The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by amfinels4, 2021-12-02 23:22:03

คู่มื่อฝึกทักษะภาษาไทย

คู่มือฝึกทักษะภาษามลายูถิ่น



และทักษะการสื่อสารภาษาไทย


























































ต ำแหนงครู วิทยฐำนะครูช ำนำญกำร








ศูนย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยอ ำเภอสุไหงปำดี


ส ำนักงำนส่งเสริมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย

จังหวัดนรำธิวำส




คำนำ
เอกสารคู่มือฝึกทักษะภาษามลายถิ่นและทักษะการสื่อสารภาษาไทย กศน.อำเภอสุไหงปาดี ได้จัดทำ

ขึ้นสำหรับสถานศึกษา ได้นำไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินกิจกรรม เพอให้มีคุณภาพด้านความรู้
ื่

ื่
และทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงและแสวงหาความรู้เพอพฒนาตนเอง
อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ทั้งนี้ เพอเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้มีความรู้ ความสามารถในการใช้
ื่
ภาษาอังกฤษในการฟัง พูด อ่าน เขียน เพอใช้ในการติดต่อ สื่อสารในชีวิตประจำวัน นำไปสู่การประกอบอาชีพ
ื่
และสามารถใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุข

ในการนี้ กศน.อำเภอสุไหงปาดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มอฝึกทักษะภาษามลายถิ่นและทักษะการสื่อสาร

ภาษาไทยที่จัดทำขึ้น จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้กิจกรรมและสามารถนำไปประยุต์ใช้ใน
ชีวิตประจำวันและเกิดประโยชน์สูงสุด


กศน.อำเภอสุไหงปาดี




สารบัญ
หน้า

คำนำ ก
สารบัญ
บทที่ 1 ทักษะการสื่อสาร 1
บทที่ 2 ทักษะการเขียน ๕


บทที่ 3 ทักษะการอาน 13







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 1

บทที่ 1 ทักษะการสื่อสาร
กล่าวทักทาย


ภาษาถิ่น ภาษาไทย
มาแกนาซิ กินข้าว

สลามัตปาก ี สวัสดีตอนเช้า
สลามัตปือตัง สวัสดีตอนบ่าย
สลามัตมาลัม สวัสดีตอนกลางคืน/ราตรีสวัสดิ์

มาอฟ ขอโทษ

ตรีมอกาแซะห์ ขอบคุณ
ซลามัต+ยาแล เดินทางโดยสวัสดิภาพ

ซลามะยูปอ ยินดีที่ได้พบกัน
ซลามะตีงา ลาก่อน
ซลามะฮารีรายอ สุขสันวันรายอ

ยูปอ ซือมูลา แล้วเจอกันใหม่
มาซอ ดะแป โอกาสหน้า

แนะนำตัวเอง


ภาษาถิ่น ภาษาไทย
อามอ,ซายอ,อากู ฉัน,ผม
แดมอ เธอ,คุณ

ดียอ เขา
กีตอ เรา
ซาปอ ใคร

นามอ ชื่อ
บากอ นามสกุล
มานอ ที่ไหน

อาปอ อะไร
อาปอ คอบา สบายดีหรือ
คอบา บาย-เอะ สบายดี

นามอ อาปอ ชื่ออะไร
นามอ ซายอ ฉันชื่อ
โดะ ดี มานอ อยู่ไหน

โดะ วะ อาปอ ทำอะไร
เมาะ,แมะ แม่
เปาะ,อาเยาะ พ่อ

อาเนาะ ลูก







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 2

ศัพท์ทั่วไป

ภาษาถิ่น ภาษาไทย
ยาเงาะ สวย
จอแม น่ารัก

นาระยอ น่ารักจัง
อีเง๊ะ คิดถึง
กาแซะห์มู รักเธอ
ซายอกาเซะห์แดมอ ฉันรักเธอ

ซายอ อีงะ แดมอ ซีแย มาแล ฉันคิดถึงเธอทั้งวันทั้งคืน
ลาปานาซิ หิวข้าว
ลาปาอาย หิวน้ำ

อาดอ มี
ตะเด๊าะ ไม่ม ี
อีบู ดัน บาเปาะ แม่และพ่อ

กาวัน เพื่อน
ดูวิ เงิน/เบี้ย


คำถามทั่วไป

ภาษาถิ่น ภาษาไทย
นามออาปอ ชื่ออะไร
มารีมานอ มาจากไหน
มาแกนาซิลากี กินข้าวหรือยัง

กีตอมากันเดาะห์ เรากินแล้ว
งายี มาดะ กะปอ เรียนวิชาอะไร
เนาะกมานอ จะไปใหน

เนาะกาเจะดืองา ขอพูดกับ


ร่างกายของเรา

ภาษาถิ่น ภาษาไทย

ดูโบะฮ บาแด ร่างกาย
กปาลอ หัว,ศรีษะ
ราโมะ ผม
มูกอ หน้า

ดาฮ ี หน้าผาก
กือนิง คิ้ว

มาตอ ดวงตา







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 3

ภาษาถิ่น ภาษาไทย
ฮีดง จมูก
ซาเกะ ปวด,เจ็บ
อูแบ หงอก
กูเละ ผิวหนัง

บูลู ขน
ตือเกาะ คอ
ปือโระ ท้อง

ปูซะ สะดือ
ปีแง เอว
ลือแง แขน

ตาแง มือ
ยารี นิ้ว
กาก ี เท้า

ซีก ู ข้อศอก
ตาเปาะ ตาแง ฝ่ามือ
บูกู ตาแง ข้อมือ

ปูงง ก้น
ปาแป ปูงง ตะโพก
บือติฮ น่อง

ยารี กาก ี นิ้วเท้า
ปีปี แก้ม
มูโล๊ะ ปาก
ฆีฆ ี ฟัน







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 4

ตัวอย่างบทสนทนาการทักทายและแนะนำตัว
อะฮาหมัด : สวัสดีครับ เป็นอย่างไรบ้าง คุณลุงสบายดีไหม / อัซซาลามูอาลัยกุม อาปอกาบา เปาะจิ แซฮะ?

