สารบญั
ประวัติความเป็นมา หนา้
การก่อต้งั อาณาจกั รสโุ ขทัย 1
ประวตั ขิ องกษตั ริย์ 2
สถานท่ีสำคญั ในสโุ ขทัย 4
9
สารบญั
ประวัติความเป็นมา หนา้
การก่อต้งั อาณาจกั รสโุ ขทัย ๑
ประวตั ขิ องกษตั ริย์ ๒
สถานท่ีสำคญั ในสโุ ขทัย ๔
๙
ประวตั ศิ าสตรส์ มัยสุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัย ตามตำนานกล่าวว่าพระยาพาลีราชเป็นผู้ตั้งเมืองสุโขทัยเมื่อ
พ.ศ. ๑๐๔๓ และมีกษัตริย์ปกครองต่อกันมาหลายองค์ ถึงสมัยพระยาอภัยขอมลำพูนมารุกราน
พระยาอภัยจึงหนีขอมไปจำศลี อยู่ท่ีเขาหลวงและไปได้สาวชาวป่าชื่อนางนาคเป็นชายา ต่อมาพระ
ยาอภัยกก็ ลับสุโขทยั เพ่อื ครองเมอื งตามเดมิ และได้มอบผา้ กำพลกับพระธำมรงคไ์ ว้ใหน้ างนาคเป็น
ที่ระลึก เมื่อพระยาอภัยกลับไปแล้ว นางนาคก็ให้กำเนิดบุตรชายแต่ไม่รู้จะเก็บลูกไว้ที่ไหน จึงท้ิง
ลกู ไว้ทเี่ ขาหลวงพร้อมผา้ กำพล และพระธำมรงค์ พรานปา่ คนหน่ึงไปพบจึงนำกลบั มาเลี้ยง
ฝ่ายพระยาอภัยเมื่อกลับไปครองเมืองดังเดิมแล้วก็ได้เกณฑ์ชาวบ้านไปช่วยกันสร้างปราสาท
นายพรานถูกเกณฑ์ไปด้วย ระหว่างการก่อสร้างปราสาทนายพรานได้วางเด็กน้อยไว้ข้างปราสาท
นน้ั เมื่อแสงแดดส่องถูกเด็กน้อยยอดปราสาทก็โอนเอนมาบงั ร่มให้เด็กอยา่ งอศั จรรย์ พระอภยั มาดู
เหตพุ บกุมารพรอ้ มผ้ากำพลและพระธำมรงค์จงึ ไดข้ อเดก็ ไปเป็นบตุ ร ตง้ั ชือ่ ให้ว่าอรุณกุมาร
พระยาอภัยมีโอรสอีกองค์หนึ่งกับมเหสีใหม่ชื่อว่า ฤทธิกุมาร ต่อมาภายหลังได้ไปครอง
เมืองนครสวรรค์และมีนามใหม่ว่าพระลือ ส่วนอรุณกมุ ารไปได้ธิดาเมอื งศรสี ัชนาลัยเป็นชายาจึงไป
ครองศรีสัชนาลัยมีนามใหม่ว่า พระร่วงโรจนฤิทธิ์ พร้อมทั้งย้ายเมืองหลวงจากสุโขทัยไปศรีสัชนา
ลัย พระร่วงโรจนฤทธิ์ได้เสด็จไปเมืองจีนและได้พระสุทธิเทวีราชธิดากรุงจีนมาเป็นชายาอีกองค์
หนง่ึ พร้อมทั้งไดน้ ำชา่ งชาวจีนกลับมาตั้งเตาทำถว้ ยชามทีศ่ รีสชั นาลัย ซ่ึงเรียกวา่ เตาทุเรยี ง คร้ังถึง
ปี พ.ศ. 1560 ขอมมารุกราน ศรีสัชนาลัย มีขอมดำดินมาจะจับพระรว่ งโรจนฤทธิ์ พระร่วงจึงสาบ
ให้ขอมกลายเป็นหนิ อยู่ตรงนน้ั
เมื่อสิ้นยุคพระร่วงโรจนฤทธิ์แล้ว ก็มีกษัตริย์ปกครองต่อมา คือพระเจ้าพสุจราชและพระ
ธรรมไตรโลกและราชวงศ์กษัตรยิ ก์ ็ขาดลง บรรดาขนุ นางจงึ ได้ไปเชิญพระรว่ งซึ่งบวชอยูท่ ีส่ โุ ขทยั มา
ครองเมอื ง ชื่อว่า พระยาศรีจนั ทราธบิ ดี
พระร่วงองค์นีเ้ ป็นบตุ รของนายคงเครา นายกองส่งส่วยน้ำเสวยให้แก่ขอมที่ละโว้ ชาวบ้าน
เรียกว่า พระร่วงวาจาสิทธิ์ เมื่ออายุ 11 ปี พระร่วงพายเรือเล่นในน้ำที่ไหลเชี่ยวเมื่อหมดแรงพาย
ได้สั่งใหน้ ้ำไหลย้อนทางน้ำก็ไหลย้อนพาเรือพระรว่ งกลับมาถงึ บ้านได้ พระร่วงเปน็ นายกองส่งส่วย
น้ำต่อจากนายคงเครา เมื่อขนส่วยไปส่งนั้นได้ใช้ชะลอมเป็นภาชนะใส่น้ำโดยที่น้ำไม่ไหลออกจาก
ชะลอม ขอมเห็นพระรว่ งมีฤทธจิ์ ึงได้ตามจบั พระรว่ ง พระร่วงจึงหนขี อมไปบวชอยทู่ สี่ ุโขทยั
๒
ระหว่างที่พระร่วงกวาดลานวัดอยู่ ขอมดำดินโผลม่ าถามหาพระรว่ ง พระร่วงจึงส่ังใหข้ อมกลายเป็น
หนิ อยู่ตรงนั้น
