The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by dew400_, 2022-02-01 05:15:03

รายงานตะกร้อ-1

รายงานตะกร้อ-1

1

รายงานเรือ่ ง กีฬาเซปักตะกรอ้
จดั ทาโดย

นางสาวมนตรา เผา่ ดารง
รหสั นกั ศึกษา 62151514

เสนอ
อาจารย์ สุรศกั ดิ์ สิงหส์ า

คณะครุศาสตร์
สาขาพลศึกษาและนนั ทนาการ

ปี การศึกษา 2564/2

สารบญั 2

เรื่อง หน้า
คานา 3
ประวตั ิกีฬาเซปักตะกร้อตา่ งประเทศ 4-5
ประวตั ิกีฬาเซปักตะกร้อในประเทศไทย 6-8
ประเภทของกีฬาตะกร้อ 9-13
ประโยชนข์ องการเล่นกีฬาตะกร้อ 14-15
มารยาทในการเล่นตะกร้อที่ดี 16
มารยาทในการชมตะกร้อที่ดี 17
อุปกรณ์กีฬาตะกร้อ 18-20
ทกั ษะการเล่นและวธิ ีการเล่นตะกร้อ 21-22
การเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายของผเู้ ล่นตะกร้อ 23-26
บรรณานุกรม 27

3

คานา

รายงานฉบบั น้ีเป็ นส่วนหน่ึงของรายวชิ า ตะกร้อ PE 3208-62 ระดบั อุดมศึกษาปี ที่ 3 โดยมี
จุดประสงคเ์ พื่อการศึกษาความรู้ท่ีไดจ้ ากกีฬาตะกร้อ ซ่ึงรายงานน้ีมีเน้ือหาเก่ียวกบั ความรู้ ประวตั ิความ
เป็นมาและประโยชน์ของกีฬาตะกร้อ การฝึกทกั ษะกีฬาตะกร้อ หลกั ความปลอดภยั ในการฝึก กฎ กติกาและ
มารยาทในการเล่นกีฬาตะกร้อ รวมไปถึงหลกั และวธิ ีการสอนกีฬาตะกร้อ และ กีฬาตะกร้อเป็ นกิจกรรมที่มี
ความสาคญั อยา่ งยง่ิ ต่อการสร้างความพร้อมของร่างกาย และเป็นท่ีนิยมอยา่ งมาก

นอกจากน้ีกีฬาตะกร้อยงั เป็นกิจกรรมท่ีตอ้ งอาศยั สมรรถภาพทางดา้ นร่างกายและจิตใจเมื่อมีความ
ฝึกฝนมากๆ กจ็ ะไดร้ ับประโยชน์ และผลที่ไดร้ ับจากการฝึกฝนเป็นประจาน้นั กค็ ือ การพฒั นาสมรรถภาพ
ทางทุกดา้ นของร่างกาย

ผจู้ ดั ทาจะตอ้ งขอขอบคุณ อาจารยส์ ุรศกั ด์ิ สิงห์สา ผใู้ หค้ วามรู้และแนวทางการศึกษา
ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานฉบบั น้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผอู้ า่ นทุกๆทา่ น

ผจู้ ดั ทา
นางสาว มนตรา เผา่ ดารง 62151514

4

1.ประวตั กิ ฬี าเซปักตะกร้อต่างประเทศ

การแข่งขนั ตะกร้อตะกร้อ เป็ นการละเล่นของไทยมาแต่โบราณ แต่ไมม่ ีหลกั ฐานแน่นอนวา่ มีมา
ต้งั แต่สมยั ใด แตค่ าดวา่ ราว ๆ ตน้ กรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นท่ีใกลเ้ คียงก็มีการเล่นตะกร้อ คนเล่นไม่
จากดั จานวน เล่นเป็ นหมู่หรือเด่ียวกไ็ ด้ ตามลานท่ีกวา้ งพอสมควร ตะกร้อที่ใชเ้ ดิมใช่หวายถกั เป็นลูกตะกร้อ
ปัจจุบนั นิยมใชล้ ูกตะกร้อพลาสติก การเตะตะกร้อเป็นการเล่นท่ีผเู้ ล่นไดอ้ อก กาลงั กายทุกสัดส่วน ฝึก
ความวอ่ งไว ความสังเกต มีไหวพริบ ทาใหม้ ีบุคลิกภาพดี มีความสง่างาม และการเล่นตะกร้อนบั ไดว้ า่ เป็ น
เอกลกั ษณ์ของไทยอยา่ งหน่ึง ในการคน้ ควา้ หาหลกั ฐานเก่ียวกบั แหล่งกาเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตน้นั ยงั
ไม่สามารถหาขอ้ สรุปไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ กีฬาตะกร้อน้นั กาเนิดจากที่ใด จากการสันนิษฐานคงจะไดห้ ลาย
เหตุผลดงั น้ี

ประเทศพมา่ เม่ือประมาณ พ.ศ. 2310 พมา่ มาต้งั คา่ ยอยทู่ ี่โพธ์ิสามตน้ กเ็ ลยเล่นกีฬาตะกร้อกนั ซ่ึง
ทางพมา่ เรียกวา่ “ชิงลง”

ทางมาเลเซียก็ประกาศวา่ ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายเู ดิมเรียกวา่ ซีปักรากา (Sepak Raga)
คาวา่ Raga หมายถึง ตะกร้า

ทางฟิ ลิปปิ นส์ ก็นิยมเล่นกนั มานานแลว้ แตเ่ รียกวา่ Sipak

5

ทางประเทศจีนกม็ ีกีฬาที่คลา้ ยกีฬาตะกร้อแตเ่ ป็ นการเตะตะกร้อชนิดท่ีเป็ นลูกหนงั ปักขนไก่ ซ่ึงจะ
ศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุง้ ที่เดินทางไปต้งั รกรากในอเมริกาไดน้ าการเล่นตะกร้อ
ขนไก่น้ีไปเผยแพร่ แต่เรียกวา่ เตกโก (Tek K’au) ซ่ึงหมายถึงการเตะลูกขนไก่

ประเทศเกาหลี ก็มีลกั ษณะคลา้ ยกบั ของจีน แตล่ กั ษณะของลูกตะกร้อแตกตา่ งไป คือใชด้ ินเหนียวห่อ
ดว้ ยผา้ สาลีเอาหางไก่ฟ้ าปัก

ประกาศไทยกน็ ิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยกุ ตจ์ นเขา้ กบั ประเพณีของชนชาติไทยอยา่ ง
กลมกลืนและสวยงามท้งั ดา้ นทกั ษะและความคิด

6

ประวตั กิ ฬี าตะกร้อในประเทศไทย

ในสมยั โบราณน้นั ประเทศไทยเรามีกฎหมายและวธิ ีการลงโทษผกู้ ระทาความผดิ โดยการนาเอา
นกั โทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานดว้ ยหวายใหช้ า้ งเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนบั สนุนประวตั ิของตะกร้อไดด้ ี คือ
ในพระราชนิพนธ์เร่ืองอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเร่ืองมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และท่ีระเบียงพระ
อุโบสถวดั พระศรีรัตนศาสดาราม ซ่ึงเขียนเร่ืองรามเกียรต์ิ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไวใ้ หอ้ นุชนรุ่นหลงั
ไดร้ ับรู้ โดยภมู ิศาสตร์ของไทยเองกส็ ่งเสริมสนบั สนุนใหเ้ ราไดท้ ราบประวตั ิของตะกร้อ คือประเทศของเรา
อุดมไปดว้ ยไมไ้ ผ่ หวายคนไทยนิยมนาเอาหวายมาสานเป็ นส่ิงของเคร่ืองใช้ รวมถึงการละเล่นพ้ืนบา้ นดว้ ย
อีกท้งั ประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยกม็ ีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธง
และการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซ่ึงการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆน้นั มีการเล่นไมห่ ลายแบบหลาย
วธิ ีเช่นของไทยเรา การเล่นตะกร้อมีววิ ฒั นาการอยา่ งต่อเน่ืองมา ตามลาดบั ท้งั ดา้ นรูปแบบและวตั ถุดิบในการ
ทาจากสมยั แรกเป็นผา้ , หนงั สตั ว์ , หวาย , จนถึงประเภทสังเคราะห์ ( พลาสติก )

ความหมาย คาวา่ ตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตสถาน พ . ศ . 2525 ไดใ้ หค้ าจากดั ความ
เอาไวว้ า่ ” ลูกกลมสานดว้ ยหวายเป็นตา สาหรับเตะ “