ลุงอาตัน : สวัสดี ก็สบายดี ขอบใจนะ แล้วคุณล่ะ / วาลัยกุมมุซซาลาม กาบา บา เวาะ ลากูเอะตือรีมอ กาเซะฮ
อา มานอ?

อะฮาหมัด : ผมก็สบายดีครับ ขอบคุณครับ / ซายอ ยูเกาะ แซฮะ ตือรีมอกาเซะฮ
ลุงอาตัน : แล้วนี่มาหาใคร / ปะฮนิฮ มารี จารี ปียอ?

อะฮาหมัด : ผมชื่ออะฮหมัด ผมมาหาสุกรี เขาอยู่ไหมครับ / ซายอ นามอ อะฮมะ ซายอ มารี จารี สุกรี ดียอ
อาดอกือเดาะ?

ลุงอาตัน : ลุงเป็นพ่อของสุกรี เขาอยู่ในบ้าน เข้ามาซิ / เปาะจิ อาเยาะฮ สุกรี ดียอ โดะ ดาแล อูเมาะฮ มาโซะ
ลา

บทสนทนาเกี่ยวกับการค้าขาย

A : อาดอ ซลีปา ญูวา กือเดาะ / มีรองเท้าแตะขายไหม

B : อาดอ อาเด๊ะ เนาะ ไซฮ์ บราปอ / มี น้องจะเอาขนาดไหน
A : อาดอ จ๊ะ ฆาปอ ฆาเต๊ะ / มีสีอะไรบ้าง
B : จ๊ะ ฮีแต ปูเต๊ะห์ บีรู ดืองา ฮียา / มีสีดำขาวน้ำเงินและเขียว

A : อามอ เนาะ จ๊ะ บีรู / ผมต้องการสีน้ำเงิน
B : แดมอ ปากา ไซส์ บราปอ / คุณใส่ไซส์เท่าไร

A : ตีฆอ ปูโล๊ะห์ ลาแป / สามสิบแปด
B : ฮาฆอ บราปอ โก๊ะ / ราคากี่บาท

A : แน ปูโล๊ะห์ ซมีแล / หกสิบเก้าB : วะปอ มาฮา ซางะ / ทำไมแพงเหลือเกิน
A : มอดา มาฆี มาฮา / ต้นทุนมาแพง

B : ตาวา ซีกิ๊ บูเละห์ กือเดาะ / ต่อหน่อยได้ไหม
A : มีเตาะ กูแฆ ซีกิ๊ แดะห์ / ขอลดหน่อยนะ
B : ตาวา เตาะเลห์ เดาะห์ / ต่อไม่ได้แล้ว

A : กะแว ตะเดาะ อูตง มานอ / พี่ไม่ได้กำไรเท่าไร
B : ซูมอ บราปอ / ทั้งหมดเท่าไร







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 5

บทที่ 2 ทักษะการเขียน

การเขียนเป็นการแสดงความคด ความรู้สึก ความรู้ ให้ปรากฏเป็นลายลักษณ์อกษรเพื่อสื่อความหมาย

ให้ผู้อ่านเข้าใจในเจตนาของผู้เขียน งานเขียนที่ดีควรจะมีลักษณะดังนี้
1. ชัดเจน ผู้เขียนต้องเลือกใช้คำที่มีความหมายเด่นชัด อ่านเข้าใจง่าย ไม่คลุมเครือ
2. ถูกต้อง ในการเขียนต้องคำนึงถึงความถูกต้องทั้งในด้านการใช้ภาษา ความนิยมและเหมาะสม
กับกาลเทศะ

3. กะทัดรัด ท่วงทำนองการเขียนจะต้องมีลักษณะใช้ถ้อยคำน้อยแต่ได้ความหมายชัดเจน
4. มีน้ำหนัก งานเขียนที่ดีต้องมีลักษณะเร้าความสนใจ สร้างความประทับใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการ
เน้นคำการเรียงลำดับคำในประโยค การใช้ภาพพจน์

5. มีความเรียบง่าย งานเขียนที่ใช้คำธรรมดาที่เข้าใจง่าย ไม่ใช้คำฟุุมเฟือย ไม่เขียนอย่างวกวน
ไม่ใช้คำปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ จะมีผลทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจและเกิดความรู้สึกกับงานเขียนนั้นได้ง่าย
ภาษาพูด คือ ภาษาเฉพาะกลุ่ม หรือเรียกว่า ภาษษปาก เช่น พวกภาษากลุ่มวัยรุ่น บางครั้งฟังแล้วดู
ไม่สุภาพ มักใช้พูดระหว่างคนที่สนิทสนมกันมากๆ

ภาษาเขียน คือ ภาษาเขียนที่ลักษณะเคร่งครัด ในหลักทางภาษา เรียกว่า ภาษาแบบแผน ระดับไม่เคร่งครัด
มากนัก เรียกว่า ภาษากึ่งแบบแผน หรือ ภาษาไม่เป็นทางการ


ตัวอย่างเปรียบเทียบภาษาพูดและภาษาเขียน

๑.ภาษาพูดเป็นภาษาเฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะวัย เช่น

วัยโจ๋ = วัยรุ่น
เจ๋ง = เยี่ยมมาก
แห้ว = ผิดหวัง

เดี้ยง = พลาดและเจ็บตัว
มั่วนิ่ม = ทำไม่จริงจังและปิดบัง
๒.ภาษาพูด มักเป็นภาษาไทยแท้ คือ ภาษาชาวบ้าน เข้าใจง่าย เป็นภาษากึ่งแบบแผน เช่น

ผัวเมีย = สามี ภรรยา
ดาราหนัง = ดาราภาพยนตร์

ปอดลอย = หวาดกลัว
๓.ภาษาพูดมักเปลี่ยนแปลงเสียวสระและเสียงพยัญชนะ รวมทั้งนิยมตัดคำให้สั้นลง เช่น
เริ่ด = เลิศ

เพ่ = พี่
จิงอะป่าว = จริงหรือเปล่า

๔.ภาษาพูด ยืมคำภาษาต่างประเทศ และมักตัดคำให้สั้นลง เช่น
เว่อร์ (Over) = เกินควร เกินกำหนด
จอย (Enjoy) = สนุก เพลิดเพลิน

