The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookprachin, 2021-01-28 12:43:51

การเลี้ยงปลา_Neat








ค ำน ำ

เอกสารการเลี้ยงปลาเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหา ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปลา หลักการ

เลี้ยงปลาสวยงาม และการเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน เนื้อหาความรู้ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพอให้ผู้
ื่
ศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลี้ยงปลา หลักการเลี้ยงปลาสวยงาม และการเลี้ยงปลาแบบ

ผสมผสาน สามารถสร้างเป็นอาชีพเสริมได้

ข้าพเจ้า หวังเป็น อย่างยิ่งว่าเอกสารฉบับนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อผู้ที่ได้ศึกษา และเป็น
ทางเลือกในการประกอบอาชีพหรือสร้างรายได้เสริมส าหรับท่านที่สนใจ




จ าลอง ปัดนา

มกราคม 2564








สำรบัญ

ค ำน ำ .................................................................................................................................... ก

สำรบัญ .................................................................................................................................... ข
เรื่องที่ 1 ควำมรู้เกี่ยวกับกำรเลี้ยงปลำ ....................................................................................... 1

คุณสมบัติของน้ าที่น ามาใช้เลี้ยงปลา .............................................................. 1

ประเภทของบ่อเลี้ยงปลา ........................................................................... 1


วิธีการสร้างบ่อ สร้างได้ 2 แบบคือ ................................................................ 1

การเตรียมบ่อ ........................................................................................ 2


เครื่องมือเครื่องใช้ประจ าบ่อปลา .................................................................. 2

หลักการเลี้ยงปลา ................................................................................... 3


การคัดเลือกปลาที่จะเลี้ยงควรมีลักษณะดังต่อไปนี้ ............................................. 3

ชนิดของปลา ......................................................................................... 3


การจัดหาพันธุ์ปลามาเลี้ยง ......................................................................... 4

การล าเลียงปลาและลูกพันธุ์ปลา .................................................................. 4


ขั้นตอนในการล าเลียงลูกปลาปฏิบัติดังนี้ ......................................................... 4

การปล่อยปลาลงเลี้ยง .............................................................................. 5


การดูแลน้ าในบ่อเลี้ยงปลา ......................................................................... 5

การใส่ปุ๋ยในบ่อปลา ................................................................................. 5


อัตราการใช้ปุ๋ย ...................................................................................... 6

การใส่ปูนขาว ........................................................................................ 6



การแกไขน้ าขุ่นและน้ าเค็ม ......................................................................... 6

การแกไขปัญหาน้ าขุ่นอาจท าได้โดย .............................................................. 6


การแกไขปัญหาน้ าเค็มสามารถท าได้โดย ......................................................... 7
อาหารปลา ........................................................................................... 7








อาหารส าเร็จรูป ..................................................................................... 8

นิสัยการกินอาหารของปลา ........................................................................ 8

วิธีการให้อาหารปลา ................................................................................ 8


การท าอาหารเลี้ยงปลา ............................................................................. 8


เรื่องที่ 2 หลักกำรเลี้ยงปลำสวยงำม ......................................................................................... 10
การเลือกชนิดปลาที่จะเลี้ยง ....................................................................... 10


วิธีการเลือกซื้อปลาสวยงาม ....................................................................... 14

วิธีการเลี้ยงปลาสวยงาม ........................................................................... 15


เรื่องที่ 3 กำรเลี้ยงปลำแบบผสมผสำน .................................................................................... 19
ข้อดีของการเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน............................................................ 19


ลักษณะการเลี้ยงปลาแบบผสมผสานกับการเลี้ยงสัตว์ ......................................... 19

วิธีการเลี้ยงไก่ร่วมกับการเลี้ยงปลาแบบการค้า ................................................. 20


บรรณำนุกรม ............................................................................................................................. 21

เรื่องที่ 1

ควำมรู้เกี่ยวกับกำรเลี้ยงปลำ



คุณสมบัติของน้ ำที่น ำมำใช้เลี้ยงปลำ




1. อณหภูมิหากอณหภูมิสูงปริมาณออกซิเจนจะละลายได้น้อยน้ าที่อณหภูมิต่ าปริมาณ
ออกซิเจนจะละลายได้สูงปกติปลาชอบอาศัยอณหภูมิ ระหว่าง25-32 องศาเซลเซียส

2. ความขุ่นขุ่นของน้ าตามธรรมชาติเกิดจากสารอินทรียสาร เช่น ตะกอน โคลนตมซึ่งเป็น

อปสรรคต่อการสังเคราะห์แสงของพชน้ าความขุ่นของน้ าจะประกอบด้วย แพลงตอนสีเขียว หากมี

มากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อปลาได้
3. ความเป็นกรดด่างที่มีค่าpH อยู่ระหว่าง 6.5-8.5 ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเหมาะแก่การ

เลี้ยงปลามากที่สุดน้ าเป็นกรดมากปลาจะไม่อยากกินอาหาร ต้านทานโรคต่ าน้ าเป็นด่างมากปลา
จะตาย

4. คาร์บอนไดออกไซด์คาร์บอนไดออกไซด์จะมาจากการหายใจของพืชและสัตว์การสลาย

อินทรียสารจะหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในน้ าที่มีระดับคาร์บอนไดออกไซด์สูงเกินกว่าระดับ 5 ppm
5. ก๊าซแอมโมเนียก๊าซที่มีพษต่อปลามากเกิดจากเศษอาหารที่หลงเหลืออยู่และมูลต่าง ๆ

ที่ปลาขับถ่ายออกมาให้ปลาเบื่ออาหาร เคลื่อนไหวช้าลง

6. ก๊าซไข่เน่าจากการหมักหมมและการย่อยสลายอนทรียสารในก้นบ่อจะเกิดปัญหานี้

ถ้าให้อาหารปริมาณมากเพียง 0.1-0.2 ppm ก็อาจท าให้ปลาตายได้



ประเภทของบ่อเลี้ยงปลำ

1. บ่ออนุบาลเป็นบ่อส าหรับเลี้ยงปลาอ่อนหลังจากออกจากไข่ใหม่ ๆ หรือในระยะที่ยังไม่

สามารถป้องกันภัยจากศัตรูได้ บ่อเลี้ยงลูกปลาไม่ควรมีขนาดใหญ่มากนัก สามารถใช้บ่อดิน บ่อซีเมนต์
ตั้งแต่ขนาดเพียงไม่กี่ตารางเมตรถึง 800 ตารางเมตร

2. บ่อเลี้ยงพ่อแม่ปลาใช้เป็นบ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ควรจะมีขนาดเนื้อที่ประมาณ 400-1600

ตารางเมตร ความลึกประมาณ 1.5 เมตร
3. บ่อเลี้ยงนิยมบ่อดินขนาดบ่อควรขึ้นอยู่กับชนิดของปลาและขนาดปลาที่เลี้ยง



วิธีกำรสร้ำงบ่อ สร้ำงได้ 2 แบบคือ
1. บ่อแบบขุดดินออก พนก้นบ่ออยู่ต่ ากว่าระดับดินเดิมไม่ต้องท าคันบ่อให้แข็งแรง
ื้
เหมาะกับพื้นที่ลุ่ม เช่น ในนาข้าวเพียงแต่ขุดดินลงไปแล้วเสริมคันบ่อ

2







2. บ่อแบบยกคันในที่ราบไม่ต้องขุดดินบริเวณกลางบ่อน าดินที่ขุดมาท าเป็นคันดิน
โดยรอบอย่างแข็งแรงแบบนี้เหมาะส าหรับการเลี้ยงปลาอย่างยิ่งเพราะสามารถเก็บกักน้ าได้

ื่
ื้
และระบายน้ าได้ดีพนก้นบ่อเรียบไม่มีหลุมแองจะมีการลาดเทไปทางระบายน้ าออกเพอสะดวกแก่การ

ระบายน้ า คันบ่อเป็นส่วนส าคัญในการเก็บกักน้ าต้องมีความแข็งแรงและต้องไม่รั่วซึม ดินที่ขุดขึ้น
ื่
จากบ่อเพอเสริมให้เป็นคันบ่อควรสูงพอป้องกันน้ าท่วมในฤดูฝนหรือฤดูที่น้ ามากต้องขุดระยะไม่น้อย
กว่า 1.5-2 เมตร จากเชิงลาดของบ่อด้านในเพอป้องกนการทรุดตัวของบ่อ คันบ่อควรมีเชิงลาด 1:2
ื่


ื่
ด้านนอก 1:1 ด้านที่ต้องปะทะกับลมควรท าเชิงลาดให้มากเพอป้องกันการพงทลายของดิน
ทางระบายน้ าเข้าออกอาจจะใช้การสูบหรือท าทางระบายน้ าออกหากท าเป็นท่อระบายควรมีขนาด
และอยู่ในจุดที่เหมาะสมโดยท่อน้ าเข้าจะต้องอยู่สูงจากระดับน้ าในบ่อด้านส่วนกว้างและตื้นของบ่อ

เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาว่ายทวนน้ าหรือหนีออกจากบ่อขณะเดียวกันเมื่อน้ าไหลเข้าบ่อมวลของน้ าจะไหล
จากทตื้นไปสู่ที่ลึกท าให้เกิดการเคลื่อนไหวในทางหมุนเวียนส าหรับท่อน้ าออกควรตั้งอยู่ในต าแหน่งฝั่ง
ี่
ื่
ตรงข้ามของทางน้ าเข้าในส่วนที่ลึกที่สุดเพอระบายน้ าส่วนที่ต่ าสุดออกไปก่อนในกรณีที่ต้องการท าทาง
น้ าล้นก็สามารถท าได้โดยเอยงท่อเป็นมุมที่เปดดจากระดับต่ าสุดในบ่อถึงระดับน้ าที่ต้องการ

ข้อแนะน าทางน้ าเข้าและน้ าออกนี้จ าเป็นจะต้องมีตะแกรงป้องกันปลาในบ่อว่ายออกมา และศัตรู

นอกอ่างปลาว่ายเข้ามาด้วย


กำรเตรียมบ่อ


ควรให้พนที่บ่อมีโอกาสได้รับแสงแดดและออกซิเจน ซึ่งเป็นการก าจัดปริมาณเชื้อโรค
ื้

ต่างๆ ในบ่อปลาให้น้อยลงและปล่อยให้อนทรียสารที่หมักหมมอยู่ในบ่อมีการย่อยสลายตัว บ่อดิน
ขุดใหม่ต้องมีการวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (คาpH) บ่อดินเก่า ควรมีการระบายน้ าออกกอน


