The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติความเป็นมาของเมืองศรีมโหสถ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookprachin, 2020-04-26 23:48:45

สค33106 ศรีมโหสถบ้านเรา

ประวัติความเป็นมาของเมืองศรีมโหสถ

Keywords: E-book,ศรีมโหสถ



รายวชิ าศรมี โหสถบ้านเรา
(สค03106)

ระดบั ประถมศึกษา มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอศรีมโหสถ
สำนักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั

สำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำนำ

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอศรีมโหสถ ได้ดำเนินการพัฒนารายวิชา
เลือกที่สถานศึกษาพัฒนาขึ้น ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 ในสาระการพัฒนาสังคม รายวิชาศรีมโหสถบ้านเรา สค03106 ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา
ตอนต้น และตอนปลาย โดยศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอศรีมโหสถ
ได้ออกแบบและพฒั นาให้เหมาะสมกับการจัดการเรยี นการสอน

สื่อการเรียนรายวิชาศรีมโหสถบ้านเรานี้ แบ่งออกเป็น 3 บท ได้แก่ 1. ประวัติเมืองศรีมโหสถ
2. โบราณวตั ถแุ ละโบราณสถานในเมอื งศรมี โหสถ และ 3. ประวตั ศิ าสตร์เก่ยี วกับเมืองศรมี โหสถ

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สื่อการเรียนรายวิชา
ศรีมโหสถบ้านเรา จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน และขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดทำสื่อกา รเรียนไว้
ณ โอกาสน้ี

กศน.อำเภอศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี

สารบญั

คำนำ
คำแนะนำการใช้ส่อื ประกอบหลกั สตู ร
โครงสรา้ งรายวิชาศรีมโหสถบา้ นเรา
แบบทดสอบกอ่ นเรียน

บทที่ 1 ประวตั เิ มอื งศรีมโหสถ...................................................................................................................... 1
เร่อื งท่ี 1 ประวัติความเปน็ มาของอำเภอศรีมโหสถ ..................................................................... 2
เรอื่ งที่ 2 ท่ีมาของชื่อ “ศรีมโหสถ”............................................................................................. 3
เร่ืองที่ 3 เมืองมโหสถ ................................................................................................................. 4
เรอ่ื งท่ี 4 ต้นโพธม์ิ าจากไหน........................................................................................................ 9

กจิ กรรมท้ายบท.............................................................................................................................................10

บทที่ 2 โบราณวตั ถุ และโบราณสถานในเมอื งศรมี โหสถ............................................................................. 11
เรื่องท่ี 1 หลวงพ่อทวารวดี.....................................................................................................12
เรอื่ งที่ 2 ศวิ ลงึ ค์......................................................................................................................13
เรอื่ งที่ 3 รอยพระพทุ ธบาท และพุทธสถานทีส่ ระมรกต ..........................................................14
เรื่องที่ 4 ต้นโพธ์ิศรีมหาโพธิ...................................................................................................16
เรอ่ื งท่ี 5 สระมรกต .................................................................................................................17
เรอ่ื งที่ 6 สระแก้วสระขวญั ......................................................................................................18
เรอ่ื งท่ี 7 พระธาตุพทุ ธมงคล ...................................................................................................19
กิจกรรมทา้ ยบท........................................................................................................................20

บทที่ 3 ประวตั ศิ าสตรเ์ ก่ียวกบั เมืองศรมี โหสถ ............................................................................................ 21
เร่ืองท่ี 1 พระเจา้ ตากผา่ นดงศรมี หาโพธ์ิ...................................................................................22
เรื่องที่ 2 คนพวนมาจากไหน ....................................................................................................23
กจิ กรรมทา้ ยบท........................................................................................................................25

แบบทดสอบหลงั เรียน....................................................................................................................................26

เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ............................................................................................................................ 28

บรรณานุกรม ................................................................................................................................................. 29

คำแนะนำการใชส้ ือ่ ประกอบหลกั สตู ร

สื่อสาระพัฒนาสังคม รายวิชา สค03106 ศรีมโหสถบ้านเรา ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา
ตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นสื่อการเรียนที่จัดทำขึ้นสำหรับผู้ที่เป็นนักศึกษานอกระบบ และผู้ที่
สนใจเกี่ยวกับประวัตขิ องเมอื งศรีมโหสถ

ในการศึกษาจากสื่อสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ า สค03106 ศรมี โหสถบ้านเรา ผเู้ รียนควรปฏบิ ตั ิดงั นี้
1. ศึกษาโครงสร้างรายวชิ าให้เข้าใจในหวั ข้อ สาระสำคัญ ผลกาเรยี นร้ทู ่ีคาดหวัง และขอบข่ายเน้ือหา
2. ศึกษารายละเอียดเนื้อหาของแต่ละบทอย่างละเอียด และทำกิจกรรมตามที่กำหนด แล้ว
ตรวจสอบกับแนวตอบกิจกรรมที่กำหนด ถ้าผู้เรียนตอบผิด ควรกลับไปศึกษาและทำความเข้าใจในเนื้อหาน้ัน
ใหมใ่ หเ้ ขา้ ใจกอ่ นทีจ่ ะศกึ ษาเรื่องต่อไป
3. ปฏิบัติกิจกรรมทา้ ยเรื่องของแต่ละเร่ือง เพื่อเป็นการสรุปความรู้ความเข้าใจของเนื้อหา ในเรื่อง
นั้นๆ อกี ครั้ง และการปฏบิ ัติกจิ กรรมของแตล่ ะเน้ือหาในแตล่ ะเรื่อง ผเู้ รียนสามารถนำไปตรวจสอบกับครู และ
เพอ่ื นๆ ที่รว่ มเรยี นในรายวชิ าและระดับเดยี วกนั ได้ หรือจากเฉลยท้ายเล่ม

โครงสรา้ งรายวิชาศรีมโหสถบา้ นเรา

สาระสำคญั

ศึกษาประวัติเมืองศรีมโหสถ ได้แก่ ประวัติความเป็นมาของอำเภอศรีมโหสถ ที่มาของชื่อ
ศรีมโหสถ เมืองมโหสถ และ ต้นโพธิ์มาจากไหน รวมถึงโบราณวัตถุและโบราณสถานในเมืองศรีมโหสถ
และประวัติศาสตร์กับเมืองศรีมโหสถเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ เห็นความสำคัญ และตระหนักใน
ประวตั ิความเป็นมา โบราณวัตถุ และโบราณสถาน และประวัติศาสตร์ทมี่ มี าอย่างยาวนานของเมืองศรีมโหสถ
รวมทงั้ ผูเ้ รียนมีส่วนร่วมในการปฏิบัตติ นตามประเพณีท้องถ่นิ และอยรู่ ว่ มกันในสังคมอยา่ งมคี วามสขุ

ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวัง

1. มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ประวัตคิ วามเปน็ มาของเมืองศรีมโหสถ
2. เหน็ คุณค่าและความสำคัญของโบราณวัตถุ และโบราณสถาน
3. มีความเข้าใจประวัตศิ าสตร์ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั เมอื งศรมี โหสถ

ขอบข่ายเนื้อหา

ประกอบดว้ ยเน้อื หา จำนวน 3 บท ใช้เวลาเรยี นทั้งหมด 40 ชั่วโมง
บทท่ี 1 ประวัตเิ มอื งศรีมโหสถ (10 ชั่วโมง)
บทที่ 2 โบราณวัตถุ และโบราณสถานในเมอื งศรมี โหสถ (20 ช่ัวโมง)
บทท่ี 3 ประวตั ิศาสตร์เกีย่ วกบั เมอื งศรมี โหสถ (10 ชว่ั โมง)

แบบทดสอบก่อนเรียน

1. ข้อใดแสดงให้เห็นวา่ อำเภอศรีมโหสถเป็นดินแดน 6. หลวงพอ่ ทวารวดเี ปน็ พระพทุ ธรูปปางใด
ประวัตศิ าสตรม์ าชา้ นานที่มีความเป็นไปไดม้ ากทส่ี ุด ก. ปางอุม้ บาตร
ก. คำบอกเล่าต่อ ๆ กนั มา ข. ปางหา้ มญาติ
ข. การสันนิษฐานจากบุคคลท่ัวไป ค. ปางแสดงธรรม
ค. มีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่ปรากฏ ง. ปางประทานพร
ง. ผนู้ ำชุมชนให้ความสำคัญตอ่ ประวัตศิ าสตร์
7. หลวงพอ่ ทวารวดีถูกคน้ พบทีบ่ ริเวณใด
2. ข้อใดเป็นอปุ สรรคในการไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ ก. บา้ นโคกวดั
ประวัติศาสตร์ ข. บ้านโคกปีบ
ก. งบประมาณคา่ ใชจ้ ่ายในการเดินทาง ค. บา้ นสระมะเขือ
ข. ความไมส่ นใจและไมเ่ ก็บเก่ียวความรู้ ง. บ้านหนองสะแก
ค. บางสถานท่ไี ม่มผี ู้แนะนำให้ความรทู้ ่ีถูกต้อง
ง. การไมเ่ ตรียมตวั ความพร้อมของผู้ทัศนศึกษา 8. สระแก้ว สระขวัญ อยทู่ างทศิ ใดของเมืองศรีมโหสถ