7

ววิ ฒั นาการการเล่นกฬี าตะกร้อ

การเล่นตะกร้อไดม้ ีวิวฒั นาการในการเล่นมาอยา่ งต่อเน่ือง ในสมยั แรกๆ กเ็ ป็นเพียงการช่วยกนั เตะ
ลูกไมใ่ หต้ กถึงพ้ืนต่อมาเม่ือเกิดความชานาญและหลีกหนีความจาเจ ก็คงมีการเร่ิมเล่นดว้ ยศีรษะ เข่า ศอก
ไหล่ มีการจดั เพิม่ ทา่ ใหย้ ากและสวยงามข้ึนตามลาดบั จากน้นั กต็ กลงวางกติกาการเล่นโดยเอ้ืออานวยต่อผู้
เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกตา่ งไปตามสภาพภมู ิประเทศของแต่ละพ้ืนที่ แตค่ งมีความใกลเ้ คียงกนั มาก
พอสมควร

ตะกร้อน้นั มีมากมายหลายประเภท เช่น

- ตะกร้อขา้ มตาขา่ ย – ตะกร้อลอดบ่วง – ตะกร้อพลิกแพลงเป็นตน้

เม่ือมีการวางกติกาและทา่ ทางในการเล่นอยา่ งลงตวั แลว้ ก็เริ่มมีการแขง่ ขนั กนั เกิดข้ึนในประเทศไทยตาม
ประวตั ิของการกีฬาตะกร้อต้งั แตอ่ ดีตที่ไดบ้ นั ทึกไวด้ งั น้ี

พ.ศ. 2472 กีฬาตะกร้อเร่ิมมีการแขง่ ขนั คร้ังแรกภายในสมาคมกีฬาสยาม

8

พ.ศ. 2476 สมาคมกีฬาสยามประชุมจดั ร่างกติกาในการแข่งขนั กีฬาตะกร้อขา้ มตาข่ายและเปิ ดใหม้ ีการ
แข่งขนั ในประเภทประชาชนข้ึนเป็นคร้ังแรก

พ.ศ. 2479 ทางการศึกษาไดม้ ีการเผยแพร่จดั ฝึกทกั ษะในโรงเรียนมธั ยมชายและเปิ ดใหม้ ีแข่งขนั ดว้ ย

พ.ศ. 2480 ไดม้ ีการประชุมจดั ทาแกไ้ ขร่างกฎระเบียบให้สมบูรณ์ข้ึน โดยอยใู่ นความควบคุมดูแลของ
เจา้ พระยาจินดารักษ์ และกรมพลศึกษากไ็ ดอ้ อกประกาศรับรองอยา่ งเป็ นทางการ

พ.ศ. 2502 มีการจดั การแข่งขนั กีฬาแหลมทอง คร้ังที่ 1 ข้ึนท่ีกรุงเทพฯ มีการเชิญนกั ตะกร้อชาวพมา่ มาแสดง
ความสามารถในการเล่นตะกร้อพลิกแพลง

พ.ศ. 2504 กีฬาแหลมทองคร้ังท่ี 2 ประเทศพม่าไดร้ ับเกียรติใหเ้ ป็นเจา้ ภาพในการแขง่ ขนั นกั ตะกร้อของไทย
กไ็ ดไ้ ปร่วมแสดงโชวก์ ารเตะตะกร้อแบบพลิกแพลงดว้ ย

พ.ศ. 2508 กีฬาแหลมทองคร้ังท่ี 3 จดั ข้ึนที่ประเทศมาเลเซีย ไดม้ ีการบรรจุการเตะตะกร้อ 3 ประเภท เขา้ ไว้
ในการแขง่ ขนั ดว้ ยกค็ ือ

- ตะกร้อวง – ตะกร้อขา้ มตาขา่ ย – ตะกร้อลอดบ่วง

อีกท้งั มีการจดั ประชุมวางแนวทางดา้ นกติกาท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษเพ่อื สะดวกในการเล่นและการ
เขา้ ใจของผชู้ มในส่วนรวมอีกดว้ ย

พอเสร็จสิ้นกีฬาแหลมทองคร้ังท่ี 3 กีฬาตะกร้อไดร้ ับความนิยมเพ่มิ ข้ึนเป็นอนั มาก บทบาทของประเทศ
มาเลเซียกเ็ ริ่มมีมากข้ึน จากการไดเ้ ขา้ ร่วมในการประชุมต้งั กฎกติกากีฬาตะกร้อประเภทขา้ มตาข่าย หรือท่ี
เรียกวา่ ” เซปักตะกร้อ ” และส่งผลใหก้ ีฬาตะกร้อขา้ มตาข่าย ไดร้ ับการบรรจุเขา้ ในการแขง่ ขนั กีฬาแหลม
ทองคร้ังท่ี 4 จนถึงปัจจุบนั

9

ประเภทของกฬี าตะกร้อ

1. เซปักตะกร้อ การแข่งขนั ตะกร้อในระดบั นานาชาติ เรียกเกมกีฬาชนิดน้ีวา่ เซปักตะกร้อ โดยเป็ นการ
แขง่ ขนั ของผเู้ ล่น 2 ทีม ทาการโตล้ ูกตะกร้อขา้ มตาขา่ ยเพ่อื ใหล้ งในแดนของคู่ตอ่ สู้

กตกิ าเซปักตะกร้อ สาหรับการรับชม โดยสังเขป

 ผเู้ ล่น ประเภทเดี่ยว มีผเู้ ล่นตวั จริง 3 คน สารอง 1 คน ประเภททีม ประกอบดว้ ย 3 ทีม มีผเู้ ล่น 9 คน
และผเู้ ล่นสารอง 3 คน

 เม่ือเริ่มเล่นท้งั 2 ทีมพร้อมในแดนของตนเอง ผเู้ ล่นฝ่ ายเสิร์ฟจะตอ้ งอยใู่ นวงกลมของตนเอง เมื่อเสิร์ฟ
แลว้ จึงเคลื่อนที่ได้ ส่วนผเู้ ล่นฝ่ ายรับจะยนื ท่ีใดกไ็ ด้

 เสิร์ฟลูกสัมผสั เน็ต ไมถ่ ือวา่ ฟาลว์ แตจ่ ะเสียคะแนนถา้ ลูกไมข่ า้ มไปฝ่ังตรงขา้ ม หรือขา้ มและลูกออก
 หลงั จากท่ีเสิร์ฟแลว้ ฝ่ ายรับจะมีโอกาสเล่นบอลไดไ้ มเ่ กิน 3 คร้ัง โดยมีเป้ าหมายเพ่ือส่งลูกกลบั มาอีก

ฝั่ง และพยายามใหล้ งสมั ผสั กบั พ้นื ท่ีสนามของฝ่ ายตรงขา้ มใหไ้ ด้ โดยเกมจะแบง่ เป็นกรณีดงั ต่อไปน้ี

กรณที ี่ ฝ่ ายเสิร์ฟจะได้คะแนน

– เสิร์ฟลงสัมผสั กบั พ้ืนสนามของฝ่ ายรับ
– เสิร์ฟลูกโดนตาข่าย แต่ลูกพลิกไปลงสมั ผสั กบั พ้นื สนามของฝ่ ายรับ
– เสิร์ฟลูกแลว้ ฝ่ ายรับสัมผสั บอลแลว้ บอลตกในฝ่ังของฝ่ ายรับเอง หรือ สมั ผสั แลว้ ทาลูกสมั ผสั พ้นื ในส่วน
นอกสนาม
– เสิร์ฟลูกแลว้ ฝ่ ายรับเล่นบอลเกิน 3 คร้ัง
– เสิร์ฟลูกแลว้ ฝ่ ายรับเล่นบอลไม่เกิน 3 คร้ัง แตไ่ ม่สามารถส่งลูกไปยงั สนามของฝ่ ายตรงขา้ มได้ ไมว่ า่ จะ
เป็น ติดตาข่าย ทาลูกหล่นสมั ผสั พ้นื ในแดนตนเอง หรือส่งขา้ มไปแลว้ ลูกสมั ผสั พ้ืนนอกพ้นื ท่ีการเล่น

กรณีที่ ฝ่ ายรับจะได้คะแนน

– ฝ่ ายเสิร์ฟ เสิร์ฟติดตาขา่ ย และลูกไมข่ า้ มมาลงพ้ืนท่ีสนามของฝ่ ายรับ หรือเสิร์ฟออก
– ฝ่ ายรับสามารถเตะบอลลงสัมผสั พ้ืนสนามของฝ่ ายเสิร์ฟได้
– ฝ่ ายรับเตะบอลสัมผสั ถูกผเู้ ล่นของฝ่ ายเสิร์ฟ และลูกตกสัมผสั พ้ืนในแดนของฝ่ ายเสิร์ฟ
– ฝ่ ายรับเตะบอลสัมผสั ถูกผเู้ ล่นของฝ่ ายเสิร์ฟ และลูกสมั ผสั พ้นื ที่นอกสนาม
– ฝ่ ายเสิร์ฟสัมผสั ถูกตาขา่ ยระหวา่ งการเล่น