โดยเฉพาะบริเวณก้นบ่อ ปรับปรุงบ่อส่วนที่ช ารุด
สำระน่ำรู้ การปรับสภาพดินเปรี้ยวสามารถท าได้โดยใส่ปูนขาวลงในดิน การใส่ปูนขาว


ยังต้องขึ้นอยู่กับลักษณะของดินอกด้วย เช่น ดินเหนียวต้องใช้ปูนขาวมากกว่าดินเหนียวปนทราย
ดินทรายใช้ปูนขาวน้อยกว่าดินเหนียวปนทราย


เครื่องมือเครื่องใช้ประจ ำบ่อปลำ


1. เครื่องสูบน้ า มีหลายชนิดทั้งเครื่องสูบเครื่องยนต์ดีเซล และชนิดใช้กระแสไฟฟา
ซึ่งจ าเป็นแก่การถ่ายน้ าเสีย น าน้ าเข้าน้ าออก

2. อุปกรณ์ล าเลียงปลา ถุงพลาสติก กล่องกระดาษถังออกซิเจน

3. เครื่องมือจับปลา ได้แก่ อวน แห กระชอน เปลย้ายปลา เครื่องชั่ง ถังล าเลียงปลา

3







หลักกำรเลี้ยงปลำ
1. การเลี้ยงปลาแบบชนิดเดียว หรือแบบเดียว หมายถึง การเลี้ยงปลาชนิดเดียวภายใน

บ่อเลี้ยง โดยมุ่งหวังผลผลิตสูง ซึ่งควรเลือกปลาที่มีราคาดี หรือมีตลาดรองรับ เช่น การเลี้ยง


ปลาดุกอย ปลาดุกด้าน การเลี้ยงปลาแบบนี้สะดวกต่อการดูแลรักษาคัดปลาจับส่งตลาด เพราะเป็น
ปลาชนิดเดียวกัน

2. การเลี้ยงปลาหลายชนิดหรือแบบรวม คือ การเลี้ยงปลาหลายชนิดรวมในบ่อเดียวกัน


หรือชนิดเดียวแต่มีขนาดต่างกัน และไม่มีอนตรายต่อกัน ข้อดีของการเลี้ยงปลาแบบรวม สามารถใช้
ประโยชน์ได้จากอาหารที่มีในบ่อปลาอย่างเต็มที่ สามารถทยอยจับปลาใหญ่ออกจ าหน่ายได้สอดคล้อง

กับความต้องการของตลาดท าให้ขายได้ราคาดี เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง

3. การเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน ได้แก่ การเลี้ยงปลาผสมกับการปลูกพช เช่น ปลูกข้าว

พร้อมกับการเลี้ยงปลา เลี้ยงปลาในร่องสวนปลูกผลไม้ การเลี้ยงปลาผสมผสานกับการเลี้ยงเป็ด

หรือสุกร การเลี้ยงปลาชนิดนี้เป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เช่น เศษอาหารที่ตกหล่นจากการ

เลี้ยงสัตว์สามารถน ากลับมาใช้เป็นอาหารปลา น้ าในบ่อปลาก็ถ่ายลงนาที่ปลุกข้าวแทนที่จะเทลงสู่
แหล่งน้ าต่าง ๆ ซึ่งเป็นการใส่ปุ๋ยโดยไม่ต้องลงทุน



กำรคัดเลือกปลำที่จะเลี้ยงควรมีลักษณะดังต่อไปนี้

1. เลี้ยงง่าย สามารถกินอาหารธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

2. โตเร็ว มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนจากอาหารที่กินมาเป็นเนื้อสูง
3. มีลูกดกและขยายพันธุ์ได้ หาพันธุ์มาเลี้ยงได้ง่าย การวางไข่หลายครั้ง เพาะพันธุ์ได้ง่าย

4. อดทน มีความทนทานสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี


ื่
5. สามารถเลี้ยงร่วมกับปลาอนได้ ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ควรเป็นปลาที่กินพชหรือ
กินแพลงตอน
6. เนื้อมีรสดี ปลามีเนื้อรสชาติดี ปรุงอาหารได้ง่าย

7. มีตลาดจ าหน่าย เพราะปลาบางชนิดมีตลาดแคบไม่เป็นที่นิยม

8. ได้ราคาดี ควรจะคุ้มค่าทนที่เลี้ยงมา


ชนิดของปลำ

ซึ่งถ้าจ าแนกตามตามนิสัยของการกินอาหารปลาสามารถจ าแนกได้ ดังนี้


1. ปลาประเภทกินพช ได้แก่ ปลาจีน ปลาหมอตาล ปลาตะเพยนขาว ปลาแรด ปลาไน


ปลานิล ปลาจ าพวกนี้ชอบกินอาหารที่เป็นพช เช่น ร า ปลายข้าว แหนเป็ด เศษผัก หญ้าขน

4








ปลาประเภทนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 พวก คือ พวกที่กินพชขนาดใหญ่ ได้แก่ ปลาแรด ปลาสลิด

ปลาเฉา ปลาตะเพยน และพวกปลากินพชขนาดเล็ก ได้แก่ ปลาเล่ง ปลาซ่ง ปลาหมอตาล

ปลานวลจันทร์น้ าจืด ปลายี่สกเทศ

2. ปลาประเภทกินเนื้อ ได้แก่ ปลาดุก ปลาบู่ ปลาช่อน สามารถแบ่งได้เป็น 3 พวก คือ
พวกที่กินสัตว์ที่ตายแล้ว แต่ยังไม่เน่าเปื่อย เช่น ปลาดุกด้าน ปลาดุกอย ปลาสวาย พวกที่กินแมลง

เป็นอาหาร ได้แก่ ปลาเสือพนน้ า ปลาไน ปลาหมอไทย ปลาเสือตอ พวกที่กินเนื้อหรือลูกปลาที่ยังมี


ชีวิตอยู่ ได้แก ปลาช่อน ปลาสะกุป ปลาไหลนา ปลาชะโด
3. ปลาประเภทกินตะไคร่น้ า ปลาชนิดนี้จะกินตะไคร่น้ า สาหร่าย และพชสีเขียวเล็ก ๆ

ได้แก่ ปลาลิ่น ปลาซ่ง ปลาสลิด ปลายี่สก

4. ปลาประเภทกินเนื้อและพืช ได้แก่ ปลาสวาย ปลายี่สก ปลาเทโพ


กำรจัดหำพันธุ์ปลำมำเลี้ยง

หลักเกณฑ์ในการพิจารณาการจัดหาพันธุ์ปลามีดังนี้
1. ควรเป็นลูกพันธุ์ปลาที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ 3-5 ซม. ควรจะให้มีขนาดตัวไล่เลี่ยกัน

2. ควรจัดหาจากแหล่งที่มีความเชื่อถือในคุณภาพของพันธุ์ปลา เช่น สถานีประมง

3. ลูกปลาที่น ามาควรมีลักษณะแข็งแรง ล าตัวมีรูปร่างปกติ สีสันสดใส ไม่มีบาดแผล
ไม่เป็นโรค



กำรล ำเลียงปลำและลูกพันธุ์ปลำ


การล าเลียงพนธุ์ปลาสามารถล าเลียงด้วยถุงพลาสติกซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายส าหรับ
การล าเลียงปลาขนาดไม่มาก น้ าที่ใช้บรรจุนั้น ควรเป็นน้ าที่สะอาดปราศจากคลอรีนหรือเป็นน้ ากรอง
ควรเป็นน้ าที่มาจากแหล่งเดียวกันกับที่ไว้ขังปลาให้อดอาหารก่อนการล าเลียง เพราะปลายังไม่เคยชิน

กับน้ าใหม่ เวลาบรรจุหรือล าเลียงจะมีอาการช็อค หรือตื่นเต้นผิดปกติ และอาจถึงตายได้ ปริมาณน้ าที่

ใช้บรรจุนั้นควรมีขนาด 1/3-1/4 ของปริมาตรของถุง


ขั้นตอนในกำรล ำเลียงลูกปลำปฏิบัติดังนี้

1. ควรให้ลูกปลาอดอาหารอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพอให้อาหารที่มีอยู่ในกระเพาะ
ื่
ได้ถูกใช้หมดก่อนที่จะถูกล าเลียง ในระยะที่ถูกขังให้อดอาหารนี้จะสังเกตได้ว่าปลาจะถ่ายออกมาเป็น

จ านวนมาก

5







2. ควรคัดเลือกปลาขนาดเดียวกัน เพราะปลาที่อดอาหารมานั้นอาจแสดงอาการดุร้าย
ท าร้ายตัวที่เล็กกว่าอาจถึงขั้นรุมกัดกินปลาที่ตัวเล็กกว่าเป็นอาหารไปเลย

3. น าลูกปลาลงถุงล าเลียง โดยมีหลักเกณฑ์ ในระยะห่างเท่า ๆ กันจะสามารถบรรจุปลา

ตัวเล็กมาก อุณหภูมิของอากาศ หรือน้ าที่ต่ ากว่า บรรจุปริมาณลูกปลาขนาดเดียวกันได้มากกว่า

4. การอดออกซิเจน ควรปล่อยก๊าซจากถังมาตามยางซึ่งจุ่มลงน้ าภายในถุง โดยปล่อยให้
ฟองอากาศแทนที่อากาศภายในถุง 2 ใน 3 ส่วน ถึง 3 ใน 4 หรือ 4 ใน 5 ส่วน ของความจุของถุง

ื่
ิ่

5. การวางถุงอดออกซิเจน ควรวางตามแนวนอน เพอเพมเนื้อที่ของปลามากขึ้น ในการ

ื่
ขนส่งทางไกลนานควรหาทางลดอณหภูมิหรือรักษาอณหภูมิเพอให้ลูกปลาได้เคลื่อนไหวได้น้อยที่สุด

เช่น ใช้กล่องโฟมบรรจุถุงพลาสติก

กำรปล่อยปลำลงเลี้ยง

เวลาที่เหมาะส าหรับการปล่อยปลาคือเวลาเช้าหรือเวลาเย็น ถ้าเป็นเวลาที่อากาศร้อนจัด

ควรเอามือตีกวนน้ าในบ่อที่ปลาจะอยู่ใหม่เพื่อให้ความร้อนของผิวหน้าน้ าไม่ต่างจากระดับลึก


