คู่มือการปฏบิ ัตงิ าน
ประจาปี งบประมาณ ๖๕
(ชุดปฏิบัตกิ ารเสริมสร้างความเข้าใจ)
คำนำ
ชุดปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้าใจ เป็นชุดปฏิบัติการขนาดเล็กจัดเป็นนักรบแนวหน้า
(นักรัก) ท่ีปฏิบัติงานการเมืองเชิงลึกด้วยการเข้าไปพบปะ พัฒนาสัมพันธ์กับมวลชนใน
หมู่บา้ นโดยใช้ศาสตร์พระราชทาน “เข้ำใจ เขำ้ ถงึ พัฒนำ” เปน็ เครื่องมอื นา เปน็ แนวทาง
ในการปฏิบตั ิที่จะเข้าไปสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจใหแ้ ก่พ่ีน้องประชาชนถอื เป็นส่วน
สาคัญในการแกป้ ัญหาในพ้นื ที่ ๓ จชต.และ ๔ อาเภอของ จว.ส.ข. เป็นชดุ ปฏิบตั กิ ารเชงิ รุก
“ทางการเมือง” เป็นผู้ท่ีมีความรอบรู้ และมีขีดความสามารถท่ีหลากหลาย สามารถพลิก
แผลงการปฏิบัติในสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ชุดเสริมสร้างความเข้าใจจะมีอุปนิสัย
สุขุม นุ่มลึก มีความอ่อนน้อม เคารพประชาชน ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความ
เดือดร้อนในทุกๆด้าน แต่ในขณะเดียวกันยังสามารถตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายตรงข้าม
หรือผู้ก่อเหตุรุนแรงได้อย่างทันท่วงที การปฏิบัติงานของชุดเสริมสร้างความเข้าใจนั้นมี
ความเสี่ยงอยู่มากพอสมสมควร ในการท่ีจะเขา้ ไปสลายโครงสร้างอานาจรัฐซอ้ นให้หมดไป
สร้างความเข้าใจกับผู้เห็นต่าง พาผู้หลงผิดกลับบ้านใช้ชีวิตอย่างปกติสุข และให้หันมา
ร่วมกันพัฒนาชาติ พัฒนาบ้านเมือง แสวงหาทางออกร่วมกันเพ่ือให้เกิดความสงบสุขใน
พนื้ ที่ แต่กอ็ ีกเช่นเดยี วกันยงั มีงานท่ีทา้ ทายอกี ประการหน่ึงทส่ี าคญั คือการที่ ชป.เสรมิ สรา้ ง
ความเข้าใจสามารถเข้าไปน่ังอยู่ในใจของพี่น้องประชาชนโดยไม่มีเง่ือนไข ชป.เสริมสร้าง
ความเข้าใจเปรียบเสมือนกุญแจสาคญั ทน่ี าไปสกู่ ารเปลยี่ นแปลงของการแก้ปัญหาในพื้นที่
จงั หวัดชายแดนใต้ เข้าไปสรา้ งความเขา้ ใจให้ทุกภาคส่วนหันมารว่ มกนั สรา้ งสันตสิ ขุ ทีย่ ่งั ยืน
ในพน้ื ทจี่ ังหวัดชายแดนใตต้ อ่ ไป
ชป.เสรมิ สร้ำงควำมเข้ำใจ
ชุดปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้าใจ จัดกาลังจาก หน่วยเฉพาะกิจระดับจังหวัด/
หน่วยเฉพาะกิจหมายเลข /หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน /หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน
ทหารเรือ/หนว่ ยเฉพาะกิจตารวจตระเวนชายแดน และกองกาลังตารวจจังหวดั ชายแดนใต้
ชป.เสรมิ สร้ำงควำมเขำ้ ใจ จำนวน ๒๑๘ ชดุ
จงั หวดั ยะลา จานวน ๔๕ ชป. + ชป.กร.หญิง ๓ ชุด
จังหวัดปตั ตานี จานวน ๕๙ ชป. + ชป.กร.หญงิ ๔ ชุด
จังหวัดนราธวิ าส จานวน ๗๓ ชป. + ชป.กร.หญิง ๕ ชุด
จังหวัดสงขลา จานวน ๗ ชป.
ฉก.นย.ทร. จานวน ๒๑ ชป. + ชป.กร.หญิง ๑ ชุด
กำรจัดกำลงั ชดุ ปฏิบตั กิ ารเสรมิ สร้างความเข้าใจ ๑ ชดุ มีกาลังพล ๑๒ นาย ประกอบด้วย
๑. หน.ชป.เสรมิ สรา้ งความเขา้ ใจ จานวน ๑ นาย
๒. รอง หน.ชป.เสรมิ สร้างความเข้าใจ จานวน ๑ นาย
๓. หน.ส่วนการเมือง จานวน ๑ นาย
๔. เจา้ หน้าที่ ปจว. จานวน ๒ นาย
๕. เจา้ หนา้ ท่เี สนารกั ษ์ จานวน ๑ นาย
๖. เจา้ หนา้ ที่ช่างประจาชุด จานวน ๑ นาย
๗. หน.ส่วนระวังปอ้ งกัน จานวน ๑ นาย
๘. เจ้าหน้าท่ีสว่ นระวงั ป้องกัน จานวน ๔ นาย
ภำรกจิ ชป.เสรมิ สรำ้ งควำมเขำ้ ใจ
สรา้ งความเขา้ ใจกับทกุ ภาคสว่ น เพ่อื ให้มีส่วนร่วมในการสรา้ งสันติสขุ อยา่ งยง่ั ยืนใน
พ้ืนทจ่ี งั หวดั ชายแดนใต้
บทบำทหนำ้ ท่ี
ชป.เสริมสร้างความเข้าใจมีหน้าที่สร้างความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วน ในทุกเร่ือง
ทุกเป้ำหมำย ทุกพ้ืนท่ี ให้ทนั เวลำ ดว้ ยการเขา้ ไปพบปะพฒั นาสมั พนั ธ์ สรา้ งภาพลกั ษณ์
ที่ดี สร้างสภาวะในพ้ืนท่ีให้เกิดความไว้วางใจ (เชื่อม ชอบ เชื่อ ) แสดงความจริงใจกับ
ประชาชนในพื้นท่ี ให้เห็นถึงความมงุ่ ม่ันที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงใจ และอีกนัยยะหน่ึงเพื่อ
เข้าไปสืบสภาพ ค้นหาโครงสร้างฝ่ายตรงข้าม ยุติบทบาท สลายแนวคิดของกลุ่มผู้ให้การ
สนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง สลายโครงสร้างอานาจรัฐซ้อนในหมู่บ้านเสริมสร้างสันติสุข
ด้วยการจัดตัง้ กลุ่มเครือขา่ ยต่างๆ ดงึ มวลชนเข้ามาเปน็ ฝา่ ยเราให้ประชาชนมีความเข้าใจใน
การปฏิบัติหน้าที่ของ จนท.รัฐ และหันมาให้ความร่วมมือสนับสนุนในการแก้ปัญหาของ
ภาครัฐมากขึ้น แกป้ ัญหาความเดือดรอ้ นด้านตา่ งๆ ของพี่น้องประชาชนในพ้ืนท่ี ผลกั ดนั ให้
ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ เสนอแนะ เสนอความต้องการ แสดงคิดเห็นในการ
แกป้ ัญหาภายในชุมชนของตนเอง ผา่ นเวทสี ภาประชาธปิ ไตยประจาตาบล อีกทั้งยงั ใช้เป็น
ส่อื กลางในการพดู คุยนาเสนอความจริงในดา้ นตา่ งๆ ให้แกพ่ ่ีน้องประชาชนไดร้ บั รู้ รับทราบ
เป็นเวทีแลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสารที่แทจ้ ริง และสนับสนุนส่งเสรมิ กำรขับเคลอ่ื นกำรจัดต้ัง
ศูนย์ท้งั ๖ ศูนย์ให้เกิดเป็นรูปธรรม ไดแ้ ก่ ศูนย์เสริมสร้ำงประชำธิปไตย, ศูนย์จิตสำนึก
ประชำชน, ศูนย์จิตอำสำ, ศูนย์รักษำควำมปลอดภัย, ศูนย์สำนใจสู่สันติ และศูนย์
