The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เพลงกล่อมเด็ก ๔ ภาค

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sudarat Chanthong, 2023-02-18 02:45:52

เพลงกล่อมเด็ก

เพลงกล่อมเด็ก ๔ ภาค

เพลงกล่อมเด็ก Nursery rhymes thai


ความเป็นมาเพลงกล่อมเด็ก เพลงกล่อมเด็กหรือเพลงกล่อมลูกเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ และค่านิยมของคนในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งในทุกชาติทุกภาษาในโลกก็จะมีบทเพลงกล่อมเด็ก สันนิษฐานว่าเพลงกล่อมลูกหรือเพลงกล่อมเด็กมีวิวัฒนาการของเพลงมาจากการเล่านิทานให้ เด็กฟังก่อนนอนในลักษณะคำ กลอนหรือเป็นเพลงกล่อมซึ่งจะเป็นกลอนชาวบ้านไม่มีแบบแผน แน่นอน จะมีเพียงแต่สัมผัสคล้องจองถ้อยคำ ที่ใช้ในบางครั้งอาจจะไม่มีความหมายเนื้อเรื่องก็จะ เป็นเกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หรือเรื่องราวต่าง ๆที่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งสะท้อนให้ เห็นความรัก ความห่วงใยเพลงกล่อมลูกถือเป็นคติชาวบ้านที่ใช้ภาษาเป็นสื่อ เป็นวรรณกรรมที่ ไม่มีการเขียนหรือบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อาศัยการท่องจำ และบอกเล่าตกทอดจากรุ่นปู่ รุ่นย่าสู่รุ่นพ่อรุ่นแม่ สืบทอดไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน


ความเป็นมาเพลงกล่อมเด็ก บรรดาแม่ทั้งหลายปลอบโยนให้ลูกนอนหลับด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม ชอบจูบลูก ชอบจับแขนลูกมาไว้ในมือ คอยโอบอุ้มเอาอกเอาจอยู่ เสมอ ปากก็พร่ำ รำ พันด้วยความรัก ความเอ็นดูต่างๆนานา เช่น เรียก ลูกว่าคนดีของแม่ ลูกรักของแม่ ทูนหัวของแม่ ดวงใจของแม่ ฯลฯ ครั้นเมื่อลูกๆโตขึ้นไปแล้ว ลูกๆก็จะช่วยกันเป็นบริวารแวดล้อมของ พ่อแม่ไว้ ถ้าพ่อแม่มีลูกหลานหลายคน ก็ยิ่งเป็นอันแน่ใจได้เลยว่า ตนจะไม่ต้องว้าเหว่ในวัยชรา พวกลูกๆหานๆทั้งหลายเล่าก็จะเคารพ รักปู่ย่าตายาย และปู่ย่าตายายก็มักจะตามใจหลานๆของตนเสียด้วย สังคมของครอบครัวไทยเรามักจะป็นเช่นนี้ เพราะความสำ คัญของเด็กเช่นนี้เอง มรดกแห่งสังคมของไทยส่วนหนึ่งของ ไทยเราซึ่งก็คือวัฒนธรรมที่สังคมของเรายอมรับแล้ว จึงได้มีความพยายาม หลายๆประการที่จะทำ ให้วัฒนธรรมของเราในการกล่อมเด็กหรือปลอบเด็ก มีความเจริญงอกงาม จนเป็นผลสำ เร็จขึ้นมาในรูปของ “ บทกลอนกล่อม เด็ก หรือ เพลงกล่อมเด็ก ” เป็นเวลามาช้านานแล้วบทเห่กล่อมจัดได้ว่าเป็ โคลงกลอนประเภทแรกที่เด็กได้ยิย ได้ฟัง และได้รู้จัก ทุกชาติทุกภาษา ต่างก็มีบทเห่กล่อมของตนใช้ขับกล่อมให้เด็กหลับด้วยวิธีการอันนุ่มนวล แต่ละบทแต่ละตอนล้วนแสดงให้เห็นคุณงามความดีประจำ ชาติไทยเรา หลายต่อหลายประการ เช่น ความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอนความรักและทะนุ ทะนอมเด็ก ความรักสนุก ความช่างล้อช่างเล่น รื่นเริง ความมีคติธรรมใน จิตใจ ฯลฯ