กำรดูแลน้ ำในบ่อเลี้ยงปลำ


บ่อที่เลี้ยงปลาที่กินอาหารไม่เลือก กินพชและกินแพลงตอน ควรเติมน้ าให้ได้ระดับ
1 - 2.50 เมตรอยู่เสมอ หากมีปลาตัวใดที่กินอาหารได้น้อยลงหรือลอยหัวควรจะถ่ายน้ า เปลี่ยนน้ า

อย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง อาจสามารถสังเกตได้จากสีของน้ าและการลอยหัวของปลา
การระบายน้ าของบ่อควรระบายส่วนล่างของก้นบ่อซึ่งจะเป็นส่วนที่เน่าเสียมากกว่าบน

ผิวน้ า ในกรณีที่บ่อปลาไม่สามารถระบายน้ าได้เลยจะต้องระมัดระวังในการให้อาหารในปริมาณ

ื่
ที่พอเหมาะ น้ าจะได้ไม่เน่าเสียเร็ว บางครั้งเราอาจสามารถใส่เกลือแกงลงไปเพอช่วยปรับสภาพ
ของน้ า ในอัตราส่วนประมาณ 200-300 กิโลกรัม/ไร่


สำระน่ำรู้ เมื่อถึงฤดูน้ าหลากหรือน้ าท่วมเพื่อป้องกนปลาหนีเราควรใช้ตาข่ายป้องกันปลา
หนีโดยใช่ตาข่ายป้องกันรอบ ๆ บ่อ


กำรใส่ปุ๋ยในบ่อปลำ

การใส่ปุ๋ยในบ่อปลามีผลต่อพชน้ า เพอเพมธาตุอาหารให้แก้พชน้ าในการเจริญเติบโต


ื่
ิ่
เพิ่มธาตุอาหารประเภทแพลงตอนพืช ช่วยปรับสภาพน้ า เช่นความขุ่นใสและความเป็นกรดด่าง อีกทง
ั้
ปุ๋ยบางชนิดยังใช้เป็นอาหารปลาโดยตรงอีกด้วย ปุ๋ยที่ใช้กับบ่อปลามี 4 ประเภท คือ
1. ปุ๋ยคอก ได้แก่ มูลสัตว์

6







2. ปุ๋ยพืชสด ได้แก่ ส่วนของพืชผัก และวัชพืชที่มีใยพืชน้อย

3. ปุ๋ยหมัก ได้แก ปุ๋ยที่เกิดจากการหมักของเศษพืชผสมกับมูลสัตว์ และแบคทีเรีย
4. ปุ๋ยเคมี ได้แก่ ปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตรต่างๆซึ่งประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก คือ

ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม


อัตรำกำรใช้ปุ๋ย


ปุ๋ยสดจะท าให้มีก๊าซพวกแอมโมเนียละลายอยู่ในน้ ามากเกินไปซึ่งเป็นอนตรายต่อปลา
การใส่ปุ๋ยคอกในบ่อใช้วิธีโยนให้กระจายไปทั่ว ๆ บ่อ หากเป็นปุ๋ยพชสดหรือปุ๋ยหมัก ควรกองสุมไว้

ตามมุมบ่อภายในคอกไม้ไผ่ที่ล้อมเป็นกรอบไว้เพื่อไม่ให้ปุ๋ยกระจายไป


ปุ๋ยคอกใช้ในอตราไม่เกิน 200-250 กิโลกรัม/ไร่ /เดือน ปุ๋ยพชสดไม่เกิน 1200-1500

กิโลกรัม/ไร่ และปุ๋ยหมัก 600-700 กิโลกรัม/ไร่ ปริมาณปุ๋ยที่ใส่ได้พอดี สามารถสังเกตได้จากสีน้ า
ของบ่อจะต้องเป็นสีเขียวหากน้ าเป็นสีเขียวเข้มหรือออกสีน้ าตาลเข้มแสดงว่าใส่ปุ๋ยคอกมากเกินไป

ควรเพิ่มน้ าเข้าบ่อ
ข้อควรระวง การใส่ปุ๋ยเคมีจะมีปฏิกิริยาค่อนข้างเร็วดังนั้นต้องท าด้วยความระมัดระวัง

และใช้ปริมาณน้อย


กำรใส่ปูนขำว


ปูนขาวจะช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงปลา
ิ่
ระหว่าง 6.5-8.5 ช่วยก าจัดเชื้อโรคและศัตรูปลาและช่วยเพมประสิทธิภาพของปุ๋ยที่ใส่ในบ่อปลา
การใช้ปูนขาวในขณะที่มีปลาอยู่ในบ่อควรใช้วิธีละลายปูนในถังน้ าทีละเล็กน้อย แล้วสาดให้ทั่ว ไม่ควร

เทเป็นผง ๆ ลงในน้ า


กำรแก้ไขน้ ำขุ่นและน้ ำเค็ม


บ่อปลาที่ขุดใหม่มักจะประสบปัญหาน้ าขุ่นเนื่องจากตะกอนดินที่ถูกพดพามาหรือภายใน
บ่อปลาเอง ความขุ่นนี้อาจท าให้ปลาเจริญเติบโตช้า ตะกอนดินอาจไปอุดตันเหงือกปลาได้


กำรแก้ไขปัญหำน้ ำขุ่นอำจท ำได้โดย

1. ใช้สารเคมี เช่น สารส้มหรือสารอนๆวิธีนี้จะเป็นการแก้ไขแบบชั่วคราวเท่านั้น และจะ
ื่
ท าให้มีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีก เช่น น้ ามีสภาพเป็นกรดมากขึ้น

7








2. การใช้ปุ๋ยเคมี เช่น ปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟต ในอตราประมาณ 2-5 กิโลกรัม/ไร่ /เดือน
จะช่วยให้เกิดแพลงตอนพืช ท าให้สารแขวนลอยจับตัวและตกตะกอนขึ้น



3. ใช้ปุ๋ยพชสด ในอตราประมาณ 1200-1500 กิโลกรัม/ไร่ การสลายตัวของปุ๋ยพชสด

ท าให้เกิดตะกอนขึ้น


กำรแก้ไขปัญหำน้ ำเค็มสำมำรถท ำได้โดย

ื่
การใช้แกลบหรือขี้เลื่อยปกคลุมผิวหน้าดินให้ทั่วเพอไม่ให้อนุภาคของเลือดลอยตัวขึ้นมา
โดยโรยให้มีความหนาแน่นประมาณ 5-10 ซม.



อำหำรปลำ

อาหารปลามีหลายชนิดได้แก่

1. อาหารธรรมชาติ


1.1 แพลงก์ตอนพช กระจายอยู่ทั่วไปใยบ่อ สามารถขยายพนธ์และเจริญได้ดีในบ่อ
ที่มีแสงอาทิตย์ผ่าน

1.2 แพลงก์ตอนสัตว์ สามารถว่ายและเลื่อนลอยอยู่ในน้ า เช่น สัตว์เซลล์เดียว
ตัวอ่อนของปู กุ้ง

1.3 ชีวอินทรีย์ที่เป็นสัตว์ เช่น ลูกน้ า ลูกแมลงปอ ลูกหอย และแมลงน้ าชนิดอื่น ๆ

1.4 สัตว์น้ าก้นบ่อ สัตว์ที่ฝังตัวอยู่ก้นบ่อ เช่น หนอนแดง ไส้เดือน ลูกหอยขม
1.5 พืชน้ า พืชที่เกิดขึ้นในบ่อ

2. อาหารสมทบ มีทั้งมาจากพืชและสัตว์ เช่น

2.1 ใบและต้นพืช
2.2 หัวและเมล็ดพืช

2.3 เศษอาหาร เช่น กากถั่วเหลือง กากมะพร้าว

2.4 กุ้ง หอย
2.5 ปลาทะเลสด

2.6 ปลาป่น


2.7 เศษเนื้อ เลือดสัตว์ เช่น เนื้อปู ปลา หมู อาจใช้เลี้ยงปลาได้โดยตรง หรือผสมกบ
อาหารอื่น

8







อำหำรส ำเร็จรูป
เป็นอาหารที่สะดวกต่อการให้ และเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน


1. แบบผง คล้ายกับนมผงแต่มีสารเคลือบพิเศษที่สามารถทาให้อาหารสามารถลอยน้ าได้
2. เม็ดจม ลักษณะเป็นผงและแห้ง มาผสมกับน้ าและไอน้ าแล้วผ่านเครื่องอัดเม็ดให้เป็น
รูปร่างต่าง ๆ


3. แบบเม็ดลอย อาหารชนิดนี้มีอากาศอยู่ข้างในจึงท าให้มีคณสมบัติสามารถละลายน้ าได้

นิสัยกำรกินอำหำรของปลำ


ปลาจะกินอาหารแตกต่างกันไปตามระดับความลึกของน้ าแบ่งออกเป็น

1. ปลาที่กินอาหารตามผิวน้ า ได้แก่ ปลานิล ปลาตะเพยนขาว ปลาสลิด ปลาเฉา
ปลาสวาย ปลาแรด ปลาเสือพ่นน้ า ปลาช่อน

2. ปลาที่กินอาหารกลาง ๆ น้ า ได้แก่ ปลาสวาย ปลาแล่ง ปลาหมอตาล
ื้
3. ปลาที่กินอาหารตามพนท้องน้ า เป็นปลาที่กินอาหารจ าพวกสัตว์หน้าดิน ได้แก่
ปลาหลด ปลาไน ปลาซ่ง ปลาดุก

สำระน่ำรู้ นิสัยการกินของปลากับปากของปลา ปลาที่กินเนื้อ มีลักษณะปากใหญ่




ขากรรไกรอาได้กว้าง มีฟนแหลมคม ส่วนปลากินพช มีลักษณะ มีซี่กรองเหงือกยาวละเอยดกว่าปลา
กินเนื้อ ปากแคบ ขากรรไกรอ้าได้แคบ