เม่อื ข้นึ ครองเมอื ง พระรว่ งได้ยา้ ยเมืองหลวงจากศรีสชั นาลัยมาท่ีสโุ ขทัย เมอื่ สิ้นรัชกาลแล้ว
พ่อขุนนาวนำถม ได้ปกครองสุโขทัยต่อมา และสุโขทัยก็ตกเป็นเมอื งขึ้นของขอม พ่อขุนนาวนำถม
และพอ่ ขุนศรเี มืองมานพยายามช่วยกันขับไล่ขอมจากสโุ ขทยั แต่ไมส่ ำเร็จ
ปี พ.ศ. ๑๘๐๐ พ่อขุนบางกลางทาวกับพ่อขุนผาเมืองสามารถขับไล่ขอมได้สำเร็จ พ่อขุน
บางกลางท่าวขนึ้ เป็นกษัตรยิ ส์ โุ ขทัยทรงพระนามวา่ พอ่ ขนุ ศรีอินทราทติ ย์
สุโขทัยเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงและสมัยพระยาลิไทย สมัยพ่อขุน
รามคำแหงนี้มกี ารเชิญพระสงฆ์จากนครศรีธรรมราชมาชว่ ยกันประดิษฐล์ ายสือไทยเป็นเอกลักษณ์
ของสโุ ขทัยเอง ซ่งึ พัฒนาตอ่ มาเปน็ หนงั สอื ไทยในปัจจุบนั
พ.ศ. ๑๘๙๓ พระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนาอยุธยาเป็นราชธานีอีกแห่งหนึ่งของคนไทย
แต่อยธุ ยากบั สโุ ขทยั ก็ไมไ่ ด้เปน็ ศัตรูกนั
ในสมัยพระยาลิไทนั้นขุนหลวงพะงั่วแห่งอยุธยาได้มาร่วมมือกันเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาให้
เจริญรุง่ เรืองมีการนิมนตพ์ ระสงฆม์ าช่วยรวบรวมพระธรรมวินัยทก่ี ระจดั กระจายเพราะศึกสงคราม
และให้คณะสงฆร์ ว่ มกันร่างไตรภูมพิ ระรว่ งเพ่อื ใช้สอนพุทธบรษิ ัทให้ทำความดี ในสมยั พระยาลิไทย
น้ีได้มีการสร้างพระพุทธรูปสำคัญของไทยสามองค์ คือ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระ
ศากยมนุ ี
ยุคหลังพระยาลิไท อาณาจักรสุโขทัยอ่อนแอลง ในที่สุดจึงถูกผนวกรวมเป็นอาณาจักร
เดียวกับอยุธยา เมื่ออยุธยาเสียกรุงแก่พม่าครั้งที่ ๒ เมืองสุโขทัยก็ยิ่งเสื่อมลง พลเมืองสุโขทัยส่วน
ใหญ่ อพยพหนสี งคราม
เมื่อตั้งกรุงธนบุรี สุโขทัยก็ถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ด้วย โดยไปตั้งเมืองอยู่ที่บ้านธานีริมแม่น้ำยม
ต่อมาก็ถูกยกฐานะเป็นอำเภอธานีขึ้นอยู่กับจังหวัดสวรรคโลก พ.ศ. ๒๔๗๕ เปลี่ยนชื่ออำเภอธานี
เป็น อำเภอสุโขทัยธานี และ พ.ศ. ๒๔๘๒ ยุบจังหวัดสวรรคโลกเป็นอำเภอ และยกฐานะอำเภอ
สุโขทยั ธานีขึน้ เปน็ จังหวดั สโุ ขทัยแทน
การก่อต้ังอาณาจกั รสุโขทัย
การก่อตงั้ อาณาจักรสุโขทัยเท่าท่ปี รากฏหลักฐานแวน่ แคว้น สโุ ขทยั ไดก้ อ่ ต้ังขึ้นในช่วงกลาง
พุทธศตวรรษที่ ๑๘ โดยศูนย์กลางอำนาจของสุโขทัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำน่าน ต่อมาจึงได้ขยายตวั
ไปทางด้านตะวันตกบรเิ วณลุม่ แมน่ ้ำปงิ และทิศตะวนั ออกบริเวณลุ่มแม่นำ้ ปา่ สัก
๓
จากศิลาจารึกหลักท่ี ๒ ศลิ าจารึกวดั ศรีชมุ จังหวัดสโุ ขทัย ไดก้ ล่าวถงึ การขยายอำนาจทาง
เศรษฐกิจและการเมืองของชุมชนเมืองในลุ่มแม่น้ำยม และลุ่มแม่น้ำน่าน ในรัชสมัยของพ่อขุนศรี
นาวนำถม ขุนในเมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) เป็นเจ้าเมืองปกครองในฐานะเมืองขึ้น ขอมได้
ครอบครองเมืองศรีสัชนาลัย และสุโขทัยเมื่อประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ซึ่งสันนิษฐานว่า
เปน็ การขยายเมอื ง โดยการรวบรวมเมืองเป็นเมืองคู่ ดังปรากฏเรียกในศลิ าจารึกว่า “นครสองอนั ”