ประชำชนพันธุ์ดี ซ่ึงชุดปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้าใจมีความสาคญั ยิ่งในการแก้ปัญหา
จงั หวัดชายแดนใต้ และเป็นเคร่ืองมือเชิงรุกทางการเมือง ซึ่งจะนาพาสันติสุขที่ยั่งยืนมาสู่
จังหวัดชายแดนใตต้ อ่ ไป
สถำนกำรณ์จงั หวัดชำยแดนใต้
ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาที่สั่งสมมาเป็น
เวลานานมีความซับซ้อนเช่ือมโยงหลายมิติ โดยมีปัญหาการแบ่งแยกดินแดนเป็นปัญหา
หลกั จากงานด้านการข่าวสามารถยืนยันได้ว่ากลมุ่ (BRN - Coordinate) เป็นกลุ่มหลักใน
การต่อสู้ ซ่ึงมแี นวความคิดในการแบ่งแยกดนิ แดน โดยมียุทธศาสตร์เพื่อมุ่งไปสู่การไดเ้ อก
ราช คือ การปฏิบัติการทางทหาร การก่อการร้าย การก่อวินาศกรรม การบ่อนทาลาย
เพือ่ ให้บรรลผุ ลทางการเมือง ๒ ประการ คือ ๑) กำรชนะจำกภำยนอก กลา่ วคือ การได้รับ
การรับรองจากองค์กรระหว่างประเทศหรือต่างประเทศเพ่ือการได้สิท ธิในการปกครอง
ตนเอง ๒) ใหร้ ัฐแพ้จำกภำยใน มุ่งสู่การทาประชามตเิ ลือกทีจ่ ะปกครองตนเอง (เม่ือชนะ
จากภายนอก) หรือใช้การลุกข้ึนเรยี กรอ้ งการปกครองตนเอง
จากแนวโน้มสถานการณ์ด้านการเมือง และภาคประชาสังคม กลุ่มผู้เห็นต่างยังคง
ดารงความมุ่งหมายนาเสนอปัญหาในพ้ืนที่ จชต. เข้าสู่เวทีประชาคมโลก โดยมีความ
พยายามเข้าไปมบี ทบาท ในการปกครองท้องถ่ินทุกระดับ ขณะเดียวกันจะใช้องค์กรจัดต้ัง
กดดันรัฐบาล และพยายามสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกิดการแทรกแซงของบรรดากลุ่ม
องค์กรต่างประเทศ/องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) หรือส่ือมวลชนและองค์กรสิทธิ
มนุษยชนต่างๆ ซึ่งยังคงใช้เป็นเงื่อนไขทางอัตลักษณ์ในเร่ือง เช้ือชาติ (มลายู) ศาสนา
(อิสลาม) มาตุภูมิ (ปาตานี) และสิทธิมนุษยชนปลูกฝังอุดมการณ์แนวคิดในการต่อสู้ให้กับ
เยาวชนรุ่นใหมต่ ลอดเวลารวมท้ังก่อเหตุควบค่กู ับการปฏิบัติการข่าวสาร เพ่อื สร้างเงื่อนไข
ความหวาดระแวงก่อให้เกิดความแตกแยก ตลอดจนปฏิเสธการเข้าร่วมขบวนการพูดคุย
เพ่ือสันติสุขและต่อต้านการพัฒนาโครงการขั้นพ้ืนฐานของรัฐ ขณะท่ีงานการเมืองในการ
สร้างฐานมวลชนภายในพนื้ ท่ี จชต. ของกลุ่มกระบวนการเดนิ คูข่ นานกับการต่อส้ดู ้วยอาวุธ
โดยอาศัยการดาเนินงานของกลุ่มแนวร่วมสหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน หรือเยาวชน
ปัตตานี หรือกลุ่ม PERMAS ร่วมกับกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคมพยายามวางกรอบ
ห ลั ก ก า ร เ กี่ ย ว กั บ " สิ ท ธิ ใ น ก ำ ร ก ำ ห น ด ใ จ ตั ว เ อ ง " ( The Right of Self -
Determination)
แนวทำงกำรเสรมิ สรำ้ งสนั ตสิ ุข
นอ้ มนำยุทธศำสตรพ์ ระรำชทำน “เข้ำใจ เข้ำถึง พฒั นำ”
ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงทำงสำยกลำง ๓ ห่วง ๒ เงือ่ นไข “พอประมำณ มเี หตผุ ล มีภูมิคุ้มกนั ที่ดี”
ควำมรู้ = รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั
คุณธรรม = ซือ่ สัตยส์ ุจรติ ขยันอดทน สติปญั ญำ แบง่ ปัน
จติ อำสำทำควำมดีดว้ ยหัวใจ
นโยบำยรัฐบำล
สันติวธิ ,ี สิทธมิ นษุ ยชน, พหุวฒั นธรรม, กำรมสี ่วนรว่ มทกุ ภำคสว่ น
รจู้ กั รูส้ กึ รู้เร่อื ง = รู้ รัก สำมัคคี
แนวทำง กอ.รมน.ภำค ๔ สน. (นักรบ นักรกั นกั พฒั นำ)
นโยบำยเรง่ ด่วน มทภ.๔/ผอ.รมน.ภำค ๔
- แก้ปัญหำยำเสพติด/ภัยพิบัต/ิ โควิด ๑๙ ใหเ้ ป็นรูปธรรม = ชป.เสริมสร้างความเข้าใจ
ไม่ได้มีหน้าท่ีจับกุมผู้เสพ ผู้ค้ายาเสพติด แต่มีหน้าสร้างการรับรู้สร้างความเข้าใจให้
ประชาชนทราบถึงโทษ และพิษภัยของยาเสพติด ด้วยการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ จัดทา
แผ่นพับ โปสเตอร์ตดิ ตามร้านค้า บา้ นเรอื นพนี่ อ้ งประชาชน กระตนุ้ การแจ้งเบาะแสยาเสพ
ติดตามช่องทางท่ีภาครัฐกาหนดให้ เช่น สำยด่วนแม่ทัพภำค ๔ ๐๖๑-๑๗๓๒๙๙๙/สำย
ดว่ นรับเรอื่ งร้องเรียน ๑๓๔๑/ตู้ ปณ.๔๑ ปณจ.ยะลำ ๙๕๐๐๐ เป็นตน้ และรว่ มกับกลุ่ม
เครือข่ายหน่วยงานต่างๆท่ีเก่ียวข้อง เช่น กลุ่มญาลันนันบารูฯ กลุ่มเครือข่ายจัดต้ังเป็น
เครือ่ งมอื นาในการสร้างการรบั รู้ลดชอ่ งว่างระหวา่ ง จนท.รัฐ กบั ปชช. โดยใช้เวทปี ระชาคม
หมู่บ้าน หรือตามสถานท่ีต่างๆ เช่น วัด, มัสยิด, โรงเรียน, ศาลาประชาคม เป็นต้น เป็น
ส่ือกลางในการเผยแพร่ข่าวสารให้ความรู้เรื่องยาเสพติด ใช้เวทีสภาประชาธิปไตยประจา
ตาบลเป็นตัวกาหนดกรอบแนวทางการแก้ปัญหายาเสพติดของชุมชน และนาผู้เสพไป
บาบัดรักษาตามขั้นตอนด้วยการเชิญชวน ชักจูง หรือถ้าหากในกรณีจาเป็นที่ต้องบังคับ
บาบัด ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องไปชี้แจงทาความเข้าใจให้ทราบถึงกระบวนการ
บาบัดรักษากับผู้ปกครอง หรือกลุ่มญาติ ยินยอมด้วยความเข้าใจและเต็มใจ ส่วนผู้ค้านั้น
แจ้งเบาะแสไปยังหนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวข้องเพ่ือบังคบั ใช้อานาจทางกฎหมายตอ่ ไป
เรื่องโควิด ๑๙ กใ็ ช้กลมุ่ เครือข่ายอาสาสมัคร อสม./จนท.สาธารณะสุข หนว่ ยงานหรือกลุ่ม
เครือข่ายท่ีเกี่ยวข้องปฏิบัติร่วมกับ ชป.เสริมสร้างความเข้าใจในพ้ืนท่ี/หมอเดินเท้า
ออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เก่ยี วกับโรคโควิด ๑๙ และทาการคัดกรองผู้ท่ีมีความเส่ยี งอีก
ดว้ ย แนะนาวธิ ีการป้องกนั ตนเอง วิธีการสงั เกตอาการ พร้อมแจ้งเบาะแสผ้ทู ม่ี ีความเส่ียงที่
หลีกเล่ียงไม่ปฏิบัติตามคาแนะนาของภาครัฐ และหน่วยต้องจัดเตรียมกาลังพลให้มีความ
พร้อมอยู่เสมอในการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ในการเข้าช่วยเหลือประชาชนท่ีได้รับความ
เดือดรอ้ นอย่างทนั ทว่ งที
- ระดมสรรพกำลงั ทำพ้ืนทใ่ี หป้ ลอดเหตุประชำชนปลอดภัยด้วยไมตรีจิตร = ดว้ ยการเข้า
ไปเชื่อม สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงาน องค์กร ส่วนราชการ และกลุ่มผู้นาต่างๆ
ในท้องท่ี ท้องถิ่น สร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจในสถานการณ์ด้านตา่ งๆ ในปจั จุบันให้มี
ความเข้าใจเหมือนกันเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และปลุกเร้าให้พี่น้องประชาชนในพ้ืนท่ีมี
ความต่ืนตัวถึงภัยอันตรายต่างๆ ในทุกรูปแบบช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยในชีวิต
และทรัพย์สิน สร้างการตระหนักรู้ถึงผลดีที่จะนาความสงบมาสู่พื้นท่ี จชต.ตามแนวทาง
นโยบายการแกป้ ัญหาของภาครัฐ และผลเสียในการกระทาของขบวนการ ไม่หันไปใหก้ าร
สนับสนุน หรือเข้าร่วมกับขบวนการกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ด้วยการปลูกจิตสานึกรักใน
แผ่นดินถิ่นอาศัย มีความหวงแหนบ้านเกิด ก่อเกิดความสามัคคี เพื่อเป็นแรงผลักดันให้
ประชาชนทกุ คน หนว่ ยงานทุกองค์กร รว่ มกันปลุกระดมให้ทุกภาคส่วนออกมามีสว่ นรว่ มใน
การเฝ้าระวังทาพน้ื ที่ให้ปลอดเหตุ ประชาชนทกุ คนปลอดภัย โดยผ่านเครือข่ายจัดตั้ง เช่น
ชรบ., อรบ., ชคต., ชป.จรยทุ ธ์ และประชาชนทกุ คน
- เป็นมิตรกับทุกภำคส่วน = ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องรู้จัก และเข้าไปพบปะพัฒนา
สัมพันธ์กับผู้นาส่วนราชการ ผู้นาท้องถิ่น ผู้นาท้องท่ี ผู้นาศาสนา ผู้นาทางจิตวิญญาณ
หรือกลุ่มผู้นาต่างๆ ในพื้นท่ีทุกกลุ่ม (หัวแมงเม่า) ท่ีมีผลต่อจิตใจพี่น้องประชาชนในพื้นท่ี
นั้นๆ จัดตั้งเป็นเครือขา่ ยมวลชนคนกลุ่ม ๓ เพ่อื เปน็ ตวั แทนของ จนท.รัฐ และเป็นเครื่องมือ
นาทางในการปฏิบัติงานให้ ชป.เสริมสรา้ งความเขา้ ใจเขา้ ถงึ พ่นี ้องประชาชนในพื้นท่ีได้ง่าย
ขนึ้ สามารถใช้เครือข่ายมวลชนคนกลุ่ม ๓ ทาหน้าท่ีแทน ชป.เสรมิ สรา้ งความเข้าใจเปน็ สื่อ
การในการพูดคุยกระจายข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากภาครัฐไปสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้
และให้คนกลุ่ม ๓ เป็นสื่อกลางในการเป็นกระบอกเสียงรับฟัง และสะท้อนปัญหาจาก
ประชาชนนาไปเสนอสู่ภาครัฐอีกด้วยเช่นกัน ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องเป็นผู้ท่ีมี
ภาพลักษณท์ ี่ดี พูดจาไพเราะ มคี วามออ่ นนอ้ มถอ่ มตน เข้าไปช่วยเหลือชาวบา้ นอย่างเตม็ ใจ
เต็มความสามารถ สร้างความไว้วางใจในการเข้าไปแก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านต่างๆ
ของพี่นอ้ งประชาชนในทุกพ้ืนท่ี เพื่อให้ไดใ้ จประชาชน และจัดต้งั เป็นเครือข่ายมวลชนกลุ่ม
ต่างๆ ผลักดันให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนะ เสนอแนวคิด เสนอวิธีการ
แก้ปญั หา แสวงหาทางออกร่วมกัน และสนับสนนุ ขบวนการพูดคุยเพือ่ สันตสิ ุขใหเ้ กดิ ขึน้ ใน
ทุกๆ พ้ืนที่ คุยกันทุกเรอื่ ง ทกุ เป้าหมาย ทกุ พ้นื ท่ี คุยกับคนทุกกลุ่ม จัดเวทีการพูดคุยอยา่ ง
เป็นทางการหรือพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการก็ได้ แต่ทุกการพูดคุยต้องเกิดข้ึนด้วยความ
สมัครใจ
- รวมใจไทยหนึ่งเดียว = ท่ามกลางความหลากหลายทางด้าน เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา
วัฒนธรรม และมาตุภูมิในพื้นจังหวัดชายแดนใต้ ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องเข้าไปจัด
ระเบยี บทางด้านสังคม ด้วยการปลูกฝังอุดมการณ์ความรกั ชาติ สรา้ งจิตสานึกให้รู้จักหนา้ ท่ี
ของการเป็นพลเมืองไทยที่ดี “รู้ รัก สามัคคี” รู้จักหน้าท่ีของตนเองด้วยการทา บวร/บรม
ที่สมบรู ณ์ (บวร = บ้าน, วัด, โรงเรยี น/บรม = บา้ น, โรงเรียน, มสั ยิด) โดยการใช้วดั มัสยิด
เป็นศูนย์รวมของจิตใจ ส่งเสริมให้พนี่ ้องประชาชนปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของหลกั ศาสนาท่ี
ตนนบั ถือ ไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่นมีความเป็นธรรม ส่งเสริมอุดมการณ์ความรักชาติ
ปลูกจิตสานึกความเป็นมนุษย์ ภูมิใจในความเป็นคนไทย สร้างการรับรู้เร่ืองกระบวนการ
พูดคุยเพื่อสันติสุข เปิดโอกาสให้ผู้เห็นต่างเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการพูดคุยเพ่ือ
แสวงหาทางออกร่วมกัน และทาคุณประโยชน์ให้กับสังคมเพื่อสร้างสันติสุขอย่างย่ังยืน
ด้วยการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมความเป็นพหุวัฒนธรรม เคารพในความหลากหลายทางดา้ น
เช้ือชาติ ศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรม ทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกันได้ในผืนแผ่นดินไทย