วิธีกำรให้อำหำรปลำ

1. ให้ปลากินเป็นเวลา ให้ในเวลากลางวัน

2. ต าแหน่งที่ให้ควรเป็นที่เดิม
3. มีภาชนะรองรับอาหารเป็นที่ๆในบ่อนั้น

4. ก่อนให้อาหารควรให้สัญญาณ เช่นการท าให้น้ ากระเพื่อม

5. ปรับปริมาณอาหารมี่จะให้ทุก 1-2 สัปดาห์


กำรท ำอำหำรเลี้ยงปลำ

1. เครื่องบด มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบอาหารแห้ง เช่นบดถั่ว บดข้าว และแบบอาหารสด

บดหรือหั่นผักตบชวาผลที่ได้มาจะดูคล้ายกะปด

2. เครื่องผสม แบ่งเป็น 2 แบบ คือ

9







แบบตั้ง รูปแบบคล้ายกรวยกรองน้ า ภายในมีเกลียวหมุนด้วยแรงฉุด ท าให้วัสดุต่าง ๆ
ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน

แบบนอน คล้ายรูปทรงกระบอกผ่าซีกปดดหัวท้าย วางในแนวนอน ภายในทรงกระบอกนี้

จะมีแกนซึ่งล้อมรอบด้วยใบพัดซ้อนกันหลายใบ แกนจะหมุนด้วยแรงฉุด ใช้ได้ทั้งวัสดุที่เปียกหรือแห้ง

3. เครื่องอดเม็ด ลักษณะเป็นกระบอกยาวปลายกระบอกข้างหนึ่งปดดตันและเจาะ
ื่
เป็นช่อง ข้างต่อกับที่ส าหรับใส่อาหารไหลลงมาภายในกระบอก มีแกนเป็นเกลียวเพอหมุนส่งอาหาร
ให้ออกไปที่ปลายกระบอกมีแกนเป็นเกลียวเพื่อหมุนส่งอาหารออกไปที่ปลายกระบอก ปลายกระบอก
สวมด้วยจานเจาะเป็นรู ส่วนที่ยื่นออกมาจะติดใบมีดเพอให้อาหารออกเป็นแท่ง ๆ ยาวสั้น
ื่

ตามต้องการ อาหารที่ได้ค่อนข้างจะมีความชื้นสูงหรืออาจน าไปผึ่งแดดให้แห้งเกบเป็นอาหารแห้งไว้ใช้
เลี้ยงในวันต่อไป
4. เครื่องชั่ง ใช้ชั่งวัสดุต่าง ๆ ตามจ านวนที่ค านวณไว้

เรื่องที่ 2

หลักกำรเลี้ยงปลำสวยงำม



กำรเลือกชนิดปลำที่จะเลี้ยง

การเลือกชนิดปลาที่จะเลี้ยงภายในตู้ใดตู้หนึ่ง ผู้เลี้ยงจะต้องเลือกปลาให้ถูกต้อง จึงจะท า
ให้ได้ปลาสวยงามไว้ดูตามที่ต้องการ โดยที่ไม่มีภาระยุ่งยากจนเกินไป หลักการส าคัญส าหรับการเลือก

ชนิดปลามีดังนี้

1. ชนิดของปลาสวยงามที่จะเลือกเลี้ยง การเลือกชนิดปลานั้นย่อมต้องขึ้นกับความชอบ
ของแต่ละบุคคล เนื่องจากปลาสวยงามที่เลี้ยงกันอยู่ในปัจจุบันมีมากมายถึง 100 กว่าชนิด แต่ไม่ใช่ว่า

ทุกคนจะเห็นว่าสวยงามทั้งหมด ดั้งนั้นการเลือกชนิดปลาก็จะขึ้นกับความชอบของแต่ละคนเป็นหลัก

โดยอาจใช้หลักต่อไปนี้ช่วยพิจารณาด้วย คือ

1.1 ความสวยงามกบปัจจัยการเลี้ยง ความสวยงามของปลามีหลายรูปแบบแตกต่าง
กันไปบางคนอาจชอบปลาขนาดเล็กๆ ที่มีสีสันฉูดฉาด ว่ายน้ าไปมาตลอดเวลา เช่น พวกปลา

หางนกยูง ปลาสอด และปลาซิวชนิดต่างๆ บางคนอาจชอบปลาที่ว่ายน้ าช้าๆ ดูสง่างาม เช่น ปลาปอม
ปาดัวร์ ปลาเทวดา หรือบางคนอาจชอบปลาขนาดใหญ่ เช่น ปลาออสการ์ ปลามังกร ปลากราย และ

ปลาแรด ปลาที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้บางชนิดมีความต้องการความจ าเพาะในระหว่างการเลี้ยง เช่น

ปลานีออน และปลาปอมปาดัวร์ ต้องการอุณหภูมิน้ าค่อนข้างสูง ท าให้ต้องมีการใช้เครื่องให้ความร้อน
ช่วยในช่วงฤดูหนาว มิฉะนั้นปลาจะตายได้ง่าย ปลาบางชนิดต้องการอาหารที่มีชีวิตหรืออาหารสด

เช่นปลามังกร ผู้เลี้ยงต้องเข้าใจการเตรียมอาหารไว้ให้ปลา ปลาบางชนิดเป็นปลาขนาดใหญ่ เช่น

ปลามังกร ปลาออสการ์ ปลากราย และปลาแรด จ าเป็นต้องใช้ตู้ขนาดใหญ่ ดังนั้นการเลือกชนิดปลา
อาจท าให้เกิดภาระแก่ผู้เลี้ยงมากเกินกว่าที่คาดคิดไว้ จึงควรที่จะต้องศึกษาข้อมูลของปลาที่ต้องการ


จะเลี้ยง โดยอาจหาอานจากเอกสาร ต าราซึ่งมีผู้เขียนออกมาจ าหน่ายกันมากขึ้น หรือสอบถามจาก
ร้านขายปลาสวยงามก็จะช่วยให้เลือกปลาได้อย่างเหมาะสม
1.2 ความหลากหลาย ผู้เลี้ยงควรจะต้องรู้ว่าปลาที่ต้องการเลี้ยงนั้นมีความ

หลากหลายทางสายพนธุ์อย่างไรบ้าง เนื่องจากปลาเป็นสัตว์ที่ให้ลูกในแต่ละครั้งได้เป็นจ านวนมาก


และสามารถผสมข้ามสายพนธุ์หรือข้ามพนธุ์ได้โดยการด าเนินการของมนุษย์ ท าให้ปลาบางกลุ่มหรือ


บางชนิดค่อนข้างมีความหลากหลายทางสายพนธุ์ ดังนั้นลักษณะของปลาที่เห็นนั้นอาจไม่ใช่ลักษณะ
แท้ของสายพันธุ์ก็ได้ ตัวอย่างเช่น ปลาทอง ปลาเทวดา ปลาหางนกยูง และปลาสอด ชนิดต่าง ๆ จะมี

ความหลากหลายของสายพนธุ์ค่อนข้างมาก เนื่องจากปลาเหล่านี้มีการเพาะเลี้ยงกันมานาน และมี



การคัดลักษณะเด่นของลูกปลาที่ได้น ามาใช้เป็นพอแม่พนธุ์ หรือผสมข้ามสายพนธุ์กับปลาจากแหล่ง


11







ื่
อนๆ ท าให้ได้ปลาที่มีรูปทรง สีสัน และลักษณะครีบแตกต่างกันออกไป ผู้เลี้ยงปลาหลายราย
ื่

ที่หลงเชื่อซื้อปลาลักษณะเด่นๆ ตามที่ต้องการ เพอน ามาใช้เป็นพอแม่พนธุ์ แต่เมื่อด าเนินการ

เพาะพนธุ์แล้ว พบว่าลูกปลาที่ออกมาจะมีรูปร่างหลายลักษณะเช่นกัน ดังนั้นควรจะได้ศึกษาว่าปลา

ชนิดใดหรือกลุ่มใดมีความหลากหลายทางสายพนธุ์อย่างไรบ้าง หากน ามาเลี้ยงปะปนกันแล้วจะท าให้

เกิดปัญหาการผสมข้ามสายพันธุ์ได้หรือไม่

1.3 ความต้องการของตลาด หากจะด าเนินการเลี้ยงปลาสวยงามเพอเป็นการค้า
ื่
จ าเป็นต้องศึกษาการตลาดของปลาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะตลาดในพื้นที่ว่ามีความต้องการปลาสวยงาม
ชนิดใด ก็จะช่วยให้ประสบผลส าเร็จได้ง่าย เช่น ปลากัด และปลาหางนกยูง เป็นปลาที่ตลาดมีความ

ต้องการสูงมากทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดภายในประเทศ

ร้านขายปลาสวยงามที่เปดดขายในจังหวัดต่างๆนั้น จะไม่ด าเนินการเพาะเลี้ยงปลากัด และปลา
หางนกยูงขึ้นมาเอง แต่จะเข้าไปหาซื้อมาจากกรุงเทพฯ ดังนั้นการด าเนินการเพาะเลี้ยงปลากัด และ

ปลาหางนกยูง ตามจังหวัดต่างๆ ก็น่าที่จะสามารถหาตลาดได้ไม่ยากนัก ตัวอย่างเช่นในจังหวัด

ขอนแก่น มีความต้องการปลากัดเฉลี่ยอย่างน้อยเดือนละ 10,000 ตัว
2. นิสัยของปลาสวยงาม จากจ านวนปลาสวยงามที่มีอยู่มากมาย การเลือกเลี้ยงปลา

สวยงามนอกจากจะเลือกที่ความสวยงามแล้ว ยังต้องศึกษานิสัยของปลาให้รอบคอบด้วย เนื่องจาก

ปลาบางชนิดจะมีนิสัยดุร้าย เกเร หากน าไปเลี้ยงปะปนกัน อาจมีปลาบางชนิดที่ถูกท าร้ายหรือถูกจับ
กินเป็นอาหารได้ หลักการพิจารณานิสัยของปลามีดังนี้

2.1 นิสัยการกินอาหารของปลา การเลือกเลี้ยงปลาสวยงามควรจะต้องรู้ว่าปลาที่จะ

เลี้ยงนั้นปกติกินอาหารประเภทใดเป็นหลัก ซึ่งจากจ านวนชนิดปลาสวยงามที่มีอยู่มากมายนั้น จะเห็น
ความแตกต่างของลักษณะอาหารที่ปลาชอบกินได้อย่างเด่นชัด การจัดแบ่งกลุ่มนิสัยการกินอาหาร

