นางสาวอรัญญา ลาคํา รหัส 61131113008
นางสาวณฐั พร คณานุรกั ษ์ รหสั 61131113013
นายพันธ์พทั ธ์ ชัยดว้ ง รหัส 61131113018
นางสาวชนานันท์ คําพนั รหัส 61131113027
นางสาวอกั ษราภคั พรรณสทุ ธิ์ รหสั 61131113032
กล่มุ เรียน 01 ชน้ั ปที ี่ 4
คณะครุศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป
เสนอ
ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. บญุ ฤดี อุดมผล
คํานํา
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการ
ออกแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (PGS4602) ใน
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เล่มนี้ประกอบไปด้วยแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง
หิน ใบงานท่ี 1 ใบงานท่ี 2 ใบงานท่ี 3 และแบบทดสอบหลังเรียน
ทางนักศึกษาได้จัดทําหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เล่มนี้ขึ้นมา
เพื่อที่จะนําเสนอรูปแบบการสอนแบบใหม่ที่น่าสนใจมากขึ้น และเพื่อที่จะทําให้
นักเรียนที่สนใจเรื่อง หิน ได้ศึกษาทําความเข้าใจมากขึ้น หากมีความผิดพลาด
ประการใดพวกเราคณะผูจ้ ัดทาํ ต้องขออภัยมา ณ ที่น้ีด้วย
คณะผ้จู ัดทาํ
สารบญั
เร่อื ง หนา้
คาํ นาํ ก
สารบญั ข
แบบทดสอบก่อนเรยี น เรอื่ ง หิน 1
กระดาษคาํ ตอบ 3
เรอ่ื ง หิน 4
วฏั จกั รของหิน 5
หนิ อัคนี 6
ใบงานท่ี 1 9
หินตะกอน 10
เสริมความรู้ เรือ่ ง หินตะกอน 11
ใบงานที่ 2 16
หนิ แปร 17
ใบงานท่ี 3 20
เรอ่ื ง หน้า
แบบทดสอบหลงั เรียน 21
กระดาษคาํ ตอบ 24
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน 25
เฉลยใบงานท่ี 1 26
เฉลยใบงานที่ 2 27
เฉลยใบงานท่ี 3 28
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 29
บรรณานุกรม 30
แบบทดสอบก่อนเรยี น
เรอื่ ง หิน
คาํ ชี้แจง : ใหท้ าํ เครอื่ งหมายกากบาท (X) ทบั ตัวอกั ษร ก ข ค หรอื ง ทถ่ี ูกต้องเพียงข้อ
เดียวลงในกระดาษคาํ ตอบ
1. หนิ เป็นมวลประเภทใด 3. เปลือกโลกประกอบดว้ ยแรธ่ าตตุ ระกูลใดบ้าง
ก) ของแขง็ ก) ตระกูลซลิ ิเกต
ข) แรธ่ าตุ ข) ตระกูลคารบ์ อเนต
ค) พลังงาน ค) ตระกูลคาร์บอนไดออกไซต์
ง) ปฏกิ ริ ยิ า ง) ตระกูลซลิ ิเกตและตระกลู คาร์บอเนต
1 2. องคป์ ระกอบของเปลือกโลกสว่ นใหญ่ 4. หินหนดื รอ้ นภายในโลกมชี อ่ื เรยี กวา่ อะไร
ประกอบดว้ ยสารชนดิ ใด ก) แม็กมา
ก) SiO2 ข) ลาวา
ข) SiNO2 ค) แม็กลาวา
ค) SiO3 ง) ไมม่ ขี อ้ ถกู
ง) SiNO3
5. เม่ือหนิ หนดื ภายในโลกและหินหนืดบนผวิ 8. ข้อใดคือหนิ อคั นี 2
โลกแขง็ ตวั มีช่ือเรียนกว่าอะไร ก) หินกรวดมน
ข) หินช้นั ปูน
ก) หินแปร ค) หนิ เชิร์ต
ข) หนิ ชัน้ ง) หนิ แกบโบร
ค) หนิ อัคนี 9. ขอ้ ใดคือประเภทของหนิ อคั นี
ง) หินตะกอน ก) หนิ อคั นีทบั ถม
6. ขอ้ ใดไม่ใชป่ จั จัยทีส่ ง่ ผลต่อการสึกกร่อนของหนิ ข) หินอัคนีแทรกซอน และหนิ อัคนพี ุ
ก) อากาศ ค) หินอัคนที บั ถม และหินอัคนีแทรกซอน
ข) นํ้า ง) หนิ อัคนพี ุ และหินอัคนที บั ถม
ค) แสงแดด 10. ขอ้ ใดคอื หนิ แปรสภาพสัมผัส
ง) ไนโตรเจน ก) หินกรวด
7. การเปลีย่ นแปลงประเภทหนิ อาจเกดิ ขนึ้ ยินกลบั ข) หินออ่ น
ค) หนิ ไนต์
ไดข้ ้ึนอยกู่ ับส่งิ ใด ง) หนิ ชนวน
ก) ปจั จยั สงิ่ แวดลอ้ ม
ข) ปฏกิ ิรยิ า
ค) ปริมาณนํ้า
ง) ถกู ทกุ ขอ้
กระดาษคําตอบ
ข้อ ก ข ค ง
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
3 10.