10

 หากฝ่ ายรับเล่นบอลส่งไปฝั่งตรงขา้ มและฝ่ ายเสิร์ฟรับได้ ใหใ้ ชก้ ฎเดียวกนั คือ ฝ่ ายเสิร์ฟมีโอกาสเล่น
บอลไดไ้ ม่เกิน 3 คร้ัง เพอ่ื ส่งลูกกลบั ไป เกมจะดาเนินไปจนกวา่ จะมีฝ่ังใดไดค้ ะแนน

 อนุญาตใหฝ้ ่ ายที่ไมไ่ ดเ้ ล่นบอล กระโดดบลอ็ กการเล่นท่ีไมใ่ ช่ลูกเสิร์ฟได้
 ฝ่ ายท่ีไดค้ ะแนนจะเป็ นผไู้ ดส้ ิทธ์ิในการเสิร์ฟ
 การแขง่ ขนั ใชแ้ บบ 2 ใน 3 เซต ในเซตท่ี 1 และเซตท่ี 2 จะมีคะแนนสูงสุด 15 คะแนน ทีมใดได้ 15

คะแนนก่อน จะเป็นผชู้ นะในเซตน้นั ๆ ท้งั 2 เซต จะไมม่ ีดิวส์ หากท้งั สองทีมได้ 13 ก่อน หรือ 14
เทา่ กนั พกั ระหวา่ งเซต 2 นาที ถา้ เสมอกนั 1:1 เซต ใหท้ าการแขง่ ขนั เซตท่ี 3 ดว้ ยไทเบรก โดยเร่ิม
ดว้ ยการเสี่ยงใหม่ โดยใชค้ ะแนน 6 คะแนน ทีมใดได้ 6 คะแนนก่อนเป็นผชู้ นะ แต่จะตอ้ งแพช้ นะ
อยา่ งนอ้ ย 2 คะแนน ถา้ ยงั ไม่แพก้ นั ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 คะแนน กใ็ หท้ าการแข่งขนั อีก 2 คะแนน แต่ไม่เกิน
8 คะแนน เช่น 8:6 หรือ 8:7 ถือเป็นการยตุ ิการแขง่ ขนั ระบบไทเบรก เมื่อฝ่ ายใดกต็ ามได้ 3 คะแนน
และขอเวลานอกไดเ้ ซตละ 1 คร้ัง คร้ังละ 1 นาที สาหรับไทเบรก ขอเวลาได้ 1 คร้ัง คร้ังละ 30 วนิ าที

2. ตะกร้อทเี่ ล่นเป็ นทมี โดยไม่มีฝ่ ายตรงข้าม เช่น ตะกร้อวง | ผเู้ ล่นจะลอ้ มเป็นวง ผเู้ ริ่มตน้ จะใชเ้ ทา้ เตะลูก
ตะกร้อไปใหอ้ ีกผรู้ ับหน่ึง ผรู้ ับจะตอ้ งมีความวอ่ งไวในการใชเ้ ทา้ รับและเตะส่งไปยงั อีกผหู้ น่ึง จึงเรียกวธิ ีเล่น
น้ีวา่ “เตะตะกร้อ” ความสนุกอยทู่ ่ีการหลอกล่อที่จะเตะไปยงั ผใู้ ด ถา้ ผเู้ ตะท้งั วงมีความสามารถเสมอกนั จะ
โยนและรับไมใ่ หต้ ะกร้อถึงพ้ืนไดเ้ ป็นเวลานานมาก กล่าวกนั วา่ ท้งั วนั หรือท้งั คืนกย็ งั มี แตผ่ เู้ ล่นยงั ไมช่ านาญ
กโ็ ยนรับไดไ้ ม่กี่คร้ัง ลูกตะกร้อก็ตกถึงพ้ืน

11

3. การติดตะกร้อ (เล่นเดีย่ ว) เป็นศิลปะการเล่นตะกร้อ คือ เตะตะกร้อใหไ้ ปติดอยทู่ ี่ส่วนใดส่วนหน่ึงของ
ร่างกาย และตอ้ งถ่วงน้าหนกั ใหอ้ ยนู่ าน แลว้ ใชอ้ วยั วะส่วนน้นั ส่งไปยงั ส่วนอื่นโดยไม่ใหต้ กถึงพ้นื เช่น การ
ติดตะกร้อที่หลงั มือ ขอ้ ศอก หนา้ ผาก จมกู เป็นตน้ ผเู้ ล่นตอ้ งฝึกฝนอยา่ งมาก

4. ตะกร้อติดบ่วง การเตะตะกร้อติดบว่ ง ใชบ้ ่วงกลมๆแขวนไวใ้ หส้ ูงสุด แตผ่ เู้ ล่นจะสามารถเตะใหล้ อดบ่วง
ไปยงั ผอู้ ่ืนได้ กล่าวกนั วา่ บ่วงที่เล่นเคยสูงสุดถึง 7 เมตร และยงิ่ เขา้ บ่วงจานวนมากเท่าไรยง่ิ แสดงถึง
ความสามารถ ถือเป็นการฝึกฝนไดด้ ี

12

กติกาการเล่นเซปักตะกร้อ กฬี าตะกร้อ
1.ผเู้ ล่น

ประเภทเด่ียว มีผเู้ ล่นตวั จริง 3 คน สารอง 1 คน ประเภททีม ประกอบดว้ ย 3 ทีม มีผเู้ ล่น 9 คน และผู้
เล่นสารอง 3 คน

2. ตาแหน่งของผเู้ ล่น มี 3 ตาแหน่งคือ
2.1 หลงั ( Back ) เป็นผเู้ ตะตะกร้อจากวงกลม
2.2 หนา้ ซา้ ย
2.3 หนา้ ขวา

3. การเปลี่ยนตวั ผเู้ ล่น
ในทีมเด่ียวเปลี่ยนตวั ได้ 1 คน และถา้ เหลือนอ้ ยกวา่ 3 คน ถือวา่ แพ้ ผมู้ ีชื่อในทีมเด่ียวที่เล่นมานาน

แลว้ จะลงเล่นในทีมเดี่ยวตอ่ ไปไมไ่ ด้

13

4. การเส่ียงและการอบอุ่นร่างกาย
มีการเส่ียง ผชู้ นะการเสี่ยงจะไดเ้ ลือกขา้ งหรือส่งลูก ทีมท่ีไดส้ ่งลูกจะไดอ้ บอุ่นร่างกายก่อน เป็ นเวลา

2 นาที พร้อมเจา้ หนา้ ท่ีและนกั กีฬาไมเ่ กิน 5 คน

5. ตาแหน่งของผเู้ ล่นระหวา่ งการส่งลูกเสิร์ฟ
เม่ือเร่ิมเล่นท้งั 2 ทีมพร้อมในแดนของตนเอง ผเู้ ล่นฝ่ ายเสิร์ฟจะตอ้ งอยใู่ นวงกลมของตนเอง เมื่อ

เสิร์ฟแลว้ จึงเคลื่อนที่ได้ ส่วนผเู้ ล่นฝ่ ายรับจะยนื ที่ใดก็ได้

6. การเปลี่ยนส่ง
ใหเ้ ปลี่ยนการส่งลูกเม่ือฝ่ ายส่งลูกผดิ กติกา หรือ ฝ่ ายรับทาลูกใหต้ กบนพ้ืนที่ของฝ่ ายส่งได้

7. การขอเวลานอก
ขอไดเ้ ซตละ 1 คร้ังๆ ละ 1 นาที

8. การนบั คะแนน
การแขง่ ขนั ใชแ้ บบ 2 ใน 3 เซต ในเซตที่ 1 และเซตท่ี 2 จะมีคะแนนสูงสุด 15 คะแนน ทีมใดได้ 15