3. เมอื งศรีมโหสถเคยเป็นดนิ แดนท่ีมีความเจริญรุ่งเรือง ก. ทิศใต้ ข. ทิศเหนอื
ในสมยั ใด
ก. สมัยล้านนา ค. ทิศตะวนั ตก ง. ทิศตะวันออก
ข. สมยั ศรีวิชยั
ค. สมยั ทวารวดี 9. ข้อใด ไม่ใช่ โบราณสถานในอำเภอศรีมโหสถ
ง. สมยั รัตนโกสนิ ทร์ ก. สระมรกต
ข. ปราสาทภูมิโปน
4. ตน้ พระศรีมหาโพธิ์ ต้ังอยู่ที่ตำบลใด ค. รอยพระพทุ ธบาท
ก. ตำบลโคกปีบ ง. สระแก้ว สระขวัญ
ข. ตำบลคู้ลำพัน
ค. ตำบลโคกไทย 10. ข้อใดเกีย่ วขอ้ งกบั โบราณสถานมากทส่ี ุด
ง. ตำบลไผ่ชะเลอื ด ก. เป็นสถานทเี่ ก่าแก่
ข. เปน็ แหล่งประวตั ศิ าสตร์
5. หนอ่ พระศรีมหาโพธ์ิอญั เชิญมาจากประเทศใด ค. เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วของชาวตา่ งชาติ
ก. ประเทศภูฏาน ง. เป็นแหล่งแสดงใหเ้ ห็นความเจรญิ ในอดีต
ข. ประเทศอินเดยี
ค. ประเทศเนปาล 11. สิ่งใดที่ทำให้โบราณสถานและโบราณวัตถุเสื่อมได้
ง. ประเทศศรลี ังกา เรว็ ท่ีสุด

ก. ภัยจากพายุ
ข. ภยั จากดินถลม่
ค. ภัยจากนำ้ ท่วม
ง. ภยั จากการกระทำของมนษุ ย์

12. ข้อใด ไม่ใช่ วิธกี ารอนรุ ักษโ์ บราณสถานโบราณวตั ถุ 17. หากผู้เรียนได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาแหลง่
ก. ตอ่ เติม โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ควรปฏิบัติตามข้อใด
ข. ป้องกนั
ค. ซอ่ มแซม ก. ซ้อื ของทีร่ ะลกึ มาฝากพอ่ แม่
ง. สงวน รักษา ข. ศกึ ษาประวัติความเป็นมาและเล่าต่อ
ค. วเิ คราะหข์ ้อมูลเกบ็ เป็นความรู้คนเดียว
13. ขอ้ ใดคือความสำคัญและประโยชน์ท่ีจะไดร้ ับจาก ง. บันทึกความทรงจำโดยการเขยี นบนฝาผนงั
การศกึ ษาโบราณวัตถุและโบราณสถาน
18. เมอื่ ผเู้ รยี นเหน็ บุคคลทม่ี าเท่ียวทำลายแหลง่
ก. เปน็ แหล่งทอ่ งเทีย่ วและพักผ่อนหย่อนใจ โบราณสถานโบราณวตั ถุผเู้ รียนควรทำอย่างไร
ข. เป็นแหลง่ ใหค้ วามรทู้ างศลิ ปะประวตั ิศาสตร์
ค. เป็นแหล่งเรยี นร้ตู ลอดชีวติ ตามอัธยาศยั และ ก. แนะนำให้ความรู้
โบราณคดี ข. แจง้ เจา้ หน้าที่ตำรวจ
ง. ถูกทุกขอ้ ค. กลับไปบอกผนู้ ำชุมชน
ง. แจง้ เจ้าหน้าทท่ี ่รี ับผดิ ชอบ

14. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ไดพ้ าไพร่พล หยดุ 19. ในฐานะทผี่ ู้เรียนอาศยั อยู่ในอำเภอศรีมโหสถจะ มี
พักทัพบริเวณใดของเมืองศรีมโหสถก่อนเดินทางไปทำ วิธีประชาสัมพนั ธ์ให้คนท่วั ไปรูจ้ กั และร่วมกันอนรุ ักษ์
ศกึ สงครามกับพม่า โบราณสถานโบราณวตั ถไุ ด้อยา่ งไร

ก. สระมรกต ก. แต่งหนงั สือโบราณวัตถ-ุ โบราณสถานแจก
ข. รอยพระพุทธบาท ข. เชิญชวนมาเทย่ี วสถานท่ีตา่ งๆในอำเภอศรีมโหสถ
ค. สระแก้ว สระขวัญ ค. แนะนำสถานที่ทอ่ งเท่ียวโบราณวัตถุ-
ง. ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ โบราณสถาน
ง. เชิญชวนมาเที่ยวแนะนำการอนรุ ักษ์แหล่ง
15. คนพวนมีการอพยพมาต้ังหลกั แหลง่ ในเมือง ประวตั ิศาสตร์
ศรมี โหสถเม่ือ ปี พ.ศ.ใด
20. ข้อใด ไมใ่ ช่ ประเภทของโบราณวัตถุ
ก. ปี พ.ศ. 2317 ก. ซากมนษุ ย์ท่ีดองไว้
ข. ปี พ.ศ. 2318 ข. โบราณสถานทร่ี า้ งแล้ว
ค. ปี พ.ศ. 2319 ค. โบราณสถานทยี่ งั ไม่ร้าง
ง. ปี พ.ศ. 2320 ง. โบราณสถานทีเ่ ห็นรปู ทรงชัดเจน
16. คนพวนมีหลักแหล่งด้งั เดมิ อย่บู รเิ วณใด
ก. แขวงหวั พนั
ข. แขวงบริคำไชย
ค. แขวงเชียงขวาง
ง. แขวงหลวงพระบาง

บทที่ 1

ประวัตเิ มอื งศรมี โหสถ

สาระสำคญั

เมืองมโหสถ เป็นชื่อบ้านเมืองโบราณ โดยได้ชื่อจากนิทานชาดกเรื่องพระมโหสถ ปัจจุบัน
บ้านเมืองโบราณอยู่ในเขตอำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี มีร่องรอยวัฒนธรรมกว้างขวางถึงอำเภอพนม
สารคาม เติบโตข้นึ จากการค้าขา้ มภมู ิภาคเป็นบ้านเมืองใหญ่ หรอื รัฐขนาดเลก็ สมมตุ ชิ ่อื เรียกตามนทิ านท้องถ่ิน
ของลาวพวนว่า เมอื งมโหสถ มีเมอื งมโหสถเป็นศูนย์กลางเก่ียวข้องไปถงึ ชุมชนบา้ นเมืองและรฐั ขนาดเล็กทางท่ี
ลมุ่ ๆดอนๆ ภายในจนถึงทะเลสาบในกมั พชู ารวมถึงบริเวณลมุ่ นำ้ ชี-มูล ในอีสาน และรัฐอทู่ อง (สพุ รรณบรุ )ี ฟาก
ตะวนั ตกลุม่ น้ำเจา้ พระยา

ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวงั

ผู้เรียนสามารถอธิบายประวัติความเป็นมาของเมอื งศรีมโหสถได้

ขอบขา่ ยเน้ือหา

เรอ่ื งที่ 1 ประวัติความเป็นมาของอำเภอศรีมโหสถ
เรื่องที่ 2 ทม่ี าของช่ือ ศรีมโหสถ
เรื่องท่ี 3 เมืองมโหสถ
เรอ่ื งท่ี 4 ตน้ โพธ์มิ าจากไหน

2

เรื่องที่ 1 ประวตั ิความเปน็ มาของอำเภอศรมี โหสถ

อำเภอศรมี โหสถ เดิมชือ่ วา่ กง่ิ อำเภอโคกปีบ ของอำเภอศรีมหาโพธิ กระทรวงมหาดไทยประกาศต้ัง
ก่งิ อำเภอโคกปบี ในวนั ที่ 27 กุมภาพนั ธ์ 2513 โดยแยกการปกครองมาจากอำเภอศรีมหาโพธิ และได้รบั การยก
ฐานะเป็นอำเภอโคกปีบ ในวันที่ 13 เมษายน 2520 และมีพระราชกฤษฎีกาครั้งสุดท้ายให้เปลี่ยนชื่อจาก
อำเภอโคกปีบ มาเป็นอำเภอศรีมโหสถ ในวันท่ี 3 มิถุนายน 2536

จากการขุดคน้ เมืองโบราณศรมี โหสถนี้ พบวา่ ลักษณะของเมืองโบราณนเ้ี ปน็ รปู สี่เหล่ยี มขอบข้างทั้ง
สี่มน มีคันดินและคูน้ำล้อมรอบ พื้นที่ภายในเมืองโบราณศรีมโหสถมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง ประกอบด้วย
กล่มุ โบราณสถานต่างๆ เชน่ หม่เู ทวาลัย เจดียร์ ูปกลมเหมือนโถคว่ำสมัยทวารวดี เทวาลัยรูปสีเหล่ียมผืนผ้า ซึ่ง
มีอายุราวพทุ ธศตวรรษที่ 6-11 จงึ สนั นษิ ฐานวา่ เมอื งโบราณศรมี โหสถน้ีเปน็ เมืองในยคุ สมัยทวารวดี

3

เร่ืองท่ี 2 ทม่ี าของชอ่ื “ศรมี โหสถ”

มโหสถ เปน็ ภาษาบาลี-สันสกฤต 2 คำ คือ คำว่า มหา แปลวา่ ใหญ่, ยง่ิ , มาก

มักใช้เปน็ สว่ นหนา้ ของคำสมาส ส่วนคำว่า โอสถ แปลวา่ ยารกั ษาโรค

ศรี เป็นภาษาสนั สกฤต (ตรงกับภาษาบาลวี า่ สริ )ิ

แปลวา่ ม่งิ , สิรมิ งคล, ความดคี วามงาม, ความเจรญิ , ความสว่างสุกใส

ศรีมโหสถ จงึ แปลรวมๆไดว้ า่ ผู้ทรงไวซ้ ่งึ ยารักษาโรคขนานใหญ่

สำคัญยง่ิ อันดีงามอย่างวเิ ศษ และย่ิงใหญ่ จับความหมายได้ว่า

“ผ้ทู รงไวซ้ งึ่ สติปัญญาอันสูงส่ง”

มโหสถ เป็นช่อื ชาดกเรอื่ งท่ี 5 ของทศชาตชิ าดก

(พระเจ้า 10 ชาต)ิ มีชอื่ ยอ่ ตามลำดับวา่ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา

วิ เว ช่อื ย่อ มะ คอื มโหสถนัน่ เอง มโหสถบัณฑติ
เมืองโบราณน้ี มชี อ่ื เรยี กแตกตา่ งกนั ไป ได้แก่ เมืองพระรถ