ความเชื่อ ความหมาย เพลงกล่อมเด็ก คือเพลงที่ผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคนเลี้ยงเด็กร้องกล่อมเพื่อ ให้เด็กนอนหลับไม่กวน ไม่ร้องให้เนื้อหาใจความส่วนใหญ่ของเพลง กล่อมเด็กมักจะแสดงถึงความรักความห่วงใยของพ่อแม่ และความน่า รักน่าเอ็นดูของเด็ก “ ...บางเพลงยังสะท้อนภาพของสังคมในท้อง ถิ่นเช่น การทำ มาหากิน ค่านิยมในการครองเรือน ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีเหตุการณ์บ้านเมืองในเวลานั้น ...” หรืออาจ กล่าวได้ว่าบทเพลงเหล่านี้บางเพลงได้บันทึกเรื่องราวของคนในท้อง ถิ่นไว้ด้วย นั่นเอง ช่วยทำ ให้เด็กได้รับความอบอุ่นใจ อีกทั้งยังถ่ายทอดภาพ ความรัก ความผูกพันห่วงใย ยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูกน้อย


เพลงกล่อมเด็กภาคกลาง บทเพลงกล่อมเด็กภาคกลางส่วนใหญ่เป็นเพลงสั้นๆ ใช้ ถ้อยคำ เรียบง่ายและคล้องจองกัน มุ่งเน้นการเห่กล่อมให้ เด็กนอนหลับ ปลอบให้เด็กหยุดร้องไห้ บอกกล่าวถึงความ รัก ความห่วงใย แสดงความเอ็นดู โดยใช้คำ เรียกขานเด็ก ที่แตกต่างหลากหลายไป เพลงกล่อมเด็กภาคกลางไม่ได้ เป็นเพียงบทร้องสั้นๆ ที่มีเนื้อหาเห่กล่อมเด็กเท่านั้น แต่ ยังนำ เรื่องราวจากธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน สังคมขณะนั้น มาแต่งขึ้นเป็นเพลงใช้ร้องกล่อมเด็ก อีก ด้วย ตัวอย่างเพลงกล่อมเด็กภาคกลาง “ วัดเอยวัดโบสถ์ ปลูกข้าวโพดสาลี ลูกเขยตกยาก แม่ยายก็พรากลูกสาวหนี โอ้ข้าวโพดสาลี ป่านฉะนี้จะโรยรา ”


เพลงกล่อมเด็กภาคเหนือ ตัวอย่างเพลงกล่อมเด็กภาคเหนือ อื่อ จาจา อื๊ อื่อ จาจา หลับสองต๋า แม่นายมา คำ หล้า ค่อยตื่น หลับบ่ชื่น ค่อยหลับแถม ฉันลักษณ์ของเพลงกล่อมเด็กภาคเหนือ เรียกว่า " คำ ร่ำ " หมายการร่ำ พรรณนา มีเสียงไพเราะ สูง ต่ำ ตามเสียง วรรณยุกต์ ในสมัยพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ในภาคเหนือ มักจะใช้ขับกล่อมสอนลูกหลานขณะอุ้มเด็ก นั้งชิงช้า แกว่งไกวช้าๆจน เด็กง่วงนอนนั่นเอง เพลง อื่อ ลูก


เพลงกล่อมเด็กภาคใต้ ตัวอย่างเพลงกล่อมเด็กภาคใต้ ในบรรดาภาษาถิ่น ภาษาใต้เป็นภาษาถิ่นที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักมาก ที่สุดเพราะมีสำ เนียงที่เป็น เอกลักษณ์ชัดเจนที่สุด เช่นเดียวกับเพลง กล่อมลูกภาคใต้ที่มีทำ นองและลีลาเด่นเป็นของตนเอง เพลงกล่อมลูกภาค ใต้ มีชื่อเรียก ๔ อย่าง คือ เพลงร้องเรือ เพลงชาน้อง หรือเพลงช้าน้อง เพลงเสภา และเพลงน้องนอน ลักษณะเด่นของทำ นองกล่อมลูกภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประเภทใดคือมักจะขึ้นต้นเพลงด้วยคำ ว่า " ฮา เอ้อ " หรือ มีคำ ว่า " เหอ " แทรกอยู่เสมอในวรรคแรกของบทเพลง แล้วจึงขับกล่อมไป ช้าๆ เหมือนภาคอื่นๆ เพลงกล่อมเด็กภาคใต้มีจุดประสงค์และโอกาสการ ใช้กว้างขวาง จำ นวนเพลงจึงมีมากถึง ๔,๓๐๐ เพลง นับว่ามากกว่าทุกภาค ในประเทศ เพลงนกเขียว นกเขียวเหอ เกาะเรียวไม้พุก พ่อแม่อยูหนุก โลกไปใช้นาย ฝนตกฟ้าร้อง พ่อแม่เขาอยูหนุกบาย