ก๊อบ(Coppy) = สำเนา ต้นฉบับ







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 6


ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียน
เป็นการยากที่จะตัดสินว่า คำใดเป็นภาษาพูด คำใดเป็นภาษาเขียน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกาลเทศะในการ
ใช้คำนั้นๆ บางคำก็ใช้เป็นภาษาเขียนอย่างเดียว บางคำก็ใช้พูดอย่างเดียว และบางคำอยู่ตรงกลางคืออาจ


เป็นทั้งภาษาพดและภาษาเขียนก็ได้ ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียนพออธิบายได้ดังนี้
๑. ภาษาเขียนไม่ใช้ถ้อยคำหลายคำที่เราใช้ในภาษาพูดเท่านั้น เช่น เยอะแยะ โอ้โฮ จมไปเลยแย่ ฯลฯ

๒. ภาษาเขียนไม่มสำนวนเปรียบเทียบหรือคำสแลงที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับในภาษาเช่น ชักดาบ พลิกล็อค

โดดร่ม

๓. ภาษาเขียนมีการเรียบเรียงถ้อยคำที่สละสลวยชัดเจน ไม่ซ้ำคำหรือซ้ำความโดยไม่จำเป็น ในภาษา
พูดอาจจะใช้ซ้ำคำหรือซ้ำความได้ เช่น การพูดกลับไปกลับมา เป็นการย้ำคำหรือเน้นข้อความนั้นๆ

๔. ภาษาเขียน เมื่อเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนไม่มีโอกาสแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าเป็นภาษา
พูด ผู้พูดมีโอกาสชี้แจงแก้ไขในตอนท้ายได้ นอกจากนี้ยังมีข้อแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษา
เขียนอีกหลายประการ คือ

๑) ภาษาเขียนใช้คำภาษามาตรฐาน หรือภาษาแบบแผน ซึ่งนิยมใช้เฉพาะในวงราชการ
หรือในข้อเขียนที่เป็นวิชาการทั้งหลายมากกว่าภาษาพูด เช่น


ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาพูด ภาษาเขียน
หมา สุนัข หนัง ภาพยนตร์ ขอมั่ง ขอบ้าง

หมู สุกร กิน รับประทาน กิโล กิโลกรัม
ควาย กระบือ ตาย ถึงแก่กรรม เจ็บฟัน ปวดฟัน
หมอ แพทย์ ปวดหัว ปวดศรีษะ กินข้าว รับประทานอาหาร
เรือบิน เครื่องบิน ตัง เงิน รถโดยสาร รถโดยสารประจำทาง

ไฟไหม้ เพลิงไหม้ ยังไง อย่างไร ไปหาหมอ ไปพบแพทย์

ี้
๒) ภาษาพูดมักจะออกเสียงไม่ตรงกับภาษาเขียน คือ เขียนอย่างหนึ่งเวลาออกเสียงจะเพยนเสียงไป
เล็กน้อย ส่วนมากจะเป็นเสียงสระ เช่น

ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาพูด ภาษาเขียน

ชั้น ฉัน เค้า เขา แมงวัน แมลงวัน
เท่าไหร่ เท่าไร ไม้(มั้ย) ไหม เนี่ะ นี่

ซาอาด สะอาด เร้อะ เหรอ มาลากอ มะละกอ

๓) ภาษาพูดสามารถแสดงอารมณ์ของผู้พูดได้ดีกว่าภาษาเขียน คือ มีการเน้นระดับเสียงของคำ

ให้สูง-ต่ำ-สั้น-ยาว ได้ตามต้องการ เช่น

ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาพูด ภาษาเขียน

ต๊าย ตาย บ๊า บ้า ช่าย ใช่
ปล่าว เปล่า ไป๊ ไป รึ(เร้อะ) หรือ
ลุ้ง ลุง หร้อก ม่ะ มา
หรอก







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 7


๔) ภาษาพูดนิยมใช้คำช่วยพูดหรือคำลงท้าย เพื่อช่วยให้การพูดนั้นฟังสุภาพและไพเราะยิ่งขึ้น เช่น
ไปไหนคะ ไปตลาดค่ะ รีบไปเลอะ ไม่เป็นไรหรอก นั่งนิ่งๆ ซิจ๊ะ

๕) ภาษาพูดนิยมใช้คำซ้ำ และคำซ้อนบางชนิด เพื่อเน้นความหมายของคำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
คำซ้ำ : ดี๊ดี เก๊าเก่า ไปเปย อ่านเอิ่น ผ้าห่มผ้าเหิ่ม กระจกกระเจิก อาหงอาหาร
คำซ้อน : มือไม้ ขาวจั้ะ ดำมิดหมี แข็งเป็ก เดินเหิน ทองหยอง……


ภาษาพูด ภาษาเขียน
๑. เป็นไง ๑.เป็นอย่างไร

๒. เอาไงดี ๒.ทำอย่างไรดี
๓. จริง ๆ แล้ว ๓.อันที่จริง
๔. งานยุ่งชะมัด ๔.มีงานมาก

๕. ขนุนลูกนี้อร่อยจัง ๕.ขนุนลูก (ผล) นี้อร่อยมาก
๖. ที่ริมคลองมีต้นไม้เยอะแยะเลย ๖.ที่ริมคลองมีต้นไม้มากมายหลายชนิด
๗. ข้อสอบนี้กล้วยมาก ๗.ข้อสอบนี้ง่ายมาก







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 8


คำไทยที่มักเขียนผิด







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 9


คำไทยที่มักเขียนผิด(ต่อ)







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 10


คำไทยที่มักเขียนผิด(ต่อ)







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 11

คำไทยที่มักเขียนผิด(ต่อ)







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 12

แบบฝึกทักษะเรื่องการเขียน


คำชี้แจง ๑. จับคู่และสลับกันอ่านและเขียน โดยบอกคำละ ๒ ครั้ง และเว้นเวลาให้นัเขียนก่อนบอกคำในข้อ
ต่อไป

๑. สะใภ้ ๑๑. แตงกวา
๒. ชุ่มชื่น ๑๒. ประมุข
๓. ห้องฉุกเฉิน ๑๓. เครียด
๔. ต้นทับทิม ๑๔. เสื้อกล้าม
๕. ถกเถียง ๑๕. เพลิดเพลิน
๖. บันทึก ๑๖. หวาย
๗. มะเร็ง ๑๗. สังขยา
๘. เย็บปักถักร้อย ๑๘. คำศัพท์
๙. สาหัส ๑๙. ซื่อสัตย์