เมืองมโหสถ เมืองศรีมโหสถ เมืองศรีวัตสปุระ และเมืองอวัธยปุระเกี่ยวกับชื่อเมืองพระรถนี้ปรากฏอยู่ใน

ปญั ญาสชาดกเรื่องรถเสนชาดก เนอื้ เรือ่ งเกยี่ วกบั พระรถ หรือรถเสน โอรถท้าวรถสทิ ธ์ิ กับนอ้ งคนสุดท้องใน

บรรดานางสิบสอง ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นชาดกที่ค่อนข้างแพร่หลาย เนื่องจากที่อำเภอพนัสนิคมก็ปรากฏการ

เรียกชือ่ เมืองโบราณในสมยั ทวารวดีทีน่ ่ันว่าเมืองพระรถ นอกจากนี้ยังปรากฏช่ือตำบลหมอนนาง หรือหมอน

นางสิบสองในเขตอำเภอพนัสนิคม บา้ นราชสาส์น ซ่ึงเช่ือกันว่าเป็นที่ท่ีพระฤาษีแปลงสาสน์ เป็นต้น แต่มีผู้รู้

บางทา่ นกลา่ ววา่ ศรีมโหสถนนั้ เปน็ ชอ่ื ทน่ี ยิ มต้งั เป็นช่ือเมืองของอนิ เดยี ในสมยั โบราณ

ชอ่ื เมอื งอีกชื่อหนึ่งซ่ึงบางครงั้ ใช้เรียกเมืองโบราณแหง่ น้ี คือ เมืองอวธั ยปรุ ะ เป็นช่ือซ่ึงปรากฏใน

กรอบคันฉ่องสำริดขุดค้นพบที่โบราณสถานหมายเลข 11 ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดคันดินคูเมืองด้าน

นอก ชื่ออวัธยปุระนี้แต่เดิมเคยอ่านกันว่าศรีวัตสะปุระ แต่ต่อมาอ่านใหม่ว่าอวัธยปุระ อย่างไรชื่อเมือง

อวัธยปรุ ะกไ็ ม่อาจยนื ยนั ได้ว่าเปน็ ช่ือเมืองน้ีจริง เน่ืองจากกรอบคนั ฉ่องสำริดน้ี ขุดพบรวมกบั เคร่ืองสำริดอื่นๆ

เช่น หัวนาคสำริด ฐานเชิงเทียนสำริด ข้อรัดสำริด สังข์สำริด เป็นต้น ซึ่งโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นของ

เคลือ่ นยา้ ย อาจมาจากเมืองอวัธยปุระทอี่ ่นื แล้วถูกนำเขา้ มาก็เปน็ ได้

แตก่ ม็ ผี ู้คดั คา้ นว่า เมืองนนี้ า่ จะชอ่ื เมืองศรีมโหสถ ตามชาดกเรอ่ื งพระมโหสถซึง่ มนี ิทานเล่าต่อกัน

มาวา่ พระมโหสถผู้ครองเมืองมโหสถ ได้จัดใหผ้ ู้ใหญ่ไปสู่ขอนางอมรเทวีซ่ึงอย่ทู ่เี มืองโคกขวาง (บา้ นโคกขวาง

อ.ศรมี หาโพธิ จ.ปราจีนบุรี) เพอื่ อภเิ ษกสมรส แต่นางอมรเทวมี ีเงอ่ื นไขให้พระมโหสถจดั การสรา้ งถนนมาจาก

เมืองมโหสถ โดยนางจะสร้างถนนจากเมืองของนางเข้ามาหากัน และให้ถนนสองสายนี้เชื่อมต่อกันพอดีก่อน

ดาวรุ่งข้ึน หากเปน็ ไปตามนี้จึงยินยอมแตง่ งานดว้ ย และในทีส่ ุดนางอมรเทวกี ็ออกอุบายนำโคมไฟขึ้นแขวนบน

ยอดไม้ ทำนองว่าดาวรุ่งขึ้นแล้ว ทำให้พระมโหสถเสียใจเป็นอันมาก จึงเอาขนมขันหมากซ่ึงจัดเตรียมไว้น้ัน

สาดทง้ิ ทหี่ นองน้ำแหง่ หนึง่ ซงึ่ ปัจจุบนั เรียกว่าหนองขันหมาก (อ.ศรมี หาโพธิ จ.ปราจีนบรุ ี) จนในท่ีสุดผู้ศึกษา

ประวัตศิ าสตร์และโบราณคดีตา่ งกเ็ รยี กเมอื งแห่งนว้ี ่าเมืองศรีมโหสถ ตามนทิ านทอ้ งถน่ิ ท่ีเล่าต่อกนั มา

4

เรือ่ งที่ 3 เมืองมโหสถ

แผนผงั เมืองศรมี โหสถ

เมอื งศรมี โหสถเปน็ เมอื งขนาดใหญ่ มีเน้ือที่ภายในเมอื ง 742 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา แผนผังเป็น
รปู ส่ีเหล่ียมผนื ผา้ มมุ มน ขนาดของเมืองกว้าง 700 เมตร ยาว 1,500 เมตร ตัวเมอื งต้ังอยตู่ ามแนว ทศิ
ตะวันออกเฉียงเหนือ-ทิศตะวันตกเฉียงใต้ คูเมืองกว้างประมาณ 14-20 เมตร คูเมืองด้านทิศเหนือ
ลึก 1-3 เมตร ทิศตะวันออกลึก 3-6 เมตร ทิศใต้ลึก 4-8 เมตร และทศิ ตะวันตกลึก 3-6 เมตร

คูเมืองศรีมโหสถขุดตัดทะลุชั้นของศิลาแลงธรรมชาติลงไป เห็นร่องรอยได้ชัดเจนบริเวณคูเมือง
ทางด้านทิศใต้ ส่วนตอนกลางของเมืองมีคูน้ำเชื่อมระหว่างคูเมืองทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ ชาวบ้านเรียก
คูนำ้ นนั้ วา่ “คลู กู ศร”

ผังเมืองศรีมโหสถมีความคล้ายคลึงกับแผนผังเมืองสมัยทวารวดีแห่งอื่น เช่น เมืองคูบัว
(อำเภอเมือง จังหวดั ราชบรุ ี) และเมืองศรเี ทพ (อำเภอศรเี ทพ จงั หวัดเพชรบรู ณ์) เปน็ ตน้

นอกจากนี้ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองศรีมโหสถประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นที่ตั้ง
ของชุมชนโบราณเรียกว่า “บ้านโคกขวาง” หรือตามตำนานเรียกว่า “เมืองนางอมรเทวี” ปัจจุบันอยู่ในเขต
บา้ นโคกขวาง อำเภอศรีมหาโพธิ จงั หวัดปราจนี บรุ ี

จากเมอื งศรีมโหสถและบา้ นโคกขวางมแี นวคนั ดนิ 2 แนว ทอดหากัน แตไ่ ม่บรรจบกนั ชาวบ้าน
เรยี กแนวคนั ดินโบราณที่ทอดจากเมืองศรีมโหสถว่า “ถนนพระรถ” หรอื “ถนนพระมโหสถ” ส่วนแนวคันดิน
โบราณทที่ อดจากชมุ ชนบา้ นโคกขวางเรยี กวา่ “ถนนนางอมรเทวี”

แนวคนั ดินทัง้ สองเป็นคันก้ันนำ้ ซึ่งคอยกัน้ น้ำหรือเบย่ี งเบนน้ำท่ีไหลบา่ มาจากเทือกเขาดงพญาเย็น
แถบที่ราบอำเภอกบินทร์บุรีให้ไหลไปในทิศทางที่ต้องการ เช่น เข้าสู่คูเมืองและสระน้ำ ตลอดจนกั้นไว้หล่อ
เลี้ยงพืชผลในการเกษตรในระยะเวลาพอสมควรก่อนที่น้ำจะไหลลงที่ราบลุ่ม แล้วลงสู่ทะเลทางด้าน
ทิศตะวนั ออก

5

ลกั ษณะทางสังคมและเศรษฐกิจ

จากลักษณะของชุมชน อาจกล่าวได้ว่าเมืองศรีมโหสถเป็นเมืองในลักษณะของรัฐเล็กที่มีชุมชน
เล็กๆกระจายอยู่โดยรอบ เช่นเดียวกับเมืองพระรถ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี โดยมีตัวเมืองเป็น
ศนู ยก์ ลาง ความแตกต่างของเมอื งศรีมโหสถกับเมืองแบบทวารวดสี ่วนใหญใ่ นท่ีอืน่ ๆ โดยเฉพาะภาคตะวนั ตกซ่ึง
เชื่อกันว่าเปน็ ศูนย์กลางของวัฒนธรรมแบบทวารวดี คอื อทิ ธพิ ลวัฒนธรรมจากอาณาจกั รเขมร เนือ่ งจากได้พบ
หลักฐานที่แสดงอิทธิพลวัฒนธรรมฟูนัน ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 6-10 และอิทธิพลวัฒนธรรมเขมร ระหว่าง
พทุ ธศตวรรษที่ 11-18 นอกเหนือจากหลกั ฐานทางวฒั นธรรมแล้ว แนวความคิดในด้านการเมืองการปกครอง
บนพื้นฐานความเชื่อศาสนาฮินดูอาจแพร่เข้ามาสูช่ ุมชนเมอื งศรีมโหสถพร้อมกับการแพร่กระจายของหลักฐาน
อื่นๆ นอกเหนือจากอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากเขมรแล้ว ยงั มอี ทิ ธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอ่ืนๆ โดยผ่าน
การค้าขายแลกเปลี่ยนและการเดินเรือ ภายในเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปกครอง จึงอาจเป็นที่อยู่ของ
ผู้ปกครองและพราหมณ์ ตามที่ได้พบว่ามีหลักฐานที่แสดงศาสนาฮินดูพบอยู่ทั่วไปภายในตัวเมือง อาจ
เนื่องจากศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูช่วยส่งเสริมสถานภาพของชนชั้นปกครองและมีพราหมณ์เป็นผู้ประกอบ
พธิ ีกรรม ในขณะที่ชมุ ชนภายนอกเมืองซึ่งเป็นชุมชนเกษตรกรรมสว่ นใหญ่จะพบหลักฐานเกี่ยวกับพุทธศาสนา
ซ่งึ สามารถเข้าสสู่ ามัญชนได้งา่ ยกว่า ไมม่ ีระบบชนชั้นวรรณะและไม่มพี ิธีกรรมยุ่งยาก

