สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่าพระนเรศ หรือ
"พระองค์ดา" เป็ นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชและพระวสิ ุทธิกษตั รีย์ เสด็จพระ
ราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ทพ่ี ระราชวงั จนั ทน์ เมืองพษิ ณุโลก มพี ระเชษฐภคนิ ีคือพระสุพรรณกลั ยา มี
พระอนุชาคือสมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) เสด็จขึน้ ครองราชย์เม่ือวันท่ี 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133
ครองราชสมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวนั ท่ี 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สิริพระชนมพรรษา 49 พรรษา
ราชการสงครามในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็ นเหตุการณ์ทย่ี ง่ิ ใหญ่และสาคัญยิง่ ของชาติไทย
พระองค์ได้กู้อสิ รภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังแรก และได้ทรงแผ่อานาจของราชอาณาจักร
ไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับต้งั แต่ประเทศพม่าตอนใต้ท้งั หมด น่ันคือ จากฝ่ังมหาสมทุ รอนิ เดียทางด้าน
ตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิ กทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู
ทางด้านทศิ เหนือกถ็ ึงฝ่ังแม่นา้ โขงโดยตลอด และยงั รวมไปถึงรัฐไทใหญ่บางรัฐ
แรกสมเด็จพระนเรศวรเสวยราชย์ได้ 8 เดือนก็เกิดข้าศึกพม่าอีก เหตุท่ีจะเกิดศึกคร้ังนี้คือเจ้าฟ้าไทยใหญ่เมืองคังต้ังแข็ง
เมืองขึน้ อีก พระเจ้านันทบุเรงตรัสปรึกษาเสนาบดี เห็นกันว่าเป็ นเพราะเหตุท่ีเจ้าเมืองคังได้ทราบว่าปราบกรุงศรีอยุธยาไม่
สาเร็จ จึงต้ังแข็งเมืองเอาอย่างบ้างตราบใดที่ยังไม่ปราบกรุงศรีอยุธยาลงได้ ถึงแม้จะปราบเมืองคังได้ เมืองอ่ืนก็คงแข้งข้อเอา
อย่าง แต่ในเวลาน้ันพระเจ้านันทบุเรงทรงอยู่ในวัยชราทุพพลภาพ ไม่ทรงสามารถจะไปทาสงครามเอาได้ดังแต่ก่อน จึงจัด
กองทัพขึน้ สองทัพ ให้ราชบุตรองค์หน่ึงซ่ึงได้เป็ นพระเจ้าแปรขึน้ ใหม่ยกไปตีเมืองคัง ทัพหน่ึงให้พระยาพะสิม พระยาพุกาม
เป็ นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็ นกองหลวงยกลงมาตกี รุงศรีอยธุ ยาอกี ทัพหนึ่ง พระมหาอุปราชายกออกจากกรุงหงสาวดีเมื่อ
เดือน 12 พ.ศ. 2133 มาเข้าทางด่านพระเจดีย์สามองค์ เพ่ือตรงมาตีพระนครศรีอยธุ ยาทเี ดียว
ฝ่ ายทางกรุงศรีอยุธยาคร้ังนี้ รู้ตัวช้าจึงเกิดความลาบาก ไม่มีเวลาจะต้อนผู้คนเข้าพระนครดังคราวก่อน ๆ สมเด็จพระ
นเรศวรทรงเหน็ ว่าจะคอยต่อสู้อย่ใู นกรุงอาจไม่เป็ นผลดีเหมือนหนหลงั จึงรีบเสดจ็ ยกกองทพั หลวงออกไปกบั สมเด็จพระเอกา