ของปลามีดังนี้


2.1.1 ปลากินพช (Forage or Herbivorous Fishes) หมายถึงปลาที่ปกติจะ


หากินพวกพชเป็นอาหารหลัก เช่น กินรากหรือใบพช รวมทั้งตะไคร่น้ า ตัวอย่างปลาพวกนี้ ได้แก่
ปลาสร้อย และปลาตะเพียนชนิดต่างๆ ปลากลุ่มนี้สามารถเลี้ยงด้วยอาหารส าเร็จรูปได้ดี

2.1.2 ปลากินเนื้อ (Carnivorous Fishes) หมายถึงปลาที่ปกติจะหากินพวก
เนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก ซึ่งมีทั้งที่ชอบไล่ล่าเหยื่อที่มีชีวิตหรือกัดแทะซากของสิ่งมีชีวิต ปลาพวกนี้ยัง

แบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้อีกดังนี้

(1) ปลาล่าเหยื่อ (Piscivores or Predator) เป็นปลาที่ชอบไล่ล่าเหยื่อ
ที่มีชีวิต จัดว่าเป็นปลาที่มีนิสัยดุร้าย อาหารในธรรมชาติจะเป็นลูกปลา ปลาขนาดเล็ก กุ้ง ลูกกบ

และลูกเขียด ตัวอย่างปลากลุ่มนี้ เช่น ปลามังกร ปลากราย ปลาตองลาย ปลากระทิง ปลาชะโด
ปลาเสือตอ ปลาบู่ ปลาปักเป้า และปลา Gar (ปลาต่างประเทศ) ปลาพวกนี้หัดให้กินอาหารส าเร็จรูป

12







ค่อนข้างยาก ยังคงชอบกินอาหารมีชีวิต ผู้เลี้ยงต้องซื้อปลาเหยื่อมาใช้เลี้ยง หรือพยายามหัดให้กินเนื้อ
ปลาสดหั่นเป็นชิ้นๆก็สามารถท าได้

(2) ปลาแทะซาก (Scavenger) เป็นปลาที่กินอาหารประเภทเนื้อ

แต่เป็นพวกที่ตายแล้ว ชอบกัดแทะหรือฮุบกินทั้งชิ้น ตัวอย่างปลากลุ่มนี้ เช่น ปลากด ปลาแขยง และ
ปลาดุก ปลาพวกนี้ให้กินอาหารส าเร็จรูปได้ดี


(3) ปลากินแมลงและตัวออนของแมลง (Insectivores) เป็นปลาที่ชอบ

กินอาหารที่มีชีวิตเช่นกัน แต่เป็นพวกตัวออนของแมลงหรือแมลงขนาดเล็กต่างๆ เช่น ลูกน้ า
หนอนแดง ไรแดง มวนวน และมวนกรรเชียง ตัวอย่างปลากลุ่มนี้ได้แก่ ปลาเทวดา ปลาปอมปาดัวร์

ปลาเสือพ่นน้ า และปลากัด ปลาพวกนี้ปกติหัดให้กินอาหารส าเร็จรูปได้ยาก แต่เนื่องจากมีการเลี้ยงมา

หลายชั่วอายุของปลา ท าให้ปลากินอาหารส าเร็จรูปได้ดีขึ้น เช่น ปลาเทวดา และปลากัด ส่วนปลา

ปอมปาดัวร์ และปลาเสือพนน้ า ถ้าเลี้ยงไว้จ านวนหลายตัวก็จะสามารถหัดให้กินอาหารส าเร็จรูปได้


เนื่องจากจะมีปลาตัวใดตัวหนึ่งขึ้นกิน แล้วตัวอื่นที่เห็นจะขึ้นกินตามกน แต่เมื่อซื้อมาเลี้ยงเพยงไม่กี่ตัว
จะไม่ค่อยยอมกินอาหารส าเร็จรูป อาจต้องให้อาหารพเศษ เช่น หนอนแดงอบแห้ง หรืออาหาร

ส าเร็จรูปชนิดพิเศษ

(4) ปลากินแพลงตอนสัตว์ (Zooplankton Feeder) เป็นปลาที่ชอบ

กินพวกสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ได้แก่ ไรน้ าชนิดต่างๆ ตัวอย่างปลากลุ่มนี้ได้แก่ พวกปลาสวยงามที่มีขนาดเล็ก
ื่
เช่นปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาม้าลาย ปลานีออน และปลาซิวอนๆ ปลาพวกนี้ให้กินอาหาร
ส าเร็จรูปได้ดี ซึ่งในปัจจุบันมีอาหารส าเร็จรูปชนิดเม็ดเล็กพิเศษเหมาะที่จะใช้เป็นอาหารปลาพวกนี้

2.1.3 ปลากินทั้งเนื้อและพืช (Omnivorous Fishes) หมายถึงปลาที่ไม่เจาะจง
ชนิดของอาหารสามารถกินอาหารได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นพรรณไม้น้ า ตัวออนแมลง ลูกกุ้ง และลูก

ปลาขนาดเล็ก ตัวอย่างปลาพวกนี้ได้แก่ ปลาทอง ปลาคาร์พ และปลาหมอชนิดต่างๆ ปลาพวกนี้

ค่อนข้างตะกละหากินอาหารตลอดเวลา จึงให้กินอาหารส าเร็จรูปได้ดีมาก
2.2 การอยู่ร่วมกน ผู้เลี้ยงปลาสวยงามส่วนใหญ่มักนิยมเลี้ยงปลาหลายชนิดภายในตู้

ื่
เดียวกัน เพอจะได้เห็นปลาหลายลักษณะและหลายสีสัน ถึงแม้ปลาที่เลือกเลี้ยงจะไม่ถูกระบุว่าเป็น


ปลาที่ล่าเหยื่อหรือท าอนตรายปลาอน แต่หากพจารณาให้ดีจะพบว่ามีปลาบางชนิดมีการท าอนตราย

ื่
กันเสมอ ท าให้ปลากลุ่มหนึ่งถูกท าลายหรือเกิดการติดเชื้อจนตายได้ ตัวอย่างเช่นการเลี้ยงปลาทอง
ร่วมกับปลาหางนกยูงและปลานีออน ถ้าปลาทองมีขนาดเล็กก็จะไม่ท าอนตรายปลาทั้งสองชนิด

แต่เมื่อปลาทองมีขนาดใหญ่ขึ้น จากนิสัยที่กินอาหารเก่งและมักว่ายน้ าหาอาหารตลอดเวลา ก็มักจะ

ท าอนตรายปลาหางนกยูงและปลานีออนจนตาย โดยเฉพาะเวลากลางคืนเมื่อปดดไฟปลาทั้งสองชนิด

จะเชื่องช้า ท าให้ถูกท าอนตรายได้ง่าย ยิ่งถ้าเป็นลูกปลาก็มักจะถูกปลาทองไล่จับกินอย่างง่ายดาย
แต่ถ้าน าปลาทองไปเลี้ยงร่วมกับปลาสอดชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาหางดาบ ปลาสอดแดง

13







ปลาสอดด า หรือปลาเซลฟดน ซึ่งปลาเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่าปลาหางนกยูง และค่อนข้างมีความว่องไว

พวกปลาสอดจะกลายเป็นตัวท าอนตรายปลาทอง ถึงแม้ว่าปลาสอดจะมีขนาดเล็กกว่าปลาทองมาก
แต่จากการที่มีความว่องไวและมักเข้าไปกัดแทะหรือตอดตามตัวและครีบของปลาทอง จะค่อย ๆ

ื่
ท าให้ปลาเกิดบาดแผล หรือปลาที่มีบาดแผลอยู่แล้วก็ยิ่งชอบเข้าไปกัดแทะบริเวณแผลเพอกินเนื้อเยื่อ
ท าให้ปลาบอบช้ าเนื่องจากแผลไม่หายและมักขยายลุกลามติดเชื้ออนๆมากขึ้น ดังนั้นการเลี้ยงปลา
ื่
ทองร่วมกับปลาสอด ผู้เลี้ยงจึงมักพบว่าปลาทองเกิดแผลเป็นโรครักษายากและมักตายไป หรือการ


เลี้ยงปลาเสือสุมาตราร่วมกับปลานีออน ปลาเสือสุมาตราจะค่อนข้างมีความดุร้ายในฤดูกาลผสมพนธุ์


ก็มกจะท าอนตรายปลานีออนจนตายได้ จากตัวอย่างดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการเลือกชนิดปลาที่จะเลี้ยง
ร่วมกัน จ าเป็นที่จะต้องมีการศึกษาพิจารณาให้รอบคอบ

3. ความอดทนของปลา ปลาแต่ละชนิดจะมีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลง
สภาพแวดล้อมได้ต่างกัน จากการที่ปลาสวยงามถูกน ามาเลี้ยงไว้ในพนที่แคบๆ การเปลี่ยนแปลง
ื้
สภาพแวดล้อมอย่างกะทันหันย่อมเกิดได้ตลอดเวลา เช่น การให้อาหารมากเกินไปจนเศษอาหารไป

หมักหมม บูดเน่าอยู่ในวัสดุกรอง หรือการเปลี่ยนน้ าใหม่โดยขาดประสบการณ์ เติมน้ าที่มีคลอรีนสูง
มากเกินไป หรือปัญหากระแสไฟฟาขัดข้องท าให้เครื่องให้อากาศและระบบกรองน้ าไม่ท างาน ซึ่งหาก


เกิดเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ชั่วโมงขึ้นไป ปริมาณออกซิเจนจะลดต่ าลง ปลาจะได้รับอนตรายมาก


น้อยเพยงใดย่อมขึ้นกบขนาดและจ านวนปลาที่เลี้ยง ดังนั้นการเลือกชนิดปลาก็ยังอาจต้องพจารณาถึง

ความอดทนของปลาประกอบด้วย เช่น ปลาหางไหม้ และปลานีออน ถูกกระทบจากปริมาณคลอรีน
จนมีผลท าให้ปลาตายได้อย่างง่ายดาย ปลาปอมปาดัวร์ และปลานีออน ไม่อดทนต่อสภาพอณหภูมิต่ า

กลุ่มปลาตะเพียน ปลากาแดง ปลาทรงเครื่อง ปลาทอง ปลาคาร์พ และปลาสร้อยชนิดต่างๆ ไม่อดทน
ต่อสภาพการขาดออกซิเจน ส าหรับปลาที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี จัดว่าเป็นปลา