๑๐. ของขวัญ ๒๐. สรรเสริญ




คำชี้แจง




ี่
เขียนเรยงความตามจนตนาการจากรปภาพทก าหนดให้







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 13


บทที่ 3 ทักษะการอ่าน


คำที่มักอ่านผิด 36. นาฏกรรม = นาด - ตะ - กำ
1. กรกฏาคม = กะ - ระ - กะ - ดา - คม 37. นาฏศิลป์ = นาด - ตะ - สิน
2. กรณียกิจ = กะ - ระ - นี - ยะ - กิด 38. นามสมญา = นาม - สม - ยา

3. กรมธรรม์ = กรม - มะ - ทัน 39. นาฏดนตรี = นา - ตะ - ดน - ตรี
4. กรมหลวง = กรม - มะ - หลวง 40. บรรณารักษ์ศาสตร์ = บัน - นา - รัก - สะ - สาด
5. กรรมวิธี = กำ - มะ - วิ - ที 41. บรมอัฐิ = บอ - รม - มะ - อัด - ถิ

6. กรวิก = กะ - ระ - วิก 42. บรรพชา = บัน - พะ - ชา
7. กระจิริด = กระ - จิ - หริด 43. บราลี = บะ - รา - ลี
8. กรรมาธิการ = กำ - มา - ทิ - กาน 44. บาทบงสุ์ = บาด - ทะ บง
9. กลไก = กน - ไก 45. บาทยุคล = บาด - ยุก - คน
10. กลวิธี = กน - ละ - วิ - ที 46. บาปกรรม = บาบ - กำ

11. กลอุบาย = กน - อุ - บาย 47. บัตรพลี = บัด - พะ ลี
12. กามวิตถาร = กาม - วิด - ถาน 48. บำราบ = บำ - หราบ
13. กาลสมัย = กา - ละ - สะ - ไหม 49. บำราศ = บำ - ราด

14. กาฬปักษ์ = กา - ละ - ปัก 50. บุริมสิทธิ = บุ - ริม - มะ - สิด - ทิ
15. กุศโลบาย = กุ - สะ - โล - บาย 51. บุรุษเพศ = บุ - หรุด - เพด
16. กุลสตรี = กุน - ละ - สัด - ตรี 52. ปฐมวัย = ปะ - ถม -มะ ไว
17. เข้าสมาธิ = เข้า - สะ - มา - ทิ 53. ปรกติ = ปรก - กะ - ติ

18. คณนา = คะ - นะ - นา 54. ปราชัย = ปะ รา - ไชย
19. ครหา = คะ - ระ - หา 55. ปริตร = ปริด
20. ขัดสมาธิ = ขัด - สะ - หมาด 56. ปรัชญา = ปรัด - ยา หรือ ปรัด - ชะ - ยา
21. คณิตศาตร์ = คะ - นิด - ตะ สาด 57. ปุณฑริก = ปุน - ดะ - ริก หรือ ปุน - ทะ – ริก

22. ครุภัณฑ์ = คะ รุ - พัน 58. ทักทิน = ทัก - กะ - ทิน
23. คุณโทษ = คุน - โทด 59. ทัณฑฆาต = ทัน - ทะ - คาด
24. คุณลักษณะ = คุน - นะ - ลัก - สะ - หนะ 60. ทัณฑสถาน = ทัน - ทะ - สะ - ถาน
25. โฆษณา = โคด - สะ - นา 61. ทัณฑกรรม = ทัน - ดะ - กำ

26. จักจั่น = จัก -กะ จั่น 62. ฐานันดรศักดิ์ = ถา - นัน - ดอน - ระ - สัก
27. จักรราศี = จัก -กะ รา - สี 63. ดาษดา = ดาด - สะ - ดา
28. จันทรคติ = จัน - ทระ - คะ - ติ 64. ดาษดื่น = ดาด - ดื่น

29. จันทรคราส = จัน - ทะ - ระ คาด 65. ซอมซ่อ = ซอม - มะ - ซ่อ
30. จันทรุปราคา = จัน - ทะ - รุป - ปะ - รา - คา 66. ตรีโกณมิติ = ตรี - โกน - มิ - ติ
31. จิตวิสัย = จิด - ตะ - วิ - ไส 67. ตุ๊กตา = ตุ๊ก - กะ - ตา
32. จิตนิยม = จิด - ตะ นิ - ยม 68.ถาวรวัตถุ = ถา - วอ - ระ - วัด - ถุ
33. เฉลิมพระชนมพรรษา = ฉะ - เหลิม - พระ - ชน - พัน - 69. ดุลยพินิจ = ดุน - ละ - ยะ - พิ - นิด หรือ ดุน - ยะ - พิ

สา - นิด
34. ชันษา = ชัน - สา 70. ชุกชี = ชุก - ชี
35. ชาติภูมิ = ชาด - พูม







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 14

คำศัพท์ คำอ่านที่ถูกต้อง มักอ่านผิดเป็น
1.กรกฎาคม กะ - รัก - กะ - ดา - คม กอ-ระ-กะ-ดา-คม
2.กรณียกิจ กะ - ระ - นี - ยะ - กิด กอ - ระ - นี - ยะ - กิด

3.กรมหลวง กรม - มะ - หลวง กรม - หลวง
4.กรวิก กะ - ระ - วิก กอ - ระ - วิก

5.กลวิธี กน - ละ - วิ - ที กน - วิ - ที
6.กามวิตถาร กาม - วิด - ถาน กาม - วิด - ตะ - ถาน

7. กาลสมัย กา - ละ - สะ - ไหม กาน - สะ - ไหม
8.กาฬปักษ์ กา - ละ - ปัก กาน - ละ - ปัก

9.กุศโลบาย กุ - สะ - โล - บาย กุด - สะ - โล - บาย
10.กาสาวพัสตร์ กา - สา -วะ -พัด กา - สาว - วะ -พัด