การรวมเมืองเปน็ เมืองคูน่ ้ีเปน็ การรวมทรพั ยากรสำหรับการขยายเมอื งให้เป็นแว่นแคว้นใหญ่โตขึ้น
พระองค์มีโอรส ๒ พระองค์ คือ พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด และพระยาคำแหงพระราม เจ้าเมือง
สระหลวงสองแคว (เมืองพษิ ณโุ ลก)
พ่อขุนผาเมืองน้ำ ปรากฏความในจารกึ ว่ากษัตริย์ขอมในสมัยนั้น ซึ่งสันนิษฐานว่า คือพระ
เจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๔ – ๑๗๖๑) ได้ยกราชธิดาคือ “นางสุขรมหาเทวี” ให้ เพื่อสร้าง
สัมพันธไมตรีพร้อมทั้งพระราชทางเครื่องราชูปโภค คือพระขรรค์ชัยศรีและพระนามเฉลิมพระ
เกียรติว่า “ศรีอินทราทิตย์ หรือ ศรีอินทรบดินทราทิตย์” อาณาเขตของกรุงสุโขทัยในสมัยพ่อขุน
ศรีนาวนำถม คงไม่กว้างขวางเท่าใดนัก สันนิษฐานว่า ครอบคลุมถึงเมืองฉอด (เมืองสอด) ลำพูน
พิษณุโลก และอำนาจในสมัยขอมในการควบคุมเมืองในอาณาเขตในสมัยของพ่อขุนศรีนาวนำถม
คงไมม่ นั่ คงนกั แต่ละเมอื งคงเปน็ อิสระในการปกครองตนเอง เมืองหลายเมืองคงเปน็ เมอื งในระบบ
เครือญาติ หรือเมืองที่มีสัมพันธไมตรีต่อกัน ภายหลังเมื่อพ่อขุนศรีนาวนำถมสิ้นพระชนม์ คงเกิด
ความวุ่นวายในเมืองสุโขทัย ขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งสินนิษฐานว่าอาจเป็นเจ้าเมืองลำพง ซึ่งเป็น
เมืองที่ปรากฏชื่อในศิลาจารึก หรืออาจเป็นขุนนางขอมที่กษัตริย์ขอมส่งมากำกับดูแลอยู่ที่สุโขทยั
ได้นำกำลังเข้ายึดเมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย และเมืองใกล้เคียงไว้ได้ พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด
และพระสหายคือพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง ได้รวมกำลังกันปราบปรามจนได้ชัยชนะ
พอ่ ขนุ บางกลางหาวยึดได้เมืองศรีสัชนาลัย ส่วนพ่อขนุ ผาเมืองเขา้ ยดึ เมืองสุโขทัยไว้ได้ เม่ือได้เมือง
สุโขทัยแล้ว พ่อขุนผาเมืองได้ทรงมอบเมืองสุโขทัยให้แก่พ่อขุนบางกลางหาวพร้อมทั้งพระนามท่ี
กษัตริย์ขอมเคยแตง่ ตั้งพอ่ ขุนผาเมืองคือ “ศรีอินทรบดนิ ทราทติ ย์” ด้วยเหตุดังกลา่ วนี้ พ่อขุนบาง
กลางหาว จึงได้ขึ้นครองราชย์ ณ เมืองสุโขทัย มีพระนามว่า “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” เป็นปฐม
กษตั รยิ ์ราชวงศพ์ ระร่วง สว่ นพ่อขุนผาเมืองได้กลับไปครองเมืองราดดงั เดิม
หลักฐานในศิลาจารึกกล่าวว่า หลังสมัยพ่อขุนรามคำแหงฯ เมืองต่าง ๆ ในอาณาเขตของ
สุโขทัยได้แยกตัวเป็นอิสระ ไม่ยอมรับศูนย์อำนาจที่เมืองสุโขทัยเหมือนดังเช่นสมัยที่พ่อขุน
รามคำแหงฯ ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ ปรากฏขอ้ ความในศลิ าจารกึ หลักท่ี ๓ ศลิ าจารึกนครชุม จงั หวดั
กำแพงเพชรวา่ “บ้านเมืองขาด…หลายบน้ั หลายท่อนแชว หลายบน้ั หลายท่อน ดังเมืองพ… นก
๔
เป็นขุนหนึ่งเมืองคนที พระบาง หาเป็นขุนหนึ่ง เมืองเชียงทองหาเป็นขุนหนึ่ง…” ความแตกแยก
ของเมืองตา่ ง ๆ ในอาณาจกั รสุโขทยั หลงั สมัยพ่อขุนรามคำแหงฯ นนั้ อาจเนอื่ งมากจากศูนย์กลาง
อำนาจปราศจากความเข้มแข็ง บ้านพี่เมืองน้องในอาณาจักรสุโขทัยได้แตกแยกออกถืออำนาจ