ที่มีความอดทนไมตายง่ายๆก็มอยู่หลายชนิด ได้แก ปลาหางนกยูง ปลาสอดชนิดต่างๆ ปลากระดี่ชนิด



ต่าง ๆ ปลาชะโด และปลาแรด นอกจากนั้นยังอาจใช้วิธีการป้องกันร่วมด้วย เช่นใช้
เครื่องให้ความร้อน (Heater) ควบคุมอณหภูมิในฤดูหนาว หรือเตรียมเครื่องให้อากาศที่ใช้ไฟจาก

ถ่านไฟฉายส ารองไว้ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ปลาได้

4. การขยายพนธุ์ การแพร่พนธุ์ของปลาค่อนข้างแตกต่างจากการแพร่พนธุ์ของสัตว์บก



โดยทั่วไป คือปลาส่วนใหญ่จะออกลูกเป็นไข่ และเป็นการผสมพันธุ์ภายนอกตัวแม่ โดยพ่อแม่พันธุ์ปลา
จะปล่อยน้ าเชื้อและไข่ออกมาผสมกันในน้ า นอกจากนั้นลักษณะของไข่ปลายังมีรูปแบบแบ่งออกได้


เป็นหลายประเภท ซึ่งประเภทของไข่ปลาและวิธีการเพาะพนธุ์ปลาจะได้กล่าวโดยละเอยดในหัวข้อ

การเพาะพนธุ์ปลา ส าหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงปลาสวยงามเพอเป็นการค้า จ าเป็นต้องศึกษาวิธีการเพาะ

ื่
และอนุบาลลูกปลาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้ประสบผลส าเร็จได้ดีขึ้น ส่วนผู้ที่เลี้ยงปลาสวยงาม
เป็นงานอดิเรก หากต้องการเห็นลูกปลาที่เกดจากปลาที่เลี้ยงไว้เอง ก็อาจจะต้องเลือกปลาที่มีการแพร่


14








พันธุ์อย่างง่ายๆ และลูกปลามีอตราการรอดดีเนื่องจากกินอาหารได้ง่าย ซึ่งจะได้แก่กลุ่มปลาที่ออกลูก
เป็นตัว ปลาพวกนี้มีจ านวนชนิดอยู่ไม่มากนัก และส่วนใหญ่ถูกน ามาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม เป็นปลาที่

มีจ านวนไข่หรือลูกไม่มาก เมื่อเทียบกับปลาที่ออกลูกเป็นไข่ แต่ปลาพวกนี้มักจะออกลูกได้เกือบ

ตลอดปี โดยจะออกลูกครั้งละ 30 - 100 ตัว ลูกปลาที่คลอดออกมาจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบ
กับลูกปลาของปลาที่ออกลูกเป็นไข่ และค่อนข้างมีความแข็งแรง ว่ายน้ าหลบหนีศัตรู (ซึ่งรวมทั้งพอ

แม่ของตัวเอง) ได้ทันทีที่คลอดออกจากท้องแม่ปลา ตัวอย่างของปลาที่ออกลูกเป็นตัว ได้แก่

ปลาหางนกยูง ปลาสอดชนิดต่างๆ และปลา เข็ม


วิธีกำรเลือกซื้อปลำสวยงำม

เมื่อตัดสินใจว่าจะเลี้ยงปลาสวยงามและได้ตัดสินใจเลือกชนิดปลาที่จะเลี้ยงแล้ว ขั้นตอน
ส าคัญอันดับต่อไปคือการไปร้านขายปลาสวยงาม เพื่อเลือกซื้อปลาที่ต้องการมาเลี้ยง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่

ส าคัญเช่นกัน เพราะหากได้ปลาที่ไม่แข็งแรง ไม่สมบูรณ์ หรือมีเชื้อโรคติดมา ปลาที่ซื้อมาเลี้ยงอาจ



ตายในระยะเวลาเพยงไม่กี่วัน หรืออาจต้องทนเลี้ยงปลาที่ไม่สมสัดส่วนหรือไม่สมประกอบไปอกนาน
วิธีการเลือกซื้อปลาควรจะพิจารณาสิ่งต่อไปนี้
1. ควรเลือกซื้อปลาในเวลากลางวัน เนื่องจากจะสังเกตสีสันที่แท้จริงของปลาได้ดี แต่ใน

ปัจจุบันการจัดตู้ปลามีความทันสมัยมากขึ้น โดยร้านขายปลาสวยงามมักจะติดหลอดไฟพวก

แสงสะท้อน แล้วเปดดไว้ตลอดเวลาเพื่อท าให้เห็นปลามีสีสดใสมากกว่าที่เป็นจริง

2. สังเกตสภาพของตัวปลา คือเลือกปลาที่ไม่มีร่องรอยความบอบช้ า เช่นเกล็ดหลุด
ครีบแหว่ง หรือมีแผลตามล าตัว เพราะอาจเป็นปลาที่ได้รับการกระทบกระเทือนจากการล าเลียง หรือ

ื้
มีการระบาดของโรคพยาธิเกิดขึ้น ถ้าเลือกซอปลาที่บอบช้ ามาเลี้ยงอาจเกิดการติดเชื้อต่างๆได้ ยิ่งถ้ามี
การระบาดของโรคพยาธิอยู่แล้ว ปลาที่เลือกซื้อมาก็มักจะตายหมด
3. สังเกตลักษณะการว่ายน้ าหรือการทรงตัวของปลา ควรสังเกตว่าชนิดปลาที่จะซื้อ


ื่
มีลักษณะการว่ายน้ าอย่างไร เช่น พวกปลานีออน ปลาเสือสุมาตรา ปลาสอด และปลาซิวชนิดอน ๆ

มักชอบว่ายน้ าวนเวียนไปมาตลอดเวลาบริเวณกลางน้ าถึงผิวน้ า ต้องไม่เซื่องซึมลงไปพกอยู่ก้นตู้
หรือลอยตัวอยู่แต่ผิวน้ า พวกปลาเทวดา และปลาปอมปาดัวร์ ชอบว่ายน้ าช้าๆลักษณะเป็นสง่า
ต้องไม่ไปซุกตามหินหรือมุมตู้

4. สังเกตลักษณะการกางของครีบต่างๆ คือปลาปกติที่ไม่มีปัญหาเรื่องการติดเชื้อ

หรือการเกิดโรค จะกางครีบออกเกือบตลอดเวลา แต่ปลาที่มีอาการผิดปกติมักจะหุบครีบลู่ติดตัว

ไม่ค่อยกางออก

15







5. สังเกตสีสันของปลา ควรสังเกตเปรียบเทียบปลาในกลุ่มเดียวกัน ปลาที่มีสีสันสดเข้ม
กว่าลวดลายเด่นชัด ย่อมมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแกร่งกว่า

6. สังเกตความสมบูรณ์ของอวัยวะต่างๆ ควรเป็นปลาที่มีอวัยวะครบถ้วนตรงตามชนิด

ล าตัวโดยเฉพาะคอดหางไม่คดงอ ครีบไม่โค้งพับหรือขาดหายไป

7. สังเกตว่าไม่มีปลาตายปะปนอยู่ในตู้ปลาที่จะเลือกซื้อ หรือไม่มีปลาที่แสดงอาการ

ติดเชื้อปะปนอยู่
นอกจากนั้นเมื่อน าปลามาปล่อยเลี้ยงในตู้ที่เตรียมไว้แล้ว หากพบว่าปลาตัวใดมีอาการ

ผิดปกติ ควรรีบแยกปลาดังกล่าวออกไปเลี้ยงต่างหาก จนแน่ใจว่าอาการดีเป็นปกติจึงค่อยน ากลับมา

ปล่อยเลี้ยงในตู้ต่อไป


วิธีกำรเลี้ยงปลำสวยงำม

ปลาสวยงามแต่ละชนิดมีความต้องการปัจจัยในการเลี้ยงต่างกัน ดังนั้นหากต้องการให้

ปลาที่เลี้ยงมีความสวยงาม แข็งแรง และเจริญเติบโตดีตามต้องการ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

1. ภาชนะส าหรับเลี้ยงปลา ปลาสวยงามแต่ละชนิดจะมีความสวยงามมากขึ้น หากเลือก
ภาชนะในการเลี้ยงได้ถูกต้องเหมาะสม เช่น ปลาคาร์พ และปลาอะราไพม่า เหมาะที่จะเลี้ยงในบ่อ


ซีเมนต์ภายนอกอาคาร ปลาแรด และปลามังกร เหมาะที่จะเลี้ยงในตู้กระจกขนาดใหญ่และเลี้ยงเพยง

ตัวเดียวโดดๆ ปลานีออน ปลาก้างพระร่วง ปลาตะเพยนทอง ปลาเสือสุมาตรา ปลาม้าลาย ปลาซิว
ข้างขวาน ปลาหางนกยูง และปลาสอด เหมาะที่จะเลี้ยงในตู้กระจกขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โดยเลี้ยง

เป็นฝูงจะยิ่งท าให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ส่วนปลากัด เหมาะส าหรับเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็กเช่นขวดเหลี่ยม

หรือขวดโหลรูปทรงต่างๆ
2. สถานที่ คือการเลือกที่สร้างบ่อหรือที่จัดวางตู้ปลา พร้อมอปกรณ์ประกอบอนๆ

ื่
ให้เหมาะสมสอดคล้องกับอาคาร หรือลักษณะของห้อง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใด มุมใด หรือห้องใด
เพราะเมื่อสร้างบ่อหรือจัดวางตู้เรียบร้อยแล้ว หากเกิดเปลี่ยนใจอยากเปลี่ยนสถานที่ใหม่ จะมีความ

ยุ่งยากในการเคลื่อนย้าย เพราะต้องมีการถ่ายน้ าออกและเคลื่อนย้ายปลา มักมีผลท าให้ปลาบอบช้ า


หรือตู้เลี้ยงปลาช ารุดแตกร้าวได้ง่าย โดยเฉพาะหากทาให้ตู้ปลาเกิดการรั่วซึม ก็จะท าให้เกิดปัญหากับ
บริเวณข้างเคียง หรือการซ่อมแซมตู้อาจท าให้ความสวยงามลดลงได้