ภายใตธ้ งไตรรงค์เดียวกันอย่างมีความสนั ติสุขดว้ ยการถอ้ ยที ถ้อยอาศัยพงึ่ พาซึ่งกนั และกัน
โดยไมม่ กี ารแบง่ แยก
- กลมเกลียวสร้ำงสวรรค์สันติสุข = ด้วยการเข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาระบบ
เศรษฐกจิ ฐานราก ของพ่นี ้องประชาชน โดยการใช้หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง และหลัก
ประชาธิปไตยให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพอย่างเทา่ เทยี มกนั พัฒนาให้มคี วามอยดู่ ีกิน
ดี เมื่อมีคุณภาพชีวิตท่ีดีแล้ว ประชาชนก็จะมีสุข ไม่หันไปเข้าร่วมหรือพึ่งพาขบวนการ
แต่หลักประชาธิปไตยท่ดี ีจะต้องเริ่มจากทเ่ี ล็กๆ เชน่ เร่ิมจากครอบครัว เร่ิมจากครอบครัว
คนในบา้ น หมู่บ้าน ตาบล เป็นตน้ ให้ประชาชนทุกคนสามรถใช้สิทธขิ องตนเองมีสทิ ธ์ิออก
เสียงได้อย่างเต็มที่ ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม ผลักดันให้เกิดเวทีประชาคมหมู่บ้าน ไปสู่การ
แสวงหาทางออกร่วมกันระหว่างองค์กรภาครัฐกับประชาชนในเวทีสภาประชาธิปไตย
ประจาตาบลให้ทุกส่วน ทุกฝ่าย ทุกองค์กร กลุ่มผู้นาทุกกลุ่ม และพ่ีน้องประชาชนทุกคน
เข้ามามีสว่ นร่วมในการรับรู้รบั ทราบ และแกป้ ัญหาร่วมกนั โดยการใหป้ ระชาชนเปน็ ผเู้ สนอ
ปญั หา/เสนอความตอ้ งการ พร้อมแนวทางวธิ ีการ ดาเนินการแก้ไขทเ่ี กดิ ประโยชนต์ อ่ สงั คม
สว่ นรวมอยา่ งสูงสุด และเห็นผลเป็นรูปธรรม ส่วนภาครัฐจะเป็นผู้เสนอแนะ ส่งเสริมและ
เป็นผู้สนับสนุนในการแกป้ ัญหาให้เกิดประชาธปิ ไตยที่สมบูรณ์ เพ่ือให้ประชาชนมคี ุณภาพ
ชีวิตท่ดี ีขึน้ และเกิดสนั ติสุขทยี่ ่งั ยืนในจงั หวดั ชายแดนใต้อย่างแทจ้ รงิ ต่อไป
ชป.เสรมิ สรำ้ งควำมเขำ้ ใจต้องทำอะไร
ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องเข้าไปสร้างความเข้าใจกับทุกภาคส่วน เพอ่ื ให้มีส่วน
ร่วมในการสรา้ งสนั ตสิ ุขอย่างย่ังยืนในพืน้ ท่ีจงั หวดั ชายแดนใต้ และสร้างความเขา้ ใจให้แก่พ่ี
น้องประชาชนใน “ทุกเร่ือง ทุกเป้ำหมำย ทุกพื้นที่” ด้วยการน้อมนายุทธศาสตร์
พระราชทาน “เข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ” เป็นเครื่องมือนา เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับ
ชาวบ้านด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการเข้าไป เช่ือมด้วยความรัก ทาให้ชอบ
ดว้ ยความดี และเชื่อด้วยความจริง เมื่อชัวร์ แล้วจงึ ชว่ ยและใช้ ด้วยการจัดต้ังเครือข่ายคน
กลุ่ม ๓ (หัวแมงเม่า/กลุ่มผู้นาต่างๆ) เพ่ือสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับคนกลุ่ม ๔
(ประชาชนทั่วไป) ปลูกฝังอุดมการณค์ วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยการสร้าง
จิตสานึก ๕ ประการ (ความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์, ความเป็นคนไทย, ความเป็น
ประชาธิปไตย, ความเป็นธรรม, ความเป็นอยู่) สร้างจิตอาสา สร้างจิตประชาธิปไตย
ยกระดับคณุ ภาพชีวติ ใหเ้ กิดความ “มัน่ คง มั่งค่งั และยั่งยืน”
กำรสร้ำงจติ สำนึก ๕ ประกำร
- ควำมเป็นคน = คือ การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ การเป็นคนดี ทาแต่ความดี การเป็นผู้ให้
เป็นผู้ท่ีมีความเอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่ ต้องทาประโยชน์ให้กับผู้อ่ืน และสังคม จึงจะได้ช่ือว่าเป็น
มนุษยท์ สี่ มบรู ณ์ โดยมนษุ ยท์ ่ีสมบรู ณน์ ้ันจะต้องไม่เข่นฆา่ กนั ไม่ทาร้ายกัน ต้องช่วยเหลอื ซ่ึง
กนั และกนั เคารพกฎกตกิ าของสงั คม และอยู่ในกรอบของศาสนาและศีลธรรม
- ควำมเปน็ คนไทย = ปลกู ฝังอุดมการณ์ให้เกิดความรักชาติ รู้จักประวัตศิ าสตร์ชาติไทยท่ี
ถูกต้องไม่บดิ เบือน เห็นคุณคา่ ในความเป็นคน ภูมิใจในความเป็นคนไทยด้วยกัน อยู่ภายใต้
ธงไตรรงค์เดียวกัน ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภูมิใจที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย
เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง มีการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒธรรมท่ีมีความ
หลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ประเพณีวัฒนธรรม ส่งเสริมให้มีความเข้าใจใน
ความเป็นมลายูพุทธ และมลายูอิสลาม ให้ทุกคนอยู่ในกรอบศีลธรรมของแต่ละศาสนา
มีความจงรัก ภกั ดี เทิดทลู สถาบันพระมหากษัตริย์ทเี่ ปน็ ศูนยร์ วมใจของคนไทยทง้ั ชาติ
- ควำมเป็นประชำธิปไตย = ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในสังคม ให้คนทุกคน
ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ มีสิทธ์ิ มีเสียง สามารถแสดงออกทางความคิดได้อย่าง
อิสระเสรี สามารถมีความเหน็ ต่างได้ในทุกเร่อื งโดยไม่ผิดต่อหลักกฎหมายบ้านเมือง ไม่ผิด
กตกิ าของสงั คมท่ีวางไว้ และต้องไม่ใชค้ วามรนุ แรงในการแก้ปัญหาในทุกมิติ ให้ทุกคนมสี ทิ ธิ
เทา่ เทียมกัน อยู่ภายใตก้ ฎหมาย และรัฐธรรมนูญเดียวกันโดยไมม่ ีการแบง่ แยกชนชน้ั
- ควำมเป็นธรรม = มีความยุติธรรม ต้องวางตัวเป็นกลาง มีสามัญสานึก ไม่เอนเอียง
เข้าข้างใดข้างหนึง่ ใชเ้ หตุ และผลในการวิเคราะห์พิจารณาในสิ่งต่างๆ คนเราทุกคนเกดิ มา