ทศรถ ในเดือนย่ี เมือเสด็จไปถึงเมืองสุพรรณบุรีได้ทรงทราบว่าข้าศึกยกล่วงเมืองกาญจนบุรีเข้ามาแล้ว จึงให้ต้ังทพั หลวงรับ
ข้าศึกอยู่ท่ลี านา้ ท่าคอย พอกองทัพพม่ายกมาถึงกร็ บกนั อย่างตะลุมบอน พระยาพุกามแม่ทัพพม่าคนหน่ึงตายในทีร่ บ กองทัพ
พม่าถูกไทยฆ่าฟันล้มตายเป็ นอนั มาก ท่เี หลือก็พากันพ่ายหนี ไทยไล่ติดตามไปจับพระยาพะสิมได้ทบี่ ้านจระเข้สามพนั อกี คน
หน่ึง พระมหาอุปราชาเองกห็ นีไปได้อย่างหวดุ หวดิ เม่ือกลบั ไปถึงหงสาวดพี วก แม่ทพั นายกองกถ็ ูกลงอาญาไปตาม ๆ กนั พระ
มหาอุปราชากถ็ ูกภาคทณั ฑ์ให้แก้ตัวในภายหน้า
ในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรง โปรดให้พระมหาอุปราชา นา
กองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในคร้ัง
นี้ สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่าพม่าจะยกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียม
ไพร่พล มีกาลังหน่ึงแสนคนเดินทางออกจากบ้านป่ าโมกไปสุพรรณบุรี ข้าม
นา้ ตรงท่าท้าวอู่ทองและต้ังค่ายหลวงบริเวณหนองสาหร่าย
เช้าของวนั จันทร์ แรม 2 ค่า เดือนย่ี ปี มะโรง พ.ศ. 2135 สมเดจ็ พระ
นเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเคร่ืองพิชัยยุทธ สมเด็จพระนเรศวร
ทรงช้าง นามว่า เจ้าพระยาไชยานุภาพ ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้าง
นามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร ช้างทรงของท้ังสองพระองค์น้ันเป็ นช้าง
ชนะงา คือช้ างมีงาที่ได้รับการฝึ กให้รู้จักการต่อสู้มาแล้วหรือเคยผ่าน
สงครามชนช้าง ชนะช้างตัวอ่ืนมาแล้ว ซ่ึงเป็ นช้างทก่ี าลงั ตกมัน ในระหว่าง
การรบจึงวิ่งไล่ตามพม่าหลงเข้าไปในแดนพม่า มีเพียงทหารรักษาพระองค์
และจาตุรงค์บาทเท่าน้ันทต่ี ดิ ตามไปทนั
สมเด็จพระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรง
พระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าเท้าพระยา จึงทราบได้ว่าช้างทรงของ
สองพระองค์หลงถลาเข้ามาถึงกลางกองทัพ และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึก
แล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่า
เป็ นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยคุ้นเคยมา
ก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "พระเจ้าพ่เี ราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทา
ยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็ นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มี
พระเจ้าแผ่นดนิ ทจี่ ะได้ยุทธหตั ถีแล้ว"