คะแนนก่อน จะเป็นผชู้ นะในเซตน้นั ๆ ท้งั 2 เซต จะไม่มีดิวส์ หากท้งั สองทีมได้ 13 ก่อน หรือ 14 เทา่ กนั พกั
ระหวา่ งเซต 2 นาที ถา้ เสมอกนั 1:1 เซต ใหท้ าการแขง่ ขนั เซตที่ 3 ดว้ ยไทเบรก โดยเริ่มดว้ ยการเสี่ยงใหม่
โดยใชค้ ะแนน 6 คะแนน ทีมใดได้ 6 คะแนนก่อนเป็นผชู้ นะ แต่จะตอ้ งแพช้ นะอยา่ งนอ้ ย 2 คะแนน ถา้ ยงั ไม่
แพก้ นั ไม่นอ้ ยกวา่ 2 คะแนน ก็ใหท้ าการแข่งขนั อีก 2 คะแนน แต่ไม่เกิน 8 คะแนน เช่น 8:6 หทรือ 8:7 ถือ
เป็นการยตุ ิการแขง่ ขนั ระบบไทเบรก เมื่อฝ่ ายใดกต็ ามได้ 3 คะแนน และขอเวลานอกไดเ้ ซตละ 1 คร้ัง คร้ังละ
1 นาที สาหรับไทเบรก ขอเวลาได้ 1 คร้ัง คร้ังละ 30 วนิ าที

14

ประโยชน์ของการเล่นกฬี าตะกร้อ

ตะกร้อเป็นกีฬาไทยที่เล่นกนั แพร่หลายมานานนบั ศตวรรษ ไม่วา่ จะเป็นตามชนบท ในวดั ในวงั ใน
เมืองจะพบเห็นการเล่นตะกร้อเสมอ เพราะตะกร้อไมต่ อ้ งใชบ้ ริเวณพ้ืนที่กวา้ งขวางเหมือนกีฬาประเภทอื่นๆ
อุปกรณ์ก็หาไดง้ ่าย ท้งั ผเู้ ล่นกไ็ มจ่ ากดั รูปร่าง เพศหรือวยั ตลอดจนไมจ่ ะกดั ผเู้ ล่นตายตวั อาจยดื หยนุ่ ไดต้ าม
ความเหมาะสมการเล่นตะกร้อจึงไดร้ ับความนิยมตลอดมาซ่ึงผเู้ ล่นจะไดร้ ับประโยชนจ์ ากการเล่นท้งั ทางตรง
และทางออ้ มนบั อเนกประการดงั น้ี

1. ตะกร้อเป็นกีฬาท่ีประหยดั ลงทุนนอ้ ยแต่เล่นไดห้ ลายคน คุม้ ค่าเงิน สามารถร่วมทุนกนั คนละเลก็
ละนอ้ ยหรือผลดั กนั ซ้ือก็ได้ ท้งั ลูกตะกร้อกม็ ีความทนทาน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ถา้ รู้จกั ใชแ้ ละรู้จกั เก็บรักษาให้
ดี

2. การเล่นตะกร้อเป็ นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ทาใหจ้ ิตใจสดช่ืนแจ่มใสและที่สาคญั ผทู้ ี่เล่น
ตะกร้อยงั ไดช้ ่ือวา่ เป็ นผหู้ น่ึงที่ส่งเสริมกีฬาศิลปะและวฒั นธรรมไทย ซ่ึงถือไดว้ า่ เป็ นการรักษาเอกลกั ษณ์
ของชาติอีกดว้ ย

3. การเล่นตะกร้อยงั เป็นพ้ืนฐานของการเล่นกีฬาปะเภทอื่นไดเ้ ป็นอยา่ งดี เพราะทาให้ผเู้ ล่นรู้จกั
วธิ ีการครอบครองลูก รู้จงั หวะเขา้ ออก จงั หวะการเตะ โดยใหม้ ีความสมั พนั ธ์ระหวา่ งมือ เทา้ อวยั วะตา่ งๆ
ไดเ้ คลื่อนไหวสอดคลอ้ งกนั สร้างความแขง็ แกร่งของกลา้ มเน้ือ ก่อใหเ้ กิดความแขง็ แรงและความอดทนอีก
ดว้ ย

4. การเล่นตะกร้อสามารถเล่นคนเดียวกไ็ ด้ หรือถา้ มีผเู้ ล่นมากข้ึนกส็ ามารถปรับการเล่นไดต้ าม
ความเหมาะสม อนั ตรายจากการเล่นตะกร้อน้นั มีนอ้ ยมาก เพราะจะไมม่ ีการปะทะหรือถูกตอ้ งตวั กนั ระหวา่ ง
ผเู้ ล่นดว้ ยกนั เอง หรือแมแ้ ต่อุปกรณ์การเล่น กม็ ิไดท้ าใหเ้ กิดอนั ตราย ถา้ ผเู้ ล่นรู้จกั สงั เกตวา่ มีอุปกรณ์ใดชารุด
กป็ รับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมใหพ้ ร้อมก่อนท่ีจะเล่น การเคล่ือน ท่ีดว้ ยความระมดั ระวงั ก็จะทาใหเ้ กิดการหก
ลม้ เสียหลกั ไดย้ าก และการเล่นตะกร้อน้นั สามารถใชอ้ วยั วะไดห้ ลายส่วน ทาใหไ้ ม่เกิดการบอบช้าเฉพาะ
ส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายอีกดว้ ย

5. การเล่นตะกร้อ เป็ นการฝึกใหเ้ กิดความคล่องแคล่ววอ่ งไว ปราดเปรียว เพราะตอ้ งมีความ
ระมดั ระวงั ตวั และเตรียมตวั พร้อมที่จะเขา้ เล่นลูกในลกั ษณะต่างๆ อยตู่ ลอดเวลา การเคลื่อนไหวกต็ อ้ งกระทา
ดว้ ยความรวดเร็วกระฉบั กระเฉง เพื่อใหท้ นั กบั จงั หวะที่จะเล่นลูก

6. การเล่นตะกร้อเป็ นการฝึกใหเ้ ป็นผทู้ ี่มีอารมณ์เยอื กเยน็ สุขมุ รอบคอบ เพราะการเล่นหรือการเตะ
ลูกแต่ละคร้ังจะตอ้ งอาศยั สมาธิ และความต้งั ใจอยา่ งแน่วแน่ ถา้ หากใจร้อนหรือลุกล้ีลุกลน การเตะแต่ละ
คร้ังกจ็ ะเสียไป ทาใหเ้ ล่นผดิ พลาดไดบ้ อ่ ยๆ ถา้ เป็นการแข่งขนั กจ็ ะพา่ ยแพแ้ ก่คูแ่ ขง่ ขนั ไดง้ ่าย

15

7. การเล่นตะกร้อเป็ นการฝึกการตดั สินใจ เพราะก่อนการเล่นลูกทุกคร้ังจะตอ้ งมีการตดั สินใจ
เก่ียวกบั ทิศทาง ความเร็ว ความแรงและลกั ษณะการหมุนของลูก ซ่ึงจะเป็นสิ่งท่ีช่วยในการตดั สินใจวา่ ตอ้ ง
เล่นลูกดว้ ยท่าใด ส่งลูกไปยงั ทิศทางใด การกะระยะส่งลูก เป็นตน้

8. การเล่นตะกร้อจะช่วยประสานหนา้ ท่ีของอวยั วะในร่างกายใหม้ ีระบบการทางานดีข้ึน และเป็น
การฝึกประสาทไดเ้ ป็นอยา่ งดี เพราะการเล่นลูกแต่ละคร้ังตอ้ งอาศยั ระหวา่ งความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งประสาท
กบั กลา้ มเน้ือ และอวยั วะต่างๆ เพื่อทาใหก้ ารเตะและการเล่นลูกเป็นไปอยา่ งราบร่ืน นิ่มนวลและไดจ้ งั หวะ
ท้งั จะตอ้ งมีปฏิภาณไหวพริบ มีการแกไ้ ขปัญหาตลอดเวลาที่เล่น โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในการเล่นเพื่อแข่งขนั
จะตอ้ งมีการวางแผนการเล่นโดยอาศยั ปัจจยั หลายประการ เนื่องจากการแข่งขนั จะช้ีไดว้ า่ ใครมีเชาวป์ ัญญา
ปฏิภาณไหวพริบดีกวา่ หรือมากกวา่ กนั

9. การเล่นตะกร้อก่อใหเ้ กิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยผอ่ นคลายความตึงเครียดท้งั ผเู้ ล่นและ
ผชู้ ม การร่วมวงเล่นตะกร้อมกั จะมีการส่งเสียงแสดงความดีใจพอใจตลอดเวลาในการเล่น หรือการเตะทา่
พลิกแพลงตา่ งๆ ของผเู้ ขา้ ร่วมวงอยเู่ สมอ จึงก่อใหเ้ กิดความสามคั คีระหวา่ งผเู้ ล่นดว้ ยกนั รู้จกั หนา้ ท่ี
รับผดิ ชอบและใหโ้ อกาสแก่ผอู้ ื่น เกิดมนุษยสัมพนั ธ์ที่ดีมีความเขา้ อกเขา้ ใจ รู้นิสยั ใจคอกนั ดีข้ึน ยอมรับผิด
และใหอ้ ภยั กนั เสมอ นบั เป็นการช่วยส่งเสริมใหเ้ ขา้ สังคมไดด้ ียงิ่ ข้ึนอีกดว้ ย