ล้วนมีความยุติธรรมอยู่ในตัวเองเสมอ แต่สาเหตุที่ทาให้คนเรามักสูญเสียความยุติธรรม
คือการทค่ี นเราเขา้ ไปเก่ยี วข้องในเร่ืองของผลประโยชน์ต่างๆ ที่ไมเ่ ปน็ สิ่งถูกต้อง ทาในสง่ิ ท่ี
ไมส่ ุจรติ หากคนเราดารงความยตุ ิธรรมไว้ได้ ก็จะมแี ต่ความเสียสละ ชว่ ยเหลือแบ่งปัน ไม่มี
การเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน จะทาให้ชุมชนอยู่อยา่ งสงบสุข ประเทศชาติเกิดความ
เจริญก้าวหนา้
- ควำมเปน็ อยู่ = มุ่งเน้นการขับเคลื่อนเพิ่มศักยภาพ พฒั นาระบบเศรษฐกิจฐานรากไปสู่
ความเป็นสากล พัฒนาความเป็นอยู่ดว้ ยการยกระดบั คุณภาพชีวติ ของพี่น้องประชาชนให้มี
คุณภาพชีวิตทด่ี ีข้นึ ด้วยการเข้าไปใหค้ วามชว่ ยเหลือในด้านต่างๆ สร้างความรู้ ความรอบรู้
สร้างอาชีพตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทางสายกลาง “พอประมาณ
มเี หตุผล มีภมู ิคุ้มกันที่ดี" ตามกาลังและขีดความสามารถที่มี โดยใช้เวทีสภาประชาธิปไตย
ประจาตาบลเป็นตัวขับเคล่ือนในการเสนอความต้องการในด้านต่างๆที่มาจากพ่ีน้อง
ประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนเสนอ รัฐสนอง ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและเห็นผล
เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
สรำ้ งจิตอำสำทำควำมดดี ้วยหวั ใจ ทำ บรม/บวร ท่ีสมบรู ณ์
บรม = บ้ำน โรงเรียน มัสยิด/ บวร = บ้ำน วดั โรงเรียน
ให้บ้านเป็นแหล่งกาเนิดของความรักด้วยการ เร่ิมที่แม่ แก้ที่พ่อ ก่อที่ลูก ปลูกที่ครู
อยู่กับผู้นา ทาไปเร่ือยๆ แต่ต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ทาโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางปัญญาที่ถูกต้อง ปลูกฝังส่ิงที่ดีงามแก่เยาวชนให้มีความคิด
สร้างสรรค์ ไมต่ กเปน็ เคร่ืองมอื ของฝ่ายตรงข้าม และสิง่ อบายมขุ ปลกู ฝังอุดมการณ์ความรัก
ชาติ เรียนรปู้ ระวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทยทถ่ี กู ต้อง ประวตั คิ วามเปน็ มาของธงชาตไิ ทย ปลูก
จติ สานกึ ในความเปน็ คนไทยด้วยการทากิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรมหน้าเสาธง ๕ นาทีครู
ชว่ ยสอน เป็นต้น รณรงค์ให้ผู้ทนี่ ับถอื ศาสนาพุทธเข้าวัด ผู้ที่นับถือศาสนาอสิ ลามไปมัสยิด
ปฏิบัติศาสนกจิ ตามศาสนาทีต่ นนับถือนาหลกั ศาสนามาเปน็ วถิ ีชีวติ ประจาวัน ใช้วัด, มสั ยิด
เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชน เอาหลักศาสนามาเป็นกรอบในการดาเนินชีวิตทาให้
พุทธกับมุสลิมสามารถอยู่ร่วมกันได้แบบพหุวัฒนธรรม อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจกันโดยไม่มี
การแบง่ แยก
สร้ำงจิตประชำธิปไตย ทกุ คนตอ้ งมีเสรภี าพเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง ยอมรบั ในความคิด
ต่างของผู้อ่ืนได้ รว่ มกันแสวงหาทางออกดว้ ยสันตวิ ธิ ี ใช้ประชาธิปไตยอยกู่ บั ที่เวทีประชาคม
หมู่บา้ นเป็นทห่ี ารือด้านต่างๆ ผลักดันให้เกดิ เวทีประชารัฐสภาประชาธิปไตยประจาตาบล
ขบั เคลื่อนไปส่ปู ระชาธปิ ไตยเคล่ือนท่เี วทสี ัญจรระดับอาเภอ และจังหวัดต่อไป ส่งเสริมให้
ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดนิ มีความกล้าแสดงออกทางความคิดแต่ต้องให้อยู่ภายใต้กรอบ
ของกฎหมาย และภายใต้รัฐธรรมนญู เดยี วกัน โดยมพี ระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมุข
ผลลัพธ์ท่ีต้องกำร = กลุ่มผู้เห็นต่าง ผู้ก่อเหตุรุนแรง และผู้ให้การสนับสนุนขบวนการ
ยุติบทบาทในทุกรูปแบบ ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินสามารถใช้
ชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างปกติสขุ ทกุ ภาคส่วนหนั มาร่วมมือกนั พัฒนาชาตบิ ้านเมืองให้เกดิ สนั ติ
สุขอย่างยั่งยืนในพ้ืนท่ีจังหวัดชายแดนใต้ ประชาชนมีคุณภาพชีวิตท่ีดีได้รับผลประโยชน์
อยา่ งสงู สุดมคี วาม “มน่ั คง ม่งั คง่ั ยง่ั ยนื ”
แนวทำงกำรปฏบิ ัติ
ข้อการปฏิบัติที่เขียนไวน้ ้ันเป็นแนวทางเพื่อให้ชุดปฏิบัติการเสริมสรา้ งความเข้าใจ
นาไปประยุกต์ใชใ้ นพ้ืนท่ีที่ตนเองรับชอบ ไม่ได้เป็นข้อกาหนดท่ีตายตัวเนอ่ื งจากการปฏิบัติ
ข้ึนอยูก่ ับสภาพบริบทของพ้นื ทน่ี ้ันๆ ต่างพืน้ ท่ี ตา่ งภาษา ต่างวฒั นธรรม ตา่ งความคดิ มี
วถิ ีชวี ิตท่ีแตกตา่ งกนั ตามแต่ละพนื้ ท่ี
วดั = ชป.เสรมิ สรา้ งความเขา้ ใจ มหี น้าที่ รณรงค์ ชกั ชวน เชญิ ชวน ชักนา ใหพ้ ีน่ ้องชาวไทย
พุทธไปเข้าวัด ฟังธรรม ตักบาตรทาบุญ ในทุกวันพระ และในโอกาสวันสาคัญทาง
พระพุทธศาสนา หรือในทุกๆ วัน โดยใช้วัดเป็นศูนย์รวม เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นสถานที่
พัฒนาจิตใจ ให้มีคุณธรรมประจาใจ และใช้สติปัญญาในการดาเนินชีวิตประจาวัน โดยให้
พระสงฆเ์ ปน็ ผู้นาทางจติ ใจเป็นศนู ยก์ ลางของความเคารพ ความศรทั ธาของพุทธศาสนกิ ชน
สอนให้พีน่ ้องไทยพุทธรู้จักบทบาทหน้าท่ขี องชาวพุทธ ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอัน
ดีงาม ตามหลกั คาสอน ทาแต่ความดี ละเว้นความชั่ว นอกจากน้ียงั ใช้วัดเป็นศูนย์รวมของ
ชุมชน เป็นสถานท่ีในการจัดกิจกรรมด้านต่างๆ เช่น พบปะพูดคุย ปรึกษาหารือ ประชุม