11.กำสรด กำ - สด กำ - สะ - รด
12.กุนที กุน - นะ - ที กุน - ที

13.จรด จะ - หรด จด
14.จุติ จุด - ติ จุ - ติ

15.จุนสี จุน -นะ -สี จุน - สี
16.ฉกษัตริย์ ฉ้อ - กะ -สัด , ฉอ - กะ - สัด ฉก - กะ - สัด

17.ฉศก ฉอ - สก ฉะ - ศก
18.ชุกชี ชุก - กะ - ชี ชุก - ชี

19.ญาติวงศ์ ยาด - ติ - วง ยาด - วง

20.เดียรดาษ เดีย - ระ - ดาด เดียน - ดาด
21.แถง ถะ - แหง แถง
22.ทัณฑกรรม ทัน - ดะ - กำ ทัน - ทะ - กำ

23.ทิฐิ ทิด - ถิ ทิ - ถิ

24.ธรรมาสน์ ทำ - มาด ทัน - มาด
25.ธารกำนัล ทา - ระ - กำ - นัน ทาน - กำ - นัน
26.นพศูล นบ - พะ - สูน นบ - สูน

27.นิคหิต นิก - คะ - หิด นิค - หิด

28.บทมาลย์ บท - ทะ - มาน บท - มาน
29.บรรษัท บัน - สัด บอน - ระ - สัด
30.บราลี บะ - รา - ลี บรา - ลี

31.บัตรพลี บัด - พะ -ลี บัด - พลี

32.ปฐมวัย ปะ - ถม - มะ - ไว ปะ - ถม - ไว
33.ปรัก ( เงิน ) ปรัก ปะ - หรัก

ปรัก
34.ปรัก ( หัก ) ปะ - หรัก







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 15

คำศัพท์ คำอ่านที่ถูกต้อง มักอ่านผิดเป็น
35.ปุณฑริก ปุน - ดะ - ริก , ปุน - ทะ - ริก ปุน - นะ - ทริก
36.พยาธิ ( ความป่วยไข้ ) พะ - ยา - ทิ พะ - ยาด

37.พยาธิ ( สัตว์ ) พะ - ยาด พะ - ยา - ทิ
38.พระบรมราชินี พระ - บอ - รม - มะ - รา - ชิ - นี พระ - บอ - รม - รา - ชิ - นี

39.พลขับ พน - ละ - ขับ พน - ขับ
40.พลร่ม พน - ร่ม พน - ละ - ร่ม

41.พิษฐาน พิด - สะ - ถาน พิด - ถาน
42.พีชคณิต พี - ชะ - คะ - นิด พีด - คะ - นิด

43.พุมเรียง ( พืช ) พุม - มะ - เรียง พุม - เรียง
44.พุมเรียง ( ผ้า ) พุม - เรียง พุม - มะ - เรียง

45.มณฑป มน - ดบ มน - ทบ
46.มาติกา มาด - ติ - กา มาด - กา

47.มิคสัญญี มิก - คะ - สัน - ยี มิก - สัน - ยี
48.เมรุ เมน เม - รุ

49.เมรุมาศ เม - รุ - มาด เมน - รุ - ทาด
50.ยุติ ยุด - ติ ยุ - ติ

51.รอมร่อ รอม - มะ - ร่อ รอม - ร่อ
52.รังสฤษฏ์ รัง - สะ - หริด รัง - สิด

53.รัสสระ รัด - สะ - สะ - หระ รัด - สะ - ระ

54.ลลนา ลน - ละ - นา ละ - ละ - นา
55.วิตถาร วิด - ถาน วิด - ตะ - ถาน
56.วุฒิ วุด - ทิ วุด

57.ศตวรรษ สะ - ตะ - วัด สัด - ตะ - วัด

58.เศรณี เส - นี เส - ระ - นี
59.สมศักย์ สะ - มะ - สัก สม - ศักย์
60.สมุฏฐาน สะ - หมุด - ถาน สะ - หมุด - ตะ - ถาน

61.สรั่ง สะ - หรั่ง สรั่ง

62.สลา สะ - หลา สะ - ลา
63.สวรรคต สะ - หวัน - คด สะ - หวัน - นะ - คด
64.สัตบุรุษ สัด - บุ - หรุด สัด - ตะ - บุ - รุด

65.สัปปุรุษ สับ - ปุ - หรุด สับ - ปะ - ปุ - หรุด

66.สุจริต สุด - จะ - หริด สุ - จะ - หริด
67.หิตประโยชน์ หิ - ตะ - ประ - โหยด หิด - ตะ - ประ - โหยด

อะ - นุ - สะ – ติ
68.อนุสติ อะ - นุด - สะ - ติ







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 16

คำศัพท์ คำอ่านที่ถูกต้อง มักอ่านผิดเป็น
69.อสนีบาต อะ - สะ - นี - บาด อัด - สะ - นี - บาด
70.อัครชายา อัก - คระ - ชา - ยา อัก - คะ - ระ - ชา - ยา

71.อัปราชัย อับ - ปะ - รา - ไช อับ - ปรา - ไช
72.อิสตรี อิด - สัด - ตรี อิด - สะ - ตรี

73อุณหภูมิ อุน - หะ - พูม อุน - นะ - หะ - พูม
74อุตริ อุด - ตะ - หริ อุ - ตะ - หริ

75.โอสถกรรม โอ - สด - ถะ - กำ โอด - ถะ - กำ


การอ่านบทร้อยแก้วร้อยกรอง

การอ่านออกเสียง เป็นการอานให้ผู้อื่นฟัง เพื่อให้เข้าใจอรรถรสเกิดอารมณ์และจินตนาการไปตาม

เนื้อเรื่อง ผู้ที่อ่านออกเสียงจึงต้องมีน้ำเสียงสดใสไพเราะ อานเว้นวรรคตอนและสะกดการันต์ได้ถกต้อง


โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านร้อยกรองผู้อ่านต้องรู้จักฉันทลักษณ์ และท่วงทำนองการอ่านคำประพันธ์แต่ละชนิด
ด้วย ดังนั้นผู้อ่านจึงควรฝึกฝนการอ่านออกเสียงให้ชำนาญไปตามความสามารถของตนบทหลักการที่ถูกต้อง ซึ่ง
จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นอีกทงยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมทางภาษาของชาติอีกทางหนึ่ง
ั้
หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว
ื่
การอ่านออกเสียงร้อยแก้วเป็นการอ่านออกเสียงเหมือนเสียงพูดธรรมดา เพอรับสารจากเรื่องที่อ่าน
โดยมีหลักการอ่านดังนี้
๑. ศึกษาเรื่องที่อ่านให้เข้าใจ เพื่อให้ทราบถึงสาระสำคัญของเรื่อง อารมณ์และความรู้สึกที่ผู้เขียน
ตั้งใจจะสื่อให้ผู้อ่านทราบ แล้วแบ่งวรรคตอนในการอ่านให้ถูกต้องว่าตอนใดควรเว้นวรรคน้อย ตอนใดควรเว้น

วรรคมาก
๒. ศึกษาหลักการอ่านคำในภาษาไทยให้ถูกต้องตามอักขรวิธี การอ่านคำที่นิยมมาจาก
ภาษาต่างประเทศ ต้องอานให้ถูกต้องโดยยึดพจนานุกรม

๓. ต้องมีสมาธิในการอ่าน คือ ต้องมีความมั่นใจตัวเอง ไม่อ่านผิด อ่านตก อ่านเติม หรืออ่าน

ผิดบรรทัด ต้องควบคุมสายตาจากซ้ายไปขวาและย้อยกลับมาอกบรรทัดหนึ่งอย่างว่องไวและแม่นยำ

๔. อ่านด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ คือ การอ่านให้มีน้ำเสียงเหมือนเสียงพูด ไม่ดัดเสียงหรือใช้
เสียงแหลมเกินไป เน้นเสียงหนักเบา สูงต่ำ ให้เป็นไปตามธรรมชาติโดยสอดคล้องกับเรื่องที่อ่าน
๕. อ่านออกเสียงให้ดังพอประมาณ ไม่ตะโกนหรือเสียงแผ่วเกินไป หากอ่านเสียงดังผ่าน

ไมโครโฟนควรให้ปากห่างจากไมโครโฟนของแต่ละคน และระมัดระวังอย่าให้เสียงหายใจเข้าไมโครโฟน เพราะ
เสียงจะพร่าไม่น่าฟัง
๖. อ่านเว้นวรรคตอนให้ถูกต้อง เป็นการกำหนดการอ่านให้เหมาะสม ไม่อ่านเร็วหรือช้าเกินไป
ต้องอ่านให้จบคำและจบความ ถ้าเป็นคำยาวหรือคำหลายพยางค์ไม่ควรหยุดกลางคำหรือตัดประโยคจนเสีย

ความ
ื่
๗. อ่านอย่างมีลีลาและอารมณ์ตามเนื้อเรื่องที่อ่าน คือ เน้นคำสำคัญและคำที่ต้องการเพอให้เกิด
ภาพพจน์หรือจินตนาการ การเน้นควรเน้นเฉพาะคำไม่ใช่เน้นทั้งวรรคหรือเน้นทั้งประโยค เช่น “แม่ คือผู้ให้

กำเนิดและผู้มีพระคุณต่อเรา” เน้นคำว่า “แม่” เป็นต้น







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 17

๘. อ่านเครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง เช่น คำที่ใช้อักษรย่อต้องอ่านให้เต็มคำดังตัวอย่าง
“คณะกรรมการแม่บ้าน ทบ. ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ต้องอ่านออกเสียงว่า “สมาคมแม่บ้าน
กองทัพบก ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม”
๙. การผ่อนลมหายใจ เมื่ออ่านจบย่อหน้าหนึ่งๆ ควรผ่อนลมหายใจเล็กน้อย เมื่ออ่านย่อหน้า
ใหม่จึงเน้นเสียงหรือทอดเสียง เพื่อดึงดูดความสนใจ จากนั้นก็อ่านตามปกติตามเนื้อหาที่อ่าน
๑๐. การจับหนังสือ ควรวางหนังสือหรือบทอ่านบนฝ่ามือซ้าย ยกขึ้นให้ได้ระดับตามความ

เหมาะสม มือขวาคอยพลิกหนังสือหน้าถัดไปไม่ควรใช้นิ้วชี้ตามตัวหนังสือ
การอ่านออกเสียงร้อยกรอง
การอ่านออกเสียงร้อยแก้วเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การอ่านทำนองเสนาะ” พจนานุกรมพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ให้ความหมายไว้ว่า “วิธีการอ่านออกเสียงอย่างไพเราะตามลีลาของบท

ร้อยกรองประเภท โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน” ดังนั้นการอ่านทำนองต่างๆ ตามลักษณะของฉันทลักษณ์จึง
เกิดขึ้น เพราะฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองแต่ละประเภทมีการกำหนดทำนองให้แตกต่างกันออกไป บทร้อย

กรองบางชนิดผู้อ่านสามารถอานได้หลายทำนอง เช่น กาพย์ยานี ๑๑ สามารถอ่านได้หลายทำนอง โดยจะ
อ่านเป็นทำนองกาพย์ยานี หรือทำนองสรภัญญะ หรือทองนองโอ้เอ้วิหารราย เป็นต้น การอ่านร้อยกรองแต่ละ

ประเภทนั้นสามารถอ่านได้หลายวิธีดังนี้
๑. การขับ ได้แก่ การขับเสภา การขับลำนำสู่ขวัญ การขับลำนำกล่อมช้าง
๒. การร้อง การร้องเพลงทำนองต่างๆ ได้แก่ เพลงไทยเดิม เพลงไทยสากล หรือเพลงลูกทุ่ง

๓. การกล่อม ได้แก่ การกล่อมเด็ก การกล่อมพระบรรทม
๔. การเห่ ได้แก่ การเห่เรือ การเห่ชมสิ่งต่างๆ
๕. การแหล่ ไก้แก่ การแหล่เทศน์ แหล่งเพลงต่างๆ เช่น เพลงขอทาน เป็นต้น
๖. การสวด ได้แก่ การสวดคำฉันท์บูชาพระคุณครู สวดสรภัญญะ สวดโอ้เอ้วิหารราย
๗. การพากย์ ได้แก่ การพากย์โขน หรือทำนองพากย์ในบทพากย์ต่างๆ