ปกครองตนเองโดยไม่ขึ้นแก่กัน เมืองประเทศราชที่มีกำลังกล้าแข็งพากันแยกตัวเป็นอิสระ เช่น
เมืองนครศรธี รรมราช และเมอื งหงสาวดี
อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญรุง่ เรืองสืบมาประมาณ ๒๐๐ ปีเศษ ( พ.ศ. ๑๗๖๒–๑๙๘๑)
ภายหลังจึงตกอยู่ใต้อำนาจของกรุงศรีอยุธยา และถูกรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกรงุ ศรอี ยุธยาใน
สมยั พระบรมราชาธริ าชท่ี ๒ (เจ้าสามพระยา)
ประวตั ิของกษตั รยิ ์
รชั กาลที่ ๑ พ่อขุนศรอี นิ ทราทิตย์
พระบรมราชานุสาวรียพ์ อ่ ขนุ ศรีอนิ ทราทิตย์ (Pho Khun Si Indrathit monument) ณ วดั ค้งุ วารี
หมู่ ๙ ถ.จรดวิถถี ่อง ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย (Sawankhalok, Sukhothai)
เร่ิมครองราชยป์ ระมาณ พ.ศ. ๑๗๙๒
ในระยะเริ่มต้นอาณาจักร ในสมัยนั้นมีอาณาเขตไม่กว้างขวางนักเมื่ออาณาจักรสุโขทัย
ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นอิสระจากขอม เจ้าเมืองต่างๆในดินแดนใกล้เคียงจึงอ่อนน้อมรวมอยู่กบั
อาณาจักรสุโขทัย แต่เจ้าเมืองบางเมืองคิดว่าตนมีอำนาจเข้มแข็งพอ ไม่ยอมอ่อนน้อมต่อกรุง
สุโขทัย จึงมีการทำสงครามขึ้น ขุนสามชน เจ้าเมืองฉอดได้ยกทัพมาตีเมืองตากซึ่งเป็นเมืองใน
อาณาเขตของสโุ ขทัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ จึงยกทัพไปปราบเจา้ เมืองฉอด เกิดสงครามคร้ังสำคญั
ข้ึน ในการรบคร้งั น้ีพระราชโอรสองค์เลก็ มอี ายุ ๑๙ ปี เขา้ ชนชา้ งกบั เจ้าเมอื งฉอดจนได้รบั ชัยชนะ
๕
ทำให้กองทัพเมืองฉอดแตกพ่ายไป พ่อขุนศรีอินทราทิตย์จึงประทานนามพระราชโอรสว่า พระ
รามคำแหง
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ปกครองประชาชนในฐานะบิดากับบุตร ทั้งบิดาและบุตรมีหน้าที่เป็นทหาร
ป้องกนั ประเทศในยามสงคราม แตย่ ามสงบพระมหากษัตริย์เป็นผ้นู ำในการบริหาร
ราชการแผน่ ดนิ ดว้ ยการบำบดั ทกุ ข์บำรุงสขุ แก่ราษฎร
รัชกาลท่ี ๒ พ่อขนุ บานเมอื ง
สวรรคตประมาณ พ.ศ. ๑๘๒๒
เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ระหว่างครองราชย์ ได้รวบรวมหัว
เมืองต่างๆไว้ในอำนาจ โดยมพี ระอนชุ าคือ พระรามคำแหง เปน็ กำลงั สำคญั
รชั กาลที่ ๓ พ่อขนุ รามคำแหง
ประมาณ พ.ศ. ๑๘๒๒ - ๑๕๔๑
กรุงสุโขทัยโดยการปกครองของพ่อขุน
รามคำแหง มีการเปลี่ยนแปลงและเจริญรุ่งเรือง
กา้ วหนา้ ไปจากเดิมมาก เพราะเปน็ กษัตริย์ที่มคี วาม
เขม้ แขง็ ดา้ นการปกครองและใกลช้ ดิ ราษฎร ไพร่ฟา้
ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี มีการนำระบบ
ชลประทานมาใช้ทางการเกษตรทำให้ได้ผลผลิตดี
ขึ้น มีการค้าขายกับต่างประเทศ เศรษฐกิจและ
การเมืองมั่นคง ขยายอำนาจและอาณาเขตกว้าง
ใหญไ่ พศาล จนได้รบั การเทิดพระเกยี รตวิ า่
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระองค์ทรงชนช้างชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดตั้งแตย่ ังทรงพระเยาว์
ทรงเชีย่ วชาญด้านการศึกสงคราม จนเปน็ ทเี่ กรงขามของอาณาจกั รอ่นื ๆเมื่อพระองค์ขึน้ ครองราชย์