ชุมชนเมอื งศรมี โหสถเปน็ ชมุ ชนเมืองเกษตรกรรม

6

แมว้ า่ ชมุ ชนเมอื งศรีมโหสถจะเปน็ เมืองเกษตรกรรม แตล่ กั ษณะทตี่ ง้ั ของเมืองท่ีเหมาะสม ต่อ

การเป็นเมืองท่าค้าขายกับดินแดนอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงทั้งทางบกและทางน้ำ หลักฐานที่แสดงการค้าขาย

กับดินแดนอื่นๆ ได้แก่ ตะกั่ว และดีบุก ซึ่งนำเข้ามาจากดินแดนอื่นเพื่อผสมทองแดงในการทำสำริดในรูป

ของตะก่ัวนม แผ่นตะกว่ั มว้ น เปน็ ต้น

ตามเส้นทางเดินเรือ เมืองศรีมโหสถเป็นเมืองท่าสำคัญอีกเมืองหนึ่งซึ่งพบหลักฐานการติดต่อกับ

ดินแดนโพ้นทะเล เช่น เครื่องถ้วยจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา

เครื่องถ้วยเปอร์เซยี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14 นอกจากนี้อิทธิพลทางศิลปกรรมอินเดยี ทีส่ ่งผ่านเข้ามาทาง

ตะวันตก และตะวันออกล้วนแต่สะท้อนความสมั พันธ์กับต่างประเทศเป็นอย่างดี สินค้าที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน

นอกเหนือจากผลผลิตทางการเกษตรและของป่าแล้ว เมืองศรีมโหสถอาจเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน

ระหวา่ งรัฐในผนื แผ่นดนิ กบั พ่อค้าทีเ่ ดินเรอื คา้ ขาย หลักฐานเก่ยี วกบั การคา้ ขายแลกเปลย่ี นอกี อย่างหนึ่งท่ีพบ

คอื เหรียญจนี ขุดพบท่โี บราณสถานหมายเลข 86 มอี ักษรจนี เขียนอยูด่ ้านบน 4 ตัว อา่ นไดว้ ่า “ไถ้

หยวนถง่ ปอ้ ” ซ่ึงเป็นเงินตราของจีนในสมัยราชวงศ์ถัง เริ่มใชเ้ มือ่ พ.ศ. 1164-1208 และใชต้ ่อมาจนถึง พ.ศ.

1450 เหรยี ญอีกแบบหนึ่งซึ่งใช้ในการแลกเปล่ียนคือเหรียญเงินทวารวดี ราษฎรเปน็ ผขู้ ดุ พบ สอบถามทราบ

ว่าพบในหม้อเป็นจำนวนมากแต่ได้ขายไปจนหมด ที่เหลือเป็นตัวอย่างเพียงเหรียญเดียว ด้านหนึ่งเป็นภาพ

พระอาทติ ยข์ นึ้ อกี ด้านหนึง่ เป็นภาพศรวี ัตสะ ซึ่งเปน็ ลกั ษณะทพ่ี บในเหรียญสมยั ทวารวดี

เหรยี ญเงนิ ทวารวดี

7

ศาสนาในเมอื งศรมี โหสถ

เมืองศรีมโหสถได้พบหลักฐานทางศาสนาซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างจากเมืองทวารวดีเมืองอื่นๆ คือ

นอกเหนือจากจะมีพัฒนาการทางความเชื่อในพุทธศาสนาทั้งเถรวาท และมหายานแล้ว ยังปรากฏหลักฐาน

แสดงพัฒนาการของศาสนาฮินดทู ง้ั ไศวนิกาย และไวษณพนกิ าย ควบคกู่ ันไป

ศาสนาพุทธของเมืองศรีมโหสถพบว่าส่วนใหญ่จะกระจายอยู่โดยรอบตัวเมือง เช่น ชุมชนบริเวณ

โบราณสถานสระมรกต ชมุ ชนบริเวณโบราณสถานภูเขาทอง ชุมชนบรเิ วณโบราณสถานหมายเลข 11 เป็น

ต้น ลักษณะของพุทธศาสนาในระยะแรกคือในราวพุทธศตวรรษที่ 11 พบหลักฐานเป็นรอยพระพุทธบาท

พระพทุ ธรูปในศิลปกรรมแบบทวารวดี ธรรมจกั ร จารกึ คาถา เยธมั มา บนแผ่นดินเผา ฯลฯ ต่อมา

จึงเปลี่ยนแปลงความเชื่อพุทธศาสนาแบบมหายาน ในราวพุทธศตรวรรษที่ 17-19 พบหลักฐานเป็นรูปพระ

โพธิสัตว์ พระพุทธรูปนาคปรก รูปนางตารา และนางปรัชญาปารมิตา เป็นต้น การเปลี่ยนแปลง

ความเชื่อในพุทธศาสนาจากลัทธเิ ถรวาทมาเป็นมหายานนัน้ น่าจะเปน็ อิทธิพลของอาณาจักเขมร

ศาสนาฮินดูในเมืองศรีมโหสถมักพบอยู่ภายในคันดินคูเมืองระยะแรก ปรากฏหลักฐานเป็น

ประตมิ ากรรมรปู พระวิษณุสวมหมวกทรงกระบอก เปรียบเทียบได้กับประติมากรรมรูปพระวิษณุทพี่ บในศิลปะ

เขมรแบบพนมดา แบบสมโบร์ไพรกุก และแบบไพรเมง ในราวพุทธศตวรรษที่ 11-13 ซึ่งอาจหมายถึงการ

รับเอาอิทธิพลศิลปะ และความเชื่อจากเขมรในช่วงเวลาดังกล่าว ประติมากรรมเหล่านี้เป็นประติมากรรมใน

ศาสนาฮินดลู ทั ธิไวษณพนกิ าย

หลักฐานศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกายปรากฏที่เมืองศรีมโหสถ เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาคือ
ศิวลึงค์ พบหลักฐานมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 11-13 เช่นเดียวกันกับรูปเคารพในลัทธิไวษณพนิกาย
นอกจากนั้นยังพบสัญลักษณ์เป็นตรีศูล อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-13 ประติมากรรมเทพชั้นรองใน

ลัทธิไศวนิกาย เช่น พระมหิษาสุรมรรทินี พระคเณศ ซึ่งมีอายุร่วมสมัยกัน หลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า
ศาสนาฮนิ ดลู ัทธไิ ศวนกิ าย ได้มพี ัฒนาการในเมืองศรมี โหสถควบคูก่ นั ไปกับศาสนาฮินดูลัทธไิ วษณพนกิ าย

พระวษิ ณุ เทวรปู พระคเณศ

8

ลักษณะเช่นนีจ้ งึ สันนิษฐานไดว้ ่าพทุ ธศาสนาไดเ้ ปน็ ศาสนาของชนส่วนใหญข่ องเมือง
ศรีมโหสถ และได้มีการพัฒนามาก่อนเช่นเดียวกับเมืองทวารวดีแห่งอื่นๆ ในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน
กไ็ ดร้ ับความเชื่อในศาสนาฮินดูจากอิทธิพลความเชื่อของเขมร หรอื อนิ เดีย และเน่ืองจากศาสนาฮินดูมีเนื้อหา
กำหนดชนชั้นอย่างชัดเจน จึงทำให้หลักฐานทางศาสนาฮินดูส่วนใหญ่จะพบภายในบริเวณเมือง ในราว
พุทธศตวรรษที่ 17 พุทธศาสนานิกายมหายานได้มีการแพร่หลายในเมืองศรีมโหสถอีกครั้ง ทำให้ศาสนาฮินดู
เลอื นหายไปในทส่ี ุด

สรุป

ความเป็นมาของเมืองศรีมโหสถมีวัฒนธรรมที่มีการผสมผสานระหว่างอิทธิพลพื้นเมือง
และอิทธิพลจากภายนอก ซง่ึ สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 4 ระยะ คอื

ระยะท่ี 1 ระยะกอ่ นสร้างเมืองศรมี โหสถ ชมุ ชนได้รวมตวั กนั เป็นกลุ่มหมบู่ ้านเกษตรกรรม ยังไม่
มีการสร้างเมืองและคันดินคูน้ำล้อมรอบ ชุมชนในระยะนี้อาจมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรฟูนัน และมีการ
ติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนกับนักเดินเรือจากต่างประเทศ หลักฐานที่พบในระยะนี้แสดงอิทธิพลวัฒนธรรม
อาณาจักรฟูนนั และอิทธพิ ลวฒั นธรรมอนิ เดยี กำหนดอายุในระยะนก้ี ่อนพทุ ธศตวรรษที่ 11

ระยะที่ 2 เป็นระยะที่ตั้งเมืองศรีมโหสถ มีการสร้างคันดินและคูน้ำล้อมรอบ มีการรับเอา
อิทธิพลทางวฒั นธรรมจากอนิ เดยี และเขมร ในระยะนเี้ กดิ การผสมผสานความเช่ือทางด้านศาสนาพุทธ และ
ศาสนาฮินดู ซึ่งจะปรากฏวฒั นธรรมทางศาสนาฮินดูภายในตัวเมือง เนื่องจากมีขอ้ จำกัดทางด้านชนชั้น และ
จะพบหลักฐานทางวัฒนธรรมของศาสนาพุทธภายนอกตัวเมือง ในช่วงนี้ยังคงมีการค้าขายแลกเปลี่ยนกับนัก
เดินเรือโดยพบหลักฐานคือเหรียญจีนสมัยราชวงศ์ถัง ส่วนการค้าขายแลกเปลี่ยนภายในนอกจากมีการ
แลกเปลี่ยนวัตถุกับวัตถุกับดินแดนใกล้เคียงแล้ว ยังพบว่ามีการใช้เงินเหรียญทวารวดีเช่นเดียวกับแหล่งเมือง
ทวารวดอี ่ืนๆด้วย ในระยะนี้นา่ จะมอี ายุราวพทุ ธศตวรรษที่ 11-13