ขบั เคลือ่ นการแกป้ ญั หา เพอื่ ให้เกดิ การมีส่วนร่วม เกิดความรกั สามคั คีของคนภายในชุมชน
โดยจะต้องมุ่งเน้นให้ชาวพุทธรู้จัก หน้ำที่ชำวพุทธ ๕ ประกำร “เข้ำวัด ฟังธรรม นำไป
ปฏิบตั ิ(ปฏิบตั ิธรรม) ทำทำนทำบุญ ค้ำจุนพระพทุ ธศำสนำ”
มัสยดิ = ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องศึกษาทาความเข้าใจเกีย่ วกบั ข้อห้าม ขอ้ ควรปฏิบัติ
ในมัสยิดอย่างถูกต้องและถ่องแท้จากผู้นาศาสนา ศึกษาโครงสร้างบทบาทหน้าท่ีของ
คณะกรรมการมัสยิดในแต่ละตาแหน่ง เข้าไปพบปะพูดคุยให้เกิดความไว้วางใจ เพ่ือสร้าง
ความเป็นพวก และเชิญชวนพ่ีน้องไทยมสุ ลิม และกาลังพลที่นับถอื ศาสนาอิสลามเข้าร่วม
ละหมาดท่ีมัสยิดในทุกวันศุกร์ และวันสาคัญทางศาสนา เพื่อให้พ่ีนอ้ งไทยมุสลิมรู้จักหลัก
ศาสนาท่ีถูกต้องตาม หลักปฏิบัติ ๕ หลักศรัทธำ ๖ เป็นมุอ์มินที่ดีขององค์อัลเลำะฮ์
และนาหลักศาสนามาปฏิบัติประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างถูกต้อง โดยใช้กลุ่ม
เครือข่ายมวลชนจัดตั้งของฝ่ายเรา เช่น อิหมา่ ม คอเต็บ บิหล่ัน กลุ่มดาอี เป็นผู้นา เป็นผู้
ชักชวนนาพาพีน่ ้องมุสลิมเขา้ มัสยิด และเปน็ ผู้นาหลกั คาสอนศาสนาทีถ่ ูกตอ้ งมาเผยแผ่โดย
ใช้หลักชุมชนศรัทธา (กาปงตักวา) อีกทัง้ ยังใช้มัสยิดเป็นศูนย์กลางในการปรึกษาหารือใน
ด้านต่างๆ ใช้มัสยิดแหล่งประชุมของคนในชุมชน เป็นแหล่งพบปะพูดคุยกระจายข้อมูล
ขา่ วสารต่างๆ ให้คนภายในชมุ ชนได้รบั รรู้ ับทราบ
หลักปฏิบัติ ๕ ประกำรของศำสนำอิสลำม (อิบำดะห์) หลักปฏิบัติเหล่านี้ เป็นการ
แสดงออกถึงความศรทั ธา เปน็ การยนื ยันถงึ ความศรัทธาวา่ มคี วามม่นั คง หนักแน่น ถ้าไม่มี
การปฏบิ ตั ิ ก็ไมม่ หี ลักฐานท่ีแสดงถึงความศรัทธา เป็นการปฏิบัติภารกิจตอ่ พระเจ้า(อัลลอฮ์)
และต่อเพื่อนมนุษย์ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่มนุษย์เอง มิใช่เพ่ือประโยชน์ของอัลลอฮ์
การปฏิบตั ินนั้ มุสลมิ ทุกคนจะต้องถอื เป็นหน้าที่และเปน็ กิจวตั รอันจะขาดมิได้ซึ่งการปฏิบัติ
นั้นแบง่ ได้ดังนี้
- การปฏญิ าณตน
- การละหมาด
- การจา่ ยซะกาต
- การถอื ศลี อด
- การบาเพญ็ ฮจั น์
หลักศรัทธำ 6 ประกำร หรอื ควำมเช่ือในศำสนำของอิสลำม (อีมำน) หลักศรัทธานี้เป็น
หลักพ้ืนฐานของอิสลามท่ีเราอาจกล่าวได้ว่า เป็นหัวใจสาคัญท่ีจะนาไปสู่เป้าหมายสูงสุด
คือ พระอลั เลาะห์ เพราะถ้าขาดศรัทธาแล้ว การปฏบิ ัตกิ ็ไมเ่ ป็นไปตามแนวทางของพระอัล
เลาะห์ เปรียบเหมือนเรือที่ขาดหางเสือ มีแต่จะถูกกระแสน้า พัดพาไปอย่างเปะปะไร้
ทศิ ทาง หลกั ศรทั ธา ๖ ประการ มีดังนี้
- ศรัทธาต่อพระอลัเลาะห์/ อลั ลอฮ์ (Allah)
- ศรทั ธาในบรรดาเทวทตู หรือ มลาอกิ ะฮ์ ของพระอลั เลาะห์
- ศรัทธาในบรรดาศาสนทูต /บรรดาศาสดาหรือ นบี
- ศรัทธาในบรรดาคัมภีรข์ องพระอลั เลาะห์
- การศรทั ธาในวันสิน้ โลก (วนั กียามะห/์ อาคเิ ราะฮ)์ วนั พิพากษาและศรัทธาในโลกหน้า
- ศรทั ธาในกฎสภาวะของโลก/กฎกาหนดสภาวการณ/์ ศรัทธาในลขิ ิตของพระเจา้
ตำดีกำ = ชป.เสริมสร้างความเข้าใจเข้าไปสกัดกั้นการบ่มเพาะ การเรียนการสอนที่
บิดเบือน การปลูกฝั่งค่านิยมในส่ิงทีผิด และคอยสอดส่องผู้ที่จะเข้ามาทาการบ่มเพาะกับ
เยาวชนในตาดีกา ด้วยการตรวจสอบทาเนียบบุคลากรในตาดีกาว่ามีรายช่ือตรงกันหรือไม่
อกี ทัง้ ชป.เสรมิ สรา้ งความเข้าใจเข้าไปจัดกิจกรรมตา่ งๆ เพ่อื สร้างความคุ้นเคย ลบลา้ งสง่ิ ท่ี
ถูกปลูกฝังมาแบบผิดๆ เข้าไปสอนในส่ิงท่ีถูกต้อง เสริมสร้างความรู้ใหม่ๆ เปิดโลกทัศน์
เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ได้เหน็ ปลกู ฝังเสริมสร้างอุดมการณค์ วามรกั ชาติให้แก่เดก็ นกั เรยี นใน
ตาดี เช่น กิจกรรมเสาธง ๕ นาที, ครูช่วยสอน, กิจกรรมวาดรูประบายสีตามจินตนาการ,
กิจกรรมวาดรูปลงสีธงชาติไทย, เล่าความเป็นมาของธงชาติ, เล่าประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง
ให้มีความรัก ความรู้สึกท่ีดีต่อแผ่นดินเกิด มีความภูมิใจท่ีเกิดเป็นคนไทยแต่ต้องไม่ส่งผล
กระทบต่อการเรียนการสอนของเด็กในตาดีกาตามหลักสูตรที่สานักการศึกษาเอกชน
กาหนด
สภำประชำธิปไตยประจำตำบล = ชป.เสริมสร้างความเข้าใจมีหน้าท่ีเป็นตัวเชื่อมกับ
หน่วยงานทุกภาคส่วนในพ้ืนที่ เปรียบเสมอื นเปน็ ผู้ช่วยเลขาฯ เพราะในโครงสรา้ งของสภา
ประชาธิปไตยประจาตาบลมี ผบ.ร้อยฯ เป็นเลขาฯ ชป.เสริมสร้างความเข้าใจมีหน้าที่ทา
การเชิญชวนชักชวนพี่น้องประชาชน และหน่วยงานต่างๆ เข้ามาร่วมรับฟังนโยบายจาก
ภาครัฐ หรอื เสนอแนะแนวทาง เสนอความคิดเห็นในการแก้ปัญหาในการประชุมขบั เคลอื่ น
สภาประชาธิปไตยประจาตาบล กากับดูแลการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สร้างความเปน็ ประชาธิปไตยให้เกดิ ขึ้น ใหท้ ุกคนมีสิทธ์ิในการออกเสียงแสดงความคิดเห็น
ไดโ้ ดยเท่าเทียมกนั และรวบรวมปญั หา ขอ้ ขัดขอ้ ง หรือการเสนอความตอ้ งการของชาวบา้ น
เพื่อผลักดนั ให้หน่วยงานที่เก่ียวข้อง หนว่ ยงานที่รบั ผิดชอบได้ทาหนา้ ท่ีดาเนนิ การแก้ไขหรือ
สนองความต้องของประชาชน และเกดิ การบรู ณาการในการแกป้ ญั หาร่วมกนั อย่างจรงิ จัง