มีหลายเมอื งยอมอ่อนน้อม ทำใหม้ อี าณาเขตแผ่ขยายออกไปกวา้ งขวางมากดงั น้ี
ทิศเหนือ มอี าณาเขตครอบคลมุ เมอื งแพร่ น่าน
ทิศใต้ มีอาณาเขตครอบคลมุ เมอื งคณฑี (กำแพงเพชร )
ทศิ ตะวันออก มีอาณาเขตครอบคลมุ เมอื งสระหลวง สองแคว
ทิศตะวนั ตก มีอาณาเขตครอบถงึ เมอื งฉอด ทวาย
เมืองใดที่มาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารหรือยอมอ่อนน้อมโดยดีแล้ว จะทรงช่วยเหลือ
อุปการะพระราชทานของกนิ ของใช้และไพร่พลบรวิ าร ทรงใชห้ ลกั ธรรมในการปกครองเพ่ือให้
๖
ประชาชนพลเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๖ ทำให้คน
ไทยมีตัวหนังสือประจำชาติ มีความเจริญรุ่งเรืองทางวรรณกรรม ทรงทำนุบำรุงศาสนาพุทธสบื ต่อ
รัชกาลก่อนโดยนิมนต์พระภิกษุที่เคร่งครัดในทางพระธรรมวินัยและพระปรมัตถ์จากเมือง
นครศรีธรรมราชมาเป็นผูส้ ัง่ สอน ทรงเป็นผู้นำสร้างชาติให้มั่นคงเปน็ แบบอยา่ งตอ่ มาคอื การบำบดั
ทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาราษฎร์ด้วยความใกล้ชิด ผู้ใดเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือให้ไปสั่น
กระดิ่งที่แขวนไว้ที่หน้าประตูวัง จะเสด็จออกมารับเรื่องร้องทุกข์ด้วยพระองค์เอง จึงทำให้
บ้านเมืองเกิดความสงบรม่ เย็นเปน็ สุข ทรงให้ความอปุ ถัมภ์สนับสนุนหวั เมืองตามโอกาสเป็นต้นวา่
ยกพระราชธดิ าให้ มะกะโท ( พระเจา้ ฟา้ รัว่ ) ผ้นู ำอาณาจกั รขอมซง่ึ เข้ามาสวามิภกั ดิ์
รัชกาลที่ ๔ พระยาเลอไทย
เรมิ่ ครองราชย์ประมาณ พ.ศ. ๑๘๔๑
เปน็ พระราชโอรสของพ่อขนุ รามคำแหงมหาราช ครองราชยป์ ระมาณ ๔๐ ปี
พระยาเลอไทยทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทรงศึกษาพระไตรปิฎกจนแตกฉาน
การศึกษาพระธรรมและภาษาบาลไี ดเ้ รมิ่ ข้นึ และเจริญกา้ วหนา้ ในรชั กาลนี้
รัชกาลท่ี ๕ พระยางัวนำถม
สวรรคตประมาณ พ.ศ. ๑๘๙๐
เป็นพระอนุชาของพระยาเลอไทย เมื่อราชาภิเษกแล้วได้ทรงแต่งตั้งพระยาลิไทย พระราช
โอรสของพระยาเลอไทยไปปกครองเมืองศรีสัชนาลัย ในรัชกาลนี้ได้มีการปราบปรามเมืองต่าง ๆ
ที่แข็งเมืองมาตั้งแต่รัชกาลพระยาเลอไทยแต่ไม่สำเร็จ ตอนปลายรัชกาลจึงเกิดจลาจลขึ้น
พระยาลไิ ทยองคร์ ชั ทายาทจงึ ยกกำลงั จากเมอื งศรีสชั นาลัย เข้าเมอื งสโุ ขทัยเพ่อื ปราบจลาจลได้จน
สำเรจ็
๗
รชั กาลที่ ๖ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย)
พระบรมราชานสุ าวรยี ์พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ ณ วดั พระบรมธาตุนครชุม อำเภอเมอื งกำแพงเพชร
เรม่ิ ครองราชย์ประมาณ พ.ศ. ๑๘๙๐
สวรรคตระหว่าง พ.ศ. ๑๙๑๑-๑๙๑๗
พระราชโอรสของพระยาเลอไทย หลังจากปราบการจลาจลในกรุงสุโขทัยได้สำเร็จและข้นึ
ครองราชย์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครองประชาชนในฐานะธรรมราชา ทรงยึดมั่นใน
หลักธรรมของพระพุทธศาสนาในการปกครองคือ ทรงปกครองด้วยหลักทศพิธราชธรรม เมือง
สุวรรณภูมิและเมืองละโว้ ได้รวมกันตั้งอาณาจักรอยุธยาขึ้น มีพระเจ้าอู่ทองเป็นกษัตริย์ประกาศ