10. การเล่นตะกร้อน้นั เล่นไดไ้ มจ่ ากดั เวลา คือจะเล่นเวลาใดก็ไดต้ ามความประสงคข์ องผเู้ ล่น ท้งั
ระยะเวลาในการเล่นกไ็ ม่กาหนดข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมและความพอใจของผเู้ ล่น

11. กีฬาตะกร้อเล่นไดไ้ มจ่ ากดั สถานที่ อาจจะเป็ นในร่มหรือกลางแจง้ ท้งั สภาพของสนามก็ไมเ่ ป็น
อุปสรรคมากมายนกั ขนาดของสนามกย็ ดื หยนุ่ ไดไ้ ม่ตายตวั เหมือนกีฬาอ่ืน ๆ

12. ตะกร้อเป็นกีฬาที่เหมาะสมกบั บุคคลทุกเพศทุกวยั เพราะเป็นกีฬาท่ีไม่หนกั หรือเบาจนเกินไป
สามารถปรับการเล่นตามความสามารถและกาลงั ของผเู้ ล่นได้ ท้งั ในดา้ นทกั ษะก็มีหลายระดบั ช้นั ซ่ึงดู
เหมือนจะทา้ ทายและจงู ใจผเู้ ล่นไม่รู้จบสิ้น ผเู้ ล่นสามารถพฒั นาทกั ษะไปตามวยั นอกจากน้นั อาจเล่นเพื่อ
ความสวยงาม เพอ่ื การออกกาลงั กาย เพอื่ การแสดง หรือเพื่อการแขง่ ขนั ก็ได้

16

มารยาทในการเล่นตะกร้อทดี่ ี

การเล่นกีฬาทุกชนิด ผเู้ ล่นจะตอ้ งมีมารยาทในการเล่นและการแขง่ ขนั ประพฤติปฏิบตั ิตนใหเ้ ป็นไป
ตามข้นั ตอนของการเล่นกีฬาแตล่ ะประเภท จึงจะนบั วา่ เป็ นผเู้ ล่นท่ีดีและมีมารยาท ผเู้ ล่นควรตอ้ งมีมารยาท
ดงั น้ี คือ

1. การแสดงความยนิ ดี ชมเชยดว้ ยการปรบมือหรือจบั มือเมื่อเพ่ือนเล่นไดด้ ี แสดงความเสียใจเม่ือตนเอง
หรือเพือ่ นร่วมทีมเล่นผดิ พลาดและพยามปลอบใจเพื่อน ตลอดจนปรับปรุงการเล่นของตวั เองใหด้ ีข้ึน

2. การเล่นอยา่ งสุภาพและเล่นอยา่ งนกั กีฬา การแสดงกิริยาทา่ ทางการเล่นตอ้ งใหเ้ หมาะสมกบั การเป็น
นกั กีฬาที่ดี

3. ผเู้ ล่นที่ดีตอ้ งไม่หยบิ อุปกรณ์ของผอู้ ื่นมาเล่นโดยพลการ
4. ไมว่ า่ จะชนะหรือแพต้ อ้ งไมแ่ สดงอาการดีใจหรือเสียใจจนเกินไป
5. ผเู้ ล่นตอ้ งเชื่อฟังคาตดั สินของกรรมการ หากไม่พอใจคาตดั สินกย็ นื่ ประทว้ งตามกติกา
6. ผเู้ ล่นตอ้ งควบคุมอารมณ์ให้สุขมุ อยตู่ ลอดเวลา
7. ก่อนการแขง่ ขนั หรือหลงั การแขง่ ขนั ไม่วา่ จะเป็ นฝ่ ายแพห้ รือชนะก็ตาม ควรจะตอ้ งจบั มือแสดง

ความยนิ ดี
8. หากมีการเล่นผดิ พลาด จะตอ้ งกล่าวคาขอโทษทนั ทีและตอ้ งกล่าวใหอ้ ภยั เม่ือฝ่ ายตรงขา้ มกล่าวขอ

โทษดว้ ยความยมิ้ แยม้ แจม่ ใส
9. ตอ้ งแตง่ กายรัดกุม สุภาพ ถูกตอ้ งตามกติกาท่ีกาหนดไว้
10. ไม่ส่งเสียงเอะอะในขณะเล่นหรือแขง่ ขนั จนทาใหผ้ เู้ ล่นอ่ืนเกิดความราคาญ
11. ตอ้ งปฏิบตั ิตามกฎขอ้ บงั คบั ตามกติกาอยา่ งเคร่งครัด
12. มีความอดทนตอ่ การฝึกซอ้ มและการเล่น
13. หลงั จากฝึกซอ้ มแลว้ ตอ้ งเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
14. เล่นและแขง่ ขนั ดว้ ยช้นั เชิงของนกั กีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภยั ในการเล่นกีฬา

17

มารยาทของผ้ชู มตะกร้อทด่ี ี

1. ปรบมือให้นกั กีฬาและผตู้ ดั สินเม่ือเขาดินลงสนาม
2. ปรบมือแสดงความยนิ ดีเมื่อผเู้ ล่นเล่นไดด้ ี หรือชนะการแข่งขนั
3. นง่ั ชมดว้ ยความสงบเรียบร้อยไม่ส่งเสียงเอะอะ
4. ไมแ่ สดงทา่ ทางยว่ั ยใุ หผ้ เู้ ล่นขาดสมาธิ
5. ไมใ่ ชเ้ สียงเพลงที่มีเน้ือหาหยาบคาย สร้างความแตกแยก
6. อยา่ แสดงกิริยาไมส่ ุภาพหรือใชว้ สั ดุส่ิงของขวา้ งปาลงสนาม นกั กีฬา หรือกรรมการ
7. ผดู้ ูตอ้ งยอมรับการตดั สินของผตู้ ดั สิน
8. ไม่ส่งเสียงโห่ร้องหรือแสดงกิริยาเยย้ หยนั เม่ือผเู้ ล่นเล่นผิดพลาดหรือผตู้ ดั สินผดิ พลาด
9. ผดู้ ูควรเรียนรู้กติกาการแขง่ ขนั กีฬาชนิดน้นั ๆ พอสมควร
10. ใหค้ วามร่วมมือกบั เจา้ หนา้ ท่ี เมื่อเกิดเหตุการณ์วนุ่ วายข้ึนในสนามแข่งขนั
11. สนบั สนุนใหก้ าลงั ใจและใหเ้ กียรตินกั กีฬาทุกประเภทเพ่ือเป็นการส่งเสริมการกีฬาของชาติ

18

อุปกรณ์กฬี าตะกร้อ

ขอ้ ท่ี 1. สนามแขง่ ขนั ( THE COURT )
1.1 พ้ืนที่ของสนามมีความยาว 13.40 เมตร และกวา้ ง 6.10 เมตร จะตอ้ งไมม่ ีส่ิงกีดขวางใดๆ เมื่อวดั

จากพ้นื สนามสูงข้ึนไป 8 เมตร (พ้ืนสนามไมค่ วรเป็ นสนามหญา้ หรือสนามทราย )
1.2 เส้นสนาม ขนาดของเส้นสนามทุกเส้นที่เป็นขอบเขตของสนามตอ้ งไมก่ วา้ งกวา่ 4 เซนติเมตร

ใหต้ ีเส้นจากกรอบนอกเขา้ มาในสนามและถือเป็นส่วนของพ้ืนท่ีสนามแข่งดว้ ย เส้นเขตสนามทุกเส้นตอ้ ง
ห่างจากส่ิงกีดขวางอยา่ งนอ้ ย 3 เมตร

1.3 เส้นกลาง มีขนาดกวา้ งของเส้น 2 เซนติเมตร โดยจะแบ่งพ้นื ที่ของสนามออกเป็นดา้ นซา้ ยและ
ดา้ นขวาเทา่ ๆกนั

1.4 เส้นเส้ียววงกลม ท่ีมุมสนามของแตล่ ะดา้ นตรงเส้นกลางใหจ้ ุดศนู ยก์ ลางอยทู่ ี่ก่ึงกลางของเส้น
กลางตดั กบั ขอบดา้ นในของเส้นขา้ งเขียนเส้นเส้ียววงกลมท้งั สอง ดา้ นรัศมี 90 เมตร ให้ตีเส้นขนาดความ
กวา้ ง 4 เซนติเมตร นอกเขตรัศมี 90 เซนติเมตร