ร้ำนน้ำชำ = หมั่นเข้าพบปะพูดคุยกับพ่ีน้องประชาชนตามร้านน้าชา เพ่ือรู้จักสร้าง
ความคุ้นเคย พัฒนาสัมพันธ์ ลดความหวาดระแวง สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
สรา้ งความเป็นมติ ร ด้วยการแสวงประโยชน์ใช้รา้ นน้าชาเป็นสถานที่หาข่าว เก็บข้อมลู ความ
คดิ เห็นของคนในชุมชน และเป็นแหลง่ กระจายขา่ วสารดา้ นต่างๆ ใหพ้ น่ี ้องประชาชนไดร้ ับรู้
รับทราบ อีกท้ังยังสามารถใช้ร้านน้าชาเป็นเวทีสาธารณะคุยหารือกันได้ทุกเรื่อง และ
สอดแทรกนโยบายการแก้ปัญหาของภาครัฐเล่าเรื่องกระบวนการพูดคุยเพ่ือสันติสุขให้
ประชาชนได้รับรู้รับทราบถึงข้อดีของการพูดคยุ โดยสันติวิธีไมใ่ ช้ความรุนแรงเป็นทางออก
และเข้าใจถงึ วิธนี โยบายการแกไ้ ขปัญหาในจงั หวัดชายแดนใต้ของภาครฐั ได้ดียง่ิ ข้ึน
ขอ้ ส่งั กำร/เน้นย้ำ
ห้ำมตำย = ชป.เสรมิ สร้างความเข้าใจตอ้ งไม่ประมาทในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี ต้องตระหนักอยู่
ตลอดเวลาว่าแท้จริงแล้วพ้ืนที่น้ีเป็นพื้นท่ีแห่งการรบ เป็นพ้ืนที่แห่งการช่วงชิงมวลชน
(สงครามมวลชน) เป็นสนามรบท่ีสรา้ งใหเ้ กดิ ความเชอื่ ใจ ความมัน่ ใจ ความปลอดภยั ในชวี ิต
และทรพั ยส์ ินของพน่ี อ้ งประชาชนในพื้นที่ว่าเจ้าหน้ารัฐสามารถดูแลได้ เราตอ้ งพึงระลึกอยู่
เสมอว่ามีฝ่ายตรงข้ามคอยจ้องหาจังหวะและโอกาสที่จะทาร้ายเราอยู่ตลอดเวลาในทุก
รูปแบบ ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ (เป้ำหมำยชดั โอกำสมี ทำงหนีพร้อม) ถา้ หากว่าฝ่ายเรา
เกิดการเพล่ยี งพล้าไดร้ ับความเสียหาย เกิดการสญู เสีย จะสง่ ผลกระทบตอ่ สภาพจติ ใจของ
พ่ีน้องประชาชนส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังน้ัน
ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ควรหลกี เลี่ยงพื้นทเ่ี ส่ียง
พ้ืนที่ที่ฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบสามารถปฏิบัติต่อฝ่ายเราได้ พื้นท่ีท่ีกาหนดให้เป็นสนามรบ
ตามแบบของยุทธวิธีของฝ่ายตรงข้าม เช่น บนถนน เส้นทางท่ีมีทางเข้าออกเพียงแค่ทาง
เดยี ว หรือการไม่ชานาญพื้นท่ีฯลฯ ให้กาลังพลคานึงถึงหลักการเคลือ่ นย้ายทางยุทธวิธีเป็น
หลักในการปฏิบตั ิในแต่ละภารกจิ ถ้าหากปฏิบัติข้อนี้ไม่ได้ ปฏบิ ัติไม่สาเร็จ ชป.เสริมสร้าง
ความเข้าใจก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติภารกจิ ข้ออน่ื ๆ ตอ่ ไปได้
อยแู่ ละทำเพือ่ ผู้อน่ื อย่ำงมีควำมสุข = ชป.เสรมิ สร้างความเข้าใจต้องเป็นคนดี ประพฤตติ น
เปน็ แบบอยา่ งทีด่ ี มภี าพลกั ษณท์ ีด่ ี มคี วามเปน็ มนษุ ย์ท่สี มบูรณ์ มีความม่งุ ม่นั ทจ่ี ะแก้ปญั หา
และช่วยเหลืออย่างเต็มใจ มีอุดมการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง เป็นผู้ให้โดยท่ีไม่
หวงั ผลตอบแทน ใหด้ ้วยความรัก ใหด้ ว้ ยความดี ใหค้ วามจรงิ แกพ่ ่นี ้องประชาชน
ไมส่ ร้ำงเงื่อนไข = การขับเคล่ือน “ยุทธศาสตร์คนดี” ให้ใช้หลกั ศาสนามาเปน็ ตัวตง้ั ในการ
ปฏิบตั ิตน ไม่ทาความช่ัว ประพฤติแต่ความดี ชป.เสริมสร้างความเขา้ ใจควรหมั่นศึกษาหา
ขอ้ มูลความเป็นอยู่ ศึกษาวิถีชีวิต ในด้านเอกลกั ษณ์ อัตลักษณ์ ภาษา วัฒนธรรมประเพณี
ทอ้ งถิ่นต่างๆ จะได้นาไปประยุกตใ์ ช้ในวิธกี ารปฏิบตั ิตนเก่ียวกับประชาชนในพื้นที่ ตามแต่
ละท้องถ่นิ ในแต่ละท่ใี ห้เข้าใจและชดั เจนเพ่อื ป้องกันไม่ให้เกดิ การสรา้ งเง่ือนไข สิ่งทฝี่ ่ายตรง
ขา้ มใช้ในการโจมตกี ล่าวหาการปฏบิ ัติงานของ จนท.รัฐ มีอยู่ด้วยกันหลักๆ ๔ ประการดังนี้
๑) จนท.รัฐ สร้ำงเงื่อนไข ๒) จนท.รัฐ เผด็จกำร ไม่เป็นประชำธิปไตย ๓) จนท.รัฐ
ละเมดิ สิทธิมนุษยชน กำรบังคับใช้กฎหมำยท่ีเลอื กปฏิบัติ ๔) ไม่มคี วำมยุติธรรม ชป.
เสรมิ สร้างความเขา้ ใจตอ้ งทางานย้อนแย้งข้อกล่าวหาของฝา่ ยตรงข้าม ต้องเข้าไปสรา้ งการ
รับรู้ นาความจรงิ ไปสรา้ งความเขา้ ใจใหแ้ กพ่ ่นี ้องประชาชน
ทำงำนร่วมกับทุกภำคส่วนได้ = ชป.เสริมสร้างความเข้าใจเปน็ ชุดเฉพาะกิจทจ่ี ัดตั้งอยู่ใน
หน่วยเฉพาะกจิ ต่างๆ เป็นหน่วยงานชัว่ คราวท่ีถูกออกแบบมาเพ่ือปฏิบัติหนา้ ท่ีในสภาวะที่
บ้านเมืองเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เกิดการก่อเหตุความไม่สงบจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีในพื้นท่ี
จังหวัดชายแดนใต้ ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องเข้าไปทาความรู้จักกับผู้นาทุกกลุ่ม ทุก
องค์กร ทุกภาคส่วน สรา้ งเครอื ข่ายองคก์ ร และสามารถประสานความร่วมมือในการปฏิบัติ
ดา้ นตา่ งๆ ให้เปน็ ไปด้วยความเรียบร้อย ด้วยความสมัครใจ และความจรงิ ใจในการรว่ มกัน
แก้ปัญหาของทุกภาคส่วน ดังน้ันเมื่อบ้านเมืองเกิดความสงบเป็นปกติสุข ชป.เสริมสร้าง
ความเข้าใจ หรือหน่วยงานที่มาจากนอกพื้นท่ีต้องส่งมอบหน้าที่รับผิดชอบภารกิจต่างๆ
กลบั คืนให้กับหน่วยงานที่อยู่ประจาถิ่น (ประชาชน พลเรือน ตารวจ ทหาร) โดยม่งุ เน้นไปท่ี
การประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ
แก้ปัญหา และพร้อมท่ีจะรับช่วงต่อในสภาวะท่ีบ้านเมืองกลับสู่ความปกติสุข ให้เข้ามามี
ส่วนรว่ มในการสร้างสนั ติสขุ อย่างยั่งยนื ในพ้นื ทจ่ี งั หวดั ชายแดนใตต้ ่อไป