ระยะที่ 3 เมืองศรมี โหสถได้มกี ารพฒั นาจนถงึ ขีดสดุ ในชว่ งนี้มีการผสมผสานวฒั นธรรม จาก
ภายนอกเช่นอนิ เดยี และเขมร รวมกบั วัฒนธรรมพนื้ เมอื ง การคา้ ขายแลกเปลยี่ นกับนักเดินเรอื ตา่ งประเทศมี
มากข้นึ ระยะน้มี อี ายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16

ระยะที่ 4 เป็นระยะที่เมืองศรีมโหสถอยู่ภายใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมเขมร ซึ่งอาจรวมไปถึง
อิทธิพลทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย ศาสนาในระยะนี้จะเป็นศาสนาพุทธในนิกายมหายาน การค้าขายกับ
ตา่ งประเทศยงั คงดำเนินตอ่ ไป กำหนดอายุไดต้ ั้งแตพ่ ุทธศตวรรษท่ี 17 เป็นต้นมา

9

เรอ่ื งที่ 4 ต้นโพธิ์มาจากไหน

วัดต้นโพธิ์ อำเภอศรีมโหสถ มีต้นโพธิ์เก่าแก่ซึ่งตามความเชื่อเล่าว่า เป็นต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่ได้พันธุ์มา
จากอินเดีย โดยตามตำนานได้เล่าว่า ต้นโพธิ์ต้นนี้ได้พันธุ์มาตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2000 ในช่วงยุคต้นอยุธยา มี
ร่องรอยจารึกและตำนานพงศาวดารว่าเจ้านายเชือ้ สายวงศ์กษัตรยิ ์สมัยสโุ ขทัยทรงผนวช แล้วเสดจ็ ธุดงค์ไปอยู่
ลังกานานถึง 10 ปี เมื่อเสด็จกลับกรุงสุโขทัย ทรงเชิญพระธาตุ และหน่อพระศรีมหาโพธิ์มาด้วยจำนวนหนึ่ง
แล้วแจกจ่ายใหป้ ระดษิ ฐานไว้ในบา้ นเมืองสำคัญหลายแห่ง ซ่งึ หนอ่ พระศรมี หาโพธ์ินม้ี าจากเมืองอนุราชปรุ ะ ซึ่ง
เป็นที่เคารพยกย่องว่าเป็นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ สืบจากโพธิ์ตรัสรู้เมืองพุทธคยา ในประเทศอินเดีย ซึ่งแม้ต่อมา
บ้านเมืองในอำเภอศรีมโหสถนนั้นจะรกร้างไปบ้าง แต่พระศรีมหาโพธิ์ยังดำรงความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ศรัทธา
เลือ่ มใสของสาธุชนห่างไกล จึงจดจำเปน็ ตำนานและเรียกขานกันสบื มาว่าบรเิ วณน้ันคือ “ดงศรมี หาโพธ์ิ”

ในพุทธศาสนา ยกย่องต้นโพธิ์เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าตอนตรัสรู้ จึงมีภาพสลักรูปต้นโพธ์ิ
สลกั ต้นโพธ์กิ ่อนมรี ปู พระพุทธเจ้า ซง่ึ ได้มีบอกไว้ในพุทธประวตั วิ ่าได้ประทับอยภู่ ายใต้รม่ เงาตน้ โพธ์ิ ณ ฝัง่ แม่น้ำ
เนรัญชรา หลังพุทธกาล ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ราว พ.ศ. 300 พระนางสังฆมิตตาเถรี (ธิดาพระเจ้า
อโศกฯ) ได้นำกิ่งด้านขวาของต้นมหาโพธิ์ไปมอบแด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ทรงปลูกไว้ ณ เมืองอนุราธปุระ
ในลังกาทวปี ซึ่งไดช้ ือ่ วา่ เปน็ ตน้ ไมเ้ กา่ แก่ที่สดุ ในประวัตศิ าสตร์ ทยี่ ังคงมีชีวติ อย่ใู นปจั จบุ ัน

10

กิจกรรมท้ายบท

1. ให้ผู้เรียนเขยี นประวัตเิ มอื งศรีมโหสถมาพอสงั เขป
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................... ...............
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................. ............................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................... .........................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

2. เมืองศรีมโหสถมีวัฒนธรรมท่ีมีการผสมผสานระหว่างอิทธิพลพ้ืนเมือง และอทิ ธพิ ลจากภายนอก แบ่งได้เป็น
กีร่ ะยะ อะไรบ้าง จงอธิบาย
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

11

บทที่ 2

โบราณวตั ถุ และโบราณสถานในเมอื งศรมี โหสถ

สาระสำคญั

จากหลักฐานทางโบรานคดีที่ขุดพบในบริเวณเมืองโบราณแห่งน้ี ทำให้นักโบราณคดีมีความเชื่อว่า
น่าจะเป็นเมืองศูนย์กลางชุมชน เพราะมีทำเลที่ตั้งซึ่งมีความเหมาะสมในการเป็นเมืองท่าที่สามารถติดต่อ
แลกเปลยี่ นสนิ คา้ และวัฒนธรรมกับชมุ ชนที่ราบสูงโคราช และท่รี าบต่ำในกัมพูชา ซง่ึ อาจมีท้ังพ่อค้าวาณิชจาก
เมืองจีน หรือนักบวชจากอินเดีย พระภิกษุจากเมืองลังกา เดินทางเข้ามาหยุดพักแล้วทำการแลกเปลี่ยนสนิ ค้า
หรือเผยแพร่อารยธรรมและพระศาสนามาช้านานจนเกิดความหลากลายทางวัฒนธรรมในดินแดนเมือง
ศรมี โหสถ ซง่ึ ปรากฏใหเ้ ห็นรอยพระพทุ ธบาทคู่ หรอื ประติมากรรมรปู เคารพของศาสนาพทุ ธ และศาสนาอน่ื ๆ

ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง

1. มคี วามรู้ และเขา้ ใจประวัติของโบราณวตั ถุ โบราณสถานในเมืองศรมี โหสถ
2. เห็นคุณค่าของโบราณวัตถุ โบราณสถานในเมืองศรีมโหสถ

ขอบขา่ ยเน้อื หา

เรื่องท่ี 1 หลวงพอ่ ทวารวดี
เรื่องท่ี 2 ศวิ ลึงค์
เรื่องที่ 3 รอยพระพทุ ธบาท และพุทธสถานทส่ี ระมรกต
เรอื่ งที่ 4 ต้นโพธ์ศิ รมี หาโพธิ
เรอ่ื งที่ 5 สระมรกต
เรื่องท่ี 6 สระแกว้ สระขวญั
เรื่องที่ 7 พระธาตพุ ทุ ธมงคล

12

เรื่องที่ 1 หลวงพอ่ ทวารวดี

หลวงพ่อทวารวดี เป็นพระคู่เมืองศรีมโหสถ ที่ชาวเมืองต่างให้ความเคารพศรัทธากันอย่าง
กว้างขวาง ปัจจุบันพระพุทธรูปหลวงพ่อทวารวดีประดิษฐานอยู่ในวิหารหน้าที่ว่าการอำเภอศรีมโหสถ
ลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางยืนทำด้วยหินสีทราย สูง 163 เซนติเมตร โดยฝีมือช่างทวารวดีรุ่นแรก รูปแบบ
ศิลปะอินเดยี สมัยราชวงศ์คปุ ตะ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-13 เป็นพระพทุ ธรปู ทมี่ ีความเก่าแก่ อายมุ ากกว่า
1,000 ปี

หลวงพ่อทวารวดี
ประวัติการค้นพบพระพุทธรูปหลวงพ่อทวารวดี ค้นพบบริเวณเนินดินที่อยู่อาศัยนอกเมือง
ศรีมโหสถซง่ึ เดิมใชช้ ่อื โคกปบี ทางดา้ นทศิ ตะวันออก ภายในนิคมโรคเรอ้ื น พบโดยผู้ปว่ ยโรคเรอ้ื นขณะพรวนดิน
เพื่อทำการเกษตร เมื่อปี พ.ศ. 2514 เป็นพระพุทธรูปหินทรายปางประธานธรรม ลักษณะพระพักตร์แบน
รมิ ฝีปากแบะ คว้ิ ต่อกนั เป็นรปู ปีกกา เม็ดพระศกใหญ่ เมื่อแรกพบพระพุทธรปู หลวงพ่อทวารวดีมีความสมบูรณ์
ทกุ ประการ หลงั จากท่ีนำไปประดิษฐานท่วี หิ าร หนา้ ที่วา่ การอำเภอ ก็เกดิ ไฟไหม้ในปี พ.ศ. 2539 ทำให้ตัวองค์
ถูกไฟไหม้เสียหายบางส่วน กรมศิลปากรได้ทำการซ่อมแซมให้คงเดิมเหมือนอย่างที่เราเห็นอยู่ปัจจุบัน เป็น
พระพุทธรูปปางยืนขนาดใหญ่มีความสวยงามและเก่ามาก ๆ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีประชาชนแวะเวียน
กันเข้ามานมสั การขอพรหลวงพอ่ ทวารวดอี ยู่ไม่ขาด