คือ มวลของแข็งที่ประกอบไปด้วยแร่ชนิด
เดียวกัน หรือหลายชนิดรวมตัวกันอยู่ตาม
ธรรมชาติเนื่องจากองค์ประกอบของเปลือกโลก
ส่วนใหญ่เป็นสารประกอบซิลิกอนไดออกไซด์
(SiO2)
ดังนั้นเปลือกโลก ส่วนใหญ่มักเป็นแร่ตระกูลซิลิ
เกต นอกจากน้ันยังมีแร่ตระกูลคาร์บอเนต
4
นักธรณีวิทยาแบ่งหินออกเป็น 3 ประเภท ตามลกั ษณะการ Ë¹Ô ÍѤ¹Õ µÐ¡Í¹
เกิดคือ หินอคั นี หินตะกอน และหนิ แปร
1. เม่ือหนิ หนืดร้อนภายในโลก (Magma) และ หินหนดื ร้อนบน á¢ç§µÑÇ ·ºÑ ¶Á
พ้นื ผิวโลก (Lava) เยน็ ตัวลงกลายเป็น “หนิ อคั นี” ¼Ø¾Ñ§
2. ลมฟ้าอากาศ นํ้า และแสงแดด ทําให้หินผุพังสึกกร่อนเป็น áÁ¡ÁÒ
ตะกอน Ë¹Ô µÐ¡Í¹
ทบั ถมกนั เป็นเวลานานหลายล้านปี ËÅÍÁÅÐÅÒÂ
3. แรงดันและปฏิกิริยาเคมีทําให้เกิดการรวมตัวเป็น “หิน á»ÃÊÀÒ¾
ตะกอน” หรอื เรียกอกี อยา่ งหน่ึงว่า “หินชัน้ ”
4.การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกและความร้อนจากแมนเทิล Ë¹Ô á»Ã
ข้างลา่ ง ทําใหเ้ กดิ การแปรสภาพเป็น “หินแปร”
กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นวงรอบเรียกว่า “วัฏ
จักรหิน” (Rock cycle) อย่างไรก็ตามกระบวนการไม่จําเป็นต้อง
เรียงลําดับ หินอัคนี หินชั้น และหินแปร การเปลี่ยนแปลงประเภท
หินอาจเกดิ ขึ้นยอ้ นกลับไปมาได้ ข้นึ อยู่กบั ปจั จยั แวดลอ้ ม
5
เ ก ิ ด จ า ก ห ิ น ห น ื ด ท ี ่ อ ย ู ่ ใ ต้
เปลือกโลกแทรกดันขึ้นมาแล้วตกผลึก
เป็นแร่ต่าง ๆ และเย็นตัวลงจบั ตวั แนน่
เป็นหินที่ผิวโลก แบ่งเป็น 2 ชนิด
ประกอบด้วย หินอัคนีแทรกซอน
( Intrusive Igneous Rock) แ ล ะ ห ิ น
อัคนพี ุ (Extruisive Igneous Rock)
6
ËÔ¹ÍѤ¹áÕ ·Ã¡«Í¹ (Intrusive Igneous Rock)
เกิดจากการเยน็ ตวั ลงอยา่ งชา้ ๆ ของหินหนืดใต้เปลือกโลก มผี ลกึ แร่ขนาดใหญ่ (ขนาดมา
กว่า 1 มลิ ลเิ มตร) เช่น
หนิ แกรนติ (Granite) หินไดออไรต์ (Diorite) หินแกบโบร (Gabbro)
เป็นหินอัคนีแทรกซอนที่เย็น มีลักษณะเนื้อหยาบถึง เป็นหินสีเขียวเข้มถึงดํา เนื้อ
ตัวลงภายในเปลือกโลกอย่างช้า ๆ ละเอียด ผลึกแร่ใหญ่ค่อนข้าง ผลึกหยาบ เกิดจากหินหนืดท่ี
จึงมีเนื้อหยาบซึ่งประกอบด้วย สมํ่าเสมอ มีสีคลํ้าอาจถึงดํา ขึ้นมาจากชั้นแมนเทิลเย็นตัวลง
ผลึกขนาดใหญ่ของแร่ควอตซ์สี เพราะปริมาณแร่สีเข้มมีมากขึ้น ใต้ผิวโลกกลายเป็นหิน