1.4 เส้นเส้ียววงกลม ที่มุมของสนามของแต่ละดา้ นตรงเส้นกลางใหจ้ ุดศนู ยก์ ลางอยทู่ ี่ก่งกลางของ
เส้นกลางตดั กบั ขอบดา้ นในของเส้นขา้ ง เขียนเส้นเส้ียววงกลมท้งั สองดา้ นรัศมี 90 เซนติเมตร ใหต้ ีเส้นนข
นาดความกวา้ ง 4 เซนติเมตร นอกรัศมี 90 เซนติเมตร

1.5 วงกลมเสิร์ฟ ใหร้ ัศมี 30 เซนติเมตร โดยวดั จากจุดกงกลางของเส้นหลงั ไปในสนาม 2.45 เมตร
และวดั จากขอบดา้ นนอกของเส้นขา้ งไปในสนาม 3.05 เมตร แ ละวดั จากขอบดา้ นนอกของเส้นขา้ งเขา้ ไป
ในสนาม 3.05 เมตร ใชต้ รงจุดตดั จากเส้นหลงั และเส้นขา้ งเป็นจุดศูนยก์ ลาง ใหเ้ ขียนเส้นวงกลมขนาดความ
กวา้ ง 4 เซนติเมตร นอกเขตรัศมี 30 เซนติเมตร ( ดูรูปขนาดสนามจากภาคผนวก )

19

ขอ้ ท่ี 2. เสา ( THE POSTS )
2.1 เสามีความสูง 1.55 เมตร ( ผหู้ ญิง 1.45 เมตร ) ต้งั อยอู่ ยา่ งมนั่ คงพอที่จะทาใหต้ าข่ายตึง โดยตอ้ ง

ทาจากวสั ดุท่ีมีความแขง็ แกร่งและมีรัศมีไม่เกิน 4 เซนติเมตร
2.2 ตาแหน่งของเสา ใหต้ ้งั หรือวางไวอ้ ยา่ งมน่ั คงนอกสนามตรงกบั แนวเส้นกลาง ห่างจากเส้นขา้ ง

30 เซนติเมตร

ขอ้ ที่ 3. ตาขา่ ย ( THE NET )
3.1 ตาขา่ ยใหท้ าดว้ ยเชือกอยา่ งดีหรือไนล่อน มีรูตาข่ายกวา้ ง 6 – 8 เซนติเมตร ความกวา้ งของผนื

ตาขา่ ย 70 เซนติเมตร และความยาวไม่นอ้ ยกวา่ 6.10 เมตร ใหม้ ีวสั ดุท่ีทาเป็นแถบ ขนาดความกวา้ ง 5
เซนติเมตร ตรงดา้ นขา้ งของตาข่ายท้งั สองดา้ นจากดา้ นบนถึงดา้ นล่างตรงกบั แนวเส้นขา้ งซ่ึงเรียกวา่ “แถบ
แสดงเขตสนาม”

3.2 ตาขา่ ยใหม้ ีขนาดความกวา้ ง 5 ซนติเมตร ท้งั ดา้ นบนและดา้ นล่าง โดยมีเชือกธรรมดาหรือ
เชือก ไนล่อนอยา่ งดี ร้อยผา่ นแถบและขึงตาขา่ ยใหต้ ึงเสมอระดบั หวั เสา ความสูงของตาขา่ ยโดยวดั จาก
พ้นื ถึงส่วนบนของตาข่ายที่ก่ึงกลางสนามมีความสูง 1.52 เมตร ( ผหู้ ญิง 1.42 เมตร ) และวดั ตรงเสาท้งั สอง
ดา้ นมีความสูง 1.55 เมตร ( ผหู้ ญิง 1.45 เมตร )

20

ขอ้ ที่ 4 ลูกตะกร้อ ( THE SEPAKTRAKRAW BALL )
ลูกตะกร้อตอ้ งมีลกั ษณะเป็นทรงกลม ทาดว้ ยหวายหรือใยสงเคราะห์ช้นั เดียวมี 12 รู กบั 20 จุดตดั

ไขว้ หากทาดว้ ยหวายตอ้ งมีจานวน 9 – 11 เส้น ขนดของเส้นรอบวงตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 42 เซนติเมตร และไม่
มากกวา่ 44 เซนติเมตร ( ผหู้ ญิง 43 – 45 เซนติเมตร) น้าหนกั ก่อนใชแ้ ขง่ ขนั ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 170 กรัม และ
ไม่เกินกวา่ 180 กรัม ( ผหู้ ญิง 150 – 160 กรัม )

21

ทกั ษะการเล่นตะกร้อ/วธิ ีการเล่นตระกร้อ
ข้นั ตอนการฝึ กการเล่นตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านใน

1. ผเู้ ล่นเตรียมรับลูกที่ลอยมา โดยยนื ทรงตวั แยกขาท้งั สองขา้ งยอ่ ตวั ลงเลก็ นอ้ ยตามองตรงไปยงั
ลูกตะกร้อ ยกเทา้ ท่ีจะเตะใหข้ า้ งเทา้ ดา้ นในขนานกบั พ้ืนแลว้ เตะลูกเป็นแนวตรงและเอนตวั ไปดา้ นหลงั (ดงั
รูปที่ 1 - 2)

2. เมื่อลูกที่เตะลอยข้ึน ผเู้ ล่นยอ่ เข่าขา้ งที่ไม่ไดเ้ ตะ ใหเ้ ทา้ ที่จะใชเ้ ตะอยดู่ า้ นหลงั เหวย่ี งเทา้ ขา้ งที่จะเตะ
สมั ผสั ลูกดว้ ยขา้ ง เทา้ ดา้ นในเพอื่ ส่งลูกไปตามทิศทางที่ตอ้ งการ

การเดาะตะกร้อด้วยหลงั เท้า หมายถึง การเตะตะกร้อดว้ ยหลงั เทา้ เบาๆ ซ้ากนั หลายๆคร้ัง เป็นการเตะเพ่ือ
บงั คบั ลูกใหอ้ ยใู่ กลต้ วั ในระดบั สูงเกินสะเอว หลกั การฝึกเช่นเดียวกบั การเตะตะกร้อดว้ ยหลงั เทา้ แตม่ ีขอ้
แตกต่างกนั เพยี งเล็กนอ้ ย ซ่ึงมีหลกั การเตะตะกร้อดว้ ยหลงั เทา้ ดงั น้ี

22

1. การเดาะลูกดว้ ยหลงั เทา้ ปลายเทา้ ที่เดาะลูกจะกระดกข้ึน และลูกตะกร้อจะถูกหลงั เทา้ คอ่ นไป
ทางปลายเทา้ บริเวณโคนนิ้วเทา้ ท้งั หา้ ใชป้ ลายเทา้ ตวดั ลูกตะกร้อใหล้ อยข้ึนมาตรง ๆ

2. ยกเทา้ ท่ีเดาะลูกใหต้ ่าท่ีสุดเทา่ ที่จะทาได้
3. ขณะท่ีเดาะลูกควรกม้ ตวั ไปขา้ งหนา้ เล็กนอ้ ย
4. ควรฝึกเดาะลูกตะกร้อดว้ ยหลงั เทา้ ใหไ้ ดท้ ้งั สอง

การเดาะตะกร้อด้วยเข่า
ยนื ในท่าเตรียมพร้อม มือถือลูกตะกร้อโยนแลว้ เดาะดว้ ยเขา่ ขา้ งถนดั ตอ่ เน่ืองกนั จนกวา่ ลูกตะกร้อจะ ตกพ้นื
แลว้ หยบิ ลูกตะกร้อข้ึนมาเดาะใหม่ ปฏิบตั ิเหมือนเดิมหลาย ๆ คร้ัง เมื่อพจิ ารณาแลว้ เห็นวา่ การเดาะดว้ ยเข่า
ขา้ งที่ถนดั ดีแลว้ ใหเ้ ปล่ียนเดาะดว้ ยเขา่ ขา้ งที่ไมถ่ นดั บา้ ง หรืออาจจะสลบั การเดาะดว้ ยเขา่ ท้งั สองขา้ งก็ได้

การเล่นตะกร้อด้วยศีรษะ
เป็นทกั ษะพ้ืนฐานที่มีความสาคญั สาหรับการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อเป็ นอยา่ งมาก นิยมใชใ้ นการเปิ ดลูก

เสิร์ฟ การรุกดว้ ยศีรษะ ( การเขก ) การรับ การส่ง การชงลูก หรือการต้งั ลูกตะกร้อ และการสกดั ก้นั หรือการ
บลอ็ กลูกจากการรุกของฝ่ ายตรงขา้ ม ผเู้ ล่นจะตอ้ งฝึกหดั การเล่นตะกร้อดว้ ยศีรษะไดห้ ลาย ๆ ลกั ษณะ
โดยเฉพาะผเู้ ล่นตาแหน่งหนา้ ซา้ ยและหนา้ ขวา จะตอ้ งเล่นตะกร้อดว้ ยศีรษะไดเ้ ป็ นอยา่ งดี