ข้อพงึ ระวงั ในกำรปฏิบัติหน้ำท่ี
- ชป.เสริมสร้างความเข้าใจตอ้ งรูจ้ ักพ้ืนท่ีรับผิดชอบ พื้นทีป่ ฏิบตั ิการของตนเองเป็นอย่างดี
และมคี วามรอบรู้สามารถกาหนดพน้ื ท่ีเปน็ ยุทศาสตร์การปฏิบัตไิ ด้ (IPB/CPB)
- ชป.เสริมสรา้ งความเข้าใจตอ้ งศึกษา สบื สภาพทางสังคม วถิ ชี ีวติ ขนบธรรมเนยี มประเพณี
วฒั นธรรม ภาษา และศาสนาในพนื้ ที่ใหถ้ ่องแท้จะไดไ้ มเ่ กิดเงือ่ นไข
- ชป.เสริมสร้างความเข้าใจต้องชแ้ี จงการปฏบิ ตั ิ ซกั ซอ้ มแผนเผชิญเหตกุ อ่ นออกปฏบิ ตั ิ
และสรปุ ผลหลงั การปฏบิ ตั ทิ กุ ครงั้ เพือ่ จะไดน้ าขอ้ มูลมาวิเคราะห์ไดถ้ กู ตอ้ ง
- ในทุกๆ การปฏบิ ตั ติ อ้ งเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย มีความยุตธิ รรม และไม่ละเมดิ หลัก
สิทธมิ นษุ ยชน
- ถา้ หากไม่สามารถหลกี เล่ยี งการปะทะได้ ให้ปฏิบัติตามกฎการปะทะตามแบบสากล
- ควรหลีกเล่ยี งการพกพาอาวุธเขา้ ไปในศาสนสถาน, สถานศึกษาทกุ ระดับชั้น หรือสถานที่
ตอ้ งห้ามต่างๆ
- พึงระลกึ อยเู่ สมอวา่ พนื้ ทแ่ี ห่งนเ้ี ป็นพื้นท่ีแห่งการชว่ งชงิ (สงครามมวลชน)
- ไมร่ กั ในสงิ่ ที่เขาเกลียด ไมเ่ กลยี ดในสงิ่ ทีเ่ ขารกั
- ไมส่ ร้างเงอ่ื นไขทุกกรณี
แนวทำงปฏิบตั ิรำชกำรสนำมของกองทพั บก (บญั ญัติ ๑๐ ประกำร)
๑. ไม่ทาตวั เป็นนายประชาชน ปฏิบตั ิตอ่ เขาด้วยความสุภาพอ่อนโยน
๒. ไม่เบยี ดเบียนประชาชน
๓. ไม่ประพฤติผดิ ลูกเมียผู้อืน่
๔. ไมด่ ่ืมสุราในขณะปฏิบัตหิ นา้ ท่โี ดยเด็ดขาด
๕. ไม่ลแุ กอ่ านาจ ละเมิดกฎหมาย ไมก่ ระทาการนอกเหนือจากหน้าที่
๖. ไมใ่ ช้วาจาหยาบคาย ดูถกู เหยียดหยามประชาชน
๗. ไม่ละเลยการช่วยเหลือเอ้อื เฟ้ือประชาชน
๘. ไม่ละเลยคณุ ธรรม
๙. ไม่ละเมดิ ประเพณี ความเชือ่ ทางศาสนา และสิง่ ที่ประชาชนเคารพนบั ถอื
๑๐. ไม่เลอื กปฏบิ ัติตอ่ เชอ้ื ชาติ และเผ่าพันธ์ุต้องคานึงถงึ ศักดิศ์ รคี วามเปน็ มนุษย์
ขอ้ เตือนใจสำหรับผู้บังคับบญั ชำในทุกระดับ
๑. การต่อสู้จะตอ้ งดาเนินการ ๒ แนวทาง คือ การเอาชนะทางความคิดควบคกู่ นั ไปกับการ
เอาชนะทางยทุ ธวิธีโดยใชแ้ นวยทุ ธศาสตร์การเมอื งนาการทหาร
๒. ตอ้ งทาลายความคิดทผ่ี ิด มิใชท่ าลายคนคิดผิด ถ้าเอาชนะทางความคิดไม่ไดเ้ ราจะไมม่ ี
วันชนะ
๓. ผบู้ ังคบั บญั ชาตอ้ งประพฤตติ นเป็นตวั อยา่ งทีด่ ีแก่ผ้ใู ต้บังคับบญั ชา และต้องหมั่นอบรม
สง่ั สอนให้ผใู้ ตบ้ งั คับบญั ชาประพฤติตนที่ดเี ช่นเดียวกนั
๔. หมั่นศกึ ษาหาความร้เู พ่ิมเตมิ และศึกษาบทเรียนในการปฏบิ ัตอิ ย่างสมา่ เสมอ
๕. ผนู้ าที่ดีต้องปฏิบตั ภิ ารกจิ ใหส้ าเรจ็ และดแู ลทกุ ข์สุขของกาลงั พลในลักษณะการรว่ ม
ทุกข์ร่วมสขุ
ขอ้ ห้ำมเดด็ ขำดของ กอ.รมน.ภำค ๔ สน.
๑. ห้ามทาผิดวนิ ัย และขัดคาสง่ั
๒. หา้ มดืม่ เหลา้ ของมึนเมา เสพยาเสพติดเด็ดขาด
๓. ห้ามเอาทรัพย์สินของผอู้ ืน่ มาเป็นของตน
๔. ห้ามทาสิ่งของผอู้ ื่นเสยี หาย
๕. หา้ มทาร้ายผู้อ่ืนทง้ั ทางรา่ งกาย และจิตใจ
๖. หา้ มดูถกู เหยยี ดหยาม ด่าผูอ้ ่นื
๗. หา้ มลวนลามผหู้ ญิง แมก้ ระท่ังสายตา และวาจา
๘. ห้ามเปดิ เผยความลบั หรอื แพรข่ า่ วลอื
๙. ไม่สร้างเง่อื นไขทุกชนดิ
ขอ้ พึงปฏิบัติของ กอ.รมน.ภำค ๔ สน.
๑. เชอ่ื ฟังคาส่ัง ปฏิบัติตามนโยบายผู้บังคบั บัญชา
๒. ต้องอดทน อดกล้ัน ต่อการยั่วยุทุกอยา่ ง
๓. เรียนรู้จนเข้าใจปัญหา ปฏิบัติการเพื่อเอาชนะทางความคิด
๔. ต้องเป็นธรรม และรกั ษาความเปน็ ธรรม
๕. พบปะประชาชน ตอ้ งยิ้มแย้มแจ่มใส สภุ าพอ่อนโยน
๖. ยืมของตอ้ งคนื ทาของเสยี หายต้องชดใช้
๗. ซือ้ ขายตอ้ งยุติธรรม
๘. กระตอื รือร้นให้การชว่ ยเหลือประชาชนทกุ โอกาส
๙. ปฏบิ ัตกิ ารด้วยความระมดั ระวัง ขจดั ความหวาดระแวง
๑๐. สร้างความสัมพันธ์ท่ีดีต่อประชาชน
๑๑. การปฏิบัติงานในจงั หวัดชายแดนภาคใต้ จะตอ้ งเข้าไปนง่ั อยู่ในหัวใจของประชาชนให้ได้
มำตรกำรเพม่ิ เตมิ ขอ้ ห้ำม ขอ้ เตอื นใจ ข้อพึงปฏบิ ัติ
๑. เม่ือกาลังพลจะพกพาอาวุธไปในเขตชมุ ชนเมือง หรอื สถานท่ีสาธารณะจะตอ้ งแตง่ กาย
เคร่ืองแบบ และพกอาวธุ ใหม้ ิดชิด ไมท่ าใหป้ ระชาชนท่พี บเหน็ ตืน่ ตระหนก
๒. หา้ มแว่นตาดา หรอื แว่นกันแดดเขา้ ไปในชุมชนเมือง หรือสถานท่ีสาธารณะประพฤติ
ปฏิบัตติ ัวให้เปน็ ท่ีสงสยั ก่อให้เกิดความหวาดระแวงจากประชาชนในพ้ืนที่
๓. การตรวจตามจุดตรวจ และดา่ นตรวจจะต้องพดู จาให้สุภาพไพเราะตอ่ ผรู้ ับการตรวจ
และตรวจค้นจะตอ้ งปฏิบตั ิด้วยความนุ่มนวลละม่นุ ละม่อม กาแสดงออกต่อผู้รบั การตรวจ
ใหเ้ สมือนปฏบิ ตั ติ อ่ ญาติสนทิ
๔. หา้ มกาลงั พลทุกนาย ประพฤติปฏิบัตติ ัวไปในด้านชสู้ าวโดยเด็ดขาดหากเกดิ เหตุการณ์ที่
หน่วยใด จะลงโทษต้งั แต่ผูป้ ระพฤติ จนถึงผ้บู งั คับบัญชาตามลาดับชัน้ ๒ ระดบั โดยจะ
ลงโทษทางวินยั และสง่ ตวั กลับหน่วยตน้ สังกดั โดยไม่มกี ารสอบสวน เช่น ถา้ หากนายทหาร
ประทวนประพฤติ จะลงโทษกาลังพลผ้นู ้ันรวมทง้ั ลงโทษ ผบ.มว. และ ผบ.รอ้ ย ของกาลัง
พลผู้น้ัน ทง้ั ทางวินยั และส่งตัวกลับหน่วยต้นสงั กัด โดยไม่มีการสอบสวนเปน็ ต้น เพราะถือ
วา่ เป็นการฝา่ ฝนื และขัดคาสั่งอย่างรา้ ยแรง
“ทกุ ควำมผดิ พลำดของฝ่ำยเรำ คอื หนทำงแห่งชยั ชนะของฝำ่ ยตรงขำ้ ม”