เพลงกล่อมเด็กภาคอีสาน ตัวอย่างเพลงกล่อมเด็กภาคอีสาน นอนสาหล่า นอนสาหล่าหลับตาแม่ซิก่อม แม่ไปไฮ่สิเอาไข่มาหา แม่ไปนาสิเอาลามาต้อน แม่เลี้ยงหม่อนอยู่ป่าสวนหม่อน แม่ไปไฮ่เห็นไก่เขี่ยมา แม่ไปนาเห็นควายกินกล้วย เห็นกระแตไต่ขอน จอนฟอนไต่ไม้ส่าว แม่หม้ายเฮ็ดเพศเหลือตัว หมากน้ำ เต้าห้อยแกว่งฝาเฮือน เป็นวัฒนธรรมมุขปาฐะที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนานจึงมีหลาน สำ เนียง ถ้าเป็นอีสานตอนเหนือจะมีสำ เนียงคล้ายลาว ถ้าเป็นอีสาน ตอนใต้ จะมีสำ เนียงคล้ายเขมร แต่เพลงกล่อมลูกที่แพร่หลายและ ยอมรับว่าเป็นเอกลักษณ์ของอีสาน จะเป็นสำ เนียงตอนเหนือและมักจะ ขึ้นต้น ด้วยคำ ว่า นอนสาหล่า หรือ นอนสาเด้อ หรือ นอนสาแม่เยอ


คุณค่าด้านประวัติศาสตร์ ในเพลงกล่อมเด็กจะมีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต นำ มาใช้ ร้องในเพลงกล่อมเด็ก เพื่อให้เด็กได้รับรู้เหตุการณ์ใน ประวัติศาสตร์ตอนนั้นๆ เช่นเพลง วัดโบสถ์ ๓.๑ ด้านการคมนาคม จากเพลงกล่อมเด็กทำ ให้เรารู้ว่าในสมัยก่อน การคมนาคมยังไม่ เจริญเหมือนในปัจจุบัน เวลาเดินทางจะใช้เรือ หรือถ้าเดินทางทางบกจะใช้เกวียน ๓.๒ด้านการทำ มาหากิน ในเพลงกล่อมเด็กจะแสดงให้เห็นถึงอาชีพของคนไทยตั้งแต่ โบราณมาว่า มีอาชีพเป็นเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ มีการเพาะปลูกเช่น ปลุกข้าว ปลูก ข้าวโพด ๓.๓ด้านความรักของพ่อแม่ จากเพลงวัดโบสถ์ข้างต้นนอกจากจะพูดถึงการประกอบอาชีพ ของคนไทยแล้ว ในเพลงกล่อมเด็กจะยังมีเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงความรัก ความห่วงใย และความผูกพัน เอาใจใส่ของแม่ที่มีต่อลูก เช่น เมื่อคนเป็นแม่เห็นว่าลูกของตนลำ บาก จากชีวิตคู่ ก็อยากที่จะพากลับมาดูแลเอง ๓.๔ ด้านความรักหนุ่มสาวในเพลงกล่อมเด็กนอกจากจะพูดถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูกก็ ยังพูดถึงความรักของหนุ่มสาวและการตัดพ้อต่อว่ากัน เช่น เพลงพี่รักพี่มา ดังนี้ คุณค่าเพลงกล่อมเด็ก คุณค่าด้านธรรมชาติวิทยา เพลงกล่อมเด็กมักจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับสัตว์ อาจเป็นเพราะคนสมัยก่อน มีความช่างสังเกต สนใจสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว แล้วนำ มาผูกเป็นเรื่อง เป็นราวนำ มาเป้นเพลงกล่อมเด็ก เพื่อให้เด็กได้รู้ในสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ เด็ก บางเพลงได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของสัตว์ เช่นลักษณะ ทางกายภาพของสัตว์ การออกลูกของสัตว์ การกินอาหารของสัตว์ การ เคลื่อนไหวของสัตว์ การเลี้ยงลูกของแม่สัตว์ เช่นเพลง นกกาเหว่า