เทาใส แร่เฟลด์สปาร์สีขาวขุ่น มีเม็ดแร่สีอ่อนและสีเข้มพอ ๆ
และแร่ฮอร์นเบลนด์สดี ํา กัน มีส่วนประกอปอยู่ระหว่าง
หนิ แกรนติ กับหนิ แกบโบร
7
Ë¹Ô ÍѤ¹Õ¾Ø (Extruisive Igneous Rock) ËÃ×ÍË¹Ô ÀÙà¢Òä¿ (Volcanic Rock)
เกดิ จากการเย็นตวั ลงอยา่ งรวดเรว็ ของหนิ หนดื ท่ีดนั ตวั พอุ อกมานอกผิวโลกเป็นลาวา (Lava)
ผลึกแรม่ ขี นาดเลก็ หรือไมเ่ กดิ ผลึกเลย เช่น
หนิ บะซอลต์ (Basalt) หนิ แอนดีไซต์ (Andesite) หนิ ไรโอไลต์ (Rhyolite)
เป็นหินอัคนีพุ เนื้อละเอียด เป็นหินอัคนีพุซึ่งเกิดจาก เป็นหินอัคนีพุซึ่งเกิดจาก
เกิดจากการเย็นตัวของลาวา มี การเย็นตัวของลาวาในลักษณะ การเย็นตัวของลาวา มีเนื้อ
สีเข้มเนื่องจากประกอบด้วยแร่ เดยี วกับหินไรโอไรต์ ละเอียดซึ่งประกอบด้วยผลึกแร่
ไพร็อกซีนเป็นส่วนใหญ่ อาจมี ขนาดเล็ก มีแร่องค์ประกอบ
แร่โอลิวนี ปนมาด้วย เหมอื นกบั หินแกรนิต
8
¤ÓªéáÕ ¨§ : àµÔÁ¤ÓÅ§ã¹ªÍ §ÇÒ §ã˶ ¡Ù µÍ §ÊÁºÃÙ ³
9
หินที่เกิดจากการตกตะกอนของเม็ดแร่ที่ได้จากการผุพังของ
หินชนิดใดก็ได้ที่ผิวโลก และถูกพัดพาไปโดย นํ้า ลม หรือธารนํ้าแข็ง
แล้วจับตัวกันแข็งเป็นหิน หรือ เกิดจากการตกตะกอนทางเคมีของ
สารละลายจากในนํ้า ในลําธาร ทะเล หรือมหาสมุทร เนื่องจาก
ปฏิกิริยาทางเคมีหรือการระเหยของนํ้า ที่อุณหภูมิปกติบนผิวโลก
ลักษณะเด่นของหินตะกอน คือ การเกิดเป็นชั้นหลายๆชั้น อาจมีซาก
ดึกดําบรรพ์ หรือแสดงลักษณะโครงสร้างของการตกตะกอน
ตามลําดับอายุ
10
เสรมิ ความรู้
เนื่องจากลักษณะที่หินตะกอนในประเทศไทยเรามักแสดงลักษณะ
ชั้น (bed) เนื่องจากการตกตะกอนให้เห็นเด่นชัด จึงทําให้ในอดีตมีหลาย
ท่านเรียกชื่อหินตะกอนเหล่านี้อีกอย่างหนึ่งว่า "หินชั้น" แต่ในปัจจุบันพบว่า
การเรียกชื่อหินตะกอนว่าหินชั้นนั้น ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไร ในทั่วไปนี้ให้
ใช้ช่อื "หนิ ตะกอน" ในการเรยี กชื่อหินตะกอนแทนคาํ วา่ “หนิ ชนั้ ”
11
»¨¨Ñ·շè ÓãËà ¡Ô´ËÔ¹µÐ¡Í¹
¡Òü¾Ø §Ñ (Weathering)
การที่หินผุพังทําลายลง (อยู่กับที่) ด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ จากลมฟ้าอากาศ สารละลาย
และรวมทั้งการกระทําของต้นไม้ แบคทีเรีย ตลอดจนการแตกตัวทางกลศาสตร์ มีการ
เพิ่มอุณหภูมแิ ละลดอุณหภูมสิ ลบั กัน