23

การเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายของผู้เล่นตะกร้อ

ในวยั เดก็ มกั จะเลือกเล่นกีฬาโดยอาศยั สมาชิกของครอบครัวเป็ นหลกั แต่เม่ือเด็กโตข้ึน จะเลือกเล่น
กีฬาตามความสนใจและแรงจูงใจ ในขณะท่ีปัจจยั ทางกายภาพมีความสาคญั มากข้ึน ในวยั กลางคนปัจจยั
ภายในจะมีความสาคญั มากท่ีสุด แต่ในวยั สูงอายปุ ัจจยั ภายนอกจะมาความสาคญั มากที่สุด วยั ที่เร่ิมเล่นกีฬามี
ความสาคญั มาก เพราะเร่ิมเล่นกีฬาต้งั แต่อายยุ งั นอ้ ยจะมีแนวโนม้ เล่นกีฬาไดน้ านและเล่นไดด้ ี การเล่นกีฬา
ต้งั แตว่ ยั เดก็ จะทาใหเ้ กิดความมน่ั ใจและมีภาพลกั ษณ์ท่ีดีต่อตนเอง ความมน่ั ใจในตนเองน้ีจะทาใหส้ ามารถ
แสดงความสามารถดา้ นอื่นไดด้ ีข้ึน

1. องค์ประกอบในการเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกาย

สมรรถภาพทางร่างกายประกอบด้วยส่วนประกอบหลายส่วน คือ

1.ความแขง็ แรง

2. ความเร็ว

3. ความอดทนของกลา้ มเน้ือ

4. ความยดื หยนุ่

1.1 ความแข็งแรง

ความแขง็ แรง คือ แรงสูงสุดที่กลา้ มเย้อื แสดงออกมาในการหดตวั หน่ึงคร้ัง การสร้างความแขง็ แรง
ทาไดโ้ ดยใชก้ ลา้ มเน้ือตา้ นแรงตา้ นทาน การสร้างความแข็งแรงทาไดห้ ลายวธิ ี คือ

1. การยกย้าหนกั เช่น บาร์เบล ดมั เบล วธิ ีน้ีสามารถฝึกไดห้ ลายแบบและฝึกไดใ้ นกลา้ มเน้ือหลายมดั
การวดั ความกา้ วหนา้ ทาไดง้ ่าย แต่ขอ้ เสีย คือ จะยกน้าหนกั ตา้ นแรงโนม้ ถ่วงในแนวข้ึน – ลงไดเ้ ทา่ น้นั
ดงั น้นั สาหรับนกั กีฬาที่ตอ้ งการความชานาญเฉพาะ การฝึ กแบบน้ีจะช่วยไดไ้ ม่มากนกั

2. การหดกลา้ มเน้ืออยกู่ บั ที่ วธิ ีน้ีไม่ใชแ้ ลว้ ในการฝึก เน่ืองจากการหดตวั ของกลา้ มเน้ือไม่ใช่
ลกั ษณะท่ีพบบอ่ ยในการเล่นกีฬา

3. การหดกลา้ มเน้ือแบบความเร็วคงท่ีแตเ่ ปล่ียนความตา้ นทาน วธิ ีน้ีจะเพ่มิ งานแก่กลา้ มเน้ือไดอ้ ยา่ ง
ตอ่ เนื่อง แตม่ ีขอ้ เสียคือ ความแขง็ แรงที่ฝึกไดท้ ี่ความเร็วหน่ึง อาจจะไม่สามารถถ่ายทอดไปท่ีความเร็วอ่ืนได้
เสมอไป ในกีฬาบางชนิดจะตอ้ งเพิม่ ความเร็วขณะเล่น ไม่ใช่ความเร็วคงท่ี ซ่ึงแตกตา่ งจากขณะฝึก

4. การออกแรงตา้ นน้าหนกั วิธีน้ีไดแ้ ก่ การกระโดด การวงิ่ ข้ึนภูเขา การออกแรงตา้ นน้าหนกั ตวั
นกั กีฬาจะฝึกออกแรงทนั ที ซ่ึงจะนาไปใชใ้ นกีฬาอ่ืนได้

24

5. การฝึกเฉพาะประเภทกีฬา การฝึกแบบน้ีออกแรงตา้ นทานเฉพาะตามประเภทของกีฬา เช่น นกั
วา่ ยน้าจะใส่ชุดซ่ึงเพม่ิ แรงตา้ นทานของน้า ที่จะทาใหน้ กั กีฬาแขง็ แรงข้ึนตามแนวแรงของการเล่น

การทดสอบความแข็งแรง ทาได้โดยการวดั

1. แรงกลา้ มเน้ือ โดยวดั แรงกลา้ มเน้ือ มือ แขน หลงั และขา

2. พลงั กลา้ มเน้ือ โดยวดั พลงั ขาในการยดื กระโดดไกลหรือกระโดดสูง

1.2 ความเร็ว

ความเร็ว หมายถึง เวลานอ้ ยทีสุดท่ีร่างกายจะไปไดใ้ นระหวา่ งจุดสองจุด ซ่ึงอาจจะวดั เป็นเวลา (
วนิ าที ) เป็ นระยะทางตอ่ เวลา ( เมตร / นาที )

ในกีฬาตะกร้อ เช่น การเล่นเซปักตะกร้อ จะใชก้ าลงั มากในช่วงเวลาส้ันๆ จึงตอ้ งฝึกการใชก้ ลา้ มเน้ือแบบไม่
ใชอ้ อกซิเจน จะตอ้ งฝึกซ้าๆ สลบั กบั การพกั เช่น ใหว้ งิ่ ระยะส้ัน ควรวงิ่ 5 – 7 วนิ าที สลบั กบั การเดิน 1 – 2
นาที การฝึกแบบน้ีจะทาใหน้ กั กีฬาฝึกไดจ้ านวนคร้ังมากข้ึนโดยท่ีเหนื่อยนอ้ ยลง การทดสอบความเร็ว ทาได้
โดย การวงิ่ 50 เมตร

1.3 ความอดทน

ความอดทน หมายถึง ความสามารถของกลา้ มเน้ือท่ีจะหดตวั ซ้าๆ โดยไมเ่ หน่ือย การหดตวั ของ
กลา้ มเน้ือใชพ้ ลงั งานจากหลายแห่ง มีท้งั แหล่งที่ใชอ้ อกซิเจนและไม่ใชอ้ อกซิเจน

ความยดื หยนุ่ หมายถึง ระยะการเคลื่อนไหวของขอ้ เคร่ืองมือที่ใชว้ ดั อาจจะเป็ นเคร่ืองมือง่ายๆ เช่น ไมโ้ ปร
แทรคเตอร์ กีฬาที่ตอ้ งการความยดื หยนุ่ สูง ไดแ้ ก่ ยมิ นาสติก

2. แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย

แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายโดยทวั่ ไป ซ่ึงคณะกรรมการนานาชาติจดั ข้ึนเพอ่ื เป็นมาตรฐานการ
ทดสอบของสมรรถภาพทางกาย ( International Committee for the Standardization of Physical fitness test )
ไดก้ าหนดไวเ้ พื่อใชเ้ ป็นแบบทดสอบมาตรฐานสาหรับนานาประเทศ ประกอบดว้ ยการทดสอบ 8 อยา่ ง คือ

1. วง่ิ เร็ว 50 เมตร สาหรับทดสอบความเร็ว

2. ยนื กระโดดไกล สาหรับทดสอบกาลงั กลา้ มเน้ือ

3. แรงบีบมือ สาหรับทดสอบความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือ

4. ลุกนง่ั 30 วนิ าที สาหรับทาสอบความทดทนของกลา้ มเน้ือ

25

5. ก.ดึงขอ้ ( ชายอายตุ ้งั แต่ 12 ปี ข้ึนไป ) สาหรับทดสอบความอดทนของกลา้ มเน้ือ

ข.ดึงแขนห้อยตวั ( หญิงทุกอายุ และชายอายตุ ่ากวา่ 12 ปี )

6. วงิ่ เก็บของ สาหรับทดสอบความคล่องแคล่ว

7. นง่ั งอตวั สาหรับทดสอบความอ่อนตวั

8. วง่ิ ระยะไกล สาหรับทดสอบความอดทนทวั่ ไป

การบารุงรักษาสุขภาพ

การมีสุขภาพดีท้งั ทางร่างกายและจิตใจ เป็นส่ิงสาคญั อยา่ งยงิ่ สาหรับมนุษยท์ ุกคน การเล่นกีฬาหรือ
การออกกาลงั กายเพอ่ื สุขภาพก็จะตอ้ งรู้จกั วธิ ีรักษาสุขภาพดว้ ย