3. ความหนาแน่นของปลา คือจ านวนปลาที่จะเลี้ยงในแต่ละตู้ไม่ควรให้มีจ านวนมาก

เกินไป ส าหรับปลาบางชนิดอาจต้องเลี้ยงเพยงตัวเดียว เช่นปลามังกร ปลาแรด ปลาเค้า ปลากราย

ปลาตองลาย ปลาบู่ ปลาชะโด และปลากัด ไม่เช่นนั้นปลาจะไล่กัดท าอนตรายกันเอง ปลาบางชนิด

อาจเลี้ยงเป็นคู่หรือจ านวนไม่มากมายนัก เช่น ปลาออสการ์ ปลาปอมปาดัวร์ ปลาเทวดา

16







ื่
และปลาหมอชนิดต่างๆ หรือปลาบางชนิดควรเลี้ยงหลายตัวให้เป็นฝูงหรือเลี้ยงร่วมกับปลาชนิดอนๆ
แต่ก็ไม่ควรให้มีจ านวนมากมายจนเกินไป เพราะหากมีจ านวนมากเกินไป ปลาจะไม่ค่อยเจริญเติบโต


แต่กลับออนแอป่วยเป็นโรคได้ง่าย ส าหรับจ านวนปลาที่เหมาะสมนั้นจะขึ้นกบชนิดและขนาดของปลา

ด้วย ซึ่งผู้เลี้ยงควรจะได้ศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ
4. การรักษาความสะอาดในภาชนะเลี้ยงปลาหรือตู้ปลา ผู้เลี้ยงควรจะท าความเข้าใจ

ื่
วิธีการท าความสะอาดเพอก าจัดสิ่งหมักหมม และตะกอนที่ตกค้างอยู่ในระบบกรองน้ าอย่างสม่ าเสมอ
ซึ่งเท่ากับเป็นการก าจัดเศษอาหารและมูลที่ปลาขับถ่ายออกมาออกจากตู้ปลา โดยท าความสะอาด
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะท าให้ปลาที่เลี้ยงมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว และยังเป็นการช่วยป้องกัน

การเกิดโรคระบาดปลา ที่อาจเกิดจากเศษอาหารที่บูดเน่าได้

5. การถ่ายน้ าในภาชนะเลี้ยงปลาหรือตู้ปลา ถึงแม้ผู้เลี้ยงจะได้หมั่นท าความสะอาด

ล้างสิ่งหมักหมมในระบบกรองน้ า โดยเฉพาะระบบกรองน้ านอกตู้ปลาจะไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ าในตู้


ปลาเลย หรือถึงแม้จะเป็นระบบกรองน้ าในตู้ปลา ก็อาจจะไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ าหรือมีบ้างเพยง
เล็กน้อย หรือนานๆจะกระท าครั้งหนึ่ง ปลาอาจเติบโตได้ดีในระยะแรก ๆ แต่เมื่อเลี้ยงไปนาน ๆ

ปลาจะหยุดการเจริญเติบโต สาเหตุเพราะมีสิ่งหมักหมมที่ละลายอยู่ในน้ าซึ่งไม่ได้ถูกก าจัดออกไป

พร้อมกับการท าความสะอาด สิ่งหมักหมมดังกล่าวเกิดจากการขับถ่ายของปลาในรูปของสารละลาย
หรือก๊าซต่างๆ รวมทั้งสารอาหารบางประเภทที่ละลายจากอาหารที่ใช้เลี้ยงปลา สารละลายทั้งหลาย

นับวันจะมีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ และค่อนข้างรวดเร็วกว่าการเลี้ยงปลาในบ่อดิน เพราะในบ่อดิน

จะมีขบวนการต่างๆที่ช่วยลดสารอาหารที่ละลายอยู่ในน้ า โดยเฉพาะขบวนการสังเคราะห์แสงของ
พรรณไม้น้ าและแพลงตอนพชทั้งหลาย แต่ในระบบการเลี้ยงปลาสวยงามเป็นการเลี้ยงปลาในสภาพ

ื้

พนที่แคบๆและน้ าใส ปราศจากแพลงตอนพชและมักไม่ค่อยมีพรรณไม้น้ า จึงท าให้ไม่มีตัวช่วยลดสิ่ง
หมักหมมที่ละลายอยู่ในน้ า ถึงแม้จะมองดูเหมือนน้ ามีการไหลเวียน แต่ก็เป็นน้ าเก่าที่ไหลวนเวียนอยู่
ภายในตู้ปลา โดยเกิดจากระบบกรองน้ าและการให้อากาศ ฉนั้นน้ าจึงมีการสะสมสิ่งหมักหมมละลาย

เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆจนมีผลท าให้ปลาชะงักการเจริญเติบโต ดังนั้นหากต้องการให้ปลามีสุขภาพดี

แข็งแรง สีสดใส และมีการเจริญเติบโตสม่ าเสมอ ก็ควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ าเป็นประจ า โดยไม่

จ าเป็นต้องเปลี่ยนหมดทั้งตู้ แต่ถ่ายออกเพยง 1 ใน 4 ของน้ าที่มีอยู่ด้วยวิธีกาลักน้ า โดยคะเนจาก
ระดับความลึกของน้ า เป็นหลัก เช่น ตู้เลี้ยงปลาที่ใส่น้ าสูงประมาณ 40 เซ็นติเมตร จะถ่ายน้ าออกให้

ระดับน้ าลดลง 10 เซ็นติเมตรก็พอ แล้วเติมน้ าใหม่ให้ได้ระดับเดิม กระท าเช่นนี้สัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง
จะท าให้น้ ามีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการด ารงชีพของปลาอยู่เสมอ นอกจากนั้นหากต้องการเร่งให้ปลา

มีการเจริญเติบโตเร็วขึ้นเป็นพเศษ อาจท าการเปลี่ยนถ่ายน้ าทุกวัน เช่นการเลี้ยงปลาทอง หากปล่อย


17







ปลาค่อนข้างน้อยแล้วเปลี่ยนถ่ายน้ าและท าความสะอาดทุกวัน จะท าให้ปลาทองเจริญเติบโตอย่าง
รวดเร็ว มีขนาดตัวโตอย่างเด่นชัด

6. การให้อาหารปลาสวยงาม การเลี้ยงปลาสวยงามก็เหมือนกับการเลี้ยงสัตว์บก

โดยทั่วไป คือต้องให้อาหารทุกวัน เพราะปลาสวยงามที่เลี้ยงในตู้ไม่สามารถหาอาหารธรรมชาติกินได้
และยังมีความเคยชินกับการได้รับอาหารทุกวัน ดังนั้นหากปลาถูกปล่อยให้อดอาหารเป็นเวลา 2 - 3


วัน ก็จะท าให้ปลามีสุขภาพเสื่อมโทรมและมักท าอนตรายกันเอง นอกจากนั้นการให้อาหารปลา
สวยงามยังมีข้อปลีกย่อยที่ควรพิจารณาดังนี้
6.1 การให้อาหารเป็นเวลา เพอให้ปลาเกิดความเคยชิน อย่าให้แบบพร่ าเพรื่อ คือ
ื่


อยากให้เมื่อไหร่ก็ให้ หรือเขาไปดูปลาครั้งใดเห็นปลาว่ายเข้ามาเหมือนต้องการอาหาร ก็ให้อาหารปลา
ทุกครั้ง การให้อาหารปลาแบบพร่ าเพรื่อจะท าให้มีเศษอาหารเหลือตกค้างในระบบกรองน้ า

ค่อนข้างมาก แล้วเกิดการบูดเน่าเป็นตัวการท าให้ปลาเกิดโรคระบาดได้ง่าย การให้อาหารปลา

สวยงามในแต่ละวันควรให้เพียง 2 ครั้ง ในตอนเช้าและเย็นก็เป็นการเพียงพอส าหรับปลา
6.2 พจารณาถึงชนิดของปลา แล้วเลือกชนิดของอาหารให้เหมาะสม โดยเฉพาะ

ขนาดของเม็ดอาหารควรให้เหมาะสมที่ปลาจะฮุบกินได้ง่าย

6.3 พจารณาถึงวัยของปลา ถ้าเป็นปลาวัยออนก็จะต้องให้บ่อยครั้งมากขึ้น อาจเป็น


วันละ 3 - 4 ครั้ง

7. อณหภูมิของน้ าในตู้ปลา ผู้เลี้ยงปลาสวยงามจะต้องร าลึกอยู่เสมอว่าปลาเป็นสัตว์

เลือดเย็น กิจกรรมต่างๆของร่างกายจะปรับไปตามอุณหภูมิน้ า ดังนั้นในฤดูหนาวการเผาผลาญอาหาร


ภายในร่างกายก็จะลดลงตามอณหภูมิน้ า นั่นหมายถึงปลามีความต้องการอาหารลดลง ดังนั้นผู้เลี้ยง

จะต้องลดปริมาณอาหารที่ให้ลง และควรให้อาหารเพยงวันละครั้งในตอนบ่ายหรือเย็น แต่ถ้าหาก

ต้องการให้ปลากินอาหารตามปกติ ก็อาจกระท าโดยใช้เครื่องให้ความร้อนที่ควบคุมอณหภูมิได้ ก็จะ
ท าให้ปลาที่เลี้ยงมีความสดชื่น แข็งแรง และกินอาหารได้ตามปกติ

8. แสงสว่าง การเลี้ยงปลาสวยงามในตู้กระจกมักตั้งตู้ปลาอยู่ภายในห้องหรือในอาคาร

และมักตั้งในบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดด เพอป้องกันไม่ให้เกิดตะไคร่น้ าหรือเกิดน้ าเขียวในตู้เลี้ยงปลา
ื่
ดังนั้นการเพมแสงสว่างในตู้เลี้ยงปลาจึงมีความจ าเป็น เพอเพมความสวยงามและเป็นการช่วยให้ปลา
ื่
ิ่
ิ่

แข็งแรง อกทั้งยังช่วยให้พรรณไม้น้ ามีการสังเคราะห์แสงเจริญเติบโตได้ ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตหลอด
นีออนที่เป็นแสงแดดเทียม ส าหรับใช้กับการเลี้ยงปลาสวยงามติดที่ฝาตู้ ผู้เลี้ยงควรเลือกใช้หลอดชนิด
ดังกล่าว โดยเปดดให้ปลาในเวลากลางวันและตอนหัวค่ า เมื่อเลิกใช้ห้องหรือก่อนเข้านอนก็ควรจะ
ปดดไฟ เพื่อให้ปลาได้มีการพักผ่อน เพราะเมื่อไม่มีแสงสว่างปลาส่วนใหญ่จะลดกิจกรรมลง เช่น ว่ายน้ า