คุณค่าด้านความเพลิดเพลิน ในเพลงกล่อมเด็กทุกเพลงมักก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน มีความตลกขบขัน ไม่ว่าจะมาจากเนื้อหาของเพลง หรือทำ นองของ เพลงเช่นเพลง นอนสาเด้อ คุณค่าด้านคติสอนใจ เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็กหลายบท มักสอดแทรกคติเตือนใจ คำ สั่งสอนต่างๆ เช่น การรักนวลสงวนตัวของผู้หญิง การรักษาความสะอาด การใช้ชีวิตครอบครัว ความขยันขันแข็ง บอกเล่าตัวอย่างพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ผลของการทำ กรรมชั่ว ทำ ให้ผู้ที่ได้ฟังซึ่งอาจเป็นเด็ก โต หนุ่มสาวหรือชาวบ้านในชุมชนได้ข้อคิดและตระหนักถึงการประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสม และพยายามเป็นคนดีของสังคม เช่นเพลงไก่ขัน คุณค่าด้านสังคม เพลงกล่อมเด็กสะท้อนให้เห็นถึงสังคมในสมัยก่อน บางเพลงก็มีการเสียดสีสังคมในสมัย นั้นผ่านเพลงกล่อมเด็ก ซึ่งอาจมีเนื้อหาที่รุนแรง ดังนี้ คุณค่าด้านวรรรคดีและวรรณกรรม เพลงกล่อมเด็กมีเนื้อหาแสดงให้เห็นถึงวรรณคดีและวรรณกรรมท้องถิ่นที่นิยมแพร่หลายใน สมัยนั้น สะท้อนให้เห็นว่าเพลงกล่อมเด็กมี่อิทธิพลต่อเพลงกล่อมเด็ก เช่น เพลงเจ้าสังข์ คุณค่าด้านคำ ศัพท์และภาษาถิ่น ในเพลงกล่อมเด็กมีคำ ศัพท์และภาษาถิ่นอยู่ในบทเพลงเพราะเพลงกล่อมเด็ก ถ่ายทอดผ่านการร้องการพูด และการฟัง เนื่องจากเพลงกล่อมเด็กพบได้ในทุกภาคใน ประเทศไทย แต่ละภาคจึงนิยมใช้ภาษาถิ่นของตนเองในการสร้างเพลงกล่อมเด็กขึ้นมา เช่น เพลงหลับสองต๋า คุณค่าเพลงกล่อมเด็ก คุณค่าด้านประเพณีและศิลปะวัฒนธรรม ในเพลงกล่อมเด็กทำ ให้เรารู้วาสคนไทยสมัยก่อนมีความ สามารถในการช่าง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีความสามารถในเรื่องการครัว และการเย็บปักถักร้อยต่างๆ เช่นเพลง นางประทุม