การบารุงรักษาสุขภาพโดยทวั่ ไป

1. การประมาณตน การออกกาลงั กายเพมิ่ สมรรถภาพทางกาย จะตอ้ งเหมาะสมกบั สภาพร่างกาย
ของแตล่ ะบุคคล ถา้ หากฝึกซอ้ มเบาเกินไปก็ไดผ้ ลนอ้ ย หรือไม่ไดผ้ ล แตก่ ารฝึกซอ้ มหลกั เกินไป นอกจากจะ
ไม่ไดผ้ ลแลว้ ยงั เป็นอนั ตรายตอ่ สุขภาพดว้ ย

2. การแต่งกาย การแต่งกายมีส่วนเก่ียวขอ้ งท้งั ในการเคลื่อนไหว ความอดทนและจิตวทิ ยา เครื่อง
แต่งกายท่ีไมเ่ หมาะสมกบั การเล่นตะกร้อ เช่น สวมเส้ือและกางเกงรุ่มร่าม รองเทา้ ไม่เหมาะสมกบั เทา้
นอกจากทาใหเ้ คลื่อนไหวไม่คล่องตวั แลว้ ยงั เป็ นตน้ เหตุใหเ้ กิดอุบตั ิเหตุดว้ ย ในดา้ นความอดทนตอ้ ง
คานึงถึงการระบายความร้อนออกจากร่างกายเป็นสาคญั เพราะในระหวา่ งที่ออกกาลงั กายจะมีความร้อน
เกิดข้ึน หากระบายออกไมท่ นั ความร้อนท่ีสะสมข้ึนจะเป็ นตวั จากดั การออกกาลงั กายต่อไป ในกรณีที่เส้ือผา้
ทาดว้ ยวสั ดุใยสังเคราะห์ที่มีคุณสมบตั ิในการซบั เหง่ือไดน้ อ้ ยจะทาใหก้ ารระบายความร้อนออกจากร่างกาย
เป็นไปดว้ ยคามยากลาบากอีกดว้ ย

3. การรับประทานอาหารท่ีมีคุณคา่ และเพยี งพอกบั คามตอ้ งการของร่างกาย การรับประทานอาหาร
บางคนเขา้ ใจวา่ รับประทานขา้ วจนอิ่มทอ้ งกเ็ พียงพอแลว้ โดยไม่รู้ถึงความสาคญั ของอาหารแตล่ ะชนิด
เพราะร่างกายของคนเราตอ้ งการสารอาหารหลายชนิดซ่ึงจะใหป้ ระโยชนแ์ ก่ร่างกายที่แตกตา่ งกนั จะไมม่ ี
อาหารชนิดใดเพียงชนิดเดียวที่มีสารอาหารตา่ งๆ ในปริมาณท่ีเพยี งพอเท่าความตอ้ งการของร่างกาย จึง
จาเป็นอยา่ งยงิ่ ที่จะตอ้ งรับประทานอาหารท่ีใหส้ ารอาหารครบท้งั ๕ หมู่ เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ารอาหารที่ครบถว้ น
นอกจากน้ีจะตอ้ งรับประทานอาหารใหเ้ ป็ นเวลา และมีการฝึกการขบั ถ่ายใหเ้ ป็นเวลาดว้ ย

4. หลงั การฝึกซอ้ มหรือออกกาลงั กายใหม่ๆ ไม่ควรอาบน้าทนั ที ควรรอใหเ้ หง่ือแหง้ เสียก่อน ใน
ระหวา่ งพกั ใหเ้ หง่ือแหง้ น้ี ไม่ควรถอดเส้ือแตอ่ าจเปลี่ยนเส้ืออื่นท่ีไม่เปี ยกกไ็ ด้

26

5. งดเวน้ จากการเสพสิงเสพยต์ ิดทุกชนิด การไม่เท่ียวเตร่ในแหล่งอบายมุขท้งั ปวงเป็ นสิ่งที่ดี แตถ่ า้
จะใหส้ ุขภาพดียงิ่ ข้ึนควรงดสิ่งเสพยต์ ิดทุกชนิด เช่น บุหรี่ สุรา เครื่องดองของมึนเมาต่างๆ เป็นตน้

3.ปัจจัยทเี่ กยี่ วข้องกบั สมรรถภาพทางกาย

1.การซอ้ มเกิน

การซอ้ มเกิน หมายถึง การท่ีนกั กีฬาทาการฝึกซอ้ มหนกั หน่วงเกินไป จึงเป็นผลร้ายแทนท่ีจะเป็น
ผลดี คือ ทาใหส้ มรรถภาพเส่ือมแทนท่ีจะดีข้ึน อาการแยกเป็น 2 พวก คือ อาการแจง้ กบั อาการแสดง

อาการแจง้ ไดแ้ ก่ ความเบื่อหน่าย หงุดหงิด เหงาซึม นอนไมห่ ลบั เบื่ออาหาร ปวดเม่ือย หายเหนื่อยชา้ เป็ น
ตน้

อาการแสดง ไดแ้ ก่ สมรรถภาพลดลง น้าหนกั ตวั ลด ชีพจรและความดนั เลือดสูงข้ึน

เม่ือปรากฏอาการซอ้ มเกิดข้ึน ตอ้ งงดฝึกซอ้ มชว่ั คราว ถา้ อาการนอ้ ยอาจลดความหนกั ของการฝึกซอ้ มลง
เพิม่ การพกั ผอ่ นและนนั ทนาการใหม้ ากข้ึน แตถ่ า้ มีอาการมาก อาจใหห้ ยดุ ฝึกซอ้ มชว่ั ระยะเวลาหน่ึง เมื่อสด
ช่ืนกระปร่ีกระเปร่าดีแลว้ จึงกลบั มาซอ้ มใหม่โดยค่อยๆ เพมิ่ ความหนกั ข้ึนเร่ือยๆ

2. การเกบ็ ตวั เกิน

การเก็บตวั เกิน คือ การนานกั กีฬามาอยคู่ ่ายฝึกซอ้ มเป็นเวลานานเกินสมควร ทาใหเ้ กิดผลเสียทางจิตใจและ
อาจแสดงออกมาเป็ นการเสื่อมสมรรถภาพ จากการปฏิบตั ิของการกีฬาในประเทศตะวนั ตก โดยมากเขาไม่
เกบ็ ตวั นกั กีฬาไวฝ้ ึกซอ้ มนานกวา่ 3 สปั ดาห์ ถึงแมว้ า่ จะมีการแข่งขนั ที่สาคญั เพียงไรก็ตาม ถา้ มีเหตุผลพิเศษ
ที่จะตอ้ งใหน้ กั กีฬาอยใู่ นคา่ ยนานกวา่ น้นั เขาใชว้ ธิ ีแบง่ เป็ นวาระ คือใหอ้ ยคู่ า่ ยวาระหน่ึงๆ 10 – 14 วนั แลว้
ใหห้ ยดุ พกั ไปบา้ นไดป้ ระมาณ 7 วนั จึงกลบั มาใหม่ ระหวา่ งอยคู่ า่ ยตอ้ งจดั ใหม้ ีการนนั ทนาการตา่ งๆที่ไม่
จาเจ เพื่อไม่ใหเ้ กิดความเบื่อหน่าย เพราะสภาพการกินอยู่ การฝึกซอ้ มท่ีจาเจซ้าซาก ขอ้ สาคญั คือ จะตอ้ งทา
ใหน้ กั กีฬารู้ตวั วา่ จะไดป้ ระโยชน์จริงจงั จากการเขา้ คา่ ย มีการวางแผนการฝึกซอ้ มที่สม่าเสมอและเหมาะสม
ดูแลสภาพความเป็นอยแู่ ละความกา้ มหนา้ ของการฝึก อยา่ ใหร้ ู้สึกวา่ ถูกกกั ขงั

3. การอบอุน่ ร่างกาย

เป็นส่ิงที่นกั กีฬาตอ้ งทาก่อนการฝึกซอ้ มหรือการแข่งขนั ซ่ึงนอกจากจะทาใหก้ ารฝึกซอ้ มหรือการแข่งขนั
ไดผ้ ลเตม็ ท่ีแลว้ ยงั ช่วยป้ องกนั การปาดเจบ็ จากการเล่น เช่น ขอ้ แพลง กลา้ มเน้ือฉีกไดอ้ ีกดว้ ย

27

บรรณานุกรม

ท่ีมา http://www.yanchaow.com/view373.aspx
https://th.wikipedia.org/wiki/
กรมพลศึกษา กระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกีฬา


Click to View FlipBook Version