๘. การว่า ได้แก่ การว่าเพลงพื้นบ้าน เช่น เพลงโคราช หมอลำกลอน ฯลฯ เพลงปฏิพากย์ต่างๆ







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 18

สุภาษิตคำพังเพย







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 19







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 20

ใบงาน บทอ่านร้อยแก้ว เรื่องทำด้วยมือ
-------------------------------------------------------------------------------
คำชี้แจง: ให้นักเรียนฝึกอ่านออกเสียงร้อยแก้วให้ถูกต้องตามหลักการอ่านร้อยแก้ว


บทอ่านร้อยแก้ว เรื่อง ทำด้วยมอ





สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในการทรงงานแทบจะทุกพื้นที่ พระราชทานสัมภาษณ์ในรายการวิทยุพูดจาประสาช่าง ทางสถานีวิทยุ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นเรื่องของการคิดและทำด้วยตนเอง

อย่างมาก การที่ท่านใช้งานต่างๆ ก็ทราบว่าท่านไม่ต้องการบริการจากเราเท่าไร แต่ท่านพยายามสอน
ให้รู้จักทำอะไรด้วยตนเอง/

ตอนนั้น ท่านให้ตำราเกี่ยวกับแหล่งน้ำเป็นภาษาอังกฤษ ให้มาแปลเป็นภาษาไทย พอดีมีเพื่อน

คนหนึ่งเป็นวิศวกรมาเจอเข้า บอกว่า โธ่เอ๊ย! แปลให้แป๊บเดียว ง่ายนิดเดียว เขาแปลเสร็จ พิมพเสร็จ

เรียบร้อยไปถวายให้ได้ แทนที่จะได้ดีที่หางานมาถวาย ทำเสร็จกลับโดนกริ้วว่า รู้สึกว่าจะมีบุญเกินไปหน่อย

มีบุญในทางไม่ดี ระวัง อีกหน่อยจะไม่มีบุญ คือ ท่านต้องการให้ทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่ามีบุญ พอทำอะไรมีคน

มาช่วยตลอดเวลา เพราะท่านเอง ทำทุกอย่างด้วยมือ การทำอะไรด้วยมือได้ ไม่ใช่หมายความว่า มือทำเอง

มันมาจากสมอง สมองสั่งให้มือทำ จึงจะทำได้ งานช่าง คือ งานที่ผนวกกันระหว่างสมองกับมือ เพราะฉะนั้น

ต้องทำเอง ขีดเอง ลูบคลำมันไป แล้วมันจะได้จากมือที่ลูบคลำ จากตาที่ดู ย้อนกลับมาสมองทำให้คิดอะไร

ขึ้นมาได้







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 21

เฉลย ใบงาน บทอ่านร้อยแก้ว เรื่องทำด้วยมือ
------------------------------------------------------------------------------------------





บทอ่านร้อยแก้ว เรื่องทำด้วยมือ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี/ ซึ่งตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว/ ใน
การทรงงานแทบจะทุกพื้นที่/ พระราชทานสัมภาษณ์/ ในรายการวิทยุพูดจาประสาช่าง/ ทางสถานีวิทยุ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า/ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว/ ทรงเน้นเรื่องของการคิดและทำด้วยตนเองอย่าง
มาก/ การที่ท่านใช้งานต่างๆ ก็ทราบว่า/ ท่านไม่ต้องการบริการจากเราเท่าไร/ แต่ท่านพยายามสอน/ให้รู้จัก

ทำอะไรด้วยตนเอง/

ตอนนั้น ท่านให้ตำราเกี่ยวกับแหล่งน้ำเป็นภาษาอังกฤษ/ ให้มาแปลเป็นภาษาไทย/พอดีมีเพื่อน
คนหนึ่งเป็นวิศวกรมาเจอเข้า/ บอกว่า โธ่เอ๊ย! / แปลให้แป๊บเดียว ง่ายนิดเดียว / เขาแปลเสร็จ/ พิมพ์เสร็จ

เรียบร้อยไปถวายให้ได้/ แทนที่จะได้ดีที่หางานมาถวาย/ ทำเสร็จกลับโดนกริ้วว่า/ รู้สึกว่าจะมีบุญเกินไป

หน่อย/ มีบุญในทางไม่ดี/ ระวัง อีกหน่อยจะไม่มีบุญ/ คือ ท่านต้องการให้ทำด้วยตัวเอง/ ไม่ใช่ว่ามีบุญ/ พอทำ
อะไรมีคนมาช่วยตลอดเวลา/ เพราะท่านเอง ทำทุกอย่างด้วยมือ/ การทำอะไรด้วยมือได้/ ไม่ใช่หมายความว่า

มือทำเอง/ มันมาจากสมอง/ สมองสั่งให้มือทำ จึงจะทำได้/ งานช่าง คือ งานที่ผนวกกันระหว่างสมองกับมือ/
เพราะฉะนั้นต้องทำเอง/ ขีดเอง ลูบคลำมันไป/ แล้วมันจะได้จากมือที่ลูบคลำ/ จากตาที่ดู/ ย้อนกลับมาสมอง/

ทำให้คิดอะไรขึ้นมาได้/







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 22

ใบงาน เรื่องการฝึกทักษะการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว
คำชี้แจง: ให้นักเรียนฝึกอ่านออกเสียงร้อยแก้วให้ถูกต้องตามหลักการอ่านร้อยแก้ว
บทอ่านร้อยแก้ว เรื่องเห็นแก่ลูก

ตอนที่ 1
นายล้ำ. ผมมาก็ตั้งใจมาเยี่ยม เจ้าคุณ นั้นแหละอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งผมนึกว่าถ้ามีโอกาสจะได้พบแม่ลออบ้าง
พระยาภักดี. (หน้าตึง) อ้อ!
นายล้ำ. เขาว่าเป็นสาวใหญ่แล้วไม่ใช่หรือครับ?

พระยาภักดี. ก็สาวอายุ 1๗ แล้ว
นายล้ำ. อ้อ ! ถูกครับ แล้วเขาเหมือนแม่เขาไม่ใช่หรือครับ?
พระยาภักดี. ก็เหมือน
นายล้ำ. ผมจะพบสักที่ได้ไหมครับ?