พระมหาอุปราชาได้ยนิ ดงั น้ัน จึงไสช้างนามว่า พลาย
พัทธกอเข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมหาอุป
ราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่
สมเด็จพระนเรศวรทรงเบ่ียงหลบทนั จึงฟันถูกพระมาลาหนัง
ขาด จากน้ันเจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก
สมเด็จพระนเรศวรทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหา
อุปราชาเข้าทอ่ี งั สะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง
แต่ ในมหายาชะ เว ง หรื อพ ง ศาว ดา รขอ ง พ ม่ า ส่ วนสมเด็จพระเอกาทศรถทรงฟันเจ้ามังจาปะโร
ระบุว่า การยุทธหัตถีคร้ังนี้ ช้ างทรงของสมเด็จพระ เสียชีวิตเช่นกนั ทหารพม่าเห็นว่าแพ้แน่แล้ว จึงใช้ปื นระดมยงิ
นเรศวรบุกเข้าไปในวงล้อมของฝ่ ายพม่า ฝ่ ายพม่ากม็ กี าร ใส่สมเด็จพระนเรศวรได้รับบาดเจ็บ ทันใดน้ันทัพหลวงไทย
ยืนช้างเรียงเป็ นหน้ากระดาน มีท้ังช้างของพระมหาอุป ตามมาช่วยทนั จึงรับท้งั สองพระองค์กลบั พระนคร พม่าจึงยก
ราชา ช้างของเจ้าเมืองชามะโรง ทหารฝ่ ายสมเด็จพระ ทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่น้ันมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายก
นเรศวรก็ระดมยิงปื นใส่ฝ่ ายพม่า เจ้าเมืองชามะโรงส่ัง มากลา้ กรายกรุงศรีอยุธยาอกี เป็ นระยะเวลาอกี ยาวนาน
เปิ ดผ้าหน้าราหูช้างของตน เพื่อไสช้างเข้ากระทายุทธ
หตั ถกี บั สมเดจ็ พระนเรศวรเพื่อป้องกันพระมหาอุปราชา
แต่ ปรากฏว่ าช้ างของเจ้ าของชามะโรงเกิดว่ิงเข้ าใส่ ช้ าง
ของพระมหาอุปราชาเกิดชุลมุนวุ่นวาย กระสุนปื นลูก
หนึ่งของทหารฝ่ ายสมเด็จพระนเรศวรก็ยิงถูกพระมหา
อุปราชาสิ้นพระชนม์
ศึกทะวายและตะนาวศรีน้ัน เป็ นการรบในระหว่างคนต้องโทษกับคนต้องโทษด้วยกนั กล่าวคือ ทางกรุง
ศรีอยุธยพาพวกนายทัพทตี่ ามเสด็จไม่ทันในวันยุทธหัตถีน้ัน มีถึง 6 คนคือ พระยาพชิ ัยสงคราม พระยารามกา
แหง เจ้าพระยาจักรี พระยาพระคลัง และพระยาศรีไสยณรงค์ สมเด็จพระนเรศวรรับส่ั งให้ปรึกษาโทษ ลูกขุน
ปรึกษาโทษให้ประหารชีวิต สมเด็จพระวนั รัตสังฆปรินายกมาถวายพระพรบรรยายว่า การทแ่ี ม่ทพั เหล่าน้ันตาม
เสด็จไม่ทัน ก็เพราะบุญญาภินิหารของพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรท่ีจะได้รับเกียรติคุณเป็ นวีรบุรุษที่แท้จริง
ด้วยเหตุว่าถ้าพวกน้ันตามไปทนั แล้วถึงจะชนะกไ็ ม่เป็ นชื่อเสียงใหญ่หลวงเหมือนทเี่ สด็จไปโดยลาพงั เมื่อเห็นว่า
สมเด็จพระนเรศวรทรงเลื่อมใสในคาบรรยายข้อนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัตก็ทูลขอโทษพวกแม่ทัพเหล่านี้ไว้