เป็นอิสระไม่ขึ้นต่อสุโขทัยและได้ขยายอำนาจและอาณาเขตเข้ามาจดแดนของอาณาจักรสุโขทัย
อาณาเขตของสุโขทัยในสมัยของพระองค์ลดลงไปจากสมัยพ่อขุนรามคำแหงมากกว่าครึ่ง มีอาณา
เขตดงั นี้
ทิศเหนอื ถึงเมอื งแพร่
ทศิ ใต้ ถึงเมอื งพระบาง
ทศิ ตะวนั ออก ถึงแดนอาณาจักรลา้ นชา้ ง
ทศิ ตะวันตก ถงึ เมอื งฉอด
ด้วยเหตุที่อาณาจักรอยุธยา มีกำลังอำนาจเข้มแข็งและขยายอาณาเขตรุกเข้ามาใน
อาณาจักรสุโขทัย พระยาลิไทยจึงจำเป็นต้องสะสมเสบียงอาหารเพื่อการรักษาอาณาจักร มีการ
ขยายพื้นทท่ี ำกินของราษฎรเพ่มิ ขึ้น มกี ารตัดถนนเพื่อใช้ในการคมนาคม และใชพ้ น้ื ท่ีสองฟากถนน
ทำไร่ ทำนาเปน็ การเพมิ่ ผลผลิต ทรงเปน็ ผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยา่ งมาก ทรงบำรงุ
๘
พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ทรงสร้างพระพุทธบาทโดยจำลองรอยพระพุทธบาทมาจากลังกา
ทรงนิพนธ์หนังสือไตรภูมิพระร่วง ซึ่งจัดเป็นวรรณคดีล้ำค่าที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน เพื่อให้
ประชาชนเห็นผลของการประพฤติดแี ละการประพฤติช่ัว
รัชกาลที่ ๗ พระมหาธรรมราชาที่ ๒
ประมาณ พ.ศ. ๑๙๑๗ - ๑๙๔๒
พระมหาธรรมราชาที่ ๒ ขึ้นครองราชยน์ ้นั ขุนหลวงพะงั่วแหง่ อาณาจักรอยุธยา มีพระราช
ประสงค์จะรวบรวมชนชาติไทยให้เกิดเป็นปึกแผ่นเป็นอาณาจักรเดียวกัน จึงยกทัพเข้ารุกรานกรุง
สุโขทัยหลายครั้ง พระมหาธรรมราชาที่ ๒ ทรงเห็นว่าจะสู้รบต่อไปไม่ได้ จึงยอมอ่อนน้อม ต่อ
อยุธยา พระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพะงั่ว) จึงโปรดให้ครองกรุงสุโขทัยต่อไปในฐานะเมือง
ประเทศราชจนกระทงั่ ถึง พ.ศ. ๑๙๓๑ กรงุ สุโขทยั จึงประกาศตนเปน็ อสิ ระจากอยธุ ยา
รัชกาลที่ ๘ พระมหาธรรมราชาที่ ๓ (ไสลือไทย)
ประมาณ พ.ศ. ๑๙๔๒-๑๙๖๒
พระองค์ทรงมีพระราชโอรส ๒ พระองค์ คือ พระยาบาลเมือง กับพระยาราม แต่มิได้ทรง
แต่งตั้งให้พระองค์ใดเป็นรัชทายาท ดังนั้น เมื่อเสด็จสวรรคต พระยาบาลเมืองกับพระยาราม จึง
แย่งชิงราชสมบัติกัน เป็นโอกาสให้สมเด็จพระอินทราชาแห่งอาณาจักรอยุธยา เสด็จมาระงับการ
จลาจล ทรงอภเิ ษกให้พระยาบาลเมอื งเป็นกษตั ริย์ เมื่อบ้านเมืองสงบเรียบรอ้ ย สมเด็จพระอินทรา
ชาทรงขอพระราชธิดาของพระมหาธรรมราชาที่ ๓ อภิเษกสมรสกับเจ้าสามพระยา พระราชโอรส
ของพระองค์ นับเป็นครั้งแรกที่ราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัยกับราชวงศ์สุวรรณภูมิ แห่งกรุงศรี
อยุธยามคี วามเกีย่ วดองเป็นเครอื ญาตกิ นั
รชั กาลท่ี ๙ พระมหาธรรมราชาท่ี ๔ (บรมปาล)
ประมาณ พ.ศ. ๑๙๖๒ - ๑๙๘๑
พระยาบาลเมืองได้รับอภิเษกให้ครองกรุงสุโขทัยในฐานะประเทศราชของอยุธยา ทรงพระ
นามว่าพระเจ้าสุริยวงศ์บรมปาลมหาธรรมราชา นับว่าพระองค์ได้ทรงเป็นพระมหาธรรมราชาที่ ๔
เมอ่ื พระองค์สวรรคตใน พ.ศ. ๑๙๘๑ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจา้ สามพระยา) แห่งกรุงศรี
อยุธยาได้ส่งพระราเมศวร พระราชโอรสซึ่งประสูตจิ ากพระอัครชายาที่เป็นพระธิดาของ พระมหา
ธรรมราชาที่ ๓ ข้ึนไปครองเมืองพิษณโุ ลก ซ่งึ เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรสโุ ขทยั ทำใหอ้ าณาจักร
สุโขทยั รวมกับอาณาจักรอยุธยาเปน็ อาณาจักรเดียวกนั ต้ังแต่นั้นเปน็ ต้นมา และนับเป็นการส้ินสุด
ของอาณาจกั รสุโขทยั
๙
สถานทส่ี ำคัญในสโุ ขทัย
อุทยานประวัติศาสตรส์ ุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการ
ปกครองของอาณาจักรสโุ ขทัยซง่ึ มีอำนาจอยูบ่ ริเวณภาคเหนอื ตอนล่างของประเทศไทยในช่วงพุทธ
ศตวรรษที่ ๑๘-๑๙ ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า (เขตเทศบาลตำบลเมืองเก่า) อำเภอเมืองสุโขทัย
จังหวัดสุโขทัย ห่างจากตัวเมืองสโุ ขทัยปัจจุบัน (เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี) ไปทางทิศตะวันตก
ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ตามทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข ๑๒ (ถนนจรดวถิ ถี ่อง)
ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ ๒ กิโลเมตร กว้าง
ประมาณ ๑.๖ กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอย
พระราชวังและวัดอีก ๒๖ แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานแห่งนี้ได้รับการ
บูรณปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากรด้วยความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสน
คนตอ่ ปี ซงึ่ สามารถเดินเทา้ หรอื ขจี่ ักรยานเที่ยวชมได้
๑๐
วัดมหาธาตุ อทุ ยานประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทัย
วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย อยู่กลางเมือง เป็นวัดใหญ่
และวัดสำคัญของกรุงสุโขทัย ประกอบด้วยเจดีย์ประธาน วิหาร มณฑป โบสถ์ และเจดีย์ราย มี
พระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์
ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ ๘ องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง ๔ และ
เจดีย์ทรงปราสาทก่อด้วยอิฐที่ได้รับอิทธิพลมาจากล้านนา จากการสำรวจ พบว่าบริเวณวัด
มหาธาตุมเี จดยี ์แบบตา่ ง ๆ มากถงึ ๒๐๐ องค์ วหิ าร ๒๐ แห่ง ซ้มุ พระ (มณฑป) ๘ ซ้มุ พระอุโบสถ
๑ แหง่ ตระพงั ๔ แห่ง
เจดีย์ประธานวัดมหาธาตุ ซึ่งตั้งเด่นสง่างามมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงดอกบัวตูมถือว่าเป็น
สถาปัตยกรรม ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทยั โดยแท้ แต่คงมิได้เป็นรูปแบบแรกเริ่มเมื่อมี
การสรา้ งวดั มหาธาตขุ ้ึน ของเดิมนา่ จะมีลกั ษณะเช่นเดียวกับเจดีย์ทิศท่ีต้งั อยบู่ นฐานเดียวกัน และ
ตัง้ อยู่ตรงกลางของด้านทงั้ สี่ รายรอบเจดียป์ ระธานเปน็ เจดีย์ทิศจำนวน ๘ องค์ องค์ที่อยูต่ รงมมุ ทั้ง
สี่เป็นเจดีย์ที่มีอิทธิพลของศลิ ปะหริภุญไชย ล้านนา ส่วนเจดีย์ที่อยู่ก่ึงกลางของด้านทั้งสี่เป็นเจดีย์
ทรงปราสาทยอดแบบสโุ ขทยั ซง่ึ มลี วดลายปูนป้ันแบบอทิ ธิพลศิลปะลังกา รอบ ๆ เจดีย์ประธานมี
ปนู ปน้ั รูปพระสาวกในท่าอัญชลุ ี เดนิ ประทกั ษณิ โดยรอบพระมหาธาตุ
๑๑
วัดศรชี ุม