พระยาภักดี. ฉันบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสที่จะพบแม่ลออ
นายล้ำ. นัยว่าน่ะ เจ้าคุณไม่เต็มใจให้ผมพบยังงั้นหรือ?
พระยาภักดี. ถ้าจะให้ฉันตอบตามใจจริงก็ต้องตอบว่า ถ้าไม่พบได้ดีกว่า

นายล้ำ. (ออกโกรธ) ทำไม!
พระยาภักดี. จะให้ฉันต้องอธิบายไปทำไม แกควรจะเข้าใจได้เองทีเดียว
นายล้ำ. เข้าใจยังไง?
พระยาภักดี. จะให้ฉันพูดตามตรงอกหรือ?

นายล้ำ. เชิญ.
พระยาภักดี. ถ้ายังงั้นก็เอาซิ ที่ฉันไม่เต็มใจให้แกพบกับแม่ลออก็เพราะแม่ลออเป็นผู้ที่ได้รับความอบรมอันดี สมควรแก่
ผู้มีตระกูล ควรหรือที่หล่อนจะคบค้าสมาคมกับคน...เอ้อ...

นายล้ำ. คนขี้คุกขี้ตะรางอย่างผม ยังงั้นหรือ?
พระยาภักดี. ฉันเสียใจ ที่แกมาบังคบให้ฉันต้องพูดระคายหูแกเช่นนี้
ตอนที่ ๒
ี่
นายล้ำ. (พูดเสียงออกเครือๆ) เจ้าคุณขอรับ ใต้เท้าพูดถูก เด็กคนนี้ดีเกินที่จะเป็นลูกผม ผมมันเลวทรามเกินทจะ
เป็นพ่อของเขา ผมเพิ่งรู้สึกความจริงเดี๋ยวนี้เอง
พระยาภักดี. (ตบบ่านายล่ำ) พ่อล้ำ !
นายล้ำ. หล่อนได้เขียนรูปของพ่อหล่อนขึ้นไว้ในใจ เป็นคนดีไม่มีที่ติ ผมไม่ต้องการจะลบรูปนั้นเสียเลย. นี่แน่ะครับ

แหวนนี้เป็นของแม่นวลผมได้ติดไปด้วย สิ่งเดียวเท่านี้แหละเจ้าคุณได้โปรดเมตตาผมสักที พอถึงวัน
แต่งงานแม่ลออ เจ้าคุณได้โปรดให้แหวนนี้แก่เขา บอกว่าเป็นของรับไหว้ของผมส่งมาแทนตัว
พระยาภักดี. (รับแหวน) ได้ซิเพื่อนเอ๋ย ฉันจะจัดการตามแกสั่ง อย่าวิตกเลย
นายล้ำ. แล้วผมขออะไรอีกอย่าง

พระยาภักดี. อะไร? ว่ามาเถอะ ฉันไม่ขัดเลย

นายล้ำ. อย่าได้บอกความจริงแก่แม่พลอยเลย ให้เขาคงนับถือรูปนั้นว่าเป็นพอเขาและให้นับถือตัวผมเป็นเหมือนอา
พระยาภักดี. เอาเถอะ ฉันจะทำตามแกประสงค์

นายล้ำ. ผมลาที พรุ่งนี้เช้าผมจะกลับพิษณุโลก







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 23


ฝึกทักษะการอ่านร้อยกรอง







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 24







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 25







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 26







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 27







คูมอฝกทักษะภาษามลายูถ่นและทักษะการสอสารภาษาไทย 28

คณะผู้จัดทำ


ที่ปรึกษา

1. นายไพโรจน์ หมีนหวัง ประธานกรรมการสถานศึกษา
2. นายใหญ่ดี ดือราแม กรรมการสถานศึกษา

3. นายมะลูเด็ง เจ๊ะกา กรรมการสถานศึกษา
4. นายชิต รัตนบุญโน กรรมการสถานศึกษา

5. นายอภิชัย ยูโซ๊ะ กรรมการสถานศึกษา

6. นายอนิรุธ จารมะ กรรมการสถานศึกษา
7. นายอร่าม หะรอแม กรรมการสถานศึกษา

8. นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี


คณะทำงาน

1. นางมัทมา แวนาแว ครูผู้ช่วย

2. นางสาววาทีณี ศรีจรัส ครูผู้ช่วย
3. นายนุรอัสวาน สิงหะ ครูผู้ช่วย

4. นายสมบูรณ์ มามะ ครูผู้ช่วย
5. นายมูฮัมหมัดอัสรี ยูโซะ ครูผู้ช่วย

6. นายอัลนากิฟท์ ดารอเดร์ ครูผู้ช่วย

7. นางแวนูรไอนี ตาเยะ ครูผู้ช่วย
8. นางยูไนด๊ะ มะเก ครูผู้ช่วย

9. นางรจนา นิลวัตน์ ครูผู้ช่วย
10. นางสาวมธุรา วจีอิสมัย ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนประจำตำบล

11. นายนิไยลานี บินนิเด็ง ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนประจำตำบล

ประจำศูนย์การเรียนชุมชน
12. นายอาหามะ ตาเยะ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน

ประจำศูนย์การเรียนชุมชน

13. นางยามีละห์ สิงหะ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำศูนย์การเรียนชุมชน

14. นางสาวจันทิรา สือแม ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำศูนย์การเรียนชุมชน

15. นางสุทธิดา อุดมเพ็ชร์ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน

ประจำศูนย์การเรียนชุมชน
16. นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน

ประจำศูนย์การเรียนชุมชนตำบล

17. ว่าที่ร้อยตรีสหัฐ มะดาแฮ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะ

18. นางมารียานา อับดุลเลาะ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะ



สนับสนุนข้อมูล
1. นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี

2. นางมัทมา แวนาแว ครูผู้ช่วย

3. นางสาววาทีณี ศรีจรัศ ครูผู้ช่วย
4. นายนุรอัสวาน สิงหะ ครูผู้ช่วย

5. นางสาวมธุรา วจีอิสมัย ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนประจำตำบล



เรียบเรียง/ทาน/ต้นฉบับ/จัดพิมพ์

1. นางสาววาทีณ ศรีจรัส ครูผู้ช่วย

2. นางมารียานา อับดุลเลาะ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน

ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะ


Click to View FlipBook Version