สมเด็จพระนเรศวรก็โปรดประทานให้ แต่พวกนี้จะต้องไปตีทะวายและตะนาวศรีเป็ นการแก้ตัว จึงให้เจ้าพระยา
จักรีเป็ นแม่ทพั คุมพลห้าหมื่นไปตตี ะนาวศรี พระยาพระคลงั คุมกาลงั พลหมื่นเหมือนกันไปตีทะวาย ส่วนแม่ทพั
อ่ืน ๆ ท่ีต้องโทษก็แบ่งกันไปในสองกองทัพนี้คือพระยาพิชัยสงครามกบั พระยารามคาแหงไปตีเมืองทะวายกบั
พระยาพระคลงั และให้พระยาเทพอรชุนกบั พระยาศรีไสยณรงค์ไปตีเมืองตะนาวศรีกบั เจ้าพระยาจักรี
ส่วนทางหงสาวดีน้ัน เมื่อพระเจ้านันทบุเรงเสียพระโอรสรัชทายาทแล้วก็โทมนัส ให้ขังแม่ทพั นายกองไว้
ท้งั หมด แต่ภายหลงั ทรงดาริว่าไทยชนะพม่าในคร้ังนี้แล้วกจ็ ะต้องมาตีพม่าโดยไม่ต้องสงสัย ก่อนทไี่ ทยไปรบพม่าก็
จะต้องดาเนินการอย่างเดียวกันกับที่พม่ารบกับไทย กล่าวคือ จะต้องเอามอญไว้ในอานาจเสียก่อนและเป็ นการ
แน่นอนว่าไทยจะต้องเข้ามาตีทะวายและตะนาวศรี ด้วยเหตุนี้จึงให้แม่ทัพนายกองที่ไปแพ้สงครามมาคร้ังนี้ไปแก้
ตัวรักษาเมืองตะนาวศรีและเมืองทะวาย เป็ นอันว่าท้งั ผู้รบและผู้รับท้ังสองฝ่ าย ตกอยู่ในฐานคนผดิ ทจ่ี ะต้องแก้ตัว
ท้งั สิ้น ในการรบทะวายและตะนาวศรีคร้ังนีแ้ ม่ทพั ท้งั สองคือ เจ้าพระยาจักรีและพระยาคลงั กลมเกลยี วกนั เป็ นอย่าง
ยงิ่ ถงึ แม้สมเดจ็ พระนเรศวรจะได้แบ่งหน้าทใี่ ห้ตคี นละเมือง กย็ งั มกี ารตดิ ต่อช่วยเหลือกนั และกนั ในทส่ี ุดแม่ทพั ท้ัง
สองก็รบชนะท้ังสองเมืองและบอกเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีไสย
ณรงค์อย่คู รองเมืองตะนาวศรี ส่วนทางเมืองทะวายน้ันให้เจ้าเมืองทะวายคนเก่าครองต่อไป ชัยชนะคร้ังนีเ้ ป็ นอันทา
ให้แม่ทพั ท้งั หลายพ้นโทษ แต่ทางพม่าแม่ทพั กลบั ถูกทาโทษประการใดไม่ปรากฏ แต่อย่างไรกด็ กี ารชนะทะวายและ
ตะนาวศรีคร้ังนี้ ทาให้อานาจของไทยแผ่ลงไปทางใต้เท่ากบั ในรัชสมัยพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
เนื่องในสมัยกรุงธนบุรี เป็ นระยะเวลาที่สร้างบ้านเมืองกันใหม่
การค้าเจริญรุ่งเรืองท้ังของหลวงและของราษฎร สมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราชทรงทานุบารุงการค้าขายทางเรืออย่างเต็มที่ ทรงแต่งสาเภาหลวง
ออกไปค้าขายทางด้านตะวันออกไปถึงเมืองจีน ทางด้านตะวันตกเฉียง
เหนือถึงอินเดียตอนใต้ ผลประโยชน์ท่ีได้รับจากการค้าของหลวงช่ วย
บรรเทาภาระภาษีของราษฎรไปได้มาก สมเด็จ พระเจ้าตากสิน ฯ ทรง
ส่งเสริมการนาสินค้าพืน้ เมืองไปขายทางเรือ ซ่ึงอานวยผลประโยชน์อย่าง
ใหญ่หลวงต่องานสร้างชาติ ทาให้ราษฎรมีงานทา มีรายได้ ท้ังยังฝึ กให้คน
ไทยเชี่ยวชาญการค้าขาย ป้องกนั มใิ ห้การค้าตกไปอย่ใู นมือต่างชาติ