¡Ò÷ºÑ ¶Á (Deposit)
เกิดขึ้นเมื่อตัวกลางซึ่งทําให้เกิดการพัดพา เช่น กระแสนํ้า กระแสลม หรือ
ธารนํ้าแข็ง อ่อนกําลังลงและยุติลง ตะกอนที่ถูกพัดพาจะสะสมตัวทับถมกัน
ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอุณหภูมิ ความกดดัน ปฏิกิริยาเคมี และเกิด
การตกผลึก
12
¡ÒáÃ͹ (Erosion)
กระบวนการที่ทําให้สารเปลือกโลกหลุด ละลายไป หรือกร่อนไป (โดยมีการเคลื่อนท่ี
กระจัดกระจายไปจากที่เดิม) โดยมีต้นเหตุคือตัวการธรรมชาติ ซึ่งได้แก่ ลมฟ้าอากาศ
กระแสนํา้ ธารนา้ํ แขง็ การครูดถู ภายใตอ้ ิทธิพลของแรงโน้มถว่ ง
¡Òþ´Ñ ¾Ò (Transportation)
การเคลื่อนที่ของมวลหิน ดิน ทราย โดยกระแสนํ้า กระแสลม หรือธารนํ้าแข็ง ภายใต้แรง
ดงึ ดูดของโลก อนุภาคขนาดเลก็ จะถกู พดั พาให้เคล่อื นที่ไปได้ไกลกว่าอนภุ าคขนาดใหญ่
¡ÒáÅѺ¤×¹à»¹ Ë¹Ô (Lithification)
เมื่อเศษตะกอนทับถมกันจะเกิดโพรงขึ้นประมาณ 20 – 40% ของเนื้อตะกอน นํ้าพา
สารละลายเข้ามาแทนที่อากาศในโพรง เมื่อเกิดการทับถมกันจนมีนํ้าหนักมากขึ้น เนื้อตะกอนจะ
ถูกทําให้เรียงชิดติดกันทําให้โพรงจะมีขนาดเล็กลง จนนํ้าที่เคยมีอยู่ถูกขับไล่ออกไป สารท่ี
ตกคา้ งอยู่ทําหน้าทเี่ ป็นซเี มนต์เชอื่ มตะกอนเขา้ ด้วยกนั กลับเปน็ หนิ อกี คร้ัง
13
»ÃÐàÀ·¢Í§Ë¹Ô µÐ¡Í¹
นกั ธรณวี ิทยาจาํ แนกหินตะกอนตามลักษณะการเกดิ ออกเป็น 3 ประเภท
1. หินตะกอนอนุภาค (Clastic rocks) ไดแ้ ก่
• หินกรวดมน (Congromorate) เป็นหนิ เนอ้ื หยาบเกิดจากตะกอนซ่ึงเป็นหนิ กรวด ทราย ท่ถี กู
กระแสนาํ้ พดั พามาอยู่รวมกัน
• หนิ ทราย (Sandstone) เป็นหินตะกอนเนอ้ื ละเอียดปานกลาง เกดิ จากการทับถมตวั ของทราย มี
องค์ประกอบหลกั เป็นแร่ควอรตซ์
• หนิ ดนิ ดาน (Shale) เป็นหนิ ตะกอนเนอ้ื ละเอยี ดมาก เนอื่ งจากประกอบด้วยอนุภาคทรายแป้งและ
อนภุ าคดนิ เหนียวทบั ถมกนั เป็นชั้นบาง ๆ ขนานกนั
14
2. หนิ ตะกอนเคมี (Chemical sedimentary rocks) ไดแ้ ก่
• หินปูน (Limestone) เป็นหินตะกอนคาร์บอเนต เกิดจากการทับถมของตะกอนคาร์บอเนต
ในทอ้ งทะเล ทัง้ จากสารอนินทรียแ์ ละซากสิง่ มีชีวิต
• หินเชิร์ต (Chert) หินตะกอนเนื้อแน่น แข็ง เกิดจากการตกผลึกใหม่ เนื่องจากนํ้าพา
สารละลายซลิ ิกาเขา้ ไปแล้วระเหยออก ทาํ ให้เกิดผลึกซลิ ิกาแทนทเี่ นอ้ื หนิ เดมิ
3. หินตะกอนอินทรยี ์ (Organic sedimentary rocks) ได้แก่
• ถ่านหิน (Coal) เกิดจากการทับถมของซากพืชที่ยังไม่เน่าเปื่อยไปหมดเนื่องจากสภาวะ
ออกซิเจนตํ่า สภาวะเช่นนี้เกิดตามห้วยหนองคลองบึง ในแถบภูมิอากาศแบบเส้นศูนย์สูตร
การทับถมทําให้เกิดการแรงกดดันที่จะระเหยขับไล่นํ้าและสารละลายอื่น ๆ ออกไป ยิ่งมี
ปรมิ าณคารบ์ อนมากข้นึ ถ่านหินจะย่ิงมีสดี าํ
15
คําชี้แจง : เตมิ เครื่องหมาย หน้าข้อความทีถ่ กู ตอ้ ง และเตมิ เครอ่ื งหมาย
หนา้ ขอ้ ความท่ผี ดิ
..........1.เรามักพบซากของสงิ่ มีชวี ติ ในหินปูน
..........2.หินทรายเป็นหินตะกอนที่มคี วามแขง็ มาก สามารถขดู เหลก็ ให้เป็นรอยได้
..........3.หนิ กรวดมน หนิ ทราย และหนิ ปูน เปน็ ตะกอนทัง้ หมด
..........4.หินปูน หินเชิรต์ เกลือหนิ และถ่านหิน เปน็ หินตะกอนเนอื้ ประสม
..........5.แหลง่ ท่ีพบหนิ ตะกอน ไดแ้ ก่ บรเิ วณล่มุ แม่นา้ํ ทะเล บริเวณภูเขาทีเ่ คยเป็นลุ่ม นา้ํ ทะเล
มากอ่ น
16
เกิดจากการแปรสภาพโดยการกระทาํ ของความร้อน ความดันและปฏิกริ ิยาทางเคมี ทําให้เนื้อหิน แร่
ประกอบหนิ และโครงสร้างเปล่ียนไปจากเดิม การแปรสภาพของหินจะอยู่ในสถานะของของแขง็ ซึ่งจัดแบง่ ออกเปน็
4 แบบ
1. การแปรสภาพบริเวณไพศาล (Regional metamorphism) เกดิ เป็น
บริเวณกวา้ งโดยมคี วามรอ้ นและความดันทําใหเ้ กิดแรใ่ หมห่ รอื ผลึก
ใหมเ่ กดิ ขน้ึ มีการจดั เรียงตวั ของแรใ่ หม่ และแสดงริ้วขนาน
(Foliation) อันเนื่องมาจากแรเ่ ดิมถูกบบี อัดจนเรยี งตวั เป็นแนวหรอื
แถบขนานกนั เชน่ หินไนส์ (Gneiss) หนิ ชีสต์ (Schist) และหินชนวน
(Slate) เปน็ ตน้
หินไนส์ (Gneiss) หินชสี ต์ (Schist) หนิ ชนวน (Slate)
17
2. การแปรสภาพสัมผสั (Contact metamorphism) เกิดจากการแปร
สภาพโดยความรอ้ นและปฏกิ ริ ิยาทางเคมขี องสารละลายท่ีขึน้ มากบั หิน
หนดื มาสมั ผสั กบั หนิ ท้องท่ี ไม่มีอิทธพิ ลของความดนั มากนกั ปฏกิ ิริยาทาง
เคมอี าจทาํ ใหไ้ ด้แร่ใหม่บางสว่ นหรอื เกดิ แร่ใหมแ่ ทนที่แรใ่ นหนิ เดมิ หนิ
แปรทเี่ กดิ ขนึ้ จะมกี ารจดั เรยี งตัวของแร่ใหม่ ไม่แสดงรว้ิ ขนาน
(Nonfoliation) เชน่ หนิ อ่อน (Marble) หนิ ควอตไซต์ (Quartzite)
หินออ่ น (Marble) หนิ ควอตไซต์ (Quartzite)
3. การแปรสภาพแบบบด (Fault metamorphism) เกิดขน้ึ บรเิ วณรอย
เล่อื น แรงเสียดทานทเี่ กิดจากแผ่นธรณีเคลอ่ื นท่ผี ่านกนั ทําใหเ้ กดิ ความ
ร้อนและความดันสูง หินแปรท่เี กิดขึน้ โดยวธิ ีน้ี่ ไดแ้ ก่ หนิ ไมโลไนต์
(Mylonite) หนิ ไมโลไนต์ (Mylonite)
18
4. การแปรสภาพด้วยนา้ํ ร้อน (Hydrothermal Metamorphism) เกิดข้ึนเมือ่ นํา้ ที่ได้รับความร้อนจากหินอัคนีแทรก
ซอน นาํ พาประจใุ ห้แทรกซมึ เข้าไปในรอยแตกของหนิ ทาํ ใหเ้ กดิ ปฏิกิรยิ าเคมกี ับแรบ่ างชนดิ ใหเ้ ปลย่ี นสภาพไป เชน่
แร่เฟลดส์ ปารเ์ ปลีย่ นสภาพเป็นแรเ่ ซริไซตห์ รือดนิ ขาว (Kaolin, China Clay) แรฮ่ อร์นเบลนด(์ Hornblende)เปล่ียน
สภาพเปน็ แร่คลอไรต์ เป็นต้น
แร่เซริไซตห์ รอื ดนิ ขาว (Kaolin, China Clay) แรฮ่ อรน์ เบลนด(์ Hornblende)
19
คาํ ชี้แจง : เติมคําตอบลงไปในรปู ภาพให้ถกู ตอ้ ง
การแปรสภาพบรเิ วณไพศาล การแปรสภาพสมั ผสั
20
แบบทดสอบหลงั เรียน
เร่อื ง หนิ
คาํ ชีแ้ จง : ใหท้ ําเครอื่ งหมายกากบาท (X) ทบั ตัวอกั ษร ก ข ค หรือ ง ที่ถกู ตอ้ งเพยี งขอ้
เดยี วลงในกระดาษคําตอบ
1. จากข้อความตอ่ ไปนีข้ ้อใดกล่าวถกู ตอ้ ง
ก) การเปลีย่ นแปลงของเปลอื กโลกและความ
รอ้ นจากแมนเทลิ ข้างล่างทาํ ใหเ้ กดิ การแปร 2. หินในขอ้ ใดคอื หินอัคนที ัง้ หมด
สภาพเป็น“หนิ ตะกอน” ก) หินบะซอลต์ หนิ เชริ ต์ หินไรโอไลต์ และหิน
ข) เม่ือหินหนดื ร้อนภายในโลก (Magma) และ แอนดไี ซต์
หนิ หนดื รอ้ นบนพ้ืนผวิ โลก (Lava) เย็นตวั ลง ข) หินบะซอลต์ หนิ เชริ ์ต หนิ ไรโอไลต์ และ
กลายเปน็ “หนิ อคั น”ี
หนิ ควอรต์ ไซต์
ค) เมอื่ หินหนดื รอ้ นภายในโลก (Magma) และ ค) หินแกรนติ หนิ แกบโบร หนิ ไรโอไลต์ และได
หินหนืดรอ้ นบนพน้ื ผวิ โลก (Lava) เยน็ ตวั ลง
กลายเปน็ “หินแปร” ออไรต์
ง) หินแกรนิต หินแกบโบร หนิ ไรโอไลต์ และ
ง) ลมฟ้าอากาศ นา้ํ และแสงแดด ทําใหห้ นิ ผุ
หินควอรต์ ไซต์
21 พงั สกึ กร่อนทําให้เกดิ การแปรสภาพเปน็
“หินแปร”
3. ข) ไม่ได้ เพราะปฏกิ ริ ิยาเคมีเคมจี ะเกิดขนึ้ 22
ได้ต้องมีอุณหภูมิเปน็ ตวั เกี่ยวขอ้ ง
จากภาพ เปน็ กระบวนการเกดิ ของหินชนดิ ใด
ก) หินบะซอลต์ ค) ไมไ่ ด้ เพราะความรอ้ นคอื ปัจจัยสําคญั
ข) หนิ ไนซ์ ในการเกิดหินแปร
ค) หนิ แกรนิต
ง) หินเชริ ์ต ง) ผดิ ทั้ง ขอ้ ก , ข และ ค
4. หินแปร คือหินที่แปรสภาพไปจากโดยการ 5. หนิ เมอื่ ถกู แสงแดด ลมฟ้าอากาศ และน้าํ
กระทําของความร้อน แรงดัน และปฏิกิริยา หรือ ถกู กระแทก ก็แตกเป็นกอ้ นเลก็ ๆ
เคมีหากในกระบวนการนี้ไม่มีความร้อน หิน หรอื ผุกรอ่ น เส่อื มสภาพลง เศษหินที่ผพุ งั
แปรจะสามารถเกดิ ไดห้ รือไม่ ทั้งอนุภาคใหญแ่ ละเลก็ ถูกพัดพาไปสะสม
ก) ได้ เพราะหินยังสามารถแปรสภาพได้จาก อดั ตวั กัน เปน็ ชน้ั ๆ เกดิ ความกดดนั และ
แรงดันและปฏกิ ริ ยิ าเคมี ปฏกิ ิริยาเคมจี นกลบั กลายเปน็ หินอกี คร้ัง
หินท่เี กิดใหม่นีค้ ือ
ก) หินอคั นี
ข) หินแปร
ค) หนิ ดนิ ดาน
ง) หนิ ตะกอน
8. หนิ แปร เป็นหนิ ท่แี ปรมาจากหินอะไร
ก) หนิ อคั นี
6. ข้อใดตอ่ ไปนี้เป็นตวั กําหนดชื่อหนิ ตะกอน ข) หินชนั้
ก) ขนาดและลกั ษณะของช้ินสว่ นทล่ี อ่ นออกมา ค) หินออ่ น
ข) ขนาดของภเู ขาไฟ ง) ข้อ ก. และข้อ ข. ถูกตอ้ ง
ค) ส่วนประกอบของหิน 9. ขอ้ ใดคือหินที่เปน็ รพู รนุ มากคล้ายฟองน้ํา
ง) ปรมิ าณของแรธ่ าตุท่ีเปน็ องค์ประกอบของ ก) หนิ พมั มิซ
ข) หินบะซอลต์
หนิ
7. ขอ้ ใดถูกต้องเก่ยี วกับกระบวนการทาง ค) หินทราย
ธรณีวทิ ยาทีท่ าให้เกดิ วฏั จกั รของหิน ง) หินอ่อน
ก) การหลอมละลาย การผุพัง 10. นักธรณีวิทยาแบ่งหินออกเปน็ 3 กลุ่ม คอื
ข) การผุพงั การแปรสภาพ กลุ่มใดบา้ ง
ค) การหลอมเหลว การกดั เซาะ และการผพุ ัง
ง) การหลอมเหลวการผพุ ังการกัดเซาะและ ก) หนิ อคั นี หินตะกอน และหินปนู
ข) หนิ ตะกอน หินอคั นี และหนิ แปร
การแปรสภาพ ค) หินแปร หินภูเขาไฟและหินทราย
23 ง) หินตะกอน หนิ อัคนี และหินดนิ ดาน
กระดาษคาํ ตอบ 24
ข้อ ก ข ค ง
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
1. ก 6. ง
2. ก 7. ก
3. ง 8. ง
4. ก 9. ข
5. ค 10. ข
25
ËÔ¹ÍѤ¹Õ µÐ¡Í¹
á¢ç§µÑÇ
·ºÑ ¶Á
áÁ¡ÁÒ ¼¾Ø ѧ
ËÅÍÁÅÐÅÒÂ
ËÔ¹µÐ¡Í¹
á»ÃÊÀÒ¾
Ë¹Ô á»Ã
26
...............1.เรามักพบซากของสิ่งมีชีวิตในหนิ ปูน
ถกู เพราะ เรามักพบซากของสิ่งมีชีวิตในหนิ ปูน
................2.หินทรายเปน็ หนิ ตะกอนทม่ี ีความแขง็ มาก สามารถขูดเหลก็ ให้เป็นรอยได้
ถูกเพราะ หินทรายเป็นหินตะกอนทีม่ ีความแขง็ มาก สามารถขูดเหลก็ ใหเ้ ปน็ รอยได้
................3.หนิ กรวดมน หินทราย และหนิ ปูน เป็นตะกอนท้งั หมด
ถูกเพราะ หินกรวดมน หนิ ทราย และหนิ ปูน เปน็ ตะกอนทัง้ หมด
.................4.หนิ ปูน หนิ เชริ ์ต เกลอื หนิ และถ่านหิน เปน็ หินตะกอนเนอ้ื ประสม
ผดิ เพราะ หนิ ปูน หินเชริ ์ต เกลือหิน และถ่านหนิ เป็นหินตะกอน เน้ือประสานหรอื หนิ ตะกอนเคมี
.................5.แหล่งทพี่ บหินตะกอน ไดแ้ ก่ บริเวณลุ่มแมน่ ้าํ ทะเล บริเวณภเู ขาท่ีเคยเปน็ ลมุ่ นํ้าทะเลมากอ่ น
27 มากอ่ น ถูกเพราะ แหล่งท่ีพบหนิ ตะกอน ได้แก่ บรเิ วณลมุ่ แม่น้ํา ทะเล บรเิ วณภูเขา ทเ่ี คยเป็นลุ่มนาํ้ ทะเล
28
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น
1. ข 6. ค
2. ค 7. ง
3. ง 8. ง
4. ก 9. ก
5. ง 10. ข
29
30
หนิ และวัฏจกั รของหนิ [ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.dmr.go.th/main.php?filename=rocks
(วันทสี่ ืบคน้ ข้อมูล 31 สิงหาคม 2564)
คู่มือรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ [ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ าก : https://www.scimath.org/e-books/
11450/flippingbook/350/ (วันท่สี บื ค้นข้อมูล 1 กนั ยายน 2564)
เร่อื ง หนิ อัคนีและการจาํ แนก [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จาก : http://vrgeology.net/2019/02/22/
igneous-rock/ (วนั ทส่ี ืบค้นข้อมลู 1 กันยายน 2564)
หินอัคนี [ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/rocks/igneous-rocks
(วนั ที่สบื ค้นข้อมลู 1 กันยายน 2564)
หินตะกอน [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/rocks/
sedimentary-rocks (วนั ท่ีสบื คน้ ข้อมลู 2 กันยายน 2564)
หนิ แปร [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/rocks/
metamorphic-rocks (วนั ทสี่ ืบค้นข้อมลู 2 กนั ยายน 2564)
31
นางสาวอรัญญา จดั ทาํ โดย รหสั 61131113008
นางสาวณฐั พร รหัส 61131113013
นายพนั ธพ์ ัทธ์ ลาคํา รหัส 61131113018
นางสาวชนานันท์ คณานรุ ักษ์ รหัส 61131113027
นางสาวอักษราภัค ชัยด้วง รหสั 61131113032
คําพนั
พรรณสุทธิ์
กลมุ่ เรียน 01 ช้นั ปที ี่ 4
คณะครศุ าสตร์ สาขาวิทยาศาสตรท์ ่วั ไป
เสนอ
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. บุญฤดี อุดมผล
32