13

เร่ืองที่ 2 ศิวลึงค์

ศิวลงึ ค์ ศิลาสูงที่สดุ ในประเทศไทย มีความสงู 2.72 เมตร พบทเ่ี มืองศรมี โหสถ ปัจจุบันศิวลึงค์
นี้ตั้งอยู่ในซุ้ม (หลังพระสังกัจจายน์) บริเวณประตูทางเข้าวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ต.โคกปีบ อ.ศรีมโหสถ
จ.ปราจนี บุรี เป็นศิวลงึ คแ์ บบมาตรฐานท่ีพบท่ัวไปในเทวาลัยฮนิ ดู มีอายุราวหลงั พ.ศ.1100 แต่ที่พบท่ีเมือง
ศรมี โหสถ มลี ักษณะพิเศษคอื มคี วามสงู และมีขนาดใหญก่ ว่าทีพ่ บในแหล่งอนื่ ๆ

ศิวลึงค์ คือรูปลักษณ์แทนองค์พระศิวะ มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชาย โดยคำว่า ศิวลึงค์ มาก
จาก ศิวะ หมายถึง พระศวิ ะ หรือพระอิศวร เป็นหน่ึงในมหาเทพของศาสนาพราหมณ์ สว่ น ลิงค์ หมายถึง
อวัยวะเพศชาย

14

เรอ่ื งที่ 3 รอยพระพุทธบาท และพทุ ธสถานทีส่ ระมรกต

รอยพระพุทธบาทคู่ ตั้งอยู่ในบริเวณวัดสระมรกต ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี เป็น
รอยพระพุทธบาทที่เก่าที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสลักลงในพ้ืนศิลาแลงธรรมชาติ ลักษณะเหมือนจริง อายุราว
พทุ ธศตวรรษที่ 11 – 13 ขุดพบบริเวณโบราณสถานสระมรกต เมอ่ื พ.ศ. 2529 ลกั ษณะเหมอื นรอยเท้ามนุษย์
นิ้วเท้ายาวไม่เท่ากนั และเรียงไม่เสมอกัน รอบรอยพระบาทสลักเป็นรูปวงกลมล้อมรอบ ที่กลางฝ่าพระบาทแต่
ละขา้ งสลกั เป็นรปู ธรรมจักร ระหวา่ งพระบาทแกะเซาะเปน็ ร่องรปู กากบาท มหี ลุมกลมอย่ตู รงกลาง สันนษิ ฐาน
ว่ามีไว้สำหรบั ปักเสาฉัตรหรอื เสาเพลิงรองรับเครื่องหมายตรีรัตนห์ รือธรรมจกั ร รอยพระพุทธบาทคนู่ ี้สนั นิษฐาน
ว่า มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 เป็นบริโภคเจดยี ์สมมตติ ามคติลังกา เพื่อแสดงว่าพระพุทธศาสนาได้เผย
แผ่มา ณ ดินแดนแห่งน้ี

รอยพระพุทธบาทคู่ โบราณสถานสระมรกต อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี
ความเชื่อเรื่องรอยพระพุทธบาท มีความเชื่อว่ารอยพระพุทธบาทเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญ
แทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พุทธศาสนิกชนสักการบูชา มาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจวบจนปัจจุบัน ตามคติ
ความเชอ่ื เรอื่ งเจติยสถาน แบง่ รอยพระพทุ ธบาทออกไดเ้ ป็น 3 ประเภท คอื
1. รอยพระพุทธบาทที่เป็นบริโภคเจดีย์ เชื่อกันว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่พระพุทธเจ้าเสด็จมา
ประทับไว้ใหเ้ ป็นทีส่ ักการะบูชา ตามความเชื่อสมยั หลงั ในลังกาทวีป ระบุว่ามีอยู่ 5 แห่ง คือที่เขาสุวรรณมาลกิ
เขาสวุ รรณบรรณพต เขาสมุ นะกูฏ เมืองโยนกบุรี และริมฝั่งแมน่ ำ้ นัมทานที
2. รอยพระพุทธบาทท่ีเป็นบริโภคเจดีย์สมมติ เป็นรอยพระพุทธท่ีจำลองขึ้นจากรอยพระพุทธบาท
ทเี่ ป็นบรโิ ภคเจดีย์
3. รอยพระพทุ ธบาททีเ่ ปน็ อุทเทสิกะเจดีย์ เปน็ รอยพระพุทธบาททส่ี ร้างขึน้ แทนองค์พระพุทธเจา้

15

พุทธสถานท่ีสระมรกต

ตั้งอยู่ที่วัดสระมรกต ตำบลโคกไทย เป็นกลุ่มโบราณสถานทางพุทธศาสนาขนาดใหญ่ ที่สร้าง
ซ้อนทับกันหลายสมัย เริ่มตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 18 ประกอบด้วย
สิ่งก่อสรา้ งศิลาแลงและอิฐ ส่วนใหญค่ งเหลอื เฉพาะรากฐานอาคารเทา่ นัน้ ระหว่างการขดุ แต่งไดค้ ้นพบรอยพระ
พทุ ธบาทคูส่ ลักอยู่บนศิลาแลง ท่ีฝา่ พระบาทสลักรูปธรรมจักรนนู ท้ังสองขา้ งและยังมีการสลักรูปกากบาท โดยที่
ตรงกลางมหี ลมุ สำหรับใช้ปักเสา สนั นิษฐานว่ามีไว้เพ่ือปักฉัตรหรือร่ม รอยพระพุทธบาทคูน่ ี้คาดว่าสร้างข้ึนคร้ัง
แรกสมัยทวารวดีถึงสมัยลพบุรี นับเป็นรอยพระพุทธบาททีใ่ หญแ่ ละเก่าแก่ที่สดุ ในประเทศไทย ใกล้กันมีบ่อนำ้
ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพบพระพุทธรูปและโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมี สระมรกต เป็นสระน้ำรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้างประมาณ 115 เมตร ยาว 214 เมตร ลึก 3.50 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่
สันนิษฐานว่าขุดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำ และได้นำศิลาแลงไปใช้เป็นสถาปัตยกรรม นอกจากสระมรกตแล้ว
ยังมีสระบัวหล้า และ ศูนย์นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรีได้ใช้
สถานที่แหง่ นจ้ี ดั งาน "มาฆปูรมีศรีปราจีน" เปน็ ประจำทุกปี

งานมาฆปรู มีศรีปราจีนบุรี บรเิ วณพทุ ธสถานสระมรกต

16

เรอ่ื งท่ี 4 ต้นโพธ์ิศรีมหาโพธิ

ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ อยู่ในเขตวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ หมู่ที่ 6 ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ
จังหวัดปราจีนบุรี ภายในวัดมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานว่าเป็นหน่อจาก
ต้นพระศรีมหาโพธิ สถานท่ีท่ีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุกว่า 2,000 ปี
ซึ่งนำเข้ามาปลูกเป็นต้นแรก ลำต้นวัดโดยรอบประมาณ 20 เมตร สูงประมาณ 30 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 25 เมตร ตามตำนานกล่าวว่า พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถในสมัยขอม
เรอื งอำนาจทรงเลอื่ มใสในพทุ ธศาสนา จงึ ได้ส่งคณะทตู เดินทางไปขอกง่ิ ตน้ โพธิ์ ที่พระพทุ ธเจา้ ประทบั เม่ือคราว
ตรสั รู้ จากเจ้าผูค้ รองนครปาตลุ ีบุตร ประเทศอินเดยี แล้วนำก่ิงโพธ์นิ ั้นมาปลูกท่ีวดั ต้นโพธ์ศิ รีมหาโพธิ ถอื ว่าเป็น
สญั ลกั ษณ์ของจังหวัดปราจนี บุรี ในวันวสิ าขบชู าชาจะมีงานนมสั การตน้ พระศรมี หาโพธิเป็นประจำทุกปี

ต้นโพธิ์ศรมี หาโพธิ วดั ตน้ โพธ์ิศรีมหาโพธิ
หมูท่ ่ี 6 ตำบลโคกปบี อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบรุ ี

17

เรื่องท่ี 5 สระมรกต

สระมรกต ต้ังอยใู่ นเขตตำบลโคกไทย อำเภอศรมี โหสถ จังหวัดปราจีนบุรี อายุราวพุทธศตวรรษที่
11-13 และกลุ่มอาคารพุทธศาสนามหายาน มีแผนผังแบบเดียวกับอโรคยศาลาในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
สร้างทบั ของเดิมราวพทุ ธศตวรรษท่ี 17-18 สระมรกตเปน็ บึงน้ำสมัยโบราณขนาดใหญ่ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ของต้นไม้ใบหญา้ ผวิ นำ้ ของสระมรกตถูกปกคลมุ ไปด้วยหมมู่ วลดอกบัวจำนวนมากมาย

สระมรกต ตำบลโคกไทย อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบรุ ี

18

เรอ่ื งท่ี 6 สระแก้วสระขวญั

เป็นสระน้ำโบราณ ขนาดกว้าง 17.40 เมตร ยาว 42.70 เมตร ซึ่งขุดลึกลงไปในศิลาแลงตาม
ธรรมชาติ บรเิ วณนอกเมอื งศรมี โหสถทางตะวนั ตกเฉียงใต้ ฝาผนังกำแพงรอบๆสระมภี าพสลกั รูปสตั ว์ต่างๆ เชน่
ช้าง สิงห์ มังกร หมูป่า กินรี งู มีความสวยงามมาก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองโบราณ ตำบลโคกปีบ
อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี สันนิฐานว่าเป็นสระที่ใช้ในพิธีกรรมของกษัตริย์เมืองศรีมโหสถ ในราว
พุทธศตวรรษที่ 10-11