นอกจากจะมีคุณหลายด้านแล้วจากที่ได้กล่าวมาในหัวข้อคุณค่าของเพลงกล่อมเด็ก แต่ยังมีอีก คือคุณค่าด้านภาษาที่ครูสามารถนำ มาใช้สอนในวิชาภาษาไทย ได้หลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทักษะการฟัง การอ่าน และการเขียน เรื่องของความรู้ใน การใช้ภาษาและความรู้ในเรื่องของวรรณคดี เรื่องการฟัง อ่านและเขียน ครูสามารถใช้เพลงกล่อมเด็กเป็นความรู้ในการสอนวิชาภาษาไทยได้ ดังนี้ การฟัง เช่น ครูร้องเพลงกล่อมเด็กให้เด็กนักเรียน ให้เด็กนักเรียนจับใจความสำ คัญจาก เพลงกล่อมเด็กที่ครูร้องให้ฟัง การอ่าน เช่น ครูให้เด็กนักเรียนอ่านออกเสียงจากเพลงกล่อมเด็กที่คุณครูนำ มาให้อ่าน การเขียน เช่น ครูให้เด็กนักเรียนเขียนคัดลายมือโดยใช้เพลงกล่อมเด็กเป็นแบบฝึกคัด ลายมือ การนำ เพลงกล่อมเด็กมาใช้สอนในวิชาภาษาไทย ชนิด นิ และหน้า น้ ที่ขที่ องคำ ในเพลงกล่อ ล่ มเด็ก ด็ มีชมี นิด นิ ของคำ มากมายครบทุก ทุ ชนิด นิไม่ว่ ม่ า ว่ จะ เป็น ป็ คำ นาม คำ สรรพนาม คำ กริย ริ า คำ วิเ วิ ศษณ์คำ บุพ บุ บท คำ สัน สัธาน คำ อุท อุ าน ฯ ครู สามารถใช้เ ช้ พลงกล่อ ล่ มเด็ก ด็ในการแสดงตัว ตั อย่า ย่ ง หรือ รืใช้เ ช้ป็น ป็ แบบทดสอบเรื่อ รื่ งชนิด นิ ของ คำ ได้ ร้อยกรอง เพลงกล่อมเด็กบางเพลงจะแต่งโดยใช้ฉันทลักษณ์ของ ร้อยกรองหลายๆชนิด เช่นกาพย์ยานี ๑๑, กลอนสี่ ครูสามารถนำ เพลงกล่อมเด็กมาใช้สอนใช้สอนในเรื่องร้อยกรองได้ เรื่อ รื่ งประโยค ในเพลงกล่อ ล่ มเด็ก ด็ มีปมีระโยคหลายชนิด นิ ที่ปที่รากฏไม่ว่ ม่ า ว่ จะเป็น ป็ การแบ่ง บ่ ตามลักลั ษณะของ ข้อ ข้ ความในประโยค เช่น ช่ ประโยคบอกเล่า ล่ ประโยคปฏิเ ฏิ สธประโยคคำ ถาม หรือ รื แบ่ง บ่ ตามชนิด นิ ของ ประโยคเช่น ช่ ประโยคสามัญมั ประโยคความรวมประโยคความซ้อ ซ้ นดัง ดั นั้น นั้ครูจึ รู ง จึ สามารถนำ เพลงกล่อ ล่ ม เด็ก ด็ มาใช้ใช้ นการสอนเรื่อ รื่ งประโยคได้


การสร้างคำ ในภาษาไทยมีการสร้างคำ ได้หลากหลายเพื่อให้ คำ มีความหมายแตกต่างกันออกไป เช่น คำ ประสม คำ ซ้อน คำ ซ้ำ คำ สมาส ในเพลงกล่อมเด็กเองก็จะมีคำ เหล่านี้ มากมายปรากฏอยู่ในเนื้อเพลง กลุ่มคำ หรือวลี หมายถึง ข้อความที่เกิดจากการนำ คำ ตั้งแต่ ๒ คำ ขึ้นไปมา เรียงติดต่อกันและทำ ให้เกิดคำ ที่มีความหมายซึ่งสามารถเป็นที่เข้าใจได้ แต่ “ คำ หรือวลี ” จะยังไม่ได้ใจความสมบูรณ์ ซึ่งในเพลงกล่อมเด็กก็จะ มีกลุ่มคำ หรือวลีปรากฏอยู่ในเนื้อเพลง คำ เป็นคำ ตาย ในเพลงกล่อมเด็กจะมีคำ เป็นคำ ตายปรากฏอยู่ ครูสามารถ ใช้เพลงกล่อมเด็กในการสอนเรื่องคำ เป็นคำ ตายได้ ภาษาถิ่นกับวัฒนธรรม ภาษาถิ่นมีคุณค่าต่อวัฒนธรรมไทย เพราะภาษา ถิ่นเป็นเครื่องแสดงให้เห็นที่มาและความหมายที่แท้จริงของคำ และ ประเพณีต่าง ๆ ของประเทศไทย ในแต่ละภาคก็จะมีการนำ ภาษาถิ่น ของตนเองมาใช้สร้างเพลงกล่อมเด็ก ครูสามารถใช้เพลงกล่อมเด็กใน การสอนเรื่องภาษาถิ่นได้


กลุ่ม ๔ เพลงกล่อมนอน นางสาวสุดารัตน์ บุญแจก ๖๒๐๔๐๐๔๓๓๔ นายนิรันดร์ ศิริเมฆ ๖๒๐๔๐๑๖๓๔๖ นางสาวเกวลิน อ่อนคูณ ๖๓๐๓๐๑๘๒๖๘ นางสาวสุดารัตน์ จันทร์ทอง ๖๓๐๔๐๐๑๒๐๖ นางสาวธิดารัตน์ แก่นจันทร์ ๖๓๐๔๐๐๑๓๙๖


Click to View FlipBook Version