วัดศรีชมุ เป็นโบราณสถาน ในเขต อุทยานประวตั ิศาสตร์สุโขทัย จงั หวัดสุโขทัย ตัววัดเป็น
โบราณสถานตงั้ อยทู่ างทิศตะวันตกเฉยี งเหนือ นอกกำแพงเมอื งวดั นเ้ี ป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป
ปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในมณฑล
พระพทุ ธอจนะ เป็นท่ีเลื่องลอื ถงึ ความศักดสิ์ ทิ ธแ์ิ ละมมี นตเ์ สน่ห์และเอกลักษณช์ วนให้นักท่องเทยี่ ว
มาเที่ยวชมและสักการะอย่างไม่ขาดสาย ในปัจจุบันทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ไม่ห่างจากตัว
โบราณสถานนกั มีวัดสรา้ งใหม่มพี ระภกิ ษสุ งฆจ์ ำพรรษา ใชช้ อ่ื วา่ วัดศรีชมุ เชน่ เดยี วกัน
วดั ศรชี ุมน้นั สนั นิษฐานวา่ สรา้ งในสมยั พ่อขนุ รามคำแหง โดยปรากฏอยใู่ นศิลาจารึกสโุ ขทยั
หลักที่ ๑ ว่า "เบื้องต้นนอนเมืองสุโขทัยนี้......มีพระอจนะ มีปราสาท" พระประธานในมณฑปจึงมี
ช่ือว่า "พระอจนะ"
๑๒
อทุ ยานประวตั ิศาสตร์ศรีสชั นาลัย
อุทยานประวตั ิศาสตรศ์ รีสชั นาลยั เป็นอทุ ยานประวตั ศิ าสตรข์ องประเทศไทยตง้ั อยู่ท่ีตำบล
ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีโบราณสถานทั้งหมด ๒๑๕ แห่ง สำรวจค้นพบ
แล้ว ๒๐๔ แห่ง รวมทั้งสุสานวัดชมชื่น และเตาสังคโลกโบราณ ในปัจจุบันจากการประเมินของ
กรมศิลปากร นับว่ามีการต่อเตมิ โบราณสถานจากสภาพเดิมน้อยกว่าท่ีใด ยังคงรักษาภูมทิ ัศน์ของ
เมืองประวัตศิ าสตรไ์ วไ้ ด้ครบถว้ น
อุทยานแหง่ ชาตริ ามคำแหง เขาหลวง
๑๓
เพราะความลงตัวในงานอนุรักษ์ที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย ควบคู่ไปกับ
ธรรมชาติท่ีเรยี กกันวา่ “ป่าเขาหลวง” นน้ั ไดส้ ่งให้ที่น่ีกลายเปน็ อุทยานแหง่ ชาติทางประวตั ศิ าสตร์
แห่งแรกของเมืองไทย ที่เต็มไปด้วยน่าสนใจและควรค่าน่าศึกษายิ่งนัก โดยครอบคลุมพื้นที่ของ
อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอคีรีมาศ และอำเภอบ้านด่านลานหอย มีพื้นที่ประมาณ ๒๑๓,๒๑๕ ไร่
ได้รับการประกาศแตง่ ต้ังเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๒๓ ซึ่งได้มกี ารเปลี่ยนช่อื
ใหม่เป็น อุทยานแห่งชาติรามคำแหง เพื่อรำลึกถึงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์ผู้สร้างอดีต
ราชธานีไทยแห่งนี้
สภาพทวั่ ไป
อุทยานแห่งชาติรามคำแหงมีลักษณะภมู ิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน ทอดตัวอยู่ในแนว
เหนือ-ใต้ ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นราบคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ โดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่งนา มี
ขุนเขาที่สูงเด่นมองเห็นมาแต่ไกล คือ ยอดเขาหลวง ภายในอุทยานฯ มีสัตว์ป่า เช่น วัวแดง เก้ง
หมี หมูป่า นกกระเต็น และนกนางแอ่น พรรณไม้ที่สำคัญได้แก่ สัก ตะเคียน เต็ง รัง พืชสมุนไพร
และว่าน มีน้ำตกที่สวยงาม และถ้ำต่างๆ ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สภาพอากาศบนยอดเขา
หนาวเย็นตลอดปี มีเมฆหมอกปกคลุมมากในฤดูหนาวและฤดูฝน อุณหภูมิเฉลี่ยโดยประมาณ
๑๒-๑๔ องศาเซลเซยี ส