โปรด ให้ปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่าง ๆ ทรี่ กร้างปรักหักพงั ต้ังแต่คร้ังพม่าเข้าเผาผลาญทาลายและกวาดต้อนทรัพย์สิน ไปพม่า
แล้วโปรดให้อาราธนาพระภกิ ษุสงฆ์เข้าจาวดั ต่าง ๆ ส่วนพระไตรปิ ฎกยงั เหลือตกค้างอยู่ทใ่ี ด กโ็ ปรดให้คัดลอกสร้างเป็ นฉบับหลวง แล้ว
ส่งคืนกลบั ไปทเี่ ดิม เร่ืองสังฆมณฑล โปรดให้ดาเนินตามธรรมเนียมการปกครองคณะสงฆ์ทม่ี ีมาแต่ก่อน โดยแยกเป็ นฝ่ ายคันถธุระและ
ฝ่ ายวิปัสสนาธุระ ฝ่ ายคันถธุระดาเนินการศึกษาพระปริยัติธรรมให้เจริญ ส่งเสริมการสอนภาษาบาลี เพ่ือช่วยการอ่านพระไตรปิ ฎก
ฝ่ ายวปิ ัสนาธุระ โปรดให้กวดขันการปฏิบัติพระธรรมวนิ ัยเป็ นข้ัน ๆ ไปตามภูมิปฏิบัติส่วน ลัทธิอ่ืน ๆ ในช้ันต้นสมเด็จพระเจ้าตากสิน
กรุงธนบุรี พระราชทานเสรีภาพในการนับถือศาสนา แต่ต่อมาข้าหลวงทเ่ี ข้ารีต ได้พยายามห้ามปรามชาวไทยปฏบิ ตั ิพธิ ีการทางศาสนา
เช่น พธิ ีถือนา้ พระพพิ ฒั น์สัตยา ความขัดแย้งมีมากขึน้ เรื่อย ถงึ กบั จับพวกบาทหลวงกมุ ขังกม็ ี ในทสี่ ุดพระองค์จาต้องขอให้บาทหลวง
ไปจากพระราชอาณาเขต แล้วห้ามชาวไทยนับถือศาสนาคริสต์ ต้งั แต่วนั ท่ี ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๓๒๒
ยังคงใช้ระบบการปกครองแบบกรุงศรีอยุธยา ส่วนด้านกฎหมาย เม่ือคร้ังกรุงแตก กฎหมายบ้านเมืองกระจัด
กระจายหายสูญไปมาก จึงโปรดให้ทาการสืบเสาะค้นหามารวบรวมไว้ได้ประมาณ ๑ ใน ๑๐ และโปรดให้ชาระกฎหมาย
เหล่าน้ัน ฉบับใด ยงั เหมาะแก่กาลสมัยก็โปรดให้คงไว้ และเป็ นการแก้ไขเพ่ือให้ราษฎรได้รับผลประโยชน์มากขึน้ เช่น
โปรดให้แก้ไขกฎหมายว่าด้วยการพนัน ให้อานาจการตัดสินลงโทษขึน้ แก่ศาลแทนนายตราสิทธิขาด และยงั ห้ามนาย
ตรา นายบ่อนออกเงินทดรองให้ผู้เล่นเกาะกุม ผูกมัด จาจอง เร่งรัดผู้เล่น กฎหมายพิกัดภาษีอากรเกือบไม่มี เพราะ
ผลประโยชน์แผ่นดินได้จากการค้าสาเภามากพอแล้ว กฎหมายว่าด้วยการจุกช่องล้อมวง กย็ งั ไม่ตราขึน้ เปิ ดโอกาสให้
ราษฎรได้เฝ้าตามรายทาง โดยไม่ต้องมพี นักงานตารวจแม่นปื นคอยยงิ ราษฎร ซึ่งแม้แต่ชาวต่างประเทศก็ยังชื่นชมใน
พระราชอธั ยาศัยนี้ ในช้ันศาล กไ็ ม่โปรดให้อรรถคดีคัง่ ค้าง แม้ยามศึก หากคู่ความไม่ได้เข้ากองทพั หรือประจาราชการ
ต่างเมือง ก็โปรดให้ดาเนินการพิจารณาคดีไปตามปกติ ท้งั ในการฟ้องร้อง ยงั โปรดให้โจทย์หาหมอความแต่งฟ้องได้
เช่นเดียวกบั ปัจจุบันอกี ด้วย วธิ ีพจิ ารณาคดีในสมยั น้ันสะท้อนให้เห็นได้แจ่มชัด ในบทละครรามเกียรต์ติ อนท้าว มาลวี
ราชพพิ ากษาความ พระราชนิพนธ์ในสมเดจ็ พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี