั ทอ่ งเท่ียวทม่ี าเยอื นประเทศ
เวยี ดนาม ตอ้ งล่องเรอื มาชมอา่ วฮาลองเพื่อสมั ผสั กับความมหศั จรรยข์ องธรรมชาติ
อาหารประจาชาตaิ sean
การก่อต้งั อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาตแิ ห่งเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ทม่ี ีประเทศสมาชกิ คอื
ไทย อนิ โดนเี ซยี มาเลเซีย ฟิลิปปนิ ส์ สงิ คโปร์ บรูไน เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา นอกจากเป็นการ
รวมตัวกันเพอื่ ชว่ ยพัฒนาประเทศในภูมิภาคเดียวกันแล้ว ยงั ก่อให้เกิดการแลกเปล่ียนทางวัฒนธรรม
โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ เรอื่ งของอาหารการกนิ
เนอื่ งจากแถบอาเซยี นมีทรพั ยากรคอ่ นข้างอดุ มสมบูรณ์ จงึ ทาใหม้ ีเมนอู าหารทีน่ า่ รบั ประทาน
และมปี ระโยชนต์ อ่ สุขภาพใหเ้ ลือกมากมาย ดงั นน้ั เพือ่ ไม่ให้พลาดกบั อาหารรสเลศิ ของประเทศต่าง ๆ
ทางกระปุกดอทคอมจงึ ไดร้ วบรวม อาหารอาเซียน กับ 10 เมนูเดด็ ของ 10 ประเทศอาเซียน
ต้มยากุ้ง - ประเทศไทย
1.ประเทศไทย
ต้มยาก้งุ (Tom Yam Goong) แค่เอ่ยชือ่ กเ็ ป็นทที่ ราบกนั ดีอยู่แล้วว่า ตม้ ยากงุ้ เปน็
อาหารคาวที่เหมาะสาหรบั รบั ประทานกับข้าวสวยรอ้ น ๆ กลิ่นหอมของสมุนไพรท่ีเป็นสว่ นประกอบในต้ม
ยาก้งุ นอกจากจะทาใหร้ ูส้ กึ สดช่ืนแลว้ ยงั ชว่ ยกระตุ้นการเจรญิ อาหารไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
และเนือ่ งจากต้มยากงุ้ เปน็ อาหารท่มี รี สเปรี้ยว และเผ็ดเป็นหลัก ทาใหร้ ับประทานแลว้ ไม่
เลี่ยน จึงทาให้ต้มยากุ้งเป็นอาหารที่ได้รบั ความนิยมในท่ัวทกุ ภาคของประเทศไทย รวมถงึ ชาวตา่ งชาติเอง
กต็ ดิ อกตดิ ใจในความอรอ่ ยของตม้ ยากุง้ เช่นเดยี วกนั
อาม็อก - ประเทศ กมั พชู า
2.ประเทศกมั พูชา
อามอ็ ก (Amok) เป็นอาหารคาวยอดนยิ มของกัมพูชา มลี กั ษณะคลา้ ยหอ่ หมกของไทย โดยเปน็
การนาเนอื้ ปลาสด ๆ ลวกพริกเครอ่ื งแกง และกะทิ แล้วทาให้สุกโดยการนาไปนึง่ ซง่ึ นอกจากจะใช้เนอ้ื
ปลาแลว้ อาจเลอื กใชเ้ น้อื ไก่แทนกไ็ ด้ สว่ นสาเหตุทีค่ นในประเทศกัมพชู านยิ มรบั ประทานปลา เนอื่ งจาก
สภาพภูมิประเทศของกมั พชู ามแี หลง่ น้าอดุ มสมบูรณ์ ทาใหป้ ลาเป็นอาหารทหี่ ารบั ประทานได้งา่ ยนั่นเอง
อัมบยู ัต - ประเทศบรูไน
3.ประเทศบรไู น
อมั บยู ตั (Ambuyat) เปน็ อาหารยอดนยิ มของบรูไน มีลกั ษณะเด่นอยู่ทตี่ ัวแป้งจะเหนียว
ขน้ คลา้ ยข้าวตม้ หรอื โจก๊ โดยมแี ป้งสาคูเปน็ สว่ นผสมหลัก ตวั แป้งอมั บยู ัตเอง ไมม่ ีรสชาติ แตค่ วามอรอ่ ย
จะอยู่ทีก่ ารจิ้มกับซอสผลไมท้ ่มี รี สเปร้ยี ว นอกจากนยี้ งั มเี ครื่องเคยี งอีก 2-3 ชนดิ เช่น ผักสด เนอ้ื ห่อ
ใบตองย่าง หรอื เนอื้ ทอด ท้ังน้ี การรบั ประทานอัมบยู ตั ให้ได้รสชาติ ตอ้ งรบั ประทานตอนร้อน ๆ จงึ จะดี
ท่สี ุด
หลา่ เพ็ด - ประเทศพม่า
4.ประเทศพมา่
หล่าเพ็ด (Lahpet) เป็นอาหารยอดนยิ มของพม่า โดยการนาใบชาหมักมาทานกบั เครื่อง
เคียง เช่น กระเทียมเจยี ว ถ่ัวชนิดตา่ ง ๆ งาค่ัว กงุ้ แหง้ ขงิ มะพรา้ วควั่ เรียกไดว้ ่า มลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กบั
เมี่ยงคาของประเทศไทย ซ่งึ หลา่ เพด็ น้ี จะเป็นเมนูอาหารท่ขี าดไม่ไดใ้ นโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสาคัญ ๆ
ของประเทศพม่า โดยกลา่ วกันวา่ หากงานเลี้ยง หรืองานเฉลิมฉลองใด ไมม่ หี ลา่ เพ็ด จะถอื วา่ การนั้นเป็น
งานทขี่ าดความสมบรู ณไ์ ปเลยทีเดยี ว
อโดโบ้ - ประเทศฟลิ ปิ ปินส์
5.ประเทศฟิลปิ ปินส์
อโดโบ้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนยิ มของประเทศฟิลปิ ปินส์ ทาจากเนอื้ หมู หรอื เนื้อไก่
ท่ผี า่ นการหมัก และปรุงรส โดยจะใส่นา้ ส้มสายชู ซอี ิว๊ ขาว กระเทยี มสับ ใบกระวาน พริกไทยดา นาไปทา
ให้สุกโดยอบในเตาอบ หรือทอด แลว้ นามารบั ประทานกับขา้ วสวยร้อน ๆ
ในอดตี อาหารจานนี้เป็นทนี่ ิยมในหมู่นกั เดินทาง เนอ่ื งจากส่วนผสมของอโดโบส้ ามารถ
เก็บรักษาไว้ไดน้ าน เหมาะสาหรับพกไว้เป็นเสบยี งอาหารระหว่างการเดินทาง ซึง่ ปัจจุบันอโดโบไ้ ด้
กลายเป็นอาหารยอดนยิ มทน่ี ามารบั ประทานกันได้ทกุ ท่ที ุกเวลา
ลักซา - ประเทศสงิ คโปร์
6.ประเทศสิงคโปร์
ลกั ซา (Laksa) อาหารขึ้นชอ่ื ของประเทศสิงคโปร์ ลักซามลี ักษณะคลา้ ยกว๋ ยเตีย๋ วต้มยา
ใส่กะทิ ทาให้รสชาติเข้มขน้ คล้ายคลงึ กับขา้ วซอยของไทย โดยลักซาจะมสี ว่ นผสมของ กุ้งแหง้ พริก กุง้
ตม้ และหอยแครง เหมาะสาหรบั คนทช่ี อบรับประทานอาหารทะเลเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรกต็ าม ลักซามที ั้ง
แบบที่ใส่กะทิ และไมใ่ ส่กะทิ ทว่า แบบทีใ่ ส่กะทจิ ะเปน็ ท่ีนิยมมากกวา่
กาโด กาโด - ประเทศอินโดนิเซยี
7.ประเทศอินโดนเี ซีย
กาโด กาโด (Gado Gado) อาหารยอดนยิ มของประเทศอินโดนเี ซีย ประกอบไปดว้ ยผกั และธญั พืช
หลากหลายชนิด ทัง้ แครอท มันฝร่งั กะหล่าปลี ถ่วั งอก ถัว่ เขยี ว นอกจากนี้ยังมเี ต้าหู้ และไข่ตม้ สุกดว้ ย
กาโด กาโดจะนามารบั ประทานกับซอสถัว่ ท่ีคล้ายกับซอสสะเต๊ะ อยา่ งไรก็ตาม ดว้ ยเครอื่ งสมุนไพรในซอส
อาทิ รากผกั ชี หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ทาใหเ้ ม่อื รบั ประทานแล้วจะไมร่ ้สู ึกเลย่ี นกะทิมากจนเกนิ ไป
นั่นเอง
สลดั หลวงพระบาง - ประเทศลาว
8. ประเทศลาว
สลัดหลวงพระบาง (Luang Prabang Salad) เป็นอาหารข้ึนช่ืออีกชนิดหนึ่ง เนอื่ งจากมี
รสชาตกิ ลาง ๆ ทาใหร้ บั ประทานได้ทั้งชาวตะวนั ออก และตะวนั ตก โดยสว่ นประกอบสาคัญคือ ผักนา้ ซ่งึ
เป็นผักปา่ ที่ข้ึนตามริมธารนา้ ไหล และยงั มสี ่วนประกอบอ่ืน ๆ เช่น มนั แกว แตงกวา มะเขอื เทศ ไข่ต้ม
ผกั กาดหอม และหมสู บั ลวกสุก ส่วนวิธปี รุงรสคือ ราดด้วยน้าสลัดชนิดใส คลกุ ส่วนผสมท้ังหมดเข้าดว้ ยกัน
แล้วโรยหนา้ ด้วยกระเทียมเจยี ว และถ่วั ลสิ งคั่ว
นาซิ เลอมกั - ประเทศมาเลเซยี
9.ประเทศมาเลเซยี
นาซิ เลอมกั (Nasi Lemak) อาหารยอดนิยมของประเทศมาเลเซยี โดยนาซิ เลอมัก จะ
เป็นข้าวหุงกับกะทิ และใบเตย ทานพร้อมเคร่อื งเคยี ง 4 อยา่ ง ไดแ้ ก่ ปลากะตกั ทอดกรอบ แตงกวาหั่น ไข่
ตม้ สุก และถ่วั อบ ซง่ึ นาซิ เลอมักแบบดงั้ เดิมจะห่อดว้ ยใบตอง และมกั ทานเปน็ อาหารเช้า แต่ในปัจจบุ ัน
กลายเป็นอาหารยอดนยิ มท่ีทานได้ทุกม้อื และแพร่หลายในประเทศเพอ่ื นบ้านอีกหลายแหง่ เชน่ สิงคโปร์
และภาคใต้ของไทยดว้ ย
ปอเปีย้ ะเวยี ดนาม - ประเทศเวียดนาม
10.ประเทศเวียดนาม
เปาะเปี๊ยะเวยี ดนาม (Vietnamese Spring Rolls) ถอื เป็นหนึ่งในอาหารพ้ืนเมืองทโ่ี ดง่
ดังที่สุดของประเทศเวยี ดนาม ความอรอ่ ยของเปาะเป๊ียะเวยี ดนาม อย่ทู ่กี ารนาแผ่นแปง้ ซึง่ ทาจากขา้ วจา้ ว
มาหอ่ ไส้ ซ่งึ อาจจะเป็นไก่ หมู ก้งุ หรอื หมยู อ โดยนามารวมกับผกั สมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น สะระแหน่
ผกั กาดหอม และนามารบั ประทานคูก่ ับนา้ จ้มิ หวาน โดยจะมถี ั่วคั่ว แครอทซอย ไชเทา้ ซอย ให้เติมตามใจ
ชอบ และบางครั้งอาจมีเครือ่ งเคยี งอย่างอื่นเพ่มิ ดว้ ย
นางสาวพลอยชมพู โหย้ ส้ิน เลขท่ี15 ม.6/9