ช้าลง

18







9. การจับปลาหรือการเคลื่อนย้ายปลา หากไม่มีความจ าเป็นไม่ควรมีการจับปลาหรือ
เคลื่อนย้ายปลาออกจากตู้ปลาอย่างเด็ดขาด เพราะการจับหรือการเคลื่อนย้ายปลาไม่ถูกวิธีหรือไม่

ช านาญ มักท าให้ปลาบอบช้ า เกล็ดหลุด เกิดบาดแผล พิการ หรือตายได้ หากจ าเป็นต้องจับปลาหรือ

เคลื่อนย้ายปลา เช่น ในกรณีล้างตู้ปลาหรือเปลี่ยนตู้ปลา ก็ต้องท าอย่างระมัดระวัง โดยไม่ควรช้อน


ปลาพนจากน้ า โดยเฉพาะการใช้กระชอนช้อนปลาพนน้ าขึ้นมา เพราะเมื่อปลาพนน้ าขึ้นมาปลาจะ

กระโดดพลิกไปมาในกระชอน อาจเกิดการทับครีบของตัวปลาเอง หรือหากช้อนปลาหลายตัวพร้อม
กัน ปลาจะกระโดดทับกระแทกกันไปมา ผลก็คือการจับปลามักท าให้ปลาเกล็ดหลุด เกิดบาดแผล

หรือครีบหักพบกลายเป็นปลาพิการไปได้ วิธีการที่เหมาะสม คือ ควรใช้ภาชนะที่ใหญ่กว่าตัวปลา เช่น
ขัน หรือถังพลาสติก ใส่ลงในตู้ปลาแล้วค่อยๆไล่ปลาโดยอาจใช้กระชอนช่วย ค่อยๆไล่ปลาเข้าภาชนะ

ึ้
แล้วยกขนทั้งปลาและน้ า อาจใช้กระชอนช่วยปดดปากภาชนะกันปลากระโดดส าหรับปลาบางชนิดด้วย
แล้วย้ายปลาไปลงในภาชนะที่เตรียมไว้ จะลดความบอบช้ าของปลาได้ นอกจากนั้นหากภายในตู้ปลา

มีหินประดับหรือเครื่องประดับต่างๆ ก็ควรน าออกจากตู้ปลาก่อน และไล่ปลาช้าๆอย่าให้ปลาตื่นตกใจ

มากนัก เพราะปลาอาจวิ่งชนขอบตู้หรือซุกไปตามปะการัง ท าให้เกิดบาดแผลได้
10. น้ าที่จะใช้เลี้ยงปลาสวยงาม จะต้องเป็นน้ าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการด ารงชีพ


ของปลา และสิ่งที่ส าคัญที่สุดคือจะต้องใส เพราะสิ่งส าคัญส าหรับการเลี้ยงปลาสวยงามคือต้องการ
มองเห็นปลาสวยงามอย่างชัดเจน มองดูน้ าใสสะอาด ส าหรับประเภทของน้ าและคุณสมบัติ

ที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงปลาสวยงาม

11. โรคพยาธิและการป้องกันรักษา การเลี้ยงปลาสวยงามเป็นการเลี้ยงในพนที่แคบ ๆ
ื้
ที่ขาดความสมดุลของระบบนิเวศน์ จึงมักท าให้ปลาเกิดอาการผิดปกติได้ง่าย โดยเฉพาะการเกิดโรค

ระบาดต่าง ๆ ผู้เลี้ยงจ าเป็นจะต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของปลาที่เลี้ยงอยู่เสมอ เช่น

ลักษณะอาการว่ายน้ า การกินอาหารน้อยลง หรือการเกิดผิดปกติของร่างกาย ได้แก่ สีซีดลง เมือก
มากขึ้น หรือตกเลือด จะต้องรีบด าเนินการแก้ไข

เรื่องที่ 3

กำรเลี้ยงปลำแบบผสมผสำน



ข้อดีของกำรเลี้ยงปลำแบบผสมผสำน


สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้เต็มที่ ที่ดินรอบ ๆ บ่อใช้ปลูกพชผัก และสร้างคอกเลี้ยงสัตว์
ื่


ส่วนน้ าในบ่อนอกจากใช้เลี้ยงปลาแล้วยังปลูกพชอนๆ ได้อก เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉดเศษเหลือของพช


และสัตว์สามารถน ากลับมาใช้ได้อกเช่น มูลสัตว์ เศษอาหาร เศษผักหญ้าต่างๆ ซึ่งตกลงไปในบ่อก็จะ
กลายเป็นอาหารปลาและเป็นปุ๋ยส าหรับเติมบ่อปลา ขณะเดียวกันโคลนเลนก้นบ่อก็สามารถน ามา


ปลูกพชต่างๆ ได้ดีการน าเศษเหลือ ของเสียต่างๆ กลับมาใช้อกเป็นการก าจัดของเสีย และช่วยลด
ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าอาหารปลา ค่าอาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย เป็นการเพมผลผลิต และเพมรายได้
ิ่
ิ่
สามารถใช้บริโภคภายในครอบครัวถ้าเหลือก็สามารถน าออกจ าหน่ายเกิดเป็นเงินทุนหมุนเวียน
เพอด าเนินการต่อไป และเป็นการใช้แรงงานภายในครอบครัวให้เป็นประโยชน์ ลดอตราการเสี่ยงต่อ

ื่

การขาดทุนได้ดีกว่า การเลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ หรือปลูกพชเพยงอย่างเดียวและเป็นการลดต้นทุนเพราะ


กิจกรรมแต่ละอย่างต้องพึ่งพากันกอให้เกิดรายได้หมุนเวียนในการจ าหน่ายผลผลิตจากฟาร์มตลอด


ลักษณะกำรเลี้ยงปลำแบบผสมผสำนกับกำรเลี้ยงสัตว์

ลักษณะการเลี้ยงปลาแบบผสมผสานกับการเลี้ยงสัตว์การเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน

หากจ าแนกตามตั้งของโรงเรือนเลี้ยงสัตว์จะพบว่ามีสองลักษณะคือ แบบสร้างโรงเรือนเลี้ยงสัตว์

ไว้เหนือบ่อเลี้ยงปลาเป็นแบบที่นิยมกันมากที่สุดเพราะ สะดวกและสามารถระบายมูลสัตว์จาก
โรงเรือนลงสู่บ่อปลาโดยตรงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในโรงเรือนบนบ่อปลาจะได้ประโยชน์จากบ่อปลาในการ

ช่วยลดอณหภูมิภายในโรงเรือน ให้ต่ าลงสัตว์จึงไม่เครียด ท าให้กินอาหารได้มากขึ้นโตเร็วและ

ต้านทานโรคได้ดีทั้งยังดูแลรักษาความสะอาดได้ง่ายประหยัดแรงงาน ข้อเสียคือ ต้นทุนค่าสร้าง
ื้
โรงเรือนสูงขึ้น เนื่องจากต้องใช้ไม้ท าเสา และวัสดุปูพนเพมขึ้นโรงเรือนลักษณะนี้เหมาะส าหรับเลี้ยง
ิ่
สัตว์เล็ก เช่น เป็ดหรือไก่เท่านั้น แบบสร้างโรงเรือนแยกออกไปจากบ่อปลา โดยมีรางระบายมูล

สัตว์จากโรงเลี้ยงมาสู่บ่อปลาแบบนี้จะพบมากในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ใหญ่ เช่น สุกร ที่สร้างโรงเรือนเลี้ยง
สัตว์อยู่ก่อนแล้ว จึงขยายเนื้อที่เลี้ยงปลาดุกอย การขุดบ่อในภายหลังเกษตรกรที่จะลงทุนเลี้ยงปลา

ผสมผสานโดยการสร้างโรงเรือนและขุดบ่อเลี้ยงปลานั้นขอแนะน าให้สร้างตามแบบแรก ถึงแม้ว่าต้อง

ลงทุนเพมขน แต่ผลตอบแทนในระยะยาวจะคุ้มค่าเพราะประหยัดพื้นที่และประหยัดแรงงานมากกว่า
ึ้
ิ่
ส าหรับเกษตรกรที่มีโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว หากต้องการเลี้ยงปลาเพิ่มขึ้นควรใช้แบบที่สอง

20







วิธีกำรเลี้ยงไก่ร่วมกับกำรเลี้ยงปลำแบบกำรค้ำ
วิธีการเลี้ยงไก่ร่วมกับการเลี้ยงปลาแบบการค้า ส าหรับเกษตรกรที่มีความสนใจจะเลี้ยงไก่

ผสมผสานกับเลี้ยงปลาให้เป็นการค้าควรจะเตรียมการและวางแผนการเลี้ยงล่วงหน้า คือ

วางแผนการเก็บเกี่ยวผลผลิตปลาให้พอดีกับฤดูแล้งซึ่งปลาจะมีราคาดี หลีกเลี่ยงการเลี้ยงปลาและไก่

ในฤดูหนาว เนื่องจากเป็นฤดูที่มีโรคระบาด ตรวจดูความสัมพนธ์ระหว่างระยะเวลาการเลี้ยงไก่
และชนิดปลาที่จะเลี้ยง

1. รูปแบบผสมผสานที่ 1 เลี้ยงไก่เนื้อกับปลานิล ปลาสวาย ปลาจีน
2. รูปแบบผสมผสานที่ 2 เลี้ยงไก่เนื้อ 2 รุ่นกับปลาดุกบิ๊กอุย

3 รูปแบบผสมผสานที่ 3 เลี้ยงไก่ไข่กบปลานิล ผู้เลี้ยงควรจัดเตรียมบ่อดินและโรงเรือนไก่

ให้เสร็จเรียบร้อยในฤดูแล้งเพื่อความสะดวกใน

21







บรรณำนุกรม



Sites.google.com 2.3 วิธีการเลี้ยงปลาสวยงาม - Google Sites. ค้นเมื่อ 20 มกราคม 2564

จาก https://sites.google.com/site/klumthi2reuxngkarleiyngpla/3-kar-pheaa-

leiyng-pla-nil-ni-bx-din


Click to View FlipBook Version