สระแกว้ อ.ศรมี โหสถ จ.ปราจนี บุรี

สระขวัญ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจนี บุรี

19

เรอื่ งท่ี 7 พระธาตุพทุ ธมงคล

พระธาตุพุทธมงคล ตั้งอยู่วัดแสงสว่าง ตั้งอยู่ในเขตตำบลโคกไทย อำเภอศรีมโหสถ เป็นเจดีย์
ก่อดว้ ยอฐิ รูปสิบหกเหล่ียม ฐานเจดียว์ ัดโดยรอบได้ สิบเอด็ วา สองศอก สูงหกวาเศษ บนยอดเปน็ รูปฉัตรทำด้วย
ทองแดง ปลายยอดมีลกู แก้วสันนิษฐานว่า เจดีย์องค์นี้สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลยั
เนื่องจากพระองค์ทรงทราบข่าวว่า ที่ดงศรีมหาโพธิมีช้างเผือกอยู่หนึ่งเชือกจึงโปรดเกล้าฯให้ขุนอินทร์เป็น
ผู้ดำเนินการจับช้างเชือกนี้ ขุนอินทร์จับช้างได้ที่บ้านโคกไทยจึงได้สร้างเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์ ต่อมา
ในปี พ.ศ.2467 ชาวบ้านเห็นว่าองค์เจดีย์ชำรุด จึงพร้อมใจกันบูรณะซ่อมแซม แล้วฉาบด้วยปูนขาวขัดมัน
ต่อมาเมื่อปีพ.ศ.2496 ชาวบ้านไดพ้ ร้อมใจกนั ปฏสิ ังขรณ์ครั้งหน่ึง โดยมวี ัตถุประสงคเ์ พ่ือการบรรจุเน้ือดินจาก
สังเวชนียสถานสี่แห่ง จากประเทศอินเดีย ซึ่งทางอาศรมวัฒนธรรมไทย-ภารตมอบให้ และทางกรมศิลปากร
ได้มอบดวงพระชาดาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้บรรจุในพระเจดีย์พระธาตุพุทธมงคลนี้ได้กระทำพิธี
บรรจเุ ม่ือปี พ.ศ.2496

พระธาตุพุทธมงคล ต.โคกไทย อ.ศรมี โหสถ จ.ปราจีนบุรี

20

กิจกรรมท้ายบท

1. ใหผ้ ูเ้ รยี นบอกประวัตขิ องโบราณวตั ถุ หรือโบราณสถานของเมอื งศรีมโหสถ จำนวน 1 แห่ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

21

บทท่ี 3
ประวตั ิศาสตรเ์ กีย่ วกบั เมืองศรมี โหสถ

สาระสำคญั

เมืองศรีมโหสถ ร่วงโรยแล้วรกร้างเป็นป่าดงพงดีนานหลายร้อยปี ตั้งแต่ก่อนกรุงศรีอยุธยา จนกรุง
ศรีอยุธยาแตกครั้งสุดท้าย เป็นเขตที่คนต่อมารับรู้เรียกกันทั่วไปว่าดงศรีมหาโพธิ์ เพราะมีต้นโพธิ์ใหญ่อายุ
เกา่ แก่อยู่ชายทุ่ง ไม่มีบา้ นเมือง มแี ต่ชมุ ชนเลก็ ๆ เปน็ ท่หี ลบซ่อนจากโจรผ้รู ้าย

ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากพาไพร่พลคนสนิทตีฝ่ากลองทัพพม่าที่ล้อมกรุงมุ่ง
ทางชายทะเลตะวันออก ผ่านดงศรีมหาโพธิ์ และป่าดงเขตพนมสารคามไปชลบุรี ระยอง จันทบุรี

ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั

1. มีความรู้ ความเข้าใจ ในประวัติศาสตร์ท่ีเก่ียวข้องกับเมืองศรีมโหสถ

ขอบขา่ ยเน้ือหา

เรอ่ื งที่ 1 พระเจ้าตาก ผา่ นดงศรีมหาโพธ์ิ
เรือ่ งท่ี 2 คนพวนมาจากไหน

22

เรือ่ งท่ี 1 พระเจา้ ตากผา่ นดงศรมี หาโพธ์ิ

จากเอกสารและรายงานต่างๆ นักวิชาการศึกษาเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ได้สร้างสมมติฐาน
แนวทางการเดินทัพของพระยาตากและไพร่พลแสดงไว้ โดยการเดินทางในแต่ละระยะแบ่งออกได้เป็น 4 ช่วง
ตามลำดบั คอื

1. จากกรงุ ศรีอยุธยาสชู่ ายเขตแดนต่อเมอื งนครนายก
2. จากนครนายกผา่ นดา่ นกบและชายดง ศรมี หาโพธิ ผ่านบ้านคูล้ ำพัน ซ่งึ มีเส้นทางน้ำคู้ลำพันไหล
จากบริเวณที่สูงในอาณาเขตเมืองโบราณสมัยทวารวดีทีป่ ัจจุบันเรียกว่า “เมืองศรีมโหสถ” บริเวณคู้ลำพันนี้มี
ชุมชนสำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือ บริเวณต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ พระยาตากอาจพักทัพแล้วคงชั่งใจว่าจะเดินทาง
ต่อไปทางลำน้ำบางปะกงเพื่อออกปากน้ำไปยังบางปลาสร้อย อันเป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของบ้านเมืองทาง
ชายฝั่งทะเลตะวนั ออกหรือไม่เพราะคงมีทัพพมา่ หรือกรมการเมืองท่ีเขา้ กับทางฝ่ายพม่าควบคมุ อยู่
3. จากฉะเชงิ เทรามงุ่ สูพ่ ทั ยา นาจอมเทียน สตั หบี และแขวงเมอื งระยอง
4. หาพันธมติ รทบ่ี างปลาสรอ้ ยหรือเมืองชลบรุ ี แล้วมุ่งสเู่ มืองจนั ทบรู และตราด
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ออกสำรวจและพิจารณาความเป็นไปได้ในสภาพภูมิประเทศ และข้อมูลทาง
ประวัติศาสตร์และโบราณคดีต่าง ๆ ในระยะรายทางพบว่า มีข้อมูลความน่าจะเป็นที่แตกต่างจากเดิมอยู่มาก
โดยเฉพาะท่เี ก่ียวกับทางเขตเมืองระยอง

พระเศียรของสมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบรุ ี ป้ันโดย ศาสตราจารยศ์ ิลป์ พรี ะศรี

23

เร่ืองท่ี 2 คนพวนมาจากไหน

คนพวน คือคนที่ราบสูง มีหลักแหล่งเดิมอยู่บริเวณที่ราบสูงทุ่งไหหิน แขวงเชียงขวาง อยู่ทาง
ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของลาว ติดพรมแดนเวียดนาม

พวน แปลว่า ทรี่ าบสงู , ทส่ี ูง เปน็ คำเดยี วกบั พนู , โพน
ไทยพวน หมายถึง ชาวพวน หรือคนพวน เพราะคำว่า ไต, ไท, ไทย, แปลว่า คน, ชาว
ลาวพวน หมายถึง คนลาวจากเมืองพวน หรือคนพวนจากเมืองลาว เป็นชื่อที่คนในไทยเรียกคน
พวนว่า ลาวพวน
เมืองสำคัญของคนพวน คือ เมืองคูน หมายถึงเมืองที่อยู่บนเนินสูง เป็นศูนย์กลางเกา่ ของชาวพวน
หรอื เมืองพวนเก่า คำว่า คูน แปลว่าบรเิ วณทเ่ี นนิ สงู ตรงกับคำภาคใต้ว่า ควน

ไหหนิ เชอ่ื วา่ ภายในบรรจุกระดกู มนุษย์ และเครือ่ งใช้ต่างๆ เชน่ เครือ่ งปนั้ ดนิ เผา เคร่ืองหนิ

24

คนพวนทีอ่ ำเภอศรมี โหสถ และอำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจนี บุรี รวมทงั้ บรเิ วณใกล้เคียงหลาย
แห่งถูกชักชวนและถูกกวาดต้อนมาครั้งใหญ่สมัย ร.3 เมื่อ พ.ศ. 2371 มีต้นเหตุจากความขัดแย้งทางการเมือง
ระหว่างกรุงเทพฯ กับเจา้ อนุ เวียงจนั

ร.3 โปรดให้ยกทัพไปตีเมื่อ พ.ศ. 2369 แล้วเผาเวียงจัน เมื่อ พ.ศ. 2371 ส่วนเจ้าอนุ เวียงจัน หนี
ไปทางเมืองญวน แต่ถกู จับได้ที่เมืองพวน สง่ ลงกรงุ เทพฯ

ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2380 ชักชวนและกวาดต้อนคนพวนทั้งจากเมืองพวน กับเมืองเวียงจัน และจาก
บา้ นเมอื งสองฝ่ังโขง เชน่ เมอื งหนองคาย เมอื งหนองหาร มคี นบอกเลา่ ว่าคนพวนกลุ่มน้ตี งั้ บ้านเรอื นชัว่ คราวอยู่
ที่ปัจจุบันคือ บ้านเชียง อ.หนองหาร จ.อุดรธานี ลงไปตั้งบ้านเรือนอยู่ทางดงศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี และที่
อื่นๆ อีกหลายแห่งในเขตป่าดง ให้เป็นด่านหน้าป้องกันกรุงเทพฯ เมื่อมีศึกมาทางตะวันออก นับเป็นการ
เคลอื่ นย้ายของกลุ่มชนสองฝ่ังโขง ลงลุม่ น้ำเจา้ พระยาคร้ังใหญ่ และเปน็ ครั้งสำคญั มาก ทำใหป้ ระชากรในไทยมี
มากข้นึ แลว้ ผสมผสานทางชาตพิ ันธ์มุ ากขึน้ กวา่ เดิม

25

กิจกรรมท้ายบท

1. จงอธบิ ายท่ีมาของคนพวนในอำเภอศรมี โหสถ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

26

แบบทดสอบหลังเรียน

1. ข้อใดแสดงให้เห็นวา่ อำเภอศรมี โหสถเปน็ ดนิ แดน 6. หลวงพอ่ ทวารวดีเปน็ พระพุทธรปู ปางใด
ประวตั ศิ าสตร์มาช้านานท่ีมคี วามเป็นไปได้มากทสี่ ดุ ก. ปางอ้มุ บาตร
ก. คำบอกเล่าตอ่ ๆ กันมา ข. ปางหา้ มญาติ
ข. การสันนษิ ฐานจากบุคคลทวั่ ไป ค. ปางแสดงธรรม
ค. มีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่ปรากฏ ง. ปางประทานธรรม
ง. ผนู้ ำชุมชนให้ความสำคัญตอ่ ประวตั ิศาสตร์
7. หลวงพ่อทวารวดถี ูกค้นพบที่บริเวณใด
2. ข้อใดเปน็ อปุ สรรคในการไปศกึ ษาแหลง่ เรียนรู้ ก. บา้ นโคกวัด
ประวตั ิศาสตร์ ข. บ้านโคกปบี
ก. งบประมาณค่าใชจ้ ่ายในการเดนิ ทาง ค. บา้ นสระมะเขือ
ข. ความไม่สนใจและไมเ่ ก็บเก่ยี วความรู้ ง. บ้านหนองสะแก
ค. บางสถานท่ไี ม่มผี แู้ นะนำใหค้ วามร้ทู ี่ถกู ต้อง
ง. การไม่เตรียมตัวความพร้อมของผทู้ ัศนศึกษา 8. สระแก้ว สระขวญั อย่ทู างทศิ ใดของเมืองศรีมโหสถ

3. เมืองศรีมโหสถเคยเปน็ ดินแดนทม่ี ีความเจรญิ ร่งุ เรือง ก. ทศิ ใต้ ข. ทศิ เหนอื
ในสมัยใด
ก. สมยั ลา้ นนา ค. ทิศตะวันตก ง. ทศิ ตะวนั ออก
ข. สมยั ศรวี ิชัย
ค. สมยั ทวารวดี 9. ข้อใด ไม่ใช่ โบราณสถานในอำเภอศรีมโหสถ
ง. สมยั รตั นโกสินทร์ ก. สระมรกต
ข. ปราสาทภมู โิ ปน
4. ตน้ พระศรีมหาโพธ์ิ ตงั้ อยู่ที่ตำบลใด ค. รอยพระพทุ ธบาท
ก. ตำบลโคกปีบ ง. สระแก้ว สระขวัญ
ข. ตำบลคลู้ ำพนั
ค. ตำบลโคกไทย 10. ข้อใดเก่ียวขอ้ งกบั โบราณสถานมากทสี่ ดุ
ง. ตำบลไผช่ ะเลือด ก. เป็นสถานทเี่ กา่ แก่
ข. เปน็ แหลง่ ประวตั ิศาสตร์
5. หน่อพระศรีมหาโพธิ์อญั เชิญมาจากประเทศใด ค. เป็นแหล่งท่องเทย่ี วของชาวตา่ งชาติ
ก. ประเทศภฏู าน ง. เปน็ แหลง่ แสดงใหเ้ หน็ ความเจริญในอดตี
ข. ประเทศอนิ เดีย
ค. ประเทศเนปาล 11. สิ่งใดที่ทำให้โบราณสถานและโบราณวัตถุเสื่อมได้
ง. ประเทศศรีลังกา เร็วทีส่ ุด

ก. ภยั จากพายุ
ข. ภยั จากดนิ ถลม่
ค. ภัยจากนำ้ ท่วม
ง. ภัยจากการกระทำของมนษุ ย์

27

12. ขอ้ ใด ไม่ใช่ วิธกี ารอนรุ ักษ์โบราณสถานโบราณวัตถุ 17. หากผเู้ รยี นไดม้ โี อกาสไปทัศนศึกษาแหล่ง
ก. ต่อเติม โบราณสถาน โบราณวัตถุ ควรปฏบิ ัตติ ามขอ้ ใด
ข. ปอ้ งกัน
ค. ซ่อมแซม ก. ซื้อของทร่ี ะลกึ มาฝากพ่อแม่
ง. สงวน รกั ษา ข. ศึกษาประวัตคิ วามเป็นมาและเลา่ ตอ่
ค. วเิ คราะห์ขอ้ มูลเก็บเปน็ ความรู้คนเดียว
13. ขอ้ ใดคือความสำคญั และประโยชนท์ ่ีจะไดร้ บั จาก ง. บนั ทึกความทรงจำโดยการเขยี นบนฝาผนงั
การศึกษาโบราณวตั ถุและโบราณสถาน
18. เมื่อผูเ้ รียนเหน็ บคุ คลทมี่ าเทย่ี วทำลายแหล่ง
ก. เป็นแหลง่ ทอ่ งเท่ยี วและพักผอ่ นหย่อนใจ โบราณสถานโบราณวตั ถุผู้เรียนควรทำอยา่ งไร
ข. เปน็ แหล่งให้ความรทู้ างศลิ ปะประวัตศิ าสตร์
ค. เปน็ แหล่งเรยี นรู้ตลอดชีวติ ตามอธั ยาศยั และ ก. แนะนำใหค้ วามรู้
โบราณคดี ข. แจง้ เจ้าหนา้ ท่ตี ำรวจ
ง. ถูกทุกข้อ ค. กลบั ไปบอกผู้นำชุมชน
ง. แจ้งเจ้าหนา้ ทท่ี ่ีรับผดิ ชอบ

14. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้พาไพร่พล หยดุ 19. ในฐานะทผ่ี ู้เรยี นอาศัยอยู่ในอำเภอศรมี โหสถจะ มี
พักทัพบรเิ วณใดของเมืองศรีมโหสถก่อนเดินทางไปทำ วธิ ีประชาสัมพันธ์ให้คนท่ัวไปรจู้ กั และร่วมกนั อนรุ กั ษ์
ศึกสงครามกับพมา่ โบราณสถานโบราณวตั ถไุ ด้อยา่ งไร

ก. สระมรกต ก. แต่งหนงั สอื โบราณวตั ถุ-โบราณสถานแจก
ข. รอยพระพทุ ธบาท ข. เชญิ ชวนมาเท่ยี วสถานทต่ี า่ งๆในอำเภอศรมี โหสถ
ค. สระแก้ว สระขวญั ค. แนะนำสถานท่ีทอ่ งเท่ียวโบราณวัตถุ-
ง. ตน้ พระศรมี หาโพธิ์ โบราณสถาน
ง. เชญิ ชวนมาเท่ียวแนะนำการอนรุ ักษ์แหล่ง
15. คนพวนมกี ารอพยพมาตงั้ หลกั แหลง่ ในเมือง ประวัตศิ าสตร์
ศรมี โหสถเมอื่ ปี พ.ศ.ใด
20. ข้อใด ไมใ่ ช่ ประเภทของโบราณวัตถุ
ก. ปี พ.ศ. 2371 ก. ซากมนุษยท์ ี่ดองไว้
ข. ปี พ.ศ. 2372 ข. โบราณสถานทีร่ ้างแล้ว
ค. ปี พ.ศ. 2373 ค. โบราณสถานที่ยงั ไม่รา้ ง
ง. ปี พ.ศ. 2374 ง. โบราณสถานทีเ่ ห็นรูปทรงชดั เจน
16. คนพวนมหี ลกั แหลง่ ดัง้ เดมิ อยู่บรเิ วณใด
ก. แขวงหัวพัน
ข. แขวงบรคิ ำไชย
ค. แขวงเชียงขวาง
ง. แขวงหลวงพระบาง

28

เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน

1. ค 2. ค 3. ค 4. ก 5. ข
6. ง 7. ก 8. ก 9. ข 10. ก
11. ง 12. ก 13. ง 14. ง 15. ก
16. ก 17. ข 18. ง 19. ง 20. ก

29

บรรณานกุ รม

กองโบราณคดี กรมศิลปากร.ประวตั ิศาสตร์และโบราณคดเี มืองศรมี โหสถ.พมิ พ์คร้งั ท่ี 1.กรุงเทพฯ. : บรษิ ทั
สำนักพิมพส์ มาพนั ธ์ จำกดั ,2535

สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ.ชมุ ชนคน 2 พนั ปี เมืองศรีมโหสถ อำเภอศรมี โหสถ จังหวัดปราจนี บุรี.กรงุ เทพ : พิฆเณศ
พร้นิ ทต์ ้ิง เซน็ เตอร์ จำกัด,2548.

สุจิตต์ วงษ์เทศ.เมอื งมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ ได้ชอ่ื จากมโหสถชาดกหรือพระเจา้ สิบชาติ.ปราจนี บรุ ี : หจก.
เจตนารมภณั ฑ,์ มปพ.

สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ.เมืองศรมี โหสถ อำเภอศรมี โหสถ จังหวดั ปราจนี บุรี ในประวตั ศิ าสตรส์ งั คมวัฒนธรรมล่มุ น้ำบาง
ปะกง ชายฝั่งทะเลตะวันออก.กรงุ เทพ : เรือนแก้วการพมิ พ์,2549.

30

คณะผูจ้ ัดทำ

ทีป่ รกึ ษา ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอศรมี โหสถ
นางสาวนงเยาว์ จรูญศกั ด์ิ

ผู้เรยี บเรยี ง ครู
1. นางสาวทิศากร กลิ่นบุบผา ครู กศน.ตำบล

2. นางสาวนจั รีย์ วงศาโรจน์

คณะทำงาน ครู
1. นางสาวทศิ ากร กลน่ิ บุบผา บรรณารกั ษ์
2. นางสาวสพุ ิชฌาย์ พันธ์เกษมศานต์ ครูอาสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรยี น
3. นางสาววราภรณ์ โพชฌงค์ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
4. นางเพ็ญนภา ทองเทศ ครู กศน.ตำบล
5. นายพันธศ์ กั ดิ์ รกั สุด ครู กศน.ตำบล
6. นางสาวนัจรยี ์ วงศาโรจน์ ครู กศน.ตำบล
7. นางสาวสวุ ชิ า พรหมวิหาร ครู กศน.ตำบล
8. นางสาวภัทรภร พระมนเทยี น

ผู้พมิ พ์ต้นฉบับ ครู กศน.ตำบล
นางสาวนจั รีย์ วงศาโรจน์

ผอู้ อกแบบปก ครู (ฉบับหนังสอื แบบเรยี น)
นางสาวทศิ ากร กลนิ่ บุบผา ครู กศน.ตำบล (ฉบับ E-BOOK)

นางสาวนัจรีย์ วงศาโรจน์

31

32


Click to